รหัสฟ้า...การเดินทางของจิตและความโล่งว่างแห่งวิถีฟ้า
อะไรอยู่บนฟ้า เทวดาองค์ใดแฝงตัวอยู่ ทำไมทุกศาสดาต้องอ้างอิงฟ้าเบื้องบน ฟ้าดี ดินบาป บนฟ้ามีฤทธิ์บันดาลทุกอย่าง สรรพชีวิตล้วนอยู่ในลิขิตของท่านกระนั้นหรือ สักวันข้าฯ ต้องรู้
ผู้เข้าชมรวม
541
ผู้เข้าชมเดือนนี้
16
ผู้เข้าชมรวม
รหัสฟ้า ชะตาชีวิต ในอ้อมกอดพี่ ฟ้าดี ดินบาป วิถีฟ้า ความโล่งว่าง เรื่องรัก ท้อแท อันเป็นธรรมชาติ บทเรียนสอนน้อง สแตติก ไดนามิก ความต่างศักย์ จิตสมาธิ ย้อนอดีต
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คำปรารภ
‘รหัสฟ้า’ นวนิยายอันอิงแอบกับ ‘จิต’ เล่มนี้ ถูกเขียนไว้หลายปีดีดัก ก่อน ‘เขียวเอยขาวเอย แล่นเลยทุกลำ’ หนังสือแนววรรณกรรมเล่มแรกของผู้เขียนและก่อน
‘ริมคลองนั้นมีผมกับเป็ด’
หนังสือรางวัลแว่นแก้วครั้งที่ ๑๒
ประเภทวรรณกรรมเยาวชน ประจำปี ๒๕๕๘ จากสำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์
ในอีกหลายปีถัดมา แต่เพราะเป็น ‘งานใหญ่’ เมื่อนำมาอ่านทบทวนครั้งใด เป็นได้ปรับปรุงเพิ่มเติมทุกทีไป
แต่ก็เฉพาะด้านการใช้ภาษาและการวางพล๊อตเพื่อให้งานออกมาดีที่สุดและอ่านได้ง่ายขึ้นจะได้ไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับท่านผู้อ่านมากเกินไป
คราวนั้นจึงตัดสินใจตีพิมพ์ ‘เขียวเอยขาวเอย แล่นเลยทุกลำ’
ซึ่งมีกลิ่นรสเบาบางกว่าออกมาก่อน
แม้ ‘รหัสฟ้า’
จะมี ‘โทนสีออกเทา’ เสียเป็นส่วนใหญ่
แต่ทุกครั้งที่นำมาอ่านทบทวน กลับทำให้รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
อาจเป็นเพราะอ่านแล้วให้รู้สึกปลดปลงกับความไม่จีรังในทุกสรรพสิ่ง
ใจจึงสงบและให้อภัยอะไร ๆ ใคร ๆ ได้โดยง่าย
อารมณ์หงุดหงิดและเศร้าหมองพลันมลายหายไป ทำให้ระลึกถึงคำกล่าวของแฮเรียต บีชเชอร์
สโตว์ ที่ได้เขียนไว้ใน ‘กระท่อมน้อยลุงทอม’ ว่า “จิตใจใดก็ตามที่เศร้าได้อย่างจริงใจแท้จริง
ย่อมเป็นจิตใจที่ดีงามด้วยเช่นกัน”…เมื่อเห็นเป็นประโยชน์
ครั้งหนึ่ง จึงคิดจะนำออกเผยแผ่ ทว่าด้วยภาระและความคร้านของผู้เขียนด้วยกระมังที่ทำให้
’รหัสฟ้า’ ยังคงเป็นเพียงปึกกระดาษต้นฉบับแอ้งแม้งอยู่ในตู้หนังสือ
กระทั่ง ‘เวลา’ เริ่มมีผลต่อความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง
(เมื่อท่านได้อ่านแล้ว จะเข้าใจในคำปรารภนี้) เมื่อหมดเวลาแห่งการรอคอย
‘รหัสฟ้า’ จึงมีโอกาสได้ออกมาโลดแล่นในบรรณพิภพ...แน่นอน
มันอยู่ในมือของท่านแล้ว
’รหัสฟ้า’
เป็นเรื่องราวของหลากตัวละครที่มีอกุศลมูลสาม- โลภะ โทสะ โมหะ-
อยู่ในดวงจิตและกมลสันดานและไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต
มันเป็นสิ่งเดียวที่เกาะเกี่ยวพวกเขาไว้ไม่ให้หลุดพ้นไปไหน
เปรียบได้กับสังโยชน์ร้อยรัดไว้ให้เวียนว่ายในวัฏฏะ
ผู้เขียนได้จินตนาการเปรียบมันได้กับแรงดึงดูดของโลกที่เหนี่ยวรั้งสสาร (รูปกาย) และพลังงาน (วิญญาณ)
ของสรรพสัตว์เอาไว้ไม่ให้หลุดรอดจากอิทธิพลของมันไปได้
จำต้องหมุนเวียนมา ‘เอาเกิด’ อีกครั้งตามแรงอาวรณ์ขณะดับสูญ
แม้จะใช้คำว่า ‘จินตนาการ’
แต่โดยส่วนตัวแล้ว
เห็นว่ามันแนบสนิทกันอย่างแยกไม่ออกจนพออนุโลมได้ว่ามันคือใกล้เคียงกันหรือคือสิ่งเดียวกัน
ตัวเอกของเรื่องที่ผ่านกาลเวลาทั้งสาม-อดีต
ปัจจุบัน อนาคต- เพียงช่วงข้ามปี
ทำให้เขาเห็นความแตกต่างของชีวิตและธรรมชาติได้ชัดเจนกว่าผู้ที่ดำเนินชีวิตไปตามกาลปกติ
แม้ว่าในเบื้องต้นจริตของเขาจะซัดส่ายไปมาตามอาวรณ์และกิเลสที่ติดตัวมาแต่เดิม
