Be my Boyfriend [Seonlin] - Be my Boyfriend [Seonlin] นิยาย Be my Boyfriend [Seonlin] : Dek-D.com - Writer

    Be my Boyfriend [Seonlin]

    แด่ไลควานลินและยูซอนโฮ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,235

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.23K

    ความคิดเห็น


    23

    คนติดตาม


    59
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ธ.ค. 60 / 20:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    Story : Be my Boyfriend
    Pairing : Seonho x Kuanlin
    Author : KRISSAYA


    *เรื่องนี้เป็นฟิคแปลงของเรา ไม่ใช่ฟิคแต่งใหม่นะคะ



    Be my Boyfriend









              “จินยองมาดูใกล้ๆหน่อยซิ นี่คือบัตรดูบาสนัดชิงกีฬาประเพณีที่เค้าว่ากันว่าหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอินเดียรึเปล่า?” อีแดฮวีเอ่ยแซวขึ้นเมื่อเพื่อนรักร่างโปร่งบางวางกระดาษรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีมือลงบนโต๊ะประจำกลุ่มใต้ตึกคณะศิลปกรรม เรียวปากสีสวยยิ้มทะเล้นขณะหยิบบัตรจำนวน 3 ใบขึ้นมาส่องดู “ขอเช็คหน่อยนะครับว่าเป็นของจริงรึเปล่า?”



               “ของจริงอยู่แล้วสิคุณแดฮวี นี่มันมาจากแฟนกัปตันทีมเลยนะครับ” แพจินยองเอ่ยปากต่อมุกเพื่อนตัวเล็กได้อย่างลื่นไหลลงตัว คนทั้งคู่หันมามองหน้าแฟนกัปตันที่ว่า ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน รู้สึกสนุกสนานเสียเต็มประดาที่ทำให้ผิวแก้มขาวของอีกคนขึ้นสีแดงจัดด้วยความเขินอาย “ตกลงปลงใจเป็นแฟนกับเค้าแล้วก็บอกพวกผมมานะครับคุณควานลิน



               “แฟนบ้าอะไรกันเล่า” ดวงหน้าน่ารักของคนโดนจับผิดเฉหลบเป็นพัลวัน แม้จะโดนสองเพื่อนรักรวมหัวกันแซวมาแรมเดือน ทว่าไลควานลินกลับรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย ชีวิตธรรมดาของนักศึกษาศิลปกรรมปีสี่เริ่มแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้รู้จักกับใครอีกคน ใครคนนั้นที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาทีละน้อย ใช่...ยูซอนโฮก็คือกัปตันทีมบาสผู้เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในบทสนทนา “หยุดส่งเสียงล้อฉันได้แล้ว ตกลงจะไปดูรึเปล่า?”



               “คนอะไรพอเขินก็เปลี่ยนเรื่อง”



               “แดฮวี!”



               “ฉันล้อเล่นน่าควานลิน ไม่เห็นต้องมาถลึงตาเกรี้ยวกราดใส่กันขนาดนี้เลย” คนทะเล้นแสร้งทำเสียงอ่อน ทว่าสีหน้าไม่ได้แสดงถึงความสำนึกผิดแม้แต่น้อย แดฮวียังคงทำหน้าที่ป๋าดันไม่เสื่อมคลายตั้งแต่วันแรกที่ซอนโฮสารภาพว่าตามจีบควานลิน ใช่...หนุ่มสุดฮอตแห่งบริหารที่เป็นขวัญใจคนทั้งมหาวิทยาลัยกำลังตามจีบหนุ่มตัวขาวปากแดงแห่งศิลปกรรมซึ่งถือเป็นคนนอกกระแสสังคม



               ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันคือความจริง เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นในวันที่ควานลินเผลอเป็นลมอยู่หน้ารถของซอนโฮ นับจากวันนั้นชีวิตของเขาก็มีผู้ชายอีกคนเข้ามาพัวพันจนกระทั่งตอนนี้ ซอนโฮเป็นถึงทายาทตระกูลยูซึ่งเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของประเทศ อีกทั้งมีคุณแม่เป็นคณบดี รวมถึงมีรูปร่างหน้าตาดีจนได้รับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเป็นคนดังชนิดที่ไลควานลินไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้เกี่ยวข้องกัน เคยเห็นหน้าแค่ตามป้ายประชาสัมพันธ์ จู่ๆกลับถูกตามจีบอย่างไม่ทันตั้งตัว



               “เมื่อไหร่จะใจอ่อนซักทีน้าควานลินของฉัน?”



