ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] My Kris, My Lay

    ลำดับตอนที่ #14 : MKML ตอน 14 ::: Moment in L.A. (2)

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 57



    [Fic] My Kris, My Lay
    Fiction by 2nd Admin




    ตอนที่ 14


     

    .

     

    .

     

    .

     


    “โอเค! เอ็กโซ พักซ้อมได้!”

     

    เด็กหนุ่มทั้งหกค้อมกายพร้อมกล่าวขอบคุณโปรดิวเซอร์และพี่ๆ ทีมงานที่ช่วยดูแล ก่อนจะทยอยกันลงจากเวที หลังจากหนึ่งชั่วโมงที่ได้ซักซ้อมจนคุ้นชินกับเวทีดีแล้ว ก็เปลี่ยนพื้นที่ให้ศิลปินวงอื่นได้ขึ้นซ้อมบ้าง พี่ผู้จัดการเตรียมน้ำดื่มเย็นๆ กับผ้าเช็ดเหงื่อไว้ให้แล้วที่ด้านล่าง หนุ่มๆ ดูแลตัวเองขณะที่ทีมงานที่จัดคอนเสิร์ตเข้ามาสมทบเพื่อสรุปคิวขึ้นแสดงให้ฟังอีกรอบ และให้สคริปต์ที่จะสัมภาษณ์ไว้ พี่ผู้จัดการคอมเม้นท์เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยหลังจากนั้นก็ปล่อยให้หนุ่มๆ พักผ่อนกันตามอัธยาศัย ก่อนจะถึงเวลาที่ต้องไปเตรียมตัวสำหรับขึ้นแสดงจริง

     

    หวงจื่อเทานั่งเล่นสมาร์ทโฟนอยู่ที่เก้าอี้แถวสอง ขณะที่พี่ๆ ยังพูดคุยกันเรื่องคิวและคำถามในสคริปต์ นิ้วเรียวสไลด์หน้าจอให้เลื่อนขึ้นลงเพื่อไล่อ่านข้อความที่ส่งเข้ามา ใบหน้าหล่อร้ายผุดรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ก่อนจะวาดจนกว้างขึ้น ที่สุดก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

     

    “ฮะๆๆๆๆ!”

    “ดูอะไรอ่ะ?” ลู่หานยืดตัวข้ามเก้าอี้ไปด้วยความอยากรู้ แต่น้องชายก็รีบตะปบมือถือเข้ากับอก ซ่อนหน้าจอไม่ให้คนรองเห็น

    “ลู่เกอไม่มีมารยาท ผมแชทอยู่นะ แอบดูได้ยังไง”

    “เอ๊า! ใครจะไปรู้ เห็นหัวเราะก็นึกว่าดูคลิปอะไรขำๆ” ก็แค่อยากดูบ้าง ไม่ใช่คลิปก็แล้วไปสิ แค่นี้มาทำเป็นหวง จอมซนทำปากยื่น จื่อเทาไม่น่ารักเลย ไปเล่นกับเลย์ดีกว่า

     

    กระเถิบตัวเองไปอีกสองเก้าอี้ก็ไปอยู่ข้างๆ น้องชายคนโปรดที่กำลังนั่งมองบอยแบนด์ต่างค่ายที่กำลังซ้อมกันอยู่บนเวที เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ทั้งหกคน จะว่าเป็นรุ่นน้องก็ไม่เชิง เดบิวต์ห่างกันแค่เดือนเดียวถือว่ารุ่นเดียวกัน ลู่หานมองสายตาน้องสลับกับมองหกสมาชิกของวง VIXX บนเวที

     

    “จ้องตาไม่กระพริบเลยนะ แอบปิ๊งใครในวงนั้นรึไง?”

    “เคยฟังแต่เพลง เพิ่งเคยเห็นตอนแสดงจริง ท่าเต้นเท่ดี ฉันชอบจัง”

    “ว่าไงนะ?! อี้ชิงชอบคนในวงนั้นเหรอ?” เสียงที่ดังขึ้นเพราะจงใจให้คนที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าวได้ยิน แอบยิ้มเมื่อหน่วยตาคมละจากสคริปต์ในมือแล้วปรายมามอง

    “ไม่ช่าย...  ฉันหมายถึงท่าเต้นต่างหาก”

    “อ้อๆๆ แม๊... เค้าก็นึกว่าจะมีรักข้ามค่าย ใจหายหมดเลย” แกล้งเอามือตบอกแต่แอบเหล่มองร่างสูงที่พอสบตาก็ทำเป็นกระแอมไอแล้วก็หันข้างให้ ลู่หานยิ้มสนุก ที่ว่าใจหายนี่ไม่ใช่เราหรอกนะ คนขี้เก๊กตรงนั้นต่างหาก!

