รอ...(วัน ฉันกล้า) - รอ...(วัน ฉันกล้า) นิยาย รอ...(วัน ฉันกล้า) : Dek-D.com - Writer

    รอ...(วัน ฉันกล้า)

    คำว่า "รอ" อย่าไปคิดถึงมันมากนัก เพราะมันอาจทำให้ต้องสูญเสียบางอย่างไป

    ผู้เข้าชมรวม

    576

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    576

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.ค. 50 / 13:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เป็นประจำทุกเย็นที่พวกผมจะมานั่งเล่นกันที่ร้านเค้กข้างโรงเรียน ร้านแห่งนี้จะตกแต่งด้วยสีโทนอ่อนๆ เปิดเพลงคลาสสิก ช้าๆเบาๆ ตลอดทุกวัน สร้างบรรยากาศสบายๆ ยามเย็นได้เป็นอย่างดี

      เลยทำให้ผมต้องแวะเวียนมาเสมอๆ ตอนแรกๆก็มาคนเดียวแหละ แต่ไปๆ มาๆ พวกนั้นมันมากันได้ยังไงก็ไม่รู้ ถึงพวกมันจะมาแล้วเสียงดังขนาดไหน ผมก็ไม่สนใจ เพราะผมสามารถสร้างโลกส่วนตัวของผมเองได้โดยที่ไม่มีใครรบกวน

       “เฮ้ย...ดูนั้น น่ารักเป็นบ้าเลย” เสียงของไอ้บอลดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาผมต้องกระเด็นออกมาจากโลกส่วนตัวของผม (ออกมาได้ยังไงไม่รู้ ทุกทีไม่เคย...)

       “คนไหนวะ”

       “เอ่อๆ”

      ผมมองตามไอ้บอล ไอ้เจ๋ง กับไอ้รัก (จริงๆ แล้ว มันชื่อ รักบี้ แต่พวกผมขี้เกียจเรียกกัน) เห็นผู้หญิงสองคนกำลังเดินเข้าร้านมา เธอทั้งคู่อยู่โรงเรียนเดียวกับผม ดูท่าจะอยู่ชั้นเดียวกันด้วย

       “หุ่นอย่างกับนางแบบแน่ะ”

       “ผิวขาว ตาโต สเป็คเลย”

       “เอ่อ...ขาคุณเธอเรียวอย่างกับดินสอ”

       “ดินสอบ้านแกเป็นอย่างนั้นเหรอ มันต้องตะเกียบโว้ย”

      อืม มองๆ ดูแล้ว เธอก็น่ารักดีนะ ดูท่าทางจะขี้อายซะด้วยซินั่น ผมล่ะชอบผู้หญิงขี้อายแบบนี้ที่สุด ดูน่ารักน่าทะนุถนอมดี แถมดูเธอจะไม่ใช่คนช่างพูดเสียด้วย ดูสิ ปล่อยให้เพื่อนสาวของเธอพูดไม่ขาดสาย เธอเป็นผู้ฟังที่ดีมากๆเลย แถมเธอยังมีรอยยิ้มที่สดใสแบบนั้นอีก

      ผมนั่งมองเธอพร้อมวิจารณ์อยู่ภายในกับตัวเอง อยู่ๆก็หลุดเข้าไปโลกส่วนตัวตอนไหนก็ไม่รู้

      พอหลุดออกมาอีกที เธอก็หายไปเสียแล้ว เสียดายจัง แต่ก็ช่างมันเหอะ มันไม่ได้สำคัญอะไรกับผมนี่นา แค่เธอออกจากร้านไปก็เท่านั้น…

      แต่วันต่อมา เมื่อกลับมาที่ร้านเดิมอีกครั้งความคิดนี้ของผม มันก็ต้องกระเด็นออกไปจากฐานความจริง

      ถ้าใครที่รู้จักผม เห็นผมในตอนนี้ ก็คงคิดว่าผมกำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของผมที่มักจะแวะเข้าไปเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยๆ แต่มันไม่ใช่เลย สำหรับวันนี้ ตั้งแต่เข้าร้านมาผมก็เอาแต่นั่งมองประตูเหมือนกับว่ารออะไรอยู่

