ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยุทธภพเมืองศิวิไลน์ (นิยายกำลังภายใน-โลกคู่ขนาน)

    ลำดับตอนที่ #2 : เคลื่อนย้าย....ถ่ายเปลี่ยน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 34
      0
      29 พ.ย. 59

             เมืองศิวิไลน์

         หลังจากจบการศึกษาใหม่ เริ่มทำงานกับบริษัทแรกได้ซักระยะ ก็ถึงจุดๆหนึ่งที่ต้องเปลี่ยนงาน ทุกคนอาจมีหลายเหตุผลด้วยกันในการกระทำเช่นนั้น อาจเป็นด้วยเรื่องค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น  อาจเป็นด้วยเป็นโอกาสที่จะพัฒนาความรู้ ความฝัน ต่อไป หรือบ้างอาจเป็นการหลบปัญหาที่น่าเบื่อที่ไม่สามารถแก้ไขได้  หรืออาจเป็นปัจจัยหลายอย่างรวมกันของแต่ละบุคคล 

            ประหนึ่งมันอาจจะเป็นการแสวงหาแนวทางชีวิตในลำดับต่อไปข้างหน้าที่ต้องกระทำ  มันเป็นเรื่องตื่นเต้นมากที่ เราคงคิดกันว่าเราจะได้เจอสิ่งใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ...... ใครจะคาดคิด สังคมที่ใหญ่ขึ้น บริบทที่ซับซ้อนมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่หลากหลายยิ่งขึ้น ...... มันก็ต้องเจอปํญหาที่แยบยลขึ้นตาม

             ด้วยการเป็นพนักงานใหม่ ประสบการณ์ยังไม่มาก อาศัยความขยันตั้งใจเรียนรู้งาน และความใจกว้างเป็นมิตรกับทุกผู้คน  เท่านี้มันคงยังไม่พอให้เราอยู่รอดในสังคมที่ซับซ้อนขึ้นได้ ..... ต้องเรียนรู้สิ่งใดเพิ่มเติมกันละ


               ยุทธภพเสมือนจริง

                  ตามคำเชิญของ “พสุธาโอ่อ่า” ศิษย์ร่วมสำนักที่เคยร่ำเรียนวิชาด้วยกันมา  “กระพือปีกเหิรไกล”    ย้ายเข้า “สำนักเอื้อมจับนทีสะบัด”  สำนักที่ใหญ่ขึ้นเพื่อหวังสร้างชื่อเสียงในยุทธภพในลำดับต่อไป  โดยได้ถูกส่งไปยังอีกสาขาหนึ่งที่ประสบปัญหาอยู่  ไม่ได้อยู่ร่วมกับสหายตามที่คาดไว้    

            ในตอนเข้าสำนักทุกคนต่างต้อนรับเขาอย่างดี ด้วยความเป็นคนใหม่ประสบการณ์ยังน้อย  เขาตั้งใจฝึกวิทยายุทธและเรียนรู้การทำภารกิจอย่างเร่งด่วน  ซึ่งตอนนั้นอยู่ในสถานการณ์คับขันของสำนัก โดยการชี้แนะของเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนัก แต่เวลาผ่านไปยังไม่ได้พัฒนาไปถึงไหน ได้รับการติเตียนจากเหล่าผู้อาวุโสและคนรอบข้าง และถูกเพ่งเล็งจากเบื้องบน เหตุการณ์กลับเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น

     

                  บุรุษผู้หนึ่งท่าทางเรียบง่ายธรรมดา แต่แฝงความอัจฉริยะ เข้ามาเป็นศิษย์ร่วมสำนักคนใหม่เช่นเดียวกัน ขอกล่าวนามเขาว่า “บุรุษประกายแสง” เขาเป็นคนผ่าเผย ไม่ย่ำเกรงต่อความไม่ถูกต้อง ดูทะนงตนซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้อาวุโสแห่งสำนักเริ่มไม่พอใจ แต่ทำการอะไรไม่ได้เพราะเขาเป็นคนที่มีฝีมือโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน แม้เข้ามาได้ไม่นานแต่ทำภารกิจสำเร็จมากมาย

