[FMA vs DG]ยำๆ>>วิญญาณผู้พิทักษ์หม้อหุงข้าว!!?
ผลงานร่วมของ RIO-catchan-KoroSu พล็อตส่วนใหญ่เชื่อหรือไม่ว่าคิดออกในชั่วโมงวิทย์(เย้!!)เป็นการแต่งที่บรรเจิดมากก (เริ่มแต่ง18/07-25/07)
ผู้เข้าชมรวม
413
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"หิวข้าวชะมัด"เอ็ดเวิร์ดบิดขี้เกียจหลังจากที่เขียนรายงานเพื่อส่งพันเอก รอย มัสแตง ทั้งคืนจนเสร็จ เท้าคางลงกับโอย่างเซ็งๆ นัยน์ตาสีทองคู่สวยปรือหลับช้าๆเมื่อความง่วงงุนถาโถมเข้ามา
"ตี2แล้วหรือเนี่ย..."ว่าพลางหันไปมองนาฬิกาเรือนสีนำตาลเข้มที่ตั้งอยู่บนโม้ตัวใหญ่ ตอนนี้อัลไม่ได้อยู่ในห้อง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้น้องสุดเลิฟของตนนั้นหายไปไหน แต่ดึกป่านนี้ก็น่าจะกลับห้องได้แล้วนี่นา
"หายไปไหนของเค้าน้า.."ร่างบางเปรยกับตัวเองก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องหวังจะออกตามหาผู้เป็นน้องชาย ยังไม่ทันที่นิ้วเรียวจะได้สัมผัสกับลูกบิดประตู ประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดผัวะออกมาพร้อมด้วยร่างในชุดเกราะของอัลฟอนส์ เอลริค ที่กระโจนเข้าใส่จนคนตัวเล็กกลิ้งขลุกๆไปบนพื้นเพราะแรงกระแทก
"พี่ครับ!!" ขลุกๆๆๆๆๆๆสองศรีพี่น้องล้มกลิ้งอย่างไม่เป็นท่าจนไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง...
หลังจากที่ตั้งสติไดสักพัก อัลก็ลุกขึ้นพร้อมกล่าวคำขอโทษ
"ขอโทษฮะพี่ พอดีว่าผมองไม่เห็นพี่น่ะฮะ(แบบว่าตัวเล็กจัด)"ประโยคสุดท้ายจำเป็นต้องลดเสียงลงเบาราวเสียงกระซิบ แต่ไม่วายหูผีของผู้เป็นพี่ก็ดันได้ยินเข้าพอดี
ปึด (เสียงเส้นเลือดขาดผึง!)
"ว้ากกกกก!!!นายว่าใครเป็นถั่วที่เม็ดเฃ็กจัดจนยัดยัดเข้าไปในช่องเสียบของเทอร์มินอลสองทางได้เลยน่ะหา!!!"โวยวายไม่ได้ศัพท์จับความเท่าที่ทำได้ แต่เด็กหนุ่มในชุดเกราะก็ยังฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี
"เอ่อ...อะไรนะฮะ..."อัลเอ๋ยชะตาขาดคราวนี่แน่เอ็ง...อัลคิดในใจหลังจากพูดประโยคเมื่อกี้จบ เมื่อเห็นเส้นเลือดที่เริ่มปูดนูนขึ้นมาตามหน้าผากของพี่ชาย
"เว้ย!!!!ไม่ร้งไม่รู้มันแล้วเว้ย!!!"ร่างบางตะโกนลั่นก่อนจะตวัดมือตบหัวคนตัวสูงกว่าจนทำส่วนศีรษะของชุดเกราะนั่นหลุดผลุงลงมา
ผลุบ!
"พี่--หัวผมอ่ะ เอาหัวผมคืนมาน้า"เสียงเล็กในชุดเกราะที่ว่างเปล่าโวยวายเสียงดังพยายามเอื้อมมือใหญ่ไปคว้าหัวคืนมา แต่แล้วอีกฝ่ายกลับใช้เท้าเขี่ยให้เข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะตวัดขึ้นอย่างชำชองแล้วใช้มือขวาจับส่วนที่เป็นเส้นผมยาวสีขาวเอาไว้
"อยากได้ก็มาเอาคืนไปเซ่"ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเด็กหนุ่มในชุดเกราะก่อนขาเรียวจะพาร่างของคนตัวเล็กวิ่งวนไปรอบๆห้อง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่"เสียงเล็กของอัลตะโกนขึ้น
"ไม่เอาอ่ะ หยุดให้โง่ดิ"เอ็โวร์ดหันไปตอบแล้วกระโดดข้ามโซฟาไป
"หยุดน๊า--"
"ม่ายอาว--"
แต่แล้วขาเรียวก็เกิดสะดุดรองเท้าของตัวเองที่ถอดวางระเกะระกะไว้จนหน้าทิ่ม
"ว้ากกกกกกกก"โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างชุดเกราะก็โถมเข้าใส่เด็กหนุ่มผมทองอีกครา
โป๊กกก!!
ตุบ...
"โธ่ พี่ จะเบรกก็ไม่บอกกันก่อน"
เงียบ....
ท่าทางพี่ของเขาคงจะสลบไปแล้ว สงสัยเมื่อกี้ตอนที่ล้ม หน้าผากของพี่คงไปโขกเข้ากับหัว(เกราะเหล็ก)ของเขาเป็นแน่ ถึงได้ทิ้งรอยแดงเถือกไว้บนหน้าผากแบบนี้
อัลฟอนส์เอื้อมมือหวังจะหยิบส่วนหวของชุดเกราะเหล็ก แต่สิ่งที่เขาคว้าได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า พลันทุสิ่งทุกอย่างก็มืดลง...
เอ็ดเวิร์ดปรีอตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง สิ่งที่เขาเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือร่างชุดเกราะของน้องชายที่นอนนิ่งไม่ไหวติง ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้น้องชายของตัวเองต้องอยู่ในสภาพนี้ ก็มีเสียงเปิดประตูจากทางหน้าห้องพักขึ้นทำลายสมาธิ แลสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาแทบช็อก!!