     

     

     

    หลังจากอิ่มหนำกับมื้อกลางวันกันแล้ว หนุ่มๆ ก็ถูกต้อนให้เข้าไปเตรียมตัวในห้องพักที่จัดไว้ด้านหลังเวทีซึ่งกว้างพอให้ศิลปินชายทุกวงใช้ร่วมกันได้ นูน่าที่เป็นสไตลิสต์จัดเสื้อผ้าให้แต่ละคนทยอยกันเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ เสร็จแล้วก็ออกมานั่งรอคิวกันเสริมความหล่อทั้งใบหน้าและเส้นผม อย่างลู่หานกับซิ่วหมินที่นั่งรออยู่ว่างๆ ก็เริ่มเซ็ตผมให้ตัวเองกันไปพลางๆ แล้ว (จริงๆ ต้องบอกว่าเล่นผมตัวเองมากกว่า เพราะสุดท้ายแล้วนูน่าก็ต้องทำให้ใหม่อยู่ดี)

     

    อี้ชิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเป็นคนสุดท้าย แล้วก็ออกมานั่งรอคิวอยู่หน้าโต๊ะกระจก นูน่าร่างอวบที่เพิ่งจับปูจับกวางใส่กระด้งบ้างกรงบ้างให้ทีมงานคนอื่นช่วยดูแลเรื่องความหล่อให้แล้วถึงได้เดินมาหาเมนเต้นคนเก่ง สะกิดไหล่ให้เจ้าตัวหันมามองของในมือก่อน

    “อ่ะนี่ ลืมไว้ในห้องน้ำอีกแล้วนะ”

    เลย์เห็นกำไลข้อมือสีดำทั้งเจ็ดเส้นที่ใส่ติดข้อมือไว้ตลอดไปอยู่ในมือขาวอวบก็ทำตาโตแล้วรีบรับมา   

    “อ๊า~! จริงด้วยสิ ขอบคุณมากเลยครับ”

    “คุณคนนั้นเค้าเก็บมาให้ ของสำคัญ ทีหลังระวังหน่อย ถ้าลืมไว้ที่อื่นนี่อาจไม่ได้คืนแล้วนะ” อี้ชิงพยักหน้าและเอ่ยขอบคุณอีกครั้งก่อนจะหันหลังไปมองยังอีกฝากของห้องตามที่นูน่าชี้มือไป กลุ่มของเด็กหนุ่มรุ่นน้องต่างค่ายนั่งหันหลังให้ทีมงานดูแลหน้าผมให้อยู่ แต่กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนใบหน้าของใครคนหนึ่งในกลุ่มนั้นที่กำลังมองมา พอเลย์ค้อมศีรษะพร้อมขยับริมฝีปากเป็นคำว่า ขอบคุณ ฝ่ายนั้นก็ค้อมศีรษะตอบแล้วส่งยิ้มให้

     

    ลู่หานที่มองอยู่ตลอดทนนั่ง(เกือบจะ)นิ่งๆ ให้นูน่าฉีดสเปรย์แต่งผมให้จนเสร็จแล้วก็รีบเลื่อนเก้าอี้มาอยู่ข้างๆ น้องชายคนโปรด มองคนตัวขาวที่กำลังใส่กำไลเข้าข้อมือแล้วก็เอ่ยแซว

    “อ่อยเหรอ?”

    “ลืมไว้ในห้องน้ำ”

     

    จอมซนแอบหันไปมองทางกลุ่มด้านหลังบ้าง บอยแบนด์ต่างค่ายที่เมื่อกลางวันตอนที่ซ้อมยังเห็นหน้าไม่ถนัด รู้แต่วงนี้สมาชิกทุกคนตัวสูงมาก สูงกว่าเขาแต่ยังไม่เท่าคริส ที่เด่นๆ ก็เห็นจะเป็นนักร้องหลักคนนี้แหละ ตัวโตเชียว หน้าตานิ่งๆ ดูขรึมๆ แต่ก็เซอร์อยู่ในที ดูรวมๆ แล้วก็ออกจะติสๆ หน่อย แต่ก็ถือว่าดูดีเชียวล่ะ  

    “คนนั้นอยู่วงที่ซ้อมต่อจากเราเมื่อตอนกลางวันใช่มั้ย คนที่เสียงทุ้มๆ เท่ๆ”

    “อื้อ”

    “เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง แทบจะไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ จำของๆ ตัวได้ด้วย?”

    “อืม... คงสวนกันตอนเข้าห้องน้ำมั้ง”

    “ไม่จริงอ่ะ เค้าว่าแอบสังเกตุ คิดอะไรกับตัวเองแหงๆ”

    เลย์ถอนหายใจเบาๆ แล้วส่ายหน้า ลู่หานนี่ชอบคิดไปไกลอยู่เรื่อย

    “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก...”

