คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ::HALF PART SOME FRACTIONS::KaixSehun
ll HALF PART SOME FRACTIONS ll
Paring : Kim Jongin, Oh Sehun
.
.
.
.
♥ HALF PART SOME FRACTIONS ♥
บรรยากาศรอบโต๊ะม้าหินที่มักมีกลุ่มนักศึกษามานั่งคุยเล่นกันระหว่างรอคาบเรียนดูเงียบสนิท เนื่องจากเข้าใกล้คาบเรียนเข้าทุกที ลึกเข้าไปในสุดของลานกว้างมีโต๊ะอีกตัวที่ถูกซ่อนไว้ให้ไกลสายตาอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางกำลังนั่งเหม่อลอยออกไปทางทะเลสาบที่เป็นส่วนที่ลึกที่สุดของมหาวิทยาลัย สายตาของเด็กหนุ่มดูเลื่อนลอยไม่จับโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทุกสิ่งนิ่งเงียบมีเพียงเสียงลมพัดแผ่วเบาพร้อมกับเสียงของเวิ้งน้ำที่ถูกลมพัด อากาศเย็นพัดแตะผิวกายไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอยากจะหาเสื้อคลุมมาปกคลุมร่างกายเอาไว้
ดวงตาคู่สวยปิดลงช้าๆ เพื่อพักสายตาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่มือจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่อยู่ข้างกายเพื่อหยิบเครื่องมือสื่อสารที่ถูกเก็บไว้ด้านใน หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นเป็นรูปของชายสองคนที่กำลังยิ้มให้กล้องโดยที่ฝ่ายหนึ่งใช้ริมฝีปากจรดลงตรงแก้มของเด็กหนุ่ม สายตาจับจ้องที่หน้าจออยู่นาน พอมันดับก็กดให้สว่างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ จนรู้สึกว่าดวงตาเริ่มร้อนและพร่ามัว ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพื่อพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่หากหยดหนึ่งก็ร่วงหล่นลงกระทบกับหน้าจอเสียได้ เสียงสะอื้นแผ่วเบาหลุดออกจากลำคอ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก แต่พอนึกถึงเรื่องเก่าๆ มันก็พาลไปนึกถึงช่วงที่มีความสุขซึ่งตอนนี้มันคงจะกลับมาไม่ได้อีกแล้ว
อีกด้านหนึ่งของต้นไม้ใหญ่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนตรงนี้มาได้สักพักแล้ว และก็มักจะเห็นเหตุการณ์เดิมๆ แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา เด็กหนุ่มถอนหายใจแรงก่อนจะเดินออกมาจากหลังต้นไม้เพื่อเดินไปหาคนที่กำลังจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา
ผ้าเช็ดหน้าที่ถูกพับเก็บเรียบไว้ในกระเป๋าเสื้อที่ไม่เคยถูกหยิบมาใช้ จนบางครั้งมันก็อยู่ในกระเป๋าแบบนั้นจนกระทั่งมันถูกรีดทับไปกับเสื้อ แต่ตอนนี้มันมักจะถูกหยิบมาใช้บ่อยๆ สาเหตุก็เพราะคนตรงหน้า ผ้าเช็ดหน้าสีอ่อนถูกยื่นไปที่อีกฝ่ายที่กำลังนั่งอยู่ ดวงตาเรียวเคล้าน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่มาใหม่ก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วยื่นมือไปรับแล้วกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นก่อนจะสะอื้นออกมาเสียงดัง
...แบบนี้เขาเรียกว่ายิ่งโดนปลอบยิ่งร้องหนัก
‘จงอิน’ เป็นชื่อของเด็กหนุ่มที่เพิ่งมาเมื่อสักครู่ จงอินก้มลงมองเพื่อนในกลุ่มของตนเองที่เป็นแบบนี้มาได้เดือนกว่าแล้ว มืออุ่นที่ล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ถูกยกออกมาพบกับลมเย็นที่พัดเอื่อยๆ จุดหมายของมือนั้นคือกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มมือ ลูบเบาๆ ก่อนจะหย่อนกายลงตรงพื้นที่ว่างข้างๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายร้องไห้อยู่แบบนั้นจนพอใจแล้วค่อยเริ่มเปิดบทสนทนา
“โดดเรียนอีกแล้วนะ…เซฮุน”
จงอินเริ่มพูดคุยง่ายๆ ด้วยประโยคสุดแสนจะธรรมดา คนที่นั่งข้างกันเบะปากเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอียงศีรษะตนเองกับไหล่กว้างที่รองรับได้พอดิบพอดี
การกระทำที่มักเรียกให้ใจของจงอินมักจะเต้นแรงเสมอ.. แอบคิดไปเองว่ามันเต้นแรงขนาดนี้อีกฝ่ายที่อยู่ใกล้กันจะได้ยินหรือไม่ แล้วมันก็ได้คำตอบมาแบบเดิมทุกครั้งเมื่อเซฮุนจะเล่าเรื่องของใครอีกคนให้ฟังเสมอ บอกให้รู้ว่าหัวใจของเซฮุนไม่เคยลืมใครคนนั้นได้แม้แต่วินาทีเดียว
“ก็มันน่าเบื่อจะตายไป” พึมพำออกมาเบาๆ คล้ายจะพูดคนเดียว
“นายก็โดดเหมือนกันนี่” แถมยังสวนกลัวพร้อมช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่ก้มลงมาพอดี
“ไม่ต้องมาย้อนนะ ที่ฉันออกมาก็มาตามนายต่างหาก วันนี้อาจารย์เขาจะสอบท้ายคาบ ไม่รู้รึไง”
ได้ยินเสียงบ่นยาวก็ทำเอาเซฮุนหลับตาอยากจะยกมือขึ้นอุดหูเพื่อกลบเสียงที่ดังอยู่ข้างหู แต่เพราะกำลังได้ที่พักพิงสบายๆ ก็เลยทำให้ขี้เกียจจะยกแขนหรือทำอะไรทั้งนั้น
“ก็ให้คนอื่นทำไม่ได้รึไงเล่า”
เพราะยังไงคำตอบมันก็ต้องเหมือนกันทั้งห้องอยู่แล้ว...มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำในรั้วมหาวิทยาลัย มีการสอบย่อยทีไร คนที่คิดคำตอบมันก็มีแค่ไม่กี่คนในห้อง ที่เหลือก็รอลอก แล้วพวกเขาก็เป็นหนึ่งในที่รอลอกเหมือนกัน
จงอินหันมามองดวงตาที่ออกสีแดงเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มา ตอนนี้ที่กำลังช้อนตาขึ้นมองเขาคล้ายลูกแมวกำลังจะขออาหาร จงอินมองสายนั้นก่อนจะยกยิ้มแล้วหลุดหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไร...ได้รึเปล่าล่ะ นะนะ ฝากให้ชานยอลทำให้นะ” ไม่เพียงแต่คำพูดเอาแต่ใจ ท่าทางก็เป็นไปด้วย มือทั้งสองข้างเกาะกุมที่ต้นแขนของจงอินก่อนจะออกแรงเขย่าไปมา
“อืมม...ได้มันก็ได้อยู่หรอก แต่ทำไมนายจะไม่เข้าล่ะ โดดมาหลายวิชาแล้วนะ”
“ก็...วิชานี้มัน” เสียงหวานขาดหายไปพร้อมหลุบตาต่ำลง น้ำตาเริ่มจะคลอเบ้าอีกรอบ ทำให้จงอินอยากจะเอามือตบหัวตัวเองสักสิบที
ลืมไปว่าวิชานี้มันเรียนตรงกับแฟนเก่าของเพื่อนตนเอง..
