รหัสฟ้า...การเดินทางของจิตและความโล่งว่างแห่งวิถีฟ้า
อะไรอยู่บนฟ้า เทวดาองค์ใดแฝงตัวอยู่ ทำไมทุกศาสดาต้องอ้างอิงฟ้าเบื้องบน ฟ้าดี ดินบาป บนฟ้ามีฤทธิ์บันดาลทุกอย่าง สรรพชีวิตล้วนอยู่ในลิขิตของท่านกระนั้นหรือ สักวันข้าฯ ต้องรู้
ผู้เข้าชมรวม
516
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
รหัสฟ้า ชะตาชีวิต ในอ้อมกอดพี่ ฟ้าดี ดินบาป วิถีฟ้า ความโล่งว่าง เรื่องรัก ท้อแท อันเป็นธรรมชาติ บทเรียนสอนน้อง สแตติก ไดนามิก ความต่างศักย์ จิตสมาธิ ย้อนอดีต
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คำปรารภ
‘รหัสฟ้า’ นวนิยายอันอิงแอบกับ ‘จิต’ เล่มนี้ ถูกเขียนไว้หลายปีดีดัก ก่อน ‘เขียวเอยขาวเอย แล่นเลยทุกลำ’ หนังสือแนววรรณกรรมเล่มแรกของผู้เขียนและก่อน
‘ริมคลองนั้นมีผมกับเป็ด’
หนังสือรางวัลแว่นแก้วครั้งที่ ๑๒
ประเภทวรรณกรรมเยาวชน ประจำปี ๒๕๕๘ จากสำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์
ในอีกหลายปีถัดมา แต่เพราะเป็น ‘งานใหญ่’ เมื่อนำมาอ่านทบทวนครั้งใด เป็นได้ปรับปรุงเพิ่มเติมทุกทีไป
แต่ก็เฉพาะด้านการใช้ภาษาและการวางพล๊อตเพื่อให้งานออกมาดีที่สุดและอ่านได้ง่ายขึ้นจะได้ไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับท่านผู้อ่านมากเกินไป
คราวนั้นจึงตัดสินใจตีพิมพ์ ‘เขียวเอยขาวเอย แล่นเลยทุกลำ’
ซึ่งมีกลิ่นรสเบาบางกว่าออกมาก่อน
แม้ ‘รหัสฟ้า’
จะมี ‘โทนสีออกเทา’ เสียเป็นส่วนใหญ่
แต่ทุกครั้งที่นำมาอ่านทบทวน กลับทำให้รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
อาจเป็นเพราะอ่านแล้วให้รู้สึกปลดปลงกับความไม่จีรังในทุกสรรพสิ่ง
ใจจึงสงบและให้อภัยอะไร ๆ ใคร ๆ ได้โดยง่าย
อารมณ์หงุดหงิดและเศร้าหมองพลันมลายหายไป ทำให้ระลึกถึงคำกล่าวของแฮเรียต บีชเชอร์
สโตว์ ที่ได้เขียนไว้ใน ‘กระท่อมน้อยลุงทอม’ ว่า “จิตใจใดก็ตามที่เศร้าได้อย่างจริงใจแท้จริง
ย่อมเป็นจิตใจที่ดีงามด้วยเช่นกัน”…เมื่อเห็นเป็นประโยชน์
ครั้งหนึ่ง จึงคิดจะนำออกเผยแผ่ ทว่าด้วยภาระและความคร้านของผู้เขียนด้วยกระมังที่ทำให้
’รหัสฟ้า’ ยังคงเป็นเพียงปึกกระดาษต้นฉบับแอ้งแม้งอยู่ในตู้หนังสือ
กระทั่ง ‘เวลา’ เริ่มมีผลต่อความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง
(เมื่อท่านได้อ่านแล้ว จะเข้าใจในคำปรารภนี้) เมื่อหมดเวลาแห่งการรอคอย
‘รหัสฟ้า’ จึงมีโอกาสได้ออกมาโลดแล่นในบรรณพิภพ...แน่นอน
มันอยู่ในมือของท่านแล้ว
’รหัสฟ้า’
เป็นเรื่องราวของหลากตัวละครที่มีอกุศลมูลสาม- โลภะ โทสะ โมหะ-
อยู่ในดวงจิตและกมลสันดานและไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต
มันเป็นสิ่งเดียวที่เกาะเกี่ยวพวกเขาไว้ไม่ให้หลุดพ้นไปไหน
เปรียบได้กับสังโยชน์ร้อยรัดไว้ให้เวียนว่ายในวัฏฏะ
ผู้เขียนได้จินตนาการเปรียบมันได้กับแรงดึงดูดของโลกที่เหนี่ยวรั้งสสาร (รูปกาย) และพลังงาน (วิญญาณ)
ของสรรพสัตว์เอาไว้ไม่ให้หลุดรอดจากอิทธิพลของมันไปได้
จำต้องหมุนเวียนมา ‘เอาเกิด’ อีกครั้งตามแรงอาวรณ์ขณะดับสูญ
แม้จะใช้คำว่า ‘จินตนาการ’
แต่โดยส่วนตัวแล้ว
เห็นว่ามันแนบสนิทกันอย่างแยกไม่ออกจนพออนุโลมได้ว่ามันคือใกล้เคียงกันหรือคือสิ่งเดียวกัน
ตัวเอกของเรื่องที่ผ่านกาลเวลาทั้งสาม-อดีต
ปัจจุบัน อนาคต- เพียงช่วงข้ามปี
ทำให้เขาเห็นความแตกต่างของชีวิตและธรรมชาติได้ชัดเจนกว่าผู้ที่ดำเนินชีวิตไปตามกาลปกติ
แม้ว่าในเบื้องต้นจริตของเขาจะซัดส่ายไปมาตามอาวรณ์และกิเลสที่ติดตัวมาแต่เดิม