     

    คุยเล่นได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกเรียกตัวให้ไปเสริมหล่อต่อ ลู่หานก็เลยต้องเลื่อนเก้าอี้กลับ เลย์ที่นั่งรอนูน่าก็เลยจับๆ แต่งๆ ผมตัวเองเล่น ปอยผมหยักศกที่ไม่ได้ยืดเป็นลอนตกลงมาระหน้าผากจนปิดคิ้วไปขางหนึ่ง มือบางเสยมันอย่างลวกๆ หมายแค่ให้พ้นทางเพราะรู้สึกแยงตา แต่ก็กลายเป็นทำให้เสียทรงที่เซ็ตไว้ พอจับๆ ลงมาจะให้เหมือนเดิมก็ยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ เมนเต้นคนเก่งถอนหายใจพลางมุ่ยหน้าใส่กระจก

     

    “ทำไมจับผมแบบนั้น ไม่ชอบเหรอ?”

    เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมร่างสูงที่เข้ามายืนอยู่ด้านหลัง มองสีหน้าขัดใจของคนตัวเล็กผ่านกระจกเงาแล้วก็ยิ้มบาง

    “มันแปลกๆ ดูตลกๆ มั้ย?”

    “ก็ไม่นี่” เขาจับมือเล็กที่ยังวุ่นวายอยู่กับผมตัวเองออก แล้วใช้เพียงปลายนิ้วเกี่ยวเก็บลอนผมให้พันกันไว้จนดูเป็นทรงขึ้น ผมหยักศกของเลย์สวยอยู่แล้ว แค่ไม่ให้บังตาจนเจ้าตัวต้องคอยปัดทิ้งให้เสียความมั่นใจก็พอ “อย่างนี้ก็น่ารักดีแล้ว”

    เจ้าตัวมองกระจกแล้วก็เหมือนจะพอใจเลยพยักหน้าแล้วครางอือในคอ

     

    ร่างสูงโน้มกายจนปลายคางอยู่เหนือกลุ่มผมผมสีน้ำตาลเข้ม ก้มหน้าอีกเพียงลงเล็กน้อยก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คริสชอบนักหนา เลย์มองสบตาเขาในกระจกแล้วยิ้มหวานให้ คริสก็ยิ้มตอบ หน่วยตาคมจับจ้องเพียงใบหน้าหวานของเมนเต้นคนเก่งอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเลื่อนไปสบกับดวงตาอีกคู่ที่สะท้อนผ่านกระจกเงาบานใหญ่จากอีกฟากของห้อง รอยยิ้มละมุนที่มอบให้เพียงร่างโปร่งบางเปลี่ยนเป็นเหยียดยิ้มเพียงแค่มุมปาก ดวงตาคมกล้าจ้องสบสายตาอีกฝ่ายหมายจะส่งสัญญาณบางอย่างให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น คนอื่น ได้เข้าใจ

     

    เด็กหนุ่มร่างสูงสู้สายตาที่สื่อความหมายอย่างชัดเจนอยู่ได้ไม่นานก็เป็นฝ่ายเสหลบไปเอง

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    คนเสิร์ตเริ่มขึ้นในตอนเย็นของวันนั้น เปิดเวทีด้วยเพลงจังหวะหนักๆ มันส์ๆ ของบอยแบนด์สไตล์ฮิปฮอปที่กำลังมาแรง ตามด้วยอีกหนึ่งบอยแบนด์จากอีกค่ายในแนวเพลงอิเลคโทรนิคแดนซ์ หลังจากนั้นหกหนุ่มของเราก็ถูกเรียกออกจากห้องพักไปเตรียมพร้อมอยู่ด้านข้างเวทีเพื่อจะขึ้นแสดงเป็นวงถัดไป

     

    เลย์เดินตามหลังลู่หานจนเกือบจะพ้นประตูออกไปแล้วตอนที่เสียงทุ้มกังวานเอ่ยชื่อเขาอย่างอึกอัก พอหันไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่เจ้าของเสียงร้องหลักแห่งวง VIXX ยืนมองอยู่ พอสบตากันฝ่ายนั้นก็ยกมือขึ้นจับท้ายทอย ริมฝีปากได้รูปคลี่ออกเล็กน้อยคล้ายจะเผยยิ้ม แต่ที่หนุ่มร่างสูงใหญ่ทำคือยกมืออีกข้างขึ้นมา กำมือในท่าเตรียมพร้อม

    “ไฟท์ติ้งนะครับ”

    เลย์ยิ้มรับแล้วค้อมศีรษะตามมารยาท

    “ขอบคุณครับ เช่นกันครับ”

