ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้อาณัติหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #40 : 11.1 ทำนองรักจังหวะมัทรี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.76K
      8
      25 ส.ค. 64

              ทัยวัตถอนหายใจระบายความหงุดหงิดเมื่อจำเป็นต้องยอมรับเงื่อนไขของบิดาโดยไม่สามารถคัดค้านได้ หงุดหงิดที่ทุกคนพากันเทคะแนนสงสารให้อินทิรา ใครๆ ก็ออกโรงปกป้องหล่อนราวกับเป็นบุตรสาวอีกคน ไม่ใช่แค่ลูกของศัตรูอย่างที่เป็น ขณะที่เขากลายเป็นไอ้ตัวร้าย คล้ายหมาป่าที่คอยจ้องจะขย้ำลูกแกะในสายตาของทุกคน


                “ผมสัญญาว่าจะเลี้ยงดูลูกสะใภ้ชั่วคราวของคุณพ่อไม่ให้อดให้อยากแน่” ทัยวัตจงใจเน้นคำสุดท้ายด้วยน้ำเสียงกดต่ำ


                “แต่ไอ้เรื่องดูแลนี่ผมคิดว่าคงไม่จำเป็น คนเราโตๆ กันแล้วจะต้องมาคอยดูแลอะไรกันมากมาย เขาน่าจะดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งผม” น้ำเสียงรวนๆ เอ่ยด้วยมาดกวนโทสะ


                “พี่วัต พี่เป็นผู้ชายอกสามศอกจะไปคิดร้ายอะไรกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างมัทรีกันนักกันหนาวะ ยังไงๆ เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียพี่นะ” ทิษฏิสบถขึ้นด้วยความหงุดหงิด


                “ขอบใจที่แกยังไม่ลืมว่ายายนั่นขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของฉัน เพราะฉะนั้นแกนั่นแหละต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจว่าอย่ามายุ่งกับหล่อนให้มันมากนัก ชาวบ้านเขาจะพูดได้ว่าพี่น้องใช้ผู้หญิงร่วมกัน” ทัยวัตกระชากเสียงเอ่ยตอบ


                “ไอ้วัต!” ทัศน์พลคำรามลั่น นึกอยากจะลุกขึ้นไปต่อยปากทัยวัตสักหมัด


                “จะพูดจาอะไรก็ให้มันระวังไว้บ้าง ยังไงๆ มัทรีเขาก็เป็นผู้หญิง แกไม่ควรหมิ่นเกียรติหมิ่นศักดิ์ศรีเขาด้วยคำพูดพล่อยๆ แล้วระลึกไว้บ้างว่าไอ้ฏิมันเป็นน้องของแก มันคงไม่อยากต่อยปากพี่ชายนักหรอก แต่ฉันเป็นพี่อาจจะทนไม่ได้แล้วเผลอเอาเลือดปากแกมาเช็ดตีนน้องมันซะเอง” ทัศน์พลขู่อย่างมีโมโห


                “เอาละครับ...เป็นอันว่าผมจะไม่พูดให้ร้ายสะใภ้สุดประเสริฐแสนดีของทุกคนอีก ผมจะเอาหล่อนขึ้นหิ้ง เทิดทูนให้สมกับความดีความงามของหล่อนเลยก็แล้วกัน” คนคิดต่างประชดด้วยความหงุดหงิด


                “แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ นะไอ้วัต ฉันหวังว่าแกจะไม่ต้องกลืนคำพูดของตัวเองเพราะดันไปตกหลุมรักมัทรีเข้าสักวันหรอกนะ เพราะถ้ามีวันนั้นจริง ฉันคงจะขำกลิ้งแน่ๆ เลยว่ะ” ทานุทัตเอ่ยอย่างระอา


                “น้ำท่วมฟ้าเมื่อไหร่คงมีวันนั้นหรอกครับ ถ้าพี่นุทนรอไหวคงได้เห็น” คนเป็นน้องหัวเราะเสียงหยัน


    ยามกลางคืน เป็นช่วงเวลาที่อินทิราวางตัวไม่ถูก การที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายที่มีแต่ความเกลียดชังนตัวเธอเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจและสร้างความหวั่นไหวหวาดกลัวให้หญิงสาวมากมาย แค่เรื่องเมื่อเช้าที่เขามาเห็นเธออยู่ในอ่างน้ำของเขา ทัยวัตยังแสดงท่าทางหวงข้าวของถึงขนาดนั้น แล้วจะต้องนอนร่วมห้องร่วมเตียงกัน ผู้ชายคนนั้นจะแผงฤทธิ์ใส่เธอสักแค่ไหนก็ยังไม่รู้ได้


