[FMA vs DG]ยำๆ>>วิญญาณผู้พิทักษ์หม้อหุงข้าว!!? - [FMA vs DG]ยำๆ>>วิญญาณผู้พิทักษ์หม้อหุงข้าว!!? นิยาย [FMA vs DG]ยำๆ>>วิญญาณผู้พิทักษ์หม้อหุงข้าว!!? : Dek-D.com - Writer

    [FMA vs DG]ยำๆ>>วิญญาณผู้พิทักษ์หม้อหุงข้าว!!?

    ผลงานร่วมของ RIO-catchan-KoroSu พล็อตส่วนใหญ่เชื่อหรือไม่ว่าคิดออกในชั่วโมงวิทย์(เย้!!)เป็นการแต่งที่บรรเจิดมากก (เริ่มแต่ง18/07-25/07)

    ผู้เข้าชมรวม

    413

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    413

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ย. 49 / 18:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

         "หิวข้าวชะมัด"เอ็ดเวิร์ดบิดขี้เกียจหลังจากที่เขียนรายงานเพื่อส่งพันเอก รอย มัสแตง ทั้งคืนจนเสร็จ เท้าคางลงกับโอย่างเซ็งๆ นัยน์ตาสีทองคู่สวยปรือหลับช้าๆเมื่อความง่วงงุนถาโถมเข้ามา
         "ตี2แล้วหรือเนี่ย..."ว่าพลางหันไปมองนาฬิกาเรือนสีนำตาลเข้มที่ตั้งอยู่บนโม้ตัวใหญ่ ตอนนี้อัลไม่ได้อยู่ในห้อง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้น้องสุดเลิฟของตนนั้นหายไปไหน แต่ดึกป่านนี้ก็น่าจะกลับห้องได้แล้วนี่นา

         "หายไปไหนของเค้าน้า.."ร่างบางเปรยกับตัวเองก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องหวังจะออกตามหาผู้เป็นน้องชาย ยังไม่ทันที่นิ้วเรียวจะได้สัมผัสกับลูกบิดประตู ประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดผัวะออกมาพร้อมด้วยร่างในชุดเกราะของอัลฟอนส์ เอลริค ที่กระโจนเข้าใส่จนคนตัวเล็กกลิ้งขลุกๆไปบนพื้นเพราะแรงกระแทก

         "พี่ครับ!!" ขลุกๆๆๆๆๆๆสองศรีพี่น้องล้มกลิ้งอย่างไม่เป็นท่าจนไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง...
         หลังจากที่ตั้งสติไดสักพัก อัลก็ลุกขึ้นพร้อมกล่าวคำขอโทษ
         "ขอโทษฮะพี่ พอดีว่าผมองไม่เห็นพี่น่ะฮะ(แบบว่าตัวเล็กจัด)"ประโยคสุดท้ายจำเป็นต้องลดเสียงลงเบาราวเสียงกระซิบ แต่ไม่วายหูผีของผู้เป็นพี่ก็ดันได้ยินเข้าพอดี

         ปึด (เสียงเส้นเลือดขาดผึง!)

         "ว้ากกกกก!!!นายว่าใครเป็นถั่วที่เม็ดเฃ็กจัดจนยัดยัดเข้าไปในช่องเสียบของเทอร์มินอลสองทางได้เลยน่ะหา!!!"โวยวายไม่ได้ศัพท์จับความเท่าที่ทำได้ แต่เด็กหนุ่มในชุดเกราะก็ยังฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี
         "เอ่อ...อะไรนะฮะ..."อัลเอ๋ยชะตาขาดคราวนี่แน่เอ็ง...อัลคิดในใจหลังจากพูดประโยคเมื่อกี้จบ เมื่อเห็นเส้นเลือดที่เริ่มปูดนูนขึ้นมาตามหน้าผากของพี่ชาย
         "เว้ย!!!!ไม่ร้งไม่รู้มันแล้วเว้ย!!!"ร่างบางตะโกนลั่นก่อนจะตวัดมือตบหัวคนตัวสูงกว่าจนทำส่วนศีรษะของชุดเกราะนั่นหลุดผลุงลงมา

         ผลุบ!

         "พี่--หัวผมอ่ะ เอาหัวผมคืนมาน้า"เสียงเล็กในชุดเกราะที่ว่างเปล่าโวยวายเสียงดังพยายามเอื้อมมือใหญ่ไปคว้าหัวคืนมา แต่แล้วอีกฝ่ายกลับใช้เท้าเขี่ยให้เข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะตวัดขึ้นอย่างชำชองแล้วใช้มือขวาจับส่วนที่เป็นเส้นผมยาวสีขาวเอาไว้
         "อยากได้ก็มาเอาคืนไปเซ่"ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเด็กหนุ่มในชุดเกราะก่อนขาเรียวจะพาร่างของคนตัวเล็กวิ่งวนไปรอบๆห้อง
         "หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่"เสียงเล็กของอัลตะโกนขึ้น
         "ไม่เอาอ่ะ หยุดให้โง่ดิ"เอ็โวร์ดหันไปตอบแล้วกระโดดข้ามโซฟาไป
         "หยุดน๊า--"
         "ม่ายอาว--"

         แต่แล้วขาเรียวก็เกิดสะดุดรองเท้าของตัวเองที่ถอดวางระเกะระกะไว้จนหน้าทิ่ม
         "ว้ากกกกกกกก"โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างชุดเกราะก็โถมเข้าใส่เด็กหนุ่มผมทองอีกครา

         โป๊กกก!!

         ตุบ...

         "โธ่ พี่ จะเบรกก็ไม่บอกกันก่อน"
         เงียบ....
         ท่าทางพี่ของเขาคงจะสลบไปแล้ว สงสัยเมื่อกี้ตอนที่ล้ม หน้าผากของพี่คงไปโขกเข้ากับหัว(เกราะเหล็ก)ของเขาเป็นแน่ ถึงได้ทิ้งรอยแดงเถือกไว้บนหน้าผากแบบนี้
         อัลฟอนส์เอื้อมมือหวังจะหยิบส่วนหวของชุดเกราะเหล็ก  แต่สิ่งที่เขาคว้าได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า พลันทุสิ่งทุกอย่างก็มืดลง...