               “ใช่...รูปหล่อ เรียนดี กีฬาเก่ง บ้านรวย เพอร์เฟคมากขนาดนี้จะหาได้ที่ไหนอีก” แดฮวีส่งเสียงสมทบคำพูดของจินยอง อันที่จริงตั้งแต่ข่าวเรื่องที่เขาถูกตามจีบแพร่กระจายออกไป คนส่วนใหญ่มักมองมาด้วยสายตาสื่อถึงความไม่ชอบใจเสียมากกว่า อาจเป็นเพราะคู่ควงแต่ละคนก่อนหน้านี้ของคุณชายยูมีแต่คนเด่นคนดัง แม้กระทั่งดารานางแบบรุ่นพี่ก็ยังเคยมี



               ทว่าต่อให้ใครจะไม่เห็นด้วย แต่เพื่อนสนิททั้งสองคนของควานลินกลับออกแรงเชียร์ออกนอกหน้า และคอยให้กำลังใจเสมอว่าไม่ต้องแคร์สายตาใคร เรื่องของความรักมันอยู่ที่คนสองคน ไม่ใช่คำว่าเหมาะสมที่คนอื่นใช้ความคิดส่วนตัวสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมา



               “ซอนโฮก็ดูจริงจังกับนาย”



               “แต่ว่า...”



               “ความรักน่ะอย่าใช้สมองให้มากนักเลย ลองทำตามความต้องการของหัวใจเสียบ้าง” จินยองวางมือลงบนไหล่เพื่อนพร้อมออกแรงบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ เพราะควานลินเคยอยู่เงียบๆมาโดยตลอด คงไม่แปลกมากนักที่จะคิดหนักหากจะตกลงปลงใจคบหากับคนซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชน



               "ถ้าชอบก็แค่ลองดู" แดฮวีหนุ่มร่างเล็กจัดการย้ายที่ตัวเองมาทิ้งตัวนั่งเบียดเพื่อนรักผู้เป็นเจ้าของผิวขาวราวน้ำนม แค่มองก็รู้ว่าควานลินหวั่นไหวกับยูซอนโฮอยู่ไม่น้อย แต่หัวกลมๆนี่สิกลับเอาแต่คิดมากถึงคนภายนอกจนไม่ยอมรับความรู้สึกในใจตน พวกเขาเองก็ไม่ได้ยุยงเพียงเพราะฝ่ายนั้นเป็นคนดังอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ อีกเหตุผลหนึ่งคือพ่อหนุ่มเดือนมหาลัยก็ดูใช้ความอดทนสูงลิบลิ่วในการตามจีบคนเงียบขรึมแบบควานลิน เดือนแรกแทบไม่ยอมพูดด้วย เดือนที่สองก็เพิ่งยอมไปเดทสองสามครั้งโดยไม่วายหอบหิ้วเพื่อนไปด้วยกัน จะมีก็เดือนสามนี่ล่ะที่ยอมให้ไปส่งถึงหอ ซึ่งคนระดับคุณชายยูไม่จำเป็นต้องอดทนจีบใครมากขนาดนี้ด้วยซ้ำไป แค่กระดิกนิ้วเรียก ขี้คร้านจะวิ่งตามเป็นขบวน "ถ้านายไม่สนใจจริงๆ ฉันจะไม่พูดแล้วล่ะ"



               "ซอนโฮยังไม่แคร์ แล้วนายจะต้องแคร์ทำไม"






               นอกจากสารพัดตำแหน่งในมหาวิทยาลัย คงต้องมอบรางวัลคนตรงเวลาดีเด่นให้แก่ยูซอนโฮเพิ่มอีกด้วย เพียงแค่ควานลินก้าวเท้าออกจากลิฟต์โดยสารหลังจบการเรียนในคาบเช้า ดวงตากลมหวานก็ได้เห็นเรือนกายแกร่งคุ้นตานั่งรอบริเวณม้านั่งที่ประจำ หน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาเที่ยงสิบนาที แบบนี้คงไม่พ้นมารับไปทานข้าวกลางวัน



               ไลควานลินถูกเพื่อนทั้งสองทอดทิ้งโดยฉับพลัน เรียกง่ายๆสั้นๆก็คือแดฮวีกับจินยองจัดการถวายเขาใส่พานให้คนดังของมหาวิทยาลัยแต่โดยดี ไม่ต้องการไปเป็นก้างขวางคอให้เสียบรรยากาศ อีกทั้งอยากให้ทั้งคู่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพังเสียบ้างเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ



               สุดท้ายแล้วหนุ่มน้อยศิลปกรรมก็ต้องมานั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังสองต่อสองกับซอนโฮ ฝ่ายนั้นดูแลใส่ใจเขาเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับมีความเขินประหลาดวนเวียนในความรู้สึกของควานลิน คำพูดเพื่อนสนิทในช่วงเช้าตามหลอกหลอนอยู่ข้างหู และมันส่งผลทำให้เขามองคนตรงหน้าเปลี่ยนไป หนึ่งคำถามผุดขึ้นมาในห้วงความคิด หากเราคบกันจริงจังทุกอย่างจะเป็นแบบไหนกัน?