"พี่ฮะ..."
"..."
"พี่ฮะ..พี่!"
"..."
"พี่!!!!"สิ้นสุดความอดทน อัลฟอนส์ตะโกนใส่หน้าพี่ชายของตัวเองทันที
"อัล...ท...ทำไมนายถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ได้"
"... ผมกลับมาเป็นอย่างนี้แล้วมันไม่ดีหรอ...."
"เอ่อ..."เอ็ดมองคนตรงหน้าพร้อมกับเดินพิจารณา"มันก็ดีนะอัล แต่ทำไมนายถึงกลายเป็นเด็กอายุ 7 ขวบไปได้ล่ะ"
"ผมก็ไม่รู้อ่า ...ก็เมื่อกี้วิ่งไล่กับพี่ พอจะเอื้อมไปหยิบหัว ทุกอย่างมันก็มืดไปหมดเลย พอลืมตาขึ้นมาก็กลายเป็นแบบนี้ซะแล้ว..."เด็กน้อยนามอัลฟอนส์เกาหัวแกรกๆ ดูเหมือนว่าถึงแม้จะกลายเป็นเด็กแต่ความทรงจำของเขาดูจะอยู่ครบ
"นั่นก็เป็นอีกเรื่อง...."
ผู้เป็นน้องชายที่กลับร่างผิดอายุไม่ได้สนใจคำพูดของเอ็ดสักเท่าไรนักแกลับเดินไปยกชุดเกราะที่ว่างเปล่าขึ้นตั้งไว้ในท่ายืน นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องเขม็งอย่างไม่วางตา
"อืม..ภายนอกของผมเป็นอย่างนี้หรอกหรอเนี่ย"ว่าแล้วก็พยักหน้าหงึกๆเหมือนพูดอยู่กับตัวเอง แล้วเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงหน้าตาเฉย
"..."เอ็ดเวิร์ดนิ่งเงียบ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ
การได้ร่างกายกลับคืนมาของอัลคราวนี้....
ดูท่าทางจะเปลี่ยนเป็นคนละคนซะแล้วสิ...
เอ็ดเวิร์ด เอลริคและอัลฟอนส์ผู้เป็นน้องและดูเหมือนจะเตี้ยกว่าเขาแค่ไหล่ กำลังเดินอย่างรวดเร็วเข้วสู่ตัวตึกกองบัญชาการกลาง
เมื่อถึงจุดหมายเด็กหนุ่มจงใจเคาะประตูด้วยส้นรองเท้าก่อนมือเล็กจะกระชากลูกบิดประตูออกอย่างถือสิทธิ์แล้วกู่ร้องลั่นห้อง
"ไอ้หัวลูกชิ้นนนนนนน!!!!!!!!!"
แล้วเสียงซาวน์เอฟเฟ็คอันเกิดจากชายหนุ่มผมดำเพียงผู้เดียวก็ดังขึ้น
โครม!!กึง!!แท่ด แท่ด แท่ด พรืดดดดดด!!ตุ้บ!
(รอยสะดุดขอบโต๊ะ-รอยเซไปชนตู้หนังสือ-หนังสือหล่นใส่หัวรอย-รอยเหยียบไปบนหนังสือจนลื่นล้มพัวฟาดเก้าอี้-รอยสลบไป....อาเมน)
หลังจากทำการปฐมพยาบาล(จับหัวโขกกำแพง) พันเอก รอย มัสแตงจนฟื้นคืนสติ(ด้วยอาการคล้ายคนสมองเสื่อม)แล้ว...เอ็ดเวิร์ดก็รัวคพูดออกไปทันที
"ผู้พันต้องช้วยผมนะ...ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่คุณต้องช่วยพ้มมม!!!"ว่าไม่ว่าเปล่าแถมส่งสายตาออดอ้อนวิงวอนสุดฤทธิ์ไปให้ ก่อนจะดึงคอเสื้อผู้เป็นน้องชายลงมา
"หา...?"ดูท่าว่าผู้พันหนุ่มจะได้เซลล์สมองกลับมาไม่ครบ ตอบแบบขอไปทีอย่างน่าหมั่นไส้
"ก็เนี่ย อยู่ๆอัลก็เป็นแบบนี้"
"แล้วเธอไม่ดีใจหรือไงที่น้องเธอได้ร่างกายกลับมา"
"..."
"หรือนายชอบให้อัลอยู่ในร่างชุดเกราะ? ...แต่ไม่น่าใช่ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนตัวเปี๊ยกกว่านายแล้ว"ผู้พันหัวลูกชิ้นพูดอย่างไม่ทันคิด(หรืออาจจะคิด) แต่ตอนนี้ผู้ที่ถูกสบประมาทกำลังหน้าแดง...
ไม่ใช่เขินอาย.....แต่เลือดขึ้นหน้า!!!!
"เจ้าหัวลูกชิ้น!!แก๊กล้าว่าฉันเป็นเมล็ดถั่วที่มีขนาดเล๊กกว่าไฮดรา 10x -19 เท่า จนกล้องจุลทรรศน์ส่องไม่เจอเรอะ!!!"เอ็ดเวิร์ดสาธยายความซึ่งตัวเองคิดเองเออเองจนคนตรงหน้าหูชา
"พี่ฮะ...ตกลงว่าพี่ไม่อยากให้ผมกลับร่างนี้งั้นหรือฮะ..."ร่างเล็กถามเสียงเบาจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบทำเอาผู้เป็นพี่คิดหนัก
"อือ..ก็ไม่เชิง...ตอนนี้นายไม่ได้อายุ14นะ ดังนั้นฉัน..."ไม่ทันจบประโยคอัลฟอนส์ก็ชิงพูดต่อ
"จะทำให้ผมกลับเป็นร่างชุดเกราะอีกครั้ง"
"แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับนาย"ผู้พันหัวปิงปองขัดขึ้น
"ทำไมล่ะ?"คำถามจากน้องถั่วที่หน้าเหวอเหมือนน้องทราย แต่เอ็ดไม่รอฟังคำตอบ
"สรุปคือ...ผู้พันไม่ช่วยผม....ถ้าอย่างนั้นผมจะให้พันตรีอาร์มสตรองช่วยก็ได้"
ประโยคสุดท้ายไปกระตุ้นต่อมบ้าจี้ของรอยเข้า
"555+ ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วยซักหน่อย 555+"
"อ้าว?แล้ว...."
