ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] เขียวหวานน่ารัก~♡

    ลำดับตอนที่ #30 : เขียวหวานน่ารัก ~ 30 ~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.92K
      211
      11 ธ.ค. 61


    [Fic] เขียวหวานน่ารัก~

    ตอนที่ 30

    Fiction by 2nd Admin 

    .

    .

    .

     

                [เรารู้เรื่องโอเซฮุนแล้วนะ]

                อี้ชิงพิมพ์ข้อความลงในไลน์ของเพื่อนรักแล้วพลิกตัวลงนอนคว่ำ ตีขากับพื้นเตียงพลางเคาะนิ้วบนหน้าจอระหว่างที่รอให้มีข้อความตอบกลับ ลู่หานพกโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา อีกเดี๋ยวคงได้เห็นข้อความแน่ อี้ชิงคิดไม่ผิดเมื่อรอเพียงไม่กี่อึดใจก็ได้ยินเสียงเรียกเข้า ท่าทางจะร้อนตัวใช่เล่นถึงได้รีบโทรมาแทนที่จะเสียเวลาพิมพ์ตอบแบบนี้ คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นนั่งแล้วสไลด์นิ้วเพื่อรับสายในทันที

                [ล้อเล่นใช่รึเปล่า?] เสียงปลายสายนั้นดังขึ้นก่อนที่เขาจะทันได้อ้าปากเสียอีก ท่าทางจะใจร้อนจริง อี้ชิงกรอกตาแม้ว่าเพื่อนจะไม่เห็น

                “คิดว่าไงล่ะ”

                [เอาดีๆ นะ โอเซฮุนไหน?]

                “ก็โอเซฮุนปีหนึ่งคณะนิเทศฯ รุ่นน้องตัวไง”

                [แล้วตัวไปรู้จักน้องเขาได้ไง?]

                “ก็เพื่อนไม่ยอมบอกว่ามีแฟน เราก็เลยต้องรู้จากคนอื่น”

                [โธ่ ชิงชิง เราไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนะ ก็แค่...]

                “ยังจีบไม่ติด”

                [รู้ได้ไงอ่ะ?]

                “ก็เพราะน้องเขาบอกว่ายังไม่มีแฟนไง”

                [อะไรนะ? นี่ตัวได้คุยกับน้องเขาด้วยเหรอ?]

                “ใช่ สองครั้ง”

                [สองครั้ง?]

                “ใช่ โดยบังเอิญ ทั้งสองครั้ง” อี้ชิงจงใจย้ำถึงแม้ว่าการเจอกันครั้งที่สองจะดูแปลกๆ หน่อย เหมือนว่าโอเซฮุนตั้งใจมาเดินเตร็ดเตร่แถวนั้นให้เขาบังเอิญไปเจอก็เถอะ “เขาบอกว่าอยากรู้อะไรก็ให้ถาม เราก็เลยถามเรื่องแฟน พอเขาบอกไม่มีแฟน เราก็เลยเดาออกว่าที่ตัวหายไปบ่อยๆ แล้วก็ชอบทำตัวมีความลับพักหลังๆ เนี่ย ไม่ใช่เพราะตัวมีแฟน แต่เพราะตัวกำลังตามจีบรุ่นน้องอยู่ต่างหาก”

                [น้องเสนอตัวให้ถามเองเลยเหรอ มันแปลกๆ แฮะ] เสียงลู่หานพึมพัมเบาๆ และอี้ชิงก็จิ๊ปากอย่างขัดใจ เพราะแทนที่เจ้าตัวดีจะสำนึกที่ถูกจับได้ กลับเอาแต่สนใจรุ่นน้องคนนั้น

                “ใช่สิ แปลกแน่ แปลกที่เรื่องแบบนี้เราต้องไปถามเอาจากคนอื่น แทนที่จะรู้จากเพื่อนตัวเองไง”

                [ชิงชิง~ งอนเหรอ?]

                “ไม่เลยมั้ง นี่ รู้อะไรไหม เรากับคริสเป็นแฟนกันจริงๆ แล้วนะ”

                [อะไรนะ? จริงอ่ะ? ไปตกปากรับคำกันตอนไหน ไม่เห็นบอกกันบ้าง]

                “เอาไว้โอเซฮุนเป็นแฟนตัวเมื่อไหร่ เราค่อยเล่าให้ฟังก็แล้วกัน แค่นี้นะ”

                [เฮ้ เดี๋ยว!] อี้ชิงรีบตัดสายทั้งที่รู้ว่าลู่หานต้องโวยวายแน่ แต่ก็สมน้ำหน้าแล้วแหละ ทีเรายังเล่าให้ฟังทุกเรื่องได้ แต่พอเป็นเรื่องตัวเองกลับปิดเงียบ ปล่อยให้อยากรู้จนทุรนทุรายไปเลยก็ดี ถือว่าลงโทษที่ทำตัวมีความลับใส่เพื่อนก่อนก็แล้วกัน