                บ้านนรากรเป็นบ้านโอ่อ่าหลังใหญ่ กว้างขวางมากก็จริง แต่กลับไม่มีห้องนอนไว้สำหรับรับแขก ทุกห้องล้วนมีเจ้าของทั้งสิ้น อินทิราจึงจนปัญญากับปัญหาเรื่องห้องนอน


    ครั้นจะขออนุญาตใช้ห้องนอนของทิพยลดาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากกับสมาชิกในครอบครัวนรากร ในเมื่อเธอกับเจ้าของห้องก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกัน ซ้ำร้ายเธอก็ไม่มั่นใจว่าเจ้าของห้องอย่างทิพยลดาจะรังเกียจเธอเหมือนอย่างทัยวัตหรือไม่

            

             เมื่อไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับตนเองดี หลังรับประทานอาหารค่ำร่วมกับทุกคนแล้วอินทิราจึงเลือกที่จะอ้อยอิ่งคุยอยู่กับพี่น้องนรากรอยู่ในห้องโถง ส่วนทัยวัตเดินกลับขึ้นห้องไปโดยไม่พูดอะไรตั้งแต่จบมื้อค่ำ ผ่านไปสักพักพี่ชายทั้งสองของทัยวัตและกำนันทศก็ทยอยกันแยกย้ายกลับเข้าห้องนอน เหลือเธอกับทิษฏิอยู่สองคน


    กระทั่งในเวลาใกล้จะสามทุ่ม คนเจ็บก็เตรียมจะขอตัวกลับไปนอนที่ห้องของตนเช่นกัน ทำให้อินทิราไม่มีข้ออ้างที่จะอยู่ต่ออีก จึงจำเป็นต้องเดินกลับขึ้นไปบนเรือนทั้งที่รู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย เกรงว่าทัยวัตจะแกล้งเธอด้วยการล็อกห้องนอน


                อินทิรารู้สึกอ้างว้างเดียวดายอย่างที่สุด ร่างบางสะท้านจนต้องโอบแขนกอดรัดตนเองสะกดความเหงาและความขมขื่นไว้ในอก ได้แต่ยืนลังเลครุ่นคิดถึงสภาพของตนเองด้วยความอดสูอยู่หน้าประตูห้องนอนของเขาอยู่พักใหญ่อย่างไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับตัวเอง


    เธอระบายลมหายใจอัดอั้นหลังตัดสินใจเอื้อมมือคว้าลูกบิดประตูห้อง ลองขยับเบาๆ และกำลังจะบิดหมุนเปิด ทว่ามันกลับถูกบิดและเปิดออกโดยฝีมือคนในห้องเสียก่อน


                “นึกว่าคืนนี้เธอจะนอนกับไอ้ฏิเสียอีก เห็นอ้อยอิ่งอยู่คุยกับมันจนดึก เมื่อเช้ายังยั่วมันไม่สะใจหรือไงฮะ” เจ้าของห้องเปิดประตูออกมาทำหน้าบึ้งพร้อมกับเอ่ยประชดหญิงสาวเสียงหยัน


                “เลิกเสียดสีดิฉันสักทีจะได้ไหม แล้วก็กรุณาทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดี ช่วยหาห้องนอนใหม่ให้ดิฉันสักห้องด้วย” อินทิราเอ่ยอย่างหมดความอดทน


                “ทำไมจะต้องหาห้องใหม่ ในเมื่อตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เธอก็นอนห้องฉันมาโดยตลอดไม่ใช่หรือไง” ทัยวัตถามเสียงรวน


                “แต่นั่นมันตอนที่คุณไม่อยู่ ฉันอยู่ห้องนี้ตามลำพัง พอคุณกลับมาฉันก็ควรจะต้องย้ายถ้าไม่ติดว่าไม่รู้จะย้ายไปอยู่ห้องไหนเท่านั้นเอง"


                “เสียใจ บ้านเราไม่มีห้องรับแขก เพราะฉะนั้นเธอต้องนอนในห้องของฉันตามเดิม หรือว่า...ที่ถ่วงเวลาอยู่จนดึกดื่นเพราะอยากจะย้ายไปอยู่ห้องน้องชายฉันหรือไง” ทัยวัตเอ่ยเยาะหยัน