       

         เอ็ดเวิร์ดปรีอตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง สิ่งที่เขาเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือร่างชุดเกราะของน้องชายที่นอนนิ่งไม่ไหวติง ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้น้องชายของตัวเองต้องอยู่ในสภาพนี้ ก็มีเสียงเปิดประตูจากทางหน้าห้องพักขึ้นทำลายสมาธิ แลสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาแทบช็อก!!

         "พี่ฮะ..."

         "..."

         "พี่ฮะ..พี่!"

         "..."

         "พี่!!!!"สิ้นสุดความอดทน อัลฟอนส์ตะโกนใส่หน้าพี่ชายของตัวเองทันที
         "อัล...ท...ทำไมนายถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ได้"
         "... ผมกลับมาเป็นอย่างนี้แล้วมันไม่ดีหรอ...."
         "เอ่อ..."เอ็ดมองคนตรงหน้าพร้อมกับเดินพิจารณา"มันก็ดีนะอัล แต่ทำไมนายถึงกลายเป็นเด็กอายุ 7 ขวบไปได้ล่ะ"
         "ผมก็ไม่รู้อ่า ...ก็เมื่อกี้วิ่งไล่กับพี่ พอจะเอื้อมไปหยิบหัว ทุกอย่างมันก็มืดไปหมดเลย พอลืมตาขึ้นมาก็กลายเป็นแบบนี้ซะแล้ว..."เด็กน้อยนามอัลฟอนส์เกาหัวแกรกๆ ดูเหมือนว่าถึงแม้จะกลายเป็นเด็กแต่ความทรงจำของเขาดูจะอยู่ครบ
         "นั่นก็เป็นอีกเรื่อง...."

         ผู้เป็นน้องชายที่กลับร่างผิดอายุไม่ได้สนใจคำพูดของเอ็ดสักเท่าไรนักแกลับเดินไปยกชุดเกราะที่ว่างเปล่าขึ้นตั้งไว้ในท่ายืน นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องเขม็งอย่างไม่วางตา
         "อืม..ภายนอกของผมเป็นอย่างนี้หรอกหรอเนี่ย"ว่าแล้วก็พยักหน้าหงึกๆเหมือนพูดอยู่กับตัวเอง แล้วเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงหน้าตาเฉย
         "..."เอ็ดเวิร์ดนิ่งเงียบ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ

         การได้ร่างกายกลับคืนมาของอัลคราวนี้....

         ดูท่าทางจะเปลี่ยนเป็นคนละคนซะแล้วสิ...


         เอ็ดเวิร์ด เอลริคและอัลฟอนส์ผู้เป็นน้องและดูเหมือนจะเตี้ยกว่าเขาแค่ไหล่ กำลังเดินอย่างรวดเร็วเข้วสู่ตัวตึกกองบัญชาการกลาง
         เมื่อถึงจุดหมายเด็กหนุ่มจงใจเคาะประตูด้วยส้นรองเท้าก่อนมือเล็กจะกระชากลูกบิดประตูออกอย่างถือสิทธิ์แล้วกู่ร้องลั่นห้อง

         "ไอ้หัวลูกชิ้นนนนนนน!!!!!!!!!"

         แล้วเสียงซาวน์เอฟเฟ็คอันเกิดจากชายหนุ่มผมดำเพียงผู้เดียวก็ดังขึ้น
         โครม!!กึง!!แท่ด แท่ด แท่ด พรืดดดดดด!!ตุ้บ!
         (รอยสะดุดขอบโต๊ะ-รอยเซไปชนตู้หนังสือ-หนังสือหล่นใส่หัวรอย-รอยเหยียบไปบนหนังสือจนลื่นล้มพัวฟาดเก้าอี้-รอยสลบไป....อาเมน)

         หลังจากทำการปฐมพยาบาล(จับหัวโขกกำแพง) พันเอก รอย มัสแตงจนฟื้นคืนสติ(ด้วยอาการคล้ายคนสมองเสื่อม)แล้ว...เอ็ดเวิร์ดก็รัวคพูดออกไปทันที

         "ผู้พันต้องช้วยผมนะ...ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่คุณต้องช่วยพ้มมม!!!"ว่าไม่ว่าเปล่าแถมส่งสายตาออดอ้อนวิงวอนสุดฤทธิ์ไปให้ ก่อนจะดึงคอเสื้อผู้เป็นน้องชายลงมา
         "หา...?"ดูท่าว่าผู้พันหนุ่มจะได้เซลล์สมองกลับมาไม่ครบ ตอบแบบขอไปทีอย่างน่าหมั่นไส้
         "ก็เนี่ย อยู่ๆอัลก็เป็นแบบนี้"
         "แล้วเธอไม่ดีใจหรือไงที่น้องเธอได้ร่างกายกลับมา"
         "..."
         "หรือนายชอบให้อัลอยู่ในร่างชุดเกราะ? ...แต่ไม่น่าใช่ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนตัวเปี๊ยกกว่านายแล้ว"ผู้พันหัวลูกชิ้นพูดอย่างไม่ทันคิด(หรืออาจจะคิด) แต่ตอนนี้ผู้ที่ถูกสบประมาทกำลังหน้าแดง...

                                       ไม่ใช่เขินอาย.....แต่เลือดขึ้นหน้า!!!!


         "เจ้าหัวลูกชิ้น!!แก๊กล้าว่าฉันเป็นเมล็ดถั่วที่มีขนาดเล๊กกว่าไฮดรา 10x -19 เท่า จนกล้องจุลทรรศน์ส่องไม่เจอเรอะ!!!"เอ็ดเวิร์ดสาธยายความซึ่งตัวเองคิดเองเออเองจนคนตรงหน้าหูชา
         "พี่ฮะ...ตกลงว่าพี่ไม่อยากให้ผมกลับร่างนี้งั้นหรือฮะ..."ร่างเล็กถามเสียงเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบทำเอาผู้เป็นพี่คิดหนัก
         "อือ..ก็ไม่เชิง...ตอนนี้นายไม่ได้อายุ14นะ ดังนั้นฉัน..."ไม่ทันจบประโยคอัลฟอนส์ก็ชิงพูดต่อ 
         "จะทำให้ผมกลับเป็นร่างชุดเกราะอีกครั้ง"
         "แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับนาย"ผู้พันหัวปิงปองขัดขึ้น
         "ทำไมล่ะ?"คำถามจากน้องถั่วที่หน้าเหวอเหมือนน้องทราย แต่เอ็ดไม่รอฟังคำตอบ
         "สรุปคือ...ผู้พันไม่ช่วยผม....ถ้าอย่างนั้นผมจะให้พันตรีอาร์มสตรองช่วยก็ได้"
         ประโยคสุดท้ายไปกระตุ้นต่อมบ้าจี้ของรอยเข้า
         "555+ ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วยซักหน่อย 555+"
         "อ้าว?แล้ว...."
         "ความเห็นของฉัน คือ ให้เป็นการตัดสินใจของน้องชายนายดีกว่า"
         "..."
        
         เมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดนิ่งไปรอยจริงถามซำอีกที
         "ว่าไงล่ะเจ้าหนูเหล็กไหล หรือเธอคิดว่าไง"
         "..."
         "พี่ฮะ...หรือว่าพี่ต้องการให้ผมกลับไปอยู่ในร่างชุดเกราะอีกครั้ง"อัลถามขึ้นแต่เสียงที่พูดออกมานั้นแสนจะแผ่วเบา
         "ม...ไม่ใช่อย่างนั้นนะอัล"เอ็ดเวิร์ดเถียงขึ้นแทบจะทันที

         "โถ....เอ็ดฉันก็นึกว่าเธอจะเป็นใบ้เสียแล้วสิเนี่ย"ผู้พันมัสแตงคิดในใจ
        
         "ฉันก็อยากให้นายกลับร่างเดิมนะอัล...แต่ต้องอายุ14สิ"ร่างบางหลุบสายตาลงตำ ตรงกันข้ามกับสายตาของอัลฟอนส์ที่ฉายประกายระริกอยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาล

         "จริงหรือฮะพี่!!"เสียงใสตะโกนขึ้นอย่างดีใจ สองหัวหันขวับ ที่จู่ๆท่าทางของคนที่อายุน้อย(และตัวน้อย)ที่สุดในกลุ่มก็เปลี่ยนไปกระทันหัน
         แต่แล้วเอ็ดเวิร์ดกับรอยก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อสมองรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
         "!!!!!!!!"

         ฟึ่ด....ฟืดดดดดดดดด---------

         เสียงรูดซิป   ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจนแมลงที่เดินอยู่ในห้องข้างๆแทบจะไม่ได้ยิน(?)ร่างเนื้อของเด็กชายผมทองหลุดลอกออกมาดูช่างน่า Anatomy สิ้นดี

         เนื้อหนังที่ดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าชั้นนอกถูกถอดลงกองกับพื้นแล้วชายหนุ่มผมดำยาวประบ่าที่สวมแว่นตาทรงห้าเหลี่ยมกลับหัวก็โผล่ออกมาพร้อมด้วยแก้วกระต่ายในมือ
         จากนั้นมือหนาข้างนั้นก็บรรจงวางแก้วกระต่าบลงบนโต๊ะทำงานของพันเอกหนุ่ม
         ร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีขาว ปักกางเขนกุหลาบไว้ที่ตำแหน่งหัวใจ เงยหน้าขึ้นช้าๆและ.....

         ยกนิ้วกลางให้...

      "….."บอมบ์สงครามเย็นถูกทิ้งลงมาอีกครั้ง ร่างบางและคนอายุมากกว่าที่ยืนเคียงข้างยืนนิ่งราวกับถูกสาป ทว่า…คนในชุดขาวกลับตบมือให้

      "เก่งมากๆท่าทางการแสดงของชั้นจะได้ผลนะเนี่ย แหมๆ ชั้นนึกว่าชั้นแหลเก่งแล้วนะ เอ้า!ทั้งหมดเข้ามาได้แล้ว!!"พูดรัวและเร็วเป็นต่อยเห็ดก่อนจะกวักมือเรียกใครหลายๆคนเข้ามาในห้อง

      แล้วสองหนุ่มผู้ยังไม่รู้เรื่องอะไรก้เกิดเหตุการณ์after shockขึ้นมาอีกครั้งเมื่อร่างในชุดเกราะเหล็กกล้า พร้อมด้วยเด็กหนุ่มอีกสามคนในชุดบาทหลวงสีดำสนิทย่างเท้าเข้ามา

      "พี่ฮะ.."เสียงใสอันคุ้นหูทำให้ทั้งนักเล่นแร่แปรธาตุเหล็กไหลและอัคคีหลุดออกจากห้วงภวังค์

      "หัวหน้าแผนก ทำไมพวกฉันถึงต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยไม่ทราบ"บรรยากาศมาคุขึ้นในทันใดเมื่อเสียงทุ้มของเด็กหนุ่มหน้าสวยที่ไว้ผมหน้าม้าสีดำยาวถึงกลางหลังดังขึ้น

      "โฮ่ๆๆๆ คันดะคุง อย่าทำเป็นเครียดไปสิ เราแค่มาปฏิบัติงานที่โลกอเมทริสเท่านั้นเอง ว่าแต่ที่นี่ก็สนุกดีเหมือนกันเนอะ คนที่นี่เป็นกันเองดี"ว่าแล้วก็เดินไปตบไหล่ของชุดเกราะเหล็ก

      "แหม รู้งี้ชวนรินารี่มาด้วยดีกว่า"โคมุอิยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อไปโดยไม่สนใจถึงไอบรรยากาศมาคุที่เพิ่มขึ้นรอบๆตัวแม้แต่น้อย

      "เอาเป็นว่าเรามาแนะนำตัวกันก่อนจะดีกว่านะครับ เค้าจะได้ไม่นึกว่าเรามาจากดาวอื่นทั้งๆที่เป็นแค่มิติอื่นเท่านั้น"เอ็กหนุ่มผมขาวที่มีรอยแปลกๆอยู่บนหน้าพูดทำลายบรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกท่างกลางความดิดของคนอื่นๆที่ว่า

      ….เอ่อ…เผลอคิดไปแล้วฟ่ะ…

      "เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็ได้อเลนคุง ชั้นว่าเรามาอธิบายเรื่องน้องชายเจ้าเปี๊ยกนี่ก่อนดีกว่า""

      ปึด!!(เสียงเส้นเลือดขาดกระจุย)

      "ไอ้แว่นหนา!!นายว่าใครเป็นเม็ดถั่วกระจอกงอกง่อยกระจ้อยร่อยกระจิ๊ดริดกันหา!!"