      ผมนั่งมองจนรู้สึกปวดตา จึงหลับตาหวังจะให้คลายความเมื่อยล้า แต่ความง่วงดันเข้ามาด้วยกันซะนี่

      ระหว่างที่ผมกำลังต่อสู้กับความง่วงอยู่นั้น อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีแรงอะไรสักอย่างที่มาจากข้างใน ทำให้ผมชนะความง่วงได้ แล้วผมก็ลืมตาขึ้นโดยเร็ว

      สิ่งที่ผมเห็นเป็นสิ่งแรกเมื่อลืมตาขึ้นมา ก็คือเธอ...เธอคนนั้นที่มีรอยยิ้มสดใสราวกับแสงตะวัน กำลังเดินเข้าร้านมากับเพื่อนสาวคนเดิมของเธอ

      เวลาที่เธอย่างก้าวเข้ามามันช่างดูงดงามอะไรแบบนี้ แถมยังมีอาการเขินอายเข้ามาอีก ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์กว่าเดิมตั้งหลายเท่า

      ผมเห็นเธอสั่งเค้กนมสดกับกาแฟ ถึงผมจะไม่เคยลองแต่ผมก็รู้ว่ามันอร่อยมาก เพราะดูจากอาการของเธอเวลาที่กินซิ ดูมีความสุขจริงๆ เลย

      อ้าว...เค้กคำสุดท้ายของเธอดันหล่นลงบนตักซะนี่ ผมมองเธออย่างแปลกใจ เมื่อเห็นเธอหยิบเค้กชิ้นนั้นมามองอย่างอาลัยอาวร แล้วก็เงยหน้าขึ้นมา หันซ้ายหันขวา ก่อนจะรีบเอาเค้กใส่ปาก แล้วทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทางของเธอน่ารักชะมัดเลย เป็นผม ผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกันนะ ก็เค้กน่ะอร่อยที่สุดก็คำสุดท้ายนี้แหละ

       ผมมองเธอตลอดจนกระทั่งเธอเดินออกจากร้านไป ผมจึงหันมาสนใจกับเค้กของตัวเองที่ถูกสั่งมาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน นี่ก็ปาไปตั้งชั่วโมงกว่าแล้ว ผมรีบกินเค้กแล้วก็กลับบ้าน

       ตลอดทางผมเอาแต่นึกถึงหน้าของเธอที่กำลังมีความสุขตอนกินเค้ก แล้วผมก็นึกได้ว่า วันนี้ ผมยังไม่ได้แวะไปเยี่ยมโลกของผมเลย จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะ

       มันแปลกมากเลยนะ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้นึกถึงมันเลย ก็ผมมัวแต่คิดถึงเธอคนนั้นนี่นา มันแปลกมากจริงๆ ผมคงต้องชอบเธอแล้วแน่ๆเลย เธอมีอิทธิพลกับใจผมขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ถึงขนาดสามารถทำให้ผมไม่สามารถกลับไปโลกของผมได้ (ทำยังกับตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาว กลับโลกตัวเองไม่ได้งั้นแหละ)

        ผมอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ มากกว่าเดิมที่รู้ว่าเธอชอบเค้กนมสด แต่ผมก็ไม่ต้องไปสืบหาให้วุ่นวาย ก็เพราะผมมีไอ้สามตัวผู้รอบรู้อยู่แล้วนี่

       “อยู่ห้อง3” เลียงของไอ้เจ๋งดังขึ้น ในขณะที่ผมกำลังนั่งมองเธอที่มากับเพื่อนสาวคนเดิม

       “ใคร”

       “ก็แม่ยอดดวงใจของฉันน่ะซิ”

       “แกที่ไหน พวกเราต่างหาก”

