คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Love It shu ♥
ครืนนน ครืนนน ครืนนนน .......
โอ๊ยยย หนวกหูจริงโว๊ยยยย ผมสถบกับเองอย่างเหลืออดพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่น อยากจะหลับ อยากจะนอน แต่ก็ดูเหมือนเสียงฝนตกที่ปะปนมากับเสียงฟ้าร้องที่ดังโครม ๆ อยู่นี่ จะไม่เป็นใจกับความต้องการของผมซะเลย ให้ตายเหอะ จะตกจะร้องกันอีกนานแค่ไหนครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปมหาลัยนะ พวกคุณไม่เห็นใจผมบ้างเลยหรือไง !! U....U
ตุ๊บ !!!!
ผมรีบหยุดความคิดของตัวเองไว้ทันทีที่ได้เสียงอะไรหล่นดังตุ๊บดังออกมาจากทางหน้าต่าง ผมรีบเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ ก่อนจะเพ่งมองไปยังเงามืด ๆ ของอะไรบางอย่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
คะ คน ! นั่นมันคนนี่หว่า !!!
“คะ คุณ คุณ ตื่นสิคุณ ”
ผมรีบวิ่งไปยังผู้ชายที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นก่อนจะใช้มือตบลงบนใบหน้าของเขาเบา ๆ ไร้สัญญาณตอบรับ ผู้ชายคนนี้สลบไปแล้ว เขาสลบไปเนื่องจากการทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ผมรับรู้ได้จากรอยช้ำสีม่วงเข้มจนขึ้นเลือดที่ปะปรายอยู่ทั่วใบหน้ารวมทั้งลำตัวของเขา
ก๊อก !! ก๊อก !! ก๊อก !!
“ ชานยอลลูก เปิดประตูให้แม่หน่อยสิ ”
ผมรีบหันขวับไปทางประตูทันทีที่ได้ยินเสียงแม่เรียก เอาแล้วสิ ถ้าเกิดพ่อกับแม่ เข้ามาเห็นผู้ชายไร้สติคนนี้อยู่ในห้องผม มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยแม่ผมยิ่งเว่อร์ ๆ อยู่ด้วย เอาไงดีหล่ะ ผมควรจะรักษาเขาให้หายแล้วค่อยมาสืบสาวราวเรื่องด้วยตัวเองอีกทีก็น่าจะดีกว่านะ เมื่อผมคิดได้ดังนั้น ผมก็จัดการลากร่างไร้สติของ .... ของใครก็ไม่รู้อ่ะ เข้าไปซุกไว้ใต้เตียงทันที เฮ้อออ ตัวใหญ่ชะมัดยาด ตอนเด็ก ๆ แม่ให้กินซุงแทนข้าวหรือไงฟร๊ะ >.,<
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ชานยอล ! เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าลูก ถ้าลูกไม่เปิด แม่จะให้พ่อพังประตูเข้าไปแล้วนะ !! ”
“ ยะ อย่านะครับแม่ ”
ผมรีบร้องห้ามแม่ ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูออกมาอย่างรวดเร็ว เฮ้ย ! เท้าโผล่ ผมเหลือบมองใต้เตียงอย่างตกใจก่อนจะรีบเขี่ยเท้ายาว ๆ ที่โผล่ออกมาเข้าใต้เตียงทันที
“เป็นอะไรห๊ะลูก กว่าจะเปิดประตูให้แม่ได้ ”
แม่ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสียก่อนตั้งท่าจะเดินเข้ามาในห้อง ผมรีบร้องห้ามแม่ไว้ทันที
“มะ แม่จะไปไหน”
“ก็เข้ามาดูหน่ะสิ ว่ามีห้องลูกมีอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้แม่ได้เสียงอะไรหล่นก็ไม่รู้อย่างดังเลย
แม่กลัวว่าจะมีสัตว์อะไรหลงเข้ามาในห้องลูกหน่ะ ”
“มะ แม่ครับ อย่าพึ่งนะ คือเสียงที่ดังอ่ะ มันเป็นโน่นครับ เสียงมะพร้าวบ้านป้าข้าง ๆ โน่น มันไม่มีอะไรเข้ามาในห้องผมหรอกครับ ไม่มี ”
ผมรีบอธิบายถึงต้นเสียงให้แม่ฟัง พร้อมกับชี้มือไปยังบ้านป้าข้าง ๆ ที่ปลูกผลไม้แทบทุกชนิดจนมันแทบจะสวนไปแล้ว แม่ผมผงกหัวเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ก่อนที่ตาของแม่จะเบิกโผลงขึ้นมาทันทีที่มองต่ำไปที่พื้น
“ นะ น้ำนั่นมันรอยน้ำอะไร !”
