ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Preponderant [Krisyeol :: Kaihun : Laylu]

    ลำดับตอนที่ #8 : : : Chapter 8 : :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 566
      1
      2 ก.พ. 57


    Chapter 8





    สถาปัตยกรรมสไตล์จีนโบราณประยุกต์ผสมผสานกันที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งปลูก สร้างที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้คือคฤหาสน์ของตระกูลอู๋ ในแต่ละปีชานยอลจะกลับมาบ้านที่กวางโจวไม่กี่ครั้งเป็นเพราะเขาไม่ชอบกฎ ระเบียบอันเข้มงวดและแสนจะหัวโบราณของที่นี่และเหตุผลที่เขาต้องกลับมาใน วันนี้เพราะอีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดของคุณปู่ ชานยอลถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะก้าวตามหลังแม่ อี้ฝาน ลู่หาน และอี้ชิงที่เดินนำเข้าตัวบ้านไปแล้ว แต่เมื่อรู้สึกว่าใครอีกคนไม่ได้เดินตามมาด้วยจึงหันกลับไปมอง

    เซฮุนยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ สองสามวันมานี้ชานยอลสังเกตุว่าเพื่อนรักดูเซื่อมซึมไม่ค่อยพูดจาคล้ายมี เรื่องไม่สบายใจ แต่กลับไม่ยอมเล่าให้เขาฟังชานยอลจึงไม่เซ้าซี้ให้รำคาญใจได้แต่รอให้เซฮุนพ ร้อมแล้วระบายมันออกมาเอง

    เซฮุนเข้าบ้านกันชานยอลเอ่ยเรียกเพื่อนรัก

    อือเซฮุนสูดลมหายใจเข้าลึกเป็นการเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ทั้งที่เขายังไม่เชื่อในสิ่งที่จงอินพูดทั้งหมดแต่ในใจกลับรู้สึกอยากจะหนี ไปให้ไกลไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวนี้อีก แต่เพราะเป็นห่วงชานยอลห่วงทั้งสภาพจิตใจและความปลอดภัยเขาจึงทิ้งไปไม่ได้

    และไหนจะยังลู่หานอีก ถ้าเขาหันหลังจากไปก็จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของคนๆนั้น

    ชานยอลกับเซฮุนเดินเข้าตัวบ้านด้วยความรู้สึกหน่วงใจไม่ต่างกัน พวกผู้ใหญ่นั่งรออยู่ที่ห้องโถงเล็กชานยอลหันไปสบตากับพี่ชายที่ส่งสายตา ห่วงใยมาเขาจึงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้อีกฝ่ายสบายใจ เขาและเซฮุนเดินไปหยุดยืนตรงหน้านายท่านอู๋เจี้ยนกับคุณนายเยริมหรือก็คือ คุณปู่คุณย่าของอี้ฝานและชานยอล

    เด็กสองคนโค้งกายลงทำความเคารพมันเป็นเรื่องปกติที่อู๋เจี้ยนจะทำเพียงปราย ตามองหลานชายคนเล็กอย่างเย็นชาผิดกับปาร์คเยริมที่ยิ้มจนแก้มปริและเข้ามา สวมกอดหลานรักด้วยความคิดถึง

    เคารพผู้อาวุธโสของบ้านเสร็จชานยอลก็กอดอู๋หลงผู้เป็นพ่อจนจมอก เซฮุนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่สับสนในใจและโค้งกายให้ตามมารยาท และสุดท้ายถึงหันไปทักทายลู่เจิ้งที่อยู่ที่นี่ด้วยก่อนจะถอยตัวลงไปนั่งบน เก้าอี้ยาวถัดจากอี้ฝานและลู่หานที่นั่งอยู่คู่กันส่วนหลินหลันนั่งคู่กับ อี้ชิงอยู่ฝั่งตรงข้าม

    เป็นธรรมเนียมปกติที่เมื่อกลับมาบ้านใหญ่หลังนี้ทุกคนในครอบครัวจะรวมตัวกัน เพื่อพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเพราะไม่ค่อยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาบ่อย นัก แต่ที่แปลกไปคือวันนี้ครอบครัวลู่ถูกเรียกให้มาพบด้วย อู๋เจี้ยนและพวกผู้ใหญ่กำลังคุยกับอี้ฝานเรื่องธุรกิจต่างๆ โดยไม่ได้สนใจหลานชายอีกคนแม้แต่น้อย ชานยอลเองก็ชินเสียแล้วเพราะคุณปู่มักจะทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุไม่มีตัวตน เขาเองก็ไม่เข้าใจในเมื่อท่านทำเหมือนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาแล้วจะเรียกให้มา ด้วยทำไม

    ที่ให้ทุกคนมาอยู่พร้อมหน้าวันนี้เพราะอยากจะคุยเรื่องอี้ฝานกับลู่หานให้ เป็นเรื่องเป็นราว สองคนก็คบกันมานานแล้ว ฉันคิดว่าสมควรแต่งกันสักทีประโยคนี้เรียกความสนใจของชานยอลและเซฮุนให้ กลับมาอยู่ในห้องโถงนี้อีกครั้ง ชานยอลเผลอหันไปสบตากับอี้ฝานอย่างลืมตัว

