คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : : : Chapter 9 : :
Chapter 9
เสียง เปิดประตูห้องนอนเรียกให้ชานยอลหันไปมองด้วยความหวัง แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่ใครที่เฝ้ารอใบหน้าสวยหวานก็หม่นลง ผ่านมาสองวันแล้วตั้งแต่ที่เขาซนจนผลัดตกลงมาจากกำแพงสูงนั่นและเป็นสองวัน ที่เขาไม่ได้พบหน้าอู๋อี้ฝาน
“เรื่องที่ฉันให้ไปสืบได้ความรึยัง?”ชานยอลเอ่ยถามผู้มาใหม่ที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กมุมห้อง
ชาน ยอลแน่ใจว่าภาพที่เกิดขึ้นในหัวก่อนที่เขาจะร่วงลงจากกำแพงมันไม่ได้เป็น เพียงความฝันหรือภาพหลอนแต่เป็นเศษเสี้ยวของความทรงจำที่เขาอาจจะลืมเลือนไป เขาจำหน้าของผู้หญิงคนนั้นได้แม้จะเคยเห็นเพียงครั้งเดียวในภาพวาดแต่ชานยอ ลก็มั่นใจว่าเธอคืออู๋เมิ่งเจีย ใบหน้าเศร้าหมองและเสียงร้องไห้ของเธอเหมือนเชิญชวนให้เขาพยายามหาคำตอบ คำตอบที่ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเธอนักเหมือนเธอหลบซ่อนตัวอยู่ภาย ในความทรงจำของเขามาตลอด เขาจึงสั่งให้เซฮุนไปสืบเรื่องเรือนเก็บฟืนหลังนั้นเพื่อพิสูจน์ว่า เมิ่งเจียเคยถูกขังอยู่ที่นั่นจริงๆ หรือเปล่า
เซ ฮุนนั่งก้มหน้านิ่งเขาลังเลว่าควรจะบอกเรื่องที่สืบมาให้ชานยอลรู้ดีหรือไม่ เรื่องที่ชานยอลไปถึงเรือนเก็บฟืนมันไม่ใช่ความบังเอิญแต่คิมจงอินจงใจโปรย ทางให้ชานยอลไปติดกับและได้เห็นเรือนหลังนั้นที่มีความทรงจำของอู๋เมิ่งเจี ยอยู่ เขาโกรธมากที่รู้ว่าจงอินทำแบบนั้นแต่เมื่อฟังเหตุผลที่จงอินแย้งมาก็ ต้องกลับมานั่งคิดไม่ตกอีกครั้ง
‘เธอจะปล่อยให้ชานยอลทรมานกับโรคบ้าๆ นั่นไปตลอดชีวิตโดยที่จำตัวตนของตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ?’
คำ พูดของคิมจงอินทำให้เซฮุนสับสน เขาไม่รู้ว่าการที่ชานยอลจำเรื่องในอดีตได้กับการปวดศีรษะเวลาอาการกำเริบ อันไหนที่มันทรมานกว่ากัน ความทรมานที่ร่างกายหรือจิตใจที่มันหนักหนาสาหัสกว่ากันแน่
“นาย มีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่”ชานยอลที่เห็นเพื่อนรักนิ่งไปเอ่ยถาม“รู้มั้ยบน โลกนี้ต่อให้ใครจะโกหกหรือมีเรื่องปิดบังฉัน แต่ฉันเชื่อมาตลอดว่านายจะไม่มีวันทำแบบนั้น นายเป็นเพื่อนรัก เพื่อนแท้ เพื่อนตายของฉันนะเซฮุน”
คน ที่เหมือนจะถูกตัดพ้อกลายๆ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างโปร่งบางก่อนจะลุกขึ้นไปดึงร่างนั้นเข้ามากอดปลอบ เป็นเพื่อนกันมาสิบปีมีหรือที่เซฮุนจะดูไม่ออกว่าชานยอลกำลังน้อยใจ มือขาวลูบหลังเพื่อนรักเบาๆ ปากก็พร่ำขอโทษเป็นการใหญ่
“ขอโทษชานยอล ฉันขอโทษ”
เซ ฮุนปลอบคนขี้น้อยใจจนสงบลงและพาไปนั่งบนโซฟาด้วยกันใช้หลังมือปาดน้ำตาบนพวง แก้มเนียนใสให้อย่างเบามือ นั่นสินะ เขากับชานยอลเป็นเพื่อนรักกัน เพื่อนมีหน้าที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจแบ่งเบาทุกข์สุขกัน เขาไม่มีหน้าที่ไปตัดสินใจชีวิตแทนชานยอลแต่สิ่งที่โอเซฮุนทำได้คือการอยู่ เคียงข้างไม่ทอดทิ้งเพื่อนรักคนนี้
“เรือน หลังนั้นถูกรื้อทิ้งไม่เหลือซากแล้ว ฉันไปเลียบเคียงถามจากคนเก่าแก่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรนักได้ความมาแค่คุณ เมิ่งเจียเคยหนีออกจากบ้านไปหลายปี พอนายท่านอู๋เจี้ยนตามตัวกลับมาได้ก็จับขังไว้ในเรือนหลังนั้นถึงสองปี”เซ ฮุนเล่าความตามที่สืบทราบมาได้
“ที่ หนีออกจากบ้านเพราะไปอยู่กับคิมแทวูสินะแต่คุณปู่คงปิดไม่ให้ใครรู้เรื่อง นี้ หลังจากนั้นละคุณอาเมิ่งเจียถูกขังแล้วไปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตได้ยัง ไง”ชานยอลถามอย่างสนใจ เขาฟังเรื่องของคุณอาเมิ่งเจียที่เซฮุนเล่าให้ฟังคราวก่อนจำได้ว่าเธอเสีย ชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์
“ได้ ยินว่าเธอคิดสั้นกรีดข้อมือตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายเลยถูกส่งตัวไปรักษาที่โรง พยาบาลจากนั้นคิมแทวูก็มาพาหนีไปอีกรอบ แต่ท่านอู๋หลงรู้เข้าเลยขับรถไล่ตามกันจนรถของคิมแทวูและคุณเมิ่งเจียเสีย หลักไถลลงเนินเขา...”เรื่องเมิ่งเจียกรีดข้อมือตัวเองคิมแทวูเล่าให้จงอิน ฟังก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและเป็นจงอินที่เล่าให้ เขาฟังอีกทอดหนึ่ง
ชาน ยอลตัวชาวาบเมื่อได้ฟังเขารู้สึกโกรธที่คุณปู่ใจร้ายบีบบังคับจิตใจจนคุณอา เมิ่งเจียจนคิดสั้น โกรธที่คุณพ่อไม่ยอมปล่อยเธอไปจนเธอต้องพบจุดจบอันน่าเศร้าและโกรธตัวเองที่ จำเรื่องราวของคุณอาคนนั้นไม่ได้เลย
