The way of love - นิยาย The way of love : Dek-D.com - Writer
×

    The way of love

    โชคชะตาเล่นตลกพาเธอมาพบใครบางคนบนเส้นทางรักแห่งนี้ ใครบางคนอยู่ไกลเกินไขว่คว้า หรือใครบางคนที่เธออาลัย และใครบางคนที่แสนดี เธอจะทำฉันใดกับเส้นทางรักอันวกวน

    ผู้เข้าชมรวม

    57

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    57

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  13 ก.ค. 56 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ 1

    การจราจรกำลังคับคั่ง...ยวดยานพานะบนพื้นผิวถนนยังคงติดสี่แยกไฟแดงใจกลางมหานคร

    ช่วงเวลาที่ต่างคนต่างเร่งรีบออกไปทำกิจวัตรประจำวัน แม้จะมีผู้คนยืนเบียดเสียดกันภายในรถประจำทางปรับอากาศซึ่งค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าๆ ตามรถคันหน้าไปทีละนิดที่ติดกันเป็นหางว่าว ทว่าหญิงสาวที่นั่งชิดริมหน้าต่างด้านหลังกำลังทอดสายตาผ่านกระจกไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินจูงมือคุยกันบนฟุทปาธ ด้วยรอยยิ้มหวานชื่นราวกับว่าโลกนี้มีเขาและเธอเพียงสองคนท่ามกลางฝูงชนแน่นขนัดที่เดินสวนกันไปมา

    วูบหนึ่ง...ความทรงจำที่จางหายไป เริ่มปรากฏภาพฝันแห่งวันวานอันอิ่มเอมใจกับใครคนหนึ่ง แม้ว่ามันจะล่มสลายไม่ถึงฝั่งฝันก็ตาม แต่เธอก็ยังเก็บความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันไว้ตลอด

    เสียงของพนักงานเก็บค่าโดยสารดังแทรกเข้ามาในห้วงคำนึง ปลุกเธอตื่นจากภวังค์แห่งวันวาร เพื่อสู่โลกแห่งความจริงยังจุดหมายปลายทาง พอก้มดูนาฬิกาข้อมือ...ก็จะรู้ว่าเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน

    พอลงจากรถหน้าปากซอย ทันทีที่ซ้อนท้าย นักซิ่งหนุ่มเจ้าประจำก็บิดซิกแซกพาลัดเลาะตามทางแคบๆ คลาคล่ำด้วยรถยนต์กำลังสวนทางกันจ้าละหวั่น ผู้คนเดินพลุกพล่านบนไหล่ทาง สองฟากฝั่งมีตึกแถวเรียงรายตลอดแนว ไม่เกินสิบนาทีก็ถึงหน้าสำนักงานเป็นอาคารสูง รูปทรงทันสมัยหรูหรา

    ภายนอกดูเงางามด้วยแผ่นผนังกระจกติดฟิล์มกันแสง

    รอด้วยค่ะ

    ก่อนที่ลิฟต์จะปิดลง เธอเร่งฝีเท้าไปถึงหน้าลิฟต์ และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเธอสะดุดเท้าตัวเองถลาเข้าไปในลิฟต์ปะทะแผ่นอกกว้าง ที่ยื่นแขนมารับร่างเธอไว้ก่อนที่จะล้มลงไปที่พื้น

    ขอบคุณค่ะ

    เสียงกระหืดกระหอบกล่าวพร้อมกับผละออกจากร่างนั้น ทั้งที่ไม่ทันมองหน้าด้วยซ้ำ แต่กลิ่นโคโลญจน์ของเค้าก็ยังติดจมูกเธออยู่

    ...ท่าทางเปิ่น ๆ ของเธอทำให้เขาอดอมยิ้มไม่ได้ ...

    ประตูลิฟต์ปิดลง...

    เขากดหมายเลขปลายทางพลางหันหน้ามาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ชั้นไหน

    ครั้งแรกที่สบตากันอย่างไม่ตั้งใจ...ใบหน้าหล่อคมเข้มสะดุดตาปรากฏอยู่เบื้องหน้า นานๆ ทีจะมีคนหน้าตาดีหลุดเข้ามาเป็นอาหารตา คิดแล้วก็อดนึกขำตัวเองไม่ได้ที่แอบชื่มชมเขาอยู่ในใจ

    ชั้นเดียวกับคุณแหละค่ะ เธอยิ้มแทนการ ขอบคุณ

    สายตาของเขาเริ่มมองตัวเลขกำลังเลื่อนไปเรื่อยๆ...