                อี้ชิงถอนหายใจยามล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ได้ยินเสียงคร่ำครวญจากในท้องเบาๆ ก็ร้องครางพลางเอามือลูบพุงด้วยนึกสงสารตัวเองนัก มื้อเย็นของเขามันช่างขมขื่น คริสพาไปร้านข้าวยำที่เขาชอบ และอี้ชิงก็กะว่าจะจัดหนักให้สมกับพลังงานที่เสียไป วันนี้มีแต่เรื่องไม่สนุก อี้ชิงก็แค่อยากปลอบใจตัวเองด้วยของอร่อยๆ แต่ที่ไหนได้ อาการของคริสไม่ดีขึ้น เอาแต่จ้องหน้าเขาไม่ยอมแตะอะไรจนสุดท้ายอี้ชิงก็กินไม่ลง แล้วก็ต้องมานอนหิวตอนหัวค่ำแบบนี้ กำลังคิดว่าจะฝืนหลับให้ลืมๆ ความหิวไป แต่ไม่ทันไรเสียงเคาะประตูห้องก็ทำให้อี้ชิงต้องเด้งตัวขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้ล็อคประตูและคริสก็รู้ถึงได้เปิดประตูเข้ามาเองหลังจากรอแค่อึดใจ

                “ฉันจะลงไปซื้อของที่มินิมาร์ท นายจะเอาอะไรไหม?” คนตัวเล็กดีดตัวขึ้นจากเตียงอย่างกะตือรือร้น แม้ว่าหน้าหล่อๆ นั้นจะยังดูตึงๆ แต่อี้ชิงไม่สนหรอก เขาหิว และถ้าคริสยังมีแก่ใจมาถาม อี้ชิงก็จะใช้สิทธิ์นั้นอย่างเต็มที่เช่นกัน

                “ฉันอยากได้ขนม”

                “ขนมอะไร?”

                “อืม ไปด้วยดีกว่า ฉันไปเลือกเอง” คริสไม่ว่าอะไรนอกจากหันหลังเดินนำออกไปก่อน ความเงียบแบบนี้ ถ้าเป็นเวลาปกติอี้ชิงคงรู้สึกอึดอัด แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่ แค่ลงไปซื้อขนมแล้วขนขึ้นมากินบนห้อง ไม่มีคริสมานั่งจ้องเขาก็สบายใจได้

     

                มินิมาร์ทที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้นอยู่ไม่ไกล แค่ใต้คอนโดที่พักนี่แหละ พอเปิดประตูเข้าร้าน อี้ชิงก็เดินแยกไปยังชั้นวางขนมในทันที เลือกหยิบขนมคบเคี้ยวที่ตัวเองชอบไปสามถุงใหญ่ๆ แถมลูกอมอีกหลากรสหลายยี่ห้อ ตุนนมเปรี้ยวกับโยเกิร์ตเอาไว้กินตอนเช้าด้วย ใช้เวลาแค่ไม่ถึงห้านาที ตะกร้าใส่ของก็เต็มไปด้วยของกินมากมาย อี้ชิงต้องใช้ทั้งสองมือช่วยกันยกมันขึ้นวางบนเคาท์เตอร์เพื่อคิดเงิน

                “พอแล้วเหรอ?”

                “อื้ม” คริสก็อยู่ตรงนั้น อี้ชิงเพิ่งนึกได้ว่าเขาเห็นคริสยืนอยู่แต่ที่เคาท์เตอร์ ไม่เห็นเดินไปเลือกซื้ออะไร นั่นทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าแล้วคนตัวสูงตั้งใจมาซื้ออะไรกัน

                ชำเลืองมองของที่วางรอให้คิดเงินอยู่บนเคาท์เตอร์ตรงหน้าก็มีแค่กล่องสี่เหลี่ยมเล็กทรงแบนและหลอดยาอะไรซักอย่าง อี้ชิงไม่ทันมองให้ถนัดเพราะหลังจากพนักงานคิดเงินแล้วคริสก็รีบหยิบมันใส่กระเป๋ากางเกงในทันที คนตัวเล็กไม่ใส่ใจมันนัก เขาเลื่อนสายตามองของที่วางบนชั้นใกล้ๆ กันนั้นไปเรื่อยเปื่อยระหว่างที่รอให้พนักงานคิดเงินค่าขนมในตะกร้า กระทั่งบังเอิญสะดุดตาเข้ากับบรรดากล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทรงแบนหลากสีสันที่ถูกวางเรียงเพื่อให้เห็นและหยิบได้ถนัด ขนาดของมันนั้นพอๆ กับของที่คริสเพิ่งจะหยิบใส่กระเป๋าไป แต่นั่นไม่ได้ทำให้อี้ชิงต้องตกใจจนตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างพลางกระพริบตาถี่ มองตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนกล่องชัดๆ เผื่อว่าทักษะภาษาเกาหลีของเขาอาจเพี้ยนไป

     

                ถุงยางอนามัย!

