ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Love It Shu ~ รู้เเค่คุณกับผม [ Krisyeol ] [RE-WRITE]

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Love It shu ♥

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.82K
      8
      30 มี.ค. 56





















    ครืนนน ครืนนน ครืนนนน .......

    โอ๊ยยย หนวกหูจริงโว๊ยยยย ผมสถบกับเองอย่างเหลืออดพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่น อยากจะหลับ อยากจะนอน แต่ก็ดูเหมือนเสียงฝนตกที่ปะปนมากับเสียงฟ้าร้องที่ดังโครม ๆ อยู่นี่ จะไม่เป็นใจกับความต้องการของผมซะเลย ให้ตายเหอะ จะตกจะร้องกันอีกนานแค่ไหนครับ พรุ่งนี้ผมต้องไปมหาลัยนะ พวกคุณไม่เห็นใจผมบ้างเลยหรือไง !! U....U

    ตุ๊บ !!!!

    ผมรีบหยุดความคิดของตัวเองไว้ทันทีที่ได้เสียงอะไรหล่นดังตุ๊บดังออกมาจากทางหน้าต่าง ผมรีบเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ ก่อนจะเพ่งมองไปยังเงามืด ๆ ของอะไรบางอย่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

    คะ คน ! นั่นมันคนนี่หว่า !!!

    คะ คุณ คุณ ตื่นสิคุณ

    ผมรีบวิ่งไปยังผู้ชายที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นก่อนจะใช้มือตบลงบนใบหน้าของเขาเบา ๆ  ไร้สัญญาณตอบรับ ผู้ชายคนนี้สลบไปแล้ว เขาสลบไปเนื่องจากการทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ผมรับรู้ได้จากรอยช้ำสีม่วงเข้มจนขึ้นเลือดที่ปะปรายอยู่ทั่วใบหน้ารวมทั้งลำตัวของเขา

    ก๊อก !! ก๊อก !! ก๊อก !!

    ชานยอลลูก เปิดประตูให้แม่หน่อยสิ

    ผมรีบหันขวับไปทางประตูทันทีที่ได้ยินเสียงแม่เรียก เอาแล้วสิ ถ้าเกิดพ่อกับแม่ เข้ามาเห็นผู้ชายไร้สติคนนี้อยู่ในห้องผม มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยแม่ผมยิ่งเว่อร์ ๆ อยู่ด้วย เอาไงดีหล่ะ ผมควรจะรักษาเขาให้หายแล้วค่อยมาสืบสาวราวเรื่องด้วยตัวเองอีกทีก็น่าจะดีกว่านะ เมื่อผมคิดได้ดังนั้น ผมก็จัดการลากร่างไร้สติของ .... ของใครก็ไม่รู้อ่ะ เข้าไปซุกไว้ใต้เตียงทันที เฮ้อออ ตัวใหญ่ชะมัดยาด ตอนเด็ก ๆ แม่ให้กินซุงแทนข้าวหรือไงฟร๊ะ >.,<

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ชานยอล ! เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าลูก ถ้าลูกไม่เปิด แม่จะให้พ่อพังประตูเข้าไปแล้วนะ !!

    ยะ อย่านะครับแม่

    ผมรีบร้องห้ามแม่ ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูออกมาอย่างรวดเร็ว เฮ้ย ! เท้าโผล่ ผมเหลือบมองใต้เตียงอย่างตกใจก่อนจะรีบเขี่ยเท้ายาว ๆ ที่โผล่ออกมาเข้าใต้เตียงทันที

    เป็นอะไรห๊ะลูก กว่าจะเปิดประตูให้แม่ได้

    แม่ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสียก่อนตั้งท่าจะเดินเข้ามาในห้อง ผมรีบร้องห้ามแม่ไว้ทันที

    มะ แม่จะไปไหน

    ก็เข้ามาดูหน่ะสิ ว่ามีห้องลูกมีอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้แม่ได้เสียงอะไรหล่นก็ไม่รู้อย่างดังเลย

    แม่กลัวว่าจะมีสัตว์อะไรหลงเข้ามาในห้องลูกหน่ะ

    มะ แม่ครับ อย่าพึ่งนะ คือเสียงที่ดังอ่ะ มันเป็นโน่นครับ เสียงมะพร้าวบ้านป้าข้าง ๆ โน่น มันไม่มีอะไรเข้ามาในห้องผมหรอกครับ ไม่มี

    ผมรีบอธิบายถึงต้นเสียงให้แม่ฟัง พร้อมกับชี้มือไปยังบ้านป้าข้าง ๆ ที่ปลูกผลไม้แทบทุกชนิดจนมันแทบจะสวนไปแล้ว แม่ผมผงกหัวเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ก่อนที่ตาของแม่จะเบิกโผลงขึ้นมาทันทีที่มองต่ำไปที่พื้น

    นะ น้ำนั่นมันรอยน้ำอะไร !