"ความเห็นของฉัน คือ ให้เป็นการตัดสินใจของน้องชายนายดีกว่า"
"..."
เมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดนิ่งไปรอยจริงถามซำอีกที
"ว่าไงล่ะเจ้าหนูเหล็กไหล หรือเธอคิดว่าไง"
"..."
"พี่ฮะ...หรือว่าพี่ต้องการให้ผมกลับไปอยู่ในร่างชุดเกราะอีกครั้ง"อัลถามขึ้นแต่เสียงที่พูดออกมานั้นแสนจะแผ่วเบา
"ม...ไม่ใช่อย่างนั้นนะอัล"เอ็ดเวิร์ดเถียงขึ้นแทบจะทันที
"โถ....เอ็ดฉันก็นึกว่าเธอจะเป็นใบ้เสียแล้วสิเนี่ย"ผู้พันมัสแตงคิดในใจ
"ฉันก็อยากให้นายกลับร่างเดิมนะอัล...แต่ต้องอายุ14สิ"ร่างบางหลุบสายตาลงตำ ตรงกันข้ามกับสายตาของอัลฟอนส์ที่ฉายประกายระริกอยู่ในนัยน์ตาสีน้ำตาล
"จริงหรือฮะพี่!!"เสียงใสตะโกนขึ้นอย่างดีใจ สองหัวหันขวับ ที่จู่ๆท่าทางของคนที่อายุน้อย(และตัวน้อย)ที่สุดในกลุ่มก็เปลี่ยนไปกระทันหัน
แต่แล้วเอ็ดเวิร์ดกับรอยก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อสมองรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
"!!!!!!!!"
ฟึ่ด....ฟืดดดดดดดดด---------
เสียงรูดซิป ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจนแมลงที่เดินอยู่ในห้องข้างๆแทบจะไม่ได้ยิน(?)ร่างเนื้อของเด็กชายผมทองหลุดลอกออกมาดูช่างน่า Anatomy สิ้นดี
เนื้อหนังที่ดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าชั้นนอกถูกถอดลงกองกับพื้นแล้วชายหนุ่มผมดำยาวประบ่าที่สวมแว่นตาทรงห้าเหลี่ยมกลับหัวก็โผล่ออกมาพร้อมด้วยแก้วกระต่ายในมือ
จากนั้นมือหนาข้างนั้นก็บรรจงวางแก้วกระต่าบลงบนโต๊ะทำงานของพันเอกหนุ่ม
ร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีขาว ปักกางเขนกุหลาบไว้ที่ตำแหน่งหัวใจ เงยหน้าขึ้นช้าๆและ.....
ยกนิ้วกลางให้...
" .."บอมบ์สงครามเย็นถูกทิ้งลงมาอีกครั้ง ร่างบางและคนอายุมากกว่าที่ยืนเคียงข้างยืนนิ่งราวกับถูกสาป ทว่า คนในชุดขาวกลับตบมือให้
"เก่งมากๆท่าทางการแสดงของชั้นจะได้ผลนะเนี่ย แหมๆ ชั้นนึกว่าชั้นแหลเก่งแล้วนะ เอ้า!ทั้งหมดเข้ามาได้แล้ว!!"พูดรัวและเร็วเป็นต่อยเห็ดก่อนจะกวักมือเรียกใครหลายๆคนเข้ามาในห้อง
แล้วสองหนุ่มผู้ยังไม่รู้เรื่องอะไรก้เกิดเหตุการณ์after shockขึ้นมาอีกครั้งเมื่อร่างในชุดเกราะเหล็กกล้า พร้อมด้วยเด็กหนุ่มอีกสามคนในชุดบาทหลวงสีดำสนิทย่างเท้าเข้ามา
"พี่ฮะ.."เสียงใสอันคุ้นหูทำให้ทั้งนักเล่นแร่แปรธาตุเหล็กไหลและอัคคีหลุดออกจากห้วงภวังค์
"หัวหน้าแผนก ทำไมพวกฉันถึงต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยไม่ทราบ"บรรยากาศมาคุขึ้นในทันใดเมื่อเสียงทุ้มของเด็กหนุ่มหน้าสวยที่ไว้ผมหน้าม้าสีดำยาวถึงกลางหลังดังขึ้น
"โฮ่ๆๆๆ คันดะคุง อย่าทำเป็นเครียดไปสิ เราแค่มาปฏิบัติงานที่โลกอเมทริสเท่านั้นเอง ว่าแต่ที่นี่ก็สนุกดีเหมือนกันเนอะ คนที่นี่เป็นกันเองดี"ว่าแล้วก็เดินไปตบไหล่ของชุดเกราะเหล็ก
"แหม รู้งี้ชวนรินารี่มาด้วยดีกว่า"โคมุอิยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อไปโดยไม่สนใจถึงไอบรรยากาศมาคุที่เพิ่มขึ้นรอบๆตัวแม้แต่น้อย
"เอาเป็นว่าเรามาแนะนำตัวกันก่อนจะดีกว่านะครับ เค้าจะได้ไม่นึกว่าเรามาจากดาวอื่นทั้งๆที่เป็นแค่มิติอื่นเท่านั้น"เอ็กหนุ่มผมขาวที่มีรอยแปลกๆอยู่บนหน้าพูดทำลายบรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกท่างกลางความดิดของคนอื่นๆที่ว่า
.เอ่อ เผลอคิดไปแล้วฟ่ะ
"เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนก็ได้อเลนคุง ชั้นว่าเรามาอธิบายเรื่องน้องชายเจ้าเปี๊ยกนี่ก่อนดีกว่า""
ปึด!!(เสียงเส้นเลือดขาดกระจุย)
"ไอ้แว่นหนา!!นายว่าใครเป็นเม็ดถั่วกระจอกงอกง่อยกระจ้อยร่อยกระจิ๊ดริดกันหา!!"