แม่ผมอุทานออกมาอย่างตกใจก่อนจะชี้นิ้วไปน้ำวงใหญ่ที่เปียกแฉะอยู่บนพื้น ตายหล่ะ
ผมจะทำอย่างไงดี ทำอย่างไงดี
“คะ คือ เมื่อกี้ผมลืมปิดหน้าต่างหน่ะครับ ฝนมันก็เลยสาดเข้ามา นี่ผมกำลังจะเช็ดพอดีเลยนะครับ แต่แม่เข้ามาก่อนก็เลยยังไม่ได้เช็ด ผมว่า....ถ้าพ่อกับแม่ไม่มีอะไรแล้ว ก็ไปเข้านอนกันเหอะครับ ถ้าผมเช็ดคราบน้ำพวกนี้เสร็จ ผมก็จะรีบเข้านอนเหมือนกัน หาววว ง่วงจะแย่อยู่แล้ว พรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนแต่เช้าด้วย ไม่รู้จะตื่นไหวหรือเปล่า ”
ผมรีบเอ่ยเร่งพวกท่าน ก่อนจะแกล้งหาวออกมาฟอดใหญ่
“จ้า ๆ พ่อคนตื่นเช้า พ่อคนห่วงเรียน ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกันนะคะคุณลูก แม่อยู่กับแกมา 18 ปี แม่ยังไม่เคยเห็นแกตื่นเช้าได้ซักวัน ”
“โหยย แม่ครับ นั่นมัน 18 ปี ก่อน แต่นี่ผม 19 แล้วนะ ตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะตื่นให้เช้ากว่าแม่เลยคอยดู ”
“จ้า ๆ พ่อคนเก่ง ! ”
“แม่อ่ะ อย่าชมผมสิ ผมเขิลนะ”
“อะไรกันไอ้เด็กคนนี้ แม่ไม่คุยด้วยแล้ว ปะพ่อไปนอนกัน ”
แม่หันมาค้อนใส่ผมอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะพาพ่อเดินกลับไปที่ห้องทันที ผมส่งยิ้มหวานตามหลังท่านไปติด ๆ เมื่อสังเกตเห็นประตูห้องของพ่อกับแม่ถูกปิดลงเรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบกระชากประตูเข้ามาล็อคกลอนแล้วพุ่งไปยังใต้เตียงทันที
“คุณ คุณ นี่คุณยังไม่ฟื้นอีกเหรอ ?”
ผมรีบลากซากไร้สติของใครบางคนออกมาอย่างยากเย็น ก่อนจะใช้มือตบลงใบหน้าช้ำ ๆ ของเขาอีก สองสามที ยังไม่ได้สติ ! ยะ อย่าบอกนะ ว่าเขาตายแล้วอ่ะ ผมสะดุ้งตัวขึ้นมาอย่างตกใจ ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นนิ้วออกไปอังลมหายใจที่จมูกของเขาช้า ๆ ยังหายใจอยู่ ! ผมเผลอแย้มยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะจัดการเปลื่ยนเสื้อผ้า รวมถึงทำแผลให้ผู้ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าเขาเป็นใคร มาจากที่ไหน หรือเข้ามาที่นี่เพื่อไร เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือผมต้องรักษาชีวิตของผู้ชายคนนี้เอาไว้ให้ได้ อุตส่าห์ตกลงมาบนบ้านของนักศึกษาแพทย์อย่างผมทั้งที คุณไม่ต้องกังวลหรอก ผมไม่ทางปล่อยให้คุณตายแน่ ๆ วางใจได้ *O*
เช้าวันใหม่
“เฮ้ย ! คะ คุณ ฟื้นแล้วเหรอ ?”
ผมอุทานออกมาอย่างตกใจทันทีที่ก้าวออกมาจากในห้องน้ำแล้วพบว่ามีใครบางคนกำลังนั่งหน้าขรึมอยู่บนเตียง
คนไข้ของผมเองนั่นแหละ ขอโทษนะผมยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ?
“ อืม ”
เขาเงยหน้าขึ้นมาตอบผมด้วยคำพูดสั้น ๆ ก่อนจะเสหน้าออกไปทางหน้าต่างทันที ให้ตายเหอะ นี่ผมช่วยชีวิตคุณไว้นะ ไม่คิดจะขอบใจกันบ้างเลยหรือไง ผมแอบเบ้ปากใส่คนขี้เก๊กก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อกับกางเกงนักศึกษาเพื่อเอาเข้าไปใส่ในห้องน้ำ ทันทีที่ผมก้าวเท้าออกมาพร้อมกับชุดนักศึกษาเต็มยศ หมอนั่นก็แอบเหลือบมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีทันทีที่ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนหัวเตียงมาถือไว้
“ สภาพร่างกายของคุณตอนนี้มันแย่มาก คุณต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ ร่างกายของคุณมันจะกลับกลืนคืนสภาพเร็ว ๆ อะนี่ ยาแก้อักเสษ คุณต้องกินมันหลังหลังอาหารนะ แล้วก็นี่ยาพารา เอาไว้กินเวลาคุณรู้สึกปวดแผลมาก ๆ ย้ำ ต้องมาก ๆ เท่านั้น เวลาปวดนิดปวดหน่อยคุณห้ามกินเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นไตคุณจะทำงานหนัก แล้วถ้าหนักมาก ๆ คุณอาจมีสิทธิ์ไตวายได้ เข้าใจไหม ? ”
ผมพูดกับเขาพร้อมกับหยิบกระปุกยาขึ้นมาวางไว้บนลิ้นชักข้าง ๆ เตียงนอน หมอนั่นผงกหน้าเป็นเชิงรับรู้เบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างง ๆ ทันทีที่ผมยื่นขนมอบกรอบสามสี่ห่อที่พึ่งควักออกมาจากกระเป๋าให้ อย่าทำหน้าลังเลอย่างนั้นสิ ขนมพวกนี้ผมเก็บตังค์ซื้อมากินเองเลยนะ กะจะเอาไว้กินแก้ง่วงซะหน่อย >.,< อดเลย
“อะ ข้าวเช้าของคุณ ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมันมีอยู่แค่นี้นี่แหละ เอาเป็นว่าตอนเย็นผมจะรีบกลับมาทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณทานแล้วกันนะ ผมสัญญา ”
ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ หมอนั่นก่อนจะชูนิ้วก้อยกระดิกไปมา ผู้ชายคนนั้นรีบขยับหนีผมก่อนจะชายตามองผมด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมย์เท่าไหร่ คนบ้าอะไรเนี่ย ไร้อารมณ์ชะมัด อย่าเก๊กให้มากนะพ่อคุณ ถ้าผมหมดความอดทนขึ้นมาเมื่อไหร่ แม่(?)จะจับโยนออกนอกหน้าต่างซะนี่ >.,<
“อ่า โอเค ๆ ผมไม่กวนคุณและ อยู่เงียบ ๆ แล้วก็ห้ามออกไปจากห้อง ๆ นี้ เด็ดขาด คุณคงทำได้นะ ”
ผมพูดสั่งเสียเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกไปหน้าประตูทันที สายแล้ว ๆ ถ้าขืนผมลงไปช้ากว่านี้มีหวังแม่ได้ขึ้นมาตามผมถึงบนห้องแน่
“ดะ เดี๋ยวก่อน !”
