ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] พ่อของผมดีที่สุดในโลก [JB&BamBam Ft.MarkBam]

    ลำดับตอนที่ #2 : แม่ครับ...พ่อมีปัญหากับภาษาไทยแล้วละ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.31K
      40
      8 มิ.ย. 59



    แม่ครับ...ผมว่าพ่อมีปัญหากับภาษาไทยแล้วละ








           


    พ่อขับรถมาจอดที่หน้าประตูโรงเรียนเอกชนเล็ก ๆ ในตัวเมือง ผมมองผ่านรั้วสีน้ำตาลแล้วถอนหายใจ ตึกทุกตึกดูเล็กไปหมด จำนวนนักเรียนคงไม่ได้มากมายนัก มันทำให้ผมรู้สึก


    ไม่อยากเข้าไปเลยแฮะ


    “ถอนหายใจเสียงดังเชียวไอ้หมู” ผมหันไปมองพ่อ ทำตาปรือหน่อย ๆ ทำไมมันรู้สึกหมดกำลังใจอย่างนี้นะ

    “เอาน่า เดียวก็ได้เพื่อนเอง” พ่อโยกหัวและพยายามให้กำลังผมด้วยภาษาไทยแปร่ง ๆ ของพ่อ ถึงพ่อผมจะอยู่ประเทศไทยมาเกือบ 10 ปีแล้วก็ตาม แต่ผมไม่เคยเห็นว่าพ่อจะพูดชัดขึ้นมาเลยสักนิด 


    โชคดีที่ตอนเด็กผมดูการ์ตูนบ่อย ภาษาไทยผมเลยแข็งแรงมากทีเดียว เอาเป็นว่าฟังยังไงก็ไม่เพี้ยนแบบที่พ่อพูด 


    ผมเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน แบบที่เขาเรียกว่า Home Shcool นั่นแหละ พ่อจ้างคุณครูมาสอนภาษาไทยให้ผมโดยเฉพาะ ถ้าให้เรียนพูดภาษาไทยจากพ่อนะ คงไม่น่ารอด ส่วนวิชาอื่น พ่อผมเป็นคนสอนผมเองทั้งหมด 


              พ่อของผมเก่งนะ ทำได้ทุกอย่างเลย ยกเว้นพูดภาษาไทยให้ชัด


    “กลัวรึไง” พ่อเลิกคิ้วถามผม คงเพราะผมทำหน้ายุ่งและไม่ยอมเคลื่อนที่ไปไหนสักที


    “กลัวสิ” ผมพูดเสียงอ่อย


    “จะกลัวอะไร เราขอพ่อมาเรียนเองนะ” มันก็จริงที่พ่อพูด ผมเป็นร้องแง้ว ๆ อยากเข้าเรียนที่โรงเรียนเอง 


    “โห้ย ก็ตอนนั้นแบมอยากมีเพื่อนนี่น่า”


    “แล้วตอนนี้ไม่อยากมีแล้ว?"


              "อยากครับ"


              "อยากมีเพื่อนก็ต้องลง แล้วไปเข้าเรียนนะ” พ่อดันหลังผมให้ลงจากรถ แต่ผมก็นั่งนิ่งตัวแข็งอยู่แบบนั้น


              พ่อพยายามหว่านล้อมผมทุกทาง แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ นะ ก็ผมน่ะ เข้าเรียนตั้งกลางเทอมเลยนะ 


    ให้ตายเถอะ คนอื่นเขาคงมีเพื่อนกันไปหมดแล้วมั้ง 


    โรงเรียนเล็กแค่นี้ คงรู้จักกันทั้งสายชั้นแล้วละ


    ยิ่งคิดยิ่งวิตก


    “เอ้าไป ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวพ่อต้องรีบไปทำงานนะ” พ่อโบกมือไล่ผมเหมือนไล่ลูกไก่ของบ้านป้าปิ่นที่หลุดเข้ามาอึเรี่ยราดจนเต็มสวนหลังบ้านไปหมด 