                   อยู่มาวันหนึ่งเขาได้เข้ามาทำความรู้จักกับ กระพือปีกเหิรไกลเขาได้กล่าวประโยคขึ้นมาครั้งแรกหลังจากเห็นกันมานานพอสมควรแต่ไม่ได้เคยกล่าววาจาทักทายกัน

     

         “ เราสังเกตท่านมานานแล้ว เห็นว่าท่านเป็นคนมุมานะพยายาม และมีความคิดหลักเหลี่ยม ...แต่เราสงสัยว่าทำไมท่านยังทนอยู่สภาพอย่างนี้ได้  เราพิจารณาแนวทางวิชาที่ท่านฝึกและภารกิจที่ท่านทำ  มันขัดแย้งกับบุคลิกความสามารถท่านมียิ่งนัก  .......  เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนัก  เขาให้ท่านฝึกตามแนวทางของเขา  ซึ่งเป็นแนวทางไม่ปรารถนาให้ท่านทำสำเร็จ และเป็นผู้รับผิดชอบต่อภารกิจที่ล้มเหลวแทนเขา เพื่อหลบเลี่ยงความผิด  ในปัญหาที่เขาแก้ไขไม่ได้ ..... มากับเราซิ มาพัฒนาไปด้วยกันกับเรา ”

     

          ภายในไม่กี่วัน วิทยายุทธ “ กระพือปีกเหิรไกล ” พัฒนาไปอย่างรวดเร็วตามการชี้แนะของ     “ บุรุษประกายแสง ” ที่สำคัญเป็นแนวทางของตนเองที่ชัดเจน หลุดจากแนวทางดั่งเดิมของสำนัก  ซึ่งเป็นข้อห้ามซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้  ...... ขณะเดียวกัน “บุรุษประกายแสง” ก็ดำเนินการรวบรวมพลพรรค เพื่อต่อกรกับเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักอย่างลับๆ

     

            ภายในเวลาอันสั้นความสัมพันธ์ของเขา พัฒนากลายเป็นสหายร่วมอุดมการณ์อย่างรวดเร็ว วรยุทธและภารกิจที่เขาทั้งสองร่วมกันคิดค้นและกระทำล้วนประสบความสำเร็จมากมายเป็นที่ประจักษ์ต่อสำนัก  มุมมองของคนในสำนักที่มองพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น  แต่ภายในเวลาอันสั้นนั้นเวลาก็ผ่านไปอย่างไม่ทันตั้งตัว  “บุรุษประกายแสง” ได้ถูกเชิญเข้าประชุมเพื่อเลื่อนตำแหน่งในสำนัก  โดยขณะนั้น “ กระพือปีกเหิรไกล” ถูกส่งไปทำภารกิจในอีกที่หนึ่งไม่ได้เข้าร่วมงานด้วย  และนั้นเป็นจากกันครั้งสุดท้ายของเขาทั้งสองอย่างไม่มีวันคาดคิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้ 

             

               มีคนทรยศในกลุ่มคนที่ร่วมวางแผนทำการปฎิวัติสำนัก เขาส่งข้อมูลให้เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนัก และดำเนินการป้ายความผิดแก่ “บุรุษประกายแสง” ว่าวางแผนทำการณ์ไม่เหมาะสมสร้างความแตกแยกในสำนัก และฝึกวิชานอกรีต  เกิดสถานการณ์โกลาหลขึ้นในงานประชุม   โดยไม่ทันตั้งตัว “บุรุษประกายแสง” โดนรุมทำร้าย โดนเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักหมายจับคุม  ...ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หลบหนีไปได้ ....สัณนิฐานว่าเข้ายังถ้ำหลังสำนัก และหายสาบสูญไปไม่มีใครพบร่องรอยของเขาอีกเลย

             ทางด้าน  “ กระพือปีกเหิรไกล” เมื่อรู้ข่าวดังนั้นหมายรวบรวมหลักฐานความผิดของเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักที่กลุ่มปฎิวัติเตรียมการที่จะเปิดโปงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์  นำเสนอต่อรองประมุข แต่พลาดท่าถูกพรรคพวกที่เป็นสายของเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักทำร้ายพลัดตกหน้าผาไป

     