แต่เพราะความเพียรพยายามฝึกฝน การเข้าสู่ ‘สุญตา’ จึง ‘วูบ’ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว การนี้ทำให้เขาได้ตระหนักว่าทุกสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนถูกตั้ง
‘รหัส’ ไว้แล้ว พรหมลิขิต โครโมโซม
เป็นอาทิ โลกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล มนุษย์ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
ย่อมถูกตั้งรหัสไว้ด้วยเช่นกัน ทว่าแม้มนุษย์จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวแห่งจักรวาล
หากแต่ปัญญาญาณของมนุษย์กลับมีพลังมหาศาล
การหยั่งรู้ทำให้มนุษย์รู้แจ้งแทงตลอดและทำตัวให้หลุดพ้นจาก ‘รหัส’ นั้นได้ หากมีความเพียรที่ยิ่งยวด
อนึ่ง
ยอมรับว่าผู้เขียนเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจะจัด ’รหัสฟ้า’ อยู่ในงานเขียนประเภทใด
หากจะให้ระบุลงไป ก็น่าจะเป็น ‘ดราม่าแฟนตาซี’ ที่มีกลิ่นทัศนะแห่งชีวิตก็พอได้กระมัง แล้วยังผสมไซไฟอีกเล็กน้อย หลายสิ่งประดิษฐ์ในนิยายเล่มนี้เกิดขึ้นจริงในกาลต่อมา
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จำต้องพิมพ์ ‘รหัสฟ้า’ ออกมาในห้วงเวลานี้ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานวันกว่านี้
แทนที่จะอัศจรรย์ใจในสิ่งประดิษฐ์และเหตุการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตอันใกล้
ก็จะกลับกลายเป็นการลอกเลียนจน ‘เก่า’ ไปเสีย
ในแง่ของ ‘ความเร้นของชีวิต’
ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมฝึกฝนเจริญวิปัสสนากรรมฐานจากสำนักวิปัสสนาแห่งหนึ่ง ผู้บรรยายได้ถ่ายทอดให้ฟังอย่างละเอียดเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ผู้ที่เกิดปัญญาญาณจากสมาธิจะมีโอกาสสัมผัสนิมิตต่างๆ
โดยเฉพาะการอธิบายถึงการได้เห็นการเคลื่อนไหวช้า ๆ ราวกับภาพสโลว์โมชั่น
ของเทหวัตถุต่างๆ อันเนื่องมาจากจิตที่มีความไวมากกว่าการเคลื่อนที่ของวัตถุ สอดรับกับสิ่งที่
เซอร์ ไอแซก นิวตัน ค้นพบแรงดึงดูดของโลก ห้วงเวลานั้น ผู้เขียนก็พอสัมผัสได้บ้างกับ
‘บางสิ่ง’ ขณะฝึกฝน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ได้พบเห็น
(อันถือเป็นเพียงข้อเท็จจริงหรือ Fact)
เป็นความจริง (Truth) หรือไม่
หรือมีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด จึงเพียงเอา Fact นั้นมาเล่าสู่กันฟังโดยผ่านนิยายเรื่องนี้
ในเนื้อเรื่อง
ผู้เขียนพยายามหลีกเลี่ยงคำว่า ‘พุทธ’
และศาสนาพุทธ และไม่อ้างอิงคำสอนหรือคำพูดของปราชญ์และครูอาจารย์ด้วยเกรงจะผิดเพี้ยนไปจากเจตนาเดิมของท่านเหล่านั้นโดยไม่ตั้งใจ
ทว่าผู้เขียนก็ยังรำลึกถึงท่านเหล่านั้นเสมอมา หากเกิดความผิดพลาดประการใด
ผู้เขียนขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าท่านที่รักจะสนุกกับการอ่านและได้ข้อคิดไม่มากก็น้อย
สุดท้ายผู้เขียนขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์งานเขียนของผู้เขียน
มา ณ.โอกาสนี้ด้วย
วิธีอ่าน
ตามที่เรียนไว้แล้วว่า
เนื้อหาในเล่มค่อนข้างหนัก และอาจซับซ้อนบ้าง
ทั้งการวางพล็อตของเรื่องก็อาจสลับฉากไปมาระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคต หากระหว่างอ่าน
เกิดสับสนในลำดับเหตุการณ์ ผู้อ่านสามารถดูได้จากตารางเวลาแนบท้ายได้
ขอน้อมรับข้อคิดเห็นและคำแนะนำติเตียนด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง
ท่านผู้อ่านสามารถติดต่อกับผู้เขียนได้ที่ FB: คบเพลิง สราญ
ผลงานอื่นๆ ของ คบเพลิง สราญ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ คบเพลิง สราญ
ความคิดเห็น