ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Cane Thai Collection] ตะพดร่ายรำ...

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 159
      2
      14 เม.ย. 58

    บทนำ

    ------------------------------------------------------------------------------------

     

    ณ พระนคร...

    ช่วงเวลาอันแสนสงบร่มเย็นกำลังทำให้ผู้คนมากมายที่อาศัย ณ ที่แห่งนี้เดินทางไปไหนมาไหนด้วยรอยยิ้มอันเบิกบาน กล่าวทักทายกันอย่างเป็นมิตร เหล่าคนหลากวัยหลากเพศออกมาจับจ่ายใช้สอยตามตลาด เสียงพูดคุยดังครื้นเครงอย่างเป็นกันเอง จนแลดูเหมือนจะวุ่นวายและโกลาหลเล็กน้อย...

    ...ผิดกับที่นี่...เรือนหลังงามอันเป็นที่รู้ดีของชาวเมืองในพระนครที่รู้ว่าเป็นที่อยู่ของท่านขุนผู้ร่ำรวยในสมบัติทั้ง 9

    เรือนหลังใหญ่ผิดหูผิดตาที่น่าจะมีคนอาศัยจำนวนไม่น้อย บรรยากาศรอบๆ สงบร่มรื่นเป็นอย่างยิ่ง ต้นไม้ที่ปลูกไว้หน้าเรือนคอยให้ร่มเงาน่ารื่นรมย์ ใต้ต้นไม้สูงมีแคร่ไม้ไผ่สำหรับนั่งพักผ่อน ด้านหลังเรือนมีศาลากว้างสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจเช่นกัน นอกจากนี้ยังใช้ในการปรึกษาหารือกันได้อีกด้วย...

    ...และตอนนี้...มันถูกจับจองโดยชายวัยกลางคนทั้ง 3...

    “ช่วงนี้ช่างสงบดีเสียนี่กระไร คิดอย่างนั้นหรือไม่?” ชายที่สวมเสื้อราชปะแตนสีหม่นกับโจงกระเบนสีแดงกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

    “อืม...ก็จริงอย่างว่า...” ชายที่สวมเสื้อราชปะแตนขาวกับโจงกระเบนสีเหลืองส้มกล่าวพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจ “การทำมาค้าขายในพระนครเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ค้าอะไรก็กำไรงามไปเสียหมดทีเดียวล่ะ”

    “แต่ข้าว่านะ...” ชายท่าทางเงียบขรึมกล่าวขึ้นพลางจิบน้ำ “ความสงบที่พวกเอ็งเห็นมันก็แค่เปลือกนอกเท่านั้นแล ยังมีพวกโจรชุกชุม ข่าวฉุดคร่าหญิงสาวก็บ่อยเสียด้วย”

    “ท่านนี่ชอบทำบรรยากาศเสียจริงๆ เลยนะ ท่านขุนพชร” ชายคนเดิมว่า “ไอ้พวกเราหมายจะคุยกันเรื่องดีๆ ท่านก็ชอบทำหน้าเครียดเสียจริง”

    ท่านขุนพชรปรายตามองเพื่อนที่รู้จักกันมาหลายสิบปีพลางแค่นยิ้ม “เออๆ ข้าขอโทษแล้วกัน ข้าแค่เครียดเรื่องลูกสาวข้ามากไปเท่านั้นแหละ”

    “อะไรวะ” ชายสวมโจงกระเบนแดงที่เริ่มบทสนทนาร้องขึ้นมา “นี่ลูกสาวเจ้าโดนฉุดอีกแล้วเรอะ คราวนี้คนไหนกันเล่า?”

    “ก็ลูกคนโตข้านั่นท่านณัฐวุฒิ” ท่านขุนพชรถอนหายใจ “อายุจะปาเข้าไป 15 อยู่แล้ว ยังไม่รู้จักโตเลย ซุ่มซ่ามก็ที่หนึ่ง แถมยังตามคนไม่ค่อยจะทันนัก ข้าล่ะห่วงจริง ไหนจะลูกสาวคนรองอีก ทั้งใจร้อน ซุกซน ไม่มีความเรียบร้อยแม้แต่น้อย ลูกคนสามข้าก็อ่อนแอบอบบางปานแก้ว น่ากลัวว่าจะโดนข่มเหงรังแก ส่วนคนสุดท้องก็ชอบเรื่องไสยศาสตร์เสียเหลือเกิน ไม่ค่อยพบปะผู้คนเสียเท่าไหร่ด้วย”

    เป็นอันทราบกันว่าท่านขุนพชรเป็นคนที่มีลูกเยอะมาก ลูกชายคนโตก็ไปเรียนต่อยังเมืองนอกได้เดือนกว่า ส่วนลูกสาวอีกสี่คนที่เป็นแฝดกันก็นิสัยต่างกันสุดขั้ว เรียกได้ว่าคนเป็นพ่อแทบจะต้องพึ่งยาแก้ปวดบ่อยๆ

    “ลูกข้าก็พอกันแหละ...” ท่านขุนณัฐวุฒิส่ายหน้าเบาๆ “ฉลาดรอบรู้ แถมยังซุกซนและแข็งแรงเยี่ยงบุรุษ หากแต่ไร้ความอ่อนหวานและความเป็นกุลสตรีเสียยังกับอะไรดี...เอาเถอะ อย่างน้อยก็พอตามคนเป็น...”