    จังหวะนี้เอง..เขาคงไม่ทันรู้ตัวหรอกว่า...เธอใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการแอบลอบชำเลือง...

    ...บุคลิกโดดเด่นน่าประทับใจ ผมหยักศกนิดๆ ตัดสั้นเข้าทรงรับกับวงหน้า คิ้วเข้มเหนือดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูป ร่างสูงโปร่งสง่างาม สวมสูทดำคลุมไว้เผยให้เห็นเชิ้ตเทาอ่อนตัวใน คาดเข็มขัดทับยีนดำสีเดียวกับรองเท้าหนัง ถึงผิวจะไม่ขาวนักทว่าละเอียดลออชวนมอง ยืนเงียบขรึมราวกับประติมากรรมชิ้นเอก นี่หรือเปล่าหนอที่เขาเรียกว่า...หล่อขั้นเทพ...เธอได้แต่รำพึงในใจ

    สัญชาตญาณของคนถูกมอง บอกให้รู้ทันทีว่ากำลังถูกลอบสำรวจอยู่ ทำให้นึกสนุกอยากตอบโต้บ้าง จึงแกล้งสบตาเธอซะอย่างนั้น ได้ผลแฮะ...ตาต่อตาประสานกัน เธอรีบก้มหน้าหลุบเปลือกตามองพื้น...แก้มเนียนเริ่มแดงระเรื่อ

    อืม....สาวออฟฟิศคนนี้ วงหน้าเนียนผุดผาดรับกับเทรนด์สีผมยอดนิยมที่ซอยสไลต์ไล่เป็นริ้วลงมายาวถึงต้นคอระหง ผิวพรรณนวลผ่องยองใย ร่างบอบบางกลมกลึง ยังคงยืนนิ่งไม่กล้าสบตา

    ทันที่ที่ประตูลิฟต์เปิด...

    ความสะเทิ้นอายทำให้เธอก้าวเท้าออกมาฉับพลัน ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขากำลังเดินตามมาห่างๆ จนถึงประตูกระจกบานคู่หน้าออฟฟิศ มองเข้าไปก็จะแลเห็นห้องโถงโปร่งจากแสงที่ผ่านสู่อาคาร ภายในนั้นมีฉากกั้นสำนักงานแบ่งโซนเป็นสัดส่วน

    ก้าวแรกที่ย่างเข้ามา เธอเริ่มเอะใจ....เหมือนมีใครเดินตามมา พอหันกลับไปเท่านั้น...พลันเสียงทุ้มชวนฟังก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

    ขอโทษนะครับ ผมมาขอพบคุณชัยชนะ

    รู้สึกแปลกใจไม่น้อย...ชายหนุ่มมาดเข้มผู้นี้จะตามมาขอพบบอสใหญ่ของที่นี่

    ไม่ทราบว่าคุณนัดไว้หรือเปล่าคะ

    บอกเขาแล้วกันว่ารามิลมาขอพบ

    รามิล เธอนึกทบทวนชื่อนื้...แปลกแต่เก๋ดี...ปกติก็ไม่ค่อยจะใส่ใจบุรุษทั่วไปสักเท่าไรนัก

    แต่คงต้องยกเว้นชายหนุ่มคนนี้แล้วกระมัง...ความมีเสน่ห์ในตัวเขาสามารถดึงดูดเพศตรงข้ามเหมือนแม่เหล็กชั้นดีทีเดียว

    งั้นเชิญนั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะบอกเลขาฯ คุณชัยชนะให้

    ขณะรามิลนั่งรอที่โซฟาอ่านหนังพิมพ์ฆ่าเวลา แต่อีกมุมหนึ่ง...มีสายตาแอบจับจ้องสังเกตการณ์ตั้งแต่เริ่มแรก ด้วยท่าทางลับๆล่อๆของเจ้าหล่อน แอบชะเง้อดูหญิงสาวที่เพิ่งแยกตัวมา เห็นเธอเดินหายไปทางหน้าห้องบอส แล้วก็มาตอกบัตรลงเวลา ก่อนจะกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่ทันไร...เจ้าหล่อนก็รี่เข้ามาทักทายตามธรรมเนียมด้วยความกระหายอยากรู้เรื่องราวหนุ่มหล่อคนนั้น ทำทีกระแอมก่อนจะกระซิบกระซาบถาม ในท่ายืนเท้าแขนทั้งสองข้างบนขอบโต๊ะ