      "พี่ฮะ เค้าไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยเขาไปเหอะพี่นี่ชอบทำโอเวอร์อยู่เรื่อย"อัลฟอนส์เข้ามาห้ามทัพ

      "อัล ไอ้หมอนี่ใครถึงทำให้นายไปอยู่ฝ่ายนั้นได้ นี่นายคิดจะทรยศพี่ชายแท้ๆของนายงั้นหรอ"

      ร่างเด็กหนุ่มในชุดเกราะประมวลผลเหตุการณ์เมื่อคืนช้าๆ แล้วจึงเปิดปากพูด

      "ก็…เมื่อคืนตอนที่ผมสะดุดล้ม คุณโคมุอิก็อาศัยจังหวะนั้นใช้ช่องว่างมิติที่สร้างขึ้นจาก..เอ่อ.."

      "อินโนเซนส์ครับ คุณอัลฟอนส์"เด็กหนุ่มผมขาวที่ท่าทางจะชื่ออเลนเอ่ยต่อให้

      "นั่นแหละครับ แล้วก็ดึงผมเข้าไป ก่อนจะสร้างร่างกายปลอมๆขึ้นจากความทรงจำของผม แล้วก็ส่งชุดเกราะกลวงๆมาแทนน่ะฮะ ถ้าพี่สังเกตดีๆมันจะไม่มีวงแหวนเวทย์โลหิตนา…"

      เสียงเล็กอธิบายให้คร่าวๆพอจับใจความได้ ทว่า เสียงทุ้มของผู้พันหนุ่มก็แทรกขึ้นมา

      "พวกนายทำแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไร"

      "ไม่มี"คำตอบขอลโคุมุอิที่ตอบกลับมาทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนั้น…ขวานผ่าซากสิ้นดี

      รอยนิ่งเงียบO[]O อันที่จริงคือช็อกนั่นแหละ

      "พวกเราไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละ ก็เห็นว่าชุดเกราะขยับได้มันแปลกดี ก็เลยจิ๊กมา"เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงที่มีผืนผ้าสีดำปิดนัยน์ตาข้างขวาไว้พูดขึ้นอย่างยียวน

      "ตอนแรกก็นึกว่าเป็น AKUMA จะมาทำร้ายเด็กหัวทองคนนั้น พวกผมก็เลยลากเค้าเข้ามาในช่องว่างมิติ"อเลนขยายความให้ ทว่า…เอ็ดเวิร์ดกลับเริ่มมองตาขวาง คิ้วเรียวกระตุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

      "ใครเป็นเด็กกัน"อดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่ โดนหยามแบบนี้ ยอมไม่ได้เว้ย

      "เอ๋…อ้าว ก็…นายไง"เด็กหนุ่มผมขาวไม่เข้าใจนัก"นายอายุเท่าไหร่กันล่ะ"

      "15!!"

      "ไม่จริ๊ง ทำไมตัวเตี้ยจัง ผมก็ 15 นะ ดูจะสูงกว่าคุณราวๆ20เซนฯได้มั้งเนี่ย"หันรีหันขวางโดยไม่ได้รู้สึกถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายเป็ยหย่อมๆตามระดับความกดอากาศ

      ปึ้ดดดๆๆๆๆๆ!!!!! (เลือดกระฉูดออกทุกรูขุมขน)

      "นายว่าใครเป็นเจ้าเปี๊ยกตัวเท่าเห็บกันฟร้าาา!!!"ขาเรียวในกางเกงสีดำสนิทฟาดเข้าไปเต็มรัก ทว่ากลับโดนวงแขนแกร่งของผู้บังคับบัญชาล็อคแขนทั้งสองข้างเอาไว้

      "……" นิ่ง สงบ สยบความเคลิ่อนไหว

      "อึ้บ!อึ้บ!"เอ็ดเวิร์ดพยายามยื่นขาออกไป ขาอีกข้างก็เขย่งจนสุดเท้า หวังจะสะกิดแม้ปลายเสื้อของคนตรงหน้า แต่ท่าทางขาจะสั้นจัด เพราะยิ่งยื่นออกไปเท่าไหร่ รอยก็จะดึงตัวเขาถอยไปข้างหลังเท่านั้น

      "เชอะ!ฝากไว่ก่อนเถอะ"

      "แล้วจะมาเอาคืนเมื่อไหร่ฮะ"

      "เมื่อฉันสูงเท่านาย!!"

      "งั้นเธอก็ไม่ต้องรอหรอกอเลนคุง"รอยพูดแฝงเป็นความนัยน์แต่โชคดีที่เอ็ดไม่ทันฟัง

      "เฮ้ย!นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย พวกฉันขอตัวก่อนดีกว่า..ไปกันเถอะ อเลนคุง คันดะจัง"โคมุอิรีบพูดเมื่อเห้นว่าเวลาได้ล่วงเลยเข้าถึงช่วงเย็นแล้ว(อะไรจะเร็วปานนั้นฟะ)

      "อืม…รีบๆไปเลย ชิ่วๆ"เอ็ดซึ่งหลุดจากพันธนาการของผู้พัน รีบขับไสไล่ส่งเหมือนเจอแมลงวันก็มิปาน

      "คิดว่าฉันอยากมานักเรอะ! ต้องมาเสียเวลากับพวกเด็กตัวจิ๋วกับมนุษย์ชุดเกราะแบบพวกเธอไปโดยเปล่าประโยชน์ หัวหน้า ถั่วงอก เรารีบกลับกันเถอะ!!"

