บ่วงตัณหากับมนต์เสน่ห์กุหลาบดำ (18+)
ไฟปรารถนา และบ่วงราคะ เป็นวังวนที่เขาและเธอดิ้นไม่มีวันหลุด หลายชายต้องการที่จะครอบครองเธอ และเธอเองก็ไม่สามารถต้านทานแรงปรารถนาของตนเอง (เรื่องนี้เป็นภาคพิเศษของเรื่องการ์เน็ต โซล์เหมือนกันค่ะ)
ผู้เข้าชมรวม
1,809
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บ่วงตัณหากับมนต์เสน่ห์ของกุหลาบสีดำ
เมื่อนานแสนนานมาแล้ว มีแม่มดสาวสวยคนหนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านครูสทาลอส หมู่บ้านของแม่มดเผ่าคริสทาลัมผู้ใช้แก้วคริสตัลเป็นสื่อเวทย์ และเป็นหมู่บ้านแม่มดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โรเซ่ โครนเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ปกครองหมู่บ้านครูสทาลอส เธอได้เล่าเรียนเวทมนตร์ทุกแขนงของเผ่าคริสทาลัมนจบตั้งแต่อายุ15ปีเศษ นอกจากเธอจะเป็นเด็กสาวที่ฉลาดหลักแหลมแล้ว เธอยังเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในยุคนั้น โรเซ่มีดวงตาอันงดงามน่าหลงใหลและมีผิวสีขาวอมชมพู ผมสีทองของเธอดกหนาและยาวเกือบถึงพื้น ความสวยของเธอนั้นเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว พ่อมดต่างเผ่าต่างพากันมาขอเธอเป็นเจ้าสาว แต่ในที่สุดพ่อแม่ของเธอก็ได้จับโรเซ่แต่งงานวินสตันเมื่อเธออายุได้16ปี เนื่องจากครอบครัวของทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เมื่อทั้งคู่แต่งงานกันแล้ววินสตันก็ได้เข้ามาอยู่คฤหาสน์ของตระกูลโครน เวลาสองปีนั้นผ่านไปรวดเร็วและโรเซ่นั้นมีอายุสิบแปดปีแล้ว
“โรเซ่ ผมมีธุระในเมือง วันนี้จะกลับเย็นหน่อยนะ" วินสตันจุมพิศภรรยาแสนสวย เขาเป็นชายหนุ่มสูงโปร่งและเป็นคนสุภาพมาก ผมสั้นของเขาเป็นระเบียบเสมอ เขาหน้าตาดูเรียบๆต่างกับโรเซ่ที่สวยราวกับนางสวรรค์
“จ้า ไปดีมาดีนะ" สาวงามนอนเอกเขนกบนโซฟา สาวใช้คนหนึ่งกำลังสางผมสีทองยาวสลวยของเธอ ส่วนอีกคนหนึ่งก็กำลังล้างเท้าให้เธอในอ่างเงิน ในขณะที่โรเซ่กำลังใช้นิ้วหมุนคทาแก้วในมือข้างขวา
"แล้วเจอกันที่รัก" สักพักหนึ่งเสียงฝีเท้าของวินสตันก็จากไป
ทันใดนั้นผมสีทองเส้นหนึ่งของโรเซ่ก็หลุดออกมาตามหวีแล้วหล่นลงบนพื้น เมื่อสาวใช้เห็นดังนั้นเธอก็หน้าซีดทันที
“เจ้าบังอาจทำผมของข้าร่วง" โรเซ่แผดเสียง
“ขอประทานโทษจริงๆค่ะคุณหนู ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ได้โปรดให้อภัยดิฉันด้วยนะคะ" เธอตัวสั่นเป็นลูกนกพลางคุกเข่าวิงวอน
“โบลล์ ดิเอมโดฟากัส" โรเซ่ใช้คทาของเธอทิ่มไปที่กลางหน้าผากของสาวใช้
“กรี๊ด!”