“ครับ”
“ ขอบใจนะ ที่ช่วยฉันไว้ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ”
ผมหันกลับยิ้มให้เขาอีกที ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องโดยเร็ว ตายแน่ ๆ พ่อสตาร์ทรถขู่ผมแล้ว
ถ้าขืนผมลงไปช้ากว่านี้วิเดียว มีหวังผมต้องนั่งสองแถว เข้ามหาลัยเหมือนวันก่อนแน่ ๆ U.U
“ชานยอล ”
“………...”
“ชานยอล!”
“...............”
“ชานยอล!!”
“ อะ อะไร ! มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย กูนั่งอยู่แค่นี้เองนะ ”
“เออ ก็นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ถึงต้องตะโกน เป็นบ้าไรวะ กูเห็นมึงนั่งเม่อมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ แล้วนี่ มันกี่โมงกี่ยามแล้ว จะเลิกเรียนอยู่แล้ว เป็นอะไรเนี่ย แปลก ๆ นะวันนี้”
ไค มันยืนวิเคาระห์อาการผมเสร็จก็หย่นตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามผมทันที จะมานงมานั่งอะไรกันตอนนี้วะ คนอื่นเขาเก็บกระเป๋ากลับบ้านกันหมดแล้วเนี่ย >.,<
“นั่นสิ วันนี้กูว่ามึงดูแปลก ๆ ไปจริง ๆ นะ นั่งเม่อ ๆ ลอย ๆ เหมือนกำลังคิดถึงใครอยู่เลยอ่ะ ”
คยองซูมันเดินเข้ามาสมทบอีกแรง ก่อนจะหันไปมองหน้าไคเป็นเชิงว่าคิดเหมือนกันใช่ปะ ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจัดการกวาดอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าสะพายอย่างรวดเร็ว คิดถึงงั้นเหรอ ก็คงงั้นมั้ง ไม่รู้ป่านี้คนไข้ของผมจะหิวตายไปหรือยัง
“อะแหนะ กูว่าต้องเป็นอย่างที่มึงคิดแน่ ๆ เลยอ่ะ คยองซู คิคิ นี่มึงแอบซุกผู้ชายไว้ที่บ้านหรอชานยอล ?”
“ แบคฮยอน ! ไอ้บ้านี่ ถ้าพวกมึงไม่มีอะไร กูกลับนะ !”
ผมหันไปตวาดใส่บุคคลที่สามและสี่ที่เดินตามมาสมทบติด ๆ คนนึงก็เดินดูดชานมน่ามึนมาเชียว แต่อีกคนนี่ ดูเหมือนจะเป็นคนที่อาการหนักที่สุดในกลุ่ม
บยอน แบคฮยอน !ในหัวสมองมึงมันมีแต่เรื่องอย่างนี้หรือไงวะ !!
“ อะไร ๆ มึงจะรีบกลับไปไหน ปรกติเห็นกลับดึกทุกวัน แน่หล่ะ กูว่ามันชักอย่างไง ๆ แล้วนะเนี่ย เพื่อนเรา”
“ไค มึงก็อย่าไปบ้าจี้ตามมันไปอีกคนดิวะ กูไปหล่ะขี้เกรียจมายืนเถียงกับพวกมึงวะ ไร้สาระ ”
ผมรีบพูดก่อนวิ่งฝ่าวงล้อมของพวกมันออกมาอย่างรวดเร็ว แน่นอน ถ้าไม่ใครซักคนตะโกนด่าไล่หลังผมมาละก็ ไอ้สี่คนนี้มันคงไม่ใช่เพื่อนสนิทตัวจริงของผมอย่างแน่นอน
“ ห๊ะ ! แม่ถึงบ้านแล้ว !! อะ โอเค ครับ ตอนนี้ผมอยู่หน้าปากซอยแล้วครับ ครับ ครับ แล้วเจอกันนะครับ ”
ผมรีบยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะออกวิ่งทันที ตายหล่ะ คนไข้ของผมป่านนี้จะมีสภาพเป็นอย่างไงเนี่ย ผมคิดอย่างร้อนรนก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้านทันที ห้องนอน จุดแรกที่ผมต้องเข้าไปคือห้องนอน
“ ชานยอล จะไปไหนลูก ”
เสียงที่ตะโกนออกมาจากในห้องครัวทำเอาผมหยุดเท้าไว้ที่บันไดขั้นที่ห้าของบ้าน พ่อหันมามองหน้าผมแปลก ๆ เหมือนจะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ก้าวเข้าบ้านมาผมยังไม่ได้สวัสดีพวกท่านเลย เอาแล้วสิ นี่ผมคงไม่ได้ทำตัวเป็นพิรุธเกินไปใช่ไหม ?
