คุณเชื่อเรื่อง
“รักแท้ปาฏิหาริย์ไหม”
เคยได้ยินตำนานเรื่อง
“ด้ายแดงแห่งรัก” หรือเปล่า
เส้นด้ายสีแดงที่ผูกพันคนสองคนไว้ด้วยกัน
ที่ใคร
ๆ เรียกกันติดปากว่า “เนื้อคู่”
พวกคุณน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้าง ปลายเชือกด้านหนึ่งผูกรัดอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของคุณและร้อยโยงไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนที่เป็นเนื้อคู่ที่พวกคุณทั้งคู่ไม่สามารถมองเห็นเชือกเส้นนั้นด้วยตา
แต่จะเห็นมันได้ด้วยหัวใจ ในวันที่คุณได้พบกัน เชือกแดงแห่งรักที่เป็นดังสายใยที่ร้อยรัดคนสองคนไว้ด้วยกัน
เขาเคยหัวเราะขันตำนานปรัมปราที่อ่านเจอในอินเตอร์เน็ต
สู้ศึกไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่ง หญิงสาวคนหนึ่งที่เขาเคยแอบให้ความสนใจกับเธอจะเดินกลับเข้ามาในชีวิตของเขา
มาทำให้หัวใจเขาเบ่งบานและพบเจอกับเรื่องอัศจรรย์ที่ทำให้เขาเชื่อหมดใจว่าตำนานปรัมปราที่ได้ยินมานั้นเป็นเรื่องจริง
คุณเองก็เช่นกัน...บางที ระหว่างที่คุณกำลังอ่านเรื่องราวของสู้ศึกอยู่นี้
เส้นด้ายสีแดงบางๆ ที่คุณไม่เห็นด้วยตาเปล่าอาจกำลังแสดงอิทธิฤทธิ์ของมันอยู่ โดยที่คุณไม่รู้ตัวก็เป็นได้
ลองก้มดูที่นิ้วก้อยซ้ายของคุณดูสิ
บริเวณโดยรอบเงียบสงัด ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา มีเพียงชายหนุ่มที่ก้มๆ เงยๆ ดูเครื่องยนต์หน้ารถตนเองในขณะที่ ท้องฟ้ากำลังพยับเมฆฝนส่งเสียงคำรามฮึมฮำขู่ก้องขอบฟ้า
ลมพัดอึงอู้คล้ายประกาศเตือนว่าพายุใหญ่กำลังเคลื่อนตัวมาเยือนในอีกไม่ช้าไม่นาน สายฝนพร่ำแผ่วกระชั้นก่อนจะเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
สู้ศึกถอนหายใจหงุดหงิดแล้วรีบวิ่งหลบขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยบนรถมองสายฝนข้างนอกที่กำลังเทกระหน่ำราวฟ้ารั่วขณะที่เขาติดแหงกอยู่บนท้องถนนเมื่อรถเจ้ากรรมเกิดมาขัดข้องบนทางสายเปลี่ยว
คงต้องอดทนรอจนกว่าฝนจะซาเขาจึงหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาท่องโลกโซเชียลฆ่าเวลาไปพลางๆ
จังหวะที่สู้ศึกให้ความสนใจกับข้อมูลข่าวสารบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเมื่อเสียงล้อเบียดพื้นถนนดังสนั่นขึ้นพร้อมเสียงวัตถุความเร็วสูงปะทะกับแท่งปูนกั้นข้างทางทำให้เขาสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ
ดวงตาแสดงอารมณ์ตวัดออกจากหน้าจอโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมองอุบัติเหตุดังกล่าวด้วยความตกตะลึง
“เอี๊ยด!...โครม!”