ทันใดนั้นผมเปียของเธอก็ขาดแล้วหล่นลงกับพื้น ก่อนที่ผมทุกเส้นจะหลุดร่วงจนหมด แม้กระทั่งขนคิ้วและขนตาก็หลุดร่วงไปด้วย เมื่อสาวใช้อีกคนเห็นผมมากมายกองอยู่บนพื้นเธอก็สั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
“ล้างเท้าฉันต่อสิ แกก็อยากโดนเหมือนกันรึไง" โรเซ่ตวาด
“ค่ะคุณหนู ขออภัยค่ะ" เธอรีบก้มหน้าก้มตาล้างเท้าให้คุณหนูต่อ
“ยืนเฉยทำไม เก็บกวาดผมแกด้วย" โรเซ่ตวาดสาวใช้ที่เธอสาปไปเมื่อครู่
“ค่ะ" เธอน้ำตาร่วงพลางใช้มือโกยเส้นผมของตัวเอง
ทุกคนมักจะคิดว่าโรเซ่นั้นดีพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งหน้าตา ชาติตระกูล และความรู้ ผู้คนพากันอิจฉาวินสตันที่ได้โรเซ่เป็นคู่ แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยได้เห็นธาตุแท้ของคนสวยคนนี้ แม้กระทั่งวินสตันหรือพ่อแม่ก็ไม่รู้ถึงความลับนี้
“พอได้แล้ว พวกแกออกไป" โรเซ่สั่ง เมื่อสาวใช้ได้ยินดังนั้นพวกเธอก็รีบออกไปจากห้องนั้นทันที โรเซ่ลุกขึ้นแล้วเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ริมหน้าต่าง เธอนั่งลงบนโต๊ะ แล้วมองกระจกเงาบานโต เงาในกระจกนั้นสะท้อนให้เห็นภาพของสาวงามที่กำลังทำหน้าตาบูดบึ้ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงกุกกักดังขึ้นที่หน้าต่าง ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มก้าวลงมาจากหน้าต่าง เสียงรองเท้าบู๊ตหนังดังกระทบพื้น เขามีผมดำขลับและผิวสีแทน ตรงเข็มขัดของเขามีไม้คทาเหน็บเอาไว้
“โมโหอะไรอยู่เหรอ คนงาม" จมูกอันโด่งงามของเขาสัมผัสซอกคอของโรเซ่ ในขณะที่ลำแขนอันแข็งแรงโอบรอบเอวอันบอบบางของเธอ เขามาหาเธอเป็นประจำตั้งแต่ก่อนเธอจะแต่งงานเสียอีก
“ก็เปล่านี่" โรเซ่พูด แก้มของเธอเป็นสีชมพูระเรื่อ
ชายหนุ่มคนนั้นหยิบสร้อยคอออกมา แล้วสวมเข้ากับคออันงามระหงของเธอ
“สวยจังเลย" โรเซ่ตาเป็นประกายเมื่อเห็นจี้ทับทิมเม็ดโตส่องประกายวูบวาบราวกับเปลวเพลิงเมื่อยามต้องแสงแดด
“เหมาะกับคุณเหลือเกิน" เขาจูบที่ต้นคอของโรเซ่ แล้วอุ้มเธอไปที่เตียง
-------------------
ในบ่ายวันนั้นโรเซ่ก็ออกมาข้างนอกคฤหาสน์คนเดียว เธอขี่ไม้กวาดเข้าไปในป่าละเมาะในละแวกนั้น จากนั้นเธอก็ร่อนลงบนพื้นหญ้าข้างต้นสนใหญ่
“คุณโรเซ่" เด็กหนุ่มแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อและใจเต้นแรงเมื่อโรเซ่ปรากฏตัวขึ้น เขาวิ่งมาหาเธออย่างไม่รอช้า
“สวัสดีครับ" เขาโค้งคำนับ
ดรูเรนด์ เจดด์นั้นอายุแค่ 17 ปีแต่เขาตัวสูงกว่าโรเซ่เกือบหนึ่งฟุต ผมหน้าม้ายาวปิดใบหน้าอันหล่อเหลาครึ่งหนึ่งของเขาไว้ ดูห์เรนมีผิวขาวและรูปร่างโปร่งราวกับนายแบบ เขาเป็นช่างคิด และเก่งเวทมนต์คาถามาก เด็กสาวมากมายหลงรักเขา แต่เขาก็ไม่สนใจใครนอกจากโรเซ่เท่านั้น