    แม่ผมอุทานออกมาอย่างตกใจก่อนจะชี้นิ้วไปน้ำวงใหญ่ที่เปียกแฉะอยู่บนพื้น ตายหล่ะ

    ผมจะทำอย่างไงดี ทำอย่างไงดี

    คะ คือ เมื่อกี้ผมลืมปิดหน้าต่างหน่ะครับ ฝนมันก็เลยสาดเข้ามา นี่ผมกำลังจะเช็ดพอดีเลยนะครับ แต่แม่เข้ามาก่อนก็เลยยังไม่ได้เช็ด ผมว่า....ถ้าพ่อกับแม่ไม่มีอะไรแล้ว ก็ไปเข้านอนกันเหอะครับ ถ้าผมเช็ดคราบน้ำพวกนี้เสร็จ ผมก็จะรีบเข้านอนเหมือนกัน หาววว ง่วงจะแย่อยู่แล้ว พรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนแต่เช้าด้วย ไม่รู้จะตื่นไหวหรือเปล่า

    ผมรีบเอ่ยเร่งพวกท่าน ก่อนจะแกล้งหาวออกมาฟอดใหญ่

    จ้า ๆ พ่อคนตื่นเช้า พ่อคนห่วงเรียน ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกันนะคะคุณลูก แม่อยู่กับแกมา 18 ปี แม่ยังไม่เคยเห็นแกตื่นเช้าได้ซักวัน

    โหยย แม่ครับ นั่นมัน 18 ปี ก่อน แต่นี่ผม 19 แล้วนะ ตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะตื่นให้เช้ากว่าแม่เลยคอยดู

    จ้า ๆ พ่อคนเก่ง !

    แม่อ่ะ อย่าชมผมสิ ผมเขิลนะ

    อะไรกันไอ้เด็กคนนี้ แม่ไม่คุยด้วยแล้ว ปะพ่อไปนอนกัน

    แม่หันมาค้อนใส่ผมอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะพาพ่อเดินกลับไปที่ห้องทันที ผมส่งยิ้มหวานตามหลังท่านไปติด ๆ เมื่อสังเกตเห็นประตูห้องของพ่อกับแม่ถูกปิดลงเรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบกระชากประตูเข้ามาล็อคกลอนแล้วพุ่งไปยังใต้เตียงทันที

    คุณ คุณ นี่คุณยังไม่ฟื้นอีกเหรอ ?”

    ผมรีบลากซากไร้สติของใครบางคนออกมาอย่างยากเย็น ก่อนจะใช้มือตบลงใบหน้าช้ำ ๆ ของเขาอีก สองสามที ยังไม่ได้สติ ! ยะ อย่าบอกนะ ว่าเขาตายแล้วอ่ะ ผมสะดุ้งตัวขึ้นมาอย่างตกใจ ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นนิ้วออกไปอังลมหายใจที่จมูกของเขาช้า ๆ ยังหายใจอยู่ ! ผมเผลอแย้มยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะจัดการเปลื่ยนเสื้อผ้า รวมถึงทำแผลให้ผู้ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าเขาเป็นใคร มาจากที่ไหน หรือเข้ามาที่นี่เพื่อไร เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือผมต้องรักษาชีวิตของผู้ชายคนนี้เอาไว้ให้ได้ อุตส่าห์ตกลงมาบนบ้านของนักศึกษาแพทย์อย่างผมทั้งที คุณไม่ต้องกังวลหรอก ผมไม่ทางปล่อยให้คุณตายแน่ ๆ วางใจได้   *O*

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันใหม่

     

    เฮ้ย ! คะ คุณ ฟื้นแล้วเหรอ ?”

    ผมอุทานออกมาอย่างตกใจทันทีที่ก้าวออกมาจากในห้องน้ำแล้วพบว่ามีใครบางคนกำลังนั่งหน้าขรึมอยู่บนเตียง

    คนไข้ของผมเองนั่นแหละ  ขอโทษนะผมยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ?

    อืม

    เขาเงยหน้าขึ้นมาตอบผมด้วยคำพูดสั้น ๆ ก่อนจะเสหน้าออกไปทางหน้าต่างทันที ให้ตายเหอะ นี่ผมช่วยชีวิตคุณไว้นะ ไม่คิดจะขอบใจกันบ้างเลยหรือไง ผมแอบเบ้ปากใส่คนขี้เก๊กก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อกับกางเกงนักศึกษาเพื่อเอาเข้าไปใส่ในห้องน้ำ ทันทีที่ผมก้าวเท้าออกมาพร้อมกับชุดนักศึกษาเต็มยศ  หมอนั่นก็แอบเหลือบมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีทันทีที่ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนหัวเตียงมาถือไว้

    สภาพร่างกายของคุณตอนนี้มันแย่มาก คุณต้องพักผ่อนให้เยอะ ๆ ร่างกายของคุณมันจะกลับกลืนคืนสภาพเร็ว ๆ อะนี่ ยาแก้อักเสษ คุณต้องกินมันหลังหลังอาหารนะ แล้วก็นี่ยาพารา เอาไว้กินเวลาคุณรู้สึกปวดแผลมาก ๆ ย้ำ ต้องมาก ๆ เท่านั้น เวลาปวดนิดปวดหน่อยคุณห้ามกินเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นไตคุณจะทำงานหนัก แล้วถ้าหนักมาก ๆ คุณอาจมีสิทธิ์ไตวายได้ เข้าใจไหม ? 

