คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : MKML ตอน 07 ::: Moment in Thailand (1)
[Fic] My Kris, My Lay
Fiction by 2nd Admin
ตอนที่ 7
.
.
.
“นี่อู๋ฟาน นายกินอะไรถึงได้ตัวสูงขนาดนี้?”
“อืม... ไม่รู้สิ ฉันก็กินอะไรเหมือนที่นายกินนั่นแหละ”
“นายกินอาหารเผ็ดได้มั้ย?”
“ได้สิ ยิ่งเผ็ดก็ยิ่งชอบเลย”
“ว่าแล้วเชียว ต้องเป็นเพราะฉันไม่กินอะไรเผ็ดๆ แน่เลย ตัวถึงไม่สูงเท่านาย”
“ห๊ะ?!”
“คิดดูสิ ฉันกินทุกอย่างที่แม่บอกเลยนะ ทั้งนม ผัก แล้วก็ปลา...”
“อ้อ แต่ฉันไม่ชอบกินปลานะ”
“ไม่กินปลา?”
“อื้อ กินได้ แต่ไม่ชอบ”
“...หรือว่าจะเป็นเพราะปลา”
“.....?”
“ฉันกินปลาเยอะเกินไปแน่ๆ สงสัยต้องกินให้น้อยลงแล้วล่ะ”
“......”
“หรือเลิกกินไปเลยดี?”
“ฮะๆๆๆ”
“ขำอะไร?”
“ฮะๆๆๆๆๆๆ”
“ถามว่าขำอะไรไง อู๋ฟาน บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
นายนี่มัน... ไร้เดียงสาจริงๆ เลย
.
.
.
“ฮ้า... เพลียจังเลย~” ลู่หานเหวี่ยงกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วทิ้งทั้งตัวลงนอนแผ่หลากางแขนขาสุดเหยียดบนเตียงในห้องพักระดับวีไอพีของโรงแรมชื่อดัง หลังลงจากเครื่องแล้วต้องทนอุดอู้อยู่แต่ในรถตู้จนปวดเมื่อยเนื้อตัวเป็นชั่วโมง สภาพการจราจรที่นี่เป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสกว่าในเกาหลีหรือจีนมากนัก ทำเอาแบตเตอรี่เสี่ยวลู่อ่อนลงได้ง่ายๆ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ต่างประเทศ เพิ่งมาเหยียบแผ่นดินไทยเมื่อตอนบ่ายแล้วก็ให้สัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ ไปบ้างแล้วตั้งแต่ตอนที่อยู่สนามบิน พี่ผู้จัดการบอกว่าพวกเขามีเวลาพักผ่อนอีกประมาณสามถึงสี่ชั่วโมงก่อนจะต้องเตรียมตัวไปอัดรายการในช่วงเย็น แต่ลู่หานไม่ต้องใช้เวลาชาร์จแบตนานขนาดนั้นหรอก เพราะอย่างนั้นพอเลย์บอกให้นอนพักซักตื่น เขาถึงได้ส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอก นอนตอนนี้ตื่นขึ้นมาตอนเย็นปวดหัวตายเลย” ลู่หานขยับมือและเท้าดุ๊กดิ๊กขณะที่มองน้องชายรูมเมทเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง จัดของเสร็จแล้วเลย์ถึงได้มานั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ยกมือขึ้นโบกเรียกลมให้ตัวเองเบาๆ
“อากาศที่นี่ร้อนจัง” จริงของเลย์ อากาศที่นี่ค่อนข้างอบอ้าว มันร้อนระอุกระไอแดดจนต้องปิดม่านไว้เพื่อไม่ให้แสงแดดส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่อย่างนั้นแอร์คอนดิชั่นก็แทบไม่มีประโยชน์ คนขี้ร้อนรู้สึกเหนียวตัวมาตั้งแต่อยู่บนรถตู้แล้ว เพราะอย่างนั้นพอลู่หานเอ่ยชวนให้ไปนั่งเล่นที่ห้องซิ่วหมิน เลย์ก็เลยปฏิเสธ บอกว่าอยากอาบน้ำมากกว่า
“งั้นตามใจ ถ้าเปลี่ยนใจแล้วตามมานะ”
เลย์พยักหน้าแล้วยิ้มส่งจนลู่หานเดินออกประตูไป ทั้งที่รู้สึกไม่สบายตัว แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายมันหนักเกินกว่าจะลุกขึ้น เพราะอากาศร้อนด้วยก็ใช่ แต่อาการหนักๆ หัวนี่เป็นมาตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้ว คนตัวขาวเลยล้มตัวลงนอนขวางเตียงทั้งอย่างนั้น กะว่าจะแค่พักสายตาแล้วเดี๋ยวค่อยลุกไปอาบน้ำ เลย์มองตัวเลขบอกเวลาในโทรศัพท์มือถือแล้วค่อยหลับตาลง ตัดการรับรู้ความเป็นไปรอบตัวไว้เพียงแค่นั้น
นานแค่ไหนไม่รู้กว่าจะกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งเพราะแรงเขย่าที่ไหล่
“...ชิง อี้ชิง...”