“ สวัสดีรับพ่อ สวัสดีครับแม่ เดี๋ยวผมขอตัวขึ้นไปเปลื่ยนเสื้อแปบนึงนะครับ ร้อนมาก ๆ เลยวันนี้ ”
ผมแกล้งทำเป็นถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะกระพือปกเสื้อไปมาเพื่อบ่งบอกว่าอากาศวันนี้มันร้อนแค่ไหน
“จ้า ๆ แล้วรีบลงมาด้วยนะ แม่ทำกับช้าวเสร็จพอดีเลย”
“ ครับแม่ ”
ผมตอบรับแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะออกตัววิ่งไปยังห้องนอนทันที ห้องไม่ได้ล็อค ทำไมเป็นอย่างนี้วะ ผมคิดกับตัวเองอย่างโมโหก่อนจะบิดกลอนเข้าไปแล้วกดล็อคทางด้านในทันที ท่าเดิม ? นี่อย่าบอกน่าตั้งแต่ผมออกไปคุณยังไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลยอ่ะ O.o?
“ ทำไมคุณถึงไม่ล็อคประตู ถ้าอยู่ดี ๆ แม่ผมเปิดเข้ามาคุณจะว่ายังไงห๊ะ ”
ผมพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินไปวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ คนบ้าอะไรประมาทชะมัด !
“ ก็นายไม่ได้บอกฉัน ”
“เรื่องอย่างนี้ผมต้องบอกคุณด้วยหรือไง ”
“ ไม่รู้ ”
หมอนั่นตอบอย่าหน้าตายก่อนจะเสหน้าออกไปทางหน้าต่างทันที ผมถอนหายใจออกเบา ๆ ให้กับความเป็นเด็กที่ดูจะไม่เหมาะสมกับสังขารของผู้เป็นเจ้าของซักเท่าไหร่ ก่อนที่สายตาผมจะไปสะดุดเข้าไปอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมอยากจะเหวี่ยงไอ้หมอนี่ลงหน้าต่างให้มันรู้เเล้วรู้รอดไปเลย
“ คุณบ้าไปแล้วหรือไง ! นี่วันทั้งวันคุณไม่ได้กินอะไรเลยเหรอ ?”
ผมพูดอย่างเดือดดาลก่อนจะเดินไปหยิบถุงขนมสามสี่ห่อขึ้นมาส่องเพื่อความแน่ใจ ให้ตายเหอะ ยาก็ไม่ได้กิน ขนมซักห่อก็ไม่ได้แตะ อยู่ไปได้อย่างไงวะ
“ฉันไม่หิว”
“หิวไม่หิวคุณก็ต้องกิน ไม่สงสารตัวเองก็สงสารร่างกายมันบ้างสิ คุณต้องอยู่กับมันอีกนานนะ หัดดูแลมันหน่อย สงสารมันบ้าง ผมอยากจะบ้าตาย ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยสงสารอะไรเท่ากับร่างกายของคุณเลยนะ คุณเชื่อไหม ”
ผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างคนสิ้นหวัง ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบนวดขมับตัวเองเบา ๆ หมอนั่นมันเหล่ตามองผมด้วยสายตาเเปลก ๆ ก่อนจะส่ายตาหัวเบา ๆ เป็นเชิงว่าผมสิ่งที่ผมพล่ามออกไปทั้งหมด ทั้งมวลนี้เป็นเรื่องไร้สาระที่เขาไม่ต้องที่จะรับรู้หรือหรือรับฟังอะไรทั้งสิ้น ผมเงยหน้าขึ้นไปแยกเขี้ยวให้หมอนั่นด้วยความรู้สึกมั่นไส้อย่างสุดกำลัง
“ ฉันอยากอาบน้ำ ”
หมอนั่นมันหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงหวน ๆ ก่อนจะลุกขึ้นมายืนบิดขี้เกียจอยู่ข้าง ๆ เตียง ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ให้กับคนไข้ที่ตอนนี้เริ่มจะกลายพันธุ์เป็นเจ้านายผมขึ้นไปทุกที ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ยังไม่ได้ใช้ออกมายื่นให้คนที่ยืนรออยู่ทางด้านหลัง
“ เข้าห้องน้ำไปสิ ”
เขาหันมาสั่งผม
“เข้าห้องน้ำ ? ทำไมผมต้องเข้าไปด้วยอ่ะ”
ผมหันไปถามเขาอย่างง ๆ เมื่อผมรู้สึกไม่ค่อยเก็ทกับคำสั่งเท่าไหร่
“ ก็ฉันจะเปลื่ยนเสื้อผ้า ”
“ เอ้า คุณก็เข้าไปเปลื่ยนในห้องน้ำสิ เดี๋ยวผมจะเตรียมชุดนอนคุณไง ”
ผมอธิบายให้เขาฟัง ก่อนจะหันมาค้นชุดนอนที่ยังไม่ได้ใส่ในตู้เสื้อผ้าต่อ เสียงหายใจฮึดฮัดที่ดังออกมาจากข้างหลังทำเอาผมหมดอารมณ์ที่จะค้นหาชุดนอนไปโดยปริยาย