               "เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมนั่งเงียบเชียว?" น้ำเสียงทุ้มต่ำดึงให้ลูกแก้วกลมมนที่เอาแต่จดจ้องอาหารในจานช้อนขึ้นสบมอง ดวงหน้าน่ารักส่ายไปมาน้อยๆ ก่อนจะรีบคีบเนื้อปลาสีสดเข้าปากตัวเอง ปลายลิ้นของควานลินแทบไม่รับรู้รสชาติอาหารด้วยซ้ำเมื่อดวงตาคมคู่นั้นจ้องนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ 



               “...............”



               "ลำบากใจรึเปล่า?" คำถามอย่างตรงไปตรงมาทำให้คนฟังเผลอกลืนน้ำลายลงคอเสียอึกใหญ่ คนตรงหน้ายังคงทำท่าที่สบายๆพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง ทว่ากลับมีแรงกดดันมหาศาลพุ่งตรงมา จะว่าไปมันก็ 3 เดือนแล้วที่พวกเราเป็นแบบนี้ หากมองไม่เห็นทางไปต่อซักทีใครเล่าจะอยากเสียเวลา "ถ้านายอึดอัดก็บอกฉันมาตรงๆ"



               "ป่ะ เปล่านะ"



               "ฉันเองไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้นายไม่สบายใจ"



               "ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อยซอนโฮ" ควานลินล่ะล่ำล่ะลักบอกเมื่อได้เห็นดวงหน้าหล่อจัดหม่นลงเล็กน้อย เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเบาๆจนกลายเป็นคนมองเสียเองที่เริ่มร้อนรนด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ สองมือเล็กสอดประสานกันแน่นอยู่บนตัก ก่อนจะทำใจกล้ายื่นออกไปแตะสัมผัสหลังมือใหญ่ของอีกคน "ฉันไม่เคยอึดอัดหรือลำบากใจที่ต้องไปไหนมาไหนกับนายเลยนะ"



               "..............."



               "มันก็แค่...ไม่รู้สิ ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร" ดวงหน้าน่ารักเผลอออดอ้อนโดยไม่รู้ตัว กลีบปากอิ่มสีแดงขบเข้าหากันเล็กน้อยด้วยรู้สึกประหม่าอย่างน่าเอ็นดู มันเป็นปฎิกิริยาที่ทำให้กัปตันทีมบาสมหาวิทยาลัยชอบใจไม่น้อย แต่ก็ยังแสร้งวางมาดนิ่งขรึมหวังให้อีกคนเผยความในใจออกมามากกว่าเดิม ถ้าให้เขาพูดออกไปอยู่ฝ่ายเดียวมันจะโอเคได้อย่างไร "ซอนโฮ..."



               "นายดูอึกอักทุกครั้งเวลาไปหานี่หน่า ถ้าไม่บอกว่าคิดอะไรฉันก็ต้องตีความในแง่ลบอยู่แล้ว" แกล้งถอนหายใจเสียงหนักให้หน่วยตากลมโตเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม ไลควานลินเป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก น่ารักโดยไร้การเติมแต่งหรือพยายามเสแสร้งให้น่าเอ็นดูเหมือนใครต่อใครที่เขาเคยผ่านมา "ไม่ลำบากใจที่มีคนอย่างฉันคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆจริงเหรอควานลิน?"



               "จริงสิซอนโฮ ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย" ไลควานลินทำใจกล้าไปอีกขั้นด้วยการจิ้มปลายนิ้วเรียวลงไปบริเวณหว่างคิ้วเข้มเพื่อให้คลายออกจากกัน เขายังไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของเราในตอนนี้ เพราะกลัวใจตัวเองที่ไม่กล้าพอจะยืนเคียงข้างอีกคน



               ขอเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆได้รึเปล่า? ให้ทุกอย่างมันดำเนินไปจนกว่าจะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหมดความอดทน หากไม่เป็นเขาที่ใจอ่อนยอมรับความรู้สึกตัวเอง ก็คงเป็นซอนโฮที่ถอยหลังเดินจากไป






    ...............







               ใครบอกว่าไลควานลินไม่น่ารัก ยูซอนโฮอยากจะเถียงให้หัวชนฝา คนตรงหน้ามีอะไรหลายอย่างที่ดึงดูดใจให้ไม่อาจละสายตาได้เลย ทั้งดวงตากลมหวานที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ผิวหน้าขาวเนียนเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการแต่งเติม ปลายจมูกเล็กเชิดขึ้นน้อยๆราวกับเชิญชวนให้ลงแรงบีบด้วยความเอ็นดู และกลีบปากอิ่มแดงสีสดฉ่ำที่ทำให้หัวใจของคาสโนว่าหนุ่มเต้นแรงได้ทุกครั้งเมื่อลอบมอง ถ้าเป็นคนอื่นเราคงได้จูบกันตั้งแต่ครั้งแรกที่พูดคุย แต่เพราะเป็นไลควานลิน ความท้าทายบางอย่างจึงคอยกระตุ้นเร้าให้เขาอดทนรอ อดทนที่จะได้เก็บเกี่ยวความหอมหวานโดยสมบูรณ์