    ผมพูดกับเขาพร้อมกับหยิบกระปุกยาขึ้นมาวางไว้บนลิ้นชักข้าง ๆ เตียงนอน หมอนั่นผงกหน้าเป็นเชิงรับรู้เบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างง ๆ ทันทีที่ผมยื่นขนมอบกรอบสามสี่ห่อที่พึ่งควักออกมาจากกระเป๋าให้ อย่าทำหน้าลังเลอย่างนั้นสิ ขนมพวกนี้ผมเก็บตังค์ซื้อมากินเองเลยนะ กะจะเอาไว้กินแก้ง่วงซะหน่อย >.,< อดเลย

    อะ ข้าวเช้าของคุณ ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมันมีอยู่แค่นี้นี่แหละ เอาเป็นว่าตอนเย็นผมจะรีบกลับมาทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณทานแล้วกันนะ  ผมสัญญา

    ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ หมอนั่นก่อนจะชูนิ้วก้อยกระดิกไปมา ผู้ชายคนนั้นรีบขยับหนีผมก่อนจะชายตามองผมด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมย์เท่าไหร่ คนบ้าอะไรเนี่ย ไร้อารมณ์ชะมัด อย่าเก๊กให้มากนะพ่อคุณ ถ้าผมหมดความอดทนขึ้นมาเมื่อไหร่ แม่(?)จะจับโยนออกนอกหน้าต่างซะนี่ >.,<

    อ่า โอเค ๆ ผมไม่กวนคุณและ อยู่เงียบ ๆ แล้วก็ห้ามออกไปจากห้อง ๆ นี้ เด็ดขาด คุณคงทำได้นะ

    ผมพูดสั่งเสียเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกไปหน้าประตูทันที สายแล้ว ๆ ถ้าขืนผมลงไปช้ากว่านี้มีหวังแม่ได้ขึ้นมาตามผมถึงบนห้องแน่

    ดะ เดี๋ยวก่อน !

    ครับ

    ขอบใจนะ ที่ช่วยฉันไว้

    ไม่เป็นไรครับ

    ผมหันกลับยิ้มให้เขาอีกที ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องโดยเร็ว ตายแน่ ๆ พ่อสตาร์ทรถขู่ผมแล้ว

    ถ้าขืนผมลงไปช้ากว่านี้วิเดียว มีหวังผมต้องนั่งสองแถว เข้ามหาลัยเหมือนวันก่อนแน่ ๆ  U.U

     

     

     

     

     
     

     

    ชานยอล

    “………...”

    ชานยอล!

    “...............”

    ชานยอล!!

    อะ อะไร ! มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย กูนั่งอยู่แค่นี้เองนะ

    เออ ก็นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ถึงต้องตะโกน เป็นบ้าไรวะ กูเห็นมึงนั่งเม่อมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ แล้วนี่ มันกี่โมงกี่ยามแล้ว จะเลิกเรียนอยู่แล้ว เป็นอะไรเนี่ย แปลก ๆ นะวันนี้

    ไค มันยืนวิเคาระห์อาการผมเสร็จก็หย่นตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามผมทันที จะมานงมานั่งอะไรกันตอนนี้วะ คนอื่นเขาเก็บกระเป๋ากลับบ้านกันหมดแล้วเนี่ย >.,<

    นั่นสิ วันนี้กูว่ามึงดูแปลก ๆ ไปจริง ๆ นะ นั่งเม่อ ๆ ลอย ๆ เหมือนกำลังคิดถึงใครอยู่เลยอ่ะ

    คยองซูมันเดินเข้ามาสมทบอีกแรง ก่อนจะหันไปมองหน้าไคเป็นเชิงว่าคิดเหมือนกันใช่ปะ ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจัดการกวาดอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าสะพายอย่างรวดเร็ว คิดถึงงั้นเหรอ ก็คงงั้นมั้ง ไม่รู้ป่านี้คนไข้ของผมจะหิวตายไปหรือยัง

    อะแหนะ กูว่าต้องเป็นอย่างที่มึงคิดแน่ ๆ เลยอ่ะ คยองซู คิคิ นี่มึงแอบซุกผู้ชายไว้ที่บ้านหรอชานยอล ?”

    แบคฮยอน ! ไอ้บ้านี่ ถ้าพวกมึงไม่มีอะไร กูกลับนะ !

    ผมหันไปตวาดใส่บุคคลที่สามและสี่ที่เดินตามมาสมทบติด ๆ คนนึงก็เดินดูดชานมน่ามึนมาเชียว แต่อีกคนนี่  ดูเหมือนจะเป็นคนที่อาการหนักที่สุดในกลุ่ม

    บยอน แบคฮยอน !ในหัวสมองมึงมันมีแต่เรื่องอย่างนี้หรือไงวะ !!

    อะไร ๆ มึงจะรีบกลับไปไหน ปรกติเห็นกลับดึกทุกวัน แน่หล่ะ กูว่ามันชักอย่างไง ๆ แล้วนะเนี่ย เพื่อนเรา

    ไค มึงก็อย่าไปบ้าจี้ตามมันไปอีกคนดิวะ กูไปหล่ะขี้เกรียจมายืนเถียงกับพวกมึงวะ ไร้สาระ

    ผมรีบพูดก่อนวิ่งฝ่าวงล้อมของพวกมันออกมาอย่างรวดเร็ว แน่นอน ถ้าไม่ใครซักคนตะโกนด่าไล่หลังผมมาละก็  ไอ้สี่คนนี้มันคงไม่ใช่เพื่อนสนิทตัวจริงของผมอย่างแน่นอน

     

     

     

     

     

     

    ห๊ะ ! แม่ถึงบ้านแล้ว !! อะ โอเค ครับ ตอนนี้ผมอยู่หน้าปากซอยแล้วครับ ครับ ครับ แล้วเจอกันนะครับ

    ผมรีบยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะออกวิ่งทันที  ตายหล่ะ คนไข้ของผมป่านนี้จะมีสภาพเป็นอย่างไงเนี่ย  ผมคิดอย่างร้อนรนก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้านทันที ห้องนอน จุดแรกที่ผมต้องเข้าไปคือห้องนอน

    ชานยอล จะไปไหนลูก

    เสียงที่ตะโกนออกมาจากในห้องครัวทำเอาผมหยุดเท้าไว้ที่บันไดขั้นที่ห้าของบ้าน พ่อหันมามองหน้าผมแปลก ๆ เหมือนจะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ก้าวเข้าบ้านมาผมยังไม่ได้สวัสดีพวกท่านเลย เอาแล้วสิ นี่ผมคงไม่ได้ทำตัวเป็นพิรุธเกินไปใช่ไหม ?