      "ครับ เห็นรินารี่บอกว่าจะทำเค้กกับพายไว้ให้พวกเราด้วย"เจ้าของเรือนผมสีขาวและท่อนแขนสีแดงฉานอมยิ้ม แต่บุคคลตรงหน้าเขากำลังเดือดปุดๆ

      ปึ้ดๆๆๆ(เลือดพุ่ง)

      "อ๊ากกก ไอ้หน้าม้า!!หาว่าฉันเป็นถั่วต้มน้ำตาลตัวกะเปี๊ยกจนคนกินมองไม่เห็นเรอะ!!"แต่กว่าจะพูดจบ ทั้ง3คนซึ่งเมื่อครู่โผล่มาโดยไม่ได้รับเชิญ ก็หายตัวไปแล้ว

      เดี๋ยว…แล้วพี่รวีของหนูล่ะ

      ใช่แล้วรวี เอ๊ย!ราวี่ เอ๋ย…โดยไม่รู้ตัวไอ้ 3 คนนั่นมันก็เปิดแน่บไปหมดแล้ว นั่นเพราะเขากำลังนั่งดูถุงมือของผู้พันหัวลุกชิ้นนั่นอยู่

      เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงแทบอยากเอาหัวโขกกำแพงตาย หน๊อย…มาทิ้งกันได้ลงคอนะเจ้าพวกบ้า!!!

      แล้วตอนที่เขากำลังจะคลั่งอยู่นั้น คนแปลกหน้า3คนที่เขาได้เจอเมื่อครู่ก็หันมามองทางเขาเป็นตาเดียว

      "เฮ้ๆๆๆ…รู้สึกว่าเจ้าพวกนั้นจะทำสัมภาระตดค้างนะ เนอะ อัล ผู้พัน"เจ้าเตี้ยผมทองที่เดือดปุดๆทุกครั้งที่มีคนพูดถึงส่วนสูง หันมามองเขาช้าๆ นัยน์ตาสีทองคมกริบราวกับท่านเคาน์ทก็ไม่ปาน

      "…." จุด จุด จุด ราวี่นิ่งเงียบไม่กล้าเปิดปากพูด ดวงหน้าซีดเผือดจนจะเป็นไก่ต้มน้ำปลาได้อยู่แล้ว เขาจะรอดกลับศาสนจักรแห่งความมืดมั๊ยฟะ ท่าทางมาอยู่กับเจ้าเตี้ยตรงหน้า จะน่ากลัวยิ่งกว่าอยู่กลางฝูงAKUMAซะอีก

      กร็อบ กร็อบ…

      เสียงหักกระดูกดังขึ้นเป็นจังหวะทำให้ร่างของราวี่สะดุ้งเฮือกๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหลือบมองคนตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังหักนิ้วอย่างเมามัน อีกด้านหนึ่งชายหนุ่มร่างสูงก๊เอื้อมหยิบถุงมือผ้าไวไฟขึ้นมาสวมเอาไว้

      "แหะ…เค้าว่าเรามาเป็นมิตรกันดีกว่ามั๊ยตะเอง"ราวี่ส่งยิ้มเจื่อนๆพ้อมกับทำท่าคิกขุอาโนเนะอย่างน่ารัก

      "แบบว่าเค้าก็ไม่อยากสู้หรอกน้า~ไม่ช๊อบไม่ชอบ" ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่มือขวากลับเอื้อมแตะศาสตรากำราบAKUMAในขากางเกง

      "งั้นหรอ?แต่เค้าว่าพี่ชายต้องยอมให้ความร่วมมือกับพวกเราซะดีๆจะดีกว่า"ร่างบางแสยะยิ้มกลับไปให้

      เหมือนตกนรกทั้งเป็น โธ่~ราวี่ผู้โชคร้าย ต้องมาอยู่ท่ามกลางออร่าสีม่วงๆเป็นดงตั้ง 3 คน(เอ็ย!ไม่จ๊ายยยย!!อย่าทำแบบนั้นกับพี่รวีนะ!!!เอาใหม่ แก้ๆๆๆๆ)

      "….."

      เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงที่ถูกมัดแน่นติดเก้าอี้กวาดสายตาไปทั่วห้อง

      จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่สามารถหนีจากเงื้อมมือพญามารของเจ้าถั่วกับไอ้หัวซาลาเปานั่นได้ แม้จะมีวิญญาณผีแม่ม่าย(?)ในชุดเกราะมาขวางไว้ตั้งหลายครั้งก็เถอะ(เข้าใจผิดแล้วแก)

      เขาอุตส่าห์ต่อสู้จนชีวิตเกือบจะหาไม่(หิวข้าวจนเกือบเป็นลม)ทั้งปากกัด ตรีนถีบ หัวโขก กระโดดทับฯลฯ แต่ก็สู้แรงวัวแรงควายของเจ้าสองคนนั่นไม่ไหว

      "ง่า…ปล่อยเค้าไปได้มั๊ยอ่ะตะเอง"

      "อยู่เงียบๆน่าไอ้บอด!"เสียงเล็กๆของเอ็ดเวิร์ดดุงขัดขึ้น แล้วเจ้าตัวก็หันกลับไปคุยกับพันเอกหนุ่มและน้องชายต่อ

      "ผู้พัน..เราจะเอายังไงกับไอ้หัวไม้กวาดนี่ดี"

      ชายหนุ่มนั่งคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปากพูด"ก็คงต้องส่งกลับไปโลกของเจ้าตัวเค้านั่นแหละ"

      "คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละฮะพันเอก"อัลพูดขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวี่ตาเป็นประกายที่ยังพอมีคนเห็นใจเขาอยู่ ทว่าคำพูดที่ตามมาของชุดเกราะเหล็กกลับเฉือดเฉือนใบหน้าแสนบ๊างบางของราวี่

      "อยู่ที่นี่ก็เกะกะเปล่าๆ"

      เพล้ง….(เสียงอะไรสักอย่างแตกสลายในใจ)

      แล้วจะส่งกลับไปยังไงล่ะ ทางเราก็ไม่มีอินโนเซนส์ที่ว่านั่นด้วยเอ็ดเวิร์ดส่ายหัวไปมาทำให้เสาอากาศบนหัวนั้นส่ายไปตามการเคลื่อนไหว

      ปริบ...รอยกับอัลกระพริบตาถี่ หันมามองหน้ากัน ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่เอ็ด

      พวกนาย...มองอะไรไม่ทราบ

      เด็กหนุ่มในชุดเกราะเดินไปตบไหล่ผู้ถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้

      คุณราวี่ฮะ...ผมว่าพวกผมพอจะร้วิธีที่จะช่วยคุณแล้วล่ะฮะ...เนอะพี่ประโยคนั้นทำให้คนที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลยอย่างเอ็ดเวิร์ดหันมามองผู้เป็นน้องงงๆ

      หา?”