     

                “เป็นอะไร?”

                “ป.. เปล่า” สั่นหน้าแล้วรีบละสายตาจากชั้นวางของเหล่านั้น อี้ชิงแสร้งหันหน้าตรงแต่ยังแอบชำเลืองตามองกล่องพวกนั้นและใบหน้าด้านข้างของคนที่ซื้อมัน พอคริสเหล่ตามอง อี้ชิงก็รีบหลบ ถ้าเป็นเวลาอื่นเขาคงถูกซักไซ้ที่ทำตัวมีพิรุธแบบนี้แน่ แต่คริสในตอนนี้ยังอารมณ์ขุ่นๆ เกินกว่าจะหาเรื่องตอแยเขา อี้ชิงถึงได้รอดตัว แต่ไม่รู้สึกโล่งใจเลย เขาสงสัย แต่ก็ยังชั่งใจว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองควรรู้หรือเปล่า

                หมอนี่ซื้อถุงยางไปทำไมกัน!

     

                ไม่ใช่ของที่จะพกติดตัวไว้เฉยๆ แน่ อยู่ด้วยกันแทบจะทุกเวลาในทุกวัน อี้ชิงไม่เคยเห็นว่าคริสจะถูกใจใครที่ไหน หรือมีธุระอะไรให้ต้องใช้ “เจ้าสิ่งนั้น” กับอะไรที่ไม่เกี่ยวกับ “เรื่องอย่างว่า” ยิ่งคนดังแสดงออกชัดเจนว่าไม่สนสาวไหน นั่นทำให้อี้ชิงต้องมานั่งเซริจหาอะไรที่มันน่าอายแบบนี้

     

                'เซ็กส์กับผู้ชายด้วยกัน'

     

                เพราะมีเขาแค่คนเดียวที่อยู่ใกล้ตัวคริสมากที่สุด ซ้ำยังถูกสารภาพรักมาก่อนหน้า นั่นทำให้อี้ชิงอดนึกระแวงไม่ได้ จะว่าไปตอนนี้ก็ถูกมัดมือชกให้อยู่ในสถานะแฟนกันจริงๆ เกิดคริสนึกอยากจะทำอะไรอย่างที่... คนเป็นแฟนกัน... เขาทำกันขึ้นมาล่ะ คนตัวเล็กได้แต่สั่นหน้าเพื่อหยุดความคิดนั้น บอกตัวเองว่าไม่ได้คิดจะเตรียมพร้อมอะไร เขาแค่อยากรู้ แค่นั้น เพราะไม่เคยรู้ก็เลยนึกอยากรู้ขึ้นมา และแม้จะอยู่ในห้องนอนตัวเองเพียงลำพัง แต่อี้ชิงก็ยังเอาผ้าห่มคลุมโปงตอนที่นั่งไล่อ่านบทความและกระทู้มากมายภายใต้ข้อความที่เขาค้นหาบนหน้าจอมือถือ

                “คนส่วนใหญ่มักจะใช้... ถุงยาง กับ... เจล หรือครีมหล่อลื่น... เจลหรือครีมงั้นเหรอ...” เขาพึมพัมทวนคำพวกนั้นเบาๆ แล้วบุ้ยปาก เพิ่งอ่านแค่ย่อหน้าแรก ไม่รู้หรอกว่ามันต้องใช้ทำอะไร แต่ที่เอะใจก็เพราะนึกถึงของอีกชิ้นที่เห็นคริสซื้อตอนอยู่ในมินิมาร์ท เจ้าสิ่งที่มีลักษณะคล้ายหลอดยานั่น หรือว่าจะเป็น... เจลหล่อลื่น?!

                ตาคู่ใสเบิกกว้าง ทั้งถุงยาง ทั้งเจลหล่อลื่น หรือที่คริสซื้อทั้งสองสิ่งนั้นมาพร้อมกันเพราะคิดจะ...

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                เสียงเคาะประตูที่จู่ๆ ก็ดังทำเอาร่างเล็กสะดุ้ง รีบร้อนซ่อนโทรศัพท์มือถือไว้ใต้หมอนทั้งที่รู้ว่าคริสจะเปิดประตูเข้ามาไม่ได้เพราะตัวเองหมุนล็อคไว้ก่อนแล้ว ตอนแรกเขาแค่ไม่อยากให้คริสเข้ามาเห็นว่ากำลังแอบอ่านอะไร แต่ตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน นี่ก็ดึกแล้ว คริสไม่น่ามีธุระอะไรต้องมาเคาะห้องเรียกเขานี่

                “ฉัน นอนแล้ว” โกหกออกไปแล้วก็ต้องกัดปากเพราะรู้ว่าไม่เนียนเลย คนนอนแล้วที่ไหนเขาส่งเสียงตอบได้กัน

                “ยังไม่หลับ เปิดประตูให้ฉันก่อน”

                “ม.. ไม่อ่ะ ฉันง่วงแล้ว”