            ระหว่างที่กำลังผลัดตกลงหน้าผานั้น ผนังหน้าผาแห่งนี้พิสดารยิ่งนัก เต็มไปด้วยต้นไผ่ขึ้นรกเรียงราย โบกพลิ้วไหวตามกระแสลม ในสภาวะเป็นตาย ทันใดนั้น “ กระพือปีกเหิรไกล” นึกคำพูดหนึ่งของ “บุรุษประกายแสง” ตอนที่ฝึกวิชารวมกันได้ว่า “ ในโลกใบนี้ไม่มีแบบแผนทุกอย่างตายตัว  ล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ  ซึ่งธรรมชาติเป็นสิ่งไม่แน่นอน จงมีสติจับการเคลื่อนไหวของมันให้ได้ แล้วใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของมัน ผสมผสานเป็นแนวทางของตัวเองที่เหมาะสม เราถึงจะอยู่รอดปลอดภัยสืบไป ”

             เขาตั้งสติได้เรียนรู้การขยับโอนเอนของต้นไผ่ ที่โอนเอียงตามแรงลม และแรงโน้มถ่วงที่เขาตกลงใส่ เรียนรู้จังหวะต้านแรง จังหวะถ่ายแรงเพื่อลดแรงปะทะ จนในที่สุดจับจังหวะได้ ก่อเกิดเป็นวิทยายุทธตัวเบาล้ำเลิศวิชาหนึ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดอาศัยวิชาที่คิดค้นขึ้นในสถานการณ์เป็นตายทะยานขึ้นสู่หน้าผาได้สำเร็จ  ภายหลังถูกเรียกขานว่า “เคล็ดวิชาตัวเบาลัดเลาะทิวไผ่”

     

             หลังจากรอดกลับมาได้  “ กระพือปีกเหิรไกล” เริ่มคบคิดหาแนวทางที่จะตีโต้กลุ่มผู้อาวุโสแห่งสำนัก   โดยเขาทำการซ่อนตัวไม่ให้ผู้ใดในสำนักรับรู้เพราะคงเชื่อใจใครในสำนักไม่ได้อีกแล้ว  และพิจารณาเรื่องราวที่ผ่านมา ถึงวิชาตัวเบาที่เขาคิดค้นขึ้นมานั้นจะเอาตัวรอดได้ แต่ผ่านผู้อาวุโสแห่งสำนักเข้าไปพบรองประมุขไม่ได้เป็นแน่ ต้องมีกระบวนท่าที่หยุดการโจมตีของเหล่าผู้อาวุโสเหล่านั้น  วิชาที่ใช้ได้คงมีแต่อาศัยวิชาสกัดจุดและความเร็วในการเคลื่อนไหว และกลยุทธบางอย่าง

     

             ในที่สุดถึงงานประชุมสำนักอีกครั้งในเวลาถัดมา  ในงานคับคั่งด้วยผู้คน สำนักกลับมาสงบอีกครั้ง ตามความคาดหมายของกลุ่มผู้อาวุโสสำนักที่คิดว่าจัดการควบคุมกลุ่มปฎิวัติทั้งหมดได้เรียบร้อย เตรียมรายงานความดีความชอบต่อรองประมุข    แต่เหตุการณ์กลับอึมครืมขึ้นมาอีกครา  บุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ใช่ใครที่ไหน “ กระพือปีกเหิรไกล” เคลื่อนฝ่าด้านวงล้อมของเหล่าผู้อาวุโสนับสิบ เข้าไปยืนอยู่หน้ารองประมุข  โดยที่ก่อนนั้น เพลงหมัด ฝ่ามือ กรงเล็บและศาตราวุธต่างกลับระดมเข้าหาเขา ที่มันมีสภาวะเหมือนโดนกลับไม่โดน สร้างความงงงวยให้เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย ที่ต่างถูกสวนกลับด้วยวิชาดรรชนีสกัดจุดพื้นฐานที่ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ชั่วขณะ

     

         “ กระพือปีกเหิรไกล” กล่าววาจาขึ้นต่อท่านรองประมุข “ข้าได้นำข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเจตนาดีที่กลุ่มปฎิวัติมีความประสงค์จะทำให้สำนักก้าวหน้า ไม่ใช่การบิดเบือนจากกลุ่มผู้อาวุโส เพื่อใให้ท่านพิจารณาตัดสินใจเพื่อความถูกต้อง และให้อภัยพวกเขาเหล่านั้นด้วย”

