^^ความทรงจำ^^ - ^^ความทรงจำ^^ นิยาย ^^ความทรงจำ^^ : Dek-D.com - Writer

    ^^ความทรงจำ^^

    เป็นความทรงจำในวัยเด็กของข้าพเจ้าเอง ซึ่งเขียนประกวดเรื่องสั้นในวันแม่ที่ผ่านมา และได้รับรางวัลที่ 1 ของม.4 ที่โรงเรียน ยังไงก็ขอฝากผลงานด้วยนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,045

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.04K

    ความคิดเห็น


    43

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ส.ค. 47 / 22:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เรื่องสั้น  “ แม่ ”
                                                                              เรื่อง  ความทรงจำ

          ในเช้าที่อากาศสดใสวันหนึ่ง  เด็กทารกตัวน้อยๆได้ลืมตามาดูโลกเป็นครั้งแรก  ดวงตากลมโตที่ไร้เดียงสามองไปรอบๆตัวราวกับกำลังพยายามจดจำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
          “เด็กไม่ยอมร้องค่ะคุณหมอ”  พยาบาลคนหนึ่งพูดขึ้น  
                       คุณหมอรีบรับเด็กมา  แล้วจับก้นเจ้าตัวน้อยตีเบาๆแต่ความรู้สึกของเด็กน้อยกลับเหมือนโดนตีอย่างแรง
                      “อุแว้~ ~ อุแว้~”
                       เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทุกคนภายในห้องก็ต่างรู้สึกโล่งใจที่เจ้าตัวน้อยเกิดมาอย่างปลอดภัย  แต่ใครกันเล่าที่จะโล่งใจ ดีใจ สุขใจยิ่งกว่าใคร  คนๆนั้นก็คือ หญิงสาวผู้ที่กำลังนอนบนเตียงพร้อมกับความเหนื่อยล้า
                       เจ้าตัวน้อยถูกพากลับมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าที่พันไว้รอบตัว  เธอเอื้อมมือมารับเจ้าตัวน้อยอย่างทะนุถนอมมาไว้แนบอก  ริมฝีปากน้อยๆค่อยๆยิ้มอย่างมีความสุข  หญิงสาวผู้ที่กำลังจะเป็นแม่คนถึงกลับน้ำตาคลอ  หยาดน้ำตาแห่งความปิติยินดีค่อยๆไหลอาบหน้าของเธอช้าๆ

                                                                -------------------------------------------------

      10 ปีต่อมา

                      กลางมหานครที่แสนวุ่นวาย  แสงของดวงดาวถูกบดบังด้วยแสงแห่งอารยธรรม  ผู้คนมากมายต่างหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ  บ้างก็มาเพื่อความอยู่รอดของตนเอง  บ้างก็มาเพื่อสัมผัสกับแสงสีของมหานครแห่งนี้  ยามดึกที่ควรจะไร้ซึ่งผู้คน  กลับแออัดไปด้วยย่านการค้า  และเสียงจากการสนทนาของผู้คน  กลางคืนสำหรับเมืองนี้จึงไม่แตกต่างจากตอนกลางวันเสียเท่าไรนัก
                      เด็กหญิงตัวน้อยกำลังตั้งใจฟังนิทานก่อนนอนอยู่บนเตียงที่แสนอบอุ่น  แขนอันบอกบางกอดตุ๊กตาหมีขนฟูไว้แนบอกราวกับจะไม่ยอมห่างจากมัน
                      ภายในห้องมีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟที่หัวนอนเท่านั้น จึงทำให้บรรยากาศส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด  ข้างเตียงของเด็กหญิง  หญิงสาวผู้มีดวงตาแบบเดียวกับเจ้าตัวน้อย กำลังอ่านนิทานให้กับเด็กน้อยผู้เป็นเจ้าของห้องฟัง
                     “……และแล้วเจ้าชายฟิลิปกับเจ้าหญิงมิไลกาก็ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข” หญิงสาวหันไปหาเด็กน้อยและยิ้มให้กับเธออย่างโยน  ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า  “นิทานจบแล้วนะ  แต่ลูกของแม่ยังไม่ยอมนอนเลย”
                     “แม่ค่ะ  เล่าอีกเรื่องนะคะ”  เด็กหญิงโอดครวญ
                     “น้ำรินจ๊ะ  พรุ่งนี้ลูกต้องไปโรงเรียนนะ  เพราะงั้นนอนได้แล้วรู้มัย  แล้วพรุ่งนี้แม่จะเอาเรื่องสนุกๆมาเล่าให้หนูฟังอีกนะ”
                     “ก็ได้ค่ะ”  น้ำรินตอบตกลงไป  แม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่ยอมแต่เมื่อมองใบหน้าของผู้เป็นแม่ก็ทำให้เธอยอมทุกอย่าง
                      ไม่นานแสงจากโคมไฟก็ถูกปิดลง  ภายในห้องจึงเหลือเพียงความมืด  ตุ๊กตาหมี  และเจ้าของห้องตัวน้อย - - -น้ำริน