“แล้ว เหยียนเหอละ ตกลงเหยียนเหอหายไปไหน นายใช่เหยียนเหออย่างที่สงสัยตอนแรกหรือเปล่า”ความปวดหนึบส่งขึ้นมาถึง บริเวณขมับทั้งสองข้าง ภาพเหตุการณ์ที่เมิ่งเจียเสียชีวิตผ่านเข้ามาในมโนสำนึกราวกับว่าชานยอลอยู่ ในเหตุการณ์นั้นด้วย
ภาพรถยนต์สีดำสภาพยับเยินอัดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ
“ชาน ยอลเป็นอะไร ปวดหัวเหรอพอก่อนเถอะนะ อย่าเพิ่งคิดอะไร”เซฮุนบอกอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเพื่อนใช้มือทั้งสองข้าง กุมศีรษะ ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความทรมาน
“ไม่...เล่า ต่อ ฉันอยากรู้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์พวกนั้นด้วย อยู่ตอนที่คุณปู่ทำร้ายคุณอาเมิ่งเจียรวมทั้งวันที่คุณอาประสบอุบัติเหตุ แต่ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลยละ...ทำไม”
เซ ฮุนมองเพื่อนรักด้วยความสงสาร ชานยอลต้องทนทรมานอยู่กับความทรงจำที่ขาดหายพยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกมัน คงเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย การที่เราลืมเรื่องสำคัญหรือคนสำคัญไปมันคงน่าเศร้ามากจริงๆ ร่างสูงผอมรวบมือเรียวของอีกฝ่ายมากุมไว้อย่างปลอบโยนก่อนจะเอ่ยปากเล่าต่อ
“ฉัน ไม่ใช่เหยียนเหอ เด็กคนนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คนที่นี่ไม่มีใครรู้จักเหยียนเหอเลยด้วยซ้ำ ชานยอล...เราพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะนะ อาการนายกำเริบอีกแล้วเดี๋ยวฉันหยิบยาให้”เซฮุนกำลังจะเดินไปหยิบขวดยาบน โต๊ะข้างเตียงแต่ก็ถูกชานยอลร้องห้ามไว้เสียก่อน
“ฉัน ไม่กิน ไม่อยากหลับ”ยาตัวใหม่ที่หมอประจำตัวของคุณปู่เปลี่ยนให้เขามักจะทำให้ง่วง จนเผลอหลับไปทุกครั้ง ชานยอลไม่ชอบเลยเพราะพอตื่นขึ้นมาเขาจะจำเรื่องก่อนหน้านั้นไม่ได้ “อี้ฝานอยู่ไหน ฉันจะกลับโซลไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ที่นี่มีแต่คนใจร้าย”
แต่ ละคำถามของชานยอลมันช่างลำบากใจในการตอบเสียทุกเรื่อง เซฮุนนั่งลงข้างชานยอลอีกครั้งใช้มือลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างปลอบประโลม ถ้าเจ้านี่รู้ข่าวล่าสุดคงจะอาละวาดบ้านแตกแน่ๆ
“งานเลี้ยงวันเกิดนายท่านอู๋เจี้ยนถูกยกเลิกเพราะท่านบาดเจ็บ...ท่านเป็นคนรับนายตอนร่วงลงมาจากกำแพงน่ะ”
“ฉันไม่ได้ถามเรื่องนั้น”ชานยอลขัดแม้จะไม่อยากเชื่อว่าคุณปู่เป็นคนมาช่วยเขาไว้แต่ก็อดเป็นห่วงอยู่ไม่ได้
“ฉัน จะบอกว่าคุณคริสกลับเกาหลีไปแล้ว ส่วนนายกับฉันต้องย้ายมาเรียนที่นี่”เซฮุนพูดเสียงเบาลงหวังว่าความเบาจะลด ทอนระเบิดที่กำลังปะทุจากร่างโปร่งตรงหน้าได้
“ไม่มีทาง!”
เป็นอย่างที่คิดไม่ผิด
ชาน ยอลลุกพรวดขึ้นจากโซฟาเดินดุ่มออกจากห้องไปด้วยความไม่พอใจเขาไม่เชื่อว่า อี้ฝานจะทิ้งตนไปแบบไม่บอกกล่าว ร่างโปร่งบางเดินออกจากห้องนอนผ่านโถงนั่งเล่นจึงพบว่าที่ประตูหน้าเรือน หลังในแห่งนี้มีคนของอู๋เจี้ยนยืนเฝ้ายามอยู่ ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขาถูกสั่งให้พักผ่อนอยู่ในแต่เรือนจึงไม่รู้เลยว่าภาย ในบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
“หลบ ไป”น้ำเสียงตวัดห้วนที่ไม่ได้ใช้บ่อยนักถูกเปล่งออกไปเพื่อสั่งให้ผู้ชายใน ชุดดำทั้งสองที่ยืนขวางประตูอยู่หลีกทางแต่ชายสองคนนั้นกลับปักหลักยืนนิ่ง ราวกับรูปปั้นหิน
“นายท่านสั่งไว้ไม่ให้คุณหนูออกจากเรือนครับ ผมต้องขอโทษด้วย”หนึ่งในสองตอบกลับอย่างสุภาพ
“นี่ มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมฉันจะออกไปไหนไม่ได้”ชานยอลโมโหถึงขีดสุดเขาแน่ใจว่าไม่ได้ทำผิดอะไรถึง จะถูกลงโทษแบบนี้ นายน้อยตระกูลอู๋พยายามผลักคนของอู๋เจี้ยนให้พ้นทางแต่สองคนนั้นกลับไม่ สะดุ้งสะเทือนกับเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเขาเลยกลับเป็นชานยอลเองที่เสียหลัก เซถอยหลังจนเกือนล้มดีที่เซฮุนเข้ามารับร่างแบบบางไว้เสียก่อน
“พวกนายมีสิทธิ์อะไรมาทำรุนแรงกับชานยอล”เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเข้มทำให้ชายสองคนนั้นก้มหน้านิ่ง
ชาน ยอลยังรั้นที่จะผ่านออกไปให้ได้ร่างสูงโปร่งก้าวเดินอย่างไม่เกรงกลัวโดยที่ ชายสองคนนั้นไม่สามารถแตะต้องตัวคุณหนูเอาแต่ใจคนนี้ได้เลยเพราะถูกเซฮุนกัน ออกไปเสียก่อน คนที่ต้องสวมบทบาทบอดี้การ์ดถึงกับถอนหายใจ เขาไม่ได้อยากจะแข็งข้อกับอู๋เจี้ยนแต่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้ชานยอลได้รับอันตรายใดๆ
ชานยอลน่ะปลอดภัยแต่คนที่เงาหัวจะหายคงเป็นเขาแทน....