              ป้าปิ่นเป็นเพื่อนบ้านที่ชอบยื่นหน้าข้ามรั้วมาทักทายพ่อผมประจำในทุกเช้า ถึงผมจะเพิ่งอายุ 11 ปีก็เถอะ แต่ผมก็ดูออกว่าป้าปิ่นน่ะแอบปลื้มพ่อของเขาอยู่แน่ ๆ แต่ติดว่าป้าปิ่นมีลุงชาติอยู่แล้ว พ่อผมคงเสร็จป้าปิ่นแน่ๆ 


              ข้อดีอย่างเดียวของป้าปิ่นคือ ขนม เวลาป้าปิ่นไปเที่ยวที่ไหน ผมมักจะได้รับอานิสงส์เป็นขนมตะกร้าโต ๆ ทุกครั้ง 


    มีพ่อหล่อก็ดีแบบนี้สินะ  


    “ลงก็ได้” ผมพูดน้ำเสียงยอมแพ้ ไหล่ลู่ตก เอื้อมมือไปเปิดประตูอย่างเอื่อยเฉื่อย 


    อ่าา...แค่แรงเปิดประตูยังไม่มีเลย จนพ่อต้องเอื้อมมื้อมาเปิดประตูให้ผมแทน สงสัยท่านคงจะรำคาญที่ผมทำท่าทางเหมือนเต่าขาเจ็บ 



              ก็ไอ้ประเภทช้าอยู่แล้ว ยังจะมาบาดเจ็บทำให้ช้าลงไปกว่าเดิมอีก


    ผมกำลังบาดเจ็บทางใจอยู่นี่น่า 


             การนอนไม่พอมันทำให้ผมปวดใจมาก ๆ เลยนะ


    ผมคลานลงจากเบาะลงมายืนอยู่ข้างนอกรถ เกาะประตูรถด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย เหมือนเด็กที่กำลังจะถูกดึงหมอนข้างออกในตอนเช้า พ่อเลิกคิ้วมองผม แสดงท่าทางที่ผมพอจะเดาได้ว่าพ่อกำลังถามผมทางสายตาว่า 'ทำไมไม่เข้าไปสักที'


    “พ่อ”


    “หืม?”


    “ผมกลับไปเรียนที่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ” 


    ถึงเมื่อเช้าผมจะฮึดเต็มที่จากการขอกำลังใจกับรูปภาพของแม่ก็เถอะ แต่พอมันมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้วผมไม่อยากเข้าไปเลยแม้แต่นิด 


              คนที่เรียน Home School มาตลอด แบบผมมันจะเข้าสังคมได้เก่งแค่ไหนกันเชียว ยิ่งเมื่อวานผมดูละครที่มีการกลั่นแกล้งกันในโรงด้วย กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตี 3 ตอนนี้หนังตาผมมันเลยไม่พร้อมเปิดสักเท่าไร


              แถมตอนตี 4 ยังสะดุ้งตื่นขึ้นอีก เพราะผมดันคิดถึงเรื่องเล่าจากคุณยาย ท่านเล่าให้ผมฟังเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนที่พ่อพาผมไปเยี่ยมคุณตาและคุณยายที่อำเภอบ้านเกิดของแม่ พ่อบอกว่าจะพาไปหากำลังใจก่อนเข้าโรงเรียนครั้งแรก


                  ผมรักคุณตากับคุณยายมากพอ ๆ กับคุณปู่และคุณย่าที่เกาหลีเลยล่ะ               



               ตอนที่เจอคุณยาย ผมถลาเข้าไปกอดท่านทันที เราถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเกือบ 30 นาทีได้ แล้วผมค่อยวกกลับมาถามท่านเรื่องเกี่ยวกับการเข้าโรงเรียนครั้งแรกของท่าน


    เพราะคุณยายของผม ท่านก็เคยเรียน Home School เหมือนผม ก่อนพ่อและแม่ของท่านจะส่งท่านเข้าโรงเรียนสตรีล้วนที่มีชื่อเสียง (สมัยนั้นมีผู้หญิงไม่กี่คนที่จะได้รับการศึกษา) 


             ท่านเล่าเรื่องวันแรกที่เข้าเรียนโรงเรียนสตรีล้วน เป็นอะไรที่ประทับใจมาก เพราะรองเท้าของท่านถูกเอาไปทิ้งถังขยะ วันต่อมาชุดนักเรียนก็ขาด ไม่ขาดก็หาย