    แต่ว่าพวกเรายังไม่พร้อมครับทั้งอี้ฝานและลู่หานพยายามพูดค้าน แต่คำไหนที่หลุดออกมาจากปากของอู๋เจี้ยนแล้วก็ยากที่ใครจะเปลี่ยนแปลงได้

    แล้วเมื่อไหร่ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ กันแล้ว หลังจากพวกเธอแต่งจะได้จัดงานหมั้นของชานยอลกับเซฮุนต่อคราวนี้เป็นชานยอ ลกับเซฮุนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาเงยหน้าพรวดขึ้นมองและต่างสบตากัน ก็รู้ว่าต้องหมั้นแต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้

    เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะครับคุณปู่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ คุณปู่พูดเรื่องนี้กับเขาซึ่งอี้ฝานก็พยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด

    จะผลัดไปถึงเมื่อไหร่ ก่อนพวกเธอกลับเกาหลีกันคราวนี้ฉันต้องได้คำตอบ!อู๋เจี้ยนสั่งคำขาดและเดินออกไป
    ปู่เขาแค่อยากเห็นหลานๆ ทุกคนเป็นฝั่งเป็นฝาน่ะ ตามประสาคนแก่ละนะอยากเห็นลูกหลานมีความสุขปาร์คเยริมผู้ซึ่งเข้าใจสามีที่ สุดบอกก่อนจะออกจากห้องไปอีกคน

    เอาละ เด็กๆ แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้วหลินหลันบอกพลางส่งสายตาคาดโทษไปทางสามีและเดินออกไป

    ครอบครัวลู่ทั้งสามคนก็ขอตัวกลับบ้านที่อยู่ถัดจากรั้วบ้านตระกูลอู๋ อู๋หลงได้มีโอกาสพูดคุยกับชานยอลยังไม่ทันหายคิดถึงก็โดนลูกชายคนโตดึงตัวไป บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ในห้องโถงเล็กนี้จึงเหลือเพียงแค่ชานยอลกับอี้ชิงที่ยืนรออยู่



    ชานยอลเดินผ่านโถงทางเดินยาวที่จะนำไปสู่เรือนหลังในซึ่งเป็นที่พักของเขา สองฝั่งของทางเดินที่ทอดยาวนี้ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์ บรรยากาศของคฤหาสน์อุดมไปด้วยธรรมชาติแบบที่ชานยอลชอบ ห้องพักของชานยอลถูกรายล้อมด้วยแปลงดอกไม้หลายชนิดที่แข่งกันส่งกลิ่นหอมมา ตามลม ห้องนั่งเล่นถูกเปิดโล่งเพื่อรับสายลมตามธรรมชาติ ร่างโปร่งเดินเข้าไปด้านในห้องนอนซึ่งอี้ชิงก็ปล่อยให้เขาได้มีเวลาส่วนตัว อยู่ตามลำพังโดยไม่ตามเข้ามา เตียงสี่เสาตั้งอยู่ริมระเบียงที่มีต้นเหมยแผ่กิ่งก้านเข้ามาชานยอลยืนพิง ขอบหน้าต่างมองทิวทัศน์ด้านนอก แม้ที่นี่จะสวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยายแต่ชานยอลกลับไม่เคยคุ้นเคยกับมันเอา เสียเลยเขาไม่มีความทรงจำวัยเด็กเกี่ยวกับบ้านหลังนี้เลยด้วยซ้ำ

    ร่างโปร่งหลับตารับสายลมที่โชยมาพลางนึกถึงเรื่องที่คุณปู่พูดในห้องโถง นี่เขามัวแต่มีความสุขจนลืมไปได้ยังไงนะว่าอี้ฝานกับลู่หานอยู่ในฐานะอะไร และสักวันพวกเขาทั้งคู่ก็ต้องแต่งงานสร้างครอบครัวกันถึงตอนนั้นชานยอลก็จะ เป็นเพียงแค่คนอื่นไม่มีสิทธิ์ในตัวอี้ฝาน

    เพราะมัวแต่ตกอยู่ในความคิดของตัวเองทำให้ชานยอลไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีคนเข้า มาในห้อง ร่างโปร่งถูกสวมกอดจากด้านหลังแต่ความอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้เขาไม่ส่งเสียง ร้องออกไป

    มาทำไมฮะใบหน้าหวานเบะปากเล็กน้อยทั้งที่รู้ว่าคนข้างหลังมองไม่เห็น

    ก็รู้ว่าจะต้องมีเด็กคิดมากไงเลยมาหาอี้ฝานอมยิ้มอย่างเอ็นดูที่เห็นอาการ แง่งอนของคนน้อง มือใหญ่พลิกคนตัวเล็กกว่าให้หันมาเผชิญหน้ากันแต่อีกฝ่ายกลับหันหน้าหนีไป อีกทางเขาจึงโอบเอวบางไว้หลวมๆ

    ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่น้ำเสียงตวัดห้วนนี่บ่งบอกให้รู้เลยว่าคนตัวเล็กนี่คิดและคิดมากด้วย

    จริงเหรอ...คนไม่คิดมากเขาทำหน้าแบบนี้แถมยังงอนจนทำปากยื่นเหรอคนเป็นพี่ ล้อและดึงจมูกโด่งรั้นส่ายไปมาจนถูกดวงตาคู่สวยเขวี้ยงค้อนใส่

    ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยไม่ได้งอนด้วย พี่ต้องแต่งงานกับพี่ลู่หานมันก็ถูกต้องแล้วนี่...อื้อชานยอลไม่มีโอกาสพูด ตัดพ้อได้จบประโยคเมื่อถูกริมฝีปากหยักลึกดูดกลืนคำพูดทั้งหมดไปอี้ฝานแกล้ง กดจูบหนักหน่วงก่อนจะถอนริมฝีปากออก ชานยอลมองคนฉวยโอกาสตาขวางและสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

    อี้ฝานหัวเราะน้อยๆ ที่คนคิดมากเผยความรู้สึกออกมา เขากระชับเอวบางเข้าหาตัวแน่นขึ้นพร้อมกับจับคางเรียวให้หันหน้ามาสบตากัน ใบหน้าสวยหวานที่มีแก้มยุ้ยพอทำหน้างอนพองลมแบบนี้แล้วยิ่งน่าฟัดให้แก้มช้ำ

    ฉันกับลู่หานเราจะไม่แต่งงานกันอี้ฝานบอกให้อีกฝ่ายเลิกคิดมาก

    ทำไม? พวกพี่คบกันมาตั้งหลายปีพูดเรื่องนี้แล้วชานยอลก็อดจะเจ็บลึกภายในใจไม่ได้ เขาลืมความจริงข้อนี้ไปได้ยังไง ถึงอี้ฝานจะรักเขาแต่ก็คงรักลู่หานด้วยไม่งั้นคงไม่ตกลงคบกันมานานขนาดนี้

    เพราะฉันรักชานยอล

    คำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามเท่าไหร่เรียกเลือดฟาดบนใบหน้าเนียนใสได้ ชานยอลแกล้งเบะปากใส่เล็กน้อยก่อนจะเสหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเขินกับคำ บอกรักตรงๆ

    แล้วพี่ลู่หานละ

    ฉันกับลู่หานเป็นแค่เพื่อน เราไม่ได้คบกันจริงๆอี้ฝานพยายามอธิบาย เรื่องเขากับลู่หานเป็นความลับของพวกเขาสองคนมาตลอดซึ่งแม้แต่อี้ชิงเองก็ ไม่รู้

    ยังไง?”ดวงตาใสซื่อมองพี่ชายอย่างสงสัย

    ร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงและไม่ลืมที่จะรั้งคนตัวเล็กกว่าให้ลงมา นั่งบนตัก ท่อนแขนแข็งแรงยังคงกอดเอวบางไว้ขณะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทั้งหมด

    ตอนนั้นที่ฉันเมาจนห้ามใจตัวเองไม่อยู่เกือบทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ...ชาน ยอลก้มหน้างุดแก้มสองข้างแดงซ่านย้อนนึกถึงเรื่องเมื่อหกปีก่อนฉันตกใจมากที่ตื่นมาแล้วพบเธอในสภาพนั้นนอนอยู่ข้างๆ หลังจากนั้นฉันก็พยายามถอยห่างไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่กลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ ได้แล้วทำเรื่องแบบนั้นอีก ฉันกลัวใจตัวเองจนต้องหนีไปเรียนที่แคนาดา ฉันรู้ว่าตอนนั้นเธอเสียใจขนาดไหนแต่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันเสียใจและเจ็บ มากกว่าเธอไม่รู้กี่เท่าที่ต้องทิ้งหัวใจตัวเองไป

    เขาคิดว่าเวลาและระยะทางจะลดทอนความรักที่มีต่อชานยอลได้...แต่ไม่เลย ทุกเวลานาทีเขายังคิดถึงแต่น้องชายคนนี้ กับชานยอลเองก็เหมือนกันเขาคิดว่าตอนนั้นน้องยังเด็กความรู้สึกที่มีให้เขา อาจจะเป็นเพียงน้องที่รักพี่ชายมากเขาอยากให้ชานยอลได้ทบทวนความรู้สึกของ ตัวเองแต่เด็กคนนี้ก็พิสูจน์ให้เขารู้ว่าความรักที่มอบให้กันมันยิ่งใหญ่และ มั่นคงเพียงใด

    อี้ฝานใจร้ายคนตัวเล็กพูดอย่างตัดพ้อ ตอนที่อี้ฝานหนีไปแคนาดาเขาแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เอาแต่ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนจนล้มป่วย สุดท้ายถึงได้ประชดอีกฝ่ายโดยการทำตัวเสเพลออกเที่ยวกินเหล้าไม่เว้นวัน ต้องโหยหาความรักจากคนอื่นแต่ไม่ว่าจะกี่คนที่ผ่านเข้ามาก็ไม่เคยทดแทนหรือ ทำให้เขาลืมอี้ฝานได้เลย

    ฉันผิดไปแล้ว สัญญาเลยว่าจะไม่ทิ้งชานยอลไปไหนอีกชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นก่อนจะ เล่าเรื่องต่อ พอเรียนจบและต้องกลับมาเกาหลี ฉันกลัวว่าจะปิดบังความรู้สึกในหัวใจตัวเองไมได้จึงใช้ลู่หานบังหน้าประกาศ ตัวว่ากำลังคบกันอยู่ เพื่อที่ฉันจะได้รักเธอต่อไปเงียบๆ โดยไม่ถูกจับให้แต่งงานกับคนอื่นหรือโดนตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่มีแฟน ลู่หานเองก็ไม่อยากจะถูกบังคับให้ไปดูตัวเราสองคนถึงได้อยู่ในฐานะคนรักกัน แบบทุกวันนี้