“นี่คุณ อยากอาบน้ำไม่ใช่หรือไง แล้วมายืนฟึดฟัดอะไรอยู่ข้างหลังผมเนี่ย น่ารำคาญชะมัด ”
ผมหันไปบ่น เบา ๆ ให้กับคนที่ยืนหน้าเชิดเป็นเด็กเอาแต่ใจ บ้าบอชะมัด ทำตัวให้มันเหมาะสมกับหน้าตาหน่อยเหอะพ่อคุณ
“ ก็ฉันจะเปลื่ยนเสื้อผ้าที่นี่ ”
“คุณ ! ในห้องน้ำผมมันไม่อะไรหรอกครับ อย่างไง ๆ คุณก็ต้องเข้าไปอาบน้ำในนั้นอยู่ดี คุณเข้าใจผมไหม รีบเข้าไปอาบน้ำซะ ผมจะได้อาบต่อ! ”
“ไม่ ฉันจะเปลื่ยนที่นี่ นายนั่นแหละที่ต้องเข้าไป”
“ คุณ ”
“อะไร ? ”
“แอ๊ะ ! นี่คุณฟังผมไม่รู้เรื่องหรือไง ผมบอกให้เข้าไปก็เข้าไปสิ ”
“ไม่ ! นายนั่นแหละ ที่ต้องเข้าไป”
“ไม่มีทาง คุณต่างหากที่ต้องเข้าไป ”
“ นาย ! ”
“ คุณ !”
“ นาย !”
“คุณ !”
“นาย !”
“คะ ...”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ ชานยอลลล ทำอะไรอยู่ลูกเปิดประตูให้แม่หน่อยสิ ”
“คุณ !”
ผมหันไปชี้หน้าหมอนั่นก่อนจะคว้าแขนแล้วลากไปโยนไว้ในห้องน้ำทันที ผมสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมกับพยายามรวบรวมสติให้เข้าที่ เมื่อทุกอย่างโอเคแล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบเดินออกไปเปิดประตูตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ทันที
“ มีอะไรหรอครับแม่ ”
ผมยื่นหน้าออกไปฉีกยิ้มให้คุณนายที่ดูเหมือนของจะขึ้นทันทีที่มองเห็นสภาพของผม ตายหล่ะ ผมลืม ลืมไปสนิทเลย
“ชานยอล ! ไหนว่าลูกจะขึ้นมาเปลื่ยนเสื้อผ้าไง นี่มันจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ลูกมัวทำอะไรอยู่ห๊ะ !! ”
แม่ผมตะโกนออกมาเดือดดาล และก่อนที่เฮอร์ริเคนจะเพิ่มขนาดการทำลายล้างมาเป็นทอร์นาโด ผมต้องรีบ รีบหาข้อแก้ตัวอะไรก็ได้ที่สามารถยื้อชีวิตของผมให้ยาวออกไปได้
ซักสองสามนาทีก็ยังดี U..U
“ผะ ผม กำลังนั่งคิดอยู่หน่ะครับ ว่าผมควรจะเปลื่ยนเสื้อผ้าหรืออาบน้ำไปเลย เฮ้ออ แต่ผมว่าอากาศวันนี้มันร้อนจริง ๆ เนอะ เอาเป็นว่าผมอาบน้ำเลยไปดีกว่านะครับ ”
ผมรีบพูดพร้อมกับยกปกเสื้อขึ้นมากระพือสองสามที แม่ผมยกมือขึ้นมาเท้าสะเอว แล้วจ้องหน้าผมเป็นเชิงว่า แกจะไปได้หรือยัง แน่นอน เมื่อได้รับคำสั่งกลาย ๆ แบบนี้แล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งไปหยิบชุดคลุมแล้วพุ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
“เฮ้ย ! นายเข้ามาทำไม !”
“ชูว์ ~~~ เบา ๆ หน่อยสิ ตอนนี้แม่ผมอยู่หน้าห้อง เดี๋ยวท่านก็ได้ยินหรอก ”
ผมหันไปดุคนที่กำลังทำหน้าเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจเบา ๆ ก็แน่อยู่แล้วแหละ ห้องน้ำมันเล็กยังกะรูหนู แถมมีผู้ชายตัวโย่ง ๆ มาอัดกันอยู่ข้างในกันตั้งสองคน มันเป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไรหรอกนะ
“แต่ฉันกำลังจะหายใจไม่ออก ! นายออกไปก่อนได้ไหม ”
“ อะไรของคุณเนี่ย ! เมื่อกี้ยังไล่ผมให้เข้ามาอยู่เลยไม่ใช่หรือไง เหอะหน่า เดี๋ยวถ้าผมแน่ใจว่าแม่ออกไปแล้วเดี๋ยวผมก็รีบออกไปเองแหละ ”
ผมหันไปพูดกับคนที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่อีกฝั่งของพนังเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอียงหูลงไปแนบกับบานประตูช้า ๆ
“ จะทำอะไรอ่ะ ?”