รถเก๋งสีดำทะมึนไม่ผิดสีเมฆพยับฝนบนฟ้าไร้แสงจันทร์ขับพุ่งชนแท่งปูนกั้นเกาะกลางถนนอย่างแรงจนหน้ารถยุบแล้ว
เกิดกลุ่มควันสีเทาจางลอยโขมงขึ้นจากฝากระโปรงด้านหน้า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สู้ศึกตื่นจากอาการตะลึง
เขารีบเปิดประตูรถและก้าวลงไปก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนเข้าไปหารถคันดังกล่าวที่จอดสนิทในสภาพหน้ารถยุบปักคาอยู่กับแท่งปูนกั้นถนน
ชายหนุ่มรีบเข้าไปช่วยงัดประตูข้างคนขับด้วยความรวดเร็ว แล้วดึงตัวหญิงสาวผู้บาดเจ็บออกมาจากรถได้อย่างทันท่วงที
หญิงสาวที่ตกอยู่ในสภาพอ่อนระโหยโรยแรงราวใกล้หมดสติ
ลมหายใจของเธอหอบแผ่ว ทุกจังหวะในการให้ความช่วยเหลือจึงเป็นไปด้วยความรีบเร่ง
เขาช้อนตัวหญิงสาวอุ้มเดินออกห่างจากจุดเกิดเหตุได้ทันเวลาก่อนรถยนต์ของเธอจะเกิดประกายไฟลุกไหม้
เปลวเพลิงโหมแรงแม้สายฝนจะเทกระหน่ำไม่ขาดสายแต่แรงไฟยังครุโชนท่วมไปทั้งคันรถ เสียงระเบิดจะดังมาจากตัวรถ
ก้องขึ้นท่ามกลางความสงัดของยามราตรี
เขาหันไปมองเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความรู้สึกสยอง
แต่ทันทีที่เห็นหน้าหญิงสาวในอ้อมแขนชัดๆ ก็เกิดอาการตกตะลึงพร้อมกับความรู้สึกใจหายเมื่อคิดว่าเธอเกือบจบชีวิตในซากรถตรงหน้าหากรถของเขาไม่เกิดขัดข้องอยู่
ณ ที่แห่งนี้ด้วยความบังเอิญ
‘หนูหนึ่ง...’
กว่าหัวใจของสู้ศึกจะกลับไปเต้นในจังหวะปกติ
เขาก็ผ่อนลมหายใจอย่างแรงด้วยความรู้สึกโล่งอก นับว่าเธอยังพอมีโชคถึงมาประสบอุบัติเหตุในจุดที่เขาอยู่
มิเช่นนั้นป่านนี้ร่างเธอคงวอดวายอยู่กลางกองเพลิงนั่นแล้วเป็นแน่
“คุณ! เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ท่าทางหวาดผวาต่อเหตุการณ์ตรงหน้าจนไม่สามารถบังคับสติให้ตอบโต้ใดๆ
เขาได้ทำให้สู้ศึกเห็นใจ เขาดึงร่างบอบบางที่สั่นเป็นลูกนกตกน้ำเข้ามาโอบกอดแทนคำปลุกปลอบให้กำลังใจ
แต่เธอคงรับมือกับความรู้สึกที่เกิดอย่างกะทันหันไม่ไหวจึงหมดสติไปในอ้อมแขนของเขา
สู้ศึกช้อนตัวหญิงสาวขึ้นอุ้มพาเดินกลับมาที่รถของตนพร้อมกับติดต่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยและไม่นานเสียงไซเรนรถกู้ชีพก็แล่นใกล้เข้ามา
กระทั่งจอดใกล้ที่เกิดเหตุ ก่อนจะมารับตัวหญิงสาวส่งโรงพยาบาล
หนึ่งฤทัยกะพริบตาแผ่วเบาหลายครั้งติดๆ
ไล่อาการมึนงงพร่ามัวที่หนักอึ้งอยู่ในศีรษะ
และร้าวลามถึงกระบอกตาเป็นเหตุให้เธอลืมตาได้อย่างยากลำบาก
“ยายหนึ่ง!...ลูกฟื้นแล้ว เป็นยังไงบ้างลูก
ปวดหัวหรือว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก บอกแม่มาสิ” สตรีวัยสี่สิบปลายร้องถามเสียงรัวด้วยความร้อนใจ
“คุณแม่...หนึ่งเจ็บหน้าอกมากกว่าค่ะ”
เธอตอบพลางหายใจขัดๆ
