คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ๑ คนกับตะพด
๑
คนกับตะพด...
-----------------------------------
ยามเช้าแสนเย็นสบาย...แสงแดดสาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ากระทบกับใบหน้าของของร่างเล็กที่นอนขดตัวหลับสบายบนเตียงนอน...
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มแผ่กระจายเต็มหมอนนุ่ม ดวงหน้าเรียวจิ้มลิ้มกำลังหลับพริ้มราวกับตกอยู่ในฝันหวานอันยากจะตื่นขึ้น...
...แต่ก็มีสิ่งที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันนั่นจนได้...
“Dingggggggggggggggg!!!!!!!!!!!!!! Masterrrr ตื่นได้แล้วขอรับบบบ!!!!”
“เฮือก!!!!!” เสียงร้อง Ding ที่ดังลั่นห้องนอนทำให้เด็กสาวัย 15 ปีสะดุ้งเฮือกแล้วรีบเด้งขึ้นมานั่งหลังตรงด้วยความตกใจ “อะ อะไร!?”
“Good morning masterrr~” ชายหนุ่มวัยประมาณ 20 ได้ยิ้มแฉ่งพลางเดินมายืนข้างเตียงของสาวน้อย “เช้าแล้วนะขอรับ อย่านอนตื่นสายนักสิขอรับ~”
“รู้แล้วๆ...” ร่างเล็กขยี้ผมอย่างงัวเงีย พลางมองร่างสูงผมสีทองที่ยิ้มกว้างมองเธอด้วยสายตาลิงโลดราวกับดีใจเสียเต็มประดาที่สามารถปลุกเจ้านายของตนให้ตื่นได้ “ปลุกเสียงดังตามเคยนะคะ นิตกาล”
‘นิตกาล’ ยิ้มรับแล้วกล่าวต่อ “ผมดีใจมากครับที่ได้ทำงานรับใช้ master นับเป็นเกียรติอย่างสูงเลยขอรับ”
“จ้าๆ” master หรือที่ผู้คนรู้จักกันในชื่อ ‘ปัณณ์’ บุตรสาวคนโตของท่านขุนพชรปิดปากหาว ขณะที่ก้าวลงมากจากเตียงด้วยสภาพผมยุ่งเล็กน้อย
“ผมของ master ยุ่งน่ะขอรับ ให้ผมช่วยหวีมั้ย” คนพูดตาเป็นประกายวาววับ “นะครับ please~~~”
“ก็ได้ๆ เจ้านี่อ้อนเก่งจริงนะนิตกาล พอๆ กับสุวานเลยนะคะ” ร่างบางนั่งลงหน้าโต๊ธ ส่วนคนผมทองก็วิ่งมาด้วยท่าทางดี๊ด๊าสุดๆ
“กระผมดีใจที่ได้รับใช้ master มากขอรับ~ master น่ะ ทั้งใจดี ทั้งอ่อนโยน แถมน่ารักด้วยล่ะ~”
“จ้าๆ” ปัณณ์ยิ้มพลางปล่อยให้คนตัวสูงหวีผมของเธอต่อไป
“ผมของ master สวยจังนะขอรับ ทั้งนุ่มทั้งหอมสุดๆ เลยขอรับ”
“อ้อนแบบนี้อยากได้อะไรเหรอนิตกาล” คนตัวเล็กถามอย่างรู้ทัน
“อุ้ย หะ เห็นกระผมเป็นคนแบบไหนกันขอรับ ^^;;;” นิตกาลยิ้มแห้งๆ
“^^”
“...กระ กระผมแค่ชวน master คุยน่ะขอรับ ;-;” คนผมทองกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ คล้ายเด็กๆ เวลาโดนจับได้ว่าโกหก “กระ กระผมขอโทษจริงๆ ขอรับ ถ้าหาก master รำคาญ...”