“ ชูว์ ~ เบา ๆ หน่อยสิ ”
ผมหันไปดุคนที่กำลังชะโงกหน้ามองการกระทำของผมด้วยสายตาแปลก ๆ หมอนั่นมันรีบเสหน้าไปทางอื่นทันทีที่ผมหันไปถลึงตาใส่ ผมค่อย ๆ เอียงหูไปแนบกับบานประตูอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงปิดประตูดัง แกร๊ก ที่ดังเข้ามาจากทางด้านนอก แน่นอน แม่ผมต้องออกไปแล้ว
“ คุณ ! รีบอาบน้ำด้วยหล่ะ แม่ผมขึ้นมาตามแล้ว ขืนผมลงไปช้าอีกที ผมกับคุณซวยแน่ ”
ผมหันไปสั่งเสียคนด้านหลังอีกทีก่อนจะเปิดประตูออกไป จุดแรกที่ผมโฟกัสคือ บานประตูห้องนอนที่ถูกปิดสนิทเรียบร้อยแล้ว เฮ้ออ ~~~ แม่ออกไปอย่างที่ผมคิดไว้จริง ๆ ด้วย ผมคิดอย่างโล่งอก ก่อนจะตั้งท่าจะก้าวขาออกไป
“ชานยอล ! ลูกเป็นอะไรเนี่ย ทำไมถึงไม่อาบน้ำอาบท่าซักทีห๊ะ !”
“ แม่ !! ”
ผมอุทานออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะรีบก้าวขากลับเข้าไปในห้องน้ำทันที แม่ผมกำลังนั่งขัดเล็บอยู่บนเตียงของผม ให้ตายเหอะ ! งั้นก็แสดงว่าเสียงเปิดประตูเมื่อกี้นี้ คือแม่ผมปิดมันตอนที่แม่อยู่ข้างในห้องผมงั้นสิ ผมอยากจะบ้าตาย ชีวิตของ ปาร์ค ชานยอล มันจะหาไม่ก็วันนี้หล่ะวะ
“ก็แม่หน่ะสิ ! แกจะตกใจอะไรหนักหนา ”
แม่ผมหันมาตวาดใส่ผมก่อนจะก้มลงขัดเล็บต่ออย่างสบายใจเฉิบ แม่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเหยียบเข้ามาในห้องผม แล้วนี่มันอะไร ! วันนี้มันมีอะไรดลใจให้แม่เข้ามาในห้องผมได้ครับ !
“ แม่ ทำไมแม่ถึงไม่ไปอยู่ข้างล่างกับพ่อหล่ะครับ ”
“ไม่อ่ะ พ่อแกนั่งดูเเต่ข่าวการเมืองอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระ แม่ไม่ชอบ ”
แม่ผมพูดกับผมทั้ง ๆ ที่ตายังจดจ่ออยู่กับการขัด ๆ ถู ๆ เล็บ อย่างกับมืออาชีพ ผมลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่สายตาผมจะไปปะกับอะไรบางสิ่งบางอย่างที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้ราบเรียบเป็นหน้ากลอง มันจะเป็นอะไรไปได้หล่ะ ถ้าไม่ใช่สายตาอำมหิตของแม่ผมเอง !
“ ชานยอล ! เเม่จะทนไม่ไหวแล้วนะลูก ลูกจะอาบเอง หรือจะให้แม่อาบให้ ห๊ะ !! ”
“คร้าบบบ !! ผมจะรีบอาบเดี๋ยวนี้หล่ะครับ !”
ผมรีบพูดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะงับประตูเขามาปิดทันที อะไรกันแม่ผม นี่ผมรู้สึกว่าท่านจะเริ่มหน้ากลัวขึ้นทุกวัน ๆ แล้วนะ
“เมื่อกี้ฉันได้ยินแม่นายบอกว่า.... ”
“ ผมต้องอาบน้ำ ”
ผมรีบพูดดักคนที่กำลังยืนนิ่งเป็นหินอยู่อีกฟากห้อง ตกใจมากหล่ะสิ ไม่เป็นไร แค่ตกใจเฉย ๆ อะได้ แค่ห้ามช็อคนะ ณ. เวลานี้ผมไม่สามารถช่วยชีวิตคุณได้จริง ๆ
“ อะ อาบน้ำ !”
“ ใช่ อาบน้ำ ”
“โดยที่มีฉันอยู่ในนี้ด้วยงั้นเหรอ ?”
“ใช่ โดยที่มีคุณอยู่ในห้องนี้ด้วย ! เป็นไงหล่ะ อยากลีลาดีนัก พากันซวยกันไปหมดเลยเห็นไหม
”
ผมหันไปค่อนแขวะหมอนั่นมันเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมากอดอกพร้อมกับจ้องหน้าเขาไปด้วย ไม่ใช่เพราะผมอยากโทษหรือโยนความผิดไปให้หมอนั่นหรอกนะ แต่ผมแค่อยากให้เขาสำนึกผิดและรับรู้บ้าง ว่า ณ.ตอนนี้ สถานะของเราสองคน มันไม่ได้มีอะไรให้เลือกมากมายนักหรอก อะไรที่พอฝืนได้ก็ต้องฝืน การเอาแต่ใจตัวเองหลัก มันดูเป็นคุณสมบัติที่แย่ที่สุดสำหรับการทำงานกลุ่มเลยหล่ะ
“นายโทษฉันเหรอ !”
“ เปล่า ”
ผมพูดกับเขาก่อนจะเดิน ไปพาดชุดคลุมไว้บนราว หมอนั่นมันมองตามการกระทำของผมอย่างง ๆ ก่อนจะรีบร้องท้วงขึ้นมาทันทีที่ผมทำท่าจะปลดกระดุมออก
“ นะ นายจะเอาจริงเหรอ ?!”