    สวัสดีรับพ่อ สวัสดีครับแม่ เดี๋ยวผมขอตัวขึ้นไปเปลื่ยนเสื้อแปบนึงนะครับ ร้อนมาก ๆ เลยวันนี้

    ผมแกล้งทำเป็นถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะกระพือปกเสื้อไปมาเพื่อบ่งบอกว่าอากาศวันนี้มันร้อนแค่ไหน

    จ้า ๆ แล้วรีบลงมาด้วยนะ แม่ทำกับช้าวเสร็จพอดีเลย

    ครับแม่

    ผมตอบรับแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะออกตัววิ่งไปยังห้องนอนทันที ห้องไม่ได้ล็อค ทำไมเป็นอย่างนี้วะ ผมคิดกับตัวเองอย่างโมโหก่อนจะบิดกลอนเข้าไปแล้วกดล็อคทางด้านในทันที ท่าเดิม ? นี่อย่าบอกน่าตั้งแต่ผมออกไปคุณยังไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลยอ่ะ O.o?

    ทำไมคุณถึงไม่ล็อคประตู ถ้าอยู่ดี ๆ แม่ผมเปิดเข้ามาคุณจะว่ายังไงห๊ะ

    ผมพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินไปวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ คนบ้าอะไรประมาทชะมัด !

    ก็นายไม่ได้บอกฉัน

    เรื่องอย่างนี้ผมต้องบอกคุณด้วยหรือไง

    ไม่รู้

    หมอนั่นตอบอย่าหน้าตายก่อนจะเสหน้าออกไปทางหน้าต่างทันที ผมถอนหายใจออกเบา ๆ ให้กับความเป็นเด็กที่ดูจะไม่เหมาะสมกับสังขารของผู้เป็นเจ้าของซักเท่าไหร่ ก่อนที่สายตาผมจะไปสะดุดเข้าไปอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมอยากจะเหวี่ยงไอ้หมอนี่ลงหน้าต่างให้มันรู้เเล้วรู้รอดไปเลย

    คุณบ้าไปแล้วหรือไง ! นี่วันทั้งวันคุณไม่ได้กินอะไรเลยเหรอ ?”

    ผมพูดอย่างเดือดดาลก่อนจะเดินไปหยิบถุงขนมสามสี่ห่อขึ้นมาส่องเพื่อความแน่ใจ ให้ตายเหอะ ยาก็ไม่ได้กิน ขนมซักห่อก็ไม่ได้แตะ อยู่ไปได้อย่างไงวะ

    ฉันไม่หิว

    หิวไม่หิวคุณก็ต้องกิน ไม่สงสารตัวเองก็สงสารร่างกายมันบ้างสิ คุณต้องอยู่กับมันอีกนานนะ หัดดูแลมันหน่อย สงสารมันบ้าง ผมอยากจะบ้าตาย ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยสงสารอะไรเท่ากับร่างกายของคุณเลยนะ คุณเชื่อไหม

    ผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างคนสิ้นหวัง ก่อนจะยกมือขึ้นมาบีบนวดขมับตัวเองเบา ๆ หมอนั่นมันเหล่ตามองผมด้วยสายตาเเปลก ๆ ก่อนจะส่ายตาหัวเบา ๆ เป็นเชิงว่าผมสิ่งที่ผมพล่ามออกไปทั้งหมด ทั้งมวลนี้เป็นเรื่องไร้สาระที่เขาไม่ต้องที่จะรับรู้หรือหรือรับฟังอะไรทั้งสิ้น ผมเงยหน้าขึ้นไปแยกเขี้ยวให้หมอนั่นด้วยความรู้สึกมั่นไส้อย่างสุดกำลัง

    ฉันอยากอาบน้ำ

    หมอนั่นมันหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงหวน ๆ ก่อนจะลุกขึ้นมายืนบิดขี้เกียจอยู่ข้าง ๆ เตียง ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ให้กับคนไข้ที่ตอนนี้เริ่มจะกลายพันธุ์เป็นเจ้านายผมขึ้นไปทุกที ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ยังไม่ได้ใช้ออกมายื่นให้คนที่ยืนรออยู่ทางด้านหลัง

    เข้าห้องน้ำไปสิ

    เขาหันมาสั่งผม

    เข้าห้องน้ำ ? ทำไมผมต้องเข้าไปด้วยอ่ะ

    ผมหันไปถามเขาอย่างง ๆ เมื่อผมรู้สึกไม่ค่อยเก็ทกับคำสั่งเท่าไหร่

    ก็ฉันจะเปลื่ยนเสื้อผ้า

    เอ้า คุณก็เข้าไปเปลื่ยนในห้องน้ำสิ เดี๋ยวผมจะเตรียมชุดนอนคุณไง

    ผมอธิบายให้เขาฟัง ก่อนจะหันมาค้นชุดนอนที่ยังไม่ได้ใส่ในตู้เสื้อผ้าต่อ เสียงหายใจฮึดฮัดที่ดังออกมาจากข้างหลังทำเอาผมหมดอารมณ์ที่จะค้นหาชุดนอนไปโดยปริยาย