ดรูเรนด์ตกหลุมรักโรเซ่เมื่อเขาเห็นเธอเดินอยู่ในเมืองเมื่อปีกลาย ถึงแม้เขาจะต้องหัวใจสลายเมื่อรู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว แต่เขาก็ห้ามใจไม่ให้เข้าไปคุยกับเธอได้ หลังจากที่ทั้งสองเริ่มจะสนิทกัน เขาก็ขอร้องให้เธอสอนเวทมนตร์ให้เขาเพื่อเป็นข้ออ้างที่จะได้พบกับเธอบ่อยๆ
“สวัสดีจ๊ะ ฝึกคาถาไปถึงไหนแล้วเอ่ย" เธอพูดขึ้นหลังจากที่เอาไม้กวาดของเธอวางพิงต้นไม้ข้างไม้กวาดของดรูเรนด์
“คาถาเคลื่อนไหววัตถุของผมยังไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ฮะ" เขาหน้าแดงก่ำเมื่อสบตาเธอ
“ไหนลองร่ายมนต์ให้ดูซิ" โรเซ่ควักคทาของเธอออกมา เธอร่ายมนต์สองสามคำแล้วลูกแก้วขนาดใหญ่เท่าลูกปิงปองก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือข้างซ้ายของเธอ
“ลองยกลูกแก้วนี้ขึ้นละกัน" เมื่อเธอพูดจบ ดรูเรนด์ก็ชี้คทาแก้วของเขาไปยังลูกแก้วลูกนั้น
“เอลิเวท โซฟิโซฟิคัส" สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม ลูกแก้วก็ลอยขึ้นมาจากฟื้นประมาณหนึ่งคืบก่อนจะร่วงลงบนพื้นหญ้า
“ไม่ได้เรื่องเลยครับ" เขาหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
“วิธีออกเสียงน่ะถูกต้องแล้ว แต่วิธีจับคทาน่ะผิด นี่ต้องจับแบบนี้" โรเซ่ขยับตัวเข้ามาใกล้เขาจนเขาได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอ ก่อนที่มืออันนุ่มนิ่มจะจับขยับนิ้วนางของเขาให้กางออกจากนิ้วก้อยเล็กน้อย จากนั้นมืออันเรียวงามก็บีบมือของเขาให้กำคทาให้แน่นขึ้น หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นดังมากจนเขากลัวว่าโรเซ่จะได้ยิน
“คราวนี้ลองร่ายเวทอีกที" เธอพูด
“เอลิเวท โซฟิโซฟิคัส" เมื่อสิ้นเสียงของเขา ลูกแก้วก็ลอยขึ้นจากพื้นแล้วบินไปยังฝ่ามือของเขา
“เก่งมาก ดรูเรนด์ เท่านี้ฉันก็ไม่มีอะไรจะสอนเธอแล้วล่ะ" โรเซ่ยิ้ม เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มกว้าง แต่ว่าเขากลับรู้สึกเศร้าลึกๆในใจ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะ" โรเซ่ทำท่าจะเดินจากไป แต่ดรูเรนด์กลับคว้าข้อมือเธอเอาไว้
“ผมรักคุณ" เขาหลุดปากพูดออกไป
โรเซ่เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า จากนั้นเธอก็สวมกอดเขา ดรูเรนด์กอดเธอตอบแล้วโน้มตัวลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม เขาได้ก้าวเข้าไปในบ่วงปรารถนาจนไม่สามารถถอนตัวได้อีกแล้ว ในไม่ช้าไฟพิศวาสก็แผดเผาดวงวิญญาณของเขาจนหมดสิ้น
---------------------
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับใบไม้ร่วง ในที่สุดวันที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของโรเซ่ไปตลอดกาลก็มาถึง
ในยามเช้าตรู่ของวันราชาหิมะวินสตันเดินทางออกไปเยี่ยมพ่อแม่ และญาติพี่น้องที่อีกฝากหนึ่งของเมือง เขาวางแผนว่าตอนค่ำจะกลับมาฉลองอยู่กับโรเซ่สองคน เมื่อเขาเยี่ยมญาติเสร็จแล้ว เขาก็ตรงดิ่งเข้าไปในร้านขายเพชรในเมืองเมื่อรับสร้อยเพชรที่เขาสั่งเอาไว้
