ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All Yaoi Fictions

    ลำดับตอนที่ #29 : S Fic : Boruto Naruto next generation [เมื่อคนเกลียดความยุ่งยากมาเล่าเรื่อง] [ShikaNaru]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.37K
      51
      14 เม.ย. 63

    S Fic : Boruto Naruto next generation [ เมื่อคนเกลียดความยุ่งยากมาเล่าเรื่อง ]

     

    Pairing :  Nara Shikamaru X Uzumaki Naruto

     

    Rate : PG13

     

    Talk : มาแบบสั้นๆ แต่รักฉันยาวนะ ยังคงเปนวัยพ่อคนเหมือนเดิม อิอิ ไม่รู้ว่าแต่งมาให้คนอ่านมาอ่านชิกามารุบ่นชีวิตตัวเอง หรือว่าแต่งมาให้อ่านฟิคshikanaruกันแน่ ไปๆมาๆมันจะเป็นsasunaruละ

    _____________________________________________________________________________________

     

    “เฮ้อ...”

                ชายหนุ่มวัยกลางคนถอนหายใจกับตัวเอง หลังจากเดินออกมาจากบ้าน ในเวลายามเย็นเฉกเช่นนี้ ดวงอาทิตย์สีแดงฉานส่องสว่างหากแต่ใกล้จะลับฟ้า พาให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี แสงสีส้มสาดส่องหมู่บ้านโคโนฮะ เรียกได้ว่าเวลานี้คงเป็นเวลาที่ใครหลายคนเฝ้ารอ เพราะพวกเขาเลิกงานและคงอยู่บ้านเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

    หากแต่คนอย่างเขาพิศวาสท้องนภาที่เป็นสีฟ้าสดใสมากกว่า สีฟ้าสวยที่ดูอ่อนโยน และน่าค้นหาเหมือนสีของนัยน์ตาของคนที่เขาจัดให้เป็นคนสำคัญอันดับต้นๆของชีวิตเขาในตอนนี้ ชายหนุ่มขี้เบื่อ ที่รำคาญไปเสียทุกเรื่อง อย่างเขาตอนนี้กลายเป็นชายวัยกลางคนไปเสียแล้ว ใช่แล้ว เขาคือ นาระ ชิกามารุ เรือนผมสีดำยาวถูกรวบขึ้นสูง มือสองมือที่ไร้ซึ่งถุงมือ เพราะตัวเขาคงลืมไว้ที่บ้านล้วงประเป๋าข้างของกางเกงสีเข้ม โดยท่ี่เสื้อคลุมสีอ่อนยังคงสวมทับอยู่  

                

                      ขายาวสาวเท้าเดินต่อไป มุ่งหน้าไปยังที่ทำงานของเขา จริงๆเขาไม่ได้จะไปทำงานหรืออะไรหรอก เพียงแต่เขาไม่มีที่จะให้ไปนี่ละ จะให้ทำไงได้ ก็เขาเพิ่งโดนไล่ออกมาจากบ้านโดยภรรยาสุดน่ารักของเขาเองนี่ละ ไปหาโจจิหรืออิโนะ เพื่อนสนิทเขาสมัยทำภารกิจ เขาก็คิดว่าจะให้ไปรบกวนเวลาครอบครัวเขาก็คงจะยุ่งยากไปหน่อย สู้ไปนั่งเคลียร์งานที่ห้องเอกสารดีกว่า และนี่ก็เป็นอีกโอกาสนึงที่เขาจะได้เจอกับคนที่เขาอยู่ด้วยเกือบตลอดเวลา ต่อให้เป็นร่างแยกก็ตามเถอะ หากแต่ถ้าเขาไปตอนนี้ เขาจะได้เจอกับเจ้าตัวจริงๆไม่ใช่ร่างเงาแต่อย่างใด

       

        ...อ๋อ! ที่ทำงานอยู่ไหนเหรอ? ต่อให้จะน่ารำคาญก็ตามเถอะ เขาอาจจะลืมบอกไปว่าเขาทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับโฮคาเงะ และก็แน่นอน คนที่เขาสาบานกับพ่อว่าจะเฝ้าดูแล อยู่ให้คำแนะนำ และปูทางให้ได้มาเป็นโฮคาเงะอย่างสมบูรณ์ ชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็กจนโต อย่าง อุซึมากิ นารูโตะ ที่ปัจจุบันเป็นโฮคาเงะรุ่นที่7 ไปเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ


    “หมอนั่นเจอกันล่าสุดก็แทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ต่อให้จะทำเป็นแข็งแรงก็เถอะ" ชิกามารุคิดกับตัวเอง นึกถึงใบหน้าอ่อนเพลียของร่างบาง เพื่อนของตน ขอบตาคล้ำจนแทบจะสังเกตได้ คนๆนี้เป็นคนรักครอบครัวของตน รักเพื่อนฝูง รักหมู่บ้านแห่งนี้ จึงไม่แปลกที่จะฝืนตัวเองเพื่อผู้อื่น

    หลังจากผ่านอะไรมามากมาย ในช่วงเวลาสงคราม มันเปลี่ยนคนเราได้ในเวลาสั้นๆจริงๆนะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต่างเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แน่นอนว่ามันก็เกิดขึ้นกับตัวเขา ไม่ต่างอะไรจากนารุโตะเลยสักนิด

    หากแต่ตอนนี้นารุโตะโตเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ ...เขารู้ดี... 

    และการที่เจ้าตัวตอนนี้แข็งแกร่งมาก มากกว่าใครๆ ...เรื่องนั้นเขาเองก็รู้ดี...


    พูดถึงเรื่องงาน เขาทำงานให้กับโฮคาเงะมาสามรุ่นแล้ว (ต่อให้เขาไม่อยากทำก็เถอะนะ... ส่วนใหญ่ก็โดนบังคับเสียมากกว่า ด้วยเหตุผลว่าเขาเหมาะสมนี่แหละ) ก็มีแค่เจ้าร่างบางที่มักจะเป็นเด็กหนุ่มจอมโวยวาย ยืนหยัดว่าจะเป็นโฮคาเงะสักวันหนึ่งคนนี้นี่แหละ ที่เขาหมายมั่นจะทำงานให้จริงๆ 

    สมัยนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไปมาก ภารกิจอันตรายเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้ว่ามีน้อยกว่าเดิมเสียเท่าไหร แต่จะมีเรื่องธุรกิจระหว่างหมู่บ้านเพิ่มเข้ามาด้วย เว้นแต่ระยะนี้นี่ละ ที่มันมีเรื่องหลายๆอย่างเข้ามา และเรื่องพวกนั้นก็เป็นเรื่องที่เชื่อมต่อมาจากสงคราม  


                นั่นแหละ! เพราะเรื่องพวกนี้แหละ ช่วยไม่ได้ที่ความกังวลจึงก่อตัวขึ้นไม่มากก็น้อย พาลพาให้ภายใต้รอยยิ้มที่มักจะปรากฎอยู่บนใบหน้าหวานที่มันอาจจะหลอกตาคนอื่นได้ หากแต่กับคนใกล้ชิดแล้วมันไม่อาจบดบังอะไรได้เลย

     

    “หมอนั่นต้องหัดแบ่งเบาให้คนอื่นบ้างได้แล้ว”

     “เฮ้อ...” คิดแล้วก็เหนื่อยใจ เรื่องพวกนี้มันซับซ้อนคนอย่างเขาไม่อยากจะคิดเลย แต่เพราะเป็นนารุโตะ เขาจึงไม่อาจเพิกเฉยได้ ว่าแล้วก็รีบมุ่งหน้าไปดีกว่า ตอนนี้ก็จะเล่าเรื่องในตอนเช้าให้ฟังก่อนจะโดนไล่ออกจากบ้านมาแบบงงๆนี่แล้วกันนะ


                วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนนินจาหยุด ในตอนเช้าเขาเลยช่วยฝึกวิชาประจำตระกูลนาระ ให้กับชิกาได ลูกชายคนเดียวของเขา จะว่าไปเรื่องนั้นมันไม่เท่าไหร่หรอก เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นพ่ออย่างเขาทำเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่ได้สอนอะไรมากมาย เพราะลูกชายเขาเป็นเด็กฉลาด ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่ยืนมอง ชี้แนะก็เพียงพอแล้ว