"พี่ฮะ เค้าไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยเขาไปเหอะพี่นี่ชอบทำโอเวอร์อยู่เรื่อย"อัลฟอนส์เข้ามาห้ามทัพ
"อัล ไอ้หมอนี่ใครถึงทำให้นายไปอยู่ฝ่ายนั้นได้ นี่นายคิดจะทรยศพี่ชายแท้ๆของนายงั้นหรอ"
ร่างเด็กหนุ่มในชุดเกราะประมวลผลเหตุการณ์เมื่อคืนช้าๆ แล้วจึงเปิดปากพูด
"ก็ เมื่อคืนตอนที่ผมสะดุดล้ม คุณโคมุอิก็อาศัยจังหวะนั้นใช้ช่องว่างมิติที่สร้างขึ้นจาก..เอ่อ.."
"อินโนเซนส์ครับ คุณอัลฟอนส์"เด็กหนุ่มผมขาวที่ท่าทางจะชื่ออเลนเอ่ยต่อให้
"นั่นแหละครับ แล้วก็ดึงผมเข้าไป ก่อนจะสร้างร่างกายปลอมๆขึ้นจากความทรงจำของผม แล้วก็ส่งชุดเกราะกลวงๆมาแทนน่ะฮะ ถ้าพี่สังเกตดีๆมันจะไม่มีวงแหวนเวทย์โลหิตนา "
เสียงเล็กอธิบายให้คร่าวๆพอจับใจความได้ ทว่า เสียงทุ้มของผู้พันหนุ่มก็แทรกขึ้นมา
"พวกนายทำแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไร"
"ไม่มี"คำตอบขอลโคุมุอิที่ตอบกลับมาทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนั้น ขวานผ่าซากสิ้นดี
รอยนิ่งเงียบO[]O อันที่จริงคือช็อกนั่นแหละ
"พวกเราไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละ ก็เห็นว่าชุดเกราะขยับได้มันแปลกดี ก็เลยจิ๊กมา"เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงที่มีผืนผ้าสีดำปิดนัยน์ตาข้างขวาไว้พูดขึ้นอย่างยียวน
"ตอนแรกก็นึกว่าเป็น AKUMA จะมาทำร้ายเด็กหัวทองคนนั้น พวกผมก็เลยลากเค้าเข้ามาในช่องว่างมิติ"อเลนขยายความให้ ทว่า เอ็ดเวิร์ดกลับเริ่มมองตาขวาง คิ้วเรียวกระตุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
"ใครเป็นเด็กกัน"อดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่ โดนหยามแบบนี้ ยอมไม่ได้เว้ย
"เอ๋ อ้าว ก็ นายไง"เด็กหนุ่มผมขาวไม่เข้าใจนัก"นายอายุเท่าไหร่กันล่ะ"
"15!!"
"ไม่จริ๊ง ทำไมตัวเตี้ยจัง ผมก็ 15 นะ ดูจะสูงกว่าคุณราวๆ20เซนฯได้มั้งเนี่ย"หันรีหันขวางโดยไม่ได้รู้สึกถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายเป็ยหย่อมๆตามระดับความกดอากาศ
ปึ้ดดดๆๆๆๆๆ!!!!! (เลือดกระฉูดออกทุกรูขุมขน)
"นายว่าใครเป็นเจ้าเปี๊ยกตัวเท่าเห็บกันฟร้าาา!!!"ขาเรียวในกางเกงสีดำสนิทฟาดเข้าไปเต็มรัก ทว่ากลับโดนวงแขนแกร่งของผู้บังคับบัญชาล็อคแขนทั้งสองข้างเอาไว้
" " นิ่ง สงบ สยบความเคลิ่อนไหว
"อึ้บ!อึ้บ!"เอ็ดเวิร์ดพยายามยื่นขาออกไป ขาอีกข้างก็เขย่งจนสุดเท้า หวังจะสะกิดแม้ปลายเสื้อของคนตรงหน้า แต่ท่าทางขาจะสั้นจัด เพราะยิ่งยื่นออกไปเท่าไหร่ รอยก็จะดึงตัวเขาถอยไปข้างหลังเท่านั้น
"เชอะ!ฝากไว่ก่อนเถอะ"
"แล้วจะมาเอาคืนเมื่อไหร่ฮะ"
"เมื่อฉันสูงเท่านาย!!"
"งั้นเธอก็ไม่ต้องรอหรอกอเลนคุง"รอยพูดแฝงเป็นความนัยน์แต่โชคดีที่เอ็ดไม่ทันฟัง
"เฮ้ย!นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย พวกฉันขอตัวก่อนดีกว่า..ไปกันเถอะ อเลนคุง คันดะจัง"โคมุอิรีบพูดเมื่อเห้นว่าเวลาได้ล่วงเลยเข้าถึงช่วงเย็นแล้ว(อะไรจะเร็วปานนั้นฟะ)
"อืม รีบๆไปเลย ชิ่วๆ"เอ็ดซึ่งหลุดจากพันธนาการของผู้พัน รีบขับไสไล่ส่งเหมือนเจอแมลงวันก็มิปาน
"คิดว่าฉันอยากมานักเรอะ! ต้องมาเสียเวลากับพวกเด็กตัวจิ๋วกับมนุษย์ชุดเกราะแบบพวกเธอไปโดยเปล่าประโยชน์ หัวหน้า ถั่วงอก เรารีบกลับกันเถอะ!!"
"ครับ เห็นรินารี่บอกว่าจะทำเค้กกับพายไว้ให้พวกเราด้วย"เจ้าของเรือนผมสีขาวและท่อนแขนสีแดงฉานอมยิ้ม แต่บุคคลตรงหน้าเขากำลังเดือดปุดๆ
ปึ้ดๆๆๆ(เลือดพุ่ง)
"อ๊ากกก ไอ้หน้าม้า!!หาว่าฉันเป็นถั่วต้มน้ำตาลตัวกะเปี๊ยกจนคนกินมองไม่เห็นเรอะ!!"แต่กว่าจะพูดจบ ทั้ง3คนซึ่งเมื่อครู่โผล่มาโดยไม่ได้รับเชิญ ก็หายตัวไปแล้ว
เดี๋ยว แล้วพี่รวีของหนูล่ะ
ใช่แล้วรวี เอ๊ย!ราวี่ เอ๋ย โดยไม่รู้ตัวไอ้ 3 คนนั่นมันก็เปิดแน่บไปหมดแล้ว นั่นเพราะเขากำลังนั่งดูถุงมือของผู้พันหัวลุกชิ้นนั่นอยู่
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงแทบอยากเอาหัวโขกกำแพงตาย หน๊อย มาทิ้งกันได้ลงคอนะเจ้าพวกบ้า!!!