“ใช้ได้หรือเปล่าครับ" คนขายเพชรชูสร้อยเพชรน้ำงามให้ดู เพชรสามกะรัตหลายสิบเม็ดเรียงต่อกันเป็นสร้อย และตรงกลางสร้อยเป็นจี้เพชรสีแดงรูปหัวใจราวยี่สิบกะรัต มันส่องประกายวูบวาบเมื่อต้องแสงไฟราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
“โรเซ่ต้องชอบแน่ๆ" วินสตันมองดูสร้อยเพชรพลางยิ้มกว้าง เขารู้ว่าโรเซ่ชอบอัญมณีสีแดงที่สุด
จากนั้นเขาก็รีบขี่ไม้กวาดฝ่าหิมะตรงไปหาบ้านของเพื่อนสนิทของโรเซ่ที่อยู่ชานเมือง วินสตันหยุดอยู่ที่หน้าประตูไม้สีเข้มที่ถูกตกแต่งด้วยช่อดอกไม้ ตรงพื้นหน้าประตูนั้นมีหิมะเกาะอยู่เต็มไปหมด วินสตันเคาะประตูสองครั้ง
“สวัสดีค่ะ" แม่มดสาวผมสั้นเปิดประตูออกมา
“สวัสดีครับ ผมมารับโรเซ่ครับ" วินสตันอยากจะให้โรเซ่ประหลาดใจด้วยการมารับเธอ โดยที่ไม่ได้บอกเอาไว้ล่วงหน้า
“เอ๊ะ! แต่ว่าโรเซ่กลับไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วนะคะ เธอไม่ได้บอกคุณหรอกหรือ"
“จริงหรือครับ เธอบอกผมว่าเธอจะมาเยี่ยมคุณตอนเย็น แต่สงสัยเธอคงมีธุระเลยไปที่อื่นก่อน" วินสตันกล่าวลาเธอคนนั้น แล้วเขาก็ขี่ไม้กวาดบินจากไป
ชายหนุ่มขี่ไม้กวาดเหนือตัวเมืองท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา กระแสลมหนาวพัดเอาผ้าพันคอปลิวลู่ไปด้านหลัง พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แสงสีส้มเหลืองปรากฏขึ้นเส้นขอบฟ้าเหนือทะเลสาบเบื้องหน้า
วินสตันบินเข้าไปใกล้ทะเลแห่งนั้น แล้วทันใดนั้นสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับเรือใบสีขาวลำหนึ่งบนพื้นน้ำ
“นั่นเรือของริกกี้นี่นา" วินสตันบินลดระดับลงไปหาเรือใบลำนั้นทันที
เมื่อเขาบินเข้าไปใกล้เขาก็เห็นร่างของคนยืนอยู่ด้านหน้าของเรือ เมื่อสังเกตให้ดีวินสตันก็เห็นเพื่อนของตนกำลังจูบอย่างดูดดื่มกับผู้หญิงคนหนึ่ง โดยที่เธอคนนั้นหันหลังหาวินสตันและริกกี้ก็ใช้มือโอบรอบเอวเอาไว้ ผมดกหนาสีทองของเจ้าหล่อนดูคุ้นตาอย่างไรชอบกล วินสตันหยุดอยู่กลางอากาศแล้วจ้องเธอคนนั้นอย่างไม่วางตา
ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มใช้ปากซุกไซ้ไปตามซอกคอของสาวคนนั้นจนเจ้าหล่อนส่งเสียงครางด้วยความพึงพอใจ
“เข้าไปข้างในกันดีกว่าที่รัก" เสียงหวานๆอันคุ้นหูดังขึ้น เมื่อวินสตันได้เห็นใบหน้าด้านข้างของโรเซ่ โลกทั้งใบก็เหมือนกับจะถล่มลงมา
ริกกี้อุ้มโรเซ่ขึ้นแล้วพาเข้าไปในห้องข้างใน โดยที่ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังมองอยู่บนฟ้า
“สิ่งนี้ไม่จำเป็นแล้วสินะ" วินสตันใช้มืออันสั่นเทาหยิบกล่องสีทองที่บรรจุสร้อยเพชรออกมาจากกระเป๋า แล้วขว้างมันออกไปสุดแรง กล่องใบนั้นร่วงลงไปด้านล่างตามแรงดึงดูดของโลกก่อนจะจมหายลงไปในน้ำอันเย็นเฉียบ จากนั้นเขาก็บินออกไปจากที่แห่งนั้น
-----------------------
