เกร็ดน้อยๆของแมว - เกร็ดน้อยๆของแมว นิยาย เกร็ดน้อยๆของแมว : Dek-D.com - Writer

    เกร็ดน้อยๆของแมว

    ความรู้ประดับหัว

    ผู้เข้าชมรวม

    635

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    635

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  อื่นๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 มิ.ย. 50 / 23:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    * *
    <style type="text/css">body {background-image: url(http://images-009.cdn.piczo.com/p4/img/i2939841_18122_4.gif);}
    </style>
    <a href="http://www.myglitterspace.com" target="_blank">
    <img src="http://i90.photobucket.com/albums/k264/myglitterspace/gspace.gif" border="0" alt="Backgrounds From myglitterspace.Com">
    </a>
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ۩۞۩การเลี้ยงดูลูกแมว۩۞۩


      การเลี้ยงลูกแมวกำพร้าแม้ต้องมีตารางประจำวันในการให้อาหารที่เหมาะสม การขับถ่ายการเล่นและการนอนหลับ โดยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกแมวต้องคำนึงถึง

      ·       โภชนาการและการหย่านม

      ·       สุขอนามัย

      ·       อุณหภูมิและความชื้น

      ·       การป้องกันโรค

      ·       การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม

      ลูกแมวสุขภาพดีจะจ้ำม่ำแข็งแรง มีชีวิตชีวา หลับนาน ลูกแมวที่สุขภาพไม่ดีจะมีกล้ามเนื้อที่ไม่สมบูรณ์ ร้องบ่อยถ้าไม่ช่วยเหลือ อ่อนแอ ซึมเศร้า เฉื่อยชา


      ۩۞۩ โภชนาการและการหย่านม ۩۞۩


      ลูกแมวจะได้รับน้ำนมน้ำเหลืองใน 12 ชั่วโมงแรก ลูกแมวจะดูดซึมภูมิคุ้มกันจากน้ำนมน้ำเหลืองได้ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกนับจากคลอด ในกรณีที่แม่แมวไม่สามารถเลี้ยงดูลูกแมวได้ ลูกแมวต้องดูดนมจากขวดหรือหลอดหยดตามแต่จะหาได้ การให้อาหารแบบหลอดผู้ให้ต้องได้รับการฝึกอย่างดี เพราะอาหารอาจเข้าสู่ปอดย่างไม่ตั้งใจทำให้หมดสติ การให้อาหารแบบหลอดจึงเสี่ยง อนุญาตให้ใช้เฉพาะในลูกแมวอ่อนแอซึ่งต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ ควรลูบหลังลูกแมวให้เรอระหว่างให้อาหารและหลังอาหาร โดยนำมันผาดไหล่ ให้ตัวตั้งตรงและตบหลังเบาๆ การให้น้ำนมจากขวดหรือหลอดต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปอดบวมหรือการสำลักน้ำ ใน 24-28 ชั่วโมงแรก ลูกแมวต้องการนม 1 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง แต่ละวันเพิ่มจำนวนขึ้น 0.5 มิลลิลิตร จนถึง 10 มิลลิลิตรต่อมื้อ จึงหยุดเพิ่ม ใน 1 วันลูกแมวควรได้รับอาหาร 6-9 มื้อ ในช่วง 2 สัปดาห์ ให้อาหารลูกแมว 5-7 มิลลิลิตรต่อครั้ง ช่วง 3 สัปดาห์ จะเริ่มให้อาหารอ่อน 3 เวลาต่อวัน และยังมีการให้นมจากขวดอยู่ ในสัปดาห์ที่ 4 ลูกแมวควรได้รับน้ำนมจากขวด 4-6 ครั้งต่อวันร่วมกับอาหารอ่อน 4-5 ครั้งต่อวัน ลดการให้อาหารช่วงกลางคืนลง ลูกแมวจะกินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 7 สัปดาห์ สัญญาณแรกของการเจ็บป่วย คือ น้ำหนักลด น้ำหนักของลูกแมวจะเพิ่มขึ้น 50-100 กรัมต่อสัปดาห์ เมื่อลูกแมวอายุ 14 วัน น้ำหนักจะเพิ่มเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด ถ้าลูกแมวน้ำหนักไม่เพิ่มควรให้อาหารเพิ่มขึ้น
                       


      ۩۞۩สุขอนามัย۩۞۩


      ลูกแมวเกิดใหม่จะไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยังเจริญไม่สมบูรณ์ ลูกแมวต้องได้รับการกระตุ้นโดยใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นลูบบริเวณทวารหนัก จะทำให้ลูกแมวปัสสาวะ อุจจาระภายใน 1-2 นาที โดยปกติลูกแมวอายุ 21 วัน จะขับถ่ายของเสียได้เอง หมั่นสังเกตปัสสาวะและอุจจาระของลูกแมว ปัสสาวะปกติควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส ถ้ามันมีสีเหลืองคล้ำหรือส้มแสดงว่าลูกแมวได้รับอาหารไม่เพียงพอ ปกติอุจจาระจะมีสีน้ำตาลจางหรือเข้ม อุจจาระสีเขียวแสดงถึงโรคติดเชื้อ ถ้าอุจจาระแข็งมากแสดงว่าให้อาหารทีละมากๆ แต่ให้ไม่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด มีแก๊ส หายใจไม่สะดวก

        
                              


      ۩۞۩อุณหภูมิและความชื้น۩۞۩


      ลูกแมวเกิดใหม่ยังไม่สามารถรักษาความร้อนของร่างกาย หรือสั่นตัวเพื่อให้เกิดความร้อนได้ จึงต้องมีที่ให้ความร้อนแก่ลูกแมว เช่น ตู้อบ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถูกออกแบบสำหรับลูกสัตว์เกิดใหม่ จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมและควรระมัดระวังอย่าให้ความร้อนสูงเกินไป ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ในบริเวณนั้นเพื่อคอยสังเกตอุณหภูมิ ในสัปดาห์แรกอุณหภูมิควรอยู่ที่ 85-90 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้น 55-65% พอ 3 สัปดาห์ลดอุณหภูมิลงเป็น 75 องศาฟาเรนไฮต์ ลองสังเกตถ้าลูกแมวมาอยู่รวมกันแสดงว่ามันหนาวไป แต่ถ้าลูกแมวอยู่ห่างกันคนละมุมแสดงว่าร้อนไป ลูกแมวที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำควรทำให้อบอุ่นอย่างช้าๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมงจนลูกแมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติ 97องศาฟาเรนไฮต์ควรรักษาความชื้นโดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำวางเหนือกล่องที่ลูกแมวอยู่ จะช่วยเพิ่มความชื้นได้ ไม่ควนเลี้ยงลูกแมวในที่อับชื้น หรือบนพื้นที่ผุพัง เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งอาจเกิดโรคทางเดินหายใจได้ การควบคุมอุณหภูมินั้นสำคัญกว่าในเรื่องความชื้น ลูกแมวควรอยู่ในที่ที่มีผิวสัมผัสที่ดี เช่น ผ้าห่ม ขนแกะ จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกแมว

                                          

      ۩۞۩การป้องกันโรค۩۞۩


      ลูกแมวอาจติดโรคได้ง่าย เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าหากไม่ได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ นมน้ำเหลือง 24 ชั่งโมงแรกหลังคลอดจะมีแอนติบอดีมากมาย ซึ่งแอนติบอดีจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลูกแมวที่ไม่ได้กินนมน้ำเหลืองจะมีภูมิคุ้มกันโรคน้อย และควรฉีดวัคซีนให้ลูกแมวด้วย ลูกแมวอาจได้รับอันตรายจากพยาธิ จึงควรถ่ายพยาธิให้ลูกแมว เริ่มเมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ และถ่ายซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 8 และ 10สัปดาห์


                                     


      ۩۞۩การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม۩۞۩


      เราควรลูบขน กอด และให้ลูกแมวเล่นกับคนประมาณ 30-40 นาทีต่อวัน นอกเหนือจากการให้อาหารและทำความสะอาดให้มัน ลูกแมวต้องการการกระตุ้น ควรปูรองพื้นกล่องที่ลูกแมวนอนด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ลูกแมวจะอบอุ่นและหลับสบาย สิ่งสำคัญคือทำให้เหมือนลูกแมวเป็นสมาชิกในบ้านในช่วง 3-6 สัปดาห์ จำไว้ว่ามันยังเด็ก ต้องจับอย่างทะนุถนอม แต่ต้องเริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับเสียง การขับถ่าย คนแปลกหน้า และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

                        

      สรุป ไม่ต้องกังวลว่าการเลี้ยงลูกแมวเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ลูกแมวสุขภาพดี มีความสุขที่คุณเลี้ยงมาคือรางวัลที่วิเศษ



       

      *.:。✿*'゚・✿..:* ปัจจุบันความนิยมในการเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อนเริ่มมีมากขึ้น แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยดุร้าย กิจกรรมประจำวันมักจะนอน แต่มักจะไม่หลับนอนในเวลากลางคืน ในบางครั้งแมวที่เราเคยเลี้ยงไว้หนีไปเที่ยวเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน หรือไม่เคยกลับมาอีกเลย ไม่ค่อยมีใครทราบเหมือนกันว่า แมวไปไหน หรือในบางครั้งแมวถูกสุนัขทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต หรือถูกรถชน กรณีอย่างนี้ผู้ที่รักแมวมักจะหาแมวตัวใหม่มาเลี้ยง บางครั้งมีแมวตัวใหม่มาป้วนเปี้ยนบ้านเรา เราให้อาหารกับมันทุกวัน ทุกวัน.... แล้วก็เป็นแมวของเราไปเอง.. (แมวเราที่หนีไปเที่ยวอาจจะไปมีชีวิตแบบด้วยก็ได้... แล้วมีผู้ใจบุญให้อาหารมัน ... มันเลยไม่กลับมาอีก ก็อาจจะเป็นไปได้) บางครั้งไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงหรอก ให้อาหารไปวันๆ แต่เผลอแผล็บเดียว... เหมียวน้อยเต็มไปหมดเลย.. คราวนี้ต้องเลี้ยงกันยาวเลย...

      *.:。✿*'゚・✿..:* สังคมปัจจุบันเริ่มตระหนักแล้วว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนที่ดี.. ซื่อสัตย์.. ไม่บ่น.. ไม่เถียง.. ถ้าโชคดีถ้าสัตว์เลี้ยงบางชนิดที่สามารถฝึกได้..ใช้งานได้อีก ... นั่นหมายความว่าเราไม่อาจจะคิดว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเพียงสิ่งของ หรืออะไรสักอย่างที่ไม่ใส่ใจก็ได้ไม่ได้เสียแล้ว คงต้องดูแลเหมือนสมาชิกในครอบครัวตัวหนึ่งแล้วหละ ต้องนำมันไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค ต้องให้อาหารที่ดีมีคุณค่า ให้อยู่ในที่ที่จัดให้(กรง หรือภายในบริเวณบ้าน) สัตว์เลี้ยงอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผู้ป่วยบางประเภท หรือแม้แต่คนชรา

      *.:。✿*'゚・✿..:* แมวเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยม ด้วยความน่ารัก ชอบประจบ คลอเคลีย อันเป็นเสน่ท์ที่เจ้าของหลงใหล แต่การเลี้ยงแมวในบ้านมีปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งคือ แมวมักจะชอบลับเล็บด้วยการข่วนเล็บของมันกับโซฟา ตู้ หมอน ทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าปัญหาดังกล่าวมีมาก เจ้าของบางคนอาจจะเลือกวิธีการการถอดเล็บของมัน เพื่อป้องกันการทำลายสิ่งของจากการข่วนหรือลับเล็บของมัน แต่บางคนอาจจะคิดว่าเป็นวิธีการที่โหดร้าย ไม่เป็นสิ่งที่น่าทำ เมื่อลองจินตนาการดูนิ้วมือของเราเอง ปรากฎว่าไม่มีเล็บนั่นแหละคือการถอดเล็บ โดยทั่วไปการถอดเล็บมักจะทำกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่ใช่แมว เช่น เสือ หรือหมี เพราะมีโอกาสทำร้ายผู้เลี้ยงได้

      *.:。✿*'゚・✿..:* การถอดเล็บไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เรามองเห็น แต่การถอดเล็บเป็นการตัด หรือทำลาย ทั้งประสาทรับความรู้สึกและประสาทสั่งงาน(sensory nerves and motor) โดยที่ภายหลังการทำการผ่าตัดถอดเล็บสามารถนำแมวกลับบ้านได้เลย

      *.:。✿*'゚・✿..:* แต่ภายหลังการผ่าตัดถอดเล็บ แมวมักจะมีความเจ็บปวด ไม่สามารถเดินได้ถนัดนัก แมวอาจจะซึม ไม่สดชื่น เนื่องจากแมวยังไม่สามารถเดิน วิ่งเล่น ปีน ลับเล็บได้เหมือนอย่างที่มันเคยทำ การถอดเล็บจึงอาจจะทำร้ายแมวได้ แมวอาจจะเปลี่ยนนิสัยได้ มันอาจจะไม่ค่อยไว้ใจใครอีกต่อไป เป็นแมวขี้กลัว หรือดุร้ายมากขึ้น หรือขี้ขลาดไปเลย ถ้าการทำศัลยกรรมทำได้ไม่ดีนัก แมวอาจจะเจ็บขา เดินไม่ถนัด ต้องผ่าตัดแก้ไขอีก แต่โชคดีบ้านเราไม่ค่อยมีเจ้าของแมวนำแมวมาถอดเล็บ แต่มีการนำเสือ หมีมาทำแทน

      *.:。✿*'゚・✿..:* พึงระลึกด้วยว่า ปัญหาการลับเล็บของแมว หรือการข่วนเฟอร์นิเจอร์ เป็นปัญหาที่เล็กน้อยไม่ใหญ่โตมากนัก ที่สำคัญเราสามารถนำวัตถุที่เราเตรียมไว้สำหรับการลับเล็บให้กับมันได้ ที่เรียกว่า "scratching post" สามารถฝึกได้ แต่การถอดเล็บเป็นสิ่งที่อาจจะดูโหดร้ายสำหรับเราชาวพุทธ

      *.:。✿*'゚・✿..:* ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารทั้งมนุษย์และสัตว์แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ ภาษาพูด (ใช้เสียง) และภาษาท่าทาง (เป็นการใช้อวัยวะประกอบในการสื่อสาร) แมวสามารถใช้ หางในการสื่อสาร บ่งบอกถึงอารมณ์ของมัน(เช่น เดียวกันกับสัตว์ชนิดอื่นๆ) ดังต่อไปนี้.

      ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น :

      แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย 

      ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล :
      แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึก
      เริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

      ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง :
      แสดงว่าแมวตัวนี้กำลัง
      สนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ

      ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง :
      แสดงว่าแมวกำลัง
      มีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน

      ถ้าหางของแมวตั้งตรง โดยที่หาง หรือปลายหางกระดิก หรือสั้นอย่างนุ่มนวล :
      แสดงว่าแมวกำลัง
      แสดงความชอบ ความรัก (showing affection).

      ถ้าหางของแมวอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว :
      แสดงว่าแมว รู้สึกว่า
      ถูกรบกวน หรือมีความกังวล ทุกข์

      ถ้าหางของแมวนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก :
      แสดงว่าแมวกำลังรู้สึก
      โกรธมาก

      ถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง :
      แสดงว่าแมวกำลัง
      โกรธ*

      ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน :
      แสดงว่าThe cat is
      แมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว

      ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน :
      แสดงว่า
      แมวอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีก

      ถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและลุกพองออก :
      แสดงว่าแมวกำลัง
      กลัว

      ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ :
      แสดงว่าแมวอาจจะ มีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ

      ถ้าหางของแมวลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง :
      อาจจะแสดงว่าแมว
      กำลังยอมแพ้

      ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และแมวหมอบ หรือย่อตัวอยู่ หรือยกส่วนตะโพกสูงขึ้น :
      แสดงว่าแมวตัวเมียตัวนั้น
      พร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์ mate.

      ข้อสังเกตุ : ต้องคิดอยู่เสมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแมว ณ สถานการณ์นั้น และสิ่งแวดล้อมที่แมวอยู่
      อย่าดูอารมณ์ของแมวด้วยอาศัยท่าทางของหางของแมวแต่เพียงอย่างเดียว
      * แมวมักจะแกว่งหางเมื่อมันกำลังมีอารมณ์ดี

      ۩۞۩พฤติกรรมของลูกแมวและการฝึก۩۞۩
      ( Kitten behavior and training )


      ลูกแมวนั้นเป็นสัตว์ที่มีความน่ารักและน่าโมโหได้ในขณะเดียวกัน ในการที่จะช่วยลูกค้าให้เข้าใจถึงพฤติกรรมที่ปกติของแมวต้องได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมในการฝึก และสามารถปรับปรุงหรือป้องกันพฤติกรรมที่เป็นปัญหาต่างๆ

      ในลูกแมวที่มีนิสัยซน จะชอบเล่นลูกบอลเล็กๆที่มีขนแต่เมื่อลูกแมวนั้นได้ถูกนำมาเลี้ยงลักษณะที่ดูน่ารักของมันก็อาจจะถูกบดบังโดยสัญชาติญาณของลูกแมวนั้นได้ โชคดีที่มีวิธีป้องกันช่วยให้เจ้าของหายหงุดหงิด หัวข้อนี้จะกล่าวถึงสิ่งที่สำคัญในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกแมวโดยเฉพาะพฤติกรรมที่เป็นปกติและพฤติกรรมแปลกๆที่พบได้บ่อยและคำแนะนำในการรักษา สิ่งที่ผู้อ่านจะได้รับประกอบด้วย ความเข้าใจต่างๆเกี่ยวกับลูกแมว, สิ่งต่างๆที่ลูกแมวต้องการ,การฝึกที่เหมาะสมและเพียงพอและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกแมว

      ۩۞۩การพัฒนาของลูกแมวในระยะแรก۩۞۩

      ช่วง sensitive และความเกี่ยวพันกับมนุษย


      *.:。✿*'゚・✿..:* การให้ความอบอุ่นโดยการลูบขน, การนอนบนตักของเจ้าของ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำในการลี้ยงแมว ความสัมพันธ์ของคนกับลูกแมวที่เข้ากันได้ไม่ได้เกิดจากสัญชาติญาณ แต่จะเกิดจากการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งจะเกิดได้ดีที่สุดในช่วง sensitive ซึ่งช่วง sensitive นาย Betesonได้กล่าวไว้ว่า "ช่วง sensitive คือช่วงที่อายุที่มีผลกระทบในระยะยาวเกี่ยวกับการพัฒนาเฉพาะตัว" ตามที่ได้มีการศึกษาผลกระทบของมนุษย์ที่เกิดกับแมวในช่วงระยะเวลาต่างๆกัน ได้ว่าช่วง sensitive ของการอยู่ร่วมกันของคนกับลูกแมวคือช่วงอายุ 2 ถึง 7 สัปดาห์หลังคลอด ในแมวที่ถูกคนอุ้มเป็นเวลา 15นาทีต่อวันสามารถมีความพร้อมในการอยู่ร่วมกันกับคนมากกว่าแมวที่ได้ถูกอุ้มเลย และเมื่อมันมีอายุมากขึ้น(มากกว่า7สัปดาห์) พฤติกกรมของมันก็จะไม่ต่างไปกับแมวที่เพิ่งถูกเลี้ยงหลังอายุ 14สัปดาห์เลย

      *.:。✿*'゚・✿..:* จากการทดลองแมวที่ถูกอุ้ม 40 นาทีต่อวันจะสามารถอยู่บนตักคนได้นานกว่าแมวที่ถูกอุ้ม15 นาทีต่อวัน โดยถ้าเพิ่มเวลาในการอุ้มมากขึ้นก็จะสามารถมีพฤติกรรมในการใกล้ชิดกับคน ในสถานการณ์ที่อยู่ที่บ้าน ลูกแมวจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนทั้งทางตรงและทางอ้อมดีกว่าในห้องทดลอง เมื่อเปรียบเทียบแมวที่อยู่ที่บ้านกับในห้องทดลอง แมวที่อยู่ที่บ้านจะมีระดับความเกี่ยวข้องกับมนุษย์มากกว่า

      *.:。✿*'゚・✿..:* สิ่งสำคัญของช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับสังคมคือ ในความสัมพันธ์ของลูกแมวที่ไม่มีแม่ดูแลกับมนุษย์ จากการศึกษาในเร็วๆนี้นักวิจัยพบว่าลูกแมวที่ไม่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ในช่วง7สัปดาห์แรกนั้นจะไม่คุ้นเคยกับมนุษย์ ดังนั้นถ้ามนุษย์ต้องการเลี้ยงแมวที่บ้าน สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ การต้องช่วยชีวิตหลังจากหย่านมฝึกการแสดงอยู่กับผู้คน