     

     

     

    เวทีนี้เป็นเวทีแรกที่พวกเขาจะได้แสดงสดถึงสี่เพลง นอกจากเพลงไตเติ้ลที่ได้ร้องกันบ่อยๆ แล้ว ลู่หานกับเฉินยังได้โชว์เสียงร้องเพราะๆ ในเพลงบัลลาดอย่าง What is love ด้วย ก่อนจะขึ้นเพลงที่สี่ซึ่งเป็นเพลงสุดท้าย มีการสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ และเปิดวีทีอาร์คำถามจากแฟนคลับ ก่อนที่ทั้งหกหนุ่มจะต้องเกี่ยงกันทำท่าน่ารักเพื่อเอาใจแฟนๆ ตามคำขอ

     

    จื่อเทาแสดงความกล้าในฐานะน้องเล็ก(ซึ่งมั่นใจว่าเหมาะกับคำว่า น่ารักที่สุดแล้ว) ทำปุอิ๊งปุอิ๊งใส่แฟนคลับ เรียกเสียงกรี๊ดชนิดฮอลล์ที่จัดคอนเสิร์ตแทบจะพัง ตามด้วยพี่ใหญ่ของกลุ่มอย่างซิ่วหมินที่ถูกลู่หานผลักออกไป (ส่วนคนผลักน่ะไม่ยอมทำ เสี่ยวลู่ออกจะแมน ทำอะไรน่ารักแบบนี้ไม่เป็นหรอก > < )

     

    “นายทำบ้างสิ” เลย์กระซิบใส่ร่างสูงที่ยืนข้างๆ พอคริสหันมาเลิกคิ้วเขาก็ยิ้มหวาน “ทำท่าน่ารักไง”

    “ฉันเนี่ยนะ?” คนตัวเล็กยักคิ้ว ชี้นิ้วสั่งสัญญาณให้แฟนคลับตะโกนเรียกชื่อคริสพร้อมๆ กันเพื่อเป็นการกดดัน

    “น่า.. นะ~” อ้อนด้วยสายตาและน้ำเสียงน่ารักยังไม่พอ แรงดันเบาๆ ที่เหนือเอวนี่ก็มือเล็กๆ ของเค้าล่ะ

    “ก็ได้ ก็ได้” พูดใส่ไมค์แล้วคริสก็ก้าวออกมายืนข้างหน้า ไม่วายหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่อมยิ้มแก้มแดงนำไปก่อนแล้ว คริสหรี่ตามองอย่างคาดโทษ ผลักพี่ออกมาแล้วก็มาเขินเองเนี่ยนะ?

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “ฮะๆๆ! นั่นเรียกว่าน่ารักแล้วเหรอตุ้ยจาง?”

    หลังจากทนเก็บไว้จนแสดงจบเพลงที่สี่แล้วรีบลงจากเวทีมา ลู่หานก็ระเบิดเสียงหัวเราะเสียลั่นห้องพัก สังเวยแด่ท่าปุอิ๊งปุอิ๊งที่แมนที่สุดในโลก!

    “ถ้าคิดว่าทำแล้วน่ารักกว่า ทำไมไม่ทำเองล่ะ”

    คนรองทำปากยื่นใส่ เรื่องอะไรจะทำให้โดนแซว

    “น่ารักดีออก” นี่ก็ชมทั้งที่ตัวเองยังหัวเราะคิกคัก ลู่หานบีบแก้มน้องเบาๆ

    “อย่าไปหลอกตุ้ยจาง เกิดบ้ายอขึ้นมา ทำปุอิ๊งปุอิ๊งให้ดูทุกวัน เค้าคงกินข้าวไม่ลง”

    “นายก็อย่ามองสิ ฉันทำให้อี้ชิงดูคนเดียวก็ได้”

    “เฮอะ! กล้าเนอะ ถามน้องซักคำมั้ย?”

    “ทำไมต้องถาม เมื่อกี้อี้ชิงยังชมว่าน่ารัก รักกันจริงก็ต้องเข้าข้างกันแบบนี้สิ”

    ลู่หานขยับปากจะเถียงต่อ แต่พอเห็นสายตาที่คริสมองน้องชายรูมเมทของเขาอย่างไม่ปิดบัง คนรองก็งับปาก เลย์นี่ก็ช่างกะไร เอาแต่หัวเราะคิกคัก ไม่ได้รู้ซะเลยว่าคำว่ารักที่คนตัวโตเอ่ยออกมากับสายตาละเลียดมองที่แทบจะกลืนตัวเองลงไปได้น่ะ มันหมายความว่ายังไง

     