“โอเค ได้ๆ ไม่เข้าก็ไม่เข้า”
จงอินรีบเออออตามนั้นเพราะเกรงว่าเซฮุนจะร้องไห้ออกมาอีกระลอก พร้อมหยิบโทรศัพท์ออกมาเข้าโปรแกรมแชทเพื่อพิมพ์ไปบอกเพื่อนในกลุ่มว่าให้ทำส่วนของตนเองและของเซฮุนด้วย
ใบหน้าหวานสวยของเซฮุนยิ้มร่าทันทีเมื่อได้ทำตามความต้องการของตนเองไปหนึ่งอย่างแล้ว แรงเขย่าที่แขนเรียกให้จงอินหันไปมองคนด้านข้างอีกรอบ
“อะไรอีก ทำหน้าแบบนี้อยากจะให้พาไปไหนอีกล่ะ?”
“โดดเรียนทั้งที ใครเขาอยากจะอยู่ที่เดิมกันล่ะ ไปเที่ยวกันดีกว่า”
ยังไม่ทันที่จงอินจะตอบตกลง แรงฉุดของคนผิวขาวก็ทำให้จงอินลุกขึ้นยืนก่อนจะต้องเดินไปตามแรงอย่างไม่อิดออด จงอินอมยิ้มอยู่คนเดียวที่เห็นท่าทางร่าเริงของคนด้านหน้า
แค่เซฮุนยิ้มได้ จงอินก็สบายใจแล้ว..
.
.
.
หน้าที่ของจงอินวันนี้คือเป็นคนขับรถ...
รถสปอร์ตคันหรูเปิดประทุนเพื่อรับลมจากธรรมชาติที่อยู่รอบข้างแทนที่จะใช้แอร์ในรถ ใบหน้าคมที่ถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดแอบเหลือบมองคนที่นั่งอยู่เบาะด้านข้างอยู่บ่อยครั้ง เซฮุนนั่งหันหน้าออกนอกรถโดยที่แขนทั้งสองข้างวางเท้าไว้กับบานประตู ใบหน้าหวานที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง
วันนี้เซฮุนขอให้จงอินพาออกไปเที่ยวทะเล แล้วจะมีเหรอที่จงอินจะปฏิเสธ ซึ่งจงอินก็จัดการชวนเพื่อนในแก๊งค์ที่เหลือไว้ด้วย ใครมาได้ก็มา มาไม่ได้ก็อดไป
“อ่ะ เอาไปใส่ไป” จงอินควานหาแว่นกันแดดอีกอันที่อยู่ตรงคอนโซลของรถ ยื่นให้อีกฝ่ายรับไปใส่ไว้
เซฮุนหันกลับมาช้าก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าไม่เอา ยกมือขึ้นกอดอกแล้วหันไปมองทิวทัศน์ข้างทางดังเดิม
“เอาไป เดี๋ยวฝุ่นเข้าตา ลมมันแรงนะ” จงอินพูดแกมบังคับทำให้เซฮุนต้องเอามาใส่ตามที่บอกอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่
รู้งี้จงอินก็ไม่ค่อยอยากจะพามาเท่าไหร่... พามาแล้วก็ซึม ดูก็รู้ว่านึกถึงแฟนเก่าคนนั้นอีกแล้ว เขาทิ้งไปก็เจ็บพอแล้ว ยังจะมานั่งนึกให้ตัวเองเจ็บเพิ่มทำไม
“หิวรึเปล่า อยากกินอะไรมั้ย”
จงอินถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ แต่คำตอบที่ได้รับคือความเงียบยิ่งกว่า คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนจะหันไปมองคนด้านข้าง แล้วก็ต้องหัวเราะออกมา...เพราะว่าหลับไปแล้ว แขนยาวเอื้อมไปหยิบเสื้อคลุมที่อยู่ด้านหลังเบาะมาห่มให้กับคนที่จู่ๆ ก็หลับ
“ลืมได้เมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน” เสียงทุ้มบ่นพึมพำคนเดียวก่อนจะให้ความสนใจกับถนนด้านหน้าดังเดิม
♥ HALF PART SOME FRACTIONS ♥
เด็กหนุ่มนั่งเหม่อมองเกลียวคลื่นที่กระทบกับผืนทราย สองมือกอดหัวเข่าแล้วมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย เส้นผมนุ่มปลิวไปตามแรงลมโดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะจัดทรงให้มันเหมือนเดิม พระอาทิตย์สีส้มอ่อนที่ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที มันดูสวยงามจนเผลอนึกไปว่าถ้าใครอีกคนนั่งอยู่ด้วยในตอนนี้เหมือนแต่ก่อนมันก็คงจะดี
‘พี่คริส ดูนั่นดิ พระอาทิตย์ตกแล้ว’ เซฮุนชี้นิ้วไปทางทิศตะวันตก พลางส่งเสียงเรียกคนที่กำลังเดินอยู่ด้านหลัง
‘สวยอะ พี่คริสเดินมาเร็วๆ สิ’ เด็กหนุ่มชื่นชมความงามของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ผลุบหายเข้าไปในทะเลพร้อมกันหันไปด้านหลังก็ยังเจอกับแฟนหนุ่มของตัวเองที่เดินเอื่อยเชื่อยปล่อยให้เท้าสัมผัสน้ำทะเลอยู่แบบนั้น เซฮุนเห็นแบบนั้นเลยรีบเดินไปคว้าแขนของอีกฝ่ายมาจับไว้แล้วรั้งให้เดินมาอยู่ข้างๆ กัน
‘ผมบอกให้ดูพระอาทิตย์ไง พี่คริสดูอะไรอยู่ครับ’ สองแขนคล้องเข้ากับที่ต้นแขนแกร่ง พลางเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่กำลังก้มต่ำลงมาพอดี
‘ก็ดูเด็กดื้อที่ขี้ตื่นเต้นไง…’ คริสยิ้มก่อนยกมือข้างที่ว่างอยู่บีบปลายจมูกรั้นของอีกฝ่ายเบาๆ
‘งื้อ...ผมไม่ได้ดื้อสักหน่อย’ เซฮุนเถียงพลางยู่หน้า
‘ดื้อสิ ดื้อสุดๆ เลย มีที่ไหนกันขอให้พาโดดเรียนไปเที่ยวเนี่ย’
บ่ายของวันนี้จู่ๆ เซฮุนก็งอแง โทรมาหาเขาเพื่อให้พาไปเที่ยวหน่อย โดยให้เหตุผลว่าขี้เกียจเรียนวิชาภาคบ่าย ตอนแรกคริสจะไม่ยอมพาไปแต่น้ำเสียงออดอ้อนของอีกฝ่ายมันก็ทำให้เขาใจอ่อนทุกครั้ง เขาก็เลยยอมพาแฟนหนุ่มรุ่นน้องขับรถออกมาจากโซลมาต่างจังหวัดใกล้ๆ เซฮุนตื่นเต้นตั้งแต่ตัวรถขับพ้นจากเมืองหลวงแล้ว ทันทีที่เห็นภูเขาแทนที่จะเป็นตึกสูง เจ้าตัวก็เรียกร้องให้เขาดูใหญ่ พอมาถึงที่นี่ก็ชี้ให้ดูคลื่นทะเลก่อนจะพาเขาถอดรองเท้าแล้วลงไปสัมผัสกับน้ำทะเลทันที ไม่ได้กลัวเลยว่าตัวจะเปียกรึเปล่า..