    ใครน่ะหล่อดีนี่

    เสียงคุ้นหูแว่วอยู่ใกล้ตัว...คนฟังเงยหน้าสบตาคนพูดแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกเดินผ่านเจ้าหล่อนไปหยิบ

    แฟ้มเอกสารจากชั้นวางเพื่อนำมาไว้บนโต๊ะ

    รามิล เธอพูดอย่างเสียไม่ได้ แล้วก็นั่งลงและเปิดแฟ้มเอกสารทีละหน้า

    เจ้าหล่อนเห็นสีหน้าเย็นชาบวกกับท่าทางเฉยเมยของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง ไม่ค่อยใส่ใจตอบคำถามนัก นึกหมั่นไส้ตงิด..ทำราวกับหล่อนเป็นอากาศธาตุอย่างนั้น จำต้องทนเก็บความรู้สึกไว้ก่อน ทว่าก็ยังไม่ละความพยายามเสียทีเดียว

    แหม...รู้จักชื่อด้วยนะ เพราะดีนี่...ว่าแต่เขามาทำอะไรหรือ

    และแล้วความคิดอยากแกล้งคนเล่นสนุกก็โลดแล่นผ่านวาบเข้ามาในสมองของธอ ไม่ได้การ...ต้องวางฟอร์มกับเจ้าหล่อนเสียหน่อย ด้วยการทำทีถอนใจเบื่อหน่ายคำถามไร้สาระสิ้นดี เห็นคนหล่อหน้าตาดีหลงมาหน่อยไม่ได้ คอยแต่จะใช้สายตาแทะโลม ทั้งที่ไม่มีหวังได้แอ้มเขาหรอก...รวมทั้งเธอด้วย!

    ถ้าอยากรู้นักก็ไปถามบอสเองแล้วกัน

    คำพูดประชดประชันช่างเสียดสีให้เจ็บกระดองใจ...แถมเล่นตัวไม่ตอบคำถามอีกต่างหาก ปล่อยให้เสียเวลาอยู่ได้ มันน่านักนะ...เจ้าหล่อนยัวะจัดก่อนจะสะบัดหน้าเดินกระแทกเท้าปึงปังจากไปอย่างหงุดหงิด

    คนแกล้งแอบหัวเราะอยู่ในใจที่ได้ยั่วเจ้าหล่อนหัวเสียแต่เช้า ก่อนจะหันมายิ้มแย้มทำงานต่ออย่างอารมณ์ดีด้วยการฮัมเพลงอย่างเพลิดเพลินบันเทิงใจ

    พอทราบว่า แขกคนสำคัญ ของบอสใหญ่มาถึงแล้ว

    เลขาฯ สาวร่างเพรียวสมส่วน ดวงตาหวานคม ทว่ากับถูกกรอบแว่นสีดำบดบังรัศมีความงามอย่าง

    น่าเสียดาย เรือนผมดกดำสลวยตามธรรมชาติยาวประบ่า บุคลิกเรียบร้อยจริงจังเป็นทางการ รีบรุดมาต้อนรับชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์

    สวัสดีค่ะ คุณรามิลใช่มั้ยคะ

    เสียงนุ่มนวลกล่าวทักทาย...เขาละสายตาจากหนังสือพิมพ์พร้อมกับวางลง เงยหน้ามองหญิงสาวที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มของเธอช่างรับกับท่วงทีกิริยานุ่มนวล

    ครับ รามิลพยักหน้ายิ้มรับ

    คุณชัยชนะกำลังรออยู่พอดี งั้นเชิญด้านนี้เลยค่ะ

    ประตูถูกผลักออก...

