SF Singular: Promise - SF Singular: Promise นิยาย SF Singular: Promise : Dek-D.com - Writer

    SF Singular: Promise

    งานกรี๊สอวอร์ด ^^ มันเป็นเรื่องดีดีที่เราสองคนมีให้กัน ...

    ผู้เข้าชมรวม

    646

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    646

    ความคิดเห็น


    21

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ต.ค. 55 / 01:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      === Fiction : จินตนาการสำคัญไฉน ===

      *****************************************************



      Short Fiction NutSin: Promise

       

      “เดี๋ยว!

      มือสวยเอื้อมไปจับที่เปิดประตูรถตู้เตรียมจะเดินออกไปนอกรถ แต่ถูกอีกมือหนึ่งรั้งแขนเอาไว้  ใบหน้าสวยสะบัดหันกลับไปมองคนที่ดึงเขาเอาไว้ ตาโตเบิ่งเป็นคำถามว่าอีกคนเรียกเขาทำไม

      “พี่โอ๊ตโทรมาเรียกแล้ว...ลงสิ”

       เสียงเล็กเอ่ยบอกอีกคน เพราะได้เวลาแล้วที่เขาสองคนจะต้องเข้าไปในงานหลังจากรอพี่โอ๊ตให้โทรมาบอกว่าถึงเวลาตามเข้าไปได้

       

      “จะบอกว่า..ผมเราน่ะ..ยังไม่ได้แกะเลย”

      มือใหญ่เคลื่อนมาสัมผัสที่เปียผมยาวที่ทิ้งตัวอยู่ด้านหลังร่างบางแล้วเขย่าไปมาเพื่อให้รู้ว่าเจ้าของเรือนผมลืมสยายมันออกก่อนที่จะลงไปพบปะคนอื่นๆ  แล้วหัวเราะหึหึร่วนคอเป็นเชิงหยอกใส่คนที่ตอนนี้เพิ่งรู้ตัวแล้วยิ้มเขิน ขยับตัวเองกลับมานั่งที่เบาะข้างเขาเหมือนเดิม

       

      ปากสวยยิ้มกว้างและยิ้มตาหยีที่ตัวเองเกือบทำเรื่องเปิ่นๆให้คนอื่นเห็นแล้วเชียว มือสวยจับเปียผมตัวเองตวัดมาด้านหน้าแล้วเริ่มแกะหนังยางที่รัดอยู่ออก  แต่เพราะว่ารีบหรือเพราะว่าผมพันกันก็ไม่รู้ทำให้แกะยากแกะเย็นเหลือเกิน  คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมที่ยางเริ่มกินผมทำให้รู้สึกเจ็บ

       

      “มานี่มา”

      เสียงห้าวเอ่ยบอกเหมือนตัดรำคาญที่นั่งมองคนตัวเล็กงุ่นกับผมตัวเองอยู่ไม่เสร็จสักที  แถมยิ่งแกะก็ยิ่งพันกันไปใหญ่  มือใหญ่จับผมอีกคนแทนที่  ซินยอมลดแขนตัวเองลงแล้วอยู่นิ่งๆให้นัทค่อยๆแกะปมที่พันอยู่ออกให้

       

      นิ้วเรียวค่อยๆคลายปมผมที่พันกันออกที่ละช่อ ไม่นานหนังยางกับเปียผมเป็นอิสระจากกัน ซินขยับมือตัวเองกลับมาจับผมอีกครั้ง แต่ไม่ทันอีกคนที่ตอนนี้เป็นฝ่ายสยายเปียผมของเขาออกก่อนแล้ว  มือใหญ่จับผมที่เกี่ยวกับสร้อยของเขาให้เข้าที่เข้าทาง คนถูกบริการนั่งตัวแข็งเริ่มรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆ  ไม่คิดว่านัทจะทำให้ขนาดนี้

       

      “ขอบคุณครับ” ตอบกลับไปเสียงแผ่วเบา แล้วจับผมตัวเองแบ่งมาไว้ด้านหน้าให้เข้าทรงแก้เขิน

       

      “อะไรนะ!” ใบหน้าหล่อเอียงเข้ามาให้ทำท่าเป็นไม่ได้ยินประโยคที่เขาพูด แต่ปากที่ยกยิ้มทำให้ซินรู้ดีว่านัทกำลังแกล้งแซวที่เขายอมพูดเพราะด้วย

       

      “กวนตีนตลอด” แล้วผลักแขนอีกคนให้หลบทาง  หมายจะออกจากรถเสียที

      “กูอุตส่าห์ช่วย รางวัลสักนิดก็ไม่มี”

