เสียงสวดมนต์ภาษาจีนที่ถูกเปิดจากยูทูป พร้อมขยายเสียงด้วยลำโพงบลูทูธดังไปทั่วบริเวณบ้าน ขณะหลานชายคนโตของตระกูลกำลังเดินปักธูปให้ครบทั้งแปดทิศตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมา
“ขอให้เจอคู่ฟ้าประทานในเร็ววันด้วยนะครับ” กันต์เอ่ยอธิษฐานก่อนปักธูปลงบนดินตามที่อาม่าของตนย้ำนักย้ำหนาเสร็จแล้วจึงเดินไปปักทิศที่เหลืออย่างไม่ได้ใส่ใจว่าในขณะนี้ควันธูปที่ปักจะลอยคละคลุ้งไปทั่วบ้าน จนแทบจะเป็นวัดเข้าไปทุกที ไม่ใช่อะไรหรอก เขาชินแล้ว วันแบบนี้ไม่ได้เพิ่งจะมีปีแรก แต่มันเกิดขึ้นทุกปีในวันเกิดของอาม่า
เมื่อปักจนครบ กันต์จึงหันซ้ายหันขวาพบว่าคนในบ้านตอนนี้กำลังวิ่งวุ่นวายกันอยู่ นี่แหละโอกาสที่ดีที่เขาจะได้หนีออกไปจากที่นี่ก่อนอาม่าจะจับเขาไปทำอะไรแปลกๆอีก ไวเท่าความคิดเขาจึงรีบเดินตรงดิ่งไปยังรถของตน ที่อาม่าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อน
อีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น ไอ้กันต์คนนี้กำลังจะหนีสำเร็จ!
“อากันต์! ลื้อปักธูปครบทุกทิศแล้วรึยัง” หญิงชราวัยเจ็ดสิบตะโกนถามหลานชายที่เดินผ่านหน้าตนไป ก่อนยกไม้เท้าขึ้นมาขวางไว้เมื่อเขาทำท่าจะเดินหนี
กันต์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนหันไปมองอาม่าตนแบบเอือมๆ ใจอยากจะวิ่งออกจากบ้านไปเสียตอนนี้ อีกก้าวเดียวจะถึงประตูรถแล้วแท้ๆ อาม่าก็ชั่งหูตาไวเสียเหลือเกิน
“ครบแล้วครับม่าแปดทิศพอดี ไม่ขาดไม่เกินคร้าบ”
“แล้วลื้อได้อธิษฐานตอนปักทิศตะวันออกเฉียงเหนือหรือเปล่า”
“อธิษฐานแล้วครับม่า” กันต์โอดครวญเมื่ออาม่าถามย้ำ จะไม่ให้บ่นได้อย่างไรในเมื่อตั้งแต่เหยียบบ้านมา อาม่าก็เอาแต่พูดเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่าสามรอบ
ว่ากันว่าทิศนี้เป็นทิศที่เสริมดวงพลังงานด้านความรัก ด้วยเหตุนั้นอาม่าจึงย้ำนักย้ำหนา ทิศอื่นจะให้ใครปักก็ได้อาม่าไม่ถือทั้งนั้น แต่ทิศนี้ต้องเป็นกันต์ หลานชายคนโตของอาม่าเพียงคนเดียว
“ดี แล้วลื้ออย่าคิดหนีนะ ถ้าอาซินแสมาเเล้วลื้อไม่อยู่ อั๊วจะไม่ให้แต๊ะเอียลื้อ”
หญิงชราเอ่ยคาดโทษหลานชาย ก่อนเดินเข้าไปในบ้านเพื่อดูความเรียบร้อยส่วนอื่น ทิ้งคนโดนเอ็ดยืนหน้าหงิกหน้างอ แม้จะไม่สบอารมณ์แต่กันต์ก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องจำใจเดินตามอาม่าเข้าไปในบ้านอย่างช่วยไม่ได้
เอาวะ เพื่อแต๊ะเอียทนอีกนิดจะเป็นไรไป
เสียงสวดมนต์ในขณะนี้ถูกแทนที่ด้วยเสียงเคาะระฆังไม้แบบจีน พร้อมชายหนวดเครารุงรังรังในชุดซินแสเต็มยศที่เดินเคาะระฆังที่ว่าตามจังหวะที่ก้าวเดิน ด้านหลังมีป๊าและแม่ที่เดินตามด้วยแววตาอันศรัทธายิ่ง หันมามองอาม่าที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ตอนนี้ลงไปนั่งบนพื้นยิ้มแฉ่งรอต้อนรับซินแสเป็นที่เรียบร้อย หันไปมองญาติคนอื่นก็ลงไปนั่งแบบเดียวกันกับอาม่า เขาจึงต้องไหลตามน้ำไปด้วย