“อือ...” เขาครางในคอแล้วค่อยๆ ปรือเปลือกตาขึ้น พอเห็นดวงหน้าคมคายกับผมสีทองสว่างของคนที่มาปลุกก็ยันกายลุกขึ้นอย่างช้าๆ
“จะไปกันแล้ว ลู่หานให้ฉันมาตาม” คริสมองคนที่ยังนั่งขยี้ตาอยู่บนเตียง ปกติเลย์ไม่ใช่คนขี้เซา แต่เมื่อครู่เขาเรียกอยู่นานกว่าเจ้าตัวจะรู้สึก แถมยังดูเนือยๆ กว่าปกติอีกด้วย “นายโอเคมั้ย? หน้าตาดูไม่ดีเลย”
แต่คนถูกถามส่ายหน้า
“สงสัยนอนมากไปน่ะ ขอไปล้างหน้าก่อนนะ”
ลู่หานกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ตรงทางเดินหน้าลิฟท์ ตอนที่เห็นรูมเมทตัวเองเดินคู่มากับหล่อหัวหน้า ใบหน้าน่ารักก็มุ่ยลงด้วยความขัดใจ
“ช้าจัง เกือบจะไปตามเองแล้วเนี่ย” เขาเกาะแขนน้องชายแล้วปรายหางตาไปทางร่างสูงที่เสนอตัวไปตามให้ ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่ต้อง ยังมีหน้ามาแย่งคีย์การ์ดไปจากมือเขา แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
พอหันกลับมามองหน้าขาวๆ ของรูมเมทถึงได้รู้สึกผิดปกติ ลู่หานวางมือแตะแก้มซ้ายขวาของเลย์เบาๆ
“เป็นอะไรไป ทำไมหน้าเซียวๆ”
“ยังง่วงๆ อยู่น่ะ เมื่อกี้เผลอหลับไป”
“นอนไม่เต็มอิ่มน่ะสิ บอกแล้วว่าอย่านอนตอนนี้” ลู่หานบ่นแล้วเลื่อนมือขึ้นมาแตะหน้าผาก ไอร้อนรุมๆ ที่รู้สึกได้ทำให้เขาชะงักแล้วมองหน้าน้องชาย “ไม่สบายอีกแล้วรึเปล่า?”
“...เปล่าหรอก อากาศมันร้อนน่ะ”
ลู่หานจ้องใบหน้าหวานซีดอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก รู้อยู่แล้วว่าเลย์น่ะปากแข็ง แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพราะอากาศอย่างที่เจ้าตัวว่า ก็เลยรู้สึกเพลียๆ ไปบ้าง ท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้า แต่ไม่วายทำเสียงเข้มกำชับ
“ห้ามป่วยนะ”
อย่างกับมันห้ามกันได้ เลย์ได้แต่พยักหน้าเนือยๆ แล้วปล่อยให้รูมเมทดึงแขนเข้าลิฟท์ไป โดยมีใครอีกคนเดินตามข้างหลังอยู่เงียบๆ
งานแรกในการมาเปิดตัวที่ประเทศไทยของพวกเขาคือเข้าร่วมในรายการเกมส์โชว์ชื่อดัง หกหนุ่มมาถึงสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำตั้งแต่ช่วงเย็นเพื่อเตรียมเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยก่อนจะเริ่มอัดเทปในช่วงหัวค่ำ ระหว่างนั้นทางทีมงานก็หาของทานเล่นมาให้รองท้อง ปกติแล้วเลย์จะไม่ทานของหนักก่อนขึ้นเวที เพราะมันจะทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนเวลาที่ตื่นเต้น แต่ถึงยังไงคืนนี้ก็ต้องอยู่ดึก เขาเลยเลือกหยิบขนมปังครัวซองก์ที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งเข้าปากไปแค่สองสามชิ้นก่อนจะกลับไปนั่งรอเงียบๆ อยู่ที่โซฟา
“หายเพลียรึยัง?”