               “ขอบคุณที่มาส่งนะซอนโฮ” เสียงหวานใสทำลายความเงียบในห้องโดยสารกว้างเมื่อรถคันหรูจอดนิ่งสนิทอยู่ด้านหน้าหอพักของตน หลังจากอีกคนไปรอรับที่ใต้ตึกคณะเมื่อตอนเย็น ควานลินส่งยิ้มให้สารถีรูปงามที่ช่วงหนึ่งเดือนมานี้รุกหนักตามรับตามส่งได้ทุกวัน แม้เขาเองปฏิเสธไปหลายครั้งด้วยความเกรงใจ ทว่าพอถึงเวลาเลิกเรียนทีไรซอนโฮก็ยังมารอรับอย่างรู้เวลาเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้กำลังทำให้เขารู้สึกดีมากและใจอ่อนไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่นึกกลัวจนไม่กล้าตกลงปลงใจเสียที “พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับ...”



               “พรุ่งนี้ฉันจะมารับนายเข้าสนามบาสพร้อมกัน” เจ้าของกล้ามเนื้อหนั่นแน่นชิงพูดขัดขึ้นมาพร้อมลอยหน้าลอยตาราวกับไม่ได้ยินประโยคจากกลีบปากสีแดง เรียวปากคมวาดยิ้มกว้างจนหน่วยตาขึ้นขีดโค้ง ควานลินคงไม่รู้หรอกว่าเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเจ้าตัวคือการพยายามปฏิเสธทุกครั้งทั้งที่ไม่เคยได้ผลเลย



               “แต่นายควรไปเตรียมตัวก่อนนะซอนโฮ ฉันตามไปพร้อมพวกแดฮวีก็ได้” น้ำเสียงนุ่มหวานรีบเอ่ยปฎิเสธเพราะพุร่งนี้เป็นวันแข่งขันบาสเกตบอลรอบชิงชนะเลิศซึ่งเป็นนัดสำคัญที่ทุกคนตั้งตารอ เขาอยากให้กัปตันทีมมุ่งโฟกัสกับเรื่องนั้นอย่างเต็มที่เพื่อรักษาตำแหน่งแชมป์เอาไว้กับมหาวิทยาลัย ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คล้อยตามเอาเสียเลย



               “ไม่รู้รึไงว่าการเตรียมตัวสำหรับฉันคือได้มองหน้านายนานๆ” Knock out! ไลควานลินถูกหมัดฮุกอันหนักหน่วงจนไปต่อไม่เป็น แก้วตากลมหวานเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะจู่ๆอีกคนก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเกือบจะแนบชิดกัน ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดผิวแก้มขาว อันตราย...ยูซอนโฮช่างเป็นผู้ชายที่น่าอันตรายเหลือเกิน



               หนุ่มตัวขาวแห่งศิลปกรรมคอยสร้างกำแพงป้องกันตัวเองทุกครั้งเวลาได้รับคำหวานจากปากเดือนมหาวิทยาลัย เพราะหากอีกคนพูดกับเขาได้ก็คงพูดกับคนอื่นได้เช่นเดียวกันเพื่อหวังผลให้ใจอ่อนระทวย ทว่าต่อให้กำแพงสูงเสียดฟ้าซักแค่ไหนกลับสั่นคลอนได้ง่ายเพียงเจ้าของเรียวปากได้รูปเอื้อนเอ่ยให้ได้ฟัง มันน่าโมโหยิ่งนักที่ตอนนี้ซอนโฮกำลังล่วงล้ำอาณาเขตหวงห้ามของหัวใจ



               “ขอมัดจำก่อนได้มั้ย? ใจอ่อนเมื่อไหร่ค่อยจูบ”



               “ซอนโฮ...” เรือนร่างบอบบางสะดุ้งด้วยความตกใจพร้อมถอยหนีอัตโนมัติจนแผ่นหลังแนบไปกับบานประตู เปลือกตาสีมุกหลับปี๋เพราะจินตนาการกว้างไกลว่าอาจถูกจู่โจมเหมือนในละครโทรทัศน์ที่แม่ชอบดู ทว่าในความเป็นจริง หนุ่มคนดังกลับทำเพียงคว้าหลังมือนุ่มขึ้นไปสัมผัสกลีบปากตัวเองเท่านั้น เสียงหัวเราะในลำคอทำให้ควานลินยอมลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะพบว่าดวงหน้าหล่อจัดได้ถอยห่างออกไปแล้ว แต่รอยยิ้มทะเล้นยังถูกส่งมาอย่างล้อเลียน



               “ฉันไม่ฉวยโอกาสกับนายหรอก”