       ห้อง 3 เหรอ อยู่ไม่ใกล้กันเลย อยู่ห่างกันตั้งหลายตึก ผมยิ่งเป็นคนไม่ชอบเดินอยู่ด้วย แค่เดินจากประตู ร.ร มาห้องมันก็ไกลมากเลยนะสำหรับผม

       แต่ไม่เป็นไร เพื่อความรักผมอดทนได้

       แต่ผมก็ไม่รู้ว่า ถ้าไปหาเธอแล้วจะคุยเรื่องอะไร ก็ผมมันเป็นคนไม่ชอบพูดเหมือนกันนี่ แต่พอเวลานั้นมาถึงจริง ผมก็คงจะมีเรื่องไปพูดมากแล้ว

       ในระหว่างที่รอเวลาที่ผมกล้า ผมว่า ผมเริ่มเก็บลายละเอียดของเธอดีกว่า ดูท่าเธอจะชอบสีม่วงเอามากๆ เลนนะนั่น ดูสิ กระเป๋า นาฬิกา ตุ้มหู ผ้าเช็ดหน้า โทรศัพท์ ยางรัดผม แม้กระทั่ง เหล็กดัดฟัน ก็ล้วนแต่มีสีม่วงอยู่

       เค้าว่าสีม่วงนี่จะถ่ายทอดถึงอะไรที่ผิดแปลกไปจากคนอื่น มันก็จริงนะ เพราะเธอแปลกจากคนอื่นๆมากเลย

       เวลาอยู่ในหมู่คนมาก คนอื่นอาจไม่สังเกตเห็นเธอเพราะเธอจะชอบทำตัวเงียบๆ และจะชอบหามุมอยู่คนเดียว แต่ผมก็สามารถเห็นเธอได้อย่างง่ายดาย เพราะสิ่งที่เธอทำสำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

       ผมชอบหาโอกาสที่จะได้ทำอะไรร่วมกับเธอหรืออาจจะแค่ใกล้กับเธอก็ได้

       วันหนึ่งตอนที่ไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร ผมมีโอกาสได้นั่งโต๊ะตรงข้ามระหว่างเธอ โดยที่ผมกับเธอนั่งหันหลังให้กัน ผมพยายามเงี่ยหูฟัง เพื่อที่จะได้ยินเสียงพูดของเธอสักครั้ง แต่ผมก็ไม่สมหวังเพราะเธอไม่พูดออกมาสักคำเดียว ไม่แม้แต่จะหัวเราะ ดูท่าทางเธอคงจะเศร้าแน่ๆเลย

       ตั้งแต่วันนั้นที่โรงอาหาร ก็ดูเหมือนอาการของเธอจะหนักขึ้นทุกๆวัน

       กลุ่มเพื่อนของเธอที่มีแค่ไม่กี่คน ต่างก็พยายามจะสร้างบรรยากาศ สร้างเสียงหัวเราะ แต่เธอก็ทำแค่ยิ้มเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่สดใสเหมือนเดิม และช่วงนี้ดูเหมือนเธอจะมานั่งร้านเค้กนานขึ้น จากเดิมที่กินเสร็จแล้วก็ออกไป

       ผมอยากรู้จริงๆเลยว่าเธอเป็นอะไร ผมอยากเห็นรอยยิ้มอันสดใสของเธออีกครั้ง

       ผมคงจะไม่ใช่แค่ชอบ แต่คงจะกลายเป็นรักเธอเข้าไปแล้ว เวลาที่เห็นเธอมีความสุข ผมก็จะสุขด้วย เวลาเห็นเธอเศร้า ผมจะยิ่งเศร้ากว่าเธอหลายเท่า

       ผมจึงตัดสินใจว่าวันไหนที่เธอยิ้มอย่างสดใส วันนั้นแหละ ผมจะเข้าไปบอกกับเธอ

       แล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง

       เธอกำลังยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุขให้เพื่อน ๆ ทุกคน

       ผมอยากจะเดินเข้าไปบอกเธอตอนนี้เลย แต่ดูซิ คนทั้งห้องล้อมวงเธออยู่อย่างนั้น ผมจึงตัดสินใจว่า จะบอกกับเธอที่ร้านเค้ก