       

       

      วิ้ว......

      สายลมพัดผ่านกอลูกฝางทำให้มันกลิ้งไปตามพื้นถนนเมืองเซนทรัลซิตี้ที่ไร้ผู้คน  พัดพาให้เศษฝุ่นตลบขึ้นมา ดูราวกับหนังคาวบอยยุคเก่าก็ไม่ปาน

      เด็กหนุ่มผมทองในเสื้อโค้ดสีแดงสดยืนอยู่ระหว่างร่างชุดเกราะยักษ์และชายหนุ่มในชุดทหารกลางดาดฟ้าตึกกองบัญชาการกลาง บวกกับอีก 1 หน่อที่นั่งจ๋องอยู่บนพื้น

      นี่...เด็กหนุ่มที่ว่าพูดขึ้นช้าๆ พลางเหลือบมองบุคคลทั้งสองที่ยืนขนาบข้าง

      เอาจริงอ้ะ...?”

      จริงดิพี่ มันเป็นพลังพิเศษของพี่ไม่ใช่หรอน้องชายในชุดเกราะพูดด้วยน้ำเสียงเฟคๆ

      เอาก็เอาวะ เอ็ดเวิร์ดพูดให้กำลังใจตัวเอง ก้าวขามาข้างหน้า 2-3ก้าวแล้วตะโกนเสียงดัง

      ตื่นขึ้นมาสิ!!พลังเทเลพาธีที่หลับไหลอยู่ในตัวของช้านนน!!!”

      ราวี่มองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้งแกมสมเพช ถ้าเขาตาไม่ฝาด เขาว่าเขาเห็นกระแสไฟฟ้าแว้บๆที่บริเวณเสาอากาศของคนที่เต้นเป็นเจ้าเข้าตรงหน้า

      นี่น่ะหรือ พลังเอลริคพาธี ที่สืบทอดกันมาในตระกูลเอลริค!” ผู้พันไร้น้ำยาที่ท่าทางจะติดเชื้อมาจากยอดนักกล้ามแห่งกองทัพ มองคนใต้บังคับบัญชาด้วยความซาบซึ้ง

       

      เอ่อ...อัลฟอนส์ ...นายจะบอกว่าไอ้เสาอากาศนั่นมันจะ Syncro กับทิมของอเลนได้จริงๆอ่ะ เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงกุมขมับตัวเองอย่างอนาถใจ

      น่าจะได้นะฮะ เห็นสีทองๆเหมือนกัน...

       

       

      ทางด้านอเลน....

      หยุดทำไมล่ะอเลนคุง

      ผมว่าทิมมันแปลกๆน่ะฮะ จบคำทั้งสามหน่อก็หันกลับไปทางโกเลมสีทองที่บินละล่องอยู่ด้านหน้า

      ขณะกำลังลอยละลิ่วอยู่นั้นเอง จู่ๆปีกของทิมก็หยุดชะงักค้างกลางอากาศ โกเลมสีทองขนาดเท่าลูกปิงปองหมุนรอบตัวเอง 3 ครั้ง อ้าปากพะงาบๆไล่งับหัวอเลน ซึ่งเด็กหนุ่มผมขาวเองก็วิ่งหนีสุดชีวิต ก่อนที่เจ้าโกเลมตัวที่ว่าจะเอาหัวโหม่งพื้น

      ตุ้บ...

       

      ..... โคมุอิ คันดะ อเลน จ้องมองพฤติกรรมตรงหน้างงๆ

      แขนเล็กของทิมดันตัวเองขึ้นช้าๆ ก่อนจะดีดตัวเข้าไปในช่องว่างมิติที่ทั้งหมดเพิ่งจะออกมา

      ทิมเป็นอะไรไปน่ะ เจ้าถั่วงอก คันดะที่ตั้งสติได้เร็วที่สุดรีบวิ่งตามเจ้าลูกปิงปองใส่บอแรกซ์นั่นไป

      ไม่รู้อ่ะครับ...อ้ะ!!ราวี่  พวกเราลืมราวี่ไว้ที่โลกทางโน้นชัวร์เลย!!”

      เจ้าโง่ ถ้าไม่เห็นราวี่อยู่ก็แสดงว่าลืมไว้ที่โลกโน้นสิ คันดะบ่นในใจ  ...โถ คันดะคุง เดินมาได้ตั้งนานเพิ่งจะรู้สึกเอาตอนนี้

       

      แฮ่กๆๆ เสียงหอบดังมาจากคนผมทองบนดาดฟ้าตึกกองบัยชาการกลางซึ่งมาบัดนี้ มีเหงื่อไหลโทรมกาย

      ฉันเพิ่งจะรุ้ว่าแทรกแซงจิตใจของไอ้ทิมอะไรนั่นอยากชิบเลย... (ตกลงเมิงทำได้จริงใช่มั้ยเนี่ย –[]- )

      แล้วทำได้มั้ยล่ะครับ ราวี่ถามอย่างมีความหวัง

      ฉันว่าอาจจะไม่... รอยป็นคนตอบแทน

       

      เปรี้ยง!!!

       

      จบคำของผู้พันหนุ่มก็เกิดเสียงฟ้าผ่าพสุธากัมปนาทถล่มทลายหลายกระบุงดังขึ้นเบื้องหน้า

      ร่างของเอ็กโซซิสท์ 2 คน และหัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์ในชุดสีขาวกับโกเลมอีก 1 ตัวปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกควัน  สงสัยว่าการเปิดช่องว่างมิติเมื่อครู่จะทำให้คนทั้งกองบัญชาการสะดุ้งเฮือกๆไปหลายตลบ

      ราวี่หันไปมองนายทหารที่ยืนข้างๆยิ้มๆ  ไหนว่าไม่ได้ไงตัวเอง ต๊ายตาย พูดโกหกมันขัดกับพระเจ้านะคุณผู้พัน

      การปรากฏของคน 3 คน ที่นอกเหนือความคาดหมายของเขา บวกกับน้ำเสียงกวนประสาทของราวี่ ยิ่งทำให้คนอายุมากที่สุดเสียหน้าอย่างไม่เป็นท่า

       

      เพล้งๆๆๆๆ (เศษหน้าร่วงกราวๆ).....