“คนเยอะดีนะ” ซินแสนั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ ก่อนยกน้ำชาที่วางอยู่มาจิบด้วยท่าทางอารมณ์ดี ผิดกับกันต์ที่นั่งทุบขาตัวเองเพราะเริ่มรู้สึกถึงอาการเหน็บชา บางทีเขาก็สงสัยว่าทำไมไม่นั่งกันบนเก้าอี้แล้วคุยกันดีๆ แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น เพราะหากถามคงโดนอาม่าบิดหูชาข้อหาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีกนั่นแหละ
พิธีผ่านไปอย่างอลังการ ซินแสที่อาม่าเชิญมาเล่นเดินพรมน้ำมนต์ทั่วบ้านยิ่งกว่าพระ จนสภาพทุกคนตอนนี้ไม่ต่างจากเพิ่งไปเล่นน้ำกันมา ต่อด้วยการจุดธูปร้อยเก้าดอกบูชาฟ้าดิน แต่ถึงอย่างนั้นแววตาทุกคนก็เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาไม่เปลี่ยน ยกเว้นกันต์ที่นั่งถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนโดนอาม่าหันมาดุไปหลายรอบ
“อาหลานชายคนโต มานี่หน่อย” ซินแสกวักมือกับอากาศขณะที่กันต์ยังคงนั่งนิ่ง จนอาม่าต้องหันมามองตาเขียวเขาจึงจำใจคลานไปหา
“คนนี้ใช่มั้ยอากิม ที่ลื้ออยากให้ดูเรื่องเนื้อคู่”
“ใช่ คนนี้แหละอาซินแส”
ตาแก่หนวดยาวที่เรียกตัวเองว่าซินแสพยักหน้ารับ ก่อนหันมามองใบหน้าของกันต์อย่างพิจารณานานนับหลายนาที ขณะที่คนในบ้านก็นั่งลุ้นไปตามๆกัน
“ดวงความรักช่วงนี้เหมือนจะกำลังมานะ ไหนเอามือมาดูหน่อย”
“…”
“อากันต์!” เมื่อเห็นว่ากันต์นั่งนิ่ง อาม่าก็สะกิดยิกๆ จนต้องยอมยื่นมือไปให้ซินแสดูตัดรำคาญ เขาจับฝ่ามือกันต์พลิกไปพลิกมาอยู่หลายครั้งพร้อมทั้งทำหน้าเหมือนคิดหนักอะไรสักอย่างจนกันต์รู้สึกสงสัยตามไปด้วย
“อากิม ดวงหลานลื้อไม่นานก็จะเจอคู่ฟ้าประทานแล้วนะ”
“จริงหรออาซินแส”
“จริงสิ อาคนนี้จะทำให้หลานลื้อมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยล่ะ”
“แล้วจะไปหาอีจากไหนล่ะอาซินแส”
“เมื่อถึงเวลา อีจะเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตหลานชายลื้อเอง อากิม” สิ้นสุดคำพูดของซินแส ญาติทุกคนโดยเฉพาะอาม่าต่างยิ้มด้วยความดีใจ บ้างก็หันไปพยักหน้าให้กันบรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น ทุกคนต่างเอ่ยยินดีกับกันต์ ขณะที่เขาไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไรมากนัก
“ดี ดี ลื้อต้องหาอีให้เจอนะอากันต์” อาม่าวางมือลงบนบ่ากว้างของหลานชายก่อนตบเบาๆ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นไปตามวัยยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่หลานชายจะได้เจอคู่ชีวิตที่ดีอย่างที่ซินแสบอก ก่อนภาพรอยยิ้มนั้นจะค่อยๆหายไปกับอากาศจนเหลือเพียงเสียงของอาม่าที่ยังคงย้ำเตือนอยู่
“ลื้อต้องหาอีให้เจอนะอากันต์”
“ต้องหาอีให้เจอ”
เสียงของอาม่าดังก้องในหูของกันต์ ก่อนร่างสูงจะสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความตกใจ เขาหอบหายใจถี่ราวกับคนเพิ่งวิ่งมาราธอนมาหลายร้อยกิโล กันต์ใช้เวลาตัังสติอยู่ครู่ใหญ่ยกฝ่ามือขึ้นปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาจากใบหน้าแม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ เมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงหันไปมองนาฬิกาก่อนพบว่าขณะนี้เป็นเวลาตีสี่ตรง
เขาฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว..