    หมายความว่าที่ผ่านมาพวกพี่เล่นละครตบตาทุกคนมาตลอดชานยอลถามกลับด้วยความ อึ้ง ภายในใจพองโตอย่างเต็มตื้นที่เขาเป็นคนเดียวที่ได้ครอบครัวหัวใจของอู๋อี้ ฝาน

    ใช่ ฉันกับลู่หานไม่ได้คบกันเพราะความรัก ไม่เหมือนเธอหรอกที่อยากจะหมั้นกับเซฮุนท้ายประโยคบอกให้รู้ว่าชานยอลคงโดน คนตัวโตนี่งอนใส่เสียแล้ว

    เอ๊ะ พี่เป็นคนอยากให้ฉันหมั้นกับเซฮุนเองนะชานยอลกอดอกจ้องคนงอนตาแป๋ว

    คุณพ่อต่างหากที่อยากให้หมั้น ทุกทีฉันสั่งอะไรเห็นขัดคำสั่งไปเสียทุกเรื่องเลยลองพูดเรื่องหมั้นกับเซฮุน ไอ้เราก็นึกว่าจะดื้อไม่ยอมหมั้นแน่ๆ ที่ไหนได้...พูดแล้วก็อยากจะจับคนบนตักตีก้นเสียให้เข็ดโทษฐานที่กล้าคิดจะ ไปเป็นของคนอื่น

    ชานยอลกลั้นขำแทบไม่อยู่เมื่อได้ฟังคำพูดในใจของพี่ชาย อี้ฝานก็มีมุมน่ารักแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ยแขนเรียวโอบรอบคอคนงอนไว้ซบใบหน้าลง กับไหล่กว้างอย่างออดอ้อนพร้อมกับโยกตัวน้อยๆ เหมือนกล่อมเด็ก

    โอ๋ๆ ถ้าไม่อยากให้ฉันหมั้นทำไมไม่บอกตรงๆ ละ มาทำลีลา คิก

    ยอกย้อนเหรออี้ฝานจับเด็กแสบพลิกลงกับเตียงและทาบกายลงไปติดๆ จนอีกฝ่ายขยับตัวไม่ได้

    หนัก ลุกไปเลยคนตัวเล็กว่าพร้อมกับดันอกกว้างออกแต่ไม่เป็นผล

    ไม่ ตอบมาก่อนว่าอยากหมั้นกับเซฮุนจริงๆเหรออี้ฝานถามด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจังติดจะมีอาการฉุนนิดๆ

    ก็...นอกจากเซฮุนไม่เห็นจะมีใครเหมาะกับฉันแล้วนี่น่า ใครพูดน้าชานยอลเลียนแบบสิ่งที่อี้ฝานเคยพูดอย่างลอยหน้าลอยตา

    นี่กำลังยั่วโมโหฉันอยู่ใช่มั้ย

    เปล่าสักหน่อย เหตุผลของฉันก็เหมือนที่พี่คบกับพี่ลู่หานนั้นแหละถึงยังไงความรักของเราก็ ไม่มีทางเป็นไปได้ชานยอลเลิกล้อเล่นและตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ใบหน้าหวานหม่นลงเมื่อพูดสิ่งที่ตอกย้ำหัวใจตัวเอง

    ความรักของชานยอลและอี้ฝานมันคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายแห่งบาปมืดมนไร้หนทาง

    ฉันจะทำให้มันเป็นไปได้ใบหน้าหล่อจัดก้มลงจูบเปลือกตาบางอย่างอ่อนโยนมือหนาไล้ไปตามโครงหน้า หวานอย่างรักใคร่ เห็นชายอลต้องเจ็บปวดแบบนี้แล้วเขายิ่งเจ็บกว่าอยากจะบอกความจริงทุกสิ่งให้ รับรู้แต่ยังไม่ถึงเวลา

    อดทนอีกนิดนะชานยอล

    ริมฝีปากหยักลากไล้จากเปลือกตาสัมผัสแก้มเนียนใสแผ่วเบา ก่อนจะครอบครองกลีบปากสีสดด้วยสัมผัสนุ่มละมุนแต่เต็มไปด้วยความรักเปี่ยม ล้นถ่ายทอดให้ชานยอลได้รับรู้ ดวงตาคู่สวยพริ้มลงตอบผ่านคำรักกลับไปในเมื่อชานยอลเลือกที่จะวางหัวใจไว้ กับผู้ชายคนนี้แล้วเขาก็เชื่อมั่นและจะปิดตาปิดกั้นทุกสิ่งให้อี้ฝานนำพาเขา ไป

    อู๋อี้ฝานเคยตัดสินใจผิดที่คิดจะปล่อยมือจากชานยอล แต่ตอนนี้อี้ฝานแน่ชัดในหัวใจตัวเองแล้วว่าเขาไม่สามารถยกเด็กคนนี้ให้ใคร ครอบครองได้ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความรักนี้ไว้ให้ได้

     