    “ข้าสิต้องกังวล -*-”

    “เจ้าจะกังวลอะไรกันเล่า ท่านกรกฎ” ท่านขุนพชรขมวดคิ้ว “ลูกสาวท่านก็งามตั้งแต่หัวจรดเท้า งานบ้านงานเรือนก็เก่ง ผิดกับลูกบางคนของข้า..เปรมหทัยเพิ่งทำไฟไหมครัวเมื่อวันก่อนเอง...”

    “เจ้าจะรู้อะไรล่ะพชร” ท่านขุนกรกฎซึ่งเป็นผู้สร่างเรือนงามหลังนี้ขึ้นมากล่าวพลางถอนหายใจแรงๆ “เห็นหน้าตาสะสวยแบบนั้นน่ะ ซนยิงกว่าลิง กระโดกกระเดกเสียจนขาปวดกะบาลยิ่งนัก หนุ่มๆ ก็แวะเวียนมาขายขนมจีบไม่เว้นวัน เยอะเสียจนข้าเสียสากกะเบือสำหรับเขวี้ยงหัวไปหลายสิบอัน”

    “แล้วใครสอนให้เจ้าเอาสากกะเบือเขวี้ยงหัวคน =_=

    “จริงด้วย ข้าควรใช้อีโต้สินะ”

    “ข้าว่าท่านณัฐวุฒิไม่ได้สื่ออย่างนั้นนะ (=_=;;

    “พูดถึงเรื่องลูกก็นึกขึ้นได้” ท่านขุนกรกฎกระพริบตา “จำได้ใช่หรือไม่ ที่พวกเราจะต้องลงเรือสำเภาไปค้าขายเป็นเวลา 6 เดือนน่ะ”

    “ข้าจำได้สิ...” ท่านขุนพชรพยักหน้ารับ “ที่เจ้าบอกว่าตอนไปจะพกภรรยาเจ้าไปด้วยใช่มั้ย?”

    “ไม่ต้องนำมาล้อข้าจะเป็นพระคุณมาก -*- แต่เจ้าก็รู้ว่าข้าทนห่างนางไม่ได้ เจ้าก็ด้วยแหละ =_= ทั้งคู่เลย” คำพูดดักทางทำให้เพื่อนรักทั้งสองสะดุ้งแล้วยิ้มแห้งๆ ใส่

    ที่จริงการติดเมียก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอกนะ แต่พวกเขาต้องการจะให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองเสียบ้าง

    ...แต่กระนั้นก็ยังอดห่วงมิได้ ในเขตพระนครก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ความสงบสุขคดีก็มีมากมาย ทั้งปล้นบ้า ฉุดคร่า ยิ่งพอพวกเขาไม่อยู่ ทั้งเรือนก็จะมีแค่เด็กผู้หญิง บ่าวไพร่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้เสียทุกคน (แต่ส่วนใหญ่ก็ซาบซึ้งในบารมีท่านขุนจนไม่กล้าทั้งนั้น)

    “ข้าคิดออกแล้ว” ท่านขุนพชรดีดนิ้วออกมา “เจ้ายังเก็บตะพดคู่ใจไว้หรือไม่?”

    “ตะพดคู่ใจใครๆ ก็ต้องเก็บไว้ ถามแปลกๆ -_-;;” ท่านขุนณัฐวุฒิ

    “ข้าเก็บไว้อันเดียว อีกสองอันข้ามอบให้ลูกสาวสองคนที่เดินทางไปต่างเมืองน่ะ” ท่านขุนกรกฎกล่าว “ถามทำไม”

    “เอาทั้งหมดมารวมกันสิ ข้าคิดอะไรออกแล้ว”

    แม้จะสับสนงงงวยกับความคิดของเพื่อนรัก แต่ท่านขุนทั้งสองก็รีบรุดไปสั่งบ่าวให้นำตะพดมาให้

    ท่านขุนณัฐวุฒิมีตะพด 1 ด้าม ท่านขุนกรกฎเหลือไว้ที่ตัวแค่ 1 ด้าม ส่วนท่านขุนพชรมีถึง 4 ด้าม

    “เจ้าจะมีไว้ทำไมตั้งเยอะ =_=

    “ข้าชอบสะสมน่ะ~อันหนึ่งใช้บอกเวลาได้ด้วยเชียวนะ”

    =__=;;;” หน้าเพื่อนทั้งสอง

    “เอาล่ะ” ท่านขุนพชรหยิบหนังสือท่าทางเก่าๆ ออกมาถือไว้ “มันมีวิธีร่ายอาคมทำให้สิ่งของกลายเป็นคนขึ้นมาอยู่...”

    “เดี๋ยววววว เจ้าคิดจะเสกตะพดพวกนี้ให้เป็นคนเรอะ!!!!” ท่านขุนณัฐวุฒิแทบว้ากลั่น “คิดอะไรของเจ้าน่ะ!!!

    “ไม่คิดว่าดีหรือไง” คนคิดแผลงๆ ยิ้มกว้าง “พวกนี้เป็นตะพดที่พร้อมจะรับคำสั่งของเรา อีกทั้งยังไม่น่าจะมีอารมณ์หื่นกามเยี่ยงมนุษย์หรือสัตว์ทั่วไปด้วย”

    “แต่...”

    “หรือเจ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้ -_-”

    “ไม่มี...”

    “งั้น...ก็ สรุปได้แล้วนะ” เขายิ้มแฉ่ง แล้วเริ่มทำพิธี ร่ายมนต์ตามในหนังสือ แล้วสั่งไว้ชัดเจน...

     

    นับแต่บัดนี้ เจ้าคือผู้ปกป้อง จงคอยดูแลบุตรีของพวกข้าให้ปลอดภัย อย่าให้ภัยใดๆ เข้าถึงพวกนางได้...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×