    ช่วงเวลาก่อนเที่ยงวันเขาต้องมายืนคุมงานเอกสารถึงจะยุ่งยากน่ารำคาญไปหน่อยก็เถอะ หลังจากอาหารกลางวัน เขาอยู่กับโฮคาเงะเพื่อจัดการเอกสารทุกอย่างจนเลิกงานจึงได้กลับมาบ้าน แต่พอมาถึงบ้านนี่สิ เจ้าลูกชายตัวดีดันก่อเรื่องไว้


    “นายก็ช่วยเตือนลูกบ้างนะ! วันนี้ไม่มีข้าวเย็นให้ทั้งคู่” นินจาสาวผมทองพูดคำขาด

    ...เฮ้อ ในเวลาไม่ถึง 9ชั่วโมงที่เขาไม่อยู่บ้านนี่ เจ้าลูกชายตัวดีเขาก็ไปก่อเรื่องจนได้ เทมาริจะโมโหเขาและลูกไม่เท่าไหร่หรอก ชินแล้วล่ะ แต่เจ้าเพื่อนสนิทของลูกชายที่ก่อเรื่องด้วยกันที่ เผอิญเป็นลูกชายของคนที่ยุ่งที่สุดในหมู่บ้านอย่างโบรูโตะนี่สิ

     

     “เฮ้อ ชอบก่อเรื่องให้พวกผู้ใหญ่เสียจริงๆ เริ่มเข้าใจ พ่อเมื่อก่อนแล้วล่ะ ยุ่งยากจริงๆ” 

     “หวังว่าเจ้าคนพ่อ คงไม่เป็นลมล้มพับไปกลางกองเอกสารหรอกนะ” นึกถึงเพื่อนโฮคาเงะของตนที่ล่าสุดคือนั่งอยู่กับกองงานที่ต้องส่งเร่งด่วนภายในวันพรุ่งนี้


              ตอนเด็กๆ ถามว่าเขาวาดภาพชีวิตของตนเองในอนาคตไว้แบบไหน เอาจริงๆคือ เขาอยากเป็นนินจาธรรมดาๆ ทำงานธรรมดาๆ มีภรรยาไม่ต้องสวยมาก มีลูกสัก2คน มีลูกสาวคนโตคนนึง กับลูกชายคนรอง พอลูกสาวแต่งงาน และลูกชายมีงานทำ ก็จะเลิกเป็นนินจา กลับมาใช้เวลาว่างเล่นโชงิ เล่นโกะ ไปวันๆ น่าขำที่ชีวิตประจำวันของเขาตอนนี้มันตรงข้ามกับสิ่งที่เขาคิดไว้ตอนเด็กๆ

          

                ชีวิตที่ต้องทำงานยุ่งยาก ซับซ้อน น่ารำคาญ แต่งงานกับสาวผมทองจากต่างหมู่บ้าน มีลูกชายคนเดียวเสียอย่างนั้น

    “ถ้าถามว่าเกลียดชีวิตแบบนี้ไหม งั้นเหรอ?”

     

    เขาก็ไม่ได้เกลียดชีวิตแบบนี้หรอกนะ การมีคนรออยู่ที่บ้าน การได้ดูแลคนที่ตนเฝ้ามอง และสาบานว่าจะอยู่เคียงข้าง คอยให้คำปรึกษาก็ไม่เลวเท่าไหร่...

                ตอนแรก พูดตรงๆ คือเขาอิจฉา อิจฉา สาวสวยตระกูลฮิวงะเสียเหลือเกิน อิจฉาที่หล่อนได้เป็นภรรยาของหมอนั่น ได้หัวใจของหมอนั่นไป ตอนนั้นเขายังหมกมุ่นเรื่องงานอยู่จึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอสองคนนั้นคบกันได้สักพักหนึ่งเท่านั้นแหละ เขาก็รู้สึก....รู้สึกเหงาเหลือเกิน จนเขาได้ร่วมงานกับเทมาริอีกครั้งนี่แหละ ทีี่ทำให้เขาได้รู้ตัวว่าเขาเองก็อยากมีใครสักคนเหมือนกัน และเขาก็ได้เลือกเธอมาเป็นแม่ของลูกของเขา