      *.:。✿*'゚・✿..:* ถึงแม้ว่าข้อมูลข้างต้นจะสนับสนุนความสำคัญของการเรียนรู้และประสบการณ์การติดต่อกับมนุษย์ มันยังมีความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรม จากการศึกษาพบว่าการออกข้างนอกและแสดงความมั่นใจของแมวตัวผู้ มีแนวโน้มสัมพันธ์กับมนุษย์มากกว่าแมวตัวผู้ที่ขี้อาย การศึกษาเป็นนัยว่าลักษณะของพ่อซึ่งเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กบมนุษย์มีอิทธิพลต่อลูกแมวเหนือลักษณะของแม่ ดังนั้นเจ้าของที่ต้องการแมวที่ประจบมนุษย์ควรที่จะหาลูกแมวที่ได้พ่อเป็นแมวพเนจร แต่สิ่งที่สำคัญคือ ลักษณะทางพ่อของแมวนั้นทางวิจัยไม่มีข้อมูล จึงเป็นข้อจำกัดของการใช้ข้อมูลนี้

      การหย่านม


      การหย่านมเริ่มต้นเมื่อลูกแมวอายุ 4-5 สัปดาห์และจะเลิกอย่างเด็ดขาดในสัปดาห์ที่ 8-10 แต่บางครั้งลูกแมวบางตัวที่ยังหย่าไม่นมไม่ขาดก็จะมีพฤติกรรมการดูดหรือกัดแทะข้าวของต่างๆได้

      การล่าเหยื่อ


      การล่าเป็นสัญชาติญาณของแมว แมวเร่ร่อนส่วนใหญ่ แม่จะนำเหยื่อมาให้ลูกแมวจนถึง4สัปดาห์ สัปดาห์ที่ 5 ลูกแมวสามารถฆ่าหนู ถ้าแมวถูกเลี้ยงตั้งแต่เกิดกับหนู จากการทดลองแมวจะไม่ล่าหนูชนิดนั้น การจำกัดการเข้าถึงเหยื่อเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จากการศึกษาพฤติกรรมการล่าเหยื่อ ถ้าลูกแมวออกไปล่าเหยื่อนอกบ้าน การผูกกระพรวนเป็นสิ่งเตือนภัยต่อเหยื่อ แต่แมวส่วนใหญ่ยังกลับบ้านด้วยเหยื่อที่ถูกล่า

      การเคลื่อนไหว


      ช่วงอายุ 6-7 สัปดาห์ ลูกแมวสามารถแสดงนิสัยที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว เช่น การเดิน, การหมุนวัตถุเล็กๆ แต่ไม่สามารถบ่งบอกได้มากเท่ากับอายุ 10-11 สัปดาห์ ลูกแมวจะค่อยๆเดินเมื่อมันหมุนตัวในที่แคบๆ สำหรับความปลอดภัยและสุขอนามัยของเจ้าของจะดีขึ้นเมื่อลูกแมวรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวมากขึ้น

      สังคมและของเล่น


      การเล่นเป็นสิ่งสำคัญของการพัฒนาทางกายภาพและพฤติกรรม การเล่นที่เหมาะสมสามารถลดความเสียหายของสิ่งของและการก้าวร้าว การเล่นต่อสิ่งต่างๆจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงอายุ 4-13 สัปดาห์และจะเริ่มลดลง กี่มีลูกแมวสองตัวที่อายุเท่ากันในบ้านเป็นสิ่งดี แต่เจ้าของต้องตระหนักว่าการเล่นระหว่างลูกแมวจะลดลงเมื่อโตเต็มวัย นอกเหนือจากนี้จะมีการต่อสูที่รุนแรงมากขึ้น การเล่นของเล่นจะมากขึ้นเมื่ออายุ 7-8 สัปดาห์ มนุษย์จะเลือกปลามันเป็นธรรมดาที่แมวจะแสดงสัญชาติญาณในการล่าเหยื่อของแมวออกมา

      การเรียนรู้


      คำว่า "Copycat" บางทีมีจุดกำเนิดมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเป็นผู้สังเกตที่ยอดเยี่ยม แมวมองการกระทำของแมวตัวอื่นและสามารถทำตามได้ทันที สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถที่สอนกันได้ เช่นการมาหา, การนั่งหรือการกระทำอื่นโดยใช้สิ่งจูงใจ

      ยกตัวอย่าง การสั่งลูกแมวนั้นทำได้โดยถืออาหารและให้มันดม เมื่อมันสนใจ ก็ยกอาหารเหนือหัวลูกแมวแล้วพูดว่า "นั่ง" ถ้าลูกแมวทำตามก็ควรให้รางวัลและชมเชยมัน ถ้าเจ้าของแมวต้องการให้แมวทำเป็นประจำ , เจ้าของควรสั่งให้แมวทำเช่นนั้นไปสักพักและควรให้รางวัลอย่างสม่ำเสมอ

      ถ้าเจ้าของฝึกลูกแมวอย่างสม่ำเสมอ ลูกแมวก้จะทำตามคำสั่งนั้น หรือแม้ว่าจะขาดช่วงฝึกไปก็ตามลูกแมวก็จะยังรักษาพฤติกรรมนี้ไว้โดยรางวัลก็เป็นสิ่งจำเป็นในการชมเชยมันเป็นครั้งคราวด้วย การไปที่ร้านหนังสือหรือห้องสมุดเพื่อที่จะฝึกฝนแมวเพื่อที่คุณจะได้แนะนำลูกค้าและมั่นใจได้ว่า การฝึกอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้อง ไม่ใช่การลงโทษหรือความเจ็บปวด สำหรับคนที่เข้าใจว่าแมวไม่สามารถถูกฝึกฝนนั้นควรคิดเกี่ยวกับระยะเวลาที่ลูกแมวเข้ามาอยู่ในห้องครัวหลังจากได้ยินเสียงคนเปิดกระป๋องอาหาร ลูกแมวเรียนความสัมพันธ์ของเสียงกับอาหาร ซึ่งเป็นของรางวัลและแมวจำนวนมากจะมาในห้องครัว เมื่อเปิดอาหารกระป๋องและหวังว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในจานของมัน

      ۩۞۩การท้าทายพฤติกรรมของลูกแมว۩۞۩

      การกระโดดขึ้นบนเคาน์เตอร์


      ถึงแม้ว่าลูกแมวอาจจะยังไม่สามารถที่จะกระโดดสูงในแนวตั้งได้สำเร็จมากนักแต่ความสามารถในการกระโดดก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในสองสามเดือนแรกเจ้าของแมวจะพบว่าลูกแมวเกาะในที่ไม่ธรรมดาและบางทีในที่ที่ไม่คาดคิด เป็นสิ่งปกติสำหรับลูกแมวในการสำรวจสภาพแวดล้อมและจะเกาะอยู่ในบริเวณสูงๆ จากการใช้พื้นที่ในแนวตั้งลูกแมวจะเพิ่มขนาดความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในบ้านและความสามารถในการกระทำ