“ใครว่าล่ะ” เด็กสาวหัวเราะเบาๆ แล้วลูบผมคนผมทอง “ข้าชอบคุยกับเจ้าจะตายไป ^^”
“m…master…” นิตกาลก้มมองเด็กสาวที่สูงแค่เกือบถึงไหล่ของเขาเท่านั้น “Thank you very much ขอรับบบ”
“จ้าๆ”
เวลาต่อมา
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ปัณณ์ก็เดินออกมาจากห้องตามหลังมาด้วยนิตกาลที่เดินมาหน้าตาชื่นบานสุดๆ
“อรุณสวัสดิ์ ปัณณ์~” เสียงใสๆ ของเด็กสาววัยไล่เลี่ยกันที่นั่งเล่นตรงบริเวณชานบันไดหน้าบ้านดังขึ้น เจ้าของเสียงเงยหน้าแล้วยิ้มแป้นให้กับเพื่อนรักที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาตั้งแต่วัยเด็ก
“เช่นกันนะแม่พิมพ์” ปัณณ์ยิ้มทักอย่างอารมณ์ดี ร่างเล็กเดินไปหาเพื่ออย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดอาการซุ่มซ่ามสะดุดล้ม “แล้วมีเหตุอันใดรึ เจ้าถึงตื่นเช้าเยี่ยงนี้?”
“อืม...ก็โดนสีนิลปลุกน่ะสิ” ‘พิมพ์’ ลูกสาวคนเดียวของท่านขุนณัฐวุฒิยิ้มแห้งๆ “ข้าหลงนึกว่าจะมิโดนรบกวนเหมือนเจ้าแล้วเชียว...”
“สีนิลเหรอ?” ปัณณ์เอียงคอเล็กน้อย “ข้าได้ข่าวว่าตะพดตนนั้นไม่ใช่นาฬิกามิใช่หรือไง”
“โดนพูดยืดยาวจนข้าตื่นน่ะสิ...” พิมพ์ส่ายหน้าเล็กๆ “ข้ายังจำคำพูดของสีนิลได้ดีทีเดียวล่ะ ‘นายเจ้า นอนตื่นสายๆ มันไม่ดีนะ ยามเช้าอากาศออกจะดี ทำไมท่านไม่ตื่นแล้วลงมาเดินบริหารร่างกายเสียบ้างจะได้สดชื่นอีกทั้งยังดีต่อสุขภาพร่างกายของท่านอีกด้วย เมื่อคืนท่านก็นอนดึกสินะ แบบนั้นน่ะเสียสุขมากเลยรู้หรือไม่ การนอนดึกจะทำให้ใบหน้าของท่านเหี่ยวเร็ว ทำให้ถุงใต้ตาคล้ำ...’ แล้วบ่นยาวต่อไปจนข้านอนไม่หลับ...”
“เอาน่าๆ” ปัณณ์หัวเราะ “ข้าว่าสีนิลก็น่ารักนะ เขาพูดเพราะห่วงเจ้านี่”
“จริงสินะครับ” พิมพ์หัวเราะออกมาเช่นกัน ก่อนจะหันไปมองนิตกาล “อรุณสวัสดิ์ขอรับนิตกาล”
“Good morning เช่นกันนะ mewwe~” อีกฝ่ายโบกมือทักทายอมยิ้ม “ยังชอบพูดจาเหมือนผู้ชายไม่เปลี่ยนะขอรับ~”
“แหะๆ ติดแล้วล่ะครับ” พิมพ์เกาหัวแล้วยิ้มกว้าง
“นี่เจ้าทานข้าวเช้าหรือยังน่ะพิมพ์” คนผมน้ำตาลไหม้ถาม
“ยังหรอกน่ะ กรรณกับอำพันกำลังทำน่ะ” พิมพ์กล่าวถึง ‘กรรณ’ หรือชื่อเต็มๆ ‘กรรณิกา’ ลูกสาวของท่านขุนกรกฎที่มีหนุ่มๆ แวะมาจีบบ่อยๆ ซึ่งเป็นผู้ที่มีฝีมือการทำอาหารอร่อยที่สุดในบ้าน “เห็นว่าปานก็ไปช่วยนะ”
“ปานงั้นเหรอ” ปัณณ์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินชื่อของหนึ่งในฝาแฝดของตน ‘ปานตะวัน’ แฝดคนที่สามผู้มีความอ่อนหวานและเรียบร้อยที่สุดในบ้าน อีกทั้งยังเป็นที่รักของทุกๆ คนอีกด้วย “นางตื่นแล้วหรือ?”