เลย์มองมือที่ยื่นแก้วน้ำหวานมาให้แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของ พอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มหวาน
“ขอบคุณนะ”
พอมือที่เล็กกว่ายื่นออกมารับแก้วน้ำ คริสก็นั่งลงเคียงข้าง มองริมฝีปากอิ่มที่แตะลงกับขอบแก้วเพลินจนแทบลืมกระพริบตา เลย์ไม่เคยรู้หรอกว่าทุกครั้งที่ขยับตัวทำอะไรก็สะกดสายตาและความรู้สึกเขาได้เสมอ ยิ่งตอนที่มุมปากเล็กๆ แต้มสีแดงของน้ำหวาน แล้วเจ้าตัวก็ยังไม่รู้ หันมาส่งยิ้มที่หวานยิ่งกว่าน้ำแดงให้อีก หัวใจคริสแทบหลุดออกมาเต้นนอกอก
“ตื่นเต้นเหรอ?” เลย์ถาม แล้วคริสก็เลิกคิ้วงงๆ “ก็นายหน้าแดง”
จากที่ร้อนอยู่แล้วก็เลยยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ คริสรู้สึกว่าอากาศในห้องแต่งตัวมันร้อนจนต้องยกมือขึ้นมาโบกเรียกลม
“อากาศที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราจริงๆ ขนาดเปิดแอร์ก็ยังร้อน”
“เนอะ” เลย์พยักหน้าเห็นด้วยแล้วยกแก้วน้ำหวานขึ้นจิบอีก รู้สึกได้ถึงความหวานที่ติดอยู่ริมฝีปากก็เลยแลบปลายลิ้นเลียแล้วเม้มริมฝีปากไปมา แต่รอยแดงที่มุมปากก็ยังมีอยู่ คนมองมองแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย มันน่ารักมากนะ แต่จะให้ไปอัดรายการทั้งที่มีคราบน้ำแดงติดอยู่แบบนี้คงไม่ได้
“หือ?” เลย์เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าเขาจ้องเอาๆ โดยไม่พูดอะไร คริสถึงต้องแตะปลายนิ้วที่มุมปากตัวเอง
“ปากนายเลอะนะ”
“จริงเหรอ? ตรงไหนอ่ะ?” เลย์รีบใช้หลังมือตัวเองปาด แต่ทำยังไงคราบสีแดงเล็กๆ นั้นก็ไม่หายซักที คนมองหัวเราะเบาๆ แล้วก็ส่ายหน้า
“ตรงนี้ต่างหากล่ะ” คริสขยับเข้าไปใกล้ แตะมือลงที่ต้นคออีกฝ่ายเบาๆ แค่พอให้อยู่นิ่งๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยที่มุมปากให้ “กินยังไงให้เลอะ เหมือนเด็กเลย”
พอถูกว่าอย่างนั้นเลย์ก็โอด ดึงมือคริสออกแล้วขยับถอยห่างด้วยท่าทางงอนๆ คริสหัวเราะเบาๆ เมื่อได้เห็นดวงหน้าขาวมุ่ยลง เวลาเลย์งอแงจะทำปากยื่นๆ ทำหน้าทำตาเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ เสียงตัดพ้อก็จะงุ้งงิ้งเหมือนเสียงลูกแมว น่าเอ็นดูมาก เลย์เวลาที่ไม่ได้อยู่บนเวทีจะเป็นแบบนี้ เลย์ก่อนเดบิวต์ก็เป็นแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาจะยื่นมือออกไป ยีผมอีกฝ่ายเบาๆ แล้วกดหัวกลมๆ ให้ซุกลงกับอกแทนการปลอบ เล่นกันแบบนี้จนเคยชิน
แต่ตอนนี้... คริสทำได้แค่ยิ้ม ...มองความน่ารักตรงหน้าแล้วยิ้ม เขารู้ขีดจำกัดของตัวเองดีถึงต้องกำมือจนแน่นเพื่อห้ามไม่ให้ตัวเองเผลอยื่นมือออกไป