แล้วตอนที่เขากำลังจะคลั่งอยู่นั้น คนแปลกหน้า3คนที่เขาได้เจอเมื่อครู่ก็หันมามองทางเขาเป็นตาเดียว
"เฮ้ๆๆๆ รู้สึกว่าเจ้าพวกนั้นจะทำสัมภาระตดค้างนะ เนอะ อัล ผู้พัน"เจ้าเตี้ยผมทองที่เดือดปุดๆทุกครั้งที่มีคนพูดถึงส่วนสูง หันมามองเขาช้าๆ นัยน์ตาสีทองคมกริบราวกับท่านเคาน์ทก็ไม่ปาน
" ." จุด จุด จุด ราวี่นิ่งเงียบไม่กล้าเปิดปากพูด ดวงหน้าซีดเผือดจนจะเป็นไก่ต้มน้ำปลาได้อยู่แล้ว เขาจะรอดกลับศาสนจักรแห่งความมืดมั๊ยฟะ ท่าทางมาอยู่กับเจ้าเตี้ยตรงหน้า จะน่ากลัวยิ่งกว่าอยู่กลางฝูงAKUMAซะอีก
กร็อบ กร็อบ
เสียงหักกระดูกดังขึ้นเป็นจังหวะทำให้ร่างของราวี่สะดุ้งเฮือกๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหลือบมองคนตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังหักนิ้วอย่างเมามัน อีกด้านหนึ่งชายหนุ่มร่างสูงก๊เอื้อมหยิบถุงมือผ้าไวไฟขึ้นมาสวมเอาไว้
"แหะ เค้าว่าเรามาเป็นมิตรกันดีกว่ามั๊ยตะเอง"ราวี่ส่งยิ้มเจื่อนๆพ้อมกับทำท่าคิกขุอาโนเนะอย่างน่ารัก
"แบบว่าเค้าก็ไม่อยากสู้หรอกน้า~ไม่ช๊อบไม่ชอบ" ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่มือขวากลับเอื้อมแตะศาสตรากำราบAKUMAในขากางเกง
"งั้นหรอ?แต่เค้าว่าพี่ชายต้องยอมให้ความร่วมมือกับพวกเราซะดีๆจะดีกว่า"ร่างบางแสยะยิ้มกลับไปให้
เหมือนตกนรกทั้งเป็น โธ่~ราวี่ผู้โชคร้าย ต้องมาอยู่ท่ามกลางออร่าสีม่วงๆเป็นดงตั้ง 3 คน(เอ็ย!ไม่จ๊ายยยย!!อย่าทำแบบนั้นกับพี่รวีนะ!!!เอาใหม่ แก้ๆๆๆๆ)
" .."
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงที่ถูกมัดแน่นติดเก้าอี้กวาดสายตาไปทั่วห้อง
จนแล้วจนรอด เขาก็ไม่สามารถหนีจากเงื้อมมือพญามารของเจ้าถั่วกับไอ้หัวซาลาเปานั่นได้ แม้จะมีวิญญาณผีแม่ม่าย(?)ในชุดเกราะมาขวางไว้ตั้งหลายครั้งก็เถอะ(เข้าใจผิดแล้วแก)
เขาอุตส่าห์ต่อสู้จนชีวิตเกือบจะหาไม่(หิวข้าวจนเกือบเป็นลม)ทั้งปากกัด ตรีนถีบ หัวโขก กระโดดทับฯลฯ แต่ก็สู้แรงวัวแรงควายของเจ้าสองคนนั่นไม่ไหว
"ง่า ปล่อยเค้าไปได้มั๊ยอ่ะตะเอง"
"อยู่เงียบๆน่าไอ้บอด!"เสียงเล็กๆของเอ็ดเวิร์ดดุงขัดขึ้น แล้วเจ้าตัวก็หันกลับไปคุยกับพันเอกหนุ่มและน้องชายต่อ
"ผู้พัน..เราจะเอายังไงกับไอ้หัวไม้กวาดนี่ดี"
ชายหนุ่มนั่งคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปากพูด"ก็คงต้องส่งกลับไปโลกของเจ้าตัวเค้านั่นแหละ"
"คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละฮะพันเอก"อัลพูดขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ราวี่ตาเป็นประกายที่ยังพอมีคนเห็นใจเขาอยู่ ทว่าคำพูดที่ตามมาของชุดเกราะเหล็กกลับเฉือดเฉือนใบหน้าแสนบ๊างบางของราวี่
"อยู่ที่นี่ก็เกะกะเปล่าๆ"
เพล้ง
.(เสียงอะไรสักอย่างแตกสลายในใจ)
“แล้วจะส่งกลับไปยังไงล่ะ ทางเราก็ไม่มีอินโนเซนส์ที่ว่านั่นด้วย”เอ็ดเวิร์ดส่ายหัวไปมาทำให้เสาอากาศบนหัวนั้นส่ายไปตามการเคลื่อนไหว
ปริบ...รอยกับอัลกระพริบตาถี่ หันมามองหน้ากัน ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่เอ็ด
“พวกนาย...มองอะไรไม่ทราบ”
เด็กหนุ่มในชุดเกราะเดินไปตบไหล่ผู้ถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้
“คุณราวี่ฮะ...ผมว่าพวกผมพอจะร้วิธีที่จะช่วยคุณแล้วล่ะฮะ...เนอะพี่”ประโยคนั้นทำให้คนที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลยอย่างเอ็ดเวิร์ดหันมามองผู้เป็นน้องงงๆ
“หา?”