กันต์หันไปมองกรอบรูปอาม่าที่อยู่บนหัวเตียง หญิงชราที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มผู้เป็นโลกทั้งใบของกันต์ เขาจ้องมันอยู่นานด้วยความรู้สึกหน่วงในอกก่อนจะหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ
“อาม่าคิดถึงกันต์ใช่มั้ย” แม้ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ หากแต่ภายในใจของเขารู้ดีว่าอาม่ายังไม่ได้ไปไหน แต่ยังคงตามเป็นห่วงหลานชายคนโตอยู่เสมอ
กันต์พลิกตัวไปมาด้วยความกระสับกระส่ายเขาพยายามข่มตาลงเพื่อจะได้นอนต่ออีกสักนิด แต่ดูเหมือนว่าร่างกายจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่นัก ลืมตาขึ้นมามองนาฬิกาอีกครั้งจึงพบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสี่ครึ่ง แม่น่าจะตระเตรียมของอยู่ในครัว ในเมื่อนอนไม่หลับงั้นก็ลงไปช่วยแม่ข้างล่างแล้วกัน
คิดได้อย่างนั้นเขาจึงลุกขึ้นจากที่นอน ควานหาปุ่มสวิทช์ไฟในความมืด เมื่อเปิดไฟจนสว่างไปทั้งห้องแล้วก็ใช้เวลาไม่นานในการชำระร่างกายและเเต่งตัว เสร็จแล้วจึงเดินลงไปข้างล่าง
“อ้าวกันต์ ตื่นมาทำไมลูก” แม่หันมาถามขณะกำลังยืนล้างผลไม้สำหรับเตรียมไว้ไหว้อาม่าในช่วงเช้า ขณะที่ญาติที่เหลือก็กำลังช่วยเตรียมของส่วนอื่นอย่างขะมักเขม้น
“ผมอยากลงมาช่วยครับ” กันต์ระบายยิ้มออกมา วันครบรอบการจากไปของอาม่าจะขาดหลานชายคนโตอย่างกันต์ได้อย่างไร
หลังจากเตรียมของเสร็จ ใช้เวลาอยู่ครู่นึงในการยกอาหารคาวหวาน รวมไปถึงผลไม้ต่างๆที่เตรียมไว้มาวางไว้บนโต๊ะใหญ่กลางบ้าน โดยมีป๊าลูกชายคนโตของตระกูลที่คอยจัดการพิธีทุกอย่างจนผ่านไปได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ
กันต์ยืนมองรูปอาม่าที่ถูกวางไว้กลางบ้าน ขณะคนอื่นๆ กำลังวุ่นวายในการกินมื้อใหญ่พร้อมหน้าพร้อมตากัน บ้างก็ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบตามประสาพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันมานาน พลางคิดในใจว่าหากอาม่ายังอยู่เสียงหัวเราะของอาม่าต้องดังกว่าใครๆเป็นแน่
“ไงลูกชาย คิดอะไรอยู่” ป๊าเดินมากอดคอลูกชายคนเดียวของตัวเองอย่างสนิทสนม เมื่อเห็นว่าลูกชายยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เสร็จพิธี
“ป๊า เมื่อคืนผมฝันถึงอาม่าด้วยนะครับ”
“หรอ ฝันว่าอะไรล่ะ”
“ฝันถึงตอนวันเกิดอาม่า ที่ซินแสทักเรื่องคู่ของผม” คำตอบของกันต์ไม่ได้ทำให้ผู้เป็นพ่อแปลกใจมากนัก ซ้ำยังพยักหน้าเข้าใจในทุกอย่าง เขารู้ดีว่าม้าของตนห่วงหลานชายมากเพียงใด เพราะก่อนที่ม้าจะหมดลมหายใจไป มักพูดถึงแต่เรื่องของกันต์อยู่บ่อยครั้ง ม้าอยากให้หลานชายได้เจอกับคนที่ดีคนนั้น
“อาม่าคงอยากเห็นแกมีความรักกับเขาสักทีน่ะสิ”
“โถ่ ป๊าก็เชื่อซินแสนั่นไปอีกคนหรอ”
“ครั้งนึงกันต์ก็เคยเชื่อไม่ใช่หรอ”
“…”
“เอาเป็นว่าคอยดูต่อไปแล้วกัน” ป๊าพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนผลักหัวลูกชายหัวรั้นของตัวเอง แล้วเดินไปสมทบกับบรรดาพี่น้องของตน ปล่อยลูกชายให้ยืนจมกับความคิดคนเดียวอีกครั้ง คู่ฟ้าประทาน คนที่จะทำให้มีความสุขไปทั้งชีวิต กันต์หันกลับไปมองครอบครัวของตนที่กำลังเฮฮากับอาหารมื้อใหญ่
เรื่องบางอย่างแม้จะมีตัวอย่างให้เห็น แต่ก็ใช่ว่าเราจะทำได้อย่างตัวอย่างนั้น
เช่นเดียวกับกันต์ แม้เขาจะมีครอบครัวที่อบอุ่น ป๊ากับแม่รักใคร่กันดี แต่ก็ใช่ว่ากันต์จะต้องได้เจอกับความรักที่ดีอย่างป๊ากับแม่เสมอไป เห็นได้จากตลอดชีวิตยี่กว่าปีที่ผ่านมา การที่เขาไม่เคยสมหวังในรักเลยสักครั้งมันก็เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ที่ตอกย้ำว่าเขานี่แหละ ผู้ล้มเหลวด้านความรัก หากเปรียบเป็นกีฬาเขาก็คือผู้ครอบครองเหรียญทองดีๆนี่เอง
ความคิดเห็น