       

      โหยผู้พัน  อายุปูนนี้แล้ว ยังจะมาทำเป็นหน้าแตกร่วงกราวๆอีก อยู่มานานผ่านโลกมามากมันควรจะหน้าหนาหน้าทนได้แล้ว  เอ้า เอากาวตราชางไปซะ คราวหลังจะได้ไม่ร่วงยังกับเศษกระกแบบนี้อีก แล้วก็อย่าลืมเก็ยเศษหน้าด้วยล่ะ เดี๋ยวจะไปตำเท้าชาวบ้านเค้า  เอ็เวิร์ดพูดอย่างไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ จะว่าไปคงจะถียงไม่ออกซะมากกว่า

      เอ่อ คุยอะไรกันอยู่หรอครับ หนุ่มน้อยอเลนที่ไม่ได้สังเกตสังกาอะไรเลยพูดขึ้นมา

      อ๋อ... เอ็ดเวิรืดลากเสียงยาวหวังจะเผาผู้พันต่อหน้าพยานอีก 2 จากโลกต่าง  แต่....

      ไม่มีอะไรหรอก พวกนายมาก็ดีแล้ว พาเจ้านี่กลับไปด้วย ชายหนุ่ม(หรือแก่) ชิงพูดเสียก่อนแล้วดึงด้านหลังของคอเสื้อของราวี่ขึ้นมา เป็นผลให้เจ้าตัวนั้นห้อยต่องแต่งเป็นตุ๊กตาไล่ฝน ก่อนจะปล่อยลงมาส่งผลให้ราวี่ผู้โชคร้ายหล่นลงมากองกับพื้น

       

      โอ๊ยย!!ทำเบื้อกเดื้อกอะไรของแกฟะเนี่ย ไอ้ผู้พันงี่เง่า ราวี่แยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มผมดำ ยกมือขึ้นลูบก้นตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บ

      อะไรกันเจ้าหัวไม้กวาด เมื้อกี้ยังเรียกตัวเอง ตัวเอง อยู่เลย ที่อย่างนี้ล่ะทำมาด่า เอ็ดเวิร์ดนึกแค้น

      ช่วยไม่ได้นายมันอยากโง่ไม่ตามพรรคพวกของนายไปเองเจ้าหัวไม้กวาด รอยด่ากลับแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย

       

      คำก็ไม้กวาด  สองคำก็ไม้กวาด ทนไม่ไหวแล้วนะเว้ยยยย!!อินโนเซนส์สำแดงฤทธิ์!!!” โวยจบก็เอื้อมหยิบศาสตรากำราบ AKUMAขึ้นมา แสงสว่างเจิดจ้าแยงนัยน์ตาสีทองจนต้องยกมือขึ้นบัง

      พลันค้อนขนาดใหญ่สีดำสนิทก็ถูกพาดอยู่บนไหล่ของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดง

      ลองของเรอะ! เจอกันหน่อยเป็นไง เอ็ดเวิร์ดแสยะยิ้ม ประกบมือเข้าหากันก่อนจะแปรธาตุแขนกลออโต้เมล์เป็นดาบสั้น ขาเรียวดีดตัวเองออกจากจุดที่ยืนอยู่

      ทว่า...ก่อนที่ทั้งสองจะปะทะกัน ร่างในชุดเกราะของอัลก็โผล่มาขวางไว้ พร้อมเหวี่ยงหมัดซัดผู้เป็นพี่ และผู้ที่ถูกเพื่อนลืมกระเด็นไปคนละทาง

       

       

      เวรกรรม...ฟิคยำติงต๊องกำลังจะกลายเป็นฟิคต่อสู้บ้าระห่ำไปซะแล้ว...

       

      โอ๊ย!!อัลทำอะไรของนายน่ะ ทันทีที่ก้นกระแทกพื้น เอ็ดเวิร์ดก็โวยประท้วงขึ้นมา

      พอซะทีเถอะน่าพี่!!”

      แล้วสองพี่น้องเหล็กไหลก็เปิดฉากสงครามขนาดย่อมขึ้น

       

      ทางด้านราวี่ที่อยู่นอกเหนือความสนใจ อาศัยจังหวะที่ถูกอังซัดใช้ขายันพื้นไว้

      เปิดวิถีอินโนเซนส์ลำดับที่สอง!!” ตะโกนขึ้นมาดังๆ วงล้อมนับสิบปรากฏขึ้นรอบกาย ราวี่ฟาดศาสตราลงประทับที่อักษร ไฟ เต้มแรง ก่อนที่เสียงทุ้มจะตะดกนก้อง

      เถ้าธุลีอัคคีวินาศ!!!”

       

      ฉับพลันวงแหวนเปลวไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นล้อมรอบพี่น้องเอลริคทั้งสอง

      ว้ากกกกๆๆๆ เสียงเล็กๆสองเสียงร้องดังลั่น จากที่ทะเลาะกันเมื่อกี้กลับกลายดป็นว่ากอดคดกันจนกลม

      อ้าว  งี้ก็สวยสิ รอย  มัสแตง คว้าถุงมือผ้าไวไฟขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวเสียดสีกันยามดีดนิ้วก่อให่เกิดประกายไฟ

       

      เป๊าะ!

       

      ก่อนที่เปลวเพลิงจะได้เผาไหม้ร่างของเด็กหนุ่มที่มีผืนผ้าสีดำปิดนัยน์ตาข้างหนึ่งไว้ อเลนก็โผล่เข้ามาขวางหน้า บังคับให้อินโนเซนส์ที่แขนซ้ายสำแดงฤทิ์อย่างรวดเร็ว

      สุสานกางเขน!!!!