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
น้ำ เสียงเยียบเย็นของอู๋หลินหลันทำให้เซฮุนและคนของอู๋เจี้ยนที่กำลังแลกหมัด กันอยู่หยุดชะงัก ทั้งสามก้มหน้านิ่งยามเมื่อสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของเธอไล่มอง มาทางพวกเขาทีละคน
เพี๊ยะ!
โดย ไม่คาดคิดฝ่ามือนิ่มฟาดลงบนข้างแก้มซ้ายของเซฮุนจนใบหน้าเรียวหันไปตามแรง แก้มที่เคยขาวราวน้ำนมขึ้นรอยแดงเด่นชัด เซฮุนที่ตกใจเพราะโดนตบยังเทียบไม่ได้กับชานยอลที่ตกใจยิ่งกว่าเขาไม่เคย เห็นแม่ตัวเองโกรธหรือลงไม้ลงมือกับใครแบบนี้มาก่อน ร่างโปร่งบางรีบเข้าไปยืนคั่นกลางระหว่างคนทั้งสองไว้
“แม่...ทำไมทำแบบนี้ฮะ”ชานยอลต่อว่าเสียงอ่อยแต่แม่กลับไม่มองหน้าเขา หลินหลันมองเลยลูกชายคนเล็กไปทางเซฮุนที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหลัง
“เธอจะพาลูกชายฉันไปไหน”หลินหลันถามเสียงเย็นเธอเคยเสียสามีให้โอเซนาไปแล้วจะไม่มีวันยอมสูญเสียชานยอลให้เซฮุนเด็ดขาด
“แม่ฮะ ผมต่างหากที่ดื้อจะออกไป เซฮุนไม่ผิด”ชานยอลรีบเข้าไปกอดแขนผู้เป็นแม่ไว้หวังให้เธอใจเย็นลง
“ชาน ยอลกลับเข้าห้องกับแม่”น้ำเสียงแข็งกระด้างอ่อนลงยามเมื่อใช้พูดกับลูกชายคน เล็ก ชานยอลถูกจูงเข้าห้องด้วยความไม่เต็มใจนักใบหน้าสวยหวานหันมองเซฮุนส่งคำขอ โทษและรู้สึกผิดไปทางสายตาซึ่งอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มบางกลับมาให้
เซฮุนเข้าใจ...และไม่เคยโกรธชานยอล
ร่าง สูงผอมรอจนชานยอลเดินไปพ้นสายตาถึงหันหลังเดินออกจากเรือนหลังในโดยไม่ลืม ที่จะหันไปขอโทษชายทั้งสองคนที่ตนได้ลงไม้ลงมือด้วย เซฮุนเดินผ่านสวนกว้างของคฤหาสน์ตระกูลอู๋ไปทางประตูเล็กที่เชื่อมไปถึงบ้าน ตระกูลลู่อย่างรวดเร็วเพราะน้ำตาที่เก็บกักไว้มันกำลังจะไหลออกมา
เขาร้องไห้เพราะอะไรกัน? มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นเสียหน่อย
ทันที ที่เปิดประตูเข้าห้องนอนตัวเองเซฮุนก็พุ่งตัวขึ้นไปนั่งกอดเขาพิงหัวเตียง ใบหน้าขาวก้มซบลงที่หัวเข่าไหล่บางสั่นไหวจากอาการสะอื้น ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกแทรกผ่านเข้ามาเซฮุนไม่ใช่คนขี้น้อยใจหรือคิดมากแต่ ครั้งนี้มันมากเกินไป ที่ผ่านมาเขารู้ว่าคุณนายอู๋ไม่ชอบตัวเองนักแต่ก็ไม่เคยเก็บมาใส่ใจคิดแต่ เพียงว่าหากเขาเป็นเด็กดีสักวันท่านจะเมตตาเอ็นดูเขาเหมือนชานยอลและลู่หาน บ้าง แต่วันนี้เขาเข้าใจดีแล้วว่าต่อให้ทำดีแค่ไหนเขาก็เป็นแค่ลูกชู้ในสายตาของ เธออยู่ดี
ความ จริงเซฮุนก็เป็นเพียงเด็กที่ต้องการความรักของแม่เท่านั้น แต่แม่ของเขาอยู่บนสวรรค์เวลาที่เซฮุนได้เห็นความรักของอู๋หลินหลันที่มีให้ ชานยอลมันอบอุ่นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนจนเขาก็อยากได้รับมันบ้างมันเป็นแค่ ความคิดสมัยเด็กๆ แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นเขาหวังแค่คุณนายอู๋จะไม่เกลียดตัวเองก็พอแล้วแต่มันคง ไม่มีวันนั้นสินะ