      มีการยอมรับและไม่ยอมรับจาภาพที่ปรากฏให้เห็นของเจ้าของแมว บ่อยครั้งที่เจ้าของต้องการสอนลูกแมวอยู่ให้ห่างจากเคาน์เตอร์ในครัวและโต๊ะในห้องรับประทานอาหาร เพื่อให้เกิดความสำเร็จมากขึ้นในความพยายามดังกล่าวประการแรกเจ้าของต้องจัดหาที่เกาะในแนวตั้งให้ลูกแมว เสาสำหรับเกาะหรือชั้นที่อยู่ใกล้หรือในระยะจำกัดเพื่อให้ลูกแมวมีทางเลือกที่จะไปยังเคาน์เตอร์ในครัวหรือโต๊ะ เจ้าของควรจะฝึกให้ลูกแมวใช้บริเวณที่จัดไว้ให้โดยเล่นกับลูกแมวใกล้กับบริเวณที่จัดไว้ ให้รางวัลและชมเชยลูกแมวเมื่อลูกแมวไปเกาะในที่ที่ต้องการต่อจากนั้นเจ้าของควรจะจัดบริเวณที่ไม่เป็นที่ต้องการและไม่ยอมรับให้ลูกแมวเพื่อเป็นการยืนยันว่าลูกแมวไม่ต้องการการกระทำอย่างนั้นของเจ้าของ ถ้าเจ้าของไม่ใช้วิธีในทางตรงกันข้ามเพื่อแอบดูและหวังผลที่ตามมา ลูกแมวจะไม่เรียนรู้ในการกระโดดสูงขึ้นไปในบริเวณที่ต้องการถ้าเจ้าของเฝ้าดูอยู่ อย่างไรก็ตามมันหมายถึงการใช้วิธีห้ามไม่ให้ใช้บริเวณเหล่านั้น เช่น การวางผ้าเทปไว้ 2 เส้น (placing double-stick tape) , การเคลื่อนที่โดยมีเสียงบอกสัญญาณ (a motion detector-type alarm) , แผ่นที่ส่งผ่านกระแสไฟฟ้าเมื่อมีการสัมผัส (a pad that delivers a small electrical shock when touched) หรืออุปกรณ์อื่นๆที่ไม่ใช้การกระทำจากเจ้าของโดยตรง ผลที่เกิดขึ้นในทางลบไม่ควรจะอยู่ในการเฝ้าดูของเจ้าของ ลูกแมวควรจะเรียนรู้ในการที่จะหลีกเลี่ยงพื้นผิวเหล่านั้นจากผลในทางลบและใช้วิธีการที่น่าสนใจในการเกาะ เจ้าของควรจะรอบคอบคือไม่ควรล่อหลอกลูกแมวโดยการวางอาหาร ,ดอกไม้หรือต้นไม้ไว้บนเคาน์เตอร์หรือโต๊ะ

      ในขณะที่ความพยายามที่สมเหตุสมผลได้เกิดขึ้นเพื่อป้องกันการใช้เคาน์เตอร์และโต๊ะของลูกแมวลูกแมวบางตัวถูกกำหนดและจะใช้บริเวณเหล่านั้นทั้งๆที่เจ้าของพยายามจะขัดขวางมัน ถ้าในกรณีเช่นนี้บางครั้งมันเป็นการจำเป็นที่จะต้องยอมรับความล้มเหลวและตระหนักว่ามันเป็นความจำเป็นที่จะต้องยอมรับว่ามันเป็นพฤติกรรมปกติของลูกแมว

      ✄✄✄ละครสัตว์กลางคืน (The nighttime circus) ✄✄✄


      บางครั้งการบ่นที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปของเจ้าของแมวคือการระเบิดของเจ้าของที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงของลูกแมว แมวไม่ได้เป็นสัตว์กลางคืน พวกมันจะทำ crepuscular pattern of activity ซึ่งจะเกิดมากในช่วงรุ่งสางและในช่วงค่ำ แต่ถ้ามันไม่ใช่สัตว์กลางคืนทำไมมันจึงทำสิ่งต่างๆในเวลากลางคืน มันเป็นคุณสมบัติในส่วนของพลังและความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นลักษณะของแมว

      ✄✄✄ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเราตรวจสอบพฤติกรรมของลูกแมว เราอาจพบว่าลูกแมวไม่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรใดๆในเวลากลางวัน ในขณะที่เจ้าของทำงานในเวลากลางวันลูกแมวจะใช้เวลาในตอนกลางวันนอนหลับ ตอนเย็นเจ้าของอาจจะนอนสบายบนโซฟากับเพื่อนๆ ดังนั้นลูกแมวก็จะส่งเสียงร้องในช่วงเวลาสั้นๆของเวลาเช้า เพื่อที่จะจัดการกับปัญหานี้เจ้าของแมวจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนพลังงานของแมวให้เป็นกิจกรรมต่างๆเมื่อเจ้าของแมวยังไม่หลับ ลูกแมวซึ่งตื่นตลอดในช่วงเย็นเล่นเกมหรือวิ่งไล่ของเล่นจะมีความร้ายน้อยลงในช่วงกลางคืน

      ✄✄✄แรงกระตุ้นอื่นๆสำหรับในช่วงเวลากลางคืนคือความสนใจในการได้รับการกระทำ เจ้าของแมวซึ่งส่งเสียงร้อง กรีดร้อง ตะโกนเสียงดัง หรือไล่ล่ากันจะเป็นการเรียกร้องความสนใจจากแมว เจ้าของแมวต้องระวังในการที่จะไม่ให้รางวัลใดๆแก่ลูกแมวเมื่อมันทำสิ่งที่ไม่ดีในเวลากลางคืน ถ้าพวกมันไม่สนใจในพฤติกรรมดังนั้นมันจะต้องถูกลงโทษ (ถูกฉีดด้วยกระบอกฉีดน้ำ) แน่นอน การปิดประตูห้องนอนหรือใส่หูฟังอาจจะช่วยรับประกันการหลับในเวลากลางคืนได้

      ✄✄✄ในที่สุดเจ้าของแมวเป็นจำนวนมากตอบสนองการรบกวนในเวลากลางคืนโดยการตื่นขึ้นมาให้อาหารลูกแมวโดยตั้งข้อสงสัยว่ามันอาจจะหิว ลูกแมวเหล่านี้จึงเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า การทำให้เจ้าของตื่นจะได้รับรางวัลอย่างงาม เมื่อเจ้าของพยายามที่จะหยุดพฤติกรรมมันในครั้งแรก ลูกแมวจะดื้อมากขึ้นการไม่เอาใจใส่อย่างคงที่ของเจ้าของจะทำให้เห็นความแตกต่างของพฤติกรรมในที่สุด