“คงเป็นผลจากการกระแทก
เจ็บมากไหมลูก ให้แม่ตามหมอมาดูอาการหน่อยไหม” เปรมทิพย์เอ่ยอย่างเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรค่ะ
หนึ่งไม่ได้เจ็บมากแค่หายใจแล้วรู้สึกขัดๆ นิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ”
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกแม่แท้ๆ โชคดีนะที่พ่อหนุ่มพลเมืองดีคนนั้นช่วยพาลูกออกจากรถได้ทันท่วงที
ไม่เช่นนั้นป่านนี้เราแม่ลูกคงไม่ได้มาคุยกันดีๆ อย่างนี้หรอก นึกๆ
แล้วแม่ละอดใจหายไม่ได้จริงๆ” เปรมทิพย์กล่าวอย่างขวัญเสียไม่หาย
คนเจ็บหลับตาอย่างพยายามทบทวนความทรงจำนึกถึงใบหน้าคมเข้มของชายผู้มีพระคุณคนนั้น
บันทึกไว้ในในใจพร้อมให้สัญญากับตัวเองว่าจะต้องตามหาเพื่อขอบคุณเขาด้วยตัวเองให้ได้สักครั้ง
“ถ้าไม่มีเขาอยู่ตรงนั้น ทางสายเปลี่ยวขนาดนั้นคงไม่มีรถคันอื่นผ่านมาช่วยชีวิตหนึ่งไว้ได้ทันแน่ๆ
ค่ะ หนึ่งอยากจะไปขอบคุณเขาด้วยตัวเองสักครั้งค่ะแม่” เธอเอ่ยอย่างหอบเหนื่อยจากการหายใจที่ยังไม่สะดวกนัก
“เอาเถอะจ้ะ...ไว้ลูกหายดีแล้ว ค่อยให้ตาณัฐพาไปขอบคุณเขาพร้อมกันก็ได้
แม่ว่าตอนนี้ลูกพักผ่อนให้มากๆ ดีกว่า จะได้หายไวๆ รู้ไหมจ๊ะ”
คำพูดของมารดาทำให้คนป่วยสะท้อนในอก
ความขมขื่นทำเอาเธอแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
ณัฐ...ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอผลีผลามขับรถออกมาในขณะฝนฟ้าคำรามด้วยความประมาทเช่นนั้น
ภายในคืนเดียวกัน
ผู้ชายคนหนึ่งฆ่าเธอทั้งเป็นในขณะที่ชายอีกคนยื้อชีวิตเธอไว้จากเงื้อมือมัจจุราช
หนึ่งฤทัยถอนหายใจเหนื่อยอ่อน
ความอ่อนเพลียทำให้สมองของเธอเฉื่อยชาลงและหลับไปในเวลาไม่นานจากนั้น
จวบจนรุ่งเช้า ความรู้สึกติดค้างในใจไร้ทำให้เธอยังระลึกถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
สลับกับภาพก่อนหน้านั้นที่ทำให้เธอตาสว่าง
หญิงสาวสลัดภาพความเจ็บปวดแล้วโพสต์เรื่องราวหลังอุบัติเหตุโดยไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นกระแสดังไปในโลกออนไลน์เธอหวังว่า
เขาหรืออาจจะมีคนรู้จักเขาสักคนผ่านมาอ่านเจอแล้วทำให้เธอได้พบกับเขา เพื่อให้เธอได้ขอบคุณเขาด้วยตัวเองสักครั้ง
ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมาเกือบจะครบปีแล้วแต่เขายังไม่เคยไปพบกับเธออีกเลย
แม้ว่ารุ่งขึ้นจากคืนที่เกิดอุบัติเหตุ เรื่องราวของเขาและเธอจะถูกนำเสนอออกไปเป็นข่าววงกว้างกลายเป็นเหตุการณ์ดุจปาฏิหาริย์เล็กๆ
ของหนุ่มสาวจนเกิดเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์อยู่พักใหญ่ บ้างก็ว่าเป็นพรหมลิขิต