    นี่คุณ อยากอาบน้ำไม่ใช่หรือไง แล้วมายืนฟึดฟัดอะไรอยู่ข้างหลังผมเนี่ย น่ารำคาญชะมัด 

    ผมหันไปบ่น เบา ๆ ให้กับคนที่ยืนหน้าเชิดเป็นเด็กเอาแต่ใจ บ้าบอชะมัด ทำตัวให้มันเหมาะสมกับหน้าตาหน่อยเหอะพ่อคุณ

    ก็ฉันจะเปลื่ยนเสื้อผ้าที่นี่

    คุณ ! ในห้องน้ำผมมันไม่อะไรหรอกครับ อย่างไง ๆ คุณก็ต้องเข้าไปอาบน้ำในนั้นอยู่ดี คุณเข้าใจผมไหม รีบเข้าไปอาบน้ำซะ ผมจะได้อาบต่อ!

    ไม่ ฉันจะเปลื่ยนที่นี่ นายนั่นแหละที่ต้องเข้าไป

    คุณ

    อะไร ? ”

    แอ๊ะ ! นี่คุณฟังผมไม่รู้เรื่องหรือไง ผมบอกให้เข้าไปก็เข้าไปสิ

    ไม่ ! นายนั่นแหละ ที่ต้องเข้าไป

    ไม่มีทาง คุณต่างหากที่ต้องเข้าไป

    นาย !

    คุณ !

    นาย !

    คุณ !

    นาย !

    คะ ...

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ชานยอลลล ทำอะไรอยู่ลูกเปิดประตูให้แม่หน่อยสิ

    คุณ !

    ผมหันไปชี้หน้าหมอนั่นก่อนจะคว้าแขนแล้วลากไปโยนไว้ในห้องน้ำทันที ผมสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมกับพยายามรวบรวมสติให้เข้าที่ เมื่อทุกอย่างโอเคแล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบเดินออกไปเปิดประตูตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ทันที

    มีอะไรหรอครับแม่ 

    ผมยื่นหน้าออกไปฉีกยิ้มให้คุณนายที่ดูเหมือนของจะขึ้นทันทีที่มองเห็นสภาพของผม ตายหล่ะ ผมลืม ลืมไปสนิทเลย

    ชานยอล ! ไหนว่าลูกจะขึ้นมาเปลื่ยนเสื้อผ้าไง นี่มันจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ลูกมัวทำอะไรอยู่ห๊ะ !!

    แม่ผมตะโกนออกมาเดือดดาล และก่อนที่เฮอร์ริเคนจะเพิ่มขนาดการทำลายล้างมาเป็นทอร์นาโด ผมต้องรีบ รีบหาข้อแก้ตัวอะไรก็ได้ที่สามารถยื้อชีวิตของผมให้ยาวออกไปได้

    ซักสองสามนาทีก็ยังดี U..U

    ผะ ผม กำลังนั่งคิดอยู่หน่ะครับ ว่าผมควรจะเปลื่ยนเสื้อผ้าหรืออาบน้ำไปเลย เฮ้ออ แต่ผมว่าอากาศวันนี้มันร้อนจริง ๆ เนอะ เอาเป็นว่าผมอาบน้ำเลยไปดีกว่านะครับ

    ผมรีบพูดพร้อมกับยกปกเสื้อขึ้นมากระพือสองสามที แม่ผมยกมือขึ้นมาเท้าสะเอว แล้วจ้องหน้าผมเป็นเชิงว่า แกจะไปได้หรือยัง แน่นอน เมื่อได้รับคำสั่งกลาย ๆ แบบนี้แล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งไปหยิบชุดคลุมแล้วพุ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที

    เฮ้ย ! นายเข้ามาทำไม !

    ชูว์ ~~~ เบา ๆ หน่อยสิ ตอนนี้แม่ผมอยู่หน้าห้อง เดี๋ยวท่านก็ได้ยินหรอก

    ผมหันไปดุคนที่กำลังทำหน้าเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจเบา ๆ ก็แน่อยู่แล้วแหละ ห้องน้ำมันเล็กยังกะรูหนู แถมมีผู้ชายตัวโย่ง ๆ มาอัดกันอยู่ข้างในกันตั้งสองคน มันเป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไรหรอกนะ

    แต่ฉันกำลังจะหายใจไม่ออก ! นายออกไปก่อนได้ไหม

    อะไรของคุณเนี่ย ! เมื่อกี้ยังไล่ผมให้เข้ามาอยู่เลยไม่ใช่หรือไง เหอะหน่า เดี๋ยวถ้าผมแน่ใจว่าแม่ออกไปแล้วเดี๋ยวผมก็รีบออกไปเองแหละ

    ผมหันไปพูดกับคนที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่อีกฝั่งของพนังเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เอียงหูลงไปแนบกับบานประตูช้า ๆ

    จะทำอะไรอ่ะ ?”