วินสตันนั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงสี่เสาในห้องนอนอันเงียบสงัด เขาเอาข้อศอกทั้งสองข้างเท้าหัวเข่าเอาไว้ และใช้มือกุมขมับ ในใจของวินสตันนั้นสับสนอย่างบอกไม่ถูก หัวของเขาหมุนคว้าง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าโรเซ่ทำเช่นนั้นจริงๆ และแล้วท่ามกลางความเงียบนั้นโรเซ่ก็เปิดประตูเข้ามา
“โรเซ่" วินสตันสะดุ้งเมื่อโรเซ่โผเข้ากอดเขา เธอนั่งบนตักของเขาพลางเอนกายซบไหล่อันแข็งแรง
“ฉันคิดถึงเธอจังเลยวินสตัน ขอโทษทีที่กลับดึกนะจ๊ะ" เสียงหวานเยิ้มกระซิบเข้าที่หู
ทั้งคู่จุมพิตกันดังเช่นคู่รัก สองคนแลกจูบกันอย่างดุเดือดและรุนแรง มือทั้งสองข้างของวินตันเลื่อนขึ้นมาบีบไหล่ทั้งสองข้างของโรเซ่อย่างแรงจนเธอเจ็บ อีกทั้งยังกัดริมฝีปากของเธอด้วย
“เจ็บนะ" เธอร้องขึ้นก่อนจะพลักเขาออก เธอได้กลิ่นเลือดเมื่อเลียริมฝีปากของตน
โรเซ่มองวินสตันที่ก้มหน้านิ่ง เธอหัวเราะคิกคักก่อนจะปลดกระดุมเสื้อของเขา ผ้าอันบางเบาหลุดกองอยู่บริเวณเอวของเขา โรเซ่ถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วโยนมันออกไป เผยให้เห็นผิวอันขาวผ่องราวกับแสงจันทร์ ผมสีทองราวกับเส้นไหมระอยู่บนหน้าอกอันอวบอิ่มและหน้าท้องอันเนียนไร้ที่ติ ร่างกายของเธอนั้นงดงามราวกับนางฟ้าในจินตนาการ
เปลวเทียนตรงผนังส่ายวูบวาบ ทั้งคู่เอนกายลงบนเตียง ก่อนจะบรรเลงเพลงรักร่วมกัน จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง
เมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขสอง วินสตันในร่างเปลือยเปล่านั่งเหม่อมองเพดาน ซักพักเขาหันไปมองโรเซ่ที่หลับสนิทอยู่ข้างๆ ผมสีทองสยายอยู่บนหมอนด้านหนึ่งของเธอ
“คุณนอนกับผู้ชายอื่นง่ายๆเหมือนกับที่นอนกับผมสินะ" วินสตันพูดเบาๆ
ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปหาสาวงามที่หลับสนิท เขาเอามือข้างหนึ่งรวบผมอันดกหนาก่อนจะตวัดมันรัดคออันงามระหง วินสตันกัดริมฝีปากของตนเองจนเลือดออกพลางรัดคอเธออย่างแรง
“ว้าย!" โรเซ่ตกใจตื่นขึ้น เธอใช้เล็บข่วนหน้าวินสตันเป็นพัลวัน แต่วินสตันก็ยังไม่ปล่อยมือ เขารัดเธอแรงขึ้น และแรงขึ้น
ในที่สุดแขนของโรเซ่ก็ตกข้างลำตัว ตาของเธอยังคงเบิกกว้าง แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับไร้แสงแห่งชีวิต วินสตันปล่อยมือแล้ววางร่างของเธอบนเตียงอย่างนุ่มนวล ในขณะที่เขาวางศีรษะเธอลงบนหมอนวิญญาณของโรเซ่ก็ลอยออกมาจากปากของเธอ
“วินสตัน แก ฆ่าฉัน!" โรเซ่โกรธเป็นอย่างที่สุด ไฟโทสะโหสกระหน่ำอยู่ในใจของเธอ เจ้าหล่อนพยายามจะทุบตีเขา แต่ทว่ามือทั้งสองข้างของเธอกลับลอยผ่านร่างกายวินสตันไม่ต่างอะไรกับธาตุอากาศ
“เท่านี้คุณก็จะไม่มองใครอีกนอกจากผม" พูดจบวินสตันก็ใช้มืออันสั่นเทาหยิบคทาเวทมนตร์ของเขาจากโต๊ะข้างเตียง