       แต่แปลกนะทุกทีเธอไม่เคยถูกรุมล้อมแบบนี้เลยนะ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

       ผมตั้งตารอเวลาหลังเลิกเรียน เพื่อที่จะได้ไปร้านเค้กและบอกกับเธอว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเธอ

       และแล้วเวลาที่ผมรอก็มาถึง

       เมื่อเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ผมวิ่งออกไปจากห้อง รีบตรงไปยังร้านเค้ก ผมสั่งเค้กนมสดกับกาแฟออกไปโดยที่ไม่ทันจะรู้ตัว แปลกนะผมพูดออกไปได้ยังไง

       ผมนั่งรอเธอที่โต๊ะตัวเดิมของผม สักพักพวกเพื่อนๆ ก็พากันเดินเข้ามา ต่างพากันมองผมด้วยสายตาที่แปลกไปจากเดิม คงจะงงกันล่ะซิ ก็ปกติผมเคยรีบร้อนซะที่ไหน ผมน่ะเป็นคนที่ชอบทำอะไรช้าๆ เอื่อยๆ ไม่รีบร้อน เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะให้ความสำคัญกับอะไรมากนัก

       ผมเริ่มใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อใกล้ถึงเวลาที่ปกติเธอจะเดินเข้าร้านมา แต่พอถึงเวลาช่วงนั้น ผมก็ยังไม่เห็นเธอ บางทีเธออาจเป็นเวรทำความสะอาดก็ได้นะ หรือบางทีเธอก็อาจจะไปห้องสมุด เพราะผมเห็นเธออยู่ที่ห้องสมุดบ่อยๆ เวลาหลังเลิกเรียน ปกติเธอจะชอบไปนั่งอ่านที่มุมนิยาย แต่ช่วงนี้ผมเห็นเธอเข้าไปอ่านที่มุมภูมิศาสตร์ ผมเห็นเธอหยิบหนังสือเกี่ยวกับทวีปแอฟริกามาอ่าน อ่านด้วยท่าทางเคร่งเครียดด้วย

       ผมนั่งคนกาแฟไปมา จนตอนนี้ควันที่เคยลอยขึ้นมาของมันได้หายไปเสียแล้ว นี่ผ่านไปแล้วตั้ง 2 ชั่วโมง วันนี้เธอคงไม่มาแล้วแน่ๆ เลย ผมเลยตัดสินใจกินเค้กนั้นซะ

       เมื่อกัดเข้าไปคำแรก ความหวานของมันก็ละลายไปทั่วปาก มิน่าล่ะเธอถึงมีความสุขนักเวลาที่เธอกิน ถึงวันนี้ผมจะไม่ได้เจอเธอ แต่อย่างน้อยผมก็ยังได้กินของที่เธอชอบ

        ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เจอเธอเลย ไม่ว่าจะในโรงเรียน หรือร้านเค้กก็ตาม เธอหายไปไหนกันนะ ผมรู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้ รู้สึกเหมือนกับว่า...เธอจากผมไปแล้ว

       แล้ววันนั้นผมก็เห็น...

       “แม่ยอดดวงใจของฉัน” ไอ้รักเพ้อออกมา เมื่อเห็นเด็กนักเรียนห้อง 3 เดินผ่านโต๊ะที่พวกผมนั่งกันอยู่

       ผมลุกขึ้นเดินเข้าไปหา...

       “เฮ้ย แกจะตัดหน้าพวกฉันเหรอ” ไอ้บอลพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินตามผมมา

       “สวัสดีครับ” ไอ้เจ๋งทักเป็นคนแรก เธอหันมามองอย่างสงสัย “ผมชื่อ เจ๋งครับ”

       “ผมชื่อบอลครับ”

       “ผมชื่อรักบี้ครับ” ทุกคนแนะนำตัวกันหมด

       ไอ้เจ๋ง ไอ้บอล กับไอ้รัก หันมามองทางผม เธอก็หันมาเหมือนกัน คงคิดว่าผมจะแนะนำตัวบ้างล่ะซิ แต่ปล่าวเลย สิ่งที่ผมพูดออกไปมันไม่ใช่

       “เอ่อ...เพื่อนคุณหายไปไหนครับ” เพื่อนผมหันมามองกันอย่างแปลกใจ

       “คนไหนคะ” เธอถามอย่างสงสัย

       “คนที่สนิทกับคุณ คนที่ชอบสีม่วง แล้วก็เค้ก...”