‘แต่พี่ก็ยอมพาผมอยู่ดี’
‘ถ้าไม่ยอมพามา ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ถึงต้องยอมไง’ คริสขยี้กลุ่มผมนุ่มจนมันยุ่งเหยิงไม่ไปทรงด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้มลงจรดริมฝีปากกับหน้าผากเนียนเบาๆ
‘ฮี่ๆๆ... พี่คริสรู้มั้ย ผมน่ะ รักพี่คริสที่สุดเลยนะ’ หัวเราะกับสิ่งที่แฟนหนุ่มพูดเพราะมันเป็นเรื่องจริง ทีแรกคริสจะไม่ยอมพาไปแต่พอเขาเบะปากนิดหน่อยก็ยอมใจอ่อนจนได้ ท้ายประโยคเด็กหนุ่มเอนเอียงศีรษะให้ซบกับไหล่กว้างก่อนจะกอดแขนแกร่งให้แน่นขึ้น
‘อืม...พี่ก็รักเรานะ’ คริสพยักหน้าลงก่อนจะวาดแขนขึ้นโอบรอบกับไหล่ของเซฮุนกระชับให้กายบางแนบชิดเข้ามา
.
.
.
“คนโกหก...”
เซฮุนที่นึกถึงเรื่องราวเก่าที่เคยขึ้นในสถานที่แห่งนี้พึมพำออกมา ที่นี่เขาก็เคยมากับคริสซึ่งตอนนี้มีสถานะเป็นแฟนเก่าไปแล้ว ดวงตาคู่สวยเริ่มจะรื้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง ริมฝีปากอมชมพูเม้มแน่นก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าลงฟุบกับท่อนแขน
ท่ามกลางสายตาของใครอีกคนที่ยืนมองอยู่ห่างๆ.. ในมือถือน้ำกระป๋องเอาไว้สองกระป๋องตั้งใจจะเอามาให้เซฮุนดื่มแก้กระหาย จงอินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาเซฮุนที่นั่งฟุบหน้าอยู่บนผืนทราย เด็กหนุ่มนั่งลงข้างๆ ก่อนจะนำน้ำกระป๋องเย็นเฉียบแตะเข้าไปที่ผิวแก้มของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นออกมา
“อ๊ะ..” เซฮุนสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนด้านข้างที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาตกใจ
จงอินยื่นน้ำกระป๋องให้อีกฝ่ายรับไปถือไว้ก่อนจะยกยิ้มขึ้น เซฮุนที่รับไปถือไว้ถอนหายใจออกมาก่อนที่นิ้วเรียวจะงัดฝาน้ำขึ้นเพื่อจะยกมันขึ้นดื่ม
“เข้าไปข้างในไป พวกนั้นมากันแล้ว” จงอินพูดขึ้น ที่เขาเดินออกมาก็เพราะตั้งใจจะมาตามหาคนด้านข้างนี่ล่ะ พวกเพื่อนๆ มาถึงกันได้สักพักใหญ่แล้วถึงได้ถามถึงเซฮุน
“พระอาทิตย์สวยเนอะ..” เซฮุนชวนอีกฝ่ายคุยด้วยเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ดวงตาคู่สวยยังเหม่อมองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจมหายไปกับทะเล
จงอินเลิกคิ้วขึ้นหันไปมองเสี้ยวหน้าหวานก่อนจะหันไปมองตามพระอาทิตย์ตามที่อีกฝ่ายบอก
“อืม ก็สวยดี”
...ถ้าคนข้างๆ ยิ้มออกมาสักนิด จงอินว่ามันคงจะสวยกว่านี้
.
.
“เอ้า ชน~”
มาถึงริมชายหาดสวยๆ แบบนี้ทั้งที ทั้งยังมากับกลุ่มเพื่อน คงหนีไม่พ้นต้องมีแอลกอฮอล์เป็นเพื่อนเล่นเพิ่ม กลางวงมีสารพัดเครื่องดื่มไร้ประโยชน์พร้อมขนมคบเคี้ยวมากมายวางตั้งอยู่โดยล้อมรอบไปด้วยเด็กหนุ่มวัยรุ่นสักห้าหกคนได้ เรื่องพูดคุยถูกหยิบยกขึ้นมาพูด ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเดิม แต่พอได้เล่าในวงเหล้าเมื่อไหร่มันก็สนุกทุกครั้ง บางทีจากเรื่องซีเรียสมันก็กลายเป็นเรื่องตลกขึ้นมาทันที
แต่กลับกันใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างจงอินเงียบมาพักใหญ่แล้ว แก้วเครื่องดื่มที่ยังเต็มจนล้นแก้วจากน้ำแข็งละลาย ดูแล้วเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แตะมันเลยด้วยซ้ำ เซฮุนถามคำตอบคำกับเพื่อน โดยส่วนมากจะนั่งอยู่เฉยๆ จมกับความคิดตัวเองเสียมากกว่า จงอินที่ลอบมองเป็นระยะก็ไม่รู้จะทำยังให้เพื่อนหน้าหวานหายเศร้าสักที เป็นแบบนี้เพื่อนแต่ละคนในกลุ่มก็ใช่ว่าจะไม่อึดอัด... คนที่เคยพูดมาก ร่าเริงอยู่ตลอดกลับมาซึมเศร้าแบบนี้ก็ไม่มีใครทำอะไรถูก
“เฮ้ย กูว่าหาอะไรเล่นกันดีกว่า แม่งชักจะเงียบเกินไปละ” ชานยอลหันมองซ้ายมองขวาดูเพื่อนแต่ละคนที่ใกล้จะหลับกันเต็มที เนื่องจากเสียงหัวเราะหายไปหนึ่งเสียง
“เออ เอาดิเล่นไรดีวะ”
“เนี่ย กำลังกรึ่มได้ที่กันเลย กูว่าเราเล่นไอนี่กันดีกว่า” ชานยอลเอื้อมมือไปหยิบขวดโซดาที่หมดแล้วขึ้นมาชูให้เพื่อนทุกคนเห็น แล้วแต่ละคนก็ทำแขยงออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าไอขวดเปล่าแบบนี้ไว้ใช้เล่นเกมส์อะไร
“โห่ยย ไม่เอาอะ เล่นไอนี่ทีไร กดดันทุกที” แบคฮยอนเด็กหนุ่มผิวขาวตัวเล็กแถมยังน่ารัก ดวงตาเรียวเล็กที่มักจะชอบแต่งแต้มด้วยอายไลเนอร์สีดำให้ดวงตาคู่สวยดูโตขึ้น โบกมือเป็นพัลวันเมื่อได้ยินเกมส์ที่ชานยอลเสนอให้เล่น
“เอาน่า เล่นเหอะ เพื่อนๆ กันทั้งนั้น” คำพูดของคยองซูทำให้แบคฮยอนต้องตกลงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเพื่อนแต่ละคนดูจะเห็นด้วยให้เล่นเกมส์นี้ เอาจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ไม่อยากเล่นเท่าไหร่ ตอนนี้อยากทำอะไรก็ได้ให้เพื่อนหน้าหวานได้มีส่วนร่วมสักที
เกมส์ที่ว่านั่นก็คือการให้หมุนขวดแก้วเป็นวงกลมถ้าส่วนหัวมันหยุดที่ใครก็ต้องให้คนนั้นเลือกว่าจะทำตามคำสั่งเพื่อนเช่นอาจจะเป็นคำสั่งที่บ้าที่สุดไปเลยก็ได้ และทางเลือกอีกทางก็คือให้พูดความจริง เพื่อนถามอะไรห้ามโกหกเด็ดขาด ง่ายๆ คือต้องซื่อสัตย์ จะโกหกก็ได้ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจล่ะนะ..
“เริ่มนะ!”