“ แล้วคุณมีทางเลือกอื่นด้วยหรือไง แม่ผมนั่งเฝ้าอยู่ข้างนอกหน่ะ นี่! ผมขอบอกคุณไว้เลยนะ ว่าผมไม่ใช่โรคจิต ที่จะชอบอาบน้ำต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ แต่ตอนนี้ผมแค่ไม่มีทางเลือก อะไรที่ผมทำแล้วไม่ตายผมก็ต้องทำ ผมไม่ใช่เด็กแต่ใจ ที่จ้องจะทำแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการหน่ะ ”
“นายว่าฉันอีกแล้ว !”
“ เปล่า ! แล้วนี่คุณจะหันไปได้หรือยังอ่ะ ”
หมอนั่นมันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะจำใจหันหลังให้ผมแบบคนไม่มีทางเลือก เมื่อผมแน่ใจว่าเขาหันไปเต็มตัวแล้ว ผมก็รีบเดินเข้าไปในโซนอาบน้ำแล้วรีบดึงม่านมาปิดอย่างรวดเร็ว ผมรีบถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำอย่างเร่งรีบพร้อมกับชะโงกหน้ามองคนด้านอกเป็นระยะ เพียงไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จพร้อมกับมองหาชุดคลุมที่ตัวเองถือเข้ามา ถือเข้ามางั้นเหรอ ? ผมไม่ได้เผลอพาดมันไว้ที่ราวด้านนอกหรือไง !
“ คุณ ”
ผมชะโงกหน้าออกไปเรียกคนที่ยืนหันหลังอยู่ด้านนอกเบา ๆ หมอนั่นมันเอียงหัวนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ขานรับผม สงสัยจะไม่ได้ยิน งั้นเอาใหม่อีกทีนะ
“ชานยอล !!! เสร็จหรือยังลูก ”
“ ครับแม่ ! ผมกำลังจะกำลังจะออกไปแล้ว ”
ผมรีบขานรับแม่ก่อนจะใช้จังหวะที่หมอนั่นมันมันมองผมเรียกหาชุดคลุมอย่างรวดเร็ว ทันทีที่หมอนั่นมันรีบวิ่งไปหยิบชุดคลุมมาให้ผม ผมก็จัดการใส่มันอย่างเร่งรีบ ทันทีที่ผมใส่มันเสร็จผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบแหวกม่านแล้ววิ่งออกมาทันที
ปั๊ก !!!!!!
“โอ๊ยยยยยยยยย จะ เจ็บ ”
ผมร้องควรครางออกมาอย่างหน้าเวทนาพร้อมกับใช้มือลูบสะโพกตัวเองเบา ๆ หมอนั่นจ้องผมด้วยสายตาแปลก ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง คนบ้าอะไร ผมเจ็บขนาดนี้ยังไม่คิดจะช่วยกันเลย ผมคิดอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหลุบตาต่ำลง
“ เฮ้ย !!! ”
ผมรีบดึงชุดคลุมมาปิดต้นขาทันที่มองลงไปแล้วพบว่าชุดคลุมของผมมันแหวกขึ้นไปจนแทบจะ ถึง อึ๊ย... อยู่แล้ว ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่กำลังทำหน้านิ่งอยู่ข้างบนอย่างอึ้ง ๆ ก่อนเสียงเรียกของแม่จะดังขึ้นอีกครั้ง
“ ชานยอล ! ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า ”
“ปะ เปล่าครับแม่ ผมกำลังจะออกไปแล้ว”
ผมรีบตะโกนตอบแม่ก่อนจะค่อย ๆ ดันตัวขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เมื่อผมพอยืนตรงได้แล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่เดินออกจากห้องน้ำนรกนี่อย่างรวดเร็ว
“ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก แม่ได้ยินเสียงลูกร้องซะดังเลย ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ลื่นล้มนิดหน่อยหน่ะ ”
ผมหันไปฝืนยิ้มให้แม่ ก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้ามาใส่
“อ้าวเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก ให้แม่ดูหน่อยสิ”
“ ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ก็แค่ลื่นล้มนิดเดียวเอง แม่ออกไปก่อนนะ ผมจะใส่เสื้อผ้า ”
ผมเดินเข้าไปหาแม่ก่อนจะโอบท่านไปที่ประตู ตอนนี้สีหน้าท่านเป็นห่วงผมมาก ๆ แต่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ นี่ แล้วผมก็กำลังจะใส่เสื้อผ้าด้วยอีกอย่าง ไอ้คนในห้องน้ำหน่ะ ผมแค่กลัวว่ามันจะขาดใจตายไปก่อนก็แค่นั้นแหละ
“จ้า ๆ อย่าลืมทายาด้วยนะลูก ”
“ครับแม่ ถ้าผมใส่เสื้อผ้า ทายาเสร็จ เดี๋ยวผมจะรีบลงไปนะครับ ”
“จ้า เร็ว ๆ นะ ”
“ ครับ ”
ผมล่ำลาแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะรีบงับประตูเข้ามาล็อคกลอนทันที เหมือนคนในห้องน้ำจะรู้ ผมล็อคกลอนปุ๊บ ก็เปิดประตูออกมาปั๊บเลยเนอะ
“ อึดอัดจะแย่ ”
หมอนั่นเดินหน้านิ่งออกมา ก่อนจะทอดตัวนั่งลงเตียงพร้อมกับหายใจออกมาแรง ๆ ผมค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนหยุดกึก ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมา
“ มีอะไร ”
“ ปะ เปล่า ”
ผมรีบตีหน้ามึนก่อนทำท่าจะเดินถอยหลังกลับไป หมอนั่นมันหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหอบ ๆ อาการน่าเป็นห่วงนะ เขาเป็นโรคหอบหรือเปล่าอ่ะ ? ผมยืนคิดอยู่ซักพัก ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาอีกทีด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไร ?”