      พูดจบประโยคก็ทำเป็นมองไปทางอื่นแต่แก้มพองลมไว้เรียบร้อย แถมเอียงคอซะเกินงาม ซินหันไปมองพอเห็นท่าของอีกคนแล้วนึกหมั่นไส้หนักกว่าเดิม  มือเล็กตบเข้าไปเบาๆที่ข้างแก้มจนลมข้างแก้มหายไป แล้วหัวเราะสะใจ เดินลงจากรถ

       

      พี่โอ๊ตเดินนำเขาสองคนลัดเลาะมาด้านหลังสถานที่จัดงาน หันกลับไปมองหันเดินตามมาไม่ห่าง ไม่นานเขาสามคนก็มาถึงทางเลี้ยวเข้างาน มีแฟนคลับบางส่วนมายืนรออยู่แล้วก็เอ่ยสวัสดี โบกไม้โบกมือ บ้างก็ถ่ายรูปกันไป

       

      วันนี้บรรยากาศแดดร่มลมตก อีกไม่นานฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้วด้านหลังเต๊นท์ที่พักศิลปินมีทีมงานและศิลปินคนอื่นๆอยู่พอสมควร พี่โอ๊ตพาเขาสองคนมายังโต๊ะที่จองไว้แล้วเพื่อวางกระเป๋าแล้วนั่งพักดื่มน้ำดื่มท่า

       

      “หิวก็กินข้าวนะ”

      พี่โอ๊ตชี้บอกพร้อมชี้กล่องข้าวที่เตรียมไว้ให้แล้ว ซินพยักหน้ารับทราบ  หันไปมองอีกคนที่ตอนนี้หันไปร้องทักบอยที่มางานนี้ด้วยเช่นกัน  มือคีย์บอร์ดร่างเล็กที่คุ้นเคยกันดียิ้มแป้นมาแต่ไกลแล้วเดินมาหาเขาสองคน ไม่เจอกันเสียนานจึงถ่ายรูปร่วมกันเสียหน่อยแล้วก็คุยสาระทุกข์สุขดิบกันไป

       

      “นัทซินมาสัมภาษณ์” เสียงพี่โอ๊ตร้องเรียก ทั้งสองจึงเดินตามออกไปด้านนอกเต็นท์ แฟนๆที่รอกันด้านนอกยกกล้องขึ้นมาถ่ายรัวชัตเตอร์กันอยู่ตรงมุมไกลโน้นทันทีที่เห็นหน้าเขาสองคน

       

      ทีมงานบอกให้เขาสองคนมายืนหน้าแบ๊กดรอปเพื่อถ่ายรูปกับถ้วยรางวัล และสัมภาษณ์อีกเล็กน้อย วันนี้ไม่มีอะไรให้เหนื่อยใจมากมาย ทั้งสองคนทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเช่นเคย อีกทั้งได้กำลังใจจากแฟนๆล้นหลามยิ่งทำให้ซินอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  ทำให้นัทห้ามตัวเองไม่ให้เผลอไปมองไม่ได้ ถึงแม้อากาศจะอบอ้าวแต่ไม่มีท่าทีว่าจะบ่นว่าเหนื่อยเอาง่ายๆ

       

      ....แต่เดี๋ยวนะ....

      สายตาพลันเหลือบลงไปเห็นที่คอเสื้อกล้ามสีขาวที่อยู่ด้านในเสื้อคลุม แล้วต้องแอบมองอีกรอบ

       

      ....ทำไมคอเสื้อลึกแบบนั้นวะ!....

      ไม่นานทีมงานก็ปล่อยให้เขาสองคนกลับไปรอในเต็นท์รับรองอีกครั้งเพื่อรอเวลาขึ้นไปรับรางวัลบนเวที เขาเดินตามร่างบางไม่ห่างกันนัก  พอซินหย่อนตัวลงนั่งไขว่ห้าง แขนแกร่งก็เท้าเข้าที่พนักพิงเก้าอี้จนคนที่นั่งอยู่ต้องหันกลับมามอง

       

      “อะไร”

      “ทำไมใส่ตัวนี้อีกแล้ววะ?”