สัมผัส อบอุ่นที่ไหล่ซ้ายเรียกให้ใบหน้าขาวเงยขึ้นมอง เซฮุนจะคิดเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่าที่คิดว่าสายตาของคิมจงอินที่ใช้มองเขา อยู่ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความห่วงใย มือหนาปาดน้ำตาออกจากแก้มเนียนให้อย่างแผ่วเบาไล้ลงมาถึงมุมปากซ้ายที่มี เลือดซิบ
“ใคร ทำ”น้ำเสียงยามเอ่ยถามมันแฝงความโกรธ จงอินไม่พอใจที่เห็นเซฮุนต้องเจ็บแค่เขาเห็นเด็กคนนี้ร้องไห้หัวใจก็สั่นไหว แล้วไหนจะยังรอยช้ำที่ข้างแก้มนี่อีก ใครกันที่มันกล้าทำกับเซฮุนแบบนี้เขาจะไม่ปล่อยมันไว้
เซ ฮุนส่ายหน้าแทนคำตอบ ความห่วงใยปกป้องดูแลที่จงอินมอบให้มันทำให้เซฮุนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ เหมือนเขาเป็นเด็กน้อย เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นไม่ชอบให้ใครมาสงสาร
“เซ ฮุนนา...อยู่กับฉันไม่ต้องฝืนทำเข้มแข็งได้มั้ย ถ้าเธอเจ็บก็ร้องออกมาฉันจะเป็นคนซับน้ำตาให้เอง”มือหนาประคองใบหน้าขาวของ คนอ่อยวัยกว่าให้ดวงตาบวมช้ำสบกับดวงตาสีดำสนิทที่พยายามสื่อความหมาย ทุกอย่างออกไป
ไม่ เคยมีใครพูดแบบนี้กับเซฮุนมาก่อน หัวใจดวงน้อยอุ่นวาบเป็นอีกครั้งที่เขาแสดงด้านอ่อนแอออกมาต่อหน้าผู้ชายคน นี้ ใบหน้าหล่อเข้มก้มลงมาใกล้จูบซับที่เปลือกตาบางซึ่งเซฮุนเองก็ไม่ได้ขัดขืด กลับหลับตายอมรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ ริมฝีปากหยักจูบซับหยาดน้ำตาลากผ่านแก้มเนียนขาวคลอเคลียอยู่บริเวณริมฝีปาก บางที่เคยลิ้มรสมาแล้ว บดเคล้าแผ่วเบาถ่ายทอดความอ่อนโยนให้อย่างไม่มีการรุกล้ำใดใด
จง อินไม่รู้หรอกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเด็กตรงหน้านี้ เขาเพียงแค่อยากปกป้องดูแล อยากจะเห็นแต่รอยยิ้มของเซฮุนเท่านั้น เขาไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าความรักหรือเปล่า...มันอาจจะเร็วไปสำหรับคำนั้น แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือเขาชอบเด็กคนนี้มาก
ชอบความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งทว่ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนไหว
คนที่พยายามปกป้องคนอื่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองก็ต้องการคนปกป้องเช่นกัน
เซฮุนเด็กแสนพยศที่แท้จริงแล้วกลับเป็นเพียงลูกแมวเชื่องๆ เท่านั้น
จงอินชอบทั้งหมดที่รวมเป็นเด็กคนนี้ มันแปลกใหม่ น่าค้นหาและชวนให้....หลงใหล
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
เป็น เวลาดึกมากแล้วแต่ชานยอลยังไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ร่างโปร่งบางนั่งพิงหน้าต่างกระจกบานใหญ่มองท้องฟ้ายามราตรีที่มีดวงจันทร์ ส่องแสงสีนวลตาทำให้ค่ำคืนนี้ไม่มืดมิดนักแต่แสงสว่างนั้นกลับส่งผ่านมาไม่ ถึงหัวใจของเขา เพราะคนที่เปรียบดั่งดวงจันทร์ของชานยอลอยู่ห่างไกลเหลือเกิน
ตอน ที่พ่อแม่ตัดสินย้ายกลับมาอยู่ประเทศจีนถึงแม้ชานยอลจะติดแม่ขนาดไหนแต่เขา ก็ยืนยันที่จะอยู่เกาหลีต่อ เหตุผลมีเพียงอย่างเดียวนั่นคือชานยอลขาดอู๋อี้ฝานไม่ได้แม้ตอนนั้นความ สัมพันธ์ของพวกเขามันไม่ค่อยดีนักแต่อย่างน้อยชานยอลก็ยังอุ่นใจที่พี่ ชายอยู่ในที่ที่เขาสามารถมองเห็นได้แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้ว...