                “ถ้าดิฉันจะทำแบบนั้นจริง คุณจะยอมอนุญาตหรือเปล่าล่ะ” เมื่อความอดทนสิ้นสุด อินทิราก็พร้อมจะสู้กับเขาทุกรูปแบบ รวนมาก็จะรวนกลับ แรงมาก็จะแรงกลับให้ดู


                ทัยวัตกระชับบ่าสองข้างของหญิงสาวพลางบีบแรงๆ พร้อมกับกัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงแสดงความหงุดหงิด ดวงตาถมึงทึงจ้องมองสบตากลมโตอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะจับร่างเพรียวเหวี่ยงเข้าไปในห้องนอน ใช้เท้าเตะประตูปิดเสียงดังปังใหญ่ก่อนจะหมุนตัวหันกลับไปกดล็อกลงกลอนด้วยสีหน้าบึ้งตึง


                “เธอนี่มันหน้าด้านหน้าทนจริงๆ อินทิรา ทำไม! อารมณ์มันเปลี่ยวนักหรือไงถึงอยากจะลงไปขอนอนกับไอ้ฏิน่ะ บอกซิฉันจะได้สงเคราะห์ให้” ทัยวัตตวาดลั่นพลางเม้มริมฝีปากจนเหยียดเป็นเส้นตรง มองสบตาหญิงสาวด้วยสายตาหมิ่นแคลน


                “เลิกบ้าซะทีได้ไหม คุณกำลังคิดอะไรของคุณ หึงฉันกับคุณฏิหรือไงถึงย้ำคิดย้ำทำพูดแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ อยู่อย่างนี้น่ะ” อินทิราเม้มปากเหยียดตรงด้วยความโมโหเช่นกัน ขืนเธอไม่แสดงอารมณ์ตอบกลับไปบ้างเขาคงจะได้ใจ เห็นเธอยอมหงอก็ชักจะเอาใหญ่


                “หึง? ฉันจะหึงเธอกับไอ้ฏิทำไมไม่ทราบ แต่ที่ฉันต้องพูดซ้ำๆ ก็เพราะไม่อยากให้คนอื่นเขามองพวกเรานรากรผิดๆ ต่างหาก” ทัยวัตแบะริมฝีปากพลางเอ่ยเสียงหยัน


                “เกิดบ่าวไพร่มันมาเห็นแล้วเอาไปพูดว่าพี่กับน้องนรากรผลัดกันฟัดผู้หญิงคนเดียวกัน ชื่อเสียงของนรากรไม่ควรจะต้องมามัวหมองเพราะผู้หญิงอย่างเธอหรอกมัทรี แค่ต้องเป็นดองกับไอ้ปองพล นรากรก็มีตำหนิมากเกินพอแล้ว”


                “ถ้าอย่างนั้นคุณก็เลิกห่วงได้เลยเพราะผู้หญิงเลวๆ อย่างฉันถ้าคิดจะคบชู้ ฉันรับรองว่าจะไม่ยอมให้ชู้นามสกุลเดียวกับผัวอย่างเด็ดขาด แค่นี้ใช่ไหมที่คุณต้องการ” อินทิราเถียงอย่างดุเดือด ในเมื่อเกลียดเธอมากนักก็ให้เกลียดกันเข้าไส้ไปเลย เห็นเธอหงิมๆ แล้วได้ใจนึกว่าเธอตอบโต้ใครไม่เป็นหรือยังไง


                ทัยวัตยอมรับว่าโกรธจนอยากจะบีบคอคน นึกไม่ถึงว่าสาวเจ้าน้ำตาชอบซ่อนหน้าหลบตาสะอื้นอย่างอินทิราจะกล้าต่อปากต่อคำกับเขาอย่างไม่ยอมลดละ เขาแรงไปแค่ไหนเธอก็แรงตอบกลับมาได้เท่ากัน นี่สินะธาตุแท้ของเจ้าหล่อน ลูกสาวไอ้สารเลวปองพลจะเป็นผู้หญิงหงิมๆ เรียบร้อยเจ้าน้ำตาได้ยังไง


                …แต่จะว่าไปเวลาที่อินทิราทำท่าราวลูกแมวขู่ฟ่อๆ แบบนี้ก็น่ารักน่าหยอกดีไม่ใช่น้อย พอเห็นแววตาเป็นประกายคู่นี้แล้วเขาก็นึกสนุก อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าจับเธอมาฟัดเข้าจริงๆ จะได้รอยเล็บแมวกลับไปเป็นที่ระลึกหรือเปล่า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×