            รองประมุขนิ่งเงียบไม่แสดงสีหน้าใด  เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น  รองประมุขกวาดผ่ามือใส่ลมปราณชักแม่น้ำทั้งห้า หมายฉุดดึงเหนี่ยวรั้ง “ กระพือปีกเหิรไกล” โดยเขาได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าท่านรองประมุขต้องใช้วิธีนี้ ฝ่ามือลมปราณชักแม่น้ำทั้งห้าสัมผัสถูกร่างเขา แต่ความตระหนกใจที่ทำให้ผู้คนแตกตื่น “กระพือปีกเหิรไกล” ได้ทะยานผ่านท่านรองเจ้าสำนักไปก่อนแล้ว ที่สัมผัสคือร่างเงาที่ค่อยเลือนราง   รองประมุขกล่าวว่า “กลยุทธทิ้งเงา มันก้าวถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”      นี้ละเป็นคำตอบที่ว่ามันผ่านกลุ่มผู้อาวุโสนับสิบกว่าคนเข้ามาหาเราได้ไง  โดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บ

             “กลยุทธทิ้งเงา เป็นการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วซ้ำไปมาที่ตำแหน่งเดิม ดูแล้วเหมือนไม่ได้เคลื่อนไหวแต่สัมผัสกลับไม่โดน ในการซ้อนทับของการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งมีผลต่อระบบประสาทการรับรู้ของผู้พบเห็น ให้ตัดสินใจช้าลงโดยไม่รู้ตัว”  

              ก่อนที่รองประมุขจะตั้งสติได้  “กระพือปีกเหิรไกล” ก็หายไปไกลริบแล้ว   ก่อนจะเริ่มอ่านหลักฐานทั้งหมด  เขาได้เห็นบันทึกบทความที่ทิ้งไว้ตรงหน้า ที่ “กระพือปีกเหิรไกล” ต้องการจะสื่อสารกลับแต่ไม่มีโอกาสได้พูด “เราคาดการณ์ไว้แล้วว่าท่านต้องเลือกเช่นนี้ และเราไม่คิดจะหันหลังกลับมาอีก ท่านจะจัดการเช่นไรก็แล้วแต่ เพราะเราเข้าใจดีว่าคนในยุทธภพนั้นล้วนไม่เป็นตัวของตัวเอง เรายังเคารพท่านเสมอ ลาก่อน” 

     

           ผ่านไปหนึ่งเดือนหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ณ ยอดเขาวารีโบกสะบัด ใกล้ “สำนักเอื้อมจับนทีสะบัด”   บุรุษผู้หนึ่งสูงสง่าท่าทางกำยำ เขาคือ “ พสุธาโอ่อ่า” เขากำลังยืนรอใครบางคนอยู่ ในที่สุดเขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง  พสุธาโอ่อ่ากล่าวขึ้นทันทีเมื่อพบหน้าเขา “เราพาท่านมาสร้างความวุ่นวายหรือเนี้ย  ท่านรองประมุขให้มาเชิญท่านกลับไปได้แล้ว พร้อมให้รับมอบหมายหน้าที่พิเศษให้ด้วย”  

           กระพือปีกเหิรไกล กล่าวตอบไปว่า “ เราคงไม่กลับไปแล้วล่ะ หน้าที่ที่ท่านรองประมุขกล่าวมาเราก็พอจะรู้แล้วว่าให้ทำอะไร  ท่านช่วยทำต่อจากเราทีนะสหาย  ท่านจะรับมือกับเหล่าผุ้อาวุโสของสำนักอย่างไรก็คงสุดแต่ท่าน เพราะเราได้กลายเป็นคนนอกไปแล้ว   ขอสอบถามอีกเล็กน้อย กลุ่มปฎิวัติที่ถูกจับตัวไปเป็นไงบ้าง ”

          พสุธาโอ่อ่า ครุ่นคิดและตอบกลับไปว่า “ ถูกปล่อยตัวมาทำงานให้สำนักตามปกติ แต่ย้ายไปสาขาที่ไม่เกี่ยวข้องกลับกลุ่มผู้อาวุโส และให้ข้านั้นดูแลกลุ่มนี้แทน  แต่ยังไม่พบร่องรอยของ บุรุษประกายแสง คนที่ท่านถามถึง”