                “อี้ชิง ฉันลืมกระเป๋าเงินไว้ในถุงขนมนายนะ ขอคืนก่อน” คนตัวเล็กเปิดโปงผ้าห่มขึ้นมาเพื่อมองหาถุงใส่ขนมที่หิ้วขึ้นมาจากมินิมาร์ท จำได้ว่าตอนนั้นคริสช่วยถือให้ คงจะเผลอใส่กระเป๋าเงินไว้ในนั้นกระมัง แต่ช่างเถอะ ไม่น่ามีธุระอะไรรีบร้อนให้ต้องใช้เงินตอนนี้นี่

                “พรุ่งนี้ฉันเอาไปคืนให้”

                “แค่เปิดประตูเอง”

                “ฉันง่วงจริงๆ นะ” คริสเงียบไปเป็นครู่ ระหว่างนั้นอี้ชิงก็ใจเต้นแรงมาก ยังไม่ลืมว่าเจ้าของห้องย่อมมีกุญแจเปิดได้ทุกประตู ถ้าดึงดันจะเข้ามาจริงๆ ก็คงทำได้ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นเช่นนั้น

                “ก็ได้” อี้ชิงพรูลมหายใจเมื่อคริสพูดขึ้นในที่สุด แล้วก็ต้องรีบตะปบมือปิดปากเพราะกลัวว่าเสียงจะดังจนคริสได้ยินเข้า “งั้น ฝันดีนะ”

                พยักหน้ารัวๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็น เงียบแล้วรอฟังจนแน่ใจว่าคนตัวโตไม่ได้อยู่หน้าห้องแล้วถึงได้ลดมือลงจากปาก พรูลมหายใจแรงๆ จนโล่งอก แต่ไม่โล่งใจเท่าไหร่ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องระแวง โกหกคริสด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ แค่สิ่งของต้องสงสัยสองอย่าง คริสจะซื้อมาทำไมก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับเขาซักหน่อย ถอนหายใจอีกครั้งแล้วอี้ชิงก็ล้มตัวลงนอน ไม่ลืมที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงด้วย มือหนึ่งควานหาโทรศัพท์จากใต้หมอนขึ้นมามองบทความที่เปิดค้าง ส่ายหน้าแล้วก็ตัดสินใจปิดมัน ไม่นึกอยากจะอ่านต่อ แค่ย่อหน้าแรกยังทำเขาคิดมากไปถึงไหน ขืนอ่านจนจบมีหวังคืนนี้นอนไม่หลับแน่

     

                แต่เช้าวันต่อมาของอี้ชิงก็ไม่สดใสเท่าไหร่ เอาเข้าจริงเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน พลิกตัวไปมาอยู่เกือบทั้งคืนกว่าจะหลับลงได้ก็ตีสองตีสาม แล้วยังต้องมารีบตื่นเอาตอนหกโมงเช้าเพราะมีเรียนอีก เกือบจะสายเอาด้วยซ้ำหากคริสไม่มาเคาะประตูเรียกอยู่หน้าห้อง ตอนที่อี้ชิงรีบร้อนออกมา คนตัวสูงก็ยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว

                “ไหวไหมเนี่ย?” ไล่สายตามองจากถุงเท้าย่นๆ ไปจนหัวยุ่งๆ แล้วคริสก็ถาม สภาพของคนตัวเล็กดูยังไม่พร้อมเท่าไหร่ และแม้ว่าจะพยักหน้า แต่ท่าทางสะโหลสะเหลของคนนอนไม่พอจนน่ากลัวว่าจะเดินชนโน่นนี่เข้า คริสถึงต้องคอยจับข้อศอกเล็กเอาไว้ตลอดทางตั้งแต่ออกจากห้องพัก อี้ชิงเอาแต่หาวจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้นกระทั่งถึงลานจอดรถ พอคริสหยิบหมวกกันน็อคใบเล็กขึ้นมาหมายจะครอบลงบนหัวยุ่งๆ ของคนที่ตื่นสายจนลืมหวีผมให้ ใบหน้าหล่อที่จู่ๆ ก็เคลื่อนเข้าใกล้นั้นทำให้อี้ชิงตาสว่าง

                “ฮื่อ” คนตัวเล็กเอนหน้าหนีแล้วแย่งหมวกกันน็อคไปสวมเอง “ฉันใส่เองได้”

                คริสไม่ค้านแต่ส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความดื้อดึงเล็กๆ นั่น หันไปขึ้นคร่อมรถแล้วสตาร์ทเครื่องรอให้อี้ชิงปีนขึ้นไปนั่งซ้อนกัน แต่อาการเกร็งตัวแปลกๆ ซ้ำยังเอนตัวไปข้างหลังมากเกินไปนั้นผิดปกติจนคนที่ประจำตำแหน่งคนขับรู้สึกได้

                “นั่งดีๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” อี้ชิงไม่หือไม่อือ ไม่ขยับตัวอะไรทั้งนั้น อาการดื้อดึงแบบที่คริสรู้จักดีพอๆ กับที่รู้วิธีรับมือมัน คนตัวสูงกดยิ้มมุมปาก เขาปิดกระจกหน้าหมวกกันน็อคลงและโดยที่ไม่บอกกล่าว เขาก็แกล้งออกรถแล้วเบรคกะทันหันจนคนที่นั่งซ้อนท้ายซึ่งเกือบจะหงายหลัง ถูกแรงกระชากให้กลับมาชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจัง อี้ชิงอุทานเสียงหลง ผวากอดเอวคนขับจนแน่น

                “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย! ฉันกลัวนะ!