    เลขานุการผายมือเชิญแขกผู้มาเยือนเข้ามาพบบอสใหญ่ ผู้มีบุคลิกภูมิฐานแต่งกายเนี้ยบในชุดสูทเทาเข้มนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่

    ทันทีที่เห็นรามิล...ชัยชนะบอสใหญ่แห่งบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ เดินลุกมาต้อนรับรามิลอย่างเป็นกันเอง ก่อนพาจะพามานั่งยังมุมรับแขก

    นั่งก่อนสิ...รามิล

    เลขาสาวรับรู้ได้ทันทีว่าแขกคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ ไม่งั้นบอสใหญ่คงไม่แสดงท่าทีสนิทสนมเป็นกันเองขนาดนี้แน่

    ขณะเดียวกันบอสใหญ่หรือชัยชนะก็กล่าวแนะนำให้รามิลรู้จักเลขานุการที่ยืนรออยู่

    คุณอนงค์นาง เป็นเลขาฯที่นี่

    รามิลยิ้มทักทาย สวัสดีครับ พร้อมสังเกตหน่วยก้านของเธอน่าจะเหมาะเป็นคูมากกว่า

    อนงค์นางน้อมศีรษะน้อยๆ อย่างอ่อนโยน เธอรู้จักรามิลก่อนหน้านี้แล้วจากคำบอกกล่าวของชัยชนะ

    ขอกาแฟสองที่นะ

    อนงค์นางรับคำชัยชนะแล้วเดินออกไป...

    ชัยชนะหันมายิ้มอย่างเป็นกันเองให้แขกผู้มาเยือนจนตาหยีสไตล์ตี๋อินเทรนด์

    ขับรถมาเองหรอ

    อืม...แต่กว่าจะมาถึงได้ ก็ต้องกลับไปวนอีกรอบ

    นี่เป็นครั้งแรกที่รามิลเพิ่งจะมาบริษัทแห่งนี้ โดยขับตามเส้นทางที่ชัยชนะบอกคร่าวๆ พอมาถึงก็พบแม่สาวซุ่มซ่ามคนนั้นในลิฟต์ เลยได้อาศัยนำทาง เพราะคาดเดาได้ว่าจุดหมายของเธอคือที่เดียวกับเขาแน่ อีกอย่างชัยชนะเองก็เพิ่งจะย้ายสำนักงานมาอยู่อาคารใหม่หลังนี้ได้ไม่นาน

    อย่างว่าแหละถนนหนทางตามตรอกซอกซอยเยอะแยะไปหมด ชัยชนะเสริมคำพูด อย่าว่าแต่รามิลเลย แม้แต่เขาเองตอนย้ายมาใหม่ๆ ก็ยังเคยขับเลยไปถึงไหนๆ ก็ไม่รู้ ต้องวนกลับมาเหมือนกัน

    ระหว่างสนทนา สายตาของรามิลสะดุดภาพวาดสีน้ำมันบนผนัง...

    คือ...เทือกเขาสูงเสียดฟ้าทอดตัวเป็นแนวยาว มีนกสองตัวบินเคียงคู่กันมา เหนือทะเลหมอกคล้ายกลุ่มควันเมฆสีขาวปกคลุมยอดดอย... เสน่ห์ของภาพนี้สะท้อนความรู้สึกลึกๆ ของรามิล จนเจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเคลือบแคลง

    ภาพนั่นสวยดีนี่ ไปได้มาจากไหน

    อ๋อ...ลูกน้องเอามาฝากจากเชียงใหม่

    ภาพนี้ให้ความรู้สึกแก่ชัยชนะไม่ต่างจากรามิล ถึงได้นำมาประดับไว้ และพอเจ้าของเห็นเข้าเท่านั้นแหละ อดปลาบปลื้มใจไม่ได้ที่เจ้านายให้ความสำคัญซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งแก่ผู้ให้

    คนเลือกภาพนี้เก่งนะ ถือว่าตาถึงเลยทีเดียว

    สายตาของรามิลยังคงจับจ้องมองนกสองตัวในภาพไม่วางตา จนเกิดความคิดว่า...หากนกคู่นี้มีจิตวิญญาณจริง มันคงจะมีความสุขกับคู่ของมัน ต่างกับเขาที่ต้องอยู่อย่างเดียวดายบนเส้นทางสายเปลี่ยว

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น...

    อนงค์นางเดินนำแม่บ้านมาเสิร์ฟกาแฟ รามิลกล่าวขอบคุณแม่บ้านส่งยิ้มให้พร้อมกับน้อมศีรษะน้อยๆ ก่อนจะก้าวจากไป

    ชัยชนะหยิบช้อนคนกาแฟช้าๆ ก่อนจะยกขึ้นมาละเลียดจิบ ในขณะที่รามิลยังวางไว้บนโต๊ะตามเดิม

    อนงค์นางยืนรออยู่สักพัก เห็นว่าชัยชนะไม่เอ่ยปากสั่งการใดๆ เลยเดินไปที่ประตูยังไม่ทันพ้นก็ต้องชะงัก...เสียงของชัยชนะดังขึ้นอยู่ด้านหลัง

    เดี๋ยวถึงเวลา บอกษาเตรียมเอกสารให้พร้อมนะ

    ค่ะ

    อนงค์นางหันมาพยักหน้ารับทราบ....ก่อนจะพ้นจากประตูออกไป

    วันนี้ถือว่ารามิลโชคดีไม่ต้องพบใครบางคนที่ไม่พึงปรารถนา และจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้...