                แต่ว่าการแต่งงาน มีครอบครัว ก็ไม่ได้แปลว่า ความรู้สึกพิเศษนี้ที่เขาอยากมอบให้นารุโตะจะหมดลงนี่นะ สิ่งที่เขาต้องทำคืออยู่เคียงข้างหมอนั่น คอยรับฟังให้คำปรึกษา


    “ถามว่า มีปัญหาบ้างไหมงั้นเหรอ?​ จะว่ามีมันก็มีตลอดแหละ แต่ถ้าตัวปัญหานี่มีอยู่คนนึง”

                ช่วงนี้ผู้เหลือรอดคนสุดท้ายของตระกูลใหญ่ อย่างอุจิฮะ ซาสึเกะ กลับมาหมู่บ้านบ่อยขึ้น กลับมาครั้งหนึ่งก็อยู่นานขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลูกสาว หรือว่าเพราะใครอีกคนนึงขอกันแน่...จะเป็นใครไปได้ล่ะ? ซากุระไม่ต้องพูดถึง ถ้าหล่อนขอหมอนั่นคงกลับมาแต่แรกแล้วแหละ และคนที่ซาสึเกะจะยอมฟังก็มีอยู่คนเดียวนั่นล่ะ...อุสึมากิ นารุโตะ

     

                หมอนั่นจากที่มักจะออกไปตามมิติต่างๆ สถานที่ต่างๆที่ แม้แต่จะใช้โทรศัพท์ติดต่อกับพวกเขายังไม่ได้ ต้องใช้วิธีโบราณ ส่งข้อความโดยเจ้าเหยี่ยวหน้าตาน่าหมั่นไส้

                “ที่เขาว่ากันว่า สัตว์เลี้ยงก็เหมือนเจ้าของ มันน่าจะจริงแล้วล่ะ”

                เจ้านกบ้านั่นกลับมาที่ไรก็ถ้าพุ่งเข้าหาซากุระ แต่ที่เห็นชัดกว่าคือจะพุ่งเข้ามาหา มาออดอ้อนนารุโตะ ให้ลูบให้เกาทุกทีไป แถมเวลาที่นารุโตะเผลอ เจ้านกน่าโมโหนั่นก็ชอบส่งสายตาเยาะเย้ยใส่เขา  ชิ! แรกๆเขาก็ว่าคิดไปเอง แต่หลังๆนี่คงไม่ใช่แล้วล่ะ ถ้านารุโตะไม่อยู่ เขาอยากจะใช้นินจูสึของเขาล็อคตัวเจ้านกนั่น แล้วจับถอนขนเสียจริงๆ

                เจ้านกนั่นมันเหมือนเจ้าของไม่มีผิดให้ตายสิ


    เวลาติดต่อมาทุกทีก็จะเป็นข้อความเกี่ยวกับภารกิจ แต่่ที่พีคกว่านั้นคือ ส่วนใหญ่ไอ้เจ้าคนหัวหมออย่างซาสึเกะจะเขียนมาสั้นๆ ทำให้นารุโตะต้องถ่อไปหาอยู่ร่ำไป ราวกับจงใจหาเวลาให้ได้อยู่กับนารุโตะสองต่อสองทุกครั้งไป 

                ถ้าเรื่องสองคนนี้ เขารู้มาสักพักแล้วล่ะ ทำไมคนฉลาดอย่างเขาจะไม่สังเกต แต่จะให้ทำไงได้ ขนาดฮินาตะกับซากุระยังยอมรับเลย เขาก็ทำได้เพียงแค่คอยมองอยู่ห่างๆ ได้คอยเฝ้าดูแลก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาคนนี้ จะให้เข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ซับซ้อนนั่นเขาไม่เอาด้วยหรอก ยุ่งยากจะตายไป แล้วถ้านารุโตะโอเคกับเรื่องแบบนี้เขาก็โอเค

     

    เฮ้อ..

