คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : CHAPTER 14 : ที่ปรึกษา
บทที่ 14 ที่ปรึกษา
‘อยู่ในนี้จนกว่าฉันจะอนุญาตให้เธอออกมา จำใส่กะโหลกของเธอเอาไว้ซะว่าเป็นแค่หนูสกปรกในท่อ...อย่าริอาจมาต่อต้านราชสีห์!’
ไม่เคยมีค่ำคืนไหนที่โหดร้ายเท่าคืนนั้น...
เป็นคืนที่เธอประจักษ์แก่ใจแล้วว่าเธอ...
ไม่ควรจะต่อต้านเขา...
ต่อให้เขาสั่งให้เธอไปตาย...
เธอก็ควรจะทำ...
ซากุระนั่งมองแฟ้มเอกสารที่หัวหน้าไกส่งให้เธอมาตรวจทานอย่างเหม่อลอย จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่า... แต่เธอก็ยังไม่ลืมความโหดร้ายในวันนั้น...
หลังจากลากเธอกลับบ้านไปซาสึเกะไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาจับเธอเหวี่ยงเข้าไปในห้องน้ำเหมือนวันแรกที่เธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นไม่มีผิด หากแต่คราวนี้ซาสึเกะไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ตอบโต้อะไรกลับ เขาไม่แม้แต่จะให้เธอต่อว่าเขาทางสายตา... ซาสึเกะปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับเอาโซ่ล่ามลูกบิดข้างนอกไว้ เขาขังเธอเอาไว้แบบนั้น...
เป็นเวลาเกือบสามวัน...
สามวันที่ไม่มีอะไรตกถึงท้อง...
สามวันที่เธอต้องกินน้ำจากอ่างล้างมือ...
แค่นึกถึงช่วงเวลาที่เธอต้องทนหิวทนหนาวอยู่ในห้องนั้น ร่างบางก็สั่นสะท้านขึ้นมาทั้งตัว เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงได้จงเกลียดจงชังเธอมากมายนัก ไม่เข้าใจถึงความโกรธแบบไร้เหตุผลของเขา...
ไม่เข้าใจ...
ว่าเขากำลังมองว่าเธอเป็นใคร?...
ภาพของเธอ... กำลังซ้อนทับภาพของใครบางคนหรือเปล่า?
“ไปกินข้าวกันเถอะ” เสียงใสๆของอิโนะดึงความคิดที่กำลังจมดิ่งของเธอให้กลับคืนมา หญิงสาวหันหน้าไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเพื่อนของเธอกำลังอยู่ในท่าเตรียมพร้อมจะออกไปหาอะไรมายัดใส่กระเพาะแล้ว
“อ้าว วันนี้ไม่ไปกินกับรุ่นพี่เหรอ?” เสียงหวานอดแซวเพื่อนเสียไม่ได้เมื่อคิดได้ว่าหมู่นี้คนชวนเธอไม่ค่อยจะว่างซักเท่าไหร่
มีหนุ่มหน้าตาดีคอยเอาใจพาไปโน่นไปนี่ตลอด...
“แก-หยุด-พูด-เลย-นะ ยัยเถิก!!!” อิโนะตวาดแว้ดขึ้นมาทันทีทันใดทำให้คนเป็นเพื่อนยิ่งได้ใจแซวเข้าไปใหญ่
“เขิน?”
“เขินบ้านแกสิยะ!” อิโนะแหวใส่กึ่งโกรธกึ่งอาย“เฮอะ! เมื่อไหร่เค้าจะไปให้พ้นๆหน้าฉันซักที!”
“ฉันถามจริงๆเถอะอิโนะ ไอ้วันนั้นที่รุ่นพี่ลักพาตัวแกกลับบ้านไปเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เธอถามพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง
“!!!”
“ทำไมพอหลังจากวันนั้นรุ่นพี่ถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำไมเค้าถึงกลับมาสนใจเอาใจดูแลแกอีกล่ะ”
พอเจอเพื่อนรักถามตรงๆแบบนั้นอิโนะก็ถึงกับไปไม่เป็น นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ซากุระถามเธอเรื่องนี้ แต่ทุกครั้งเธอก็จะบอกปัดและหาทางหลบเลี่ยงตลอด เธอจะไปเล่าได้อย่างไร... ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น...
คืนนั้นหลังจากที่ดื่มเหล้าจนเมามายไม่ได้สติ อิโนะจำได้เพียงว่าเธอถูกใครคนหนึ่งพาตัวขึ้นรถไป แต่พอตื่นมารุ่งเช้าเธอกลับพบว่าตัวเองนอนหลับสบายอยู่บนเตียงของเขา!
ใช่! เตียงของซาอิ!
ผู้ชายที่เธอกาหัวไว้เลยว่าจะไม่เข้าใกล้อีกเป็นอันขาด!
แต่ก็เหมือนโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเธอ หรือไม่คