คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แม่ครับ...พ่อกินลูกชิ้นผมหมดเลย
ผมมาถึงหน้าบ้านของเจมส์ประมาณเที่ยงของวันเสาร์ พวกเรานัดกันไว้ตอนบ่าย 2 ครึ่ง ยอมรับว่าผม แอบตื่นเต้นนิดหน่อย เลยรบเร้าพ่อให้ออกมาตั้งแต่ 10 โมงเช้า พ่อพาผมแวะหาอะไรกินกันง่ายๆ ก่อนไปบ้าน เพื่อน อันที่จริงพ่อบอกว่าจะทำแพนเค้กให้กินที่บ้านก่อนออกมา แต่ผมกลัวว่ามันจะสาย เลยดึงดันจะออกมาให้ ได้แต่สุดท้ายก็ต้องมานั่งกินข้าวร้านข้างทางกันอยู่ดี เพราะยังเหลือเวลาอีกเหลือเฟือ
ตอนแรกผมกะว่าจะทำให้ท้องโล่งสุดเพื่อการยัดลูกชิ้นเข้าไปให้เต็มพุง แต่พ่อบอกว่า ถ้าทำแบบนั้นน่ะ เราจะอิ่มเร็วแล้วยัดไม่ได้เยอะตามที่คิดไว้ ต้องหาอะไรรองท้องนิดหน่อยให้กระเพาะมันขยาย ผมก็เพิ่งรู้แฮะ ลองเชื่อพ่อดูสักครั้งก็ไม่เสียหายหรอกมั้ง
เอาจริงๆ นะ พ่อผมก็ไม่ค่อยพูดอะไรผิดหรอก แต่ท่านก็สอนให้ผมเป็นคนขี้สงสัยเหมือนกัน พ่อจะชอบ พูด “แบมคิดว่ามันจริงไหม?” ขึ้นมาก่อนแล้วตามด้วยทฤษฎีหรือหลักการปฏิบัติอะไรสักอย่าง เหมือนวันนี้ระหว่างทาง ที่พ่อขับรถอยู่ก่อนชวนผมแวะร้านข้าวแกงว่า
“แบมคิดว่ามันจริงไหม? เวลาที่เรากินอะไรตอนหิวหนัก มันจะอิ่มเร็ว”
แล้วผมก็มานั่งคิดตามทุกทีสิน่า ผมกอดอกมองช่องแอร์หน้ารถ เพ่งพินิจไปถึงอดีตเวลาผมกินอะไรเวลา หิวหนักๆ
เคยมีวันหนึ่งระหว่างทางไปบ้านคุณตาคุณยายผมหิวมาก แต่ข้างทางไม่มีร้านอาหารเลยสักร้าน กว่าพ่อ จะขับมาเจอร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ
ตอนนั้นผมตาลายไปหมด ผมตรงดิ่งไปหาแม่ค้าที่กำลังลวกเส้นเล็กด้วยความ หิวโหย ผมโพล่งออกไปตามใจคิดทันทีว่า ‘เล็กน้ำตก 10 ชามครับ’ ตอนนั้นพ่อเดินมายืนข้างหลังผม คนขายหัวเราะแล้วพยักหน้า พ่อไล่ผมให้ไปนั่งที่โต๊ะก่อน
พ่อสั่งอะไรกับคนขายนิดหน่อยแล้วเดินไปหยิบน้ำ ผมคิดถึง ภาพก๋วยเตี๋ยว 10 ชามวางตรงหน้าผม ไอควันจากก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ น้ำสีดำเข้มข้น มีเส้นเล็กโผล่พ้นให้เห็นนิดหน่อย ลูกชิ้นหลายลูกลอยอยู่ในนั้น แค่คิดน้ำลายผมมันก็แทบจะไหลอาบโต๊ะแล้ว
แต่มันกลับตรงกันข้าม คนขายวางก๋วยเตี๋ยวเล็กน้ำตกให้ผมกับพ่อคนละชาม ผมหันไปมองหน้าแม่ค้า ด้วยความสงสัย เขาบอกผมว่า ‘หลายชามทำไม่ทันเดี๋ยวจะทยอยเอามาให้นะ ถ้าไม่อิ่มซะก่อน’
เป็นเหตุผลที่พอรับได้ ผมไม่ค้านอะไร เมื่อเห็นลูกชิ้นที่เพิ่มมาจากปกติเท่าตัว ผมนับได้ตั้ง 10 ลูกแนะ ผมใช้ ตะเกียบคีบเส้นเล็กปนผักบุ้งเข้าปากจนมันหมดชาม เหลือลูกชิ้นไว้กินทีหลัง ตะเกียบข้างหนึ่งถูกใช้แทนที่ไม้จิ้มลูกชิ้น ผมจิ้มทีละลูกเข้าปาก ผมเริ่มจะจุกขึ้นมานิดหน่อย แต่ยังเหลือลูกชิ้นอีก 5-6 ลูก ผมไม่แน่ใจว่าเหลือเท่าไร มันอืดไปหมดจนไม่อยากนับ สุดท้ายลูกชิ้นที่เหลือก็เข้าปากพ่อ เพราะผมกินต่อไปไม่ไหว
โชคดีนะที่แม่ค้าเขาไม่ทำ 10 ชามตามที่ผมสั่ง แค่ชามเดียวผมยังไม่รอดเลย แต่คิดแล้วก็เสียดายลูกชิ้น วันนั้น มันเข้าปากพ่อไปจนหมดเลย ผมอยากย้อนเวลากลับไปกินมันให้หมดก่อน เหลือเส้นเหลือผักก็ไม่เป็นไร แต่เหลือลูกชิ้น มันปวดใจจริงๆ นะ เหมือนถูกแย่งตัวต่อเลโก้ ที่เราอุตส่าห์ต่อมันมาได้ครึ่งทางไปซะเฉยๆ แต่เป็นที่ เราเองยกให้คนอื่น เพราะว่าขี้เกียจจะต่อให้เสร็จ พอคนอื่นเขาทำสำเร็จ เราก็จะมักกลับมาคิดว่า
‘ทำไมนะ ตอนนั้นถ้าเราทำต่อไปเรื่อยๆ มันจะเสร็จแท้ๆ’
พ่อบอกว่าความคิดแบบนี้มันเรียกว่าความริษยาต่างหาก เรากำลังริษยาของที่เราสูญเสียไปแล้วและมันดีกว่าตอนที่อยู่กับเรา
ของที่เราปล่อยจากมือไปให้คนแล้ว และมันถ้ามันไปอยู่ในที่ๆ ดีกว่า เราไม่มีสิทธิ์ไปทวงคืนหรอก แบบนั้นมันเห็นแก่ตัว
นั่นแหละ ผมกับพ่อเลยแวะกินข้าวราดแกงพะแนงหมูจานเล็กๆ ก่อนมาที่บ้านเจมส์ ผมไม่ได้กินจนจุก แค่ พอให้กระเพาะมันขยายเล็กน้อย เรากินเสร็จกันตอน 10 โมงครึ่ง แล้วพ่อก็พาขับรถวนกว่าจะเจอบ้านของเจมส์ก็ เที่ยงกว่าแล้ว ทั้งๆ ที่บ้านของเจมส์อยู่ห่างจากซอยบ้านผมไปแค่สองซอยเท่านั้นเอง แถมมีป้าย ‘ลูกชิ้นคุณนาย อ้อย’ เด่นหราอยู่หน้าบ้านอีกต่างหาก
ผมเป็นคนผิดเองแหละ เพราะผมเป็นคนบอกทางพ่อ ผมหันไปขอโทษพ่อด้วยสีหน้าจ๋อยๆ พ่อหัวเราะแล้ว ตอบกลับมาว่า
“ดีจะตาย ได้ขับรถดูรอบเมืองก่อนมาเที่ยวบ้านเพื่อนเลยนะ รู้จักร้านข้าวแกงใหม่ด้วย วันหลังเราไปกิน กันอีกดีไหม” พ่อโยกหัวผม
ผมคิดตามที่พ่อพูดแล้วรู้สึกว่ามันก็ดีจริงๆ อย่างที่พ่อว่านั้นแหละ เราเจอที่ใหม่แปลกๆ เยอะแยะไปหมด เราไม่ค่อยออกมานอกบ้านกันตอนสายๆ แบบนี้เท่าไรหรอก ปกติเราจะออกมาช่วงเช้า แล้วช่วงสายก็ขลุกอยู่ บ้าน ผมจะเล่นในสวนหลังบ้าน ส่วนพ่อเขียนหนังสือ เพิ่งเคยเห็นบรรยากาศตลาดซา และคนตระเตรียมร้าน รองรับลูกค้าช่วงพักเที่ยง
“งั้นพ่อก็ต้องขอบคุณแบมสิิ” ผมพูด ยิ้มกว้าง รู้สึกได้ถึงแก้มมันดันจนตาปิด
พ่อดีดหน้าผากผม แล้วพูด “จ้าาา ขอบคุณครับไอ้ลูกหมู”
“บอกแล้วไงว่าแบมไม่หมู”
“หรือจะให้พ่อเรียกโป่งเหน่งง”
“พ่อมันออกเสียงว่า โป๊ง ไม่ใช่ โป่ง แบบนั้นมันโป่งแบบลูกโป่งสวรรค์แล้ว” ผมส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
พ่อพยายามพูดโป๊ง มันออกเป็นโป้งบ้าง โปงบ้าง หนักสุดคือ โปร่ง เสียงกระดกลิ้นรัวรอเรือเต็มที่ ชัดสุดก็ ตอนพ่อพูดรอเรือนี้แหละ
เฮ้อ...ภาษาไทยของพ่อไม่เคยพัฒนาเลยสิน่า
……………………………..
Saturdays 08/08/1998
(ผมปลุกพ่อตั้งแต่ตี 4 แต่พ่อตื่นตอนตี 5 แน่ะ
ถ้าผมไปสาย เพื่อนจะว่าผมไหมแม่
เพื่อนต้องเลิกคบผมแน่ๆ เลย )
พ่อผมตัดสินใจเข้าเรียนคณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาภาษาและวรรณกรรมอังกฤษ อันที่จริงพ่อเป็นคนชอบ อ่านหนังสืออยู่แล้ว แค่ไม่ใช่หนังสือเรียนเท่านั้นเอง พ่ออ่านนิยายแปลหลายเรื่องเลยนะ แต่ไม่เคยคิดจะอ่านจาก เล่มที่เป็นต้นฉบับจากเจ้าของภาษาก็เท่านั้นเอง พ่อบอกว่าจะเป็นภาษาไหนมันก็เรื่องเดียวกันนั้นแหละ จนกระทั่ง มีแม่เข้ามา พ่อถึงเริ่มเข้าใจว่าภาษาที่ 2 มันสำคัญยังไง มันสำคัญก็ตอนที่เราดันไปแอบชอบสาวต่างชาตินี่ไงละ จะจีบก็ไม่ได้
แค่พูดทักทายยังได้แค่ Hello, How are you today? ทุกวัน ในขณะที่แม่ยิ้มและตอบกลับมาเป็นประโยค ส่วนพ่อได้แต่นิ่งแล้วฉีกยิ้มแห้งๆ
Tag #ฟิคคุณพ่อแจบอม
ความคิดเห็น