ชานยอลเป็นคนหมุนขวดคนแรก ท่ามกลายสายตาของเพื่อนหกคนที่กำลังจ้องขวดที่หมุนเป็นวงกลมอย่างไม่กระพริบ ก็มันลุ้นน่ะสิว่าขวดมันจะไปหยุดที่ใคร ถ้าเกิดว่าหยุดที่ตนเองขึ้นมาจะถูกให้ทำอะไรที่แปลกๆ หรือจะโดนเค้นความจริงอะไรรึเปล่า
ขวดโซดาเริ่มหมุนช้าลง...ช้าลง จนมันเสียงมันเงียบไปแล้วปลายขวดมันก็ไปหยุดอยู่ที่คนที่บ่นว่าไม่อยากเล่นในตอนแรก
“อะไรวะ ชานยอลมึงจงใจหมุนขวดให้มาโดนที่กูใช่มั้ย” แบคฮยอนหันไปคาดโทษคนหมุนขวด ที่นั่งอยู่ข้างกัน เริ่มเล่นรอบแรกเขาก็โดนเลย
“มึงจะบ้าเหรอวะ เอาเร็วๆ เลือกมาจะทำอะไร” ชานยอลยกมือตบผลักหัวเพื่อนไปทีนึงก่อนจะเร่งเร้าให้เพื่อนรีบเลือกสิ่งที่ต้องทำมา
ไม่อยากเลือกเลยว่ะ...เลือกแบบไหนมีคนที่โดนมีแต่เสียกับเสีย ไม่ถูกสั่งให้ไปทำอะไรแปลกๆ ก็โดนเค้นความจริงจนต้องคายความลับออกมาทั้งหมด
“เออ.........กูเลือกทำตามสั่งก็ได้วะ”
....อย่างน้อยก็ดีกว่าถูกล้วงความลับแล้วกัน
“อ่ะ เซฮุนสั่งเลยให้เด็กน้อยคนนี้ทำอะไรดี” ชานยอลเพยิดหน้าไปทางเซฮุนที่เพิ่งหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบเป็นครั้งแรก เด็กหนุ่มผิวขาวมองแบคฮยอนที่ดูท่าจะกินหัวชานยอลเข้าไปอยู่แล้วก็นึกขำ ก่อนที่ในหัวจะนึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้
ใช่ว่าเขาไม่เห็นสักหน่อยว่าตอนที่ขวดกำลังหมุนชานยอลแอบดีดเหรียญอันเล็กให้ขวดมันหยุดที่แบคฮยอนพอดี
...แกล้งกันดีนักใช่มั้ย
“แบคฮยอน...หอมแก้มชานยอลแล้วกัน”
“เฮ้ย!!/เฮ้ย!!” สองเสียงร้องขึ้นพร้อมกันกับคำสั่งของเพื่อนหน้าหวานที่ยิ้มกริ่ม แบคฮยอนหันไปมองชานยอลอย่างหยาดๆ ก่อนจะหันมาท้วง
“ไม่เอาอะ เซฮุน! เปลี่ยนไม่ได้เหรอ”
“เปลี่ยนได้ไงล่ะ คำสั่งก็ต้องเป็นคำสั่งสิ” เซฮุนส่งยิ้มหวานให้แบคฮยอน ตามด้วยเพื่อนที่เหลือทีเตรียมปรบมือพร้อมส่งเสียงโห่แซวทันที
“โห่...ใจร้ายอะ” แบคฮยอนเบะปากออกก่อนจะเหลือบมองคนด้านข้างที่ไม่ได้มีสีหน้าแตกต่างกันเท่าไหร่
เด็กหนุ่มตัวเล็กเขยิบเข้าใกล้เพื่อนตัวสูง ก่อนที่แขนข้างหนึ่งจะคว้าต้นคอของเพื่อนลงมา แล้วรีบสัมผัสริมฝีปากตนเองกับแก้มของชานยอลอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึงวินาทีก็รีบปล่อยออก
“ฮิฮิ้ววววว ~~~”
“พอๆๆ มาให้กูหมุนบ้าง” แบคฮยอนรีบกลบเกลื่อนเสียงแซวของพวกเพื่อนด้วยการรีบจับขวดแก้วมาหมุนเอง
วินาทีระทึกขวัญกลับมาอีกครั้งเมื่อขวดแก้วกลางวงหมุนเป็นวงกลมจากเร็วเป็นช้าลง ... พอมันไปหยุดที่ใครสักคนที่ไม่ใช่ตนเองก็พากันโล่งใจแล้วส่งเสียงหัวเราะ เมื่อถึงเวลาได้แกล้งเพื่อนสักที ขวดแก้วหมุนไปมากกว่าห้ารอบแล้ว พอๆ กับเครื่องดื่มในแก้วที่พร่องหายกันไปทีละแก้วสองแก้ว ยิ่งมันไหลผ่านคอมากเท่าไหร่ความสนุกก็เพิ่มมากขึ้น
และคราวนี้มันก็หมุนมาโดนเด็กหนุ่มผิวแทน..
“ไรเนี่ย กูโดนอีกละ รอบที่สามแล้วนะเว้ย!” จงอินโวยออกมาเมื่อไอขวดแก้วนี่ดูท่ามันจะถูกชะตากับเขาเหลือเกิน เล่นโดนมาเป็นรอบที่สามแล้ว
“โชคดีก็งี้แหละมึง เลือกมา!” ลู่หานที่เป็นรอบนี้ได้เป็นคนหมุนขวด เสียงดังใส่เพื่อนผิวเข้มที่ตอนนี้เริ่มจะออกดำๆ แดงๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“เมื่อกี๊พูดความจริงกับทำตามสั่งไปแล้ว....โว๊ะ! งั้นเลือกพูดความจริงแล้วกัน”
จงอินเลือกที่จะพูดความจริงอีกรอบ เพราะยังไงตัวเขาก็ไม่ค่อยได้มีความลับอะไรอยู่แล้ว ส่วนมากมีอะไรก็บอกเพื่อนหมด รวมถึงเรื่องคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันด้วย ที่ตอนนี้ดวงตากำลังหวานเชื่อมได้ที่จากน้ำมึนเมา
ลู่หานหันไปยักคิ้วใส่เพื่อนในกลุ่มเป็นอันที่ตกลงกันไว้เมื่อครู่ในตอนที่จงอินเผลอว่าถ้ามันเลือกพูดความจริง
พวกเขามีคำถามที่จะถามแกล้งมันอยู่แล้ว จากครั้งแรกที่จงอินเป็นผู้โชคดี เขาได้เลือกพูดความจริงไปด้วยคำถามที่ว่า แอบชอบใครอยู่รึเปล่า ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบซะเสียงดังฟังชัดว่า มี... ซึ่งก็รู้กันทั้งกลุ่มอยู่แล้วว่าจงอินมันชอบใคร ชอบมานานเหลือเกินตั้งแต่ก่อนที่เขาจะคบกับแฟนจนเลิกไปแล้วก็ยังชอบอยู่ เพียงแต่ไม่กล้าบอก และมันคงจะไม่บอกไปตลอดไปแน่ๆ ถ้าคนเป็นเพื่อนยังนิ่งเฉยกันแบบนี้ เคยให้คำปรึกษากันไปว่าก็รอเขาเลิกกับแฟนก่อน ค่อยหาโอกาสนั้น แต่ดันเป็นคนดีซะอย่างนั้น...คุณเพื่อนเล่นบอกว่า ไม่อยากฉวยโอกาสตอนเขาเสียใจ
...ครับ งั้นมึงก็รอต่อไปเถอะเพื่อน
คนที่เล็งจะจีบเซฮุนมีเป็นขบวน รอจนรับปริญญาก็คงไม่มีโอกาสสักที ถ้ามันยังไม่กล้าอยู่แบบนี้ อีกอย่างนี่มันก็ล่วงเลยเวลามาพอสมควรแล้ว สมควรที่เซฮุนควรจะลืมคนที่เป็นฝ่ายทิ้งไปได้สักที
เห็นเขาบอกกันว่า ถ้าอยากลืมคนเก่าก็ต้องมีคนใหม่ ไม่งั้นมันก็จะยังคิดถึงคนเก่าๆ อยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ จะรออะไรอีกล่ะ ในเมื่อเพื่อนเขาทั้งหล่อ นิสัยดี ใจดี แถมยังสปอร์ตแบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะ...