                “บอกแล้วไงว่าให้ระวัง” อี้ชิงกัดปาก พอคิดว่าโดนแกล้งก็โมโหจนนึกอยากจะทุบหลังกว้างเบาๆ หมายเอาคืนโทษฐานที่ทำให้ใจหาย แต่ทำไม่ได้เพราะมือใหญ่ที่กุมทับสองมือของเขาไว้ทันทีที่เริ่มขยับ “ถ้ากลัวก็กอดให้แน่นๆ สิ”

                บอกแกมบังคับซ้ำยังไม่ยอมปล่อยมืออีก อี้ชิงจะทำอะไรได้ ได้แต่พ่นลมหายใจฟึดฟัด อกของเขายังแนบชิดอยู่กับแผ่นหลัง มือที่จับไว้นี่ก็ยิ่งร้อน ร้อนพอๆ กับที่รู้สึกไปทั้งหน้านี่แหละ ปล่อยให้เสียงเครื่องยนต์รถดังกลบเสียงอึกทึกในหัวใจอยู่เป็นครู่ จนสุดท้าย พร้อมๆ กับที่อี้ชิงถอดใจจะเอาชนะ คริสก็บอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

                “กอดไว้เถอะ เผื่อนายเผลอหลับจะได้ไม่ตกลงไปไง” คริสยอมปล่อยมือ แต่อี้ชิงยังไม่รู้สึกเป็นอิสระเท่าไหร่ หัวใจยังเต้นแรง และสองแก้มนี่ก็ยังร้อนอยู่เลย ร้อนเสียจนต้องซ่อนหน้าไว้กับผิวเย็นๆ ของเสื้อหนัง หวังให้อาการร้อนเนื้อร้อนตัวของตัวเองสงบลงบ้าง

                เขานั่งเงียบไปตลอดทาง และคริสก็ไม่ถามไถ่อะไรราวกับคิดว่าเขาคงผล็อยหลับไปจริงๆ แน่นอนว่าอี้ชิงไม่หลับ ถึงจะง่วงแค่ไหนเขาก็หลับไม่ลงในเมื่อมีบางเรื่องที่มันคอยกวนใจ อยู่ใกล้กันแบบนี้ยิ่งทำให้ฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ทั้งที่บอกตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องรู้เสียหน่อย แต่ทำไมถึงเลิกสงสัยไม่ได้ซักทีก็ไม่รู้

                กระทั่งถึงลานจอดรถของมหาวิทยาลัย อี้ชิงลงจากรถก่อนแล้วถอดหมวกกันน็อคคืนให้ รอจนคริสทำธุระเสร็จแล้วถึงได้หันมาหา

                “ป่ะ”

                “ไปไหน?”

                “ไปคณะนายไง ฉันไปส่ง” มือใหญ่ยื่นออกมาหมายจะแตะที่ข้อศอกอย่างที่เคยทำ แต่อี้ชิงก็ถอยหลังอย่างทันควัน “ม.. ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้ เราแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน”

                “เดี๋ยว” บอกแล้วรีบหันหลัง แต่ยังไงก็ไม่ทันคนที่แขนยาวกว่าอยู่ดี ข้อมือเล็กถูกคว้าหมับ อี้ชิงหนีไม่ทัน ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกดวงตาคมดุจ้องเอา “เป็นอะไรไป?”

                “ป.. เปล่านี่ ไม่ได้เป็นอะไร” ยังสั่นหน้าเพราะไม่คิดว่าตัวเองมีพิรุธอะไรทั้งนั้น กระทั่งคริสก้าวเข้าหา

                “เป็นสิ หน้านายแดง” อี้ชิงเอียงหน้าน้อยๆ เมื่อถูกข้อนิ้วดุนแก้มเบาๆ เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าถ้ารู้สึกร้อนหน้าเมื่อไหร่ แก้มมันก็จะแดงฟ้องสายตาคนมองเมื่อนั้น แล้วทำไมต้องนึกถึงเรื่องที่ไม่ควรด้วยก็ไม่รู้ ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนตัวเองแบบนี้ อี้ชิงแทบไม่กล้าสบตาคนตรงหน้าแล้วด้วยซ้ำ

                “ก็ อากาศมันร้อน”

                “ร้อน? แต่มือนายเย็นนะ” มือที่ถูกคริสจับนั้นขยับน้อยๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้แรงกุมกระชับน้อยลงเลย

                “ก็ ก็นั่งรถตากลมมานี่นา”

                “นั่นสินะ” คริสพยักหน้าช้าๆ คล้ายว่าเข้าใจ แต่ประกายตากับรอยยิ้มที่มุมปากนั้นฟ้องว่าไม่จริง เขาขยับเข้าใกล้จนสายตาของคนตัวเล็กต้องหลุบมองเพียงแผงอกกว้าง “เสียงหัวใจที่ฉันได้ยินตอนที่นายกอดฉันล่ะ?”