    ลู่หานพ่นลมออกจมูก ยกมือขึ้นกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนี ทางที่หันไปมันก็ดันเป็นอีกฝากของห้องพัก ดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องความเป็นไปในกลุ่มของพวกเขา ใบหน้าหล่อนิ่งไม่เปิดเผยความรู้สึกใด กระทั่งบังเอิญสบสายตากันเข้า ฝ่ายนั้นก็ผงกศีรษะน้อยๆ ก่อนจะหันกลับ

     

    จอมซนคาดเดาเอาด้วยความฉลาดของตัวเอง บางทีเสียงนำแห่ง VIXX อาจจะไม่ได้มองพวกเขาทั้งกลุ่ม แต่คงจะเป็นใครคนใดคนหนึ่งมากกว่า ลู่หานเลื่อนสายตากลับมาที่รูมเมทตัวขาวแล้วมองเลยไปหาลีดเดอร์ตัวโตที่ยังนั่งส่งสายตาชวนเลี่ยนไม่เลิก ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มร้ายอย่างรู้ทัน

     

    อย่างนี้นี่เองสินะ!

     

     

     


    ในตอนท้ายของคอนเสิร์ต ศิลปินทั้งหมดถูกเชิญให้ขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งเพื่อกล่าวลาแฟนๆ ที่มาชม มันบังเอิญที่หกหนุ่ม EXO ถูกจัดตำแหน่งให้ยืนถัดจากหกหนุ่ม VIXX ตอนที่เดินขึ้นมาบนเวทีสมาชิกทั้งหมดก็เลยต้องทักทายกันตามมารยาท ตามมารยาทที่ว่าก็คือค้อมศีรษะให้กันเล็กน้อย ทุกคนทำแบบนั้น ยกเว้นใครบางคนที่ยื่นมือออกมา แล้วเมนเต้นคนเก่งของฝั่งจีนก็ยินดีจับมือตอบแบบไม่มีอิดออดซักนิด แถมยิ้มอวดรอยบุ๋มที่ข้างแก้มให้อีกด้วย

     

    เลย์แจกจ่ายความน่ารักให้แฟนคลับเช่นเคย ทั้งโบกมือ ส่งยิ้มหวาน แต่คราวนี้มีลีดเดอร์ตัวโตคอยประกบไม่ห่าง พอพิธีกรกล่าวขอบคุณแฟนๆ มือใหญ่ก็คว้าหมับ ดึงเอามือเล็กมากุมไว้แล้วค้อมกายลงไปด้วยกัน ใครไม่รู้แต่คริสรู้ ว่าเวลาอี้ชิงทำตัวเองให้เป็นรูปหัวใจน่ะน่ารักแค่ไหน พอเมนเต้นคนเก่งหมุนตัวเองเพื่อแจกหัวใจให้ แฟนๆ ก็กรี๊ดรับจนแม้แต่คนให้ยังอดจะเขินไม่ได้ มือเล็กไต่ขึ้นเกาะไหล่กว้างเหมือนที่เคยทำทุกครั้งเวลาที่ทำตัวไม่ถูก ลู่หานมัวแต่หันไปเล่นกับซิ่วหมิน คริสก็เลยได้โอกาสยืดแขนโอบเอวเล็กแล้วรั้งร่างโปร่งบางให้เข้ามาใกล้ กระซิบเสียงทุ้มที่ข้างหู

     

    “บอกราตรีสวัสดิ์แฟนๆ สิ” ยิ้มเมื่อเลย์มองหน้าเขา “รู้ใช่มั้ยว่าพูดยังไง”

    คริสยกไมค์ขึ้นแล้วโน้มใบหน้าเข้าหา คนตัวเล็กก็เขย่งปลายเท้าเล็กน้อย พอเงยหน้าขึ้นใบหน้าของทั้งคู่ก็ห่างกันเพียงลมหายใจกั้น คริสยิ้มเช่นเดียวกับที่น้องยิ้ม เอ่ยวลีที่ไม่ต้องเตี๊ยมก็เข้าใจได้ตรงกัน

     

     

    Have a Good Night!

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    หนุ่มๆ กลับเข้าห้องพักเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อล้างหน้าล้างตาและเก็บของใช้ส่วนตัว ก่อนจะทยอยกันออกจากห้องมาขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ เสื้อผ้าเดี๋ยวค่อยไปเปลี่ยนกันที่โรงแรม

     

    คริสเดินออกมาจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย คว้ากระเป๋าขึ้นมาแล้วสำรวจความเรียบร้อยรอบๆ ห้องพักอีกครั้งเผื่อว่าใครจะลืมอะไรไว้ แล้วค่อยเดินออกมาจากห้องพร้อมพี่ผู้จัดการ ช่วงขายาวมาชะงักฝีก้าวเอาก็ตอนที่เห็นร่างโปร่งบางกำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนร่วมวงการตรงทางเดิน โดยมีคนรองของวงยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างๆ