วิ้ว......
สายลมพัดผ่านกอลูกฝางทำให้มันกลิ้งไปตามพื้นถนนเมืองเซนทรัลซิตี้ที่ไร้ผู้คน พัดพาให้เศษฝุ่นตลบขึ้นมา ดูราวกับหนังคาวบอยยุคเก่าก็ไม่ปาน
เด็กหนุ่มผมทองในเสื้อโค้ดสีแดงสดยืนอยู่ระหว่างร่างชุดเกราะยักษ์และชายหนุ่มในชุดทหารกลางดาดฟ้าตึกกองบัญชาการกลาง บวกกับอีก 1 หน่อที่นั่งจ๋องอยู่บนพื้น
“นี่...”เด็กหนุ่มที่ว่าพูดขึ้นช้าๆ พลางเหลือบมองบุคคลทั้งสองที่ยืนขนาบข้าง
“เอาจริงอ้ะ...?”
“จริงดิพี่ มันเป็นพลังพิเศษของพี่ไม่ใช่หรอ” น้องชายในชุดเกราะพูดด้วยน้ำเสียงเฟคๆ
“เอาก็เอาวะ “ เอ็ดเวิร์ดพูดให้กำลังใจตัวเอง ก้าวขามาข้างหน้า 2-3ก้าวแล้วตะโกนเสียงดัง
“ตื่นขึ้นมาสิ!!พลังเทเลพาธีที่หลับไหลอยู่ในตัวของช้านนน!!!”
ราวี่มองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้งแกมสมเพช ถ้าเขาตาไม่ฝาด เขาว่าเขาเห็นกระแสไฟฟ้าแว้บๆที่บริเวณเสาอากาศของคนที่เต้นเป็นเจ้าเข้าตรงหน้า
“นี่น่ะหรือ พลังเอลริคพาธี ที่สืบทอดกันมาในตระกูลเอลริค!” ผู้พันไร้น้ำยาที่ท่าทางจะติดเชื้อมาจากยอดนักกล้ามแห่งกองทัพ มองคนใต้บังคับบัญชาด้วยความซาบซึ้ง
“เอ่อ...อัลฟอนส์ ...นายจะบอกว่าไอ้เสาอากาศนั่นมันจะ Syncro กับทิมของอเลนได้จริงๆอ่ะ” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงกุมขมับตัวเองอย่างอนาถใจ
“น่าจะได้นะฮะ เห็นสีทองๆเหมือนกัน...”
ทางด้านอเลน....
“หยุดทำไมล่ะอเลนคุง”
“ผมว่าทิมมันแปลกๆน่ะฮะ “จบคำทั้งสามหน่อก็หันกลับไปทางโกเลมสีทองที่บินละล่องอยู่ด้านหน้า
ขณะกำลังลอยละลิ่วอยู่นั้นเอง จู่ๆปีกของทิมก็หยุดชะงักค้างกลางอากาศ โกเลมสีทองขนาดเท่าลูกปิงปองหมุนรอบตัวเอง 3 ครั้ง อ้าปากพะงาบๆไล่งับหัวอเลน ซึ่งเด็กหนุ่มผมขาวเองก็วิ่งหนีสุดชีวิต ก่อนที่เจ้าโกเลมตัวที่ว่าจะเอาหัวโหม่งพื้น
ตุ้บ...
“.....” โคมุอิ คันดะ อเลน จ้องมองพฤติกรรมตรงหน้างงๆ
แขนเล็กของทิมดันตัวเองขึ้นช้าๆ ก่อนจะดีดตัวเข้าไปในช่องว่างมิติที่ทั้งหมดเพิ่งจะออกมา
“ทิมเป็นอะไรไปน่ะ เจ้าถั่วงอก” คันดะที่ตั้งสติได้เร็วที่สุดรีบวิ่งตามเจ้าลูกปิงปองใส่บอแรกซ์นั่นไป
“ไม่รู้อ่ะครับ...อ้ะ!!ราวี่ พวกเราลืมราวี่ไว้ที่โลกทางโน้นชัวร์เลย!!”
“เจ้าโง่ ถ้าไม่เห็นราวี่อยู่ก็แสดงว่าลืมไว้ที่โลกโน้นสิ” คันดะบ่นในใจ ...โถ คันดะคุง เดินมาได้ตั้งนานเพิ่งจะรู้สึกเอาตอนนี้
“แฮ่กๆๆ “เสียงหอบดังมาจากคนผมทองบนดาดฟ้าตึกกองบัยชาการกลางซึ่งมาบัดนี้ มีเหงื่อไหลโทรมกาย
“ฉันเพิ่งจะรุ้ว่าแทรกแซงจิตใจของไอ้ทิมอะไรนั่นอยากชิบเลย...” (ตกลงเมิงทำได้จริงใช่มั้ยเนี่ย []- )
“แล้วทำได้มั้ยล่ะครับ” ราวี่ถามอย่างมีความหวัง
“ฉันว่าอาจจะไม่...” รอยป็นคนตอบแทน
เปรี้ยง!!!
จบคำของผู้พันหนุ่มก็เกิดเสียงฟ้าผ่าพสุธากัมปนาทถล่มทลายหลายกระบุงดังขึ้นเบื้องหน้า
ร่างของเอ็กโซซิสท์ 2 คน และหัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์ในชุดสีขาวกับโกเลมอีก 1 ตัวปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกควัน สงสัยว่าการเปิดช่องว่างมิติเมื่อครู่จะทำให้คนทั้งกองบัญชาการสะดุ้งเฮือกๆไปหลายตลบ
ราวี่หันไปมองนายทหารที่ยืนข้างๆยิ้มๆ “ไหนว่าไม่ได้ไงตัวเอง ต๊ายตาย พูดโกหกมันขัดกับพระเจ้านะคุณผู้พัน”
การปรากฏของคน 3 คน ที่นอกเหนือความคาดหมายของเขา บวกกับน้ำเสียงกวนประสาทของราวี่ ยิ่งทำให้คนอายุมากที่สุดเสียหน้าอย่างไม่เป็นท่า
เพล้งๆๆๆๆ (เศษหน้าร่วงกราวๆ).....