บ้างว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ มีคนถึงกลับนำไปตั้งกระทู้เด่นในโลกโซเชียลตามหาเขา คงมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ามันไม่มีวันจะเป็นไปได้ในเมื่อเขาไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอ
นอกจากตัวเขาแล้ว คงไม่มีใครจดจำได้ว่าเขากับเธอไม่ได้เพิ่งพบเจอกันเป็นครั้งแรกในคืนวันเกิดเหตุ
แม้แต่หนึ่งฤทัยเองก็คงไม่เคยมีเขาอยู่ในความทรงจำ ผู้ชายธรรมดาๆ ที่ไม่เคยมีตัวตนในสายตาเธอซึ่งสาวรุ่นน้อง
ดาวคณะคนนั้นเมื่อเธอมีสายตาไว้มองแต่เพื่อนของเขา “ณัฐ อลงกรณ์” แล้วหนึ่งฤทัยจะจำเขาได้อย่างไร เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่เคยเปิดเผยตัวว่าเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอในคืนเกิดเหตุ
ยิ่งคิดถึงเธอ หัวใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกหน่วงๆ อย่างประหลาด ใบหน้าซีดเซียวกับแววตาวาวเสน่ห์ที่ตื่นตะลึงของเธอยังฝังอยู่ในความทรงจำของเขาไม่ลืม
ชายหนุ่มถอนใจหนักๆ รีบสลัดภาพเธอออกจากหัว
อาจจะเป็นเพราะท้องฟ้ามืดครึ้มในคืนไร้จันทร์เช่นนี้เป็นเหตุที่ทำให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
ฤดูฝนเป็นช่วงโลซีซั่นของการท่องเที่ยวที่นี่
ดังนั้นบ้านพักหลายหลังจึงยังว่างไร้นักท่องเที่ยวจับจองเข้าพักอาศัย มีเพียงสองหลังเท่านั้นที่ถูกจับจอง
เขาดื่มด่ำชมบรรยากาศริมบึงนานกว่าครึ่งคืน น่าแปลกที่บ้านพักหลังติดกันกลับปิดเงียบเชียบทั้งที่อุตส่าห์มาเที่ยวทั้งที
ในคืนไร้ฝนเช่นนี้ก็น่าที่จะออกมาดื่มด่ำบรรยากาศชมความงดงามของธรรมชาติให้คุ้มค่า
ไม่ใช่ขังตัวอยู่แต่ในห้องพักเช่นนั้น
สู้ศึกขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ไผ่
เฟอร์นิเจอร์เพียงชิ้นเดียวบนระเบียงหน้าบ้านพักแล้วเดินไปสุดริมระเบียง กวาดสายตามองออกไปไกล
มองผ่านภูเขาทะมึนที่โอบล้อมรอบ รีสอร์ตริมบึงแห่งนี้ไว้ไปอย่างไร้จุดหมาย
เขายืนชมความงดงามของธรรมชาติยามราตรีลำพังกระทั่งถึงเที่ยงคืนจึงกลับเข้านอน แต่ครั้งรุ่งสาง
ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี ชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมารอรับแสงแรกของอรุณ
เขายืนชิดริมระเบียงทอดสายตามองไกลไปยังขุนเขาทะมึนข้างหน้า
สูดลมหายใจลึกรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า มองม่านหมอกฝนลอยคว้างเป็นฉากประกอบเพิ่มความงดงามให้กับบรรยากาศรอบบริเวณกระทั่งได้ยินเสียงประตูบ้านข้าง
ๆ เปิดออก เขาจึงละความสนใจจากภาพทิวทัศน์งามตรงหน้า
ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนบ้าน สบตากันแล้วต่างชะงักกันไปครู่ใหญ่