                                                                    -------------------------------------------------

                      เช้าวันหนึ่ง  ขณะทีท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆฝน  น้ำรินลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆห้อง  มือน้อยๆค่อยๆพยุงร่างของตนขึ้นจากเตียงช้าๆ  น้ำรินเดินออกจากห้องด้วยท่าทีที่งัวเงีย
                     ซ่าาาาาาาา-----------

                      เสียงของฝนตกในเช้าวันนี้ช่างไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลยสำหรับน้ำรินในตอนนี้  เพราะทุกครั้งที่ฝนตกเธอมักจะอยู่ในอ้อมกอดของพ่อและแม่เสมอ
                      น้ำรินเดินมาจนถึงห้องของพ่อและแม่  น้ำรินเอื้อมมือน้อยๆของเธอเปิดประตู  เผยให้เห็นร่างของผู้เป็นที่รักทั้งสอง  คุณพ่อที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานจนดึกดื่นยังคงนอนอยู่บนเตียง  ส่วนคุณแม่นั้นกำลังแต่งตัวอยู่ แต่ก็ต้องหยุดเพราะเห็นสีหน้าที่กำลังตื่นกลัวของน้ำริน
                     “เข้ามาซิจะ  แม่กำลังห่วงหนูอยู่เลยว่า น้ำรินคนเก่งของแม่จะทนเสียงฝนตกได้มัย  แต่ดูสิไม่ทันไรเจ้าตัวเล็กก็รีบมาหาพ่อกับแม่อีกแล้ว”
                      น้ำรินรีบวิ่งไปหาแม่  พร้อมๆกับที่ผู้เป็นแม่ก้มลงกางแขนรอบรับลูกน้อยสู่อ้อมอก
                     “แม่ค่ะ  หนูกลัว”
                     “โอ๋!  อย่ากลัวนะจ๊ะคนดี  น้ำรินหนูต้องเข้มแข็งนะ  ถ้าพ่อกับแม่ไม่อยู่จะทำยังไงละ”
                     “พ่อกับแม่จะไปไหนหรอค่ะ”
                     ผู้เป็นแม่ยิ้มให้กับน้ำรินผู้เป็นเจ้าของความไร้เดียงสาก่อนจะกล่าวต่อไปว่า  “สักวันหนึ่งพ่อกับแม่ก็จะต้องจากหนูไปแบบที่ไม่มีวันกลับ  หนูยังจำเจ้าฮันนี่ได้มัย”
                    ใบหน้าน้องๆถึงกลับเศร้าหมองไปทันที  น้ำรินยังจำได้ดีถึงเจ้ากระต่ายตัวน้อยที่เป็นเสมือนเพื่อนรักของเธอ  คอยเล่นกับเธอ  ทานข้าวกับเธอ  อาบน้ำกับเธอ  คอยอยู่เคียงข้างเธอ  แต่แล้ววันหนึ่งหลังจากที่เธอกลับจากโรงเรียน  ฮันนี่ก็ไม่ยอมมองตาเธออีก  มันเอาแต่นอน  ซ้ำตัวยังเย็นขึ้นเรื่อยๆ  แม้ว่าเธอจะพยายามเรียกมันซักกี่ครั้ง  เจ้าฮันนี่ก็ไม่รีบวิ่งมาหาเธออีกเหมือนทุกครั้ง  นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับการจากไปแบบไม่มีวันกลับชั่วนิรันดร์  แต่นี่แม่กำลังจะบอกเธอว่าแม่จะจากเธอไป  ไม่ใช่จากกันแบบธรรมดา  แต่จะจากกันแบบที่เธอจะไม่ได้เจอกับแม่อีก  แน่นอนว่าความรู้สึกรัก ห่วงใยที่เธอมีกับแม่นั้นย่อมมากกว่าฮันนี่ไม่รู้กี่เท่า  เพียงแค่ฮันนี่จากไปเธอก็เศร้าถึงเพียงนี้  แต่หากว่าผู้ที่จากไปคือ แม่  เธอจะอยู่ได้หรือ  เธอจะทนได้หรือ
                     “แม่จะทิ้งหนูไว้หรอค่ะ  ไม่เอานะ  ไม่เอา”  น้ำตามากมายค่อยเอ่อล้นจากดวงตาคู่น้อยๆราวกับสายน้ำ
                     “แม่อย่าไปไหนนะคะ  อย่าทิ้งหนูไว้  หนูสัญญาว่าหนูจะเป็นเด็กดี  จะไม่ดื้ออีก  แม่อย่าไปไหนนะคะ”
                      เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของผู้ที่เป็นแม่ก็ทำให้เด็กตัวน้อยที่ไร้เดียงสาเศร้าใจได้ถึงเพียงนี้  แต่ใจของผู้เป็นแม่ที่เห็นดวงตาคู่น้อยที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตากลับเศร้าใจยิ่งกว่า