               “แต่นายทำไปแล้ว” ตากลมหลุบมองมือที่ถูกอีกคนกอบกุมไว้ ก่อนจะออกแรงดึงกลับคืนพร้อมสัมผัสอุ่นชื้นที่ตามติดมา รู้สึกเห่อร้อนไปทั้งดวงหน้าอย่างช่วยไม่ได้ และสุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายก้มหลบสายตาแพรวพราวด้วยไม่รู้จะเอ่ยปากได้อย่างไร เพราะไม่เคยมีความรักมาก่อนในชีวิต อาจจะมีคุยบ้างไปตามประสาแต่ก็อยู่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ควานลินจึงไม่คิดว่าอาการใจสั่นที่ใครต่อใครเค้าบอกกันมันช่างรุนแรงมากเหลือเกิน



               “ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่ฉันมาส่งก็แล้วกัน” มือใหญ่ยื่นออกไปยีกลุ่มผมนุ่มด้วยความเอ็นดู ก่อนคนน่ารักจะยู่ปากใส่เขาเสียหนึ่งที ควานลินเป็นคนเดียวที่สามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่มีเรื่องชู้สาวอยู่ในหัว ถึงจะได้รับตำแหน่งเล่าขานเป็นคาสโนว่า แต่ซอนโฮกลับไม่เคยคบใครอย่างจริงจัง ไม่มีคนไหนทำให้เขายิ้ม หัวเราะ และแสดงออกอย่างเป็นตัวเองขนาดนี้ และไม่เคยมีใครทำให้เขายอมตื่นแต่เช้าเพื่อมารับไปมหาวิทยาลัยทั้งที่ตัวเองไม่มีเรียน “อย่าลืมนะว่าพรุ่งนี้จะมารับ”



               “บังคับกันแบบนี้ทีหลังก็อย่ามาขี้ตู่เอาค่าจ้าง”



               “ก็มาเป็นแฟนกันซักทีสิครับ จะรับส่งฟรีตลอดชีวิตเลย” มุมปากคมยังประดับด้วยรอยยิ้มไม่จาง แต่แก้วตาสีเข้มกลับทอประกายเจิดจ้าจริงจัง ทุกอย่างสำหรับซอนโฮเริ่มต้นด้วยความสนใจตั้งแต่แรกพบ ดำเนินมาจนถึงความถูกใจในลักษณะนิสัยซึ่งน่าค้นหา จนปัจจุบันอาจพูดได้เต็มปากว่าเขาชอบควานลิน และดูเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของชีวิตหากจะลองเริ่มต้นคบหาดูใจอย่างจริงจัง



               ขณะคนได้ฟังทำแค่เพียงอมยิ้มก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ แผ่นหลังบางหายลับจากสายตาไปแล้วโดยไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธเช่นเดิม จะว่าควานลินเล่นตัวก็คงไม่ได้ เพราะเป็นเขาเองเสียอีกที่ยอมจะเสียเวลาไขว่คว้าด้วยความเต็มใจ






    ...............





               การแข่งขันบาสเกตบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยนัดชิงชนะเลิศเริ่มต้นพร้อมการประชันกันของบรรดากองเชียร์ เสียงโห่ร้องดังขึ้นทั่วสารทิศเมื่อต่างฝ่ายต่างผลัดกันทำคะแนนอย่างไม่มีใครยอมใคร และเพราะควานลินได้บัตรเข้าชมจากพ่อหนุ่มกัปตันทีมคนดัง จึงทำให้เขาและสองเพื่อนสนิทอยู่ชิดติดขอบสนาม ชนิดที่ว่าคนให้บัตรหันมาสบตาทุก 3 วินาที



               "คุณกัปตันทีมเค้าจำเป็นต้องเติมกำลังใจบ่อยขนาดนั้นมั้ยอ่ะ?" แดฮวีเบะปากใส่เพื่อนตัวขาวเมื่อบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในบทสนทนาหันมองมาหาทุกครั้งที่ต้องวิ่งผ่านไป มองแล้วมองอีก มองอยู่นั่นราวกับอยากให้แน่ใจว่าควานลินจะนั่งอยู่ที่เดิม "กัปตันเค้ากลัวนายหายป่ะ ถามจริงๆ"



               "พูดเกินเรื่องไปแล้วแดฮวี"



               "ให้จินยองเป็นพยานได้เลย มองขนาดนี้ก็เหลือแต่จับไมค์ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วล่ะว่าคบกัน" สองเพื่อนซี้พร้อมใจเปล่งเสียงหัวเราะใส่หน้าควานลิน ก่อนจะหันไปโห่ร้องแสดงความดีใจเมื่อมหาวิทยาลัยตัวเองทำคะแนนขึ้นนำด้วยลูกชู้ตสามแต้มสุดสวยของพ่อกัปตัน แฟนคลับบนอัฒจรรย์ส่งเสียงกรี๊ดลั่นเสียคอแทบแตก ทว่าดวงหน้าหล่อจัดกลับเหลียวมองแต่คนตาหวานข้างกายพวกเขาอีกครา