                “ฉัน ฉัน... นอนไม่พอ ก็เลย...”

                “ใจสั่น” อี้ชิงเม้มปากแล้วปิดตาแน่น แค่เสียงกระซิบที่ข้างหูก็ทำเอาอ่อนแรงจนเหมือนจะเป็นลมเอาให้ได้ แต่คนที่เป็นต้นเหตุยังไม่ยอมรามือเพียงแค่นั้น “ยอมรับมาเถอะ นายตื่นเต้นเวลาอยู่ใกล้ฉัน”

                “นายก็... อย่าเข้ามาใกล้กันนักสิ”

                “อี้ชิง...” มืออีกข้างที่คิดจะดันให้แผ่นอกกว้างให้ถอยห่างยังถูกจับไปรวบไว้ ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสองร่างห่างกันเพียงแค่มือกั้นเท่านั้น “เราเป็นแฟนกันนะ ไม่แปลกที่นายจะเขินเวลาอยู่ใกล้ฉัน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่นายจะผลักไสฉันได้”

                คำพูดเอาแต่ใจยิ่งทำให้หวั่นไหวนัก เพราะแรงขืนไม่อาจเพิ่มระยะห่าง อี้ชิงจึงจำต้องลืมตาขึ้นช้าๆ เพื่อสู้สบกับสายตาที่จ้องรออยู่ก่อน คริสไม่พูดอะไร เพียงแค่โน้มใบหน้าเข้าหา การรอคอยนั้นยาวนานแค่ไหน อี้ชิงไม่เคยรับรู้ และยิ่งน่าเห็นใจหากอีกฝ่ายได้รู้ว่าหัวข้อที่ถูกเปิดค้างในโทรศัพท์มือถือนั้นแว่บขึ้นมาซ้อนทับกับใบหน้าตน และมันทำให้อี้ชิงต้องสะบัดหัวไล่ความคิดนั้น

                “ฉ.. ฉันก็แค่... คือฉันยังไม่ได้รับปากเรื่องที่เราเป็น... แฟนกัน... ใช่ไหม?” สีหน้าของคริสเปลี่ยนไปในทันที คิ้วเข้มขมวดน้อยๆ ขณะที่ดวงตาคมดุนั้นบอกชัดว่าขัดใจ อี้ชิงไม่ต้องออกแรงอะไร มือทั้งสองข้างก็เป็นอิสระในเวลาไม่นาน

                “นายนี่ พูดไม่รู้เรื่องนะ” คนดังหันหลังแล้วเดินไปอีกทาง แต่อี้ชิงก็ยิงก้าวเร็วๆ ตามไป

                “นี่ เดี๋ยวก่อนสิ คือฉันหมายถึง นายยังต้องถามฉันก่อนถ้าคิดจะทำอะไร จริงไหม?”

                “ทำอะไร?”

                “ก็ทุกอย่างนั่นแหละ”

                “ทั้งหอมแก้ม ทั้งจูบ นายก็ห้ามฉันหมด ยังเหลืออะไรให้ทำได้อีก? ...เดี๋ยวนะ” แล้วจู่ๆ คริสก็หยุดจนคนที่จ้ำตามเกือบจะชนหลัง เขาหันกลับมาช้าๆ แล้วก้าวประชิดตามเมื่ออี้ชิงถอยหลัง “คิดว่าฉันจะทำอะไรนายงั้นเหรอ?”

                ดวงตาคมหรี่ลงอย่างคาดคั้น แค่คริสยื่นหน้ามาใกล้ อี้ชิงก็ก้าวถอยโดยอัตโนมัติ แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนที่จ้องจับผิดกันลดละได้ ช่างน่าอายที่อี้ชิงเอาแต่นึกถึงของสองอย่างกับกระทู้ที่คิดจะแอบอ่านเมื่อคืน วนเวียนไปมาจนไม่อาจซ่อนสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่ให้อีกฝ่ายเห็นได้ ก่อนที่จะยิ่งร้อนตัวจนคริสยิ่งสงสัย อี้ชิงจึงต้องรีบหาข้ออ้างให้ตัวเอง