“...จะเล่นอะไรก็ระวังด้วยนะ อย่าให้เจ็บตัว” น้ำเสียงที่บอกเข้มงวดขึ้นและอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ
คริสทำได้แค่นี้จริงๆ ...แค่ตามหน้าที่ ...ไม่ใช่ตามหัวใจ
การถ่ายทำเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวของทั้งหกสมาชิก กับภาษาไทยเล็กๆ น้อยๆ ที่เตรียมกันมาเพื่อทักทายแฟนคลับ ก่อนจะต้องแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเพื่อเล่นเกมส์กับพิธีกรและแขกรับเชิญคนอื่นๆ คริสเสนอให้แบ่งเป็นคู่รูมเมท ซึ่งทั้งหมดก็เห็นด้วย โดยเฉพาะลู่หานที่รีบดึงน้องชายเมนเต้นเข้ามากอดไว้กันตุ้ยจางเปลี่ยนใจ
เกมส์ที่ทางรายการเตรียมให้นั้นเป็นเกมส์ง่ายๆ คล้ายๆ เก้าอี้ดนตรีที่หนุ่มๆ รู้จัก ต่างกันก็แค่ทุกคนจะมีเก้าอี้เป็นของตัวเอง แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้นั่งเก้าอี้จริงๆ ที่เหลือจะต้องหงายหลังเพราะถูกหลอกกันหมด ดูเหมือนว่าทั้งเฉิน ซิ่วหมิน และลู่หานจะไม่ค่อยสนใจเก้าอี้กันซักเท่าไหร่ พากันเต้นตามเพลงที่เปิดประกอบอย่างสนุกสนาน ขณะที่จื่อเทาก็คอยหันไปเล่นกับแฟนคลับ เกมส์มันสนุกตรงที่ได้เห็นแต่ละคนก้นจ้ำเบ้ากันถ้วนหน้าเนี่ยแหละ ขนาดว่าคริสที่กลัวจะเสียลุคพยายามฝืนตัวเองไม่ให้ล้มลงไปแล้ว ยังถูกเพื่อนๆ ที่หมั่นไส้ผลักให้หงายหลังจนได้ จะมีโชคดีหน่อยก็แค่เลย์ที่ได้นั่งบนเก้าอี้จริงในรอบสุดท้าย เจ้าตัวเองยังแอบโล่งอกจนต้องลอบถอนหายใจเบาๆ
อัดรายการเสร็จแล้วหกหนุ่มก็ทยอยกันกลับไปที่ห้องแต่งตัว ด้วยความที่ยังสนุกไม่หาย ลู่หานเห็นซิ่วหมินเดินนำหน้าอยู่ไกลๆ ก็รีบวิ่งแซงคนอื่น กระโดดขึ้นขี่หลังคนโตของกลุ่มแบบไม่ต้องให้ตั้งตัวกันไปเลย
“ฮึบ! เย้~ สนุกจังเลยยยยย~~”
“อ๊ากกก! เสี่ยวลู่ ลงไปเลยนะ! ฉันหนัก”
“หนักอะไรกัน ตัวฉันออกจะเบา”
“ฉันก้นกระแทกพื้นมายังเจ็บๆ อยู่เลยเนี่ย” ซิ่วหมินบ่นแล้วพยายามสะบัดตัว แต่คนที่เกาะเป็นลูกลิงอยู่บนหลังก็ยังไม่ยอมลงมาง่ายๆ “อยากเล่นก็เก็บแรงไว้เล่นกับหมีดำของนายโน่นสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้วไม่ใช่รึไง”
เสียงหัวเราะหยุดลงในทันที ลู่หานปล่อยมือจากคอเพื่อนแล้วกลับลงมายืนที่พื้น กอดอกจ้องหน้าคู่หูอย่างหมดอารมณ์สนุก
“หมีดำอะไร หมายถึงใคร”
“ก็เพื่อนเล่นนายไง เอ้ย ต้องเรียกว่าน้องชายคนสนิทสินะ” ซิ่วหมินยิ้มแซวแล้วยังยักคิ้วกวนชวนให้อารมณ์คนน่ารักยิ่งขุ่น ตอนที่ร่วมงานกันครั้งล่าสุดก็สร้างกระแสในแฟนเพจไว้ซะจนโดนแซวไปเป็นอาทิตย์ มาทำงานคราวนี้ก็ต้องเจอกันอีก ชีวิตลู่หานจะหมดสนุกก็เพราะเจ้าเด็กเมนเต้นฝั่งเคเนี่ยแหละ!