จากนั้นเขาบรรจงจุมพิตโรเซ่ มันเป็นจูบที่นุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยรสชาติแห่งความตาย
“ฉันเกลียดแก" โรเซ่พูด
“ผมรักคุณ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป" เขาใช้ปลายคทาจ่อที่ขมับของตนแล้วร่ายมนต์
“เพียส ดิโอเวนดูเร โซฟิคัส"
“ปัง!" เสียงดังสนั่นราวกับระเบิดดังขึ้น
ศีรษะของวินสตันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ มันสมองและเลือดกระจายใส่เตียงและฝาผนัง ชิ้นส่วนของกระโหลกหล่นลงบนพื้น ก่อนที่ร่างไร้หัวของเขาจะหล่นลงทับศพของโรเซ่ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
“ตายซะได้ก็ดี” วิญญาณโรเซ่ใช้ตาที่กลายเป็นสีแดงเลือดจ้องมองส่วนหัวของวิญญาณทอมสตันค่อยๆลอยออกมาจากส่วนคอที่ขาด
“ฉันจะฆ่าแกบ้าง" โรเซ่กระชากวิญญาณของเขาออกมาแล้วอ้าปาก ปากของเธอนั้นขยายใหญ่ราวกับงูเหลือมก่อนจะกลืนวิญญาณของเขาเข้าไป หลังจากนั้นหน้าตาที่สวยงามของโรเซ่ก็เน่าเละ ผิวขาวเนียนกลายเป็นสีเขียวคล้ำและมีน้ำเหลืองไหลซิบออกมา เส้นผมยาวสลวยหายไปจนเหลือแต่ศีรษะใหญ่โตผิดรูปและเต็มไปด้วยฝีหนอง ตาดำของเธอหายไปแล้วตาสีขาวโพลนก็ถลนออกมานอกเบ้า เธอได้กลายเป็นวิญญาณอสูรไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“คุณหนูคะ คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่า ดิฉันได้ยินเสียงดัง" สาวใช้รูปร่างท้วมเคาะประตูห้องอย่างต่อเนื่อง วันนี้เป็นวันราชาหิมะและคนรับใช้ทุกคนได้กลับบ้านไปหมดแล้ว คืนนี้เธอจึงนอนพักที่นี่เพียงคนเดียว
โรเซ่ตวัดสายตาของเธอไปยังลูกบิดประตู เสียงคลิ๊กดังขึ้นเมื่อลูกบิดปลดล๊อกด้วยพลังของอสูร
“ดิฉันขออนุญาติเข้าไปนะคะ" เธอเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา
“กรี๊ด!" เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพสุดสยองต่อหน้า แล้วเธอก็เป็นลมในทันที เธอล้มลงอยู่ตรงประตูนั่นเอง
“แกต้องตายด้วยเหมือนกัน" โรเซ่หยิบคทาของเธอออกมาจากกระเป๋าถือบนโต๊ะเครื่องแป้ง ด้วยความที่เธอเป็นอสูรเธอจึงสามารถหยิบจับสิ่งของได้ เธอจับคทามั่นแล้วใช้มันทิ่มไปที่ศีรษะของคนใช้ตัวเอง
“เพียส ดิโอเวนดูเร โซฟิคัส" หล่อนร่ายมนต์
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความที่หล่อนเป็นวิญญาณหล่อนจึงใช้คทาแม่มดไม่ได้ เพราะคทานั้นเป็นสื่อเวทสำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเป็นดังนั้นแล้วโรเซ่จึงใช้คทาทิ่มลงตรงขมับข้างหนึ่งของเธอ คทาแก้วฝังเข้าไปในขมับของสาวใช้ผู้เคราห์ร้าย เลือดอุ่นๆพุ่งกระฉูดออกมา
เมื่อหัวใจเธอหยุดเต้น วิญญาณของเธอก็ไหลออกมา โรเซ่กลืนวิญญาณของเธอเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะบินออกไปจากห้องนั้น
-----------------------