               "ลงไปเล่นในสนามไปวิ่งกับเค้าด้วยเลยมั้ย? ทีมเราจะได้ชนะขาดลอย" พูดจบก็ส่งมือแทกกันต่อหน้าต่อตาควานลินที่กำลังนั่งหน้าร้อนจนแทบมอดไหม้ ลำพังถ้ามีแต่แดฮวีกับจินยองน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ทว่าสายตาของคนรอบข้างที่มองมานี่สิกำลังทำให้เขาร้อนรน ไม่รู้ว่าทำไมคุณชายยูถึงทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนี้ เขาจึงต้องพยายามนั่งเงียบและทำตัวเล็กลีบให้มากที่สุดจนกว่าการแข่งขันจะจบลง



               เสียงนกหวีดสิ้นสุดการแข่งขันดังขึ้นพร้อมชัยชนะอย่างสวยงามของทีมมหาวิทยาลัยเจ้าภาพ บรรดากองเชียร์ต่างลุกปรบมือและส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีอย่างพร้อมเพรียงกันที่สามารถรักษาตำแหน่งแชมป์บาสเกตบอลเอาไว้ได้อย่างสวยงาม แดฮวีกับจินยองก็เป็นไปกับเค้าด้วยที่ทำท่าดีใจกระโดดโลดเต้น ขณะควานลินนั่งยิ้มขำมองเพื่อนสนิททั้งสองลุกขึ้นโยกย้ายร่างกายส่งเสียงดีใจคลอเคล้าไปพร้อมจังหวะรัวกลองฉลองชัย



               ดวงหน้าน่ารักหันมองไปยังกลางสนาม ซึ่งตอนนี้กองเชียร์บนอัฒจรรย์ต่างวิ่งลงไปเพื่อล้อมรอบทีมบาสที่กำลังจะทำการโยนกัปตันตามธรรมเนียมในการประกาศความสำเร็จ ร่างสูงใหญ่ของยูซอนโฮถูกอุ้มโดยเพื่อนร่วมทีม ก่อนจะโยนขึ้นสูงในฐานะผู้นำที่พาพวกพ้องรักษาแชมป์เอาไว้ได้อีกครา



               ความวุ่นวายยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง ขณะที่ควานลินตัดสินใจผละจากมาเงียบๆ การแข่งขันจบลงแล้ว และหน้าที่กองเชียร์ของเขาเสร็จสมบูรณ์ วางแผนเอาไว้ว่าตอนเย็นค่อยโทรไปแสดงความยินดีอีกครั้ง เพราะตอนนี้ซอนโฮคงกำลังยุ่งอยู่กับทีม



               ทว่ายังไม่ทันที่สองขาเล็กจะพ้นไปจากอาณาเขตของโรงยิม โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงกลับส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาเสียก่อน มือน้อยคว้าขึ้นมาดูอย่างเคยชิน ก่อนจะพบว่าตัวเองได้รับข้อความส่วนตัวจากพ่อกัปตันหนุ่มรูปงามของกองเชียร์



    เจอกันหลังโรงยิมนะ อีกสิบนาทีฉันจะตามไป






               เป็นข้อความสั้นๆที่ไม่บ่งบอกถึงที่มาที่ไปในการนัดเจอ แต่แน่นอนว่าควานลินปลีกตัวเองออกจากสองเพื่อนซี้เพื่อไปรอยังจุดนัดหมายซึ่งถูกส่งมา บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมต้องไปทั้งที่สถานะความสัมพันธ์ระหว่างเรายังไม่ชัดเจน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เป็นอยู่คืออะไร แต่หัวใจกลับมีความสุขเพียงแค่ซอนโฮทำเหมือนเขาเป็นคนสำคัญ



               นายพรานผู้ชาญฉลาดย่อมวางกับดักอย่างแยบยล แม้รู้ทั้งรู้ว่าหากหลงกลคงมีวันเจ็บเจียนตาย ทว่ากระต่ายน้อยกลับยอมกระโดดเข้าหาบ่วงบาศก์เพราะไม่อาจหักห้ามใจให้หลงไหลในความสวยงาม ฝ่ายนั้นมีเสน่ห์เหลือร้ายเกินกว่าจะต้านทานได้ และควานลินยังไม่เคยรักใคร จึงไม่รู้วิธีการป้องกันภัยให้หัวใจตัวเอง



               กายบอบบางยืนรอยังจุดนัดพบซึ่งห่างไกลจากสายตาของผู้คน เสียงกลองบนโรงยิมยังดังแว่วมาให้ได้ยินเพราะคงมีกิจกรรมสันทนาการ ปลายเท้าที่ถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดเขี่ยพื้นปูนไปมา ควานลินกัดปากตัวเองเล็กน้อยด้วยความประหม่าเพราะไม่รู้ว่าประโยคแรกเมื่อเจอกันควรพูดอย่างไร