       “อ้อ มีนน่ะเหรอคะ เค้าย้ายโรงเรียนไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แล้วล่ะค่ะ”

       “ย้าย...ย้ายไปที่ไหนครับ”

       “กาน่าค่ะ”

       “กาน่า เลยเหรอ...”

       “มีอะไรรึปล่าวคะ”

       “ไม่มีครับ ขอบคุณครับ” แล้วผมก็เดินออกมา ความรู้สึกของผมเป็นจริงเหรอเนี้ย เธอจากผมไปแล้วเหรอ ไปโดยที่เธอไม่แม้แต่จะรู้จักผม แล้วเมื่อไหร่ล่ะ เราจะได้เจอกันอีก...ใช่เมื่อไหร่

       ผมรีบวิ่งกลับไปหาเธอ

       “เมื่อไหร่ เค้าถึงจะกลับมาครับ”

       “คงประมาณอีก 2 ปีค่ะ แต่ก็ยังไม่แน่นอนนะคะ”

       “2 ปี...” ก็ไม่นานเกินรอใช่มั้ยล่ะ “ถ้ามีข่าวจากเธอช่วยบอกผมด้วยนะครับ”

       “แกเป็นอะไรไปวะ ไอ้ป้อง” ไอ้รักเอ่ยออกมาเมื่อตามผมมานั่งที่โต๊ะ

       “ปล่าว” ผมพูดไปอย่างนั้นแหละ แต่ในใจผมกำลังหาวิธีที่จะติดต่อกับเธอ

       “ตอนแรกฉันก็คิดว่าแกชอบป่านของพวกเราด้วยซะอีก” ป่านที่ไอ้เจ๋งหมายถึงก็คือเพื่อนของเธอที่ผมเค้าไปคุยด้วยเมื่อกี้ “แต่กลายเป็นว่าแกชอบยายมีน เงียบชิ้งนั่นน่ะเหรอ”

       “แล้วกาน่านี่มันชื่ออะไรวะ” ไอ้บอลถาม

       “ประเทศ”

       “แล้วมันอยู่ส่วนไหนของโลก ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเลย”

       “แอฟริกา...” ใช่ ทำไมผมถึงไม่เอะใจเลยว่า ที่เธอไปอ่านหนังสือที่มุมภูมิศาสตร์ก็เพราะเหตุนี้

       “แล้วมันอยู่ติดกับประเทศอะไรบ้างเนี้ย”

       “โตโก ไอวอรีโคสต อัปเปอร์วอลต้า”

       “เอ่อ...แล้วไอ้พวกนั้นมันอยู่แถวไหนเหรอ”

       “...ไปหาอ่านเองแล้วกัน” ผมหมดอารมณ์ที่จะพูดกับเจ้าพวกนี้แล้ว เลยลุกเดินออกไป

       ผมเดินไปที่ร้านเค้ก ที่ผมพบเธอครั้งแรก

       ผมสั่งเค้กนมสด กับ กาแฟ ของโปรดของเธอ ผมนั่งมองมันอย่างโหยหา หาคนที่ชอบมันที่สุด

       ถึงแม้เธอจะไม่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ แต่สักวันเธอก็คงจะกลับมา กลับมาพร้อมรอยยิ้มอันสดใสของเธอ ผมจะรอเธอ

       ผมจะมารอเธอ ณ ที่แห่งนี้ ที่เราได้พบกัน เรียกให้ถูกที่ที่ผมพบเธอมากกว่า...ผมจะรอ พร้อมกับเค้กที่เธอชอบ...ทุกวัน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×