    ท่านอยู่มาได้สักพัก ถึงรู้ว่ามันคือการรับน้อง บางคนก็โดน บางคนก็ไม่ ที่คุณยายผมโดนอาจจะเป็นเพราะชอบทำหน้าบึ้งตึง เข้ากับคนยาก วางตัวสูงกว่าคนอื่น นานทีเดียวกว่าท่านจะยอมปรับนิสัย 


    ท่านสอนผมแค่ว่าให้ผมยิ้มไว้  ยิ้มจากใจ แล้วเพื่อนจะเข้ามาเอง 


    ผมเชื่อท่านนะ เพราะคุณยายผมท่านเป็นคนยิ้มง่าย ใครๆ ก็รักท่าน มครได้อยู่ใกล้ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย การเผื่อแพร่ความสุขให้คนรอบข้างมันมักจะส่งผลดีต่อเราเสมอ นั่นเป็นคำสอนของท่าน


              หลังจาวันนั้นผมก็ฝึกยิ้มทุกวัน แต่มันก็ยังดูแปลกๆ อยู่ดี แลัผมก็ฝันร้ายเรื่องถูกแกล้งทุกวัน ผมกลัวมันจริงๆ นะ



    “มาตั้งขนาดนี้แล้วสู้สิ ฮึ้บ” พ่อชูกำปั้นขึ้นฟ้า แล้วทำท่าฮึ้บเรียกพลังแบบที่ผมและพ่อทำประจำเมื่อรู้สึกท้อ 


              ผมได้แค่เอ่ยคำว่า “ฮึ้บ บบ...” แบบยานคางตอบกลับไป 


    “เสียงไม่มีพลังเลย หรือต้องคุยกับแม่ก่อน” พูดจบ พ่อผมก็ควักล็อคเก็ตในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าของพ่ออกมา ข้างในล็อกเก๊ตเป็นภาพพ่อยืนคู่กับแม่ออกมาโชว์ต่อหน้าผม แล้วมันก็ได้ผล เวลาผมเห็นรอยยิ้มของแม่ในรูปภาพนี้ ผมก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันที ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน รู้แค่มันทำให้ผมมีความสุข ทำให้ผมรู้สึกสนิทกับแม่ 


              ทั้งๆ ทีเราจากกันตั้งแต่ผมยังเด็กและผมก็จพไม่ได้ว่าอ้อมกอดของแม่น่ะ อุ่นแค่ไหน


    “ฮึ้บ!” ผมเปล่งเสียงทรงพลัง 


    “มันต้องยังงี้สิลูกพ่อ เอ้า ปิดประตูรถได้แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นพ่อมารับนะ”


    “ครับ” ผมยิ้มกว้างตอบกลับไป


    “ไปล่าเพื่อนให้ได้นะ” พ่อผมพูดส่งท้าย ก่อนจะบึ่งรถออกไปทำงาน ผมมองท้องฟ้า ขอกำลังใจจากแม่อีกสักรอบ ก่อนก้าวเท้าเดินเข้าโรงเรียน


    ว่าแต่...เมื่อกี้พ่อผมใช้คำว่าออกล่าเหรอ? 


            สงสัยกลับบ้านไปต้องสอนภาษาไทยให้พ่อเพิ่มแล้วละ 





    .........................







    Wednesday 05/08/1998

    (บันทึกระหว่างเรียน :

     นั่งข้างผู้ชายชื่อมาร์คแหละ เขาจะเป็นเพื่อนผมไหมแม่ ทำไมเขาเงียบจัง)



    ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเมื่อเช้าเขียนถึงตรงไหน อ่า... ใช่ ถึงตอนที่พ่อผมคุยกับแม่ครั้งแรกสินะ 

    ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกว่าท่านสานสัมพันธ์กันยังไงหลังจากแม่กลับประเทศไทยไป ก็ตอนนั้นน่ะ ผมยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ว่าตอนนั้นน่ะมี e-mail ใช้รึยัง 