    ถ้าไม่ใช่...โสภณผู้มีอิทธิพลต่อบริษัทนี้พอสมควร ทำหน้าที่ควบคุมการเงินมาช้านานตั้งแต่รุ่นบิดาของชัยชนะด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจในความเป็นเครือญาติกัน พนักงานทุกคนต่างก็ยำเกรงไม่กล้าล่วงเกิน

    ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจถึงพฤติกรรมอันน่าสงสัยของโสภณ แต่จะทำอย่างไรได้ ก็ในเมื่อไม่มีหลักฐานชัดเจนพอจะเอาผิดได้ นี่คือ...โจทย์ที่ชัยชนะแก้ไม่ตก

    นอกจาก...รามิลคือขงเบ้งที่ฟ้าส่งมาปราบโสภณผู้เป็นจิวยี่ในความคิดของชัยชนะ

    อาโสภณติดนัดลูกค้า เลยส่งคนสนิทเข้าประชุมแทน

    แม้จะพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่ชัยชนะกล่าว...ทว่าส่วนลึกในใจของรามิลไม่เคยลืมเลือนชื่อนี้ ถึงจะรู้จักกันมาแสนนานก็ตาม หากแต่ความรู้สึกนั้นสิ...กลับตรงข้ามกับกาลเวลา เพราะต่างฝ่ายต่างไม่เคยมีความผูกพันหรือความคุ้นเคยให้กันเลยแม้แต่น้อย เหลือไว้ซี่งความห่างเหินเหมือนคนแปลกหน้าอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเสียมากกว่า

    ข้าช่วยเอ็งแค่โปรเจ็กนี้นะโว้ย

    รามิลรีบออกตัวทันที...งานที่รับทำในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจ นอกจากจำใจเห็นแก่สัมพันธภาพ

    ระหว่างเพื่อนมากกว่า

    เออ...ข้ารู้แล้ว ชัยชนะหนักใจกับปัญหาที่รออยู่ข้างหน้า แสดงอาการถอนใจเหนื่อยหน่ายส่ายศีรษะ พร้อมระบายความนัยอย่างที่รู้ๆ กันอยู่กับรามิล เฮ้อ! อาโสภณยังไม่เลิกนิสัยเดิมเลย

    คงแก้ยาก สำหรับคนที่ถูกผีพนันเข้าสิง รามิลรู้จักโสภณดีพอๆกับชัยชนะ

    นั่นน่ะสิ...ข้าสงสัยว่าคนของเขา ไม่ว่าจะเป็นคนทำบัญชีหรือคนตรวจสอบอาจจะรู้เห็นเป็นใจกัน

    แล้วรู้ได้ยังไงล่ะ

    โธ่เอ๊ย! เรื่องแค่นี้เด็กอมมือมันยังรุ้เลยว่าเขาสามารถสร้างหลักฐานเท็จ จากค่าใช้จ่ายบางอย่างที่เราตรวจสอบไม่ได้ พอลองเช็คดูรายการ...มันชวนให้น่าคิด ทำไมรายจ่ายแต่ละเดือนมันถึงได้จุกจิกมากมายเหลือเกิน แล้วแถมยังมีข่าวลือหนาหูว่าคนตรวจสอบบัญชีเป็นกิ๊กกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น...สงสัยว่าเขาอาจจะเคยแอบยักยอกเงินค่าแรงคนงานมาหมุนก่อน แต่ไม่มีใครกล้าบอกเรื่องนี้คงกลัวจะเดือดร้อนกัน

    รามิลพลางครุ่นคิดหาวิธีแก้ปัญหายืดเยื้อเรื้อรัง...น่าหนักใจแทนชัยชนะยิ่งนัก

    ถ้าคนทำบัญชีกับคนตรวจสอบเป็นคนของเขาหมด...ก็บรรลัยน่ะสิ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น