“โธ่ ปานน่ะตื่นตั้งแต่ตี 5 แล้ว” พิมพ์กล่าวพลางหยิบกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่นบนผมสีน้ำตาลของตน “นางพาสุวานออกไปทำบุญน่ะ”
“ยังเป็นคนดีเหมือนเดิมสินะ” ปัณณ์ยิ้มเหมือนเคย “แล้ว เปรมล่ะ...”
โครม!!!!!!!!!!!!
“Dingg~!!!!!!! =[]=”
ยังไม่ทันที่ปัณณ์จะกล่าวจบ เสียงดังโครมก็ดังขึ้นสนั่น นิตกาลที่ตกใจถึงกับร้องลั่น เมื่อทุกคนมองไปลงยังพื้นหน้าบ้าน ก็พบร่างของเด็กสาวผมสีดำตัดม้ายาวสลวยกำลังนอนเท้าชี้ฟ้าอยู่ใต้ต้นมะม่วง ผิวขาวๆ มีรอยช้ำเล็กน้อยจากการตกจากที่สูง ก่อนจะมีร่างของชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งนุ่งโจงกระเบนแดงสวมราชปะแตนขาวกระโดดลงมายืนอย่างสวยงามข้างๆ
“อูย จะ เจ็บ”
“ก็บอกแล้วว่าอย่าปีนเล่นนี่จ๊ะ ลุงเตือนแล้วไม่ฟังเองนะจ๊ะ” ลุงแดงกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ก็มัน...”
“เปรมหทัย!” เสียงดังทำให้ทั้งสองหันไปมองปัณณ์ที่กำลังลงบันไดมาอย่างรีบร้อน “ข้าบอกแล้วมิใช่รึ ว่าเจ้ามิควรปีนต้นไม้เล่นน่ะ”
“อะไรกันเล่า” ‘เปรมหทัย’ บุตรีคนที่สองลุกขึ้นนั่งพลางปัดเศษใบไม้ออกจากหัว “ย้าชอบเล่นเยี่ยงนี้เป็นปกติ เจ้าเป็นแค่พี่อย่าบ่นเหมือนแม่จะได้ไหม?”
“เจ้าว่าไงนะ =*=!!!!”
“Ah!!! Master~ clam down please~~~” นิตกาลรีบใช้สองแขนโอบรอบตัวนายหญิงวัย 15 แล้วยกขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะกระโดดถีบหน้าน้องสาวแท้ๆ “ใจเย็นๆ ก่อนขอรับบบ”
ป๊อก!
“โอ๊ยย เจ็บนะลุงแดง ;-;!!” เปรมหทัยร้องลั่นเมื่อถูกคนข้างๆ ยกตะพดเคาะศีรษะ
“เถียงพี่สาวแบบนั้นไม่ดีนะจ๊ะ” ลุงแดงยิ้ม “ท่านปัณณ์เตือนนายเจ้าเพราะเป็นห่วงนะจ๊ะ อย่าดื้อเลยจ้ะ”
“...ก็ได้...”
เห็นทีจะมีแค่ลุงแดงที่ปราบเปรมหทัยสำเร็จ...