       เสียงห้าวที่เอ่ยถามดูเอาเรื่องทีเดียว แต่คนฟังยังไม่เข้าใจในคำถาม หันกลับไปมองพร้อมทำหน้างง

       

      “เสื้อกล้ามตัวเนี้ยเนี่ย..เคยบอกแล้วว่าไม่ชอบ” ใบหน้าหล่อก้มลงมาใกล้เพื่อพูดแข่งกับเสียงเพลงที่ดังด้านนอก

       

      พอฟังความได้ชัดจึงก้มลงมองที่อกตัวเองก็เลยเพิ่งจะเข้าใจว่านัทหมายถึงอะไร  ใช่..นัทเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ชอบเสื้อตัวนี้ แต่เขาลืมไปเลย ก็เห็นว่าวันนี้น่าจะอากาศร้อนเลยเลือกใส่ตัวนี้มา แล้วที่สำคัญเขาก็ใส่เสื้อคลุมทับอีกทีไม่เห็นจะน่าเกลียดตรงไหน

       

      “ไม่เห็นจะทำไมเลย” หันไปตอบแบบนั้น  ก็ไม่เห็นว่าจะทำไมจริงๆ  เขาไม่ได้กำลังแก้ผ้าอยู่นี่หน่าจะได้ต้องเครียดขนาดนั้น

       

      “คอลึกไป...จะโผล่ละ”

       

      พอจบคำพูดทำเอาสำลักน้ำแล้วต้องหันไปหัวเราะใส่หน้า เจ้าคนที่ทำหน้าเครียดอยู่

      “นมอ่ะนะ?”

      ถามนัทไปแบบนั้นแต่ใบหน้าหล่อกลับทำเป็นเมินหน้าไปทางอื่น แต่เหล่มองตีบทเข้มจนชักอย่างจะแกล้ง

       

      “ไม่นะไม่ลึก”

      ว่าแล้วก็ขยับจับเสื้อตัวเองให้ทิ้งตัวมาข้างหน้ายิ่งขึ้น ทำให้คอเสื้อลึกมากขึ้นกว่าเดิมไปถึงกลางอก

       

      “เห้ย!ไอ้นี่!

       

      นัทร้องเสียงหลงกับพฤติกรรมของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องทำเป็นสงบปากสงบคำเหมือนเดิมเพราะมีศิลปินคนอื่นเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย นัทจึงจำต้องทำเป็นยิ้มรับแขกทั้งที่ใจน่ะไม่ใช่เลย

       

      เมื่อพุดคุยกันศิลปินคนอื่นไปพลางๆก็ถูกพี่โอ๊ตเรียกให้ออกไปสัมภาษณ์อีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นสื่อจากนิตยสารเล่มหนึ่งที่เขาสองคนถูกสัมภาษณ์บ่อยๆอยู่แล้ว

       

      “เห็นซินมีผลงานร่วมกับเดปาเปเป้เป็นยังไงบ้างคะ” นักข่าวสาวเริ่มประเด็น ซินหันไปตอบพร้อมยิ้มรับคำถาม ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างจึงได้แต่ยืนยิ้มฟังสิ่งที่ซินพูดไปเรื่อยๆ

       

      “เห็นว่าจะมีผลงานกับศิลปินคนอื่นอีกเร็วๆนี้” นักข่าวยังคงถามเริ่มประเด็นที่ซินจะไปร่วมงานกับคนอื่นอีกครั้ง คนที่ยืนฟังข้างๆเริ่มรู้สึกแปลกๆว่าในไม่ช้าน่าจะมีคำถามที่ไม่พึงจะฟังตามมา

       

      “ก็มีโอกาสที่ดีครับที่ได้ร่วมงานกับศิลปินมีความสามารถคนอื่นๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีของวงเรา”

      ซินตอบไปอย่างราบรื่นพลางหันมามองหน้าคนตัวสูงกว่าเป็นระยะ

       

      “อย่างนี้จะไปย้ำกระแสเรื่องจะแยกวงรึเปล่า”

       

      ......ว่าแล้ว......

      “ก็ไม่ฮะ..เราสองคนยังทำงานร่วมกันต่อไปนะครับ..ประสบการณ์ที่ดีก็อยากให้เพื่อนได้รับครับ”

      เสียงห้าวเป็นฝ่ายเริ่มตอบก่อน

      “ก็ถ้านัทไปแจมไปร่วมงานกับคนอื่นซินก็จะถือเป็นเรื่องดีเหมือนกันครับ”

      ซินตอบพร้อมยิ้มหวานส่งให้หญิงสาว เมื่อหมดคำถามต่างจึงเอ่ยขอบคุณซึ่งกันและกัน

       

       

      “เมื่อกี๊ถามไรมั่งวะ” พี่โอ๊ตเอ่ยถามเมื่อทั้งคู่เข้ามานั่งด้านในแล้ว

      “ก็เรื่องแยกวงประมาณนี้”ซินเป็นฝ่ายตอบพี่โอ๊ตไปอย่างใจเย็น

       