“โหยผู้พัน อายุปูนนี้แล้ว ยังจะมาทำเป็นหน้าแตกร่วงกราวๆอีก อยู่มานานผ่านโลกมามากมันควรจะหน้าหนาหน้าทนได้แล้ว เอ้า เอากาวตราชางไปซะ คราวหลังจะได้ไม่ร่วงยังกับเศษกระกแบบนี้อีก แล้วก็อย่าลืมเก็ยเศษหน้าด้วยล่ะ เดี๋ยวจะไปตำเท้าชาวบ้านเค้า” เอ็เวิร์ดพูดอย่างไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ จะว่าไปคงจะถียงไม่ออกซะมากกว่า
“เอ่อ คุยอะไรกันอยู่หรอครับ” หนุ่มน้อยอเลนที่ไม่ได้สังเกตสังกาอะไรเลยพูดขึ้นมา
“อ๋อ...” เอ็ดเวิรืดลากเสียงยาวหวังจะเผาผู้พันต่อหน้าพยานอีก 2 จากโลกต่าง แต่....
“ไม่มีอะไรหรอก พวกนายมาก็ดีแล้ว พาเจ้านี่กลับไปด้วย” ชายหนุ่ม(หรือแก่) ชิงพูดเสียก่อนแล้วดึงด้านหลังของคอเสื้อของราวี่ขึ้นมา เป็นผลให้เจ้าตัวนั้นห้อยต่องแต่งเป็นตุ๊กตาไล่ฝน ก่อนจะปล่อยลงมาส่งผลให้ราวี่ผู้โชคร้ายหล่นลงมากองกับพื้น
“โอ๊ยย!!ทำเบื้อกเดื้อกอะไรของแกฟะเนี่ย ไอ้ผู้พันงี่เง่า “ ราวี่แยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มผมดำ ยกมือขึ้นลูบก้นตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บ
“อะไรกันเจ้าหัวไม้กวาด เมื้อกี้ยังเรียกตัวเอง ตัวเอง อยู่เลย ที่อย่างนี้ล่ะทำมาด่า” เอ็ดเวิร์ดนึกแค้น
“ช่วยไม่ได้นายมันอยากโง่ไม่ตามพรรคพวกของนายไปเองเจ้าหัวไม้กวาด” รอยด่ากลับแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย
“คำก็ไม้กวาด สองคำก็ไม้กวาด ทนไม่ไหวแล้วนะเว้ยยยย!!อินโนเซนส์สำแดงฤทธิ์!!!” โวยจบก็เอื้อมหยิบศาสตรากำราบ AKUMAขึ้นมา แสงสว่างเจิดจ้าแยงนัยน์ตาสีทองจนต้องยกมือขึ้นบัง
พลันค้อนขนาดใหญ่สีดำสนิทก็ถูกพาดอยู่บนไหล่ของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดง
“ลองของเรอะ! เจอกันหน่อยเป็นไง” เอ็ดเวิร์ดแสยะยิ้ม ประกบมือเข้าหากันก่อนจะแปรธาตุแขนกลออโต้เมล์เป็นดาบสั้น ขาเรียวดีดตัวเองออกจากจุดที่ยืนอยู่
ทว่า...ก่อนที่ทั้งสองจะปะทะกัน ร่างในชุดเกราะของอัลก็โผล่มาขวางไว้ พร้อมเหวี่ยงหมัดซัดผู้เป็นพี่ และผู้ที่ถูกเพื่อนลืมกระเด็นไปคนละทาง
เวรกรรม...ฟิคยำติงต๊องกำลังจะกลายเป็นฟิคต่อสู้บ้าระห่ำไปซะแล้ว...
“โอ๊ย!!อัลทำอะไรของนายน่ะ” ทันทีที่ก้นกระแทกพื้น เอ็ดเวิร์ดก็โวยประท้วงขึ้นมา
“พอซะทีเถอะน่าพี่!!”
แล้วสองพี่น้องเหล็กไหลก็เปิดฉากสงครามขนาดย่อมขึ้น
ทางด้านราวี่ที่อยู่นอกเหนือความสนใจ อาศัยจังหวะที่ถูกอังซัดใช้ขายันพื้นไว้
“เปิดวิถีอินโนเซนส์ลำดับที่สอง!!” ตะโกนขึ้นมาดังๆ วงล้อมนับสิบปรากฏขึ้นรอบกาย ราวี่ฟาดศาสตราลงประทับที่อักษร ไฟ เต้มแรง ก่อนที่เสียงทุ้มจะตะดกนก้อง
“เถ้าธุลีอัคคีวินาศ!!!”
ฉับพลันวงแหวนเปลวไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นล้อมรอบพี่น้องเอลริคทั้งสอง
“ว้ากกกกๆๆๆ” เสียงเล็กๆสองเสียงร้องดังลั่น จากที่ทะเลาะกันเมื่อกี้กลับกลายดป็นว่ากอดคดกันจนกลม
“อ้าว งี้ก็สวยสิ” รอย มัสแตง คว้าถุงมือผ้าไวไฟขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวเสียดสีกันยามดีดนิ้วก่อให่เกิดประกายไฟ
เป๊าะ!
ก่อนที่เปลวเพลิงจะได้เผาไหม้ร่างของเด็กหนุ่มที่มีผืนผ้าสีดำปิดนัยน์ตาข้างหนึ่งไว้ อเลนก็โผล่เข้ามาขวางหน้า บังคับให้อินโนเซนส์ที่แขนซ้ายสำแดงฤทิ์อย่างรวดเร็ว
“สุสานกางเขน!!!! “
“......”เด็กหนุ่มผมม้ายืนกอดอกพิงขอบรั้วอย่างเซ็งๆ
“คันดะคุงจะไม่ไปร่วมวงกับเจ้าพวกนั้นหรือ” โคมุอิถามขึ้น พลางมองสงครามที่ดูท่าจะขยายวงกว้างขึ้นตรงหน้า
“ไร้สาระ ปล่อยให้เจ้าพวกนั้นสู้กันไปเหอะ” พูดจบก็โน้มตัวลงนั่งขัดสมาธิ แล้ว....