     

    ย้อนไปเสียไกล พล่ามไปเสียเยอะ กลับมาที่ตอนปัจจุบันดีกว่า... ชายหนุ่มผู้เบื่อไปเสียทุกเรื่องเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของโฮคาเงะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    ก๊อกๆ


    “....”  เคาะครั้งแรก เงียบ


    ก๊อกๆ


    “...........” เคาะครั้งที่สองก็แล้วยังไม่มีเสียงตอบรับ ไม่ต้องรออะไรแล้ว มือหนารีบผลักบานประตูเข้าไป คิดถึงสภาพที่แย่ที่สุดเอาไว้แล้ว และหวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น สงสัยวันนี้จะเป็นวันเฮงซวยของเขาเพราะสิ่งที่เขาคิดไว้ มันดันเป็นจริงเสียนี่ ห้องที่ปกติจะเต็มไปด้วยกองเอกสาร ตอนนี้ก็เต็มไปด้วยเอกสารนั่นแหละ แต่มันไม่เป็นกองดีๆแล้วนี่ละ กระจายเต็มพื้น ห้องทำงานตอนนี้มีเพียงแค่ไฟสลัวๆจากโคมไปตั้งโตะและหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น 

     

    “อา...” เสียงครางเบาๆ ดังขึ้นเรียกให้เขารีบพุ่งตัวไปที่กองๆนึงที่ขยับเล็กน้อย ก่อนจะหยิบหนังสือสัญญาเล่มโตนับสิบออกจากร่างของคนที่สมควรจะนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะมากกว่าลงมานอนสลบอยู่ตรงนี้ ชิกามารุประคองร่างแกร่ง แต่ยังไงๆก็ยังเล็กกว่าเขาให้อยู่ในลักษระกึ่งนั่งกึ่งนอนในอ้อมแขนเขา แสงสีอ่อนของโคมไฟกระทบกับใบหน้าหวานที่ดูอ่อนล้าสลบอยู่ตรงหน้าเขา

     

                ใบหน้าหวานที่มีรอยเอกลักษณ์สามขีดที่มองยังไงก็น่าหลงใหล เรือนผมสีทองที่ตัดสั้น ที่ปัจจุบันยาวขึ้นมานิดหน่อย เข้ากับรูปหน้าสวยชวนมองนั่น นิ้วเรียวยาวเกลี่ยเรือนผมที่ปลกดวงหน้าหวานออก ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน แต่เขาไม่ได้มองใบหน้านี้ชัดๆและใกล้ขนาดนี้สักเท่าไหร่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเลื่อนมาจ้องที่ริมฝีปากอวบอิ่มน่าจูบตรงหน้า

               

                เอ๊ะ...น่าจูบเหรอ.. นี่ถ้าเขาไม่เหนื่อย เขาคงต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ชิกามารุคิดกับตัวเองพลางกุมขมับ

                แต่ว่านะ.. ตาคมจับจ้องไปที่ใบหน้าหวานของคนในอ้อมแขนอีกครั้งหนึ่ง ก่อนใบหน้าคมจะค่อยๆเลื่อนเข้าใกล้คนตรงหน้าช้าๆ แต่ก่อนริมฝีปากเขาจะได้ทาบทับลงไป


    “ไม่ได้อยากมาขัดจังหวะหรอกนะ” เขาชะงัก


    “แต่ฉันว่านายอย่าแตะต้องหมอนั่นจะดีกว่านะ” เสียงทุ้มเย็นๆเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นจากทางด้านหลังในความมืด เขาไม่จำเป็นจะต้องหันกลับไปมองเลยว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร ก็มีอยู่คนเดียว...คนที่เขาไม่ชอบหน้าเสียเท่าไหร่ตั้งแต่สมัยเด็กๆ 'อุจิฮะ ซาสึเกะ'

                ถ้าอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ต้น ก็รีบออกมาช่วยนารุโตะสิ

     

    “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ.. ฉันพึ่งมาถึงต่างหากล่ะ ถึงจะหลังจากนายมาถึงไม่กี่นาทีก็ตามเถอะ แล้วก็นะถ้าฉันอยู่มาตั้งแต่ต้น ฉันคงไม่ปล่อยให้นารุโตะต้องล้มลงหรอก...”