                “ฉ.. ฉันไปเรียนก่อนนะ” ไม่เร็วพอหากว่าคริสจะเอื้อมมือไปรั้งไว้ แต่เขาไม่ทำ ได้แต่มองร่างเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไปอย่างรีบร้อนกระทั่งห่างออกไปแล้วช่ายหนุ่มจึงอมยิ้มกับตัวเอง ปกติก็บ๊องๆ อยู่แล้ว นี่อดนอนแค่คืนเดียวก็ยิ่งเอ๋อหนักเข้าไปใหญ่ จะรู้ตัวบ้างไหม เวลาเขินจนทำตัวไม่ถูกแบบนี้น่ะ น่ารักขนาดไหน คริสกัดปากด้วยนึกมันเขี้ยวนัก แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าขำๆ เขาเลิกคิดที่จะตามตอแยจึงหันหลังหมายจะเดินไปอีกทาง พลันนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ มือใหญ่ตบปุลงบนกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างพร้อมกันทั้งที่รู้ว่าของสำคัญไม่ได้อยู่ในนั้น คริสส่ายหน้าพลางหัวเราะตัวเองเบาๆ เมื่อพบว่าไม่ใช่แค่แฟน แต่เขาเองก็ขี้ลืมเหมือนกัน

     

     

                อี้ชิงมัวแต่เดินจ้ำจนแทบลืมมองทาง เพราะคุ้นเคยกับการที่เส้นทางนี้ไม่มีคนพลุกพล่านนัก จึงไม่ทันระวังว่าจะมีใครเดินสวนมา กระทั่งแรงปะทะโดยไม่ทันตั้งตัวนั้นทำให้ร่างเล็กเซถลาจนแทบหงายหลัง

                “อ๊ะ”

                “โอ๊ะ ระวังนะครับ” โชคยังดีที่ถูกคว้าตัวไว้ได้ทัน เพราะระดับสายตานั้นเห็นเพียงอกเสื้อโล่งกว้าง อี้ชิงจึงต้องเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบว่าเจ้าของร่างสูงโปร่งที่ชนกันอย่างจัง และยังเป็นเจ้าของมือที่จับต้นแขนเพื่อช่วยเขานั้นคือรุ่นน้องที่เริ่มจะคุ้นหน้าดี “ขอโทษนะครับรุ่นพี่ พอดีผมรีบไปหน่อย”

                “นาย... อีกแล้วเหรอ?”

                “บังเอิญอีกแล้วนะครับ” โอเซฮุนผงกศีรษะแล้วยิ้มแหะ แต่อี้ชิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย สีหน้าข้องใจไม่คลายนั้นทำให้รุ่นน้องต้องรีบบอก “พอดีว่าพวกเราปีหนึ่งต้องซักซ้อมกิจกรรมร่วมกันเลยต้องหาที่รวมตัว พี่ลู่เสนอว่าริมสนามฟุตบอลด้านนี้เหมาะสุดเพราะไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน เราเลยนัดกันที่นี่ทุกวัน”

                เพราะอย่างนั้นก็เลยบังเอิญเจอกันบ่อยๆ อี้ชิงเพิ่งเข้าใจถึงได้พยักหน้า

                “อยากเจอพี่ลู่หรือเปล่าครับ เขาอยู่ตรงโน้นไง” อี้ชิงมองตามที่เซฮุนชี้ไป ท่ามกลางรุ่นน้องกลุ่มใหญ่ที่นั่งรวมกันอยู่บนพื้นสนาม รุ่นพี่ที่ขนาดตัวพอๆ กันกับเขากำลังยืนพูดพลางทำมือทำไม้เหมือนอธิบายอะไรอยู่ แน่นอนว่าอี้ชิงยังไม่อยู่ในอารมณ์อยากเจอเพื่อนรักซักเท่าไหร่ ยังเคืองเรื่องที่ปิดบังกัน หมั่นไส้จนต้องย่นจมูกใส่ทั้งที่เพื่อนไม่เห็น และนั่นก็ทำให้เซฮุนหัวเราะออกมา

                “รุ่นพี่นี่น่ารักดีนะครับ”

                “อ.. อะไรนะ?”

                “สีหน้ารุ่นพี่” เด็กหนุ่มชี้นิ้วเข้าที่หน้าตัวเองแล้วยิ้ม “เดี๋ยวก็ประหลาดใจ เดี๋ยวก็อ๋อ เดี๋ยวก็ยิ้ม แล้วเดี๋ยวก็บึ้งตึง คิดอะไรก็แสดงออกมาหมดเลย น่ารักดีนะครับ” โอเซฮุนยิ้มกว้างจนตาปิด ในขณะที่อี้ชิงตามไม่ทันจึงได้แต่ยิ้มแหย ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ เสี่ยวลู่เองก็เคยบอกว่าเขาเก็บความรู้สึกไม่เก่ง แต่ไม่ยักรู้ว่าแบบนี้คือน่ารัก ยิ่งคนที่เอ่ยชมเป็นรุ่นน้องที่เคยเห็นหน้ากันแค่สองสามครั้งด้วยแล้ว อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้จริงๆ     

