ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] พ่อของผมดีที่สุดในโลก [JB&BamBam Ft.MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #6 : แม่ครับ...พ่อทิ้งผม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      25
      6 มิ.ย. 59






    แม่ครับ...พ่อทิ้งผม












                ผมกระโดดลงจากรถ พ่อยังไม่ยอมออกรถไปไหน คงรอเพื่อนออกมารับผมก่อนมั้ง ผมก็ไม่ได้ถามอะไรพ่อหรอก ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของผมมันพุ่งไปที่บ้านของเจมส์ เพื่อนใหม่ของผม


    บ้านของเจมส์เป็นบ้านปูนสองชั้น ตัวบ้านไม่ได้ใหญ่มาก แต่พื้นที่ดูค่อนข้างจะกว้างอยู่พอควรเพราะตัวบ้านอยู่ลึกเข้าไปด้านในอีก พื้นที่ด้านหน้าคงถูกจัดเป็นสวนหน้าบ้านหรือมีถนนเส้นเล็กๆ ให้ขับรถเข้าไปจอดได้ แต่ผมมองไม่เห็นหรอก เพราะมีประไม้เลื่อนสีเขียวบานใหญ่บังอยู่  


    ผมมองหากริ่งหน้าบ้าน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มี ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่สักพัก พยายามเขย่งให้สูงพ้นบานประตู จนต้องเปลี่ยนกระโดดแทน 


    ก็ขาผมสั้นนิ จะให้ทำยังไงได้


    ผมยืนทำใจอยู่สักพัก กริ่งหน้าบ้านก็ไม่มี แล้วที่นี้ผมจะทำยังไงละ คงต้องตะโกนข้ามประตูแทน แต่มันยังรู้สึกอายๆ เหมือนกันนะ 


    ก็ผมยังไม่เคยมีช่วงเวลาเที่ยวบ้านเพื่อนเลยสักคน ผมกังวลเล็กน้อยว่ามันจะดูเสียมารยาทรึเปล่าถ้าเรามาแหกปากร้องตะโกนหน้าบ้านคนอื่น ในเวลาสายๆ แบบนี้ ในใจผมมันเต้นตึกตักไปหมด มือไม้ก็สั่นจนคุมไม่อยู่ ความรู้สึกแบบปลาโลมาในสวนสัตว์กำลังวกกลับมาหาผมอีกครั้ง


    แต่คราวนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมหันไปมองพ่อที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พ่อยังจอดรถอยู่ด้านหลังผมไม่ไปไหน ท่านลดกระจกลง ส่งยิ้มให้ผมแล้วพยักหน้าให้กำลังใจผม 


    ผมพยักหน้าตอบกลับ สูดใจเข้าปอดก่อนจะเค้นเสียงจากกระเพาะขึ้นมากักตุนไว้ในลำคอก่อนจะเปล่งเสียงออกไป


    “เจ...”


    แต่ยังไม่ทันจะอ้าพูดให้จบประโยค ประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออกพอดี ผู้หญิงสูงวัยดูมีอายุ ผมสีขาวโพลน ใบหน้าเหี่ยวย่น อายุคงจะเท่าๆ กับคุณยายของผม ยืนจับบานประตูค้างไว้ ตาหรี่เล็กหลังกรอบแว่นเหมือนกำลังจดจ้องมาที่ผม  ผมยกมือปิดปาก ตาโตด้วยความตกใจ ผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่แบบนั้น 

    “คุณยายสวัสดีครับ” เสียงทุ้มต่ำพูดเรียบๆ ดังจากด้านหลังผม 


    “อ้าว ตามาร์คเองเรอะ หวัดดีลูก หวัดดี” คุณยายทักมาร์คกลับ เสียงท่านแหบพล่า ติดจะสั่นอยู่เล็กน้อยตามประสาคนแก่ 


    ท่านสนใจมาร์คอยู่แปบเดียว แล้วก็ผินหน้ากลับมามองหน้าผมตามเดิม 


    “แล้วหนูเป็นใครละลูก” ท่านมองหน้าผม ตอนนั้นผมตื่นเต้นจนเสียงหายลงลำคอไปหมด ท่าทางผมเลิ่กลั่กเหมือนพวกเด็กขโมยมะม่วงแล้วถูกจับได้เลย แต่ผมมาตัวเปล่านะ ยกเว้นเงิน 40 บาที่พ่อให้ไว้ติดตัว (กินข้าวหน้าปากซอยก็หมดไปแล้วตั้ง 20 บาท)


    “เพื่อนใหม่ครับคุณยาย เพิ่งเข้ามาเรียน” มาร์คตอบแทนผมที่กำลังทำอะไรไม่ถูก


    “อ่อ เด็กที่เรียนอยู่บ้านน่ะเรอะ” ท่านคงหมายถึงการเรียนแบบ Home School ของผม


    “ครับ” ผมตอบเสียงเบา ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกแย่หรืออะไร แต่มันอายจนเค้นเสียงออกมาได้เท่านี้


    “เออ แก้มกลมน่าหยิกเชียว เหมือนตาเจมส์มันว่าจริงๆ” คุณยายของเจมส์พูดเสียงเบาเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่า ท่านพิจารณาหน้าผมอยู่แปบนึง  


    “เอ้าๆ เข้าบ้านกันก่อนลูก” ท่านกวักมือเรียก ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยืนหลังประตู เปิดทางให้พวกผมเข้าบ้าน 


    แต่ตอนที่พวกผมกำลังเข้าบ้านคุณยายของเจมส์ก็ร้อง “หือ!!” ขึ้นมาก่อน เสมองไปด้านยังหลังของผม ผมและมาร์คมองตามท่าน 


    “แล้วนั่นรถใครละ มาจอดหน้าบ้าน” ผมลืมพ่อไปเสียสนิทเลย


    “อ่อ รถพ่อแบมเองครับ” ผมโบกมือหยอยๆ ให้พ่อ 


    พ่อเลื่อนกระจกลง ยกมือสวัสดีคุณยายของเจมส์ ท่านรับไหว้และส่งยิ้มให้ 


    “มาส่งลูกเหรอพ่อหนุ่ม”


    “ครับ”


    “เข้ามาก่อนไหมละ” คุณยายชวน 


    พ่อส่ายหน้า ยิ้ม และตอบคุณยายด้วยน้ำเสียงสุภาพ “เดี๋ยวผมกลับเลยครับ พอดียังมีงานค้างนิดหน่อย” 


    คุณยายถามพ่อเกี่ยวกับเรื่องงาน ผู้ใหญ่สองคนทำความรู้จักกันนิดหน่อย พ่อฝากคุณยายดูแลผม ก่อนจะขอตัวกลับอีกรอบ   


    พ่อยกมือไหว้คุณยายอีกครั้งเพื่อลา คุณยายท่านยิ้มและบอกให้พ่อเดินทางกลับดีๆ พ่อบอกขอบคุณ ก่อนจะหันมารับไหว้มาร์คที่ืนอยู่ข้างๆ ผม

    “ฝากลูกอาด้วยนะ” พ่อยังไม่วายหันมาฝากฝั่งผมกับมาร์คอีกคน 


    “ครับ” มาร์คตอบพร้อมกับยิ้มนอบน้อม 


    ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นมาร์คยิ้ม ปกติผมจะเห็นเขาจะนั่งนิ่งๆ ไม่แสดงอารมณ์อะไร แค่ฟังเพลง ทำการบ้าน แล้วก็หลับบางบ้างที 


    แสดงว่าเขาคงรู้จักการเข้าหาผู้ใหญ่ได้ดีทีเดียว เพราะคุณยายของเจมส์ก็มีท่าทีเอ็นดูเพื่อนของผมคนนี้เหมือนกัน อันที่จริงผมก็เข้ากับผู้ใหญ่เก่งเหมือนกันนะ แต่วันนี้แค่ตื่นเต้นกับการเจอญาติผู้ใหญ่ของเพื่อนครั้งแรก ก็ผมเคยมีเพื่อนที่ไหนกันละ มันเลยเกิดอาการติดอ่าง พูดผิดๆ ถูกๆ อย่างที่เห็น


    ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีมาร์คเป็นคู่แข่งเลยแฮะ


    “แบมกลับบ้านเองถูกนะลูก” ผมยิ้มกว้างพยักหน้า โบกมือลา แล้วพ่อก็ขับรถออกไป

    เอ๊ะ! แต่เมื่อกี้พ่อบอกให้กลับบ้านเองเหรอ

    Saturdays  08/08/1998

    (ตอนกินข้าวอยู่ ผมได้ยินแม่ค้าบ่นเรื่องต้มยำกุ้ง

    ผมสงสัยนิดหน่อย ก็ทั้งร้านผมไม่เห็นใครกินต้มยำกุ้งเลยนี้น่า

    ผมหันไปถามพ่อ พ่อบอกว่ามันวิกฤตเศรษฐกิจของปีที่แล้ว

    พ่อบอกแค่ว่ามันลำบากมากเลย ตอนนี้ก็ยังลำบากอยู่ 

    แต่่ผมก็ไม่ว่าพวกเราจะมีปัญหาอะไรเลย

    แต่ผมไม่เข้าใจคำว่าเศรษฐกิจ มันคืออะไรเหรอครับแม่?)



    พ่อเป็นรุ่นน้องที่มหาลัยของแม่ปีหนึ่ง ทั้งๆ ที่พ่อน่ะอายุ 21 แล้ว ส่วนแม่เพิ่งจะ 17 ย่าง 18 แต่พ่อบอกว่าไม่รู้สึกแปลกประหลาดอะไรนัก เพราะเพื่อนในรุ่นเดียวกับพ่อ ก็อายุไม่ได้ห่างกันมากเท่าไร บางคนเพิ่งจะสอบติด บางคนเพิ่งจะมีเงินเรียน 


    หลังจากที่พ่อสอบติด พ่อจะแอบเนียนเดินไปเรียนพร้อมแม่ทุกวัน แม้ในวันที่พ่อไม่มีเรียนก็ตาม พ่อก็จะเดินไปส่งแม่ จนรู้ว่าแม่เข้าเรียนในคณะสังคมศาสตร์แต่ยังไม่รู้ว่าสาขาอะไรเท่านั้นเอง 


    ช่วงนั้นภาษาอังกฤษพ่อเริ่มดีขึ้นมาหน่อย พ่อพยายามพูดกับแม่เท่าที่จะทำได้ แม่ก็ตอบทุกคำถามของพ่อ แม้บางทีพ่อจะไม่เข้าใจและแม่ต้องพูดซ้ำๆ อยู่แบบนั้น แต่พ่อไม่เคยเห็นแม่แสดงสีหน้ารำคาญเลย


    แต่ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง แล้วภาษาเกาหลีของแม่ละ





    Tag #ฟิคคุณพ่อแจบอม



    O W E N TM.











    เนื้อเรื่องเอื่อยหน่อยนะ

    แต่งตอนพัดลมปะทะหน้า

    ฝนตก ลมเย็นๆ 

    บรรยากาศชวนอืดสุดๆ

    อ่าาส์



    มีคนถามเรื่องยศกับเจมส์

    เออ ยูคกับแจนั่นแหละ

    เราคิดชื่อไทยไม่ออก 

    ยูคนี่เห็นคนใช้วาโย หยก

    ชื่อเท่ๆ เอาไปใช้กันหมดเลย

    จำไว้เลยนะ



    ก็เลยได้ชื่อยศมานี่แหละ

    โชคดีที่ตอนนั้นไม่ทันคิดชื่อยอด


    ปล.พอทักว่าแก่นี่ หลายเม้นบอกเกิดไม่ทันเชียว

    น่อววววววววววว์

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×