อู๋อี้ฝานทิ้งปาร์คชานยอลไปอีกครั้ง
เมื่อ ตอนเย็นแม่บอกว่าอี้ฝานกลับเกาหลีไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วเพราะมีงานด่วน ครอบครัวลงความเห็นว่าควรให้ชานยอลอยู่ที่จีนเพราะอาการป่วยกำเริบบ่อยและ อี้ฝานไม่มีเวลาดูแลเนื่องจากงานยุ่ง ไม่มีใครคิดจะถามความต้องการของเขาแม้แต่อี้ฝานทั้งที่สัญญาไว้ว่าจะไม่ทิ้ง กันไปอีกสุดท้ายก็ยังผิดคำพูด
ดวง ตาเรียวสวยปิดลงตามด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอย่างเงียบๆ ศีรษะเล็กเอียงซบความเย็นชืดของหน้าต่างใสอย่างเหนื่อยล้า เขาไม่ได้เหนื่อยกายแต่ข้างในจิตใจต่างที่มันอ่อนล้าลงเหลือเกิน ที่อี้ฝานทำดีกับเขาที่บอกจะไปอยู่ด้วยกันสองคนมันคงเป็นเพียงเรื่องโกหก หลอกลวงให้เขาตายใจจนต้องมาเป็นนกน้อยในกรงทองอยู่ที่กวางโจวแบบนี้
แล้วคำว่ารักที่ให้กันละ...ฉันยังเชื่อมันได้อยู่มั้ย พี่ชาย
ร่าง สูงใหญ่เปิดประตูเข้ามาอย่างแผ่วเบากวาดตามองหาคนที่ควรอยู่บนเตียงแต่พบ เพียงความว่างเปล่า หางตาเหลือบไปเห็นเงาร่างแบบบางนั่งหลับพิงบานหน้าต่างอยู่ก็คลี่ยิ้มมุม ปากอย่างเบาใจ ฝีเท้ายาวก้าวเข้าไปใกล้ร่างนั้นและทรุดตัวลงนั่งมองใบหน้าของคนที่คิดถึง สุดหัวใจ นิ้วเรียวยาวยกขึ้นปาดคราบน้ำตาที่ยังเปรอะเปื้อนบนแก้มเนียนใสและคงเพราะ สัมผัสแปลกใหม่ทำให้คนที่หลับอยู่รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง
ดวง ตาเรียวเบิ่งกว้างเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เสี้ยววินาทีแรกใบหน้าสวยหวานเต็มไปด้วยแววยินดีเมื่อเห็นชายตรงหน้าแต่แล้ว ก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึงทันทีเมื่อนึกถึงความผิดที่คนๆ นี้ทำไว้
“มาได้ไง กลับเกาหลีไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทิ้งฉันแล้วไม่ใช่เหรอ”น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความน้อยใจถูกเปล่งออกไปพร้อมกับแววขุ่นเคือง
“ใคร จะทิ้งเด็กดื้อคนนี้ได้ลง คิดถึงจะขาดใจอยู่แล้ว”อู๋อี้ฝานดึงร่างแบบบางเข้ามากอดไว้แนบอก เพียงไม่ได้เจอแค่ไม่กี่วันเขาก็แทบจะทนไม่ได้แล้วไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเขายอม แยกจากชานยอลไปตั้งหลายปีได้ยังไง
“อี้ ฝาน...คนบ้า ฮึก”ใบหน้าสวยซบลงบนบ่ากว้างสะอื้นไห้ด้วยความคิดถึง ชานยอลนึกโกรธตัวเองนักนี่เขารักอี้ฝานมากไปหรือเปล่าเพราะเพียงแค่เห็นหน้า ผู้ชายคนนี้ความโกรธเคืองที่มีก็หายไปจนหมด “คิดว่าจะทิ้งฉันไปแล้วซะอีก”
อู๋ อี้ฝานกอดคนน้องแน่นไม่แพ้กันมือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่มโยกตัวน้อยๆ เพื่อกล่อมให้เด็กขี้แยสงบลงก่อนจะดันร่างโปร่งบางออกให้มองหน้ากัน มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าสวยหวานไว้จ้องลึกไปในดวงตาบวมช้ำ
“เด็กโง่ สัญญาแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่เชื่อใจฉันเหรอ”รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งให้เด็กน้อยที่ยังไม่หยุดร้องไห้
“เชื่อ ก็ได้...”คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลร้องไห้แทบเป็นแทบตายได้มีเพียงอู๋อี้ฝานและ คนที่ทำให้ปาร์คชานยอลยิ้มเหมือนคนบ้าได้ก็คืออู๋อี้ฝานเช่นกัน ชานยอลไม่สามารถหุบยิ้มได้ในเมื่อตอนนี้หัวใจเขาอบอุ่นเต็มไปด้วยความมั่นใจ จากคำมั่นสัญญาของพี่ชาย
“เรารีบไปกันเถอะก่อนจะมีคนมาเห็น”อี้ฝานบอกน้องและช่วยประคองคนตัวบางให้ลุกขึ้นก่อนจะจูงมือนำไปทางประตู
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมต้องหลบด้วยละ”ชานยอลถามอย่างงุงงงเมื่อเดินตามออกมาแล้วพบยามหน้าประตูสองคนถูกจัดการจนสลบไปแล้ว
“ไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง”
ตลอด ทางจากเรือนหลังในของชานยอลมาจนเกือบถึงประตูด้านหลังมีเวรยามเฝ้าอยู่หลาย จุด แต่เพราะอี้ฝานคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีทำให้รู้เส้นทางหลบหลีกถึง ได้พ้นสายตาคนเหล่านั้นมาได้เหลือก็แต่ต้องผ่านลานโล่งกว้างข้างหน้านี้ไปก็ จะถึงประตูด้านหลัง
“ตอน ที่ฉันจัดการเจ้าพวกนั้น เธอเอากุญแจนี่ไขประตูออกไป อี้ชิงจอดรถอยู่ข้างนอก”อี้ฝานบอกตอนนี้พวกเขาสองคนหลบอยู่ใต้เงาต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะหยิบลูกกุญแจสำรองส่งให้ชานยอล ตอนเข้ามาเขาปีนกำแพงผ่านมาอย่างสบายโดยไม่มีใครเห็นแต่ครั้นจะให้ชานยอลปีน กำแพงออกไปก็กลัวน้องจะพลาดท่าตกลงไปได้รับบาดเจ็บเลยจำเป็นต้องลงไม้ลงมือ กับลูกน้องที่เฝ้ายามอยู่แทน
“อี้ ฝานจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”ชานยอลถามอย่างเป็นห่วงถึงแม้จะรู้ว่าพี่ชายได้รับ การฝึกศิลปะการป้องกันตัวมาอย่างดีแต่ใจก็อดที่จะกังวลไม่ได้
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก พวกนั้นมีไม่กี่คนเองด้วย เธอรีบไขประตูเร็วๆ ก่อนที่จะมีคนตามมาสมทบแล้วกัน”
ใบ หน้าหล่อจัดก้มลงจูบขมับคนน้องก่อนจะกุมข้อมือเล็กพาเดินออกไปกลางลาน ทันทีที่พวกลูกน้องเห็นพวกเขาสองคนก็รีบกรูกันเข้ามาขวางทาง อี้ฝานจัดการพวกนั้นออกไปทีละคนโดยพยายามกันให้ชานยอลวิ่งไปที่ประตูให้ได้ ร่างกายที่สูงกว่าบวกกับการที่ได้รับฝึกฝนมาอย่างดีทำให้พวกลูกน้องทำ อันตรายอี้ฝานไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เขาหลอกล่อพวกนั้นให้ไปต่อสู้ตะลุมบอนกันอยู่กลางลานจนชานยอลมีโอกาสวิ่งไป ถึงประตู
ชาน ยอลไขกุญแจด้วยมืออันสั่นเทาทั้งความประหม่าและเป็นห่วงพี่ชายทำให้ไขเท่า ไหร่กุญแจก็ไม่ยอมคลายล็อคสักที ใบหน้าหวานหันมองคนตัวสูงเป็นระยะพร้อมกับสถบใส่แม่กุญแจที่ขึ้นสนิมจนไขยาก นี่
ปัง!