รอยยิ้มที่ตั้งใจมอบให้อีกฝ่ายเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีหุบฉับ ดวงตากระพริบถี่เร็วมองเธอด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
หัวใจเต้นเร็วขึ้นเพียงได้รับรอยยิ้มเปรี่ยมเสน่ห์จากหญิงสาว เขายิ้มตอบอย่างปลื้มใจ
แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มั่นใจนักว่าเธอยังจำเขาได้หรือไม่
ชายหนุ่มกวาดสายตามองสำรวจทั่วร่างบางคร่าว
ๆ ผิวหน้าสะอ้านเนียนดุจผิวทารก งามแม้ในเวลาที่ไร้เครื่องสำอางประทินผิวเช่นนี้
เรือนผมของเธอดำขลับ ปลิวสยายล้อมกรอบใบหน้าซึ่งเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาด เขามองเสื้อยืดสีฟ้าครามรัดรูปเน้นส่วนโค้งเว้าดันเสื้อนูนเด่นของเธอพลางลอบกลืนน้ำลายลงคอ
ดวงตาแวววาวตวัดมองกราดไปทั่วสรรพางค์กายของหญิงสาว
เอวคอดกิ่วซ่อนตัวอยู่ในกางเกงยีนขาสั้นกุดเกาะสะโพก
ความยาวกางเกงอยู่แค่ต้นขาอวดเรียวขาสวยโชว์ผิวขาวสะอ้านและที่ข้อเท้าข้างขวาของเธอสวมสร้อยเส้นเล็กเป็นเครื่องประดับซ่อนปลายเท้าในรองเท้าหนังถักไขว้สานสลับไปมาอย่างมีดีไซน์
เขาแทบไม่อยากละสายตาจากหญิงสาว
เธอสวยทั้งรูปร่าง ผิวพรรณไปจนถึงเรือนผม ใบหน้าและดวงตากลมวาวทำให้หัวใจของเขาแกว่ง
เสียใจขึ้นวูบหนึ่งเมื่อคิดว่าเธอจำเขาไม่ได้จริง ๆ...สู้ศึกแอบทดท้อ รู้สึกใจหาย
ความสุขซ่านที่ได้พบเธอละลายหายไปหมดสิ้นทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าจะจดจำเขาได้
หลังส่งยิ้มบาง ๆ ให้กันแทนคำทักทาย
เขาก็กลายเป็นคนนอกสายตาของเธอ แต่เขายังไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลย
สู้ศึกแอบสำรวจหญิงสาวเงียบๆ อยู่ในมุมที่เขาสามารถมองเห็นเธอทุกอากัปกิริยาจนมั่นใจว่าเธอพักอยู่ที่นี่ลำพัง
เธอเดินหายเข้าไปในห้องพักครู่หนึ่งแล้วเดินกลับออกมาพร้อมกับถือหนังสือนิยายติดมือมาด้วย
เธอวางหนังสือลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่แบบเดียวกับที่วางอยู่หน้าห้องของเขา จากนั้นก็เดินไปชงกาแฟพร้อมกับปิ้งขนมปังในจุดที่ทางรีสอร์ต
เตรียมไว้ให้แขกที่เข้าพัก เขามองหญิงสาวเพลินจนลืมสังเกตว่าเธอเดินกลับมาพร้อมกับแก้วกาแฟสองใบที่มีขนมปังปิ้งวางบนปากแก้ว
หญิงสาวส่งยิ้มเก๋มุมปากให้เขา
สู้ศึกชะงักและกระพริบตาถี่มองเธอเดินผ่านบ้านพักของตัวเอง เลยมาทางบ้านพักของเขาที่ปลูกห่างกันไม่มากพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างมีไมตรี
“ฉันชงกาแฟมาเผื่อค่ะ
ฉันชื่อหนึ่งฤทัย ไม่ทราบว่าคุณยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่าคะ”
“คุณจำผมได้...” สู้ศึกถามขึ้นด้วยความแปลกใจขณะยื่นมือออกไปรับถ้วยกาแฟที่เธอส่งให้
‘หนึ่งขอโทษที่เพิ่งจำได้ว่าเคยรู้จักพี่เล็ก
แต่ต่อไปนี้พี่จะอยู่ในใจหนึ่งตลอดไปค่ะ’
![]() |
|