              แต่พ่อเล่าว่าไม่ถึงครึ่งปี แม่ผมก็กลับไปที่นั้นอีกเพื่อเรียนต่อ 


    แต่ดูเหมือนแม่ผมจะเลือกจังหวะเรียนต่อพลาดไปสักหน่อย ช่วงปี 1980 ดันเกิดการประท้วงระหว่างนักศึกษากับทหารที่เกาหลี โชคดีที่แม่ผมเรียนอยู่ที่โซล และการประท้วงเกิดที่กวางจู พ่อผมเล่ายาวเหยียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เล่าว่ามันน่ากลัวและเป็นข่าวดังแค่ไหน


    แต่ผมไม่ได้สนใจฟังเท่าไร ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลเกินตัวที่ผมจะต้องรู้ด้วยซ้ำ ในเมื่อผมเกิดและโตที่ประเทศไทยนี่น่า จะบอกว่าโตที่ไทยก็ไม่ถูก เพราะผมท่านกระเตงผมไปทุกประเทศที่ท่านไป




         

     .............................


    #ฟิคคุณพ่อแจบอม







     อ้าว งงอะดิ มันอัพไว
    งงไปดิ



    บอกแล้ว มันเป็นฟิคเรื่อย
    อ่านง่าย ๆ ตอนสั้นๆ
    ตอนจะแต่งก็โทรไปหาพ่อ
    ถูกพ่อด่า 
    ได้มาละหนึ่งโมเม้นพ่อลูก

    เป็นลูกรักพ่อจริง  ๆ


    ฟิคแนวนี้คิดไว้นานแล้วว่าจะแต่งดีไหม
    มันไม่ใช่แนวแบบ พวกนายคิดออกใช่ไหม
    มันไม่ใช่ฟิคแนวที่พระนางเด่นอะนะ
    น๊านนานทีถึงจะเข้าด้ายอะจึกเข็ม
    แต่งไปคนจะอ่าน คนจะเม้นรึเปล่า
    เห็นน้ำหน้าเรื่อย ๆ แบบนี้
    จริงๆ เป็นพวกตาลุกวาวกับคอมเม้นนา
    เห็นแล้วมันก็ใจสั่นยิ่งกว่าเจอผู้ชายหล่อเข้ามาขอเบอร์อีก
    แต่ก็นั่นละ เราไม่ได้ห่วงเรื่องยอดเม้นหรอก
    ขอแค่เขาอินหรือไม่ก็ตลกทุกอย่างที่เราพิมพ์ก็โอนะ
    พวกนายหัวเราะเราก็หัวเราะอะ รู้สึกกประสบความสำเร็จ
    เป็นตลกถูกมะ ไม่ใช่ไฮท์เตอร์
    อะ แน่นอน ไม่ได้เอาไว้แช่ผ้าขาว
    แต่จริง ๆ ผ้าสีก็มีนะ
    ผ้าสีสดใส

    พี่ตบมุกเองได้ น้องไม่ต้องห่วง สุขภาพจิตพี่ยังปกติ

    ย้ำอีกรอบนะ ฟิคนี้บีแบมเป็นพ่อลูกกัน
    มันจะเป็นฟิคอิเรื่อยเฉื่อยแฉะ แต่น่าจะอัพทุกวันแหละ

    วันไหนถูกพ่อด่า วันนั้นก็อัพ
    แต่พ่อด่าทุกวัน




    ถ้าถามว่าเส้นหลักของเรื่องเป็นยังไง
    บอกเลยว่า พิมพ์ตามชีวิตคนเราปกติ
    ใครห่วงเรื่องดราม่าอย่ากลัวเลย
    แค่แม่น้อง(ในเรื่อง)เสีย ก็ม่าแล้วนะ
    แต่ว่ามันก็จะมาแหละ มันเดาไม่ได้หรอก
    ก็ชีวิตคนเรามันไม่ได้มาตามพล๊อตละครนี่เนอะ
    จะได้ต้องป้อนความทุกข์ก่อนจะเจอความสุข
    เราเจอความทุกข์ได้ตลอดเวลา   ความสุขก็เช่นกัน



    ซึ้งอะ 



    ขอสั่งขี้มูกหน่อย

    O W E N TM
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×