    พูดแกมประชดคนในห้องก่อนคนที่อยู่ในมุมมืดจะก้าวออกมา โดยไม่ลืมที่จะเปิดไฟให้ห้องสว่างขึ้น ชายหนุ่มผมสีดำขลับ ไว้ยาวประบ่า นัยน์ตาสีเข้มเปลี่ยนจากเนตรวงแหวนเป็นตาปกติ


    ก่อนเขาจะต้องยอมส่งคนในอ้อมแขนให้ไปอยู่ในอ้อมอกของอีกคนนึงแทน เก้าอี้นั่งทำงานที่สั่งมาใหม่นั่น ถูกปรับเอนให้ร่างบางนั่นได้พักผ่อนได้ชั่วคราว ชิกามารุมองภาพนั่นเงียบๆ ก่อนจะจัดการเคลียร์เอกสาร พร้อมๆกับซาสึเกะที่เข้ามาช่วย ผ่านไปร่วมชั่วโมง ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ปกติ ห้องทำงานกลายเป็นปกติอีกครั้ง


    “เฮ้อ เจ้านารุโตะ สลบไปตั้งแต่กี่โมงกันเนี่ย?” งานมันถึงไม่ลดลงเลยหลังจากเขากลับไปหลายชั่วโมง


    “สมกับเป็นหมอนี่ละนะ”

    “สมเป็นเจ้าบื้อนี่ละนะ”

     ...คิดเหมือนกันไม่เท่าไหร่.. ทำไมต้องพูดพร้อมกันด้วยนี่สิ คิ้วเรียวบางกระตุกเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด ยิ่งนารุโตะหลับอยู่แบบนี้ อยู่กับคนที่ตัวเองไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่มันก็รู้สึกอึดอัดไปอีกแบบ

    เขามองคนที่ดูนิ่งๆ แต่ข้างในคงหงุดหงิดไม่มากก็น้อย เดินเข้าไปหาร่างบางที่หลับอยู่ ใบหน้าคมเลื่อนเข้าไปกระซิบบางอย่างที่เขาไม่ได้ยิน พร้อมส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้คนที่ยืนมองอยู่ คิ้วเรียวบางของใบหน้าเบื่อโลกกระตุก

             ...รู้แล้วว่าเมื่อกี้เขาผิด แต่นี่จะหาเรื่องกันหรือไง?...

     

    “อื้อ อืม” เสียงอู้อี้ๆดังตอบเสียงกระซิบของชายหนุ่มนั่น ก่อนร่างเล็กที่นอนอยู่จะเบิกตากว้างพร้อมเด้งตัวขึ้นมากับใบหน้าหวานแดงซ่าน มองคนที่ยืนอยู่ข้างๆตน ปากพะงาบๆพูดไม่ถูก

     

    “ซาสึเกะะะะ!!​” 

    “ว่าไง?” ซาสึเกะยกยิ้มมองคนตัวเล็กตรงหน้า หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ


     อยู่ในโลกสีชมพูกันสองคน


    “เฮ้อ...” ชิกามารุถอนหายใจ ตัดพ้อ มองเจ้าคนบ้าสองคนที่อยู่ในโลกสีชมพูตรงหน้าอย่างเหลือทน

     

    เฮ้ๆ นี่จะพูดอะไรกัน ทำอะไร เกรงใจเขาสายตาบ้างก็ได้นะ มือเรียวลูบคอตัวเองเบาๆ 

    เขาว่าเขาคอยดูแลหมอนี่ต่อไปดีแล้ว ไม่อยากจะมีเรื่องกับใครเท่าไหร่


    “เฮ้อ ยุ่งยากจริงๆเลย ฉันกลับล่ะ อย่าลืมกองเอกสารที่นายต้องเซนส่งพรุ่งนี้นะ นารุโตะ” ชิกามารุโบกมือให้ ทิ้งงานกองโตไว้ พร้อมกับเดินออกจากห้องไปทิ้งให้สองคนที่เหลือเคลียร์ปัญหาชีวิตกันเอง


    “เฮ๊ย ชิกามารุ อย่าเพิ่งไป” ประตูปิดลงพร้อมความหวังที่ดับหายไป 

    “ซาสึเกะ เพราะนายนั่นละ หมอนั่นงอนหนีไปแล้วเห็นไหม?”