     

    “จริงหรือครับ? แหม... เสียดายจัง ผมนึกว่าจะได้กลับไฟล์ทเดียวกัน”

    “ต้องทำงานต่อน่ะครับ”

    กิริยานอบน้อมของเลย์บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายมีอายุมากกว่า คุยกันไปถึงไหนแล้วถึงได้รู้กระทั่งเที่ยวบินที่จะกลับ ก่อนหน้านี้ยังได้แค่ทักกันไปมาไม่ถึงประโยคด้วยซ้ำ คริสกระแอมเสียงขอทางเพื่อแทรกตัวผ่านคนทั้งสามที่ยืนขวางอยู่ พอเดินไปได้ซักสองสามก้าวก็หันกลับมา

     

    “อี้ชิง เราจะกลับกันแล้วนะ” บอกแล้วหยุดยืนอยู่ตรงนั้น นั่นหมายความว่ารอเพื่อจะเดินไปขึ้นรถพร้อมกัน เลย์ก็เลยต้องบอกลาเพื่อนใหม่

    “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”

    “หวังว่าจะได้เจอกันที่เกาหลีนะครับ ถ้าได้ร่วมงานกันอีกก็คงจะดี”

    “ขอบคุณครับ ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย” เลย์ค้อมศีรษะลู่หานก็ค้อมตาม ก่อนจะเดินมาสมทบกับร่างสูงที่ยืนรออยู่

     

    คริสได้ตำแหน่งเดินข้างเลย์อยู่แค่ครู่เดียวก็ถูกร่างเพรียวบางเข้ามาแทรกตรงกลาง

    “คนนั้นเค้าชื่อจริงว่าอะไรนะ?”

    คริสกรอกตาอย่างสุดเซ็ง ขยับตัวออกห่างอีกนิด เปิดช่องว่างให้จอมแสบแทรกเข้ามาได้เต็มตัวโดยไม่ต้องเบียดเขา

    เลย์เอียงคอน้อยๆ ขณะกำลังใช้ความคิด แตะปลายนิ้วกับริมฝีปากก่อนตอบ

    “อืม... แทค.. อุนนะ จองแทคอุน”

    “จองแทคอุน ...เลโอ ชื่อเท่ดีแฮะ สมตัวทั้งชื่อจริงทั้งสเตจเนมเลย เกิดปีเดียวกับตัวเองด้วยนะตุ้ยจาง” มันจะไม่อะไรเลยถ้าคนถูกพาดพิงไม่ถอนหายใจก่อนพยักหน้าส่งๆ “งั้นเจอกันคราวหน้าก็เรียก ฮยอง ได้แล้วสิ”

    “อย่าเลย คนไม่สนิทกัน เรียกว่า คุณก็พอแล้ว” คริสแนะนำด้วยความเห็นส่วนตัว

    “วันนี้ไม่สนิท วันหน้าอาจจะสนิทกันก็ได้ใครจะรู้” แล้วลู่หานก็ลอยหน้าลอยตาเถียงด้วยความเห็นส่วนตัวเช่นกัน

    “ท่าทางนายจะสนใจพ่อสิงโตหนุ่มนั่นมากเลยนะเสี่ยวลู่” คริสจงใจเน้นเสียงในคำเรียกแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก จงใจจะเย้าว่าอีกฝ่ายน่ะเป็นเหมือนลูกกวางที่กำลังเพ้อฝันถึงเจ้าป่าที่พร้อมจะออกล่าตัวเองมาเป็นอาหารได้ทุกเมื่อ

    “เค้าเหรอ? ต้องสนอยู่แล้ว เสียงดีร้องเพลงเพราะ น่าสนใจออก”

     

    ผิดก็แค่กวางน้อยตัวนี้ไม่ได้ไร้เดียงสา เห็นน่ารักเป็นตุ๊กตาแบบนี้เหอะ พร้อมจะต่อกลอนกับมังกรตัวโตๆ ได้ก็แล้วกัน!

     

    “แต่ดูท่าว่าคุณเลโอจะไม่ได้สนใจเค้านะ”

    ทิ้งท้ายให้คนตัวโตชะงักกึก ตวัดสายตาเคืองๆ มาให้ก่อนจะจ้ำอ้าวล่วงหน้าไปชนิดที่สองหนุ่มรัวฝีก้าวตามแทบไม่ทัน

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    เลย์อาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินตัวหอมออกมายืนอยู่หน้าโต๊ะกระจก สองมือวุ่นวายอยู่กับการใช้ผ้าขนหนูซับน้ำที่ยังหมาดๆ บนเส้นผม ภาพของรูมเมทจอมซนที่นอนคว่ำหน้าตีขาอยู่บนเตียงสะท้อนอยู่บนกระจก พอเลย์หันหลังไปมอง คนรองที่ท้าวคางอยู่บนสองมือก็เอียงคอมองเขากลับอย่างพินิจพิจารณา เลย์ถามกลั้วเสียงหัวเราะเพราะการกระทำแบบนั้นมัน ...น่ารักมาก

     

    “มองอะไร?”