    •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•




    นายมันคนขี้ขลาด จางอี้ชิง

    เสียงหวานที่แสนคุ้นหูชะงักฝีเท้ายาวให้หยุดลง เซฮุนไม่ได้อยากทำตัวเสียมารยาทแอบฟังคนอื่นคุยกันหากเจ้าของเสียงนั้นไม่ ใช่ของลู่หานและประโยคที่ได้ยินก็ชวนให้อยู่ฟังต่อเสียเหลือเกิน ร่างสูงผอมเคลื่อนตัวหลบหลังต้นไม้ใหญ่ภายในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ตระกูลลู่ อย่างเงียบเชียบใช้เงาต้นไม้บดบังแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง

    นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะที่ฉันจะถาม ถ้านายบอกว่าไม่รักกันฉันจะแต่งงานกับอี้ฝานลู่หานยอมทิ้งศักดิ์ศรีอ้อนวอนถามอี้ชิงอีกครั้ง

    หากแต่คนที่ต้องให้คำตอบกลับเงียบกริบ จางอี้ชิงไม่อาจปริปากพูดสิ่งใดออกมาได้เขาไม่ชอบการโกหกและยิ่งต้องโกหกลู่ หานด้วยแล้วยิ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากทำที่สุด ดวงตาที่มักฉายแววอ่อนโยนก้มลงต่ำไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายแม้คนหน้าหวานจะตรงรี่ เข้ามาขยุ้มอกเสื้อของเขาเพื่อเค้นหาคำตอบ

    ว่าไง ตอบมาสิ เมื่อหกปีก่อนอยู่ๆ นายก็ทำตัวห่างเหินไปโดยไม่มีคำอธิบายปล่อยให้ฉันจมอยู่กับความสงสัยว่า เพราะอะไร? ฉันทำอะไรผิด บอกฉันมาสินายไม่ชอบฉันตรงไหน ฮึก ฉันจะปรับปรุงตัว...ความอ่อนแอที่ลู่หานพยายามเก็บมันไว้ตลอดหลายปีแสดงออก มาทางสีหน้าอันเจ็บปวดและหยาดน้ำตาที่ไหลริน ใบหน้าสวยหวานซบลงบนไหล่อี้ชิงสะอื้นไห้อย่างหนัก

    คุณลู่หาน...อี้ชิงทำได้เพียงกระซิบเรียกชื่อลู่หานแผ่วเบา เขาไม่กล้าอาจเอื้อมที่จะยกมือขึ้นเพื่อกอดปลอบอีกฝ่ายด้วยซ้ำเขาเป็นคนขี้ ขลาดอย่างที่ลู่หานกล่าวหาจริงๆ

    เขาไม่กล้าที่จะเปิดเผยความรักที่มีต่อลู่หาน ไม่กล้าที่จะก้าวขึ้นไปยืนเคียงข้างและไม่กล้าที่จะต่อสู้เพื่อความรักคน อย่างเขาไม่สมควรจะได้ความรักจากลู่หานเลย อี้ชิงได้แต่ยืนนิ่งให้อีกฝ่ายใช้เขาเป็นที่พักพิงจนลู่หานสงบลง

    ลู่หานผละตัวออกจากแผ่นอกที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นสำหรับเขามองใบหน้าของคนใจ ร้ายด้วยคราบน้ำตา ควรหยุดได้แล้วสินะกับการรอยคอยหกปี ขาปิดกั้นตัวเองโดยการสวมบทบาทเป็นคนรักของอู๋อี้ฝานด้วยความหวังเล็กๆว่า สักวันอี้ชิงอาจจะมีใจเหลือเยื่อใยให้เขา...แต่ไม่เลย แม้แต่ตอนนี้ที่เขาบอกจะแต่งงานกับอี้ฝานอีกฝ่ายยังไม่พยายามที่จะฉุดรั้ง มันบอกให้รู้ว่าลู่หานไม่มีความหมายใดๆกับจางอี้ชิงเลย

    ถ้าความรักของฉันมันไร้ค่าสำหรับนาย ฉันก็จะขอมันคืน ฉันจะลืมเรื่องของเราและลบนายออกไปจากหัวใจ...จางอี้ชิง

    เพราะลู่หานหันหลังเดินจากไปแล้วจึงไม่เห็นหยดน้ำตาของคนด้านหลังที่ไหลลง อย่างเงียบเชียบ เป็นอีกครั้งที่อี้ชิงปล่อยมือจากลู่หานและเป็นอีกครั้งที่เขาทำร้ายหัวใจ ของคนที่รักมากที่สุด ลู่หานสมควรจะเป็นดวงดาวอยู่บนท้องฟ้าส่องแสงอยู่บนนั้นส่วนก้อนกรวดอย่าง เขาทำได้เพียงฝ้ามองจากพื้นดิน

    เซฮุนรอจนกระทั่งอี้ชิงเดินจากบริเวณนี้ไปถึงออกมาจากเงาต้นไม้ จากบทสนทนาเมื่อครู่ก็ทำให้เขาพอจะทราบถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้แม้จะ ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ความสัมพันธ์นั้นจบลง แต่ที่รู้คือหัวใจของลู่หานคงไม่มีวันเป็นของโอเซฮุน

    อกหักสินะน้ำเสียงกวนประสาทดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างของใครคนหนึ่งที่เดินออกมาจากพุ่มไม้ไม่ไกลจากที่เซฮุนยืนอยู่มากนัก

    คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คิมจงอินเซฮุนถามอย่างประหลาดใจและติดจะไม่พอใจกับคำพูดของอีกฝ่าย