ในขณะเดียวกันยมทูตหนุ่มน้อยอายุ 16 ปีบินโฉบเหนือบ้านเรือนของหมู่บ้านครูสทาลอส เขาสวมหมวกไหมพรมที่มีที่ปิดหูทั้งสองข้าง และเสื้อกันหนาวขนสัตว์สีน้ำเงิน
หิมะได้หยุดตกแล้ว ทิ้งไว้แต่หิมะขาวปกคลุมเมืองสุดลูกหูลูกตา ดวงไฟสีเหลืองจากบ้านเรือนส่องสว่างมาจากหลังคาที่มีหิมะปกคลุม แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็บินลดระดับลงมายังถนนเบื้องล่าง
“โอ้ ดึกป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย เดี๋ยวแม่ดุแน่ๆ รีบรับวิญญาณแล้วกลับดีกว่า" เขามองนาฬิกาพกของตนโดยใช้แสงไฟจากตะเกียงบนถนน เขาเก็บนาฬิกาเข้ากระเป๋าเสื้อหนาวและบินตรงไปยังคฤหาสน์ที่อยู่บนหุบเขาเบื้องหน้า
เด็กชายบินข้ามสวนอันใหญ่โตตรงเข้าไปยังตัวบ้าน แล้วสายตาของเขาไปสะดุดกับแสงไฟจากชั้นสาม เขาไม่รอช้ารีบตรงไปยังหน้าต่างบานนั้น แล้วค่อยๆบินทะลุหน้าต่างเข้าไปด้วยพลังของยมทูต
เด็กหนุ่มเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ เขาไม่ค่อยตื่นตระหนกกับฉากนองเลือดเสียเท่าไหร่ เนื่องจากเห็นความตายมาแล้วบ่อยครั้ง เขาลอยผ่านศพสองศพบนเตียงไปอย่างช้าๆ
“เพิ่งจะตายวิญญาณไม่น่าจะไปได้ไกลเลยนี่นา" เขามองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของวิญญาณซักดวง แล้วเขาก็เห็นศพของสาวใช้ตรงประตูที่เปิดอ้า
“ความจริงต้องตายแค่สองคนนี่นา" เด็กชายขมวดคิ้ว ที่นี่มีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาลอยผ่านศพสาวใช้ออกไปจากห้องนั้น
----------------------
“เป็นความผิดของแกทั้งสองคนที่ให้ฉันแต่งงานกับเจ้านั่น" อสูรโรเซ่แผดเสียงก่อนจะปักมีดลงบนหน้าอกพ่อของตัวเองที่กำลังหลับอยู่บนเตียง เขากระอักเลือกใส่หน้าของเธอ เลือดสดๆพุ่งออกมาบาดแผลก่อนจะสาดใส่กำแพง เตียงนอนสีครีมถูกย้อมเป็นสีแดงฉานด้วยเลือด ข้างตัวเขามีมิสซีสโครนนอนจมกองเลือดอยู่
ในไม่ช้าวิญญาณของสองสามีภรรยาก็ลอยออกมาจากปากของทั้งสองคน เมื่อโรเซ่เห็นดังนั้นเธอก็อ้าปากกลืนวิญญาณของทั้งคู่เข้าไปทันที
“นึกแล้วเชียว แกกลายเป็นอสูรจริงด้วย" ยมทูตปรากฏขึ้นที่ประตูห้อง คทายมทูตในมือเขาสว่างวาบก่อนจะกลายเป็นเอ็กโซซีสไอเทมรูปร่างเหมือนกับมีดพร้า จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่โรเซ่ทันที เมื่อโรเซ่เห็นเขาเข้ามาใกล้เธอก็กระโดดลงจากเตียงแล้วรีบเหาะหนีเข้ากระจกเงาบนโต๊ะเครื่องแป้ง
“หนีไม่รอดหรอก" เด็กหนุ่มร่ายมนต์อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นโซ่เส้นหนาก็ยืดยาวออกมาจากปลายมีดแล้วพุ่งตามโรเซ่เข้าไปในกระจก
“กรี๊ด!" วิญญาณโรเซ่ถูกโซ่รัดตัวเอาไว้อย่างแน่นหนา แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็ใช้แรงดึงโซ่เพื่อลากเธอออกมานอกกระจก โรเซ่ที่กำลังดิ้นอย่างสุดแรงถูกดึงเข้ามาใกล้ยมทูตขึ้นทุกขณะ
ในชั่ววินาทีนั้นเองจู่ๆก็มีเงาดำปรากฏขึ้นด้านหลังของยมทูต เด็กชายจึงหันหลังกลับไปดู
“โครม!”