      “ถามกันจังวะคำถามนี้”

      เสียงห้าวเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับหน้าที่เริ่มหาเรื่องตามสไตล์ ทำเอาพี่โอ๊ตหันมามองหน้าซินเพื่อส่งซิกว่าให้จัดการเคลียร์กันเองนะ ซินจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้ว่าเดี๋ยวเขาจะเป็นฝ่ายคุยกับนัทเอง

      พี่โอ๊ตจึงเดินออกไปคุยกับทีมงานด้านนอก ปล่อยให้เขาสองคนได้คุยกันเองข้างใน

       

      ที่พี่โอ๊ตมีปฏิกิริยาไวรู้ว่านัทอารมณ์อย่างไรเพราะก่อนหน้านัทเคยบ่นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงต้นปีที่มีกระแสว่าเขาสองคนผิดใจกัน อาจจะเพราะมีเรื่องที่นัทไปกับสาว ประจวบกับที่ซินเองก็ไปทำเพลงร่วมกับคนอื่น จึงมีนักข่าวเคยมาถามแล้วซึ่งตอนนั้นนัทเองก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้มีปัญหากัน

       

      ....ยังรักกันดีอยู่.....

       

      แล้วยิ่งพักหลังๆ ก็ยอมรับว่าเพราะเขาไปร่วมงานกับคนอื่นมาแล้วถึงสามครั้งจึงไม่แปลกที่นักข่าวจะกลับมาเล่นกระแสนี้อีกครั้ง

       

      “ใจร้อนจังวันนี้” ลองแหย่ๆถามไปก่อนหยั่งเชิงว่าอีกคนจะว่าอย่างไร

      “ก็เบื่อ..อยากให้แยกวงกันจั๊ง!” นัททิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วหยิบน้ำขึ้นดื่มเพื่อดับร้อน

       

      เขาไม่ได้อยากมีปัญหาหรือทำอารมณ์ร้อนอะไรหรอกนะ แต่แค่รู้สึกว่าการที่ใครอีกคนไปร่วมงานกับคนอื่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องโกรธหรือเกลียดกัน คนทำงานด้วยกันมาห้าหกปี  มันเลยจุดที่จะต้องมาอิจฉากันแล้ว  กลับกลายเป็นว่าเขารู้สึกภูมิใจกับซินมากต่างหาก

       

      แล้วก็เชื่อเสมอว่าถ้าเขาต้องมีโอกาสไปร่วมงานกับใครซินก็จะเข้าใจและคอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอน   (แม้อาจจะมีหวงบ้าง..ถ้าเกิดเป็นสาวๆนะ)

       

      “เรารู้ว่าเราไม่ห่างกันก็พอนี่”

      เสียงเล็กเอ่ย ดวงตาโตมองเขาแล้วยิ้มบางๆส่งมาให้ 

      พอเห็นซินพูดแบบนี้มันก็ทำให้ในใจเย็นลงอย่างไม่น่าเชื่อ  จริงอย่างนักร้องของเขาว่า เรารู้ว่าเราเป็นยังไงมันคือสิ่งที่ดีที่สุด

       

      ****************

       

       

      “พี่นัทพูดอะไรนิดนึง” ร่างบางเบี่ยงตัวหลบเพื่อให้อีกคนได้พูดบ้าง

       

      “ครับผม..ก็ขอบคุณแฟนเพลงละกันครับ..แล้วก็...ผมก็สัญญาว่าจะทำงานคู่กันอย่างนี้ตลอดไปครับ”

       

       

      ==แค่มีเธอและฉัน...ไม่เป็นไร==

       

      ==แค่มีกันและกัน...ตลอดไป==

       

      END

      *****************************************************************************
      P.K.M. Talk >>> เดี๋ยวนี้อู้ไม่ยอมต่อเรื่องยาว แต่ขยันเอาเรื่องสั้นมาลงนะเรานี่ 555

      ก็แหมมม .. งานนี้มีแต่เรื่องดีดีกลับมานะเอ้อ...พี่นัทพี่ซินน่ารัก แถมส่วนตัวเราเองก็ได้โมเม้นดีๆกลับมาเลยอยากจะเขียนถึงวันนี้นิดนึง ... เข้าใจเค้าใช่ไหมตัวเองคนอ่านที่น่ารักทุกคน (อ้อนๆ)


      FIC OTOP จงเจริญ ~~~  รักนะคะ ^^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×