หลับ...
“.....”ถึงคราวโคมุอิเป็นฝ่ายเงียบบ้าง แต่แล้วเจ้าตัวกลับหยับต้นอ่อนของดอกไม้กินคนที่ตนแอบไปจิ๊กมาจากคฤหาสน์ของอเลสต้า โครวี่ เมื่อนานมาแล้ว
“ราวี่คุงอเลนคุงนี่อะไรเอ่ย---....” ว่าพลางยกกระถางต้นไม้ขึ้นเหนือหัว เจ้าของชื่อทั้งสองที่กำลังเคร่งเครียดกับการต่อสู้ละสายตามามอง
นัยน์ตาสองคู่สามข้างเบิกกว้างเมื่อสบเข้ากับฟันขาวๆของดอกไม้ที่พวกเขาพากันตั้งชื่อให้ว่า...เจ้าดอกเวรตะไล....
“ถ้ายังไม่เลิกสู้ ฉันจะให้เจ้าหนูนี่งับหัวพวกเธอละกันนะ เอ้อยังมีโคมุรินอีกหนึ่งนี่นา ” จบคำอเลนที่รู้ซึ้งถึงพวกมันทั้งสองดีก็รีบวิ่งตรงมากอดขาโคมุอิ พลางร้องอ้อนวอน
“อย่าเชียวนะครับ ขอแค่สองอย่างนี่ ผมไม่เอาเด็ดขาด~”
“งั้นก็กลับกันได้แล้ว” คันดะที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่พูดพลางดึงตัวอเลนขึ้น ก่อนจะเดินไปทึ้งหัวราวี่มา
“ไปก่อนนะ...ไอ้เตี้ย!!” จบคำก็กระโดดผลุงหายลงไปในช่องว่างมิติทันทีอย่างไม่เปิดโอกาสให้คนถูกสบประมาทได้เอ่ยปากพูด
ผึง! (เส้นประสาทขาดกระจุย)
“ไอ้หน้าม้า !!!!สองหนแล้วนะแก เจอครั้งหน้าเมื่อไหร่จะอัดให้หน้าเหมือนม้าจริงๆเลย!!!”
คนตัวเล็กโวยวายเสียงดังลั่น แต่คนแปลกหน้าทั้ง4 ก้หายไปเสียแล้ว
“เอาน่าพี่....”น้องชายสุดเลิฟยังคงสุภาพตามเคย
“สมน้ำหน้า ถูกว่าเสียบ้างก็ดี ...อุ๊บ” รอยหลุดปากออกมาแล้วรีบยกมือตระครุบปากของตัวเองโดยเร็ว
“แกว่าอะไรนะ เจ้าหัวลูกชิ้นนนนน!!!!!” เอ็ดเวิร์ดกระโดดเตะฟรีคิกส์ใส่แต่ผู้พันหนุ่มก็สามารถหลบได้อย่างช่ำชอง
“เดี๋ยวเด้ เฮ้ เจ้าหนูเหล็กไหลนี่มันกี่โมงแล้ว” รอยถามคนตัวเล็กที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ
“ไม่รู้....” ...สั้นๆ ...ง่ายๆ ...ได้ใจความ
“งั้นฉันขอตัวไปทำงานต่อละกัน...” พูดจบก็เดินหันหลังกลับไปพลางยกมือขึ้นโบกให้เป็นสัญญาณ
“รีบๆกลับไปนอนซะ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นถั่วลายแพนด้าหรอก”
“.....”อึ้ง เงียบ พูดอะไรไม่ออก ผู้พันหนุ่มเดินหายไปแล้ว บนดาดาฟ้าจึงเหลือเพียง 2 ศรีพี่น้องเอลริคเท่านั้น
“หงึ..... หึๆๆๆ ฮ่าๆๆกร๊ากกกก” จู่ๆเอ็ดก็ระเบิดหัวเราะออกมาจนอัลสะดุ้งสุดตัว” ฉันเป็นแค่ถั่ว!ฉันเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยก!! ฮ่าๆๆๆๆ!!....เฮ้อ..”
“พี่ฮะ พี่ก็ดูเหนื่อยๆนะ นอนพักผ่อนซะบ้างเถอะฮะพี่” เสียงเล็กของอัลเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“....” ผู้เป็นพี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูด “อัล...หันหลังไป”
“เอ๋...อ..อืม” เด็กหนุ่มในชุดเกราะจำใจต้องหันหลังกลับตามคำสั่งของคนตัวเล็กแต่อายุมากกว่า นัยน์ตาสีทองหรี่ลงอย่างมรเลศนัย ร่างบางกระโดขึ้นเกาะหลังชุดเราะเหล็กพลางโอบแขนรอบคอผู้เป็นน้องไว้หลวมๆ
“พี่ฮะ...”
“เถอะน่า..ชั้นจะนอนของชั้นอย่างนี้แหละ นายจะกลับห้องหรือจะไปหาไอ้ผู้พันบ้านั่นก็ได้ แต่อย่ามาปลุกชั้นล่ะ ราตรีสวัสดิ์” พูดจบก็ฟุบใบหน้าลงกับไหล่เย็นๆตรงหน้า ลมหายใจทอดลึกเป็นจังหวะบ่งบอกได้ว่าคนตัวเล็กนั้นหลับสนิทเรียบร้อยแล้ว
อัลขยับแขนพยุงพี่ชายไว้บนหลังเบาๆ ถึงเขาจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของคนที่อยู่บนหลัง และไม่อาจเหลียวกลับไปมองใบหน้ายามหลับของอีกฝ่ายได้...แต่เขาก็มั่นใจว่า ...พี่ชายของเขาคงกำลังยิ้มอยู่แน่นอน
“อืม...ไอ้หน้าม้า...ฉันจะ...ตั๊นหน้าแก..ให้ด้าย....คร่อกแจ้บๆ”
“...โธ่..พี่เนี่ยล่ะก็...”
ผลงานอื่นๆ ของ KoroSu ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ KoroSu
ความคิดเห็น