      การทำลาย


      ถึงแม้ว่ามันอาจจะมีน้ำหนักน้อยกว่า 5 ปอนด์ ลูกแมวทำความทุกข์และความเสียหายได้ในระยะเวลาสั้นๆ อาวุธหลักของมันคือ เล็บเท้าหน้า ถึงแม้ว่าลูกแมวบางตัวเคี้ยวบางสิ่งบางอย่างได้

      การข่วนเป็นการกระทำปกติของแมวซึ่งให้ประโยชน์ต่อแมวมากมาย มันได้เหยียดกล้ามเนื้อ ปล่อยกลิ่นและทำเครื่องหมายให้เห็นและแต่งเล็บของมัน แมวจะเริ่มข่วน การข่วนที่ประสบความสำเร็จคือ การมีรอยข่วนที่สิ่งของที่เป็นเป้าหมายเป็นที่ยอมรับ เจ้าของแมวควรจะจัดหาโครงสร้างในการข่วนที่เป็นที่ยอมรับ ในตำแหน่งที่มองเห็น โครงสร้างของการข่วนควรจะแข็งแรง พลิกไปทางแนวตั้งหรือแนวนอนได้ขึ้นอยู่กับความชอบของลูกแมวและทำด้วยวัสดุที่ลูกแมวชอบ เพื่อที่จะบ่งชี้ถึงความพอใจในการข่วนและวัสดุที่ใช้ เจ้าของแมวควรเสนอหลายๆชนิดหรือเสนอสิ่งที่ไม่ยอมรับให้ลูกแมวเป็นทางเลือกเพื่อแกล้งล้อเล่น เจ้าของควรจะทำสิ่งที่ไม่ยอมรับ (เช่น การใช้เทปกาว 2 หน้า,อลูมิเนียมฟอย)หรือจัดหาให้ไม่ได้ วัสดุที่ซื้อไม่ควรซื้อสำหรับการใช้เล็บของลูกแมว ( เช่น หนังที่ทนทาน) อาจจะเหมาะสำหรับการทำเฟอร์นิเจอร์ ลูกแมวควรจำได้รับการแต่งเล็บทุกสัปดาห์เพื่อเล็บจะได้ไม่คม เพื่อควบคุมความยุ่งยาก ควรพิจารณาที่สวมเล็บซึ่งมีอายุการใช้งานเป็นเดือนหรือถอดเล็บออก ในขณะที่การถอดเล็บออกเป็นเรื่องที่โต้แย้งกันว่าเป็นเรื่องผิดจรรยาบรรณ ในทางตรงกันข้ามเป็นความเชื่อหรือเป็นที่นิยม มันไม่มีผลต่อปัญหาในทางพฤติกรรมของแมว เช่น ก้าวร้าว หรือ การทำบ้านรก

      ถึงแม้ว่ามันอาจจะธรรมดาน้อยกว่า ลูกแมวบางตัวอาจเคี้ยวของในบ้านโดยเฉพาะวัตถุที่เป็นเส้นใยหรือต้นไม้ เพียงแต่คุณป้องกันเด็กแล้วคุณก็จำเป็นต้องป้องกันแมวด้วย ต้นไม้ควรจะเก็บไว้ในที่ที่ไปไม่ถึง สายไฟไม่ควรเสียบปลั๊กหรือวางทิ้งไว้ ป้องกันสายไฟซึ่งออกจากที่ไม่ได้หรือพบได้อาจหาซื้อได้ตามร้านขายของตกแต่งบ้าน การลงโทษในระยะยาวอาจจะได้ผล ลองพิจารณาสิ่งซึ่งเป็นที่ไม่พอใจ เช่น สเปรย์ที่ใช้ยับยั้งหรือตัวที่ทำให้ขมหรือเครื่องเตือนการเคลื่อนไหว มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะจัดหาสิ่งที่เป็นที่ยอมรับให้กับแมวเพื่อเคี้ยว หม้อเล็กๆจากข้าวสาลีแห้งหรือกระดูกอาจช่วยได้ เล่นกับของเล่น เบ็ดตกปลาอาจทำให้แมวเบื่อและหาสิ่งที่เหมาะสมเป็นทางออกในการเคี้ยวของลูกแมว

      การเล่นแบบก้าวร้าว


      แมวโดยเฉพาะลูกแมวต้องการทางออกของการเล่นอย่างเหมาะสม ถ้าการเล่นไม่เป็นที่พอใจ บางทีแมวอาจจะใช้เจ้าของเป็นเป้าหมายในการเล่น ถ้าแมวตื่นเต้นหรือถูกกระตุ้นมากเกินไปมันอาจทำให้คนอื่นบาดเจ็บ พฤติกรรมการเล่นที่ overexuberant ต่อสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นในบ้านอาจจะมีปัญหา ภายใต้การเล่นเจ้าของแมวอาจจะสังเกตส่วนประกอบของพฤติกรรมกัดสัตว์อื่น เมื่อมันเล่นกับลูกแมวตัวอื่นๆถ้าลูกแมวตัวหนึ่งกัดแรงๆลูกแมวที่เป็นเพื่อนเล่นอาจจะหยุดเล่นหรือมีปฏิกิริยาปกป้องแบบก้าวร้าว ดังนั้นเป็นการแจ้งให้รู้ว่าเป็นการเล่นแบบก้าวร้าว ลูกแมวซึ่งเติบโตตามลำพังตัวเดียว อาจจะไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้และมีการยับยั้งน้อยเมื่อโตขึ้น

      แมวซึ่งมีการเล่นแบบก้าวร้าวจำเป็นต้องมีการจัดการเล่นในแต่ละวันด้วยของเล่น เจ้าของแมวควรจะสอนระยะเวลาในการเล่น การเล่นใดๆก็ตามซึ่งส่งผลให้ตัวเจ้าของเป็นเป้าในการเล่นควรจะหลีกเลี่ยง เจ้าของแมวควรจะพยายามคาดล่วงหน้าว่าจะมีการเล่นงานและตรงเข้าหาของเล่น เจ้าของแมวควรจะหลีกเลี่ยงการให้รางวัลใดๆในการเล่นแบบก้าวร้าว การวิ่งและการส่งเสียงร้องเป็นเพียงการกระตุ้นพฤติกรรม เจ้าของแมวไม่ควรทำการลงโทษใดๆโดยตรงซึ่งมีผลกระทบ (เช่น การตี) เพราะว่ามันอาจจะสร้างความกลัวหรือเกิดความก้าวร้าว เจ้าของแมวขัดจังหวะการเล่นที่ไม่เหมาะสมได้ โดยการลงโทษในระยะไกล (เช่น การฉีดน้ำ , การเตือน) หรือทำให้ห้องน่าตกใจ ถ้าแมวเล่นไม่เหมาะสม การเพิ่มแมวอีกตัวหนึ่งซึ่งมีอายุและระดับเดียวกันกับเจ้าของบ้านเป็นเพียงตัวเลือกอีกตัวหนึ่ง

      ที่นอนหญ้าสำหรับฝึก (Little-box training)