           กระพือปีกเหิรไกล  มีน้ำเสียผิดหวัง “ เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างนะ  เราอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ก็นับว่าติดหนี้บุญคุณเขาอยู่หลายส่วน ถึงเขาอาจจะคิดว่ามันเล็กน้อย ถึงจะเป็นมิตรภาพในเวลาไม่นาน แต่มันคงตรึงในใจเราอีกนานตลอดไป ....ท่านก็คงเช่นกัน”

           พสุธาโอ่อ่า กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ วีรบุรุษที่แท้จริงนั้นไม่อาจมิใช่ ...... ผู้ที่สูงส่งยืนหยัดมั่นคงสง่างามเช่นขุนเขาสูงตระหง่านเทียมฟ้าเทียมเมฆเสมอไป ........ แต่บางทีอาจเป็นบุคคลที่แสนธรรมดาที่ฉายประกายขึ้นเพียงช่วงขณะนึง  .... ดั่งเช่นดอกไม้ไฟที่สว่างไสวขึ้นในคืนอันมืดมิดเงียบเเหงา  จุดประกายให้ผู้คนที่กำลังสิ้นหวังกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป .....  เรื่องราวที่เขาทำนี้อาจจะจบแล้วแต่ อุดมการณ์ที่เขาปลุกขึ้นมานั้นมันยังไม่จบ เราจะอาสาดำเนินการต่อไป ไม่ต้องเป็นห่วง  แล้วท่านละจะทำสิ่งใดต่อไป”

         กระพือปีกเหิรไกล  ตอบกลับ “ เหล่าสหายของเราจากสำนักวายุอ่อนสะท้าน เกิดเรื่องบางอย่างได้แยกตัวออกมาเปิดสำนักคุ้มภัย  และได้ส่งเทียบเชิญให้เราเข้าไปร่วมก่อตั้งสำนักร่วมกัน  คงมีเรื่องตื่นเต้นให้ทำกันอีกมากมายเลยทีเดียว ฮาฮาฮา”

       พสุธาโอ่อ่า ถอนหายใจและกล่าวขึ้นว่า “เราก็คงอยู่ที่นี้อีกไม่นาน รอเรื่องราวทุกอย่างดีขึ้นเราก็คงถอนตัวออกจากยุทธภพที่แสนวุ่นวายนี้  เพราะยิ่งอยู่นานไปความเป็นตัวเองก็ลดลงทุกที”

        กระพือปีกเหิรไกล  ตอบกลับด้วยความเห็นใจ “ มีอันใดให้เราช่วยเหลือท่านรีบแจ้งมา เราจะมาช่วยท่านทันที  แต่วันนี้ไม่เมาไม่เลิกลา ฮาฮาฮา”

         พสุธาโอ่อ่า ยิ้มหัวเราะกลับ “ฮาฮาฮา ไม่เลิกลา”

      

       ภายหลังเรื่องราวผ่านไป 5 ปี พสุธาโอ่อ่า ได้ทำตามที่เขาบอกไว้ เขาถอนตัวออกไปใช้ชีวิตสงบสุขกับคนรัก แพทย์หญิงเทพยดา มีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน นามคุณชายลู่ทิวทิว ในยุทธภพในภายภาคหน้าให้ขนานนามว่า “คุณชายหฤหรรษ์” เป็นจอมยุทธยุคใหม่ที่มีชื่อเสียงเลืองลือ ควบคู่กับ แม่นางน้อย ฟู่จูจู ที่ชาวยุทธตั้งฉายาให้ว่า “ดรุณีแสนซน” บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน ของเทพพยัคฆ์เก้าเนรมิต กับธิดาเจ้านครสลายคำสาป

     

          บทต่อไปขอกล่าวถึง เรื่องราวของ “เทพพยัคฆ์เก้าเนรมิต” หลังจากสำเร็จวิชาสวรรค์แดนดิน แล้ว ย้ายจาก “สำนักวายุอ่อนสะท้าน” เข้าสู่สำนัก “ส่องนภาจรัส” เข้าไปผันพัวกับเรื่องราวความขัดแย้งของ “นครสลายคำสาป” จนต้องถูกตามล่าทั่วแผ่นดิน ........ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×