                     “น้ำรินตัวน้อยของแม่  อย่าร้องนะจ๊ะ  คนเราไม่สามารถ เลือกกันได้หรอกรู้มัยเรื่องแบบนี้”  เธอพูดพร้อมกับลูบหัวน้อยๆเบาๆ  “แต่เมื่อวันนั้นมาถึงลูกจะต้องเข้มแข็งรู้มัย  ต้องเป็นเด็กดี  อย่าดื้อกับคุณพ่อ”
                     “ถ้าโลกนี้ไม่มีแม่  หนูก็ไม่อยากอยู่หรอกค่ะ  แม่ค่ะ  ให้หนูไปกับแม่นะค่ะ”  ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำใสๆมองใบหน้าของผู้เป็นแม่อย่างอ้อนวอน
                     “ไม่ได้หรอกนะจ๊ะ”  ผู้เป็นแม่เอื้อมมือมาโอบกอดลูกน้อยไว้แนบอก  “วันแรกที่ลูกลืมตามาดูโลกอย่างปลอดภัย  แม่ยังจำได้ดีว่าแม่ดีใจแค่ไหน  ลูกเปรียบเสมือนชีวิตของแม่  ถ้าลูกทุกข์แม่ก็ทุกข์  ถ้าลูกสุขแม่ก็สุข  ฉะนั้นอย่าคิดอย่างนี้อีกนะรู้มัย”
                     “แต่หนูต้องทนไม่ได้แน่ๆเลย  ถ้าหนูจะไม่ได้เจอแม่อีก”
                     “ไม่หรอกจะ”  ผู้เป็นแม่จับมือน้อยๆของน้ำรินมาไว้ที่อกของเธอ  “รู้สึกใช่มัยจ๊ะว่าใจของแม่ยังเต้นอยู่”  แล้วเธอก็จับมือน้อยๆของน้ำรินมาไว้ที่อกของเด็กหญิง  “ใจของลูกก็ยังคงเต้นอยู่เช่นกัน    น้ำรินจ๊ะลองมองดูท้องฟ้าในเวลานี้สิ”
                     น้ำรินตัวน้อยมองดูท้องฟ้าที่สดใส  หลังจากฝนตก  นกหลายตัวที่หลบฝนอยู่เมื่อครู่ต่างก็ออกมาส่งเสียงอีกครั้ง  ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝนที่ตกหนักปานฟ้าจะถล่ม  บัดนี้กลับกลายเป็นท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งถึงเพียงนี้
                    “น้ำรินรู้มัย  ว่าฝนที่ลูกเคยกลัวอยู่ตลอด  มักจะนำพาเอาความสดใสของท้องฟ้าสำหรับวันใหม่มาด้วยเสมอ  ลูกกับพ่อจะอยู่ในใจของแม่เสมอ  แม่สัญญาว่าแม่จะอยู่เคียงข้างลูกตลอดเวลา”
                    “จริงๆนะค่ะ”  เด็กน้อยรีบปาดน้ำตาที่แก้มออก  “สัญญานะคะ”  มือน้อยๆค่อยเอื้อมไปหาผู้เป็นแม่  นิ้วก้อยของทั้งสองประสานกันราวกับเป็นตัวแทนสายสัมพันธ์ของสองแม่ ลูก  รอยยิ้มที่ออกมาจากใจที่บริสุทธิ์ก็ค่อยๆปรากฏบนใบหน้าของเด็กน้อย
                    “งั้นหนูไปแต่งตัวบ้างนะคะ”  แล้วน้ำรินก็รีบวิ่งออกจากห้องไป
                     ผู้เป็นพ่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน  เขาเป็นผู้เดียวที่รู้อาการเจ็บป่วยของหญิงสาวผู้เป็นแม่อย่างดี  เมื่อน้ำรินออกจากห้องไป  เขาก็รีบลุกจากเตียงมาหาหญิงอันเป็นที่รัก  พร้อมกลับกอดเธอไว้แน่นราวกลับกลัวว่าเธอจะจางหายไปต่อหน้า
                    “คุณจะต้องหาย  หมอบอกว่ายังมีทางรักษา  แม้จะเป็นเพียงความหวังที่เล็กน้อยก็เถอะ”
                    “คุณค่ะ  ฉันรู้ดีว่าโรคนี้มันร้ายแรงแค่ไหน  ฉันของฝากน้ำริน”  แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ  ชายหนุ่มก็กล่าวขึ้นมาเสียก่อน
                    “ผมรู้  ผมรู้”  น้ำตาของลูกผู้ชายไหลอาบหน้าชายหนุ่มผู้เป็นพ่อ  “ผมจะดูแลน้ำรินอย่างดี  จะรักเธอยิ่งกว่าสิ่งใด”
                    “ขอบคุณค่ะ”  ผู้เป็นแม่ไม่สามารถอดกลั่นน้ำตาของเธอได้อีกแล้ว  “ขอบคุณค่ะ   ขอบคุณ”  แต่ถึงกระนั้นใบหน้านั้นก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นนั้น