เสียง ปืนที่ไม่รู้ดังมาจากทิศไหนทำให้การเคลื่อนไหวทุกอย่างในบริเวณนี้หยุดชะงัก ชานยอลที่ตกใจจนทำลูกกุญแจในมือหล่นรีบหันกลับไปมองหาพี่ชาย อี้ฝานยังยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มลูกน้องของอู๋เจี้ยนแต่ที่ไหล่ซ้ายกลับมี เลือดสีแดงฉานซึมออกมา ชานยอลรู้สึกหัวใจกระตุกวูบเขาทิ้งควมคิดทุกอย่างและรีบวิ่งเข้าไปรับร่าง พี่ชายที่กำลังจะทรุดลงกับพื้น
“อี้ฝาน! อย่าเป็นอะไรนะ”ชานยอลกรีดร้องเสียงหลงเมื่อเลือดของพี่ชายไหลออกมามากมายเหลือเกิน
“ไม่...ฉัน ไม่เป็นอะไร”อู๋อี้ฝานฝืนยิ้มบอกและจับชานยอลให้หลบอยู่ด้านหลังตัวเองแทน เพราะจากที่พวกเขาอยู่ตอนนี้เป็นลานโล่งอาจถูกลอบยิงอีกได้
กลุ่ม ลูกน้องที่ตอนแรกต่อสู้กับอู๋อี้ฝานเปลี่ยนมาเรียงหน้าคุ้มกันเจ้านายทั้ง สอง ดูท่าทางทั้งหมดต่างก็มึนงงกับเหตุการณ์พวกเขาได้รับคำสั่งให้ขัดขวางไม่ให้ ชานยอลออกจากคฤหาสน์แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอันตรายใดๆ แล้วใครกันที่กล้ายิงอู๋อี้ฝาน
“คุณ หนู คุณคริส...ไหวมั้ยครับ”จางอี้ชิงที่รออยู่ข้างนอกปีนกำแพงสูงเข้ามาเพราะได้ ยินเสียงปืน อี้ชิงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการของเจ้านายอย่างกังวลและใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือด ที่ไหล่ซ้ายของอู๋อี้ฝานไว้แต่ไม่ได้ผลเท่าไหร่นักเพราะเลือดก็ยังคงไม่หยุด ไหล
“ฉันไม่เป็นไร รีบพาชานยอลออกไปจากตรงนี้ก่อน”เมื่อเห็นอี้ชิงแล้วอี้ฝานก็สบายใจ เขามั่นใจว่าอี้ชิงจะปกป้องชานยอลได้เพราะตอนนี้เขาเสียเลือดมากจนแทบจะประคองสติไม่อยู่
“ฉันไม่ไปไหน เราต้องไปด้วยกัน”ชานยอลไม่ยอมลุกจากไปตามแรงดึงของอี้ชิง เขากอดร่างพี่ชายเอาไว้แน่นกลัวเหลือเกินว่าจะเสียอี้ฝานไป
เสียง ปืนที่ดังขึ้นเมื่อครู่เรียกให้คนในคฤหาสน์กรูกันมาบริเวณนี้รวมทั้งอู๋หลง อู๋หลินหลัน ลู่หานและโอเซฮุนด้วย เมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์ก็สั่งให้คนบางกลุ่มรีบไปหาตัวมือปืนมาให้ได้
“นี่ มันเรื่องอะไร แล้วแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงอี้ฝาน”อู๋หลงถามลูกชายคนโตที่ตอนนี้ควรจะอยู่ เกาหลี แต่กลับมาโดนยิงอยู่ในสวนหลังบ้านที่นี่ได้ยังไง
“เอาไว้ก่อนเถอะน่า รีบพาลูกไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”คุณนายอู๋ที่ควบคุมสติได้รีบหันไปสั่งจางอี้ชิงให้เตรียมเอารถออก
อู๋ อี้ฝานรู้สึกหูอื้อไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่ามัวเหมือน มีคนค่อยๆ ปิดม่านสีดำลงมา เขาพยายามฝืนมองหน้าของชานยอลไม่อยากให้น้องต้องเป็นห่วง ชานยอลกำลังร้องไห้เพราะเขาอีกแล้วอี้ฝานอยากจะซับน้ำตาออกจากใบหน้าสวยให้ แต่เรี่ยวแรงที่จะยกแขนขึ้นเขายังไม่มี เปลือกตาของเขาหนักเกินกว่าจะฝืนได้อีกต่อไปและก่อนที่สติจะจมดิ่งสู่ความ มืดมิดน้ำเสียงกรีดร้องปานจะขาดใจของชานยอลก็ดังแว่วเข้ามาเป็นเสียงสุดท้าย ที่เขารับรู้
“อี้ฝาน!”