แต่เพราะความเพียรพยายามฝึกฝน การเข้าสู่ ‘สุญตา’ จึง ‘วูบ’ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว การนี้ทำให้เขาได้ตระหนักว่าทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนถูกตั้ง
‘รหัส’ ไว้แล้ว พรหมลิขิต โครโมโซม
เป็นอาทิ โลกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล มนุษย์ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
ย่อมถูกตั้งรหัสไว้ด้วยเช่นกัน ทว่าแม้มนุษย์จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวแห่งจักรวาล
หากแต่ปัญญาญาณของมนุษย์กลับมีพลังมหาศาล
การหยั่งรู้ทำให้มนุษย์รู้แจ้งแทงตลอดและทำตัวให้หลุดพ้นจาก ‘รหัส’ นั้นได้ หากมีความเพียรที่ยิ่งยวด
อนึ่ง
ยอมรับว่าผู้เขียนเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจะจัด ’รหัสฟ้า’ อยู่ในงานเขียนประเภทใด
หากจะให้ระบุลงไป ก็น่าจะเป็น ‘ดราม่าแฟนตาซี’ ที่มีกลิ่นทัศนะแห่งชีวิตก็พอได้กระมัง แล้วยังผสมไซไฟอีกเล็กน้อย หลายสิ่งประดิษฐ์ในนิยายเล่มนี้เกิดขึ้นจริงในกาลต่อมา
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จำต้องพิมพ์ ‘รหัสฟ้า’ ออกมาในห้วงเวลานี้ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานวันกว่านี้
แทนที่จะอัศจรรย์ใจในสิ่งประดิษฐ์และเหตุการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตอันใกล้
ก็จะกลับกลายเป็นการลอกเลียนจน ‘เก่า’ ไปเสีย
ในแง่ของ ‘ความเร้นของชีวิต’
ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมฝึกฝนเจริญวิปัสสนากรรมฐานจากสำนักวิปัสสนาแห่งหนึ่ง ผู้บรรยายได้ถ่ายทอดให้ฟังอย่างละเอียดเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ผู้ที่เกิดปัญญาญาณจากสมาธิจะมีโอกาสสัมผัสนิมิตต่างๆ
โดยเฉพาะการอธิบายถึงการได้เห็นการเคลื่อนไหวช้า ๆ ราวกับภาพสโลว์โมชั่น
ของเทหวัตถุต่างๆ อันเนื่องมาจากจิตที่มีความไวมากกว่าการเคลื่อนที่ของวัตถุ สอดรับกับสิ่งที่
เซอร์ ไอแซก นิวตัน ค้นพบแรงดึงดูดของโลก ห้วงเวลานั้น ผู้เขียนก็พอสัมผัสได้บ้างกับ
‘บางสิ่ง’ ขณะฝึกฝน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ได้พบเห็น
(อันถือเป็นเพียงข้อเท็จจริงหรือ Fact)
เป็นความจริง (Truth) หรือไม่
หรือมีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด จึงเพียงเอา Fact นั้นมาเล่าสู่กันฟังโดยผ่านนิยายเรื่องนี้
ในเนื้อเรื่อง
ผู้เขียนพยายามหลีกเลี่ยงคำว่า ‘พุทธ’
และศาสนาพุทธ และไม่อ้างอิงคำสอนหรือคำพูดของปราชญ์และครูอาจารย์ด้วยเกรงจะผิดเพี้ยนไปจากเจตนาเดิมของท่านเหล่านั้นโดยไม่ตั้งใจ
ทว่าผู้เขียนก็ยังรำลึกถึงท่านเหล่านั้นเสมอมา หากเกิดความผิดพลาดประการใด
ผู้เขียนขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าท่านที่รักจะสนุกกับการอ่านและได้ข้อคิดไม่มากก็น้อย
สุดท้ายผู้เขียนขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์งานเขียนของผู้เขียน
มา ณ.โอกาสนี้ด้วย
วิธีอ่าน
ตามที่เรียนไว้แล้วว่า
เนื้อหาในเล่มค่อนข้างหนัก และอาจซับซ้อนบ้าง
ทั้งการวางพล็อตของเรื่องก็อาจสลับฉากไปมาระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคต หากระหว่างอ่าน
เกิดสับสนในลำดับเหตุการณ์ ผู้อ่านสามารถดูได้จากตารางเวลาแนบท้ายได้
ขอน้อมรับข้อคิดเห็นและคำแนะนำติเตียนด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง
ท่านผู้อ่านสามารถติดต่อกับผู้เขียนได้ที่ FB: คบเพลิง สราญ
ผลงานอื่นๆ ของ คบเพลิง สราญ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ คบเพลิง สราญ
ความคิดเห็น