      ความสุขอีกอย่างหนึ่งในการเป็นเจ้าของลูกแมวคือ การฝึกการข่วนของลูกแมวให้เป็นปกติง่ายกว่ามากในการกัดแบบสุนัข ลูกแมวส่วนใหญ่จะพอใจกับที่นอนหญ้าโดยธรรมชาติอยู่แล้วเพื่อการแยกแยะ เลือกวัสดุเพื่อความพอใจมากกว่าในการแยกแยะ ปัญหาน่าจะเกิดขึ้นเมื่อที่นอนหญ้าไม่ถูกใจ ไม่สะอาดหรือประทับใจ และบางครั้งลูกแมวยังพบทางเลือกที่น่าประทับใจเท่าๆกันในการแบ่งแยก เช่น ความสกปรกในกระถางต้นไม้ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่นอนหญ้ามากกว่าจะใช้มัน แมวส่วนใหญ่พอใจวัสดุที่อ่อนนุ่มสบายเช่นเดียวกับการแบ่งแยก substrate และกลุ่มของที่นอนหญ้าที่วางรวมกันไว้จะให้ชนิดของ substrate แมวทั่วไปชอบที่นอนหญ้าที่ไม่มีกลิ่น ที่นอนที่เล็กๆไม่ได้สะอาดมากจนเกินไป ที่ใส่อาหารและมีการล้างทุกวันด้วยสบู่และน้ำเป็นสิ่งที่ควรทำกล่องที่ปิดฝาจะเป็นที่เก็บกลิ่น เจ้าของแมวควรจะทำความสะอาดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตะกอน

      เจ้าของที่มีแมวหลายตัวควรจะมีที่นอนหญ้าหลายๆที่ กฎทั่วๆไป คือว่าอาจจะมีมากกว่า 1 ที่ต่อแมวหลายตัว ดังนั้นในบ้านที่แมว 3 ตัวควรจะมีที่นอนหญ้า 4 ที่

      การขาดความสัมพันธ์กับแมวตัวอื่นๆอาจจะเป็นเหตุให้เกิดปัญหากับที่นอนหญ้าตัวอย่างเช่น ลูกแมวอาจจะไม่เต็มใจที่จะเดินข้ามทางเดินของสุนัขหรือของแมวตัวอื่นๆเพื่อไปยังที่นอนของตนหรือบางทีเด็กเล็กๆอาจจะคว้าลูกแมวในขณะที่มันอยู่ในกล่องหญ้าทำให้ลูกแมวไม่เต็มใจที่จะใช้กล่องนั้นอีก สถานการณ์เช่นนี้ควรจะถูกกำหนดและบันทึกไว้ รวมทั้งควรจะวางกล่องหญ้าไว้ใกล้ๆบริเวณที่อยู่ประจำของลูกแมวเพื่อว่าลูกแมวจะได้เข้าไปใช้ได้ง่ายๆ การคาดหวังว่าลูกแมวตัวเล็กๆจะปีนขึ้นไป 2 ขั้นเพื่อไปยังกล่องหญ้าอาจจะทำให้ลูกแมวทำไม่ได้ ภายใต้วิธีการนี้ควรจะแน่ใจว่าลูกแมวพอดีกับกล่องที่มันนอน ลูกแมวตัวเล็กๆไม่ควรให้อยู่ในกล่องที่สูง ในขณะที่ลูกแมวเจริญเติบโตขึ้นกล่องหญ้าต้องให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกแมวในเรื่องของที่ว่างที่เหลือ

      ลูกแมวบางตัวจำเป็นต้องถูกจำกัดในบริเวณที่เล็กของกล่องหญ้าจนกว่ารูปแบบการใช้จะประสบผลสำเร็จ แน่นอนถ้าลูกตัวหนึ่งมีปัญหาทางการแพทย์ซึ่งเป็นเหตุจากการเพิ่มความเร่งรีบหรือความถี่ของการแบ่งแยก ปัญหาทางการแพทย์ควรจะรีบจัดการให้ประสบผลสำเร็จ

      สรุป (conclusion)

      ลูกแมวเป็นสัตว์มีเสน่ห์,น่าอัศจรรย์ซึ่งเป็นการเพิ่มความสุขอย่างมากให้กับผู้เป็นเจ้าของ แต่บางครั้งพฤติกรรมของมันก็ท้าทาย โดยการทำความเข้าใจและจดจำลักษณะที่เป็นพฤติกรรมการข่วนของมัน เราพัฒนาประสบการณ์ที่พิเศษนี้ได้สำหรับทุกๆคนโดยศึกษาในทางบวกกับความสัมพันธ์อันยาวนานตลอดชีวิต

      ۩۞۩การแก้ปัญหาทางพฤติกรรมโดยทั่วไปของลูกแมว۩۞۩

      เมื่อคุณได้ลูกแมวเข้ามาในบ้านมันสนใจในลูกบอลน่ารักที่มีขน แต่มันจะพัฒนาจนเป็นความเคยชินเเละจะแสดงนิสัยการทำลายออกมามากกว่าที่คุณคิด เเต่ถ้าการเลี้ยงดูของคุณอยู่ในการควบคุมของสัตวแพทย์คุณจะสามารถควบคุมและกำจัดพฤติกรรมที่เป็นที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ได้

      ☀☂☁【】Inappropriate perches ☀☂☁【】

      แม้ว่าลูกแมวของคุณใน 2-3 เดือนแรก จะไม่สามารถแสดงพฤติกรรมหรือความสามารถเหมือนแมวที่โตแล้ว เช่น การกระโดดให้สูงหรือความสามารถด้านกายกรรมของมัน แต่มันจะถูกพัฒนาขึ้นเรื่อย ดังนั้นจากการพัฒนาในด้านต่างๆของมันคุณอาจจะพบพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาต่างๆเมื่อมันอยู่ในบ้านของคุณ เมื่อคุณเห็นแมวรื้อค้นหรือสำรวจของต่างๆที่อยู่ใกล้ตัวมันรวมทั้งที่ว่างจนทุกซอกทุกมุม ก็ขอให้จงเข้าใจว่านั่นเป็นพฤติกรรมที่เป็นปกติของแมว ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยให้ลูกแมวเจริญเติบโตและมีสามารถให้มีอัตราการอยู่รอดสูง

      ถ้าคุณต้องการให้ลูกแมวของคุณอยู่ในสถานที่ที่คุณจัดไว้เช่น ในห้องครัว หรือ ห้องนั่งเล่นโดยไม่ไปวิ่งเล่นทำความวุ่นวายในบ้าน อย่างแรกคุณต้องหาที่เกาะ หรือที่ให้ลูกแมวข่วน ซึ่งต้องเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของลูกแมวและให้รางวัลมันเมื่อมันอยู่เป็นที่ นั่นคือ การให้อาหารมัน

      ต่อมาคุณต้องกำจัดสิ่งที่เป็นที่สนใจของมันออกจากที่ที่คุณไม่ต้องการให้มันอยู่ เช่น อาหาร ดอกไม้ เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของมันให้มันมาอยู่ในที่ที่นั้นๆ การใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยในการการเรียนรู้นี้ควรให้ด้วยความระมัดระวังเพราะมันให้ผลที่เป็นลบต่อพฤติกรรมของลูกแมวของคุณได้