    ชูว์ ~ เบา ๆ หน่อยสิ

    ผมหันไปดุคนที่กำลังชะโงกหน้ามองการกระทำของผมด้วยสายตาแปลก ๆ หมอนั่นมันรีบเสหน้าไปทางอื่นทันทีที่ผมหันไปถลึงตาใส่ ผมค่อย ๆ เอียงหูไปแนบกับบานประตูอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงปิดประตูดัง แกร๊ก  ที่ดังเข้ามาจากทางด้านนอก แน่นอน แม่ผมต้องออกไปแล้ว

    คุณ ! รีบอาบน้ำด้วยหล่ะ แม่ผมขึ้นมาตามแล้ว ขืนผมลงไปช้าอีกที ผมกับคุณซวยแน่

    ผมหันไปสั่งเสียคนด้านหลังอีกทีก่อนจะเปิดประตูออกไป จุดแรกที่ผมโฟกัสคือ บานประตูห้องนอนที่ถูกปิดสนิทเรียบร้อยแล้ว  เฮ้ออ ~~~ แม่ออกไปอย่างที่ผมคิดไว้จริง ๆ ด้วย ผมคิดอย่างโล่งอก ก่อนจะตั้งท่าจะก้าวขาออกไป

    ชานยอล ! ลูกเป็นอะไรเนี่ย ทำไมถึงไม่อาบน้ำอาบท่าซักทีห๊ะ !

    แม่ !!

    ผมอุทานออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะรีบก้าวขากลับเข้าไปในห้องน้ำทันที แม่ผมกำลังนั่งขัดเล็บอยู่บนเตียงของผม ให้ตายเหอะ ! งั้นก็แสดงว่าเสียงเปิดประตูเมื่อกี้นี้ คือแม่ผมปิดมันตอนที่แม่อยู่ข้างในห้องผมงั้นสิ ผมอยากจะบ้าตาย ชีวิตของ ปาร์ค ชานยอล มันจะหาไม่ก็วันนี้หล่ะวะ

    ก็แม่หน่ะสิ ! แกจะตกใจอะไรหนักหนา

    แม่ผมหันมาตวาดใส่ผมก่อนจะก้มลงขัดเล็บต่ออย่างสบายใจเฉิบ แม่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเหยียบเข้ามาในห้องผม แล้วนี่มันอะไร ! วันนี้มันมีอะไรดลใจให้แม่เข้ามาในห้องผมได้ครับ !

    แม่ ทำไมแม่ถึงไม่ไปอยู่ข้างล่างกับพ่อหล่ะครับ

    ไม่อ่ะ พ่อแกนั่งดูเเต่ข่าวการเมืองอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระ แม่ไม่ชอบ

    แม่ผมพูดกับผมทั้ง ๆ ที่ตายังจดจ่ออยู่กับการขัด ๆ ถู ๆ เล็บ อย่างกับมืออาชีพ ผมลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่สายตาผมจะไปปะกับอะไรบางสิ่งบางอย่างที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้ราบเรียบเป็นหน้ากลอง มันจะเป็นอะไรไปได้หล่ะ ถ้าไม่ใช่สายตาอำมหิตของแม่ผมเอง !

    ชานยอล ! เเม่จะทนไม่ไหวแล้วนะลูก ลูกจะอาบเอง หรือจะให้แม่อาบให้ ห๊ะ !!

      คร้าบบบ !! ผมจะรีบอาบเดี๋ยวนี้หล่ะครับ !

    ผมรีบพูดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะงับประตูเขามาปิดทันที  อะไรกันแม่ผม นี่ผมรู้สึกว่าท่านจะเริ่มหน้ากลัวขึ้นทุกวัน ๆ แล้วนะ

    เมื่อกี้ฉันได้ยินแม่นายบอกว่า....

    ผมต้องอาบน้ำ

    ผมรีบพูดดักคนที่กำลังยืนนิ่งเป็นหินอยู่อีกฟากห้อง ตกใจมากหล่ะสิ ไม่เป็นไร แค่ตกใจเฉย ๆ อะได้ แค่ห้ามช็อคนะ ณ. เวลานี้ผมไม่สามารถช่วยชีวิตคุณได้จริง ๆ  

    อะ อาบน้ำ !

    ใช่ อาบน้ำ

    โดยที่มีฉันอยู่ในนี้ด้วยงั้นเหรอ ?”

    ใช่ โดยที่มีคุณอยู่ในห้องนี้ด้วย ! เป็นไงหล่ะ อยากลีลาดีนัก พากันซวยกันไปหมดเลยเห็นไหม

    ผมหันไปค่อนแขวะหมอนั่นมันเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมากอดอกพร้อมกับจ้องหน้าเขาไปด้วย ไม่ใช่เพราะผมอยากโทษหรือโยนความผิดไปให้หมอนั่นหรอกนะ แต่ผมแค่อยากให้เขาสำนึกผิดและรับรู้บ้าง ว่า ณ.ตอนนี้ สถานะของเราสองคน มันไม่ได้มีอะไรให้เลือกมากมายนักหรอก อะไรที่พอฝืนได้ก็ต้องฝืน การเอาแต่ใจตัวเองหลัก มันดูเป็นคุณสมบัติที่แย่ที่สุดสำหรับการทำงานกลุ่มเลยหล่ะ

    นายโทษฉันเหรอ !

    เปล่า

    ผมพูดกับเขาก่อนจะเดิน ไปพาดชุดคลุมไว้บนราว หมอนั่นมันมองตามการกระทำของผมอย่างง ๆ ก่อนจะรีบร้องท้วงขึ้นมาทันทีที่ผมทำท่าจะปลดกระดุมออก

    นะ นายจะเอาจริงเหรอ ?!”