“คนที่มึงชอบใช่....เซฮุนรึเปล่า”
สิ้นประโยคของลู่หาน ทั้งบุคคลที่โดนถามและบุคคลที่โดนเอ่ยชื่อเข้ามาในประโยคต่างเงยหน้ามองคนถามทันที คนหนึ่งมองด้วยสายตาคาดโทษปนตกใจที่ไม่คิดว่าเพื่อนจะถามขึ้นมาตรงๆ แบบนี้ ส่วนอีกคนมองด้วยสีหน้างุนงง ใบหน้าหวานที่กำลังยิ้มร่าอยู่เมื่อครู่หุบลงในทันทีก่อนจะมองลู่หานกับจงอินสลับไปมา
“ม...มึง ถามเชี่ยไรเนี่ย” จงอินพูดตะกุกตะกักก่อนจะพยายามจะหลบสายตาของเพื่อนที่นั่งล้อมวงอยู่ แล้วยังสายตาของคนข้างๆ
“เอ้า ถามก็ตอบดิ ตอบมาใช่หรือไม่ใช่แค่นั้นจบ” ชานยอลรีบเสริมเพื่อน ลอบมองเพื่อนตนเองที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนกับเพื่อนผิวขาวที่มองจ้องไปยังคนด้านข้างไม่วางตา
“.......ช...เชี่ย! พอๆๆ กูไม่เล่นแล้ว” จงอินรีบโบกมือปัด พยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตนเองตอนนี้ ไม่กล้าหันไปคนข้างกาย เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ความจริงขึ้นมา
“ตอบคำถามก่อนดิวะ มึงแค่ตอบใช่หรือไม่ใช่แค่เนี้ย...”
พูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย...ความลับที่เขาตั้งใจเก็บมันไว้ไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้มานานถึงสามปีกำลังจะถูกเปิดเผยเพราะไอเกมส์บ้าๆ นี่รึไง
บอกแล้วว่าเล่นเกมส์นี้มันกดดัน...ทุกสายตาที่จับจ้องมายังจงอินราวกับผู้ต้องหาที่กำลังโดนเค้นความจริงอยู่ในห้องมืดหรือห้องกระจกอะไรแบบนั้น จงอินหันไปมองเซฮุนที่ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างสงสัย ก่อนจะหันกลับมายังทิศทางเดิม เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เอาวะ...ยังไงสักวันก็ต้องรู้อยู่ดี ถ้าเซฮุนไม่รู้วันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะรู้ก็ได้
“ใช่..คนที่กูชอบคือเซฮุน” จงอินแทบจะกลั้นใจพูดประโยคนี้ออกมา
เซฮุนที่ได้ยินประโยคของจงอินอย่างชัดเจน ริมฝีปากคล้ายจะพูดอะไรสักอย่าง ...เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดจะชอบเขา
แกล้งกันเล่นรึเปล่า...?
เห็นว่าเขากำลังเสียใจที่เลิกกับแฟนรึเปล่าถึงได้มาพูดกันแบบนี้ เพื่อให้เขาสบายใจขึ้นรึเปล่า..?
คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นโบว์ ช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจโดยที่อีกฝ่ายส่งยิ้มมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่ตัวเองจะทำอะไรไม่ถูกไปมากกว่านี้ กายบางผลุนผลันลุกออกจากตรงนั้นทันที ไม่ฟังเสียงของเพื่อนหรือจงอินที่ตะโกนไล่หลังมา
“เฮ้ย! เซฮุน เดี๋ยวก่อน!!” จงอินตัดสินใจรีบวิ่งตามกายบางที่วิ่งออกไปจากห้อง
“ได้เรื่องสักที” ชานยอลมองตามสองคนนั้นไปก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ในที่สุดก็ได้บอกไปสักที..
“ได้เรื่องหรือเสียเรื่องกันวะ พวกมึงนี่ทำไรไม่รู้จักคิด” กลับกันแบคฮยอนส่ายหัวกับเรื่องนี้มาก เพราะคิดว่าเรื่องของใครทำไมไม่ให้จัดการเอง ทำแบบนี้จะดูว่าพวกเราเข้าไปยุ่งเกินไปรึเปล่า
“เชื่อกูมั้ยล่ะ ว่าหลังจากนี้สองคนนั้นจะประกาศคบกันแน่นอน” ลู่หานที่พูดออกมาอย่างมั่นใจยักคิ้วให้แบคฮยอน
…
“เซฮุน รอด้วย!” จงอินรีบวิ่งตามแผ่นหลังบางจนถึงระยะที่ประชิดตัวได้ มือหนารีบกุมเข้าที่ข้อมือบางทันที แต่โดนอีกฝ่ายสะบัดออกอย่างแรง
“เซฮุน..” เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา เมื่อพอได้เห็นใบหน้าหวานที่มีคราบน้ำตาอยู่
“แกล้งเราสนุกมากไหม!!” เซฮุนตวาดใส่อีกฝ่ายเสียงดัง ผลักอีกฝ่ายให้ถอยห่างจากตนเอง
“ฟังฉันพูดก่อนได้มั้ย...นะ” จงอินพยายามเอาน้ำเย็นเข้าสู้ ใบหน้าหวานเปื้อนน้ำตาดูแล้วมันไม่เหมาะจริงๆ ยิ่งคราวนี้น้ำตานั้นมันไหลออกมาเพราะว่าเขาเป็นต้นเหตุก็ส่วนหนึ่ง
“ทำไมเหรอ!? บอกชอบเราทำไม! เห็นว่าเรามันน่าสงสารมากรึไงถึงต้องพูดออกมาแบบนั้น!”
“เข้าใจผิดแล้วนะ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย” จงอินพยายามจะหาช่องว่างเพื่อจะอธิบายทุกอย่างให้คนตรงหน้าฟัง แต่ยิ่งพูดอะไรออกไปก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ยอมรับฟังอะไรเลย
เขาชอบเซฮุนจากใจจริงๆ ไม่ได้จะชอบเพราะเพื่อนกดดันบอกว่าให้พูดเสียหน่อย
“ถ้าจงอินบอกว่าไม่ชอบเรา เรายังรู้สึกดีกว่านี้”
♥ HALF PART SOME FRACTIONS ♥
ไม่ได้คุยอีกเลย...
ตั้งแต่วันนั้น........
จงอินไม่พูดไม่จากับใครเลยตั้งแต่วันที่กลับมาจากเที่ยวทะเล เพื่อนในกลุ่มพยายามชวนคุยแล้วแต่ไม่ได้ผล โอเค..สงสัยว่าเรื่องที่คาดเดากันจะผิดพลาดไปนิด ความจริงแล้วอาจจะไม่นิด เรียกว่ามาก...เลยจะดีกว่า จงอินซึมแบบนี้มาได้เป็นอาทิตย์แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาดูโทรมลงไปเยอะ ผมเผ้าที่ไม่ได้จัดทรง แถมเวลามาเรียนก็นั่งฟุบหน้าหลับ
เหตุการณ์หลังจากเกมส์หมุนขวดแก้วบ้าอะไรนั่น พวกเขาก็ไม่รู้อีกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้เพียงแค่เช้าตรู่ของอีกวัน เซฮุนก็มาปลุกชานยอลให้ขับรถกลับโซลเดี๋ยวนั้น โดยที่ไม่ยอมมองหน้าจงอินเลย
“เฮ้ย มึง...” ลู่หานที่เป็นต้นเหตุเดินไปแตะไหล่เพื่อนที่ฟุบหลับอยู่บนเก้าอี้เลคเชอร์
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทางอิดโรย ดวงตาบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด
“กูขอโทษนะเว้ย เพราะพวกกู มึงกับเซฮุนเลย...” ข้างลู่หานเป็นชานยอลที่นั่งหน้ารู้สึกผิดอยู่ข้างกัน ถ้าวันนั้นพวกเขาไม่ถามคำถามบ้านั่นออกไป มันก็คงไม่เป็นแบบนี้
“คิดมากว่ะ ช่างมันเหอะ...ถึงยังไงเขาก็ไม่ชอบกูอยู่ดี” จงอินโบกมือพลางส่งยิ้มให้เพื่อน เขาไม่ได้โกรธที่เพื่อนทั้งสองคนเป็นต้นเหตุ
ประโยคของเซฮุนที่อยู่ในหัวมาตลอด มันยังคงย้ำความรู้สึกของเซฮุนที่มีต่อเขาได้เป็นอย่างดี
‘ถ้าจงอินไม่ชอบเรา เราคงจะรู้สึกดีกว่านี้’
....นั่นสินะ
เซฮุนคงไม่คิดอะไรกับจงอินคนโง่คนนี้ไปมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน...
คิดแล้วก็เจ็บชะมัด...
“แล้ว...เซฮุนเขาเป็นไงมั่งวะ”
แต่ก็ยังไม่วายจะคิดถึงคนที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอยู่ดี...
“ก็เหมือนเดิม..”
….
เซฮุนกลับมานั่งที่เดิมๆ เหมือนทุกวัน ดวงตาคู่สวยชอบเหม่อลอยไปทะเลสาบด้านหน้าทุกครั้ง แต่สิ่งที่แตกต่างในวันนี้คือ สิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดเขามันไม่เหมือนเดิม..
‘ใช่ คนที่ฉันชอบคือเซฮุน’
ชอบเหรอ...
ใช่เหรอ....
ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคิมจงอินคนที่เขาสามารถเรียกได้เต็มว่าเพื่อนสนิทจะมาบอกกันแบบนี้
ถ้าเป็นเรื่องจริง มันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน.. หรือว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น ที่จงอินต้องพูดแบบนั้นเพราะอยากแกล้งเขารึเปล่า อยากให้เขายิ้มได้ อยากให้เขาหัวเราะกับตลกที่ขำไม่ออกแบบนั้นรึไง
เซฮุนไม่ชอบให้ใครมาล้อเล่นเรื่องแบบนี้... เขาเกลียดคนโกหก
แม้แต่คนที่เขาไว้ใจก็ยังมาหลอกกันเลย..
เซฮุนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ริมฝีปากสวยง้ำงอ มือเรียวล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา กดปุ่มหน้าจอให้สว่างขึ้นก่อนจะเจอกับภาพเดิมๆ ที่น่าแปลกคือเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้รู้สึกอยากจะร้องไห้ให้กับคนๆ นี้แล้ว ไม่ได้รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเหมือนทุกครั้ง
“มานั่งตรงนี้อีกแล้ว” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง
ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร กายบางรีบลุกออกจากม้าหินที่ตนนั่งอยู่ทันที แต่ข้อมือเรียวกลับถูกรั้งไว้ฝ่ามือของคนที่เพิ่งมาใหม่
“ปล่อย” เซฮุนพูดเสียงแข็งก่อนจะพยายามสะบัดมือตนเองออกจากการจับกุม
“เซฮุน ฟังก่อนได้มั้ย”
“ถ้าจะมาพูดล้อเล่นอีกล่ะก็ไม่อยากฟัง” เซฮุนหันหน้าหนีไปอีกทางโดยที่ข้อมือยังคงถูกกุมไว้ด้วยมือของอีกฝ่าย
“เรื่องที่ฉันจะพูดตอนนี้เป็นเรื่องจริง ถ้านายไม่เชื่อจะแช่งให้ฉันจมน้ำตายตอนนี้...ตรงหน้านายเดี๋ยวนี้เลยก็ได้”
น้ำเสียงและแววตาที่จริงจังของอีกฝ่าย ทำให้เซฮุนรู้สึกใจสั่นขึ้นมา มือเรียวขืนมือตนเองออกมาได้ในที่สุด ก่อนจะนำมากุมกันไว้ที่หน้าตักตนเอง นั่งนิ่งๆ แต่ไม่พูดอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายตั้งใจในสิ่งที่ตนเองพูด
“วันนั้นต้องขอโทษที่ทำให้นายไม่พอใจ..” จงอินพูดเสียงเบาก่อนที่จะได้รับความเงียบเป็นคำตอบ
จงอินอยากจะจับไหล่อีกฝ่ายให้หันหน้ามาคุยกันตรงๆ ดีกว่าที่เขาจะต้องพูดกับลมกับไม้อยู่แบบนี้ อีกฝ่ายนั่งนิ่งเสียจนเขานึกว่าเขาพูดอยู่คนเดียว
“แล้วก็...เรื่องที่ฉันบอกว่าชอบ”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันพูดจริง...นายจะยังเชื่ออยู่ไหม?” จงอินถามพร้อมหันไปมองใบหน้าหวานของเซฮุนที่หันมาสบกันพอดี
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนๆ นี้คิดกับเขาเกินกว่าคำว่าเพื่อน ..
“ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน”
คิ้วสวยขมวดเป็นปมกับคำตอบที่ได้ยิน พยายามจ้องลึกไปที่ดวงตาของอีกฝ่ายเผื่อว่าจะจับพิรุธโกหกอะไรได้ แต่ไม่เลย..เซฮุนหาอะไรไม่เจอ นอกจากดวงตาที่สะท้อนเป็นใบหน้าของตนเอง
....
‘อยู่ไหนกันแน่เนี่ย’ เสียงหวานบ่นพึมพำในลำคอ ในมือถือกระดาษแผ่นเล็กที่ยับยู่ยี่จากการที่มันถูกหยิบขึ้นมาดูหลายครั้งแล้วยังชื้นเหงื่อจากมืออีกต่างหาก มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นขยี้ผมนุ่มของตนเองอย่างหงุดหงิด
วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ โอเซฮุนที่เป็นหนึ่งในนั้นกำลังเดินหาหอประชุมที่ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมาย แต่ว่าเดินจนจะวนรอบมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังไม่พบ นาฬิกาเรือนเล็กที่สวมอยู่ที่ข้อมือบอกเวลาว่าขณะนี้มันล่วงเวลาเริ่มการปฐมนิเทศมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาไม่ได้อยากจะเป็นจุดเด่นตั้งแต่วันแรกของการเป็นนักศึกษาที่นี่สักเท่าไหร่
‘เหนื่อยแล้วนะ เมื่อยด้วย’ เด็กหนุ่มยังคงบ่นอยู่คนเดียว เป้ใบใหญ่ที่สะพายข้างหลังคือข้าวของที่เขาขนมาจากบ้านเพื่อนำเข้าสู่หอพักในวันนี้
เซฮุนมองซ้ายมองขวา พยายามจะหาตัวช่วยที่ตั้งแต่มาเหยียบสถานที่แห่งนี้ได้ถามไปแล้วเกือบสิบกว่าคน เขาก็ยังหาหอประชุมไม่เจอสักที คนนึงบอกทางนี้ อีกคนบอกทางนั้น สรุปแล้วมันต้องไปทางไหนกันแน่!? หรือว่าตอนนี้เขากำลังหลงทิศกันนะ ริมฝีปากบางเบะออกกอนจะคว่ำลง เด็กหนุ่มนั่งยองลงกับพื้นเนื่องจากเหนื่อยที่จะเดินต่อไปแล้ว ทั้งเป้ที่สะพายอยู่ที่หลังก็หนักจะตายอยู่แล้ว หิวก็หิว อากาศก็หนาวจนขาแข็งไปหมด
‘อยากกลับบ้านอะ’ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเท้าคาง สายตาเหม่อลอย เริ่มรู้สึกท้อถอยเพียงเพราะตนเองหาหอประชุมไม่เจอ..
‘งื้ออออออออออออ’
เซฮุนจะงอแงแล้วนะ...
พลันดางตาเรียวก็เหลือบเห็นใครบางคนที่กำลังเดินอยู่ไม่ไกลสายตา แถมยังชุดทางการของนักศึกษาที่เป็นแบบเดียวกับเขาอีก ไม่รอช้ากายบางรีบลุกขึ้นก่อนจะวิ่งตรงไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นทันที
‘เฮ้! นาย เดี๋ยวก่อน’ เสียงหวานตะโกนเรียกให้อีกฝ่ายที่เดินจ้ำอ้าวอยู่ให้หยุดเดิน
มือเรียวแตะเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายเพื่อให้หยุดเดิน กายบางหอบหายใจเหนื่อย ระยะที่วิ่งมาก็ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่ เพียงแต่คนๆ นี้เดินเร็วมากเสียจนเซฮุนกลัวว่าจะเดินหนีหายไปเสียก่อน เด็กหนุ่มคนนั้นหันมา โดยที่เซฮุนยังคงก้มหน้ามองพื้นดินอยู่ด้วยความเหนื่อย สองมือยันไว้ที่ข้อศอก พอปรับลมหายใจได้ถึงได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
‘นี่ จะไปหอประชุมใช่มั้ย พาเราไปด้วยสิ’
‘อา.....’
เด็กหนุ่มคนนั้นมองเซฮุนตั้งแต่หัวจรดเท้า จนเซฮุนรู้สึกงุนงง ก่อนจะก้มลงสำรวจตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า มือขาวจับที่ใบหน้าของตนเอง เช็ดไปเช็ดมาเผื่อว่ามันจะมีอะไรติดอยู่บนใบหน้าแต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่ติดมากับมือเลยสักนิด
‘เฮ้ ได้ยินที่เราพูดรึเปล่า’ มือเรียวยกขึ้นโบกไปมาตรงหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้น
‘อ๊ะ! ได้ยิน’ จู่ๆ อีกฝ่ายก็สะดุ้งแรงจนเซฮุนเผลอสะดุ้งตามไปด้วย
อะไรเนี่ย...เขาไม่ใช่ผีนะ
‘เราถามว่านายจะไปหอประชุมใช่มั้ย’ เซฮุนสำรวจเครื่องแต่งกายของคนที่ยืนตรงข้ามกันอีกครั้ง ให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาด อีกฝ่ายแต่งตัวเหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้วแบบนี้คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกนะ
‘อา...ใช่’
‘งั้นเราขอเดินไปด้วยนะ เราหลงทางมาตั้งนานแล้ว เหนื่อยจะแย่’ เสียงหวานบ่นยืดยาวให้คนตรงหน้าฟัง และไม่ได้สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายรับฟังอยู่รึเปล่า
‘ได้สิ’
เพียงได้ยินคำตอบที่เป็นที่น่าพอใจแล้ว ใบหน้าหวานก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะรีบเดินไปขนาบข้างอีกฝ่าย พร้อมจะออกเดินทางไปหาประชุม
…..
“จริงรึเปล่า” เซฮุนถามย้ำอีกครั้งกับคำตอบที่ตนเพิ่งได้ยินเมื่อครู่
จงอินพยักหน้าก่อนจะเม้มริมฝีปากตนเอง ...วันแรกที่เขาพบกับเซฮุน คือวันที่มีเด็กหนุ่มผิวขาววิ่งมาหาเขาพร้อมสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ คนๆ นั้นบอกกับเขาว่าตนเองหาทางไปหอประชุมไม่เจอ..
ซึ่งหอประชุมที่ว่านั่นมันอยู่ชั้นสองของอาคารที่เซฮุนยืนอยู่นั่นล่ะ เขาที่บังเอิญเบื่อการบรรยายในหอประชุมเลยคิดจะโดดการปฐมนิเทศแล้วหาที่นั่งพักสบายๆ แล้วก็ได้เจอกับเซฮุนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้ ถ้าหากจะนับจากวันนั้น มันก็ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว
วันที่เขาเผลอตกหลุมรักคนๆ นี้อย่างหมดหัวใจ…
ชั่ววินาทีในตอนนั้นที่เขาบอกกับเซฮุนว่า ‘ได้สิ’ ในใจของเขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีให้เขาอยู่กับคนๆ นี้ได้นานกว่านี้อีกสักหน่อย สักห้านาทีหรือสิบนาทีก็ได้ ไม่ใช่แค่เดินขึ้นบันไดเพียงหนึ่งนาทีก็เจอกับหอประชุมนั่นแล้ว วินาทีนั้นสิ่งที่จงอินคิดได้คือพาเซฮุนเดินวนรอบมหาวิทยาลัยอีกรอบ แล้วก็พาเข้าอีกทางที่เชื่อมกัน ซึ่งมันกินเวลาถึงสิบห้านาที
สิบห้านาทีที่เขาได้ยินเด็กหนุ่มผิวขาวพูดเจื้อยแจ้วตลอดทาง
เดี๋ยวบ่นว่าหิวบ้าง ...เหนื่อยบ้าง เมื่อยบ้าง เมื่อไหร่จะถึง อีกไกลมั้ย...
น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกรำคาญเลย..
เขาชอบที่จะได้ยินเสียงหวานพูดอยู่แบบนี้..
และความบังเอิญครั้งที่สองก็คือ เซฮุนบังเอิญเรียนคณะเดียวกันแถมยังได้มาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันอีก วันแรกที่เซฮุนเดินเข้ามาในชั้นเรียน ใบหน้าหวานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว เซฮุนหันซ้ายหันขวาและบังเอิญเห็นจงอินที่นั่งอยู่หลังห้องกับกลุ่มเพื่อนพอดี เจ้าตัวไม่รอช้าที่จะเข้ามาทักทายแถมยังนั่งลงข้างๆ โดยไม่ถามอีกต่างหาก เซฮุนบอกว่าเขาเข้ามาเรียนที่นี่คนเดียว ยังหาเพื่อนไม่ได้สักคน และ..โชคดีจังเลยที่เจอจงอิน
จงอินก็รู้สึกโชคดีเหมือนกันที่เจอเซฮุน..
และแล้วความน่ารักของเซฮุนก็เป็นที่เปิดเผยต่อคนทั้งมหาวิทยาลัย...จนกระทั่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาจีบเซฮุน สูง หล่อ แถมยังเรียนเก่ง นิสัยดี อ่อนโยน ดูแล้วเป็นคนที่เหมาะกับเซฮุนดี
เซฮุนเป็นคนเอาเรื่องนี้มาเล่าให้กับจงอินเป็นคนแรก แถมยังบอกอีกว่า..
‘เราบอกจงอินเป็นคนแรกเลยนะ เพราะว่าเราไว้ใจจงอินมากที่สุด คือ...’ ใบหน้าหวานดูเขินอายที่จะบอกมันออกมา ตัวเขาที่รับฟังเงียบ พยายามยิ้มให้กับประโยคที่เขากำลังจะบอกให้ฟัง ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะแหลกสลายไปแล้วก็ตามที
‘เราคบกับพี่คริสแล้ว อา...เขินจังเลย จงอินอย่าแซวเรานะ’
อืม...ไม่แซวหรอก
วันนั้นจงอินเพียงแค่แค่นยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยคำยินดีให้กับเพื่อน ลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ อย่างที่ชอบทำ เพียงแต่วันนี้รู้สึกว่ามือของเขามันสั่นเทาเสียเหลือเกิน
เจ็บชะมัด...
แต่ไม่เป็นไร...ตาบใดที่เขายังสามารถอยู่เคียงข้างๆ คนนี้ เขาคงไม่เป็นไร...
“แล้วทำไมไม่บอก”
ตั้งนานทำไมไม่บอก...
“ทำไมไม่บอกเราล่ะ จงอิน...” เสียงหวานถามอีกครั้งเพื่อต้องการคำตอบ
“ก็กลัวว่าเซฮุนจะเป็นเหมือนตอนนี้..” จงอินตอบเสียงเบา เป็นเหมือนตอนนี้ก็คือเป็นเหมือนที่เซฮุนกำลังทำกับเขา การที่เซฮุนหลบหน้าเขา
ถ้าบอกไปแล้ว เซฮุนไม่ชอบ..ถ้าบอกไปแล้ว มันจะทำให้จงอินไม่เหลืออะไรเลย เพราะแบบนั้นถึงได้เลือกที่จะเก็บมันไว้เป็นความลับมาตลอด
“เซฮุนจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่ฉันอยากให้รู้ไว้ว่าความรู้สึกของฉันไม่เคยโกหกนายเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“ที่ฉันอยากพูดก็มีแค่นี้..”
ฉันชอบนายจริงๆ นะ เซฮุน...
จงอินมองใบหน้าหวานอีกครั้งก่อนจะยกยิ้มให้ มือหนายกขึ้นเกลี่ยปอยผมนุ่มอย่างที่ชอบทำเบาๆ จับปอยผมขึ้นทัดหูเผยให้เห็นแก้มขาวเนียนโดยที่อีกฝ่ายไม่ขัดขืนกลับจ้องลึกลงไปที่ดวงตาของจงอินเช่นกัน
“บอกฉันได้ไหม..เซฮุน บอกฉันสักคำว่านายอยากให้ฉันทำยังไง ยังอยากให้ฉันอยู่ข้างๆ เหมือนเดิมไหม หรือว่านายอยากจะให้ฉันไปไกลๆ ให้พ้นสายตาของนาย …ขอแค่อย่าเกลียดกันเลยได้ไหม” …ไม่อย่างนั้นจงอินคงจะแหลกสลายในเร็วๆ นี้
แบบไหนก็ได้ที่เซฮุนต้องการ จงอินยอมทำทุกอย่าง
...ถ้าอยากให้อยู่ข้างๆ ก็จะอยู่ ถ้าอยากให้ไปไกลๆ ก็จะไปและไม่มาให้เห็นหน้าอีก..
เซฮุนเอียงใบหน้าตนเองหลบจากมือของอีกฝ่าย ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง เขยิบกายออกห่าง เพียงแค่นี้จงอินก็รู้ตัวว่าเขาคงได้คำตอบแล้ว
จงอินกำหมัดแน่นไม่ใช่เพราะโกรธเพียงแต่ทำเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นว่าร่างกายของเขามันกำลังสั่นแค่ไหน เด็กหนุ่มผิวสีแทนลุกขึ้นยืนก่อนจะยิ้มให้กับตัวเองทั้งอีกคน
...ไม่เป็นไร เขาเข้าใจ เซฮุนไม่ได้คิดอะไรไปเกินกว่านี้ มีแต่เขาที่จะคิดไปเองคนเดียว
...ไม่เป็นไร เขาไม่โกรธ เพราะว่ามันเป็นการตัดสินใจของเซฮุน เขารับได้ทุกอย่าง
“ดูแลตัวเองนะ เซฮุน”
จากนี้ไปไม่รู้ว่าจะมีใครดูแลเซฮุนได้ดีเท่าเขาไหม..
เลิกร้องไห้ได้แล้ว ใบหน้าหวานๆ ของนายไม่ได้เหมาะกับน้ำตาเลยสักนิด
“จงอิน..” เสียงหวานเรียกแผ่วเบาทำให้คนที่กำลังจะก้าวขาเดินต้องหยุดชะงัก
แรงโอบรัดที่แผ่นหลังทำให้หัวใจของจงอินเต้นรัวอีกครั้ง
“เราไม่รู้ เรายังไม่แน่ใจ ....มันรู้สึกสับสนยังไงไม่รู้” ใบหน้าหวานแนบชิดกับแผ่นหลังกว้าง ใกล้จนเซฮุนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายชัดเจน
“เราอยากให้จงอินอยู่กับเรา แต่...” เสียงหวานขาดช่วงไปครู่หนึ่ง ราวกันไม่มั่นใจว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้มันสมควรแล้วหรือ
“พูดมาเถอะ”
“เราไม่รู้ว่าเราจะชอบจงอินรึเปล่า ...แต่ตอนนี้เราอยากให้จงอินอยู่กับเรา...ได้ไหม” จงอินรู้สึกได้ว่ามือเรียวของคนที่โอบกอดเขาอยู่ตอนนี้กำลังสั่น มือหนาเอื้อมสัมผัสกับมือนั้นเบาๆ
“รอเราได้ไหม ...จงอิน” เซฮุนถามย้ำอีกครั้ง
มันเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัว เขารู้ดี .. แต่เขาไม่อยากเสียจงอินไป เขาอยากให้คนๆ นี้อยู่เคียงข้างเขาเหมือนเดิม เขาไม่รู้ว่ามันจะมีวันที่เขาสามารถรักจงอินได้เท่ากับที่จงอินรักเขารึเปล่า ..
จงอินพลิกตัวกลับมาหาเซฮุน สองมือจับไหล่บางเอาไว้ พลางคว้ากายบางเข้ามากอด เซฮุนไม่ได้คิดขัดขืน เพียงแต่เขาไม่กล้าที่จะกอดอีกฝ่ายให้แน่นเหมือนที่กำลังโดนกระทำอยู่ มือบางเลยทำได้เพียงแตะแผ่วเบาที่แผ่นอกกว้าง มันไม่ใช่ครั้งแรกที่จงอินกอดเขาแบบนี้ จงอินมักทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาเขาเศร้าหรือมีความสุข อีกฝ่ายจะชอบเข้ามากอด แต่ว่าครั้งนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป
ลืมเขาไม่ได้ไม่เป็นไร ยังไงเขาก็รอ..
นานกว่านี้ก็จะรอ ...นานแค่ไหนก็จะรอ
รอได้เสมอ ถ้ามันเป็นความต้องการของเซฮุน เขาก็จะทำ..
คิมจงอินยอมเป็นคนโง่ดีกว่าที่จะต้องใช้หัวใจไปรักคนอื่น..
“อืม ได้สิ”
.
.
.
.
END
♥ HALF PART SOME FRACTIONS ♥
TALK ♥
น้องฮุนหน่วงมาเยอะละ คราวนี้ให้จงอินหน่วงบ้างแล้วกันเนาะ.. ;w;
อยากพูดกับอะไรกับฟิคเรื่องนี้ในทวิตเตอร์ ติดแท็ค #sfmayimdreaming นะคะ > <
ไม่จำเป็นต้องเรื่องนี้นะ เรื่องสั้นทุกเรื่องของเราก็ติดได้ค่า ฮ่าๆๆๆ
เยิ้ฟ ♥
ความคิดเห็น