               “ยินดีกับแชมป์อีกสมัยนะ” รำพึงรำพันกับตัวเองเป็นการซักซ้อม แต่ก็ต้องยู่หน้าเมื่อคิดว่ามันธรรมดาเกินไป ไม่รู้สิ...ควานลินแค่อยากพูดอะไรที่ดีกว่านี้ ทว่าสมองกลับตื้อตันไปเสียดื้อๆ เอาใจไม่เป็น พูดจาหวานๆก็ไม่เก่ง ให้ตายสิ! ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ “ฉันจะพูดอะไรกับนายดียูซอนโฮ”



               “พูดว่าฉันยอมเป็นแฟนนายก็ดี” เสียงทุ้มที่ดังผะแผ่วริมใบหูส่งผลให้กายบอบบางสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ บุคคลในห้วงความคิดโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆมันช่างเป็นเรื่องน่าอายเมื่อซอนโฮทันได้ยินเขาพูดคนเดียว “หรือนายจะขอฉันเป็นแฟนบ้างก็ได้”



               ร่างสูงใหญ่วนมายืนอยู่ต่อหน้าพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน กัปตันทีมบาสยิ้มกว้างทั้งปากทั้งตา ก่อนจะใช้ฝ่ามืออบอุ่นกอบกุมผิวแก้มขาวเอาไว้ ออกแรงบังคับนิดหน่อยให้ดวงหน้าสวยยอมมองตากัน ผิวของควานลินมักเป็นสีแดงปลั่งในยามเจ้าตัวเขินอาย ส่งผลให้ซอนโฮยิ่งรู้สึกชอบใจเวลาได้กลั่นแกล้งหยอดคำหวานใส่อีกคน ทุกอย่างดูธรรมชาติและลงตัวจนไม่อยากละสายตาจากไป



               “ทนเหม็นเหงื่อหน่อยนะ ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย” รูปประโยคบอกเล่าที่ไม่เกี่ยวกับบทสนทนาก่อนหน้าทำให้ควานลินเผลอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ทว่าอีกไม่กี่อึดใจถัดมาเปลือกตาสีน้ำนมกลับต้องปิดแน่นเพราะดวงหน้าหล่อจัดโน้มเข้าแนบชิดอย่างไร้การกล่าวเตือน ปลายจมูกโด่งคมแตะสัมผัสปลายจมูกเล็ก ลมหายใจอุ่นร้อนเคล้ากลิ่นเหงื่อบ่งชัดถึงความใกล้ชิดเกินพอดี ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่ซุกซ่อนอยู่ในอกซ้ายเต้นระรัว มันเต้นแรงเสียจนเกรงว่าอีกคนจะได้ยิน



                “...............”



               “ขอรางวัลสำหรับผู้ชนะหน่อยได้มั้ย?” คำร้องขอแผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ ทว่ากลับมีอานุภาพทะลุทะลวงโสตประสาทอย่างชัดเจน มือใหญ่ทั้งสองข้างเลื่อนลงต่ำเพื่อทำหน้าที่ยึดเอวบางไว้มั่น อย่างไรเสียยูซอนโฮก็ยังเป็นผู้ชายที่มีความโลภ เขาจึงอยากสัมผัสความสวยงามที่ประกอบขึ้นเป็นไลควานลินมากเหลือเกิน “ลืมตาหน่อยสิครับ”



               ราวกับต้องมนต์สะกดในน้ำเสียงทุ้มต่ำจนต้องเปิดเปลือกตาตามความต้องการของอีกคน ภาพแรกที่หนุ่มน้อยแห่งศิลปกรรมได้เห็นคือเงาสะท้อนตัวเองผ่านทางแก้วตาคม เราใกล้กันมากเกินไป ใกล้กันเสียจนเหลือเพียงช่องว่างคือลมหายใจ

               


                “ซ่ะ ซอนโฮ...”



                “เราคบกันได้รึยัง?”



                “แต่ว่า...”



               “นายวางคนอื่นลงได้มั้ย? ไม่ต้องสนใจใคร สนใจแค่ฉันคนเดียว” ไม่พูดเปล่าแต่ยังขยับใบหน้าให้ชิดใกล้มากขึ้นไปอีก ส่งผลให้ตอนนี้เรียวปากหยักเบียดสัมผัสบางเบาเข้าหากลีบปากสีอิ่มแดง อาจยังเรียกไม่ได้ว่าการจูบ แต่ซอนโฮรุกหนักมากกว่าทุกครั้งจนควานลินไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน พังทลายแล้วกำแพงสูงเสียดฟ้า หลงเหลือเพียงสองขาที่ยอมก้าวข้ามซากปรักหักพังตกลงสู่หลุมรักเต็มตัว “ตามจีบขนาดนี้ยังไม่เชื่อใจกันอีกหรือ?”