    แล้วคุณมีทางเลือกอื่นด้วยหรือไง แม่ผมนั่งเฝ้าอยู่ข้างนอกหน่ะ นี่! ผมขอบอกคุณไว้เลยนะ ว่าผมไม่ใช่โรคจิต ที่จะชอบอาบน้ำต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ แต่ตอนนี้ผมแค่ไม่มีทางเลือก อะไรที่ผมทำแล้วไม่ตายผมก็ต้องทำ ผมไม่ใช่เด็กแต่ใจ ที่จ้องจะทำแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการหน่ะ

    นายว่าฉันอีกแล้ว !

    เปล่า ! แล้วนี่คุณจะหันไปได้หรือยังอ่ะ 

    หมอนั่นมันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะจำใจหันหลังให้ผมแบบคนไม่มีทางเลือก เมื่อผมแน่ใจว่าเขาหันไปเต็มตัวแล้ว ผมก็รีบเดินเข้าไปในโซนอาบน้ำแล้วรีบดึงม่านมาปิดอย่างรวดเร็ว ผมรีบถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำอย่างเร่งรีบพร้อมกับชะโงกหน้ามองคนด้านอกเป็นระยะ เพียงไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จพร้อมกับมองหาชุดคลุมที่ตัวเองถือเข้ามา ถือเข้ามางั้นเหรอ ? ผมไม่ได้เผลอพาดมันไว้ที่ราวด้านนอกหรือไง !

    คุณ

    ผมชะโงกหน้าออกไปเรียกคนที่ยืนหันหลังอยู่ด้านนอกเบา ๆ หมอนั่นมันเอียงหัวนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ขานรับผม สงสัยจะไม่ได้ยิน งั้นเอาใหม่อีกทีนะ

    ชานยอล !!! เสร็จหรือยังลูก

    ครับแม่ ! ผมกำลังจะกำลังจะออกไปแล้ว

    ผมรีบขานรับแม่ก่อนจะใช้จังหวะที่หมอนั่นมันมันมองผมเรียกหาชุดคลุมอย่างรวดเร็ว ทันทีที่หมอนั่นมันรีบวิ่งไปหยิบชุดคลุมมาให้ผม ผมก็จัดการใส่มันอย่างเร่งรีบ ทันทีที่ผมใส่มันเสร็จผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบแหวกม่านแล้ววิ่งออกมาทันที

    ปั๊ก !!!!!!

    โอ๊ยยยยยยยยย จะ เจ็บ

    ผมร้องควรครางออกมาอย่างหน้าเวทนาพร้อมกับใช้มือลูบสะโพกตัวเองเบา ๆ หมอนั่นจ้องผมด้วยสายตาแปลก ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง คนบ้าอะไร ผมเจ็บขนาดนี้ยังไม่คิดจะช่วยกันเลย ผมคิดอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหลุบตาต่ำลง

    เฮ้ย !!!

    ผมรีบดึงชุดคลุมมาปิดต้นขาทันที่มองลงไปแล้วพบว่าชุดคลุมของผมมันแหวกขึ้นไปจนแทบจะ ถึง อึ๊ย... อยู่แล้ว ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่กำลังทำหน้านิ่งอยู่ข้างบนอย่างอึ้ง ๆ ก่อนเสียงเรียกของแม่จะดังขึ้นอีกครั้ง

    ชานยอล ! ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า

    ปะ เปล่าครับแม่ ผมกำลังจะออกไปแล้ว

    ผมรีบตะโกนตอบแม่ก่อนจะค่อย ๆ ดันตัวขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เมื่อผมพอยืนตรงได้แล้ว ผมก็ไม่รอช้าที่เดินออกจากห้องน้ำนรกนี่อย่างรวดเร็ว

    เป็นอะไรหรือเปล่าลูก แม่ได้ยินเสียงลูกร้องซะดังเลย

    ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ลื่นล้มนิดหน่อยหน่ะ

    ผมหันไปฝืนยิ้มให้แม่ ก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้ามาใส่

    อ้าวเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก ให้แม่ดูหน่อยสิ

    ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ก็แค่ลื่นล้มนิดเดียวเอง แม่ออกไปก่อนนะ ผมจะใส่เสื้อผ้า

    ผมเดินเข้าไปหาแม่ก่อนจะโอบท่านไปที่ประตู ตอนนี้สีหน้าท่านเป็นห่วงผมมาก ๆ แต่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ นี่ แล้วผมก็กำลังจะใส่เสื้อผ้าด้วยอีกอย่าง ไอ้คนในห้องน้ำหน่ะ ผมแค่กลัวว่ามันจะขาดใจตายไปก่อนก็แค่นั้นแหละ

    จ้า ๆ อย่าลืมทายาด้วยนะลูก

    ครับแม่ ถ้าผมใส่เสื้อผ้า ทายาเสร็จ เดี๋ยวผมจะรีบลงไปนะครับ

    จ้า เร็ว ๆ นะ

    ครับ

    ผมล่ำลาแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะรีบงับประตูเข้ามาล็อคกลอนทันที เหมือนคนในห้องน้ำจะรู้ ผมล็อคกลอนปุ๊บ ก็เปิดประตูออกมาปั๊บเลยเนอะ

    อึดอัดจะแย่ 

    หมอนั่นเดินหน้านิ่งออกมา ก่อนจะทอดตัวนั่งลงเตียงพร้อมกับหายใจออกมาแรง ๆ ผมค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนหยุดกึก ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมา

    มีอะไร

    ปะ เปล่า

    ผมรีบตีหน้ามึนก่อนทำท่าจะเดินถอยหลังกลับไป หมอนั่นมันหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหอบ ๆ อาการน่าเป็นห่วงนะ เขาเป็นโรคหอบหรือเปล่าอ่ะ ?  ผมยืนคิดอยู่ซักพัก ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาอีกทีด้วยความเป็นห่วง

    มีอะไร ?”