“ ผมแค่อยากถามว่า......”
“เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรนายหรือเปล่าหนะเหรอ ?”
“ไอ้บ้า !!! นี่ผมลืมมันไปแล้วนะ คุณจะพูดให้ได้อะไรอะไรขึ้นมาเล่า !!”
ผมเผลอแหกปากขึ้นมาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ มะ เเม่ กำลังจะวิ่งขึ้นมา ผมรับรู้ได้จากเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังวิ่งมาทางห้องของผม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ชานยอลลูก เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ ปะ เปล่าครับแม่ ผมไม่ได้เป็นอะไร ”
ผมรีบตะโกนกลับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีผล แม่ผมยังคงเคาะประตูจนมันแทบจะพังเข้ามาอยู่แล้ว เอาไงดี ๆ อ่อ ผมคิดออกแล้ว !!!
ปั๊ง !!
ผมกระทืบเท้าลงพื้นเสียงดัง ท่ามกลางสายตาอึ้ง ๆ ของคนที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียง อยากรู้หล่ะสิ ว่าผมจะทำอะไร งั้นดูนี่
ปั๊ง ! ปั๊ง ! ปั๊ง !
“นี่แหนะ ไอ้แมลงสาบบ้า ฉันบอกแกแล้วไม่เคยจำว่าอย่าเข้ามาในห้องฉัน ให้ตายเหอะ แกนี่มันไม่มีสมองหรืออะไรกันแน่เนี่ย เอาไว้ฉันทำงานเก็บเงินได้เมื่อไหร่ แกจะส่งเสียแกเรียนหนังสือเองนะ จะได้ฉลาดขึ้นมากับบ้าง ๆ แหนะ ๆ ยังจะมาเถียงฉันอีก แกบอกว่าแกฉลาดกว่าฉันงั้นเหรอ ไปตายซะเหอะไอ้แมลงสาบ ฉันจะฆ่าแก !”
ปั๊ง ! ปั๊ง ! ปั๊ง !
ผมยกเท้าขึ้นมากระทบพื้นอีกทีท่ากลางสายตาสุดแสนจะงงวยของคนที่นั่งอยู่บนเตียง ผมหัวเราะคิกคักออกมาอย่างดีใจเมื่อเสียงเคาะประตูที่ดังปึ้งปั๊งอยู่ข้างนอกเงียบลง
“ ชานยอล ... นี่ลูกยังไม่เลิกนิสัยที่ชอบทะเลาะกับแมลงสาบอีกเหรอ ลูกโตแล้วนะ เฮ้อออ แม่หล่ะอ่อนใจกับลูกจริง ๆ ทะเลาะกับมันเสร็จก็รีบลงกินข้าวได้แล้วนะ พ่อกับแม่รออยู่ ”
“ครับแม่ ~ ”
ทันที่ผมรับคำเสร็จ ผมก็ยกหมัดขึ้นมากำอย่างผู้ชนะ วะฮ่า ๆ ๆ รอดตาย ผมรอดตายแล้ว !!
“ คนบ้าอะไรชอบทะเลาะกับแมลงสาบ ”
เสียงแสบแห้งของใครบางคนที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำเอาความมั่นใจของผมลดลงดังฮวบ ทำไมคุณต้องมาด่าผมว่าบ้าด้วยอะ ความจริงแล้วคุณต้องขอบคุณผมไม่ใช่หรือไง ผมช่วยให้เราไม่ถูกแม่จับได้นะ !
“ ก็ผมไม่ชอบอะ ”
“ ไม่ชอบเมลงสาบ ? เลยต้องด่ามันเนี่ยนะ ”
“ก็คงงั้นแหละมั้ง ก็เวลาผมไล่มันดี ๆ มันก็ไม่ยอมไปอ่ะ แต่พอผมยืนทะเลาะกับมันไม่กี่นาที มันก็วิ่งหนีไปเฉยเลยอ่ะ ฮ่า ๆ สงสัยมันคงขี้เกรียจฟังมั้ง หรือไม่มันอาจจะรำคาญผม ? แน่ ๆ เลย มันต้องรำคาญผมแน่ ๆ แมลงสาบฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องนี่เนาะแล้วมันจะขี้เกรียจฟังผมได้อย่างไงหล่ะ จริงปะ ฮ่า ๆ ๆ ”
ผมเผลอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะสังเกตเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ คนตรงหน้า หมอนี่ยิ้มงั้นเหรอ ? มันจะเป็นไปได้อย่างไงกัน ผมคิดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องไปพร้อมกับชุดนอนที่ถือไว้ในมือ ผมค่อย ๆ ดันหลังแนบประตูก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกตัวเองช้า ๆ
หัวใจของผม ทำไมหัวใจของผมมันถึงเต้นแรงแบบนี้
ความคิดเห็น