    “ถามอะไรหน่อยสิ”

    “ว่า?”


    “กับตุ้ยจางน่ะ คบกันแล้วใช่มั้ย?”


    เลย์หยุดมือที่กำลังซับผม เอียงคอมองหน้าคนถามด้วยความไม่เข้าใจ

    “หมายความว่ายังไงที่ว่าคบกัน?

    “ก็คบอ่ะ ก็แบบ.. มากกว่าเพื่อนหรือพี่น้องอะไรอย่างนั้นไง”

    จริงๆ ก็ชัดเจนอยู่ในคำถาม เพราะถ้าคบกันในความหมายธรรมดา ลู่หานคงไม่ต้องถามด้วยท่าทางอยากรู้แบบนี้ แต่ที่น่าแปลกคือเลย์ไม่ได้มีท่าทีเขินอายแล้วก็ปฏิเสธเป็นพัลวันแบบที่ลู่หานคาดหวังจะได้เห็น ดวงตาคู่สวยฉายแววประหลาดใจให้ลู่หานเห็นเพียงแว่บเดียวแล้วเลย์ก็หันหลังกลับ มือเล็กเริ่มขยับเพื่อซับผมต่อ

    “...ถามอะไรแบบนั้น”

    คนรองหดขาแล้วลุกพรวดขึ้นนั่งทับน่องตัวเอง ยกมือขึ้นกอดอก

    “ก็มันน่าให้คิดมั้ย พักนี้ตุ้ยจางดูเอาใจใส่ตัวจนออกนอกหน้า ตามประกบแทบจะทุกฝีก้าว แถมยังมีอาการขี้อิจฉา ฟาดงวงฟาดงาเวลาตัวเองพูดคุยเล่นหัวคุยกับคนอื่น แบบนี้มันอาการหึงหวงของคนรักกันชัดๆ ถามจริงๆ นะ หมอนั่นบอกรักตัวแล้วใช่มั้ย?”

     

    เลย์วางมือจากผ้าขนหนูในที่สุด สะบัดผมเบาๆ แล้วหันกลับมามองใบหน้าขี้สงสัยของรูมเมท

    “เรื่องแบบนั้นน่ะ... ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะ เสี่ยวลู่”

    “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ มาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้ จะเอายังไงก็บอกให้ชัดเจนมาเลยสิ แบบนี้มันเท่ากับกั๊กนี่นา”

    “บางทีตุ้ยจางอาจจะไม่ได้คิดอะไรถึงขนาดนั้นก็ได้นะ” ถอนหายใจเบาๆ แล้วร่างขาวบางก็เดินเข้ามานั่งบนเตียงตัวเอง ลู่หานก็เลยปีนข้ามเตียงไปนั่งใกล้ๆ “ที่เขาคอยดูแลก็เพราะฉันเป็นน้องในวงคนนึง แต่ถ้าจะมากกว่าคนอื่นก็เพราะฉันเป็นอย่างนี้ไง ทั้งขี้ลืม ทั้งซุ่มซ่าม แล้วตอนนี้ก็มีคนรู้จักเราเยอะขึ้นแล้วด้วย จะพูดจาอะไรกับใครก็ต้องระวัง อู๋ฟานเขาเป็นตุ้ยจาง เขาก็ต้องคอยดูแลเป็นธรรมดา”

    “ตัวเองคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ?”

    “ฉันไม่กล้าคิดมากไปกว่านั้นหรอก”

    “แต่ว่า...!”

    “แค่ได้อู๋ฟานคืนมา ฉันก็ดีใจมากแล้ว”

    “อี้ชิง...”

    พอใบหน้าหวานก้มลงลู่หานก็นึกใจคอไม่ดี เลย์นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะเงยหน้า เอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง

     

    “...ตอนที่ยังเป็นแค่เด็กฝึกหัด พวกเราสนิทกันมากก็จริง ตัวติดกันอย่างที่เสี่ยวลู่ว่านั่นล่ะ แต่พอเดบิวต์แล้ว ภาระหน้าที่ของอู๋ฟานก็เยอะขึ้น เขาต้องดูแลสมาชิกคนอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ฉันเหมือนเมื่อก่อน เราห่างกันก็เพราะเหตุผลหลายๆ อย่างที่กั้นตรงกลาง ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว... อู๋ฟานเองก็คงจะเครียดมาก ฉันไม่อยากเป็นตัวปัญหาให้เขาต้องคิดมากอีก ทุกวันนี้เรายังอยู่ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน กอดคอกันร้องไห้ แค่นี้ฉันก็มีความสุขมาก ...อู๋ฟานที่เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉันไม่กล้าคิดอะไรที่มันไกลไปกว่านี้หรอก...”