    ผมแค่อยากถามว่า......

    เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรนายหรือเปล่าหนะเหรอ ?”

    ไอ้บ้า !!! นี่ผมลืมมันไปแล้วนะ คุณจะพูดให้ได้อะไรอะไรขึ้นมาเล่า !!

    ผมเผลอแหกปากขึ้นมาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ มะ  เเม่ กำลังจะวิ่งขึ้นมา ผมรับรู้ได้จากเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังวิ่งมาทางห้องของผม

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ชานยอลลูก เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ปะ เปล่าครับแม่ ผมไม่ได้เป็นอะไร

    ผมรีบตะโกนกลับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีผล แม่ผมยังคงเคาะประตูจนมันแทบจะพังเข้ามาอยู่แล้ว เอาไงดี ๆ อ่อ ผมคิดออกแล้ว !!!

    ปั๊ง !!

    ผมกระทืบเท้าลงพื้นเสียงดัง ท่ามกลางสายตาอึ้ง ๆ ของคนที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียง อยากรู้หล่ะสิ ว่าผมจะทำอะไร งั้นดูนี่

    ปั๊ง ! ปั๊ง ! ปั๊ง !

    นี่แหนะ ไอ้แมลงสาบบ้า ฉันบอกแกแล้วไม่เคยจำว่าอย่าเข้ามาในห้องฉัน ให้ตายเหอะ แกนี่มันไม่มีสมองหรืออะไรกันแน่เนี่ย เอาไว้ฉันทำงานเก็บเงินได้เมื่อไหร่ แกจะส่งเสียแกเรียนหนังสือเองนะ จะได้ฉลาดขึ้นมากับบ้าง ๆ แหนะ ๆ ยังจะมาเถียงฉันอีก แกบอกว่าแกฉลาดกว่าฉันงั้นเหรอ ไปตายซะเหอะไอ้แมลงสาบ ฉันจะฆ่าแก !

    ปั๊ง ! ปั๊ง ! ปั๊ง !

    ผมยกเท้าขึ้นมากระทบพื้นอีกทีท่ากลางสายตาสุดแสนจะงงวยของคนที่นั่งอยู่บนเตียง ผมหัวเราะคิกคักออกมาอย่างดีใจเมื่อเสียงเคาะประตูที่ดังปึ้งปั๊งอยู่ข้างนอกเงียบลง

    ชานยอล ... นี่ลูกยังไม่เลิกนิสัยที่ชอบทะเลาะกับแมลงสาบอีกเหรอ ลูกโตแล้วนะ เฮ้อออ แม่หล่ะอ่อนใจกับลูกจริง ๆ ทะเลาะกับมันเสร็จก็รีบลงกินข้าวได้แล้วนะ พ่อกับแม่รออยู่

    ครับแม่ ~ ”

    ทันที่ผมรับคำเสร็จ ผมก็ยกหมัดขึ้นมากำอย่างผู้ชนะ วะฮ่า ๆ ๆ รอดตาย ผมรอดตายแล้ว !!

    คนบ้าอะไรชอบทะเลาะกับแมลงสาบ

    เสียงแสบแห้งของใครบางคนที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำเอาความมั่นใจของผมลดลงดังฮวบ ทำไมคุณต้องมาด่าผมว่าบ้าด้วยอะ ความจริงแล้วคุณต้องขอบคุณผมไม่ใช่หรือไง ผมช่วยให้เราไม่ถูกแม่จับได้นะ !

    ก็ผมไม่ชอบอะ   

    ไม่ชอบเมลงสาบ ? เลยต้องด่ามันเนี่ยนะ

    ก็คงงั้นแหละมั้ง ก็เวลาผมไล่มันดี ๆ มันก็ไม่ยอมไปอ่ะ แต่พอผมยืนทะเลาะกับมันไม่กี่นาที มันก็วิ่งหนีไปเฉยเลยอ่ะ ฮ่า ๆ สงสัยมันคงขี้เกรียจฟังมั้ง หรือไม่มันอาจจะรำคาญผม ? แน่ ๆ เลย มันต้องรำคาญผมแน่ ๆ แมลงสาบฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องนี่เนาะแล้วมันจะขี้เกรียจฟังผมได้อย่างไงหล่ะ จริงปะ ฮ่า ๆ ๆ

    ผมเผลอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะสังเกตเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ คนตรงหน้า หมอนี่ยิ้มงั้นเหรอ ? มันจะเป็นไปได้อย่างไงกัน ผมคิดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องไปพร้อมกับชุดนอนที่ถือไว้ในมือ ผมค่อย ๆ ดันหลังแนบประตูก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาทาบหน้าอกตัวเองช้า ๆ

    หัวใจของผม ทำไมหัวใจของผมมันถึงเต้นแรงแบบนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×