“นี่ๆ ท่านพี่ๆๆๆ!!!!!” เสียงดังลั่นมาจากหน้าบ้าน พร้อมกับร่างของบางผมสีน้ำตาลที่วิ่งมาพร้อมกับจดหมายในมือ ตามหลังมาด้วยชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีม่วงท่าทางน่าขนลุกประหลาดๆ
“มีอะไรรึปองใจ ทำไมต้องเสียงดังเยี่ยงนั้น?” ปัณณ์ละสายตามาหา ‘ปองใจ’ น้องสาวแฝดคนสุดท้องที่วิ่งกระหือกระหอบมา
“ขะ ขะ ข้าเพิ่งได้รับจดหมายจากต่างประเทศ” นางหอบฮักก่อนจะเงยหน้าแล้วตะโกน “ทะ ท่านพี่กรกับวิลากำลังจะกลับจากฝรั่งเศสค่ะ!”
“ฮะ!!!”
“Ding!!?”
ท่านพี่กร หรือ ‘กรวิภา’ คือลูกสาวคนโตของท่านขุนกรกฎ โตมากและทำธุรกิจค้าขายผ้าไหม ส่วนวิลา หรือ ‘วิลาวัลย์’ น้องสาวคนเล็กของท่านขุนกรกฎ ทั้งสองคนได้เดินทางไปต่างประเทศด้วยกันประมาณเดือนเศษแล้ว เมื่อได้ข่าวว่าพวกเขากำลังจะกลับมาจึงทำให้ทุกคนตื่นเต้นกันยิ่งนัก
“ข้าได้ยินเสียงคนหน้าเรือนจึงปลุก แต่ท่านเจ้ากลับถีบหน้าข้าเสียเป็นรอย” กัณหปักษ์หน้าบึ้ง พลางชี้ไปยังแก้มที่มีรอยเท้าแดงหรา ส่วนฝ่ายหลังก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วพนมมือขอโทษขอโพย
“ขอโทษจริงๆ เจ้าค่ะ (>/\<)!!!”
“วันหลังข้าจะมิสอนวิธีเสกหนังควายเข้าท้องอีกแล้ว (-_-)*”
“ม่ายยยย กัณหปักษ์ ข้าขอโทษ ยะ อย่างอนข้านะ” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทำท่าจะงอนยาว เด็กสาวจึงวิ่งเข้าไปกอดเอวสอบจากด้านหลัง น้ำตาคลอด้วยความรู้สึกผิด
“...”
“น้าๆๆๆ”
“เฮ้อ...จะให้ข้าถือโทษโกรธเคืองท่านเจ้าของข้าได้ไงล่ะขอรับ” กัณหปักษ์ทนลูกอ้อนและสายตาแบบกระรอกไม่ไหว ยกมือขึ้นลูบผมสีอ่อนของนายเจ้าอย่างเอ็นดู “เข้าเรือนกันเถอะขอรับ ท่านกรรณิกาน่าจะทำอาหารเสร็จแล้ว”
“จ้าๆ” ปองใจยิ้ม แล้วหันไปบอกคนด้านหลัง “ไปกันเถอะเจ้าค่ะ”
“แน่นอน...” ปัณณ์ยิ้มรับแล้วหันไปมอง “ไปกันเถอะ นิตกาล”
“แน่นอนขอรับ master ไปไหน ตะพดอย่างผมก็ต้องไปด้วยแน่นอนขอรับ~”
ใช่...นิตกาล สีนิล กัณหปักษ์ ลุงแดง สุวาน อำพัน มิใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขาคือ ‘ตะพด’ ที่ท่านขุนทั้งสามได้ปลุกเสกจนกลายเป็นมนุษย์เพื่อปกป้องคุ้มครองบุตรีของพวกเขา...
แต่ทว่า...คงจะไม่ราบรื่นดั่งใจคิดเท่าไรนัก...
...ก็ตะพดน่ะ...แสบน้อยซะที่ไหนกัน
-------------------------------
ตอนหน้าออกครบแน่นอนจ้ะ ยกเว้นสองคนที่ยังไม่กลับจากฝรั่งเศส จะออกช้าหน่อย
ความคิดเห็น