                                                        -------------------------------------------------
          
      ตี๊ด----- --- - ตี๊ด---- -- -- -

          เสียงของนาฬิกาปลุกบอกให้รู้ว่าขณะนี้เวลา 6 โมงเช้าแล้ว  เจ้าของห้องเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุก  และลุกขึ้นจากเตียงอย่างงัวเงีย
          นานแล้วที่เธอไม่ได้ฝันแบบนี้  ช่างเป็นฝันที่มีทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน  นับจากวันนั้นมาก็ผ่านมาแล้ว 5 ปี  ทุกอย่างในเมืองแห่งนี้ได้ถูกกาลเวลาเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน  แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยนนับตั้งแต่วันนั้น ถึงวันนี้ หรือต่อๆไป สิ่งนั้นก็คือ….
          ภายในห้องครัว  ชายคนหนึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร  เด็กหญิงในชุดนักเรียนเดินเข้ามาในห้อง
          “อรุณสวัสดิ์ พ่อ”
          “อรุณสวัสดิ์  น้ำริน  พ่อทำอาหารให้ลูกอยู่บนโต๊ะแล้วนะ  รีบๆทานล่ะ  เดี๋ยวรถประจำจะมาแล้ว”
          “ค่ะ” น้ำรินตอบรับ  
          จากนั้นก็เริ่มทานอาหารของเธอ  ไม่ถึง 10 นาทีจานที่อยู่ตรงหน้าก็ว่างเปล่า  พร้อมๆกับเสียงแตรของรถประจำทางที่จอดรออยู่หน้าบ้าน
          “งั้นหนูไปโรงเรียนนะคะพ่อ” น้ำรินคว้ากระเป๋าของเธอมาสะพายไว้บนบ่า
          “อืม ตั้งใจเรียนนะ”
          “ค่ะพ่อ”
          และก่อนที่น้ำรินจะออกจากบ้าน  เธอก็หันไปหารูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ  พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
          “หนูไปแล้วนะคะ  แม่”


                                          จบบริบูรณ์

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×