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
อู๋ อี้ฝานถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันทีที่มาถึงโรงพยายาล ตอนนี้ชานยอล หลันหลัน อี้ชิง เซฮุนและลู่หานต่างก็นั่งรอด้วยความเป็นกังวลอู๋หลงไม่ได้ตามมาด้วยเพราะ ต้องจัดการเรื่องที่บ้านก่อน ผ่านไปสักพักประตูห้องสีขาวก็เปิดออกมาพร้อมด้วยนายแพทย์ประจำตัวอู๋เจี้ยน ที่อยู่โรงพยาบาลนี้
“พี่ชายผมเป็นยังไงบ้างฮะคุณหมอ”ชานยอลรีบวิ่งเข้าไปถาม
“คุณคริสเสียเลือดมาก เราต้องการเลือดกรุ๊ปโอด่วนครับ ใครมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับคุณคริสบ้าง”
“ผมเลือดกรุ๊ปโอครับ”
“ฉันกรุ๊ปโอคะ”
โอ เซฮุนและอู๋หลินหลันบอกพร้อมกัน ทั้งสองถูกพาไปตรวจเลือดอีกห้องหนึ่งท่ามกลางความสงสัยของชานยอล ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ลู่หานและอี้ชิงต่างก็ปลอบให้เขาคลายกังวลแต่ทั้งสองคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ชาน ยอลกำลังคิดอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของอี้ฝานเท่านั้น
ชาน ยอลจำได้ว่าคุณพ่อของเขามีเลือดกรุ๊ปโอและเพิ่งรู้เมื่อกี้ว่าแม่เองก็กรุ๊ป โอเช่นกัน ตามที่เคยอ่านเจอในหนังสือมาถ้าพ่อแม่มีเลือดกรุ๊ปโอทั้งคู่ลูกก็ไม่มีทาง ที่จะมีกรุ๊ปเลือดอื่นไปได้นอกจากโอ แล้วทำไม...ชานยอลถึงกรุ๊ปเอละ?
หลิน หลันที่เดินกลับมาดึงชานยอลให้ออกจากห้วงความคิดของตัวเอง เธอบอกว่าให้เลือดอี้ฝานไม่ได้เพราะความดันต่ำจึงต้องใช้เลือดของเซฮุนแทน ซึ่งชานยอลดูออกว่าแม่มีทางทีไม่เต็มใจนัก เวลายังคงเดินผ่านไปอย่างช้าๆ เซฮุนเดินกลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือดลู่หานจึงพาไปพักผ่อนที่ห้องพักผู้ป่วย ผ่านไปอีกเกือบชั่วโมงหมอก็ออกมาบอกว่าอี้ฝานพ้นขีดอันตรายแล้วและย้ายไปที่ ห้องพักผู้ป่วยเช่นกัน
ชาย ร่างสูงที่น่าเกรงขามในสายตาคนอื่นตอนนี้กำลังนอนไร้สติร่างกายซีดเผือด เห็นสภาพพี่ชายเป็นแบบนี้แล้วชานยอลไม่สามารถจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ร่างโปร่ง บางนั่งลงข้างเตียงคนป่วยมือเล็กกุมฝ่ามือใหญ่ไว้แน่นอยากจะส่งผ่านความ รู้สึกทั้งหมดภายในใจที่ไม่สามารถแสดงออกต่อหน้าคนอื่นผ่านทางสัมผัสนี้
ประตู ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของอู๋หลงที่เพิ่งจัดการเรื่องราวในคฤหาสน์ เสร็จและรีบตามมาดูอาการลูกชาย ชานยอลลุกขึ้นไปยืนขวางเอาตัวเองบังอี้ฝานไว้จนคนเป็นพ่อมองการกระทำนั้น อย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกมองลูกชายคนเล็กอย่างต้องการคำตอบ
“คุณพ่อมาทำอะไร จะตามมายิงอี้ฝานอีกหรือไงฮะ”ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างที่ไม่เคยใช้กับพ่อมาก่อน
“นี่ลูกคิดว่าพ่อเป็นคนสั่งให้ยิงอี้ฝานหรือไง”อู๋หลงถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งหากแต่ทำให้คนฟังรู้สึกหวั่นเกรงได้
ถ้า เป็นเมื่อก่อนชานยอลคงไม่มีวันคิดว่าอู๋หลงจะทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้ได้แต่พอ เขารู้ถึงสิ่งที่พ่อตัวเองทำกับเมิ่งเจียมันทำให้เขาไม่แน่ใจ คุณพ่อที่แสนดีของชานยอลกับพี่ชายที่โหดร้ายกับน้องสาวแบบไหนกันที่เป็นตัว ตนของอู๋หลง
“เป็น ฝีมือของคนนอกที่ยิงอี้ฝาน ลูกน้องในคฤหาสน์ทุกคนไม่มีใครกล้าแตะต้องลูกกับพี่ชายหรอก”อู๋หลงพูดเสียง อ่อน ตั้งแต่สั่งให้อี้ฝานกลับเกาหลีไปเขาก็ไม่ไว้ใจคิดว่าเจ้าลูกชายคนโตจะ ต้องกลับมาพาชานยอลไปแน่จึงสั่งให้คนเฝ้ายามเข้มงวดมากขึ้นและมันก็เป็นจริง แบบที่เขาคิด แต่คนเป็นพ่ออย่างเขามีหรือจะใจร้ายทนเห็นลูกได้รับอันตรายจึงได้สั่งกำชับ กับทุกคนว่าห้ามทำรุนแรงเด็ดขาด และเรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากสืบสวนกันแล้วทุกคนต่างก็ลงความเห็นว่า น่าจะเป็นฝีมือของคนนอกมากกว่า
“ชานยอลลี่ เชื่อพ่อเถอะ ไม่มีพ่อแม่คนไหนทำร้ายลูกตัวเองได้ลงหรอก”หลินหลันช่วยพูดเสริมอีกแรง
ชาน ยอลอยากจะพูดกลับไปว่ามี คุณปู่ยังทำร้ายเมิ่งเจียบีบจนเธอต้องตายเขาอยากจะบอกออกไปแบบนั้นแต่ก็กลืน คำพูดทั้งหมดลงคอและหลีกทางให้อู๋หลงเข้าไปดูอาการพี่ชาย