“พูดอย่างนี้ไม่ต้องมาคุยกันเลยดีกว่า”
ซิ่วหมินหัวเราะชอบใจทั้งที่ถูกผลักจนต้องเซไปครึ่งก้าว ลู่หานทำแก้มป่องได้น่าหมั่นเขี้ยวนัก คนโตของกลุ่มก็เลยผลักคืนไปบ้าง
“พูดความจริงก็ทำเป็นรับไม่ได้”
“ความจริงอะไรกัน! ฉันไม่ได้สนิทกับหมอนั่นซักหน่อย!”
“โอ๊ย! นี่ฉันเจ็บนะ!” แต่ดูเหมือนคราวนี้คนรองจะเอาจริง ผลักเสียแรงจนซิ่วหมินเกือบเสียหลักล้ม เปาน้อยของวงเกิดอารมณ์ฉุนนิดๆ เลยผลักคืนไปแรงๆ บ้าง
พลั่ก!
“โอ๊ย!”
บึ้ก!
“โอ๊ะ!”
แต่แรงผลักไม่ได้เอาคืนแค่ลู่หานคนเดียว ร่างสูงเพรียวเซถอยหลังไปหลายก้าวจนชนเข้ากับใครอีกคนที่เดินตามมา
“อี้ชิง!” โชคดีที่ลู่หานหันไปคว้าแขนน้องได้ทันก่อนที่เลย์จะล้ม “โทษที เป็นไรมั้ย?”
แต่นั่นก็ทำเอาเลย์มึนไม่น้อย ก็ทางเดินมันแคบ ตอนที่เดินมาก็ก้มหน้าก้มตาไม่ได้มองทาง อยู่ดีๆ ก็โดนชนจนเซถลา ท่าทางเหมือนจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่เลย์คนดีก็ยังส่ายหน้า
ลู่หานประคองน้องให้ยืนตรงๆ ก่อนที่ตัวเองจะหันไปเอาเรื่องคู่หูมือหนักที่ทำเอาเขากับรูมเมทเกือบพากันล้มเป็นโดมิโน
“เพราะนายเลย น้องเกือบล้ม”
“นายผลักฉันก่อนนะ” แต่ซิ่วหมินแก้ตัว มือข้างหนึ่งยังลูบไหล่ตัวเองที่เป็นรอยแดงป้อยๆ รู้อยู่หรอกว่าที่ลู่หานโวยไม่ใช่เพราะโกรธที่เล่นแรง แต่เพราะน้องชายคนโปรดตัวเองเกือบล้ม จริงๆ แล้วลู่หานนั่นแหละมือหนักจะตายแต่ชอบมาใส่ร้ายเขา เขาก็แค่ป้องกันตัวเอง
“ตุ้ยจางจะไม่เข้าไปข้างในเหรอฮะ?” เฉินที่เดินตามมาหลังสุดถามขึ้นเพราะมองไม่เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ข้างหน้า ชะเง้อชะแง้ยังไงก็ข้ามไหล่ของลีดเดอร์ที่ยืนบังเสียเกือบมิดไปไม่ได้
“อะ... โทษที”
ไม่มีใครทันสังเกตว่าร่างสูงไปยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืนห่างจากเลย์ไปเพียงครึ่งก้าว ลู่หานแอบเห็นว่าคริสเก็บสองมือที่ยื่นออกมาเหมือนพร้อมจะประคองเผื่อว่าใครล้มเข้าข้างลำตัว ก่อนจะหลีกทางให้เฉินน้อยเข้ามาในห้อง
คนน่ารักจุดยิ้มอย่างรู้ทัน มองหน้าหล่อๆ ของคนเป็นหัวหน้าที่พยายามจะเก๊กขรึมแล้วก็หมั่นไส้ไม่หาย คงจะบาปเกินไปถ้าจะผลักน้องชายตัวเองให้ถลาเข้าอ้อมแขนใครเป็นครั้งที่สอง รอเก้อไปก่อนเถอะนะตุ้ยจาง
.