               ควานลินใช้ความเงียบเป็นการตอบรับ แต่ดวงตากลมโตยังคงจับจ้องไม่วางตา มือน้อยๆทั้งสองข้างยกขึ้นวางทาบบนแผ่นอกแกร่ง สัมผัสแรงเต้นของหัวใจที่ดีดกระทบฝ่ามือ เขาเชื่อซอนโฮได้ใช่มั้ย? เวลากว่าสามเดือนที่อีกคนพยายามเข้าหากันมันเป็นเรื่องจริงใช่รึเปล่า? เข้าใจแล้วกับอิทธิพลของความรัก หากเราเปิดใจยอมรับ เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป



                “ได้โปรดคบกับฉัน”



               “อือ...” เขินอายเกินกว่าจะพูดตรงๆ จึงพยักหน้าตอบกลับพร้อมด้วยเสียงครางรับในลำคออย่างง่ายดาย ดวงหน้าสวยหลุบมองต่ำส่งผลให้เรียวปากร้อนกดจูบลงบนกลุ่มผมหอมสะอาดได้พอดิบพอดี กัปตันหนุ่มหล่อส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ก่อนจะรั้งเรือนกายอรชรเข้ามาโอบกอดไว้ทั้งตัว



                “ตอบแค่อือเองเหรอ?”



               “อือ”



               “พูดว่าฉันตกลงเป็นแฟนกับนายไม่เห็นยากซักหน่อย” สิ้นประโยคก็แกล้งกอดรัดให้แนบแน่นมากขึ้นไปอีกด้วยความเอ็นดูส่วนบุคคล เขาใช้เวลาตามจีบควานลินนานที่สุด ชนิดที่ว่ายังแอบงงในความอดทนของตัวเอง แต่ก็ดูคุ้มค่าเมื่อได้โอกาสกอดเต็มไม้เต็มมือ ซึมซับความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั้งกาย “ฉันให้โอกาสพูดใหม่อีกรอบ ตกลงคบกันนะครับ”



               “อือ” คนตัวบางยังคงยืนยันให้คำตอบในรูปแบบเดิมด้วยรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะเอ่ยปากในสิ่งที่อีกคนต้องการ ดวงหน้าน่ารักซุกแนบซอกไหล่แกร่งเพื่อหลบซ่อนความร้อนที่ลามเลียไปทั่วผิวกาย ตั้งแต่เกิดมากว่า 20 ปีก็เพิ่งจะถูกขอเป็นแฟนครั้งแรก เขาไม่เคยยุ่งกับใครที่ไหนมาก่อนเพราะอยากตั้งใจเรียน ไม่น่าเชื่อจะมาตบะแตกก่อนจบไม่กี่เดือน ต้องโทษยูซอนโฮ...โทษที่ทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเองโดยสมบูรณ์



                “ให้โอกาสพูดอีกครั้ง”



               “ไม่ต้องพูดแล้ว อือก็คืออือสิ” ควานลินแหวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถูกท่อนแขนแกร่งดันออกห่างเพื่อมองหน้าให้ชัดเจน มุมปากคมกระตุกยิ้มให้ความน่ารักที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า คนดังของมหาวิทยาลัยต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่คิดว่าตัวเองกำลังหลงผู้ชายตัวขาวปากแดงคนนี้หัวปรักหัวปรำ



                “น่ารักจัง”



                “ซอนโฮ!”



               “พวกเราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ” เชื่อเลยว่าต่อให้เป็นคนใจแข็งที่สุดในโลกก็คงไม่อาจต้านทานพลังทำลายล้างจากยูซอนโฮ รอยยิ้มอบอุ่น น้ำเสียงนุ่มละมุน ทุกอย่างล้วนเป็นบ่วงผูกรัดหลอกล่อให้กระต่ายน้อยเดินหลงกลนายพราน   ควานลินไม่รู้หรอกว่าความรักครั้งนี้จะยาวนานสักแค่ไหน แต่เขายอมเป็นแมงเม่าอีกตัวที่หลงแสงสีของกองไฟ ยอมเสี่ยงตายเพื่อคว้ารักไว้กับมือ



               ไม่มีคำพูดใดใดเกิดขึ้นอีกเพราะซอนโฮจัดการกดเรียวปากลงบนอวัยวะเดียวกันของเขา มันคือจูบแรกระหว่างพวกเราซึ่งอยู่นอกเหนือจากแผนการขอเป็นแฟนของซอนโฮ แค่กอดยังไม่เพียงพอที่จะซึมซับความสุข จึงลงมือทำตามเสียงเรียกร้องจากสัญชาตญาณภายใน ตอนนี้ไม่ใช่เพียงกระต่ายน้อยที่ติดกับดัก ทว่านายพรานหนุ่มก็หลงไหลในความน่ารักไม่แตกต่างกัน






    END

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×