เด็กชายถูกสันดาบกระแทกเข้ากลางศีรษะอย่างจังจนเขาล้มไปนอนกับพื้น
“แก...บังอาจช่วยอสูร" เขาเงยหน้ามองบุรุษลึกลับคนนั้น แล้วเขาคนนั้นก็เงื้อดาบในมือขึ้น
“ฉึก!" คมดาบจ้วงลงไปกลางหลังของยมทูต เลือดสาดกระเด็นใส่หน้าของชายผู้นั้น ยมทูตร้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแน่นิ่งไป
โรเซ่สะบัดโซ่ที่รัดตัวเธอออกก่อนจะกลืนวิญญาณของยมทูตตนนั้นไป หลังจากที่เธอกลืนวิญญาณของเด็กหนุ่มเข้าไปเธอก็รู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายเธอ โรเซ่จึงใช้พลังนั้นเปลี่ยนรูปร่างอันอัปลักษณ์ของตนให้สะสวยเหมือนเดิมอีกครั้ง
“คุณโรเซ่ปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ" ดรูเรนด์ปาดเลือดบนแก้มของเขาออก ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาในห้องนอนของโรเซ่แล้วเห็นศพเธออยู่บนเตียง เขาจึงตามยมทูตตนนี้มา เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเอาวิญญาณเธอไป
“ดรูเรนด์" โรเซ่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าดรูเรนด์ เธอยังคงดูสวยสะพรั่งไม่ต่างอะไรกับเมื่อตอนที่เธอยังมีลมหายใจ เธอสวมชุดรัดรูปสีดำและปล่อยผมสีทองยาวสยาย โรเซ่สวมกอดดรูเรนด์ทั้งน้ำตา
“พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะครับ" เขาพูดก่อนจะจุมพิตเธอที่หน้าผาก
------------------------
ดรูเรนด์และโรเซ่นั่งเคียงข้างกันอยู่บนเตียงเล็กๆในห้องพักของเขา ร่างอันเปลือยเปล่าแนบชิดกัน ชายหนุ่มพรบจูบลงบนสาวงามที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างอ่อนโยน
“อยู่กับฉันตลอดไปนะดรูเรนด์" โรเซ่กระซิบ
“ผมจะอยู่กับคุณตลอดไป" เขาพูด
ทั้งคู่มองตากันก่อนจะจุมพิตกันอีกครั้ง ลิ้นเล็กๆของโรเซ่สอดเข้าไปในช่องปากเขาพร้อมกับนำกลีบกุหลาบเล็กๆเข้าไปในนั้นด้วย เมื่อกลีบกุหลาบสีดำเข้าไปในปากของเขาแล้วมันก็ไหลเข้าไปในหลอดอาหารของเขา
“หวานจัง" ดรูเรนด์พูด ในชั่ววินาทีนั้นเองหมอกสีดำจางๆก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว แล้วเลขหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเขา เมื่อโรเซ่ซบอกของเขาหมอกดำกับตัวเลขก็เลือนหายไป เป็นสัญญาณว่าพันธะระหว่างเขาและเธอได้สมบูรณ์แล้ว
“ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป" โรเซ่พูด เธอได้มอบคำสาปอันหอมหวานและนรกชั่วกัลปาวสานให้กับชายหนุ่ม และเขาก็จะได้อยู่กับเธอตลอดไป
ผลงานอื่นๆ ของ --เงา-- ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ --เงา--
ความคิดเห็น