“พี่เขาปลอดภัยแล้ว ลูกกลับไปพักผ่อนเถอะ”หลินหลันบอกลูกชายคนเล็กเพราะตอนนี้ก็ใกล้จะเช้าแล้วกลัวว่าชานยอลจะล้มป่วยไปอีกคน
“ผมอยากอยู่รอจนกว่าอี้ฝานจะตื่น แม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”ชานยอลตอบทั้งที่ไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าซีดเซียวของพี่ชาย
“คุณปู่สั่งให้พาลูกกลับบ้าน”อู๋หลงบอกพลางยืดตัวขึ้น
“ไม่ ฮะ ผมจะอยู่กับอี้ฝาน ถ้าผมไม่กลับคุณพ่อจะสั่งให้คนเอามีดจ่อคอแล้วบังคับผมไปหรือเปล่า”ไม่รู้ ว่าเพราะอะไรชานยอลถึงได้ก้าวร้าวกับพ่อขนาดนี้ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคย แสดงกิริยาแย่ๆ ใส่พ่อแม่เลย แต่พอรู้เรื่องเมิ่งเจียดูเหมือนเขาจะมีอคติกับพ่ออย่างบอกไม่ถูก
หลิน หลันบีบแขนห้ามสามีที่เหมือนจะพูดอะไรออกมา เธอเข้าใจว่าตอนนี้ชานยอลเป็นห่วงพี่ชายมากอาจจะขาดสติไม่ทันคิด จึงหันไปสั่งความให้อี้ชิงดูแลชานยอลและลากตัวอู๋หลงออกจากห้องไป ลู่ หานเปิดประตูเข้ามาสวนกับผู้ใหญ่ทั้งสองที่กลับออกไป ร่างเล็กปลายตามองจางอี้ชิงเพียงเล็กน้อยและทำราวกับอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุ ไร้ตัวตนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับชานยอล
“อี้ฝานเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ได้สติเลยฮะ เซฮุนอยู่ห้องข้างๆ ใช่มั้ย ผมจะไปดูเขาหน่อย”
เมื่อ เห็นว่ามีทั้งลู่หานและอี้ชิงอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายแทนแล้วชานยอลจึงหาโอกาส เลี่ยงออกจากห้อง แต่พอเปิดประตูออกมาก็พบลูกน้องของอู๋หลงสองคนยืนเฝ้าอยู่ และดูท่าสองคนนี้จะถูกสั่งให้จับตาดูเขาไว้เพราะพอชานยอลเดินออกจากห้องทั้ง สองก็เดินตามไม่ห่าง แต่ทางที่ชานยอลเดินไปไม่ใช่ห้องของเซฮุนเขากำลังจะไปหาคำตอบถึงสิ่งที่ สงสัยอยู่ต่างหาก
ห้อง ของนายแพทย์คนหนึ่งคือจุดหมายของชานยอลอะไรบางอย่างบอกเขาว่าไม่ควรไปปรึกษา เลือกเรื่องกับแพทย์ประจำตัวของอู๋เจี้ยน มือบางเคาะประตูและรอคนข้างในอนุญาตจึงหันไปสั่งลูกน้องสองคนให้รออยู่ด้าน นอก
“สวัสดี ครับคุณหมอ คือพอดีผมต้องทำรายงานเรื่องกรุ๊ปเลือดส่งอาจารย์แล้วมีบางเรื่องที่ไม่แน่ ใจเลยอยากมาขอคำตอบจากคุณหมอสักหน่อย”ชานยอลโกหกออกไปทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่ ใช่คนโกหกเก่งนัก
“เอาสิ ตอนนี้หมอกำลังว่างพอดี”คุณหมอวัยกลางคนตอบอย่างใจดี ชานยอลจึงส่งยิ้มกว้างกลับไปให้
“คือผมอ่านเจอว่าถ้าพ่อแม่เลือดกรุ๊ปไหนลูกจะออกมาเป็นเลือดกรุ๊ปนั้น จริงหรือเปล่าครับ”ชานยอลถามออกไปพร้อมกับกลั้นใจฟังคำตอบ
“ไม่เสมอไปหรอกครับ”
คำ ตอบของคุณหมอราวกับยกภูเขาอันหนักอึ้งออกจากอกชานยอลได้ ใบหน้าสวยหวานยิ้มอย่างโล่งใจนี่เขากังวลอะไร บ้าจริงคิดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อแม่ได้ยังไง
“ยกเว้นกรุ๊ปโอเท่านั้น ถ้าพ่อแม่มีเลือดกรุ๊ปโอทั้งคู่ ลูกจะมีหมู่เลือดเป็นกรุ๊ปโอตามพ่อแม่ไม่มีโอกาสเป็นหมู่เลือดอื่น”
คำ อธิบายต่อมาของคุณหมอทำให้ชานยอลนิ่งค้างขณะที่ความรู้สึกของเขาเหมือนดิ่ง ลงเหวลึก ฟังสิ่งที่คุณหมอแจกแจงออกมาแต่สมองของเขากลับรับรู้เพียงน้อยนิด เขาไม่ได้อยากฟังหลักวิทยาศาสตร์พวกนั้น
“เพราะหมู่เลือด A มียีนส์ AO,AA หมู่เลือด B มียีนส์ BO,BB หมู่เลือด AB มียีนส์ AB ยกเว้นแต่ หมู่เลือด O ที่มียีนส์ OO เพราะฉะนั้นหากพ่อแม่เลือดกรุ๊ปโอทั้งคู่ลูกจึงไม่มีโอกาสจะเป็นกรุ๊ปเลือดอื่นไปได้นอกจากกรุ๊ปโอเพราะไม่มียีนส์ตัวใดมาผสม”
คำ พูดของคุณหมอ ยังดังก้องอยู่ในสมองตอนที่ชานยอลออกมาแล้ว ร่างโปร่งแทบจะทรงกายยืนไม่อยู่จนลูกน้องทั้งสองต้องเข้ามาช่วยพยุงแต่เขาก็ ยกมือห้ามไว้ ชานยอลเดินมาจนถึงห้องพักของเซฮุนด้วยตัวเองและเปิดประตูห้องเข้าไปโดยไม่ขอ อนุญาตจากคนด้านใน แต่แทนที่ห้องนี้จะมีเพียงเซฮุนที่พักผ่อนอยู่กลับมีร่างสูงของชายแปลกหน้า ยืนอยู่ข้างเตียงเพื่อนเขา
“คุณเป็นใคร”ชานยอลถามอย่างไม่ไว้วางใจ
ชาย ตรงหน้ามีรูปร่างสูงกำยำผิวสีแทนใบหน้าคมเข้มส่งยิ้มให้ชานยอลอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเอ่ยคำทักทายที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วอย่างข้องใจ
“ในที่สุดก็เจอกันสักทีนะ เหยียนเหอ”
TBC
Matesoulmy
ความคิดเห็น