     

    ลู่หานได้แต่นั่งฟังเงียบๆ รู้สึกหน่วงในอกแปลกๆ เป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรไม่ถูก น้องชายคนโปรดที่ดูเหมือนไร้เดียงสาอยู่เสมอ เลย์ที่มักจะเอาแต่ยิ้มไม่ว่าคนรอบข้างจะพูดอะไร ลู่หานมัวแต่ห่วงว่าคนใจร้ายจะเอาเปรียบ ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกน้องเลย เขาควรจะรู้... ว่าหัวใจดวงน้อยๆ นั้นบอบบางมากแค่ไหน เลย์ถึงได้พยายามที่จะปกป้องมัน ถ้าตัวเองเป็นคนผลักไสให้น้องต้องไปเผชิญเรื่องที่เจ็บปวดอีก ลู่หานจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย!

      

     

    ร่างเพรียวขยับเข้าหา โอบแขนรอบเอวเล็กคอดแล้วดึงร่างขาวเข้ามากอด เกยคางกับไหล่บางของน้องไว้

    “น้องชายคนดีของเค้า... ใครไม่รักแต่เค้ารักนะ รู้ใช่มั้ย”

    “อื้อ” เลย์กอดตอบแขนเล็ก เอนหัวลงซบกับหัวกลมๆ ของอีกฝ่าย

    “คืนนี้ให้เค้านอนด้วยนะ เค้าอยากนอนกอดตัวเองอ่ะ”

    “ฮะๆๆ ได้สิ”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    หลังจากหมดตารางงานแล้ว หกหนุ่มก็เตรียมตัวเดินทางกลับในวันถัดมา พี่ผู้จัดการนัดให้ทุกคนมารวมตัวกันที่โถงหน้าลิฟท์บนชั้นที่พักของโรงแรมก่อนจะลงไปที่ลานจอดรถพร้อมกัน

     

    คริสยืนคุยอยู่กับเฉินและซิ่วหมินตอนที่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของคนรองของวงนำมา ก่อนจะหันไปเห็นว่าคู่รูมเมทกำลังเดินมาด้วยกัน ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มเสียจนกว้างเมื่อเห็นเสื้อกันหนาวสีน้ำเงินเข้มที่เมนเต้นคนเก่งสวมใส่ ผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยตามสบายแบบไม่ได้เซ็ต วันนี้เลย์ของเขาสดใสน่ารักเป็นที่สุด

     

    “บอกแล้วว่าเสื้อตัวนี้เหมาะกับนาย” คริสบอกอย่างภาคภูมิใจในของขวัญที่ตัวเองเลือกเมื่อน้องเดินมาถึง เลย์ก็ได้แต่ยิ้มรับ มองกันไปมาได้แค่ครู่เดียว ร่างเพรียวบางก็เข้ามาแทรก ดึงแขนน้องชายรูมเมทให้ถอยออกไปยืนห่างๆ ระหว่างที่รอพี่ผู้จัดการกดเรียกลิฟท์ หลังจากนั้นยังก่อสงครามเล็กๆ น้อยๆ เมื่อลงมาถึงลานจอดรถด้านล่าง ตอนที่เลย์ขึ้นรถไปก่อนแล้ว ลู่หานก็ตัดหน้าคริสปีนขึ้นรถตามหลังเลย์ไปแล้วแย่งที่นั่งข้างๆ  

     

    “เค้าจะนั่งกับน้อง!”

     

    คริสไม่ว่าอะไรนอกจากส่งสายตาเคืองๆ แล้วเดินไปนั่งแถวหลังแทน

     

     

    ลู่หานไม่ได้คิดจะกีดกันอะไรเลย สาบานได้ ที่น้องพูดเมื่อคืนเขาก็เข้าใจดี เอาเถอะ ถ้าเลย์อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไปลู่หานก็จะไม่ขัด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ตุ้ยจางได้ทำตามใจ

     

    ถ้ายังทำตัวไม่ชัดเจนอยู่แบบนี้ อย่าหวังว่าเค้าจะยกน้องให้เลย!

     

     
     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.



     

    คนรอง: ตอนนี้หลากอารมณ์มาก เขียนสามวันก็สามอารมณ์เลย = =

    ค่อยๆ เม้นท์กันนะฮะ อย่าสับสน ^^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×