      ☀☂☁【】The nighttime circus☀☂☁【】

      "กิจกรรมต่างๆของลูกแมวจะถูกแสดงออกเมื่อคุณนอนหลับ" นี่คือสิ่งที่เจ้าของแมวกล่าวออกมาเมื่อมาปรึกษากับสัตวแพทย์ ลูกแมวส่วนใหญ่จะไม่ได้รับผลดีจากการที่มันมีกิจกรรมระหว่างวัน ขณะที่คุณทำงานอยู่ลูกแมวจะหลับและในตอนเย็นมันจะสนุกกับการเล่นกับเจ้าของ และมันจะมีกิจกรรมอย่างหนักในตอนกลางคืน การจัดการกับปัญหาเหล่านี้คือ คุณต้องฝึกเพื่อปรับเวลาการเล่นของมันให้ตรงกับกิจกรรมของคุณ นั่นคือ คุณต้องฝึกให้แมวมีการกระตุ้นการเล่นตอนกลางวัน และให้มันมีกิจกรรมที่น้อยลงตอนเย็น

      คุณจะต้องไม่ดุหรือตะหวาดมันเมื่อมันแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม คุณควรค่อยๆฝึกมันให้กำลังใจมัน และถ้าคุณสนใจในพฤติกรรมเหล่านี้ของมัน คุณก็จะสามารถควบคุมและบังคับพฤติกรรมเหล่านี้ของมันได้ ซึ่งถ้าคุณกำจัดพฤติกรรมเหล่านี้ได้ รับประกันได้เลยว่าคุณจะสามารถนอนหลับได้ตลอดคืน

      คุณอาจจะลงโทษมันเมื่อมันแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ ซึ่งเป็นเสมือนการลงโทษมัน และให้รางวัลมันเมื่อมันแสดงพฤติกรรมตามที่เราสอนการทำเช่นนี้มันจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แต่การทำวิธีนี้คุณต้องมีความเข้าใจและธรรมชาติของพฤติกรรมของลูกแมวด้วย

      ☀☂☁【】Another fine mess……. ☀☂☁【】

      แม้ว่าลูกแมวจะมีน้ำหนักน้อยกว่า 5 lb คุณก็สามารถลงโทษมันได้ แต่การทำเช่นนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแมวกับเจ้าของเป็นไปในด้านลบ นั่นก็คือ มันจะไม่เชื่อฟังที่คุณสอนและอาจถึงขั้นทำร้ายคุณได้

      การข่วนเป็นพฤติกรรมที่ปกติของแมว ซึ่งเป็นการจัดการกับเล็บของมันรวมถึงการแสดงอาณาเขตของมันด้วยวัตถุที่มันข่วนต้องเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของแมวและเป็นสิ่งที่มันชอบ ซึ่งคุณสามารถหาของเลียนแบบสิ่งของเหล่านั้นให้มันข่วนได้เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดในบ้านของคุณได้ แมวควรได้รับการตัดเล็บทุกสัปดาห์ถ้าเป็นไปได้ควรหายางที่คลุมเล็บของมันได้ด้วย

      ☀☂☁【】Not all fun and games ☀☂☁【】

      ลูกแมวของคุณของได้รับการเล่นที่เหมาะสม ถ้ามันไม่ได้เล่นและล่วงเลยได้ถึงช่วงวิกฤตแล้ว มันจะกลายเป็นแมวที่ตื่นเต้นง่าย การร่าเริง การควบคุมพฤติกรรม ทำให้ส่งผลถึงความสัมพันธ์หรือความอยู่ร่วมในสังคมกับแมวตัวอื่น ซึ่งรวมถึงการให้คุณได้รับบาดเจ็บด้วย

      แมวแสดงปฏิกริยาร่วมกันในการเล่นกับการควบคุมของเล่น เริ่มต้นจากการให้มันเล่น โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ หลีกเลี่ยงการให้รางวัลที่ทำให้เกิดความเครียด ห้ามลงโทษมันโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวขึ้นได้ คุณสามารถหยุดพฤติกรรมได้โดยการจัดหาสิ่งที่ควบคุมการลงโทษ หรือออกไปจากห้องถ้าแมวแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ควรหาแมวที่มีอายุเท่ากันเข้ามาเป็นเพื่อนของมันด้วย

      ☀☂☁【】ผลทีได้รับจากการจัดการลูกแมวแรกเกิด ☀☂☁【】

      การจัดการลูกแมวที่เพิ่งเกิดไม่สามารถทำให้พฤติกรรมทางสังคมของมันพัฒนาได้ แต่มันจะพัฒนาในด้านร่างกายและระบบประสาทส่วนกลาง ใน 2 อาทิตย์แรกลูกแมวจะมีการพัฒนาด้านสายตาเพราะดวงตาจะเริ่มลืมตาในช่วงนี้ และเริ่มมีความกลัวมนุษย์ ลูกแมวที่มีการจัดการตั้งแต่ 5 นาทีของการเกิด จนกระทั่งถึง 45 วัน จะมีความกลัวมนุษย์น้อยกว่าแมวที่ไม่ได้รับการจัดการโดยมนุษย์ แมวที่ได้รับการจัดการจะสามารถเข้าใกล้ของเล่นที่แปลกตาและมนุษย์บ่อยกว่าแมวที่ไม่ได้รับการจัดการ ซึ่งแมวที่ไม่ได้รับการจัดการจะมีการหลีกเลี่ยงต่อสิ่งเหล่านี้ จากการศึกษาลูกแมวอายุ 5 ปีครึ่ง ถึง 9 ปีครึ่ง ลูกแมวที่ถูกจัดการโดย 0 , 1 , 5 คน ในลูกแมวที่ถูกเลี้ยงโดย 5 คน จะมีความกลัวต่อสิ่งของที่แปลก น้อยที่สุด ในการศึกษาอื่นๆ ลูแมวที่ถูกจัดการ ระหว่าง 3 สัปดาห์ ถึง 14 สัปดาห์ จะเรียนรู้ที่จะเข้าใกล้มนุษย์ ต้องใช้เวลานานกว่าแมวที่ได้รับการจัดการตั้งแต่แรกเกิดแต่เร็วกว่าลูกแมวที่ไม่ได้รับการจัดการอยู่มาก ในลูกแมวที่ได้รับการจัดการ ระหว่าง 7 สัปดาห์ ถึง 14 สัปดาห์ พวกมันจะไดรับการชี้นำความคิดทางสังคม และแมวที่มีอายุตั้งแต่ 7 สัปดาห์ขึ้นจะในช่วงนี้เป็นช่วงที่ได้รับการพัฒนาสังคมดีมาก เพราะฉะนั้นแมวที่ได้รับการจัดการในช่วงนี้จะมีพฤติกรรมทางสังคมดีมาก




      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×