.
.
กลับถึงห้องพักลู่หานก็รีบขอตัวไปอาบน้ำก่อน วันนี้เล่นซนจนตัวเหนียวไปหมด ก็เลยต้องขอลัดคิวคนขี้ร้อนเสียหน่อย พอเดินกลับออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมนอน ก็เห็นรูมเมทกำลังส่งยาสองสามเม็ดเข้าปากพร้อมดื่มน้ำตาม
“อี้ชิงเป็นอะไร?”
“ยอกหลังนิดหน่อยน่ะ” เจ้าตัวบอกแล้ววางแก้วน้ำลง บิวเอวหมุนตัวสองสามครั้งก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียง เก็บกระปุกยาที่พกติดตัวเสมอกลับลงเป้
ลู่หานเพิ่งจะนึกขึ้นได้ เพราะตอนที่เล่นเกมส์มัวแต่สนุกจนไม่ทันคิด ...มิน่าล่ะ ตอนที่โดนชนถึงยืนแทบไม่อยู่ ขนาดซิ่วหมินที่แข็งแรงดียังบ่นว่าเจ็บเพราะก้นกระแทกพื้น แล้วคนที่มีปัญหาเรื่องหลังอยู่บ่อยๆ นี่ล่ะ
“เจ็บมากมั้ย? บอกพี่ผู้จัดการรึเปล่า?”
“ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นอะไรมาก กินยาแล้วเดี๋ยวก็หาย” จะมากหรือน้อยเลย์ก็ตอบแบบนี้ทุกครั้ง เพราะอย่างนั้นลู่หานก็เลยไม่ค่อยสบายใจนัก ข้อเสียของเมนเต้นคนเก่งก็คือปากแข็ง และดื้อที่สุดในสามโลก คิดแต่ไม่อยากเป็นภาระให้คนอื่นต้องคอยห่วง นี่แหละที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า
“อย่าฝืนตัวเองนะ ถ้าไม่ไหวต้องบอกเค้า”
“อื้อ”
“สัญญานะ?”
เลย์ยิ้มให้กับนิ้วก้อยเล็กๆ ที่ยื่นมาตรงหน้า เขาเอียงคอมองเจ้าของนิ้วที่เป็นห่วงเป็นใยกันมาตลอดอย่างน่ารักก่อนจะเกี่ยวนิ้วประสานแล้วพยักหน้า
“อื้อ สัญญา”
TBC.
Talk: ตอนนี้มันยาวมากกกกก อีกแล้ว เอาไปครึ่งตอนก่อนนะคะ อีกครึ่งที่เหลือจะรีบเอามาแปะในเร็ววัน ^^
ไม่ได้เล่ารายละเอียดตอนที่เด็กๆ มาไทยเยอะมากนะคะ เพราะคิดว่าหลายๆ คนคงตามเอาจากภาพและคลิปได้ เลยขอไปฟินในส่วนที่เรามองไม่เห็นแทนละกัน > <
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ อ่านแล้วชื่นใจ อยากปั่นตอนต่อไปให้เสร็จเร็วๆ ก็เพราะมีคนรออ่านเนี่ยแหละ ^^
ปอลอ แล้วเมื่อไหร่คนรองจะตามโมเม้นท์ปัจจุบันทัน? = =
ความคิดเห็น