                “ฉัน ไปเรียนก่อนดีกว่า”

                “เดี๋ยวสิครับ ไม่เข้าไปหาพี่ลู่ก่อนเหรอ”

                “ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากเจอ”

                “ทำไมล่ะครับ? เป็นเพื่อนกันนะ เข้าไปทักทายซักหน่อยก็ยังดี”

                “ฉันมีเรียนเช้า”

                “ไม่สายหรอก แวะแป๊บเดียวเองครับ” อี้ชิงส่ายหน้าแล้วก้าวถอยทำท่าว่าจะจาก แต่ในทันทีข้อมือเล็กก็ถูกจับเพื่อรั้งไว้ “เดี๋ยวผมพาไป”

                “ไม่เอา”

                “แป๊บเดียวเอง จริงๆ นะครับ” ยิ่งอี้ชิงขืนตัว เซฮุนก็ออกแรงมากขึ้น ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทั้งคู่กำลังยื้อยุดเหมือนเด็กแย่งของเล่นกัน

                “ไม่เอาอ่ะ ฉันรีบจริงๆ นะ”

                “ไม่นานหรอกครับ”

                “ไม่เอา...”

                “น่า~ นะครับ”

                “ฉันได้ยินคำว่า ไม่นะ” แต่ทุกการกระทำต้องหยุดเมื่อถูกขัด ทั้งคู่หันไปมองที่มาของเสียงทุ้มดุแทบจะพร้อมกัน “หรือฉันฟังผิด?”

                “คริส!” อี้ชิงเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่เพิ่งแยกกันอีกครั้ง “นาย ตามฉันมาเหรอ?”

                “ฉันแค่จะมาถามเรื่องกระเป๋าเงิน ถ้ารู้ว่านัดคนอื่นไว้คงไม่ตามมาขัด” สายตาที่ตวัดมองนั้นบอกชัดว่าคริสหมายถึงใคร และอี้ชิงที่เพิ่งนึกได้ว่าข้อมือตัวเองไม่ว่าง ถึงได้วุ่นวายแกะนิ้วรุ่นน้องออกจากมือตัวเองเป็นการใหญ่

                “ไม่นะ ไม่ได้นัด”

                “ใช่ครับ เราแค่บังเอิญเจอกัน”

                “บังเอิญอีกแล้วสินะ” คริสพยักหน้าช้าๆ “สามครั้งในสองวัน”

                รอยยิ้มนั้นดูไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ อี้ชิงยังจำได้ว่าคริสหัวเสียแค่ไหนที่เห็นเขาอยู่กับรุ่นน้องตามลำพังเมื่อวาน และตอนนี้สีหน้าดุๆ นั่นก็ไม่ต่างกันนัก เขายังไม่ลืมที่ถูกคาดโทษเอาไว้ก่อนหน้า ความหวาดระแวงทำให้ร่างเล็กก้าวถอยโดยไม่รู้ตัว กระทั่งหายไปซ่อนอยู่ข้างหลังของเซฮุน สถานการณ์ในตอนนี้คือคริสที่เอาแต่จ้องแฟนตัวเองไม่วางตา ในขณะที่มีโอเซฮุนยืนคั่นกลางอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

                “จะเอาแบบนี้ใช่ไหม?” อี้ชิงยังไม่เข้าใจในความหมาย น้ำเสียงดุขนาดนี้เขายิ่งไม่กล้าเผชิญหน้าใหญ่ ยังคงซ่อนตัวหมายแค่จะตั้งหลัก แต่รออยู่ได้ไม่นาน คริสก็พ่นลมอย่างสุดกลั้น “ก็ได้”

                เขาหันหลังอย่างเหลืออด อารมณ์ร้อนเสียจนคนที่อาจหาญมาห้ามปรามอาจเจ็บตัวเอาได้

                “รุ่นพี่ครับ ใจเย็นก่อน”

                “อย่า!” เสียงตวาดนั้นทำเอาอี้ชิงสะดุ้ง และเซฮุนก็ชะงักฝีก้าวในทันที “ไม่ใช่เรื่องของนาย”

                “ผมแค่อยากจะ...”

                “หรืออยากยุ่ง?” เซฮุนไม่ได้ตอบ แต่คริสก็เปลี่ยนใจเดินเข้าหา อี้ชิงที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบปรี่เข้ามาทำท่าจะขวาง แต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไร เสียงร้องห้ามจากใครอีกคนก็ดังมาแต่ไกล

                “อย่านะฮะรุ่นพี่!” เป็นลู่หานที่วิ่งเข้ามาแทรกกลาง ยกสองมือขึ้นห้ามด้วยกลัวว่าคนอารมณ์ร้อนจะไม่ยอมฟังเสียงใดๆ ทั้งนั้น “ใจเย็นๆ ก่อน นี่แฟนผมเอง”

                “อะไรนะ?!”

     

    .

    .

    .

     

     

     

    ทู บี คอนตินิว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×