    “กลับมาแล้วบอกกันสักหน่อยจะเสียหายมากไหมฮะ?” ร่างบางบ่นออดแอดก่อนจะเดินเอางานที่เสร็จแล้วไปกองรวมไว้ที่มุมห้อง


    แล้วที่ฉันอยู่ตรงนี้ นายคิดว่าฉันมาทำอะไรล่ะ เจ้าโง่ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจมองเจ้าจิ้งจอกน้อยตรงหน้าวุ่นวายกับงานที่ต้องสะสาง


    “ฉันจะทำยังไงดีเนี่ยย ไม่ได้นอนแน่ๆคืนนี้” ร่างสูงมองจิ้งจอกตรงหน้าที่ปากก็บ่นไม่หยุด ไม่ต่างจากมือและตาที่ไล่อ่านเอกสารทั้งหมดตรงหน้า อย่างร้อนรน ผ่านไปสักพักก่อนนัยน์ตาสีฟ้านั่นจะเหลือบมามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่

     

    “เฮ้ อย่ามาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นะ อย่าเมินฉันด้วย” ตาคมกริบเลื่อนมาจับจ้องคนที่เจี้ยวจ้าวไม่หยุดตั้งแต่หนุ่มตระกูลนาราออกไป ก่อนเขาจะถอนหายใจแล้วก้าวเข้าไปประชิดตัวคนตัวเล็ก

     

    “หวาา ทำอะไรของนายเนี่ย อึดอัด” ก่อนร่างเล็กจะถูกดึงให้ยืนขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่นั่งลงบนเก้าอี้แทน โดยดึงคนตัวเล็กให้นั่งตัก มือหนาโอบรอบเอวบางนั่นพลางซุกไซร้คอขาวๆตรงหน้า

     

    “อื้อ ไม่เอาน่า ซาสึเกะ” ลิ้นร้อน หยอกล้อกับคอระหงส์ พรมจูบซอกคอที่เป็นจุดอ่อนไหวของคนในอ้อมกอดด้วยความคิดถึง และโหยหา


    “แบบนี้ฉันก็ทำงานไม่ได้นะสิ ฮี๊ อ๊ะ” สัมผัสร้อนๆวาบหวามของนิ้วเรียวที่กำลังเล่นกับยอดอกของเขา ราวกับสูบพลังที่มีอยู่น้อยนิดของเขาให้หมดไป ปากกาที่ถืออยู่ร่วงหล่นลงกับโต๊ะ เสียงครางหวานดังเบาๆ นี่มันออฟฟิศของโฮคาเงะเชียวนะ


    ซาสึเกะ เจ้าบ้าทำอะไรไม่ดูสถานที่เลยก่อนจะถูกอารมณ์และความต้องการชักจูงไปในทางที่ผิด รูปของโฮคาเงะทั้ง6 เหมือนจ้องมองมาที่เขาทั้งสอง ก่อนนารุโตะจะหน้าแดงและระอายใจ รู้สึกเหมือนโดนปู่ โดนพ่อ โดนครูมองอยู่ น่าอายจริงๆ


    “อื้อ อือ ...” ร่างเล็กที่รู้สึกผิดอย่างแรง รวบรวมแรงทั้งหมดก่อนซาสึเกะจะโดนดันออกมา พร้อมศอกแหลมที่กระทุ้งโดนจุดอ่อนเข้าเสียพอดี ทำให้คนร่างสูงต้องยอมถอยออกมา พร้อมกุมท้องด้วยความเจ็บปวด มองคนตัวเล็กที่นั่งทำงานต่ออย่างไม่รู้ไม่ชี้....


    [ไปอ่าน  S Fic : Naruto [this is how it becomes this way.] [Sasuke X Naruto] เพื่อเพิ่มเติมเนื้อเรื่องนะจ้ะ] 


                ตอนแรกชิกามารุ ก็อยากจะครอบครองนารุโตะไว้คนเดียวนะ แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เพราะคนๆนี้จะต้องเป็นโฮคาเงะเข้าสักวันนี่นะ...

    หลังจากเขาออกมา ได้ยินเสียงโหวกเหวกของนารุโตะดังลั่น แต่เขาไม่อยากคิดเลยเกิดอะไรขึ้นในห้องนั่นต่อไป เขารีบไปดีกว่า คิดไปก็หนักหัว... 

    “เอาละ ลองกลับไปง้ออาเจ๊ที่บ้านก็ไม่เสียหายหรอก"

    "เฮ้อ....” ก่อนชายหนุ่มวัยกลางคนจะต้องเดินคอตกกลับบ้านไปง้อเมียที่รักไปตามสภาพ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×