    ฉันก็ต้องมาดูแลความปลอดภัยของคู่หมั้นน่ะสิจงอินตอบความจริงไปเพียงครึ่ง เดียวส่วนอีกเหตุผลหนึ่งนั้นเพราะเขาเป็นห่วงโอเซฮุน แพคฮยอนทำให้คุณป้าของเขาเข้าใจว่าเซฮุนเป็นเหยียนเหอเพราะฉะนั้นคนที่น่าจะ ตกอยู่ในอันตรายที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าเด็กตัวขาวนี่

    เลิกพูดจาไร้สาระสักที ปาร์คชานยอลเป็นนายน้อยของตระกูลอู๋อย่าเอาเรื่องบ้าๆไปทำให้เขาสับสนเหมือน ที่คุณเล่นตลกกับความรู้สึกของฉันเซฮุนจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้ทำร้ายชานยอล เพื่อนรักของเขาเปราะบางเกินกว่าที่จะทนรับเรื่องราวพวกนั้นได้

    จงอินนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของเด็กตรงหน้าบาดแผลที่เขาได้สร้างไว้กับเด็กคนนี้ คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะรักษาได้แต่กับเรื่องของชานยอลมันไม่เกี่ยวกันยัง ไงเสียเขาก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันและพาตัวชานยอลกลับตระกูลคิมให้ได้

    ฉันไม่สนหรอกนะว่าชานยอลจะเป็นเหยียนเหอจริงหรือไม่ แต่ขอร้องเถอะปล่อยเขาไว้แบบนี้ให้เขาได้มีชีวิตสมบูรณ์แบบมีครอบครัวที่ อบอุ่นใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่าทำอะไรที่เป็นการกระทบกระเทือนจิตใจเขาเลย ถือว่าฉันขอร้องเถอะทุกวันนี้ชานยอลมีชีวิตที่เพรียบพร้อมเซฮุนจะพยายามปก ป้องความสุขของเพื่อนรักเอาไว้ให้ถึงที่สุด

    แต่คนที่ชานยอลเรียกว่าพ่อคือคนที่คิดจะกำจัดเขาตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก และครอบครัวที่เธอพูดน่ะเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ผู้ให้กำเนิดของเขาตายส่วน พ่อแท้ๆ ก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มันยุติธรรมแล้วหรือไงโอเซฮุน? ตระกูลอู๋ทำลายครอบครัวของชานยอลแต่กลับได้รับความรักจากเขา ในขณะที่อู๋เมิ่งเจียกับคิมแทวูพ่อแม่แท้ๆ กลับไม่มีตัวตนอยู่ในความทรงจำของปาร์คชานยอลเลยจงอินพยายามข่มกลั้นโทสะ ขณะพูดออกไปเขาโมโหไม่ใช่เพราะโกรธเซฮุนแต่เป็นเพราะรังเกียจเรื่องเลวๆ ที่ตระกูลอู๋ทำไว้

    คำพูดของคิมจงอินมันก็มีส่วนถูกจนเซฮุนหาเหตุผลมาเถียงไม่ได้ แต่ถ้าชานยอลเป็นเหยียนเหอจริงแล้วรับรู้ความจริงทั้งหมดเพื่อนรักของเขาจะ รับมันไหวหรือ

    ถ้าฉันยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนจะไม่แตะต้องปาร์คชานยอลเด็ดขาด แบบนี้โอเคมั้ยจงอินยอมถอยลงหนึ่งก้าวเพื่อให้เซฮุนได้สบายใจ เด็กตัวขาวพยักหน้ารับเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่คลายกังวลตอนนี้ฉันง่วงแล้วเรา ไปนอนกันเถอะ

    จงอินอ้าปากหาวเขาเพิ่งเดินทางมาถึงประเทศจีนก็ตรงมาที่บ้านตระกูลอู๋เลย ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย เขาเดินนำเซฮุนไปทางตัวบ้านทำราวกับนี่เป็นบ้านของตัวเองจนเจ้าของบ้านต้อง รีบวิ่งมาขวางหน้า

    จะไปไหน หมดธุระแล้วคุณก็กลับไปเสียสิถ้ามีใครมาเห็นฉันไม่สามารถรับรองความปลอดภัย ให้ได้หรอกนะเซฮุนเตือนด้วยความหวังดี คนของตระกูลคิมแอบลักลอบเข้ามาภายในบ้านตระกูลลู่หากถูกพบเห็นเข้าจงอินจะ ต้องไม่รอดแน่ ที่นี่ไม่เหมือนเกาหลีตระกูลอู๋มีอิทธิพลมากในประเทศจีนการจะฆ่าผู้บุกรุก สักคนก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าเอาเรื่องกับพวกเขา

    เธอก็อย่าให้ใครเห็นฉันสิ ห้องของเธอไปทางไหนละจงอินพูดหน้าตาเฉยพลางเดินดุ่มๆ เข้าตัวบ้าน

    คุณจะไปห้องฉันทำไมเซฮุนรีบคว้าแขนอีกฝ่ายให้เข้ามาหลบในมุมอับเมื่อเห็นว่ามีคนเดินผ่านมาทางนี้

    ตัวหอมจังจงอินพูดเสียงทะเล้นและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าขาวราวน้ำนมของ คนอ่อนวัยกว่า เพราะมุมอับที่ซ่อนตัวกันอยู่นี่คับแคบจึงช่วยไม่ได้เลยที่จะทำให้ร่างของ ทั้งสองคนแนบชิดกันแบบนี้

    หยุดทำตัวหื่นกามใส่ฉันนะ ไม่งั้นจะจับโยนออกไปให้ถูกยิงทิ้ง

    ดวงตาเรียวรีจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่องจนจงอินยอมแพ้ได้แต่ยืนนิ่งๆ รอจนกระทั่งบริเวณโถงทางเดินปลอดคนจึงถูกเด็กตัวขาวฉุดแขนให้รีบกึ่งเดิน กึ่งวิ่งไปทางห้องของเจ้าตัว

    แหม ที่แท้ก็จะรีบพาฉันเข้าห้อง...อุ๊บหมอนใบโตถูกปาใส่หน้าอย่างจังก่อนที่คนขี้แกล้งจะพูดจบประโยค

    หุบปากไปเลย ฉันให้คุณค้างที่นี่ด้วยแค่คืนเดียวเท่านั้นพรุ่งนี้รีบไสหัวกลับเกาหลีไป ซะเซฮุนโยนหมอนและผ้าห่มลงไปที่พื้นเตียงบ่งบอกให้รู้ว่านั่นคือที่นอน สำหรับจงอินในคืนนี้ เขาไม่มีวันยอมให้ไอ้หื่นนั่นนอนร่วมเตียงด้วยเด็ดขาด

    ยังกลับไม่ได้ สถานการณ์ตอนนี้น่าเป็นห่วงฉันไม่รู้ว่าคุณป้าจะลงมือทำร้ายพวกเธอสองคนอีก เมื่อไหร่จนกว่าเรื่องต่างๆ จะคลี่คลายฉันจะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ นี่ละจงอินบอกและล้มตัวลงนอนบนพื้นที่เซฮุนอุตส่าห์เมตตาโยนผ้าห่มลงมาให้

    ไม่จำเป็นหรอกมั้ง ทั้งฉันละคนของตระกูลอู๋ดูแลชานยอลได้

    งั้นเธอก็ดูแลชานยอลไป ส่วนฉัน...จะเป็นคนดูแลเธอเอง

    ไม่รู้เพราะอะไรเพียงคำพูดสั้นๆ นั้นของคิมจงอินกลับทำให้เซฮุนอบอุ่นหัวใจขึ้นมา ร่างผอมสูงล้มตัวลงบนเตียงนอนหันหลังให้ผู้ร่วมห้องอีกคนมองดูดวงจันทร์ที่ สาดแสงผ่านทางหน้าต่างเข้ามา ในค่ำคืนที่หัวใจกำลังเจ็บช้ำถึงที่สุดเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังและในวันข้าง หน้าที่เขาอาจต้องพบเจอเรื่องเลวร้ายเมื่อหันหลังกลับไปจะยังมีคนที่พร้อมจะ ยื่นมือมาช่วยประคับประคอง...ใช่มั้ย


     

    •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•



    คนงานและเด็กรับใช้ภายในบ้านกำลังตระเตรียมข้าวของและประดับประดาวัตถุมงคล ต่างๆ ในห้องโถงเอกที่จะใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอู๋เจี้ยน ปาร์คเยริมและอู๋หลินหลันคุณนายของบ้านยืนคุมงานอยู่ไม่ห่าง ชานยอลที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากยกน้ำไปให้พวกท่านดื่มและหาผ้าเย็นๆ ให้ซับหน้าจึงขอตัวออกมา

    คนทั้งบ้านต่างกำลังวุ่นวายเห็นจะมีแต่ชานยอลคนเดียวเสียละมั้งที่ว่างงาน ร่างสูงโปร่งเดินเล่นไปทางสวนด้านหลังซึ่งมีสไตล์การตกแต่งคล้ายคลึงกับบ้าน ที่เกาหลีไม่ผิดเพี้ยนแต่มีขนาดใหญ่กว่าเกือบเท่าตัว ชานยอลเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยคนเดียวเพราะวันนี้อู๋หลงพาอี้ฝานและอี้ชิง เข้าไปดูงานที่บริษัท

    เมี้ยว~

    เสียงลูกแมวร้องดังแว่วมาตามลมเรียกความสนใจจากร่างโปร่งให้พยายามเงี่ยหู ฟังหาที่มาของเสียงก่อนจะลุกขึ้นและเริ่มเดินหา สงสัยจะมีลูกแมวหลงมา ชานยอลเดินตามเสียงมาจนถึงเรือนเก็บฟืนด้านหลังที่มีกำแพงสูงและประตูที่ ลั่นกุญแจไว้คล้องอยู่ เสียงลูกแมวยังคงร้องกันระงมด้วยความอยากรู้ทำให้ชานยอลยอมปีนต้นไม้ใหญ่ ข้างๆ เพื่อส่งตัวเองขึ้นไปบนกำแพง

    ที่นี่!

    ดวงตาหงส์เปิดโพล่งขึ้นเมื่อภาพของเรือนเก็บฟืนเต็มไปด้วยดอกโบตั๋นสีแดงบาน สะพรั่งรายล้อมตัวเรือนที่มีลูกกรงเหล็กติดตามประตูและหน้าต่างราวกับคุก นิ้วเรียวขาวเกาะขอบกำแพงแน่นเพราะรู้สึกเหมือนอาการปวดศีรษะจะกำเริบขึ้นมา ภาพวาดหญิงสาวในทุ่งดอกโบตั๋นซ้อนทับภาพตรงหน้าชานยอลหลับตาแน่นพยายามข่ม กลั้นความเจ็บปวดแต่ภาพที่ปรากฎในหัวก็ฉายเวียนเข้ามาราวกับแผ่นฟิล์มที่ กำลังถ่ายทอดภาพอดีตให้รับรู้


    หญิงสาวร่างผอมบางที่มีใบหน้าสวยหวานหากแต่ซูบซีดเอื้อมคว้ามือน้อยของลูก ชายสุดแขนแต่ก็ไม่สามารถจับได้เพราะถูกลูกกรงเหล็กกักขังเอาไว้ หญิงสาวคนนั้นเริ่มไกลห่างออกไปทุกทีในขณะที่เด็กน้อยก็พยายามดิ้นรนให้หลุด ออกจากมือใหญ่แข็งแรงราวครีมเหล็กที่พันธนาการท่อนแขนตัวเองไว้อยู่

    ใครปล่อยเจ้าเด็กนี่เข้ามา เอามันออกไป

    น้ำเสียงกราดเกรี้ยวด้วยความโมโหดังออกมาจากเจ้าของมือใหญ่นั่นก่อนที่ร่างเล็กของเด็กน้อยจะถูกเหวี่ยงเข้าไปหาอ้อมอกของใครอีกคน

    คุณพ่อ! อย่าทำเขา อย่าทำลูกชายของหนูหญิงสาวที่อยู่ในกรงขังกรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นลูกชาย ถูกกระทำอย่างรุนแรง หัวใจของคนเป็นแม่แทบร่วงหล่น

    ดูเหมือนคำพูดของหญิงสาวจะทำให้พ่อของเธอโมโหถึงขีดสุด ชายร่างสูงคนนั้นเปิดประตูลูกกรงออกเดินเข้าไปจ้องมองเธอด้วยใบหน้าน่ากลัว หากแต่หญิงสาวคนนั้นกลับไม่ถอยกายหนีเธอเข้าไปเกาะขาผู้เป็นพ่อร้องไห้ปริ่ม จะขาดใจอ้อนวอนขอให้ปล่อยเธอและลูกไป

    ได้โปรดเถอะคะ ปล่อยหนูกับลูกไป

    ผู้ชายที่เธอเรียกว่าพ่อสะบัดขาออกอย่างไม่ไยดี ก้มมองดูสภาพลูกสาวตนอย่างสมเพช

    จะให้ปล่อยแกไปทำเรื่องงามหน้าอีกน่ะเหรอ ชอบเป็นเมียน้อยคนอื่นเขารึไง? ลืมเรื่องที่ฉันจะปล่อยให้แกไปอยู่กับไอ้ชั่วนั่นได้เลยและก็จงลืมไอ้เด็ก มารหัวขนนั่นซะ เตรียมตัวไว้อีกสองเดือนฉันจะให้แกแต่งงานกับลู่เจิ้ง

    ไม่นะคุณพ่อ หนูไม่ได้รักพี่ลู่เจิ้งหนูรักเขา

    เพี๊ยะ!

    ใบหน้าสวยสะบัดไปตามแรงริมฝีปากซีดมีเลือดซึมออกมา เด็กน้อยพยายามดิ้นรนจนหลุดจากพันธนาการวิ่งเข้าไปหาคนเป็นแม่ทั้งน้ำตาแต่ กลับถูกชายคนนั้นกระชากแขนไว้อีกครั้งทำให้ไม่มีโอกาสได้กอดแม่อย่างที่ ตั้งใจ

    เลิกพูดเรื่องความรักบ้าบออะไรนั่นซะ ตราบใดที่แกเป็นลูกฉันอยู่ฉันจะไม่ยอมให้แกกับมันเจอหน้ากันเด็ดขาดแขนเล็ก โดนกระชากให้เดินตามออกจากเรือนเก็บฟืนจนเจ็บร้าวแต่ก็ไม่ได้สนใจมัน เด็กน้อยสนใจเพียงแต่ใบหน้าของแม่ที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา

    ‘...เหยียนเหอ




    นั่นเป็นภาพสุดท้ายในมโนสำนึกก่อนที่ชานยอลจะปล่อยร่างกายให้ร่วงลงสู่พื้น ด้านล่างด้วยไม่อาจต้านทานความปวดที่แล่นริ้วขึ้นมาราวกับจะแยกศีรษะเขาออก มาเสี่ยงๆ ดวงตาเรียวปิดลงเตรียมรับความเจ็บปวดที่ใกล้เข้ามาและก่อนที่สติจะดับวูบลง เสียงของผู้ชายคนนั้นก็ดังแว่วเข้ามา....

    ชานยอล!











    TBC 9









    PS : ผู้หญิงเกาหลีเมื่อแต่งงานจะยังใช้นามสกุลเดิม ปาร์คเยริมเป็นคนเกาหลีพอแต่งงานจึงเป็นคุณนายอู๋แต่ยังใช้ชื่อเต็มว่าปาร์คเยริม



     

    Matesoulmy
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×