       

      ......เด็กหนุ่มผมม้ายืนกอดอกพิงขอบรั้วอย่างเซ็งๆ

      คันดะคุงจะไม่ไปร่วมวงกับเจ้าพวกนั้นหรือ โคมุอิถามขึ้น พลางมองสงครามที่ดูท่าจะขยายวงกว้างขึ้นตรงหน้า

      ไร้สาระ  ปล่อยให้เจ้าพวกนั้นสู้กันไปเหอะ พูดจบก็โน้มตัวลงนั่งขัดสมาธิ แล้ว....

       

      หลับ...

       

      .....ถึงคราวโคมุอิเป็นฝ่ายเงียบบ้าง แต่แล้วเจ้าตัวกลับหยับต้นอ่อนของดอกไม้กินคนที่ตนแอบไปจิ๊กมาจากคฤหาสน์ของอเลสต้า โครวี่ เมื่อนานมาแล้ว

      ราวี่คุงอเลนคุงนี่อะไรเอ่ย---.... ว่าพลางยกกระถางต้นไม้ขึ้นเหนือหัว เจ้าของชื่อทั้งสองที่กำลังเคร่งเครียดกับการต่อสู้ละสายตามามอง

       

      นัยน์ตาสองคู่สามข้างเบิกกว้างเมื่อสบเข้ากับฟันขาวๆของดอกไม้ที่พวกเขาพากันตั้งชื่อให้ว่า...เจ้าดอกเวรตะไล....

      ถ้ายังไม่เลิกสู้ ฉันจะให้เจ้าหนูนี่งับหัวพวกเธอละกันนะ เอ้อยังมีโคมุรินอีกหนึ่งนี่นา…” จบคำอเลนที่รู้ซึ้งถึงพวกมันทั้งสองดีก็รีบวิ่งตรงมากอดขาโคมุอิ พลางร้องอ้อนวอน

      อย่าเชียวนะครับ ขอแค่สองอย่างนี่ ผมไม่เอาเด็ดขาด~”

      งั้นก็กลับกันได้แล้ว คันดะที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่พูดพลางดึงตัวอเลนขึ้น ก่อนจะเดินไปทึ้งหัวราวี่มา

      ไปก่อนนะ...ไอ้เตี้ย!!” จบคำก็กระโดดผลุงหายลงไปในช่องว่างมิติทันทีอย่างไม่เปิดโอกาสให้คนถูกสบประมาทได้เอ่ยปากพูด

       

      ผึง! (เส้นประสาทขาดกระจุย)

       

      ไอ้หน้าม้า !!!!สองหนแล้วนะแก เจอครั้งหน้าเมื่อไหร่จะอัดให้หน้าเหมือนม้าจริงๆเลย!!!”

      คนตัวเล็กโวยวายเสียงดังลั่น แต่คนแปลกหน้าทั้ง4 ก้หายไปเสียแล้ว

      เอาน่าพี่....น้องชายสุดเลิฟยังคงสุภาพตามเคย

      สมน้ำหน้า ถูกว่าเสียบ้างก็ดี ...อุ๊บ รอยหลุดปากออกมาแล้วรีบยกมือตระครุบปากของตัวเองโดยเร็ว

      แกว่าอะไรนะ เจ้าหัวลูกชิ้นนนนน!!!!!” เอ็ดเวิร์ดกระโดดเตะฟรีคิกส์ใส่แต่ผู้พันหนุ่มก็สามารถหลบได้อย่างช่ำชอง

      เดี๋ยวเด้ เฮ้ เจ้าหนูเหล็กไหลนี่มันกี่โมงแล้ว รอยถามคนตัวเล็กที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ

      ไม่รู้....  ...สั้นๆ  ...ง่ายๆ ...ได้ใจความ

      งั้นฉันขอตัวไปทำงานต่อละกัน... พูดจบก็เดินหันหลังกลับไปพลางยกมือขึ้นโบกให้เป็นสัญญาณ

      รีบๆกลับไปนอนซะ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นถั่วลายแพนด้าหรอก

       

      .....อึ้ง เงียบ พูดอะไรไม่ออก ผู้พันหนุ่มเดินหายไปแล้ว บนดาดาฟ้าจึงเหลือเพียง 2 ศรีพี่น้องเอลริคเท่านั้น

      หงึ..... หึๆๆๆ ฮ่าๆๆกร๊ากกกก จู่ๆเอ็ดก็ระเบิดหัวเราะออกมาจนอัลสะดุ้งสุดตัว ฉันเป็นแค่ถั่ว!ฉันเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยก!! ฮ่าๆๆๆๆ!!....เฮ้อ..

      พี่ฮะ พี่ก็ดูเหนื่อยๆนะ นอนพักผ่อนซะบ้างเถอะฮะพี่ เสียงเล็กของอัลเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง

      .... ผู้เป็นพี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูด อัล...หันหลังไป

      เอ๋...อ..อืม เด็กหนุ่มในชุดเกราะจำใจต้องหันหลังกลับตามคำสั่งของคนตัวเล็กแต่อายุมากกว่า นัยน์ตาสีทองหรี่ลงอย่างมรเลศนัย ร่างบางกระโดขึ้นเกาะหลังชุดเราะเหล็กพลางโอบแขนรอบคอผู้เป็นน้องไว้หลวมๆ

      พี่ฮะ...

      เถอะน่า..ชั้นจะนอนของชั้นอย่างนี้แหละ นายจะกลับห้องหรือจะไปหาไอ้ผู้พันบ้านั่นก็ได้ แต่อย่ามาปลุกชั้นล่ะ ราตรีสวัสดิ์  พูดจบก็ฟุบใบหน้าลงกับไหล่เย็นๆตรงหน้า ลมหายใจทอดลึกเป็นจังหวะบ่งบอกได้ว่าคนตัวเล็กนั้นหลับสนิทเรียบร้อยแล้ว

      อัลขยับแขนพยุงพี่ชายไว้บนหลังเบาๆ ถึงเขาจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของคนที่อยู่บนหลัง และไม่อาจเหลียวกลับไปมองใบหน้ายามหลับของอีกฝ่ายได้...แต่เขาก็มั่นใจว่า ...พี่ชายของเขาคงกำลังยิ้มอยู่แน่นอน

       

      อืม...ไอ้หน้าม้า...ฉันจะ...ตั๊นหน้าแก..ให้ด้าย....คร่อกแจ้บๆ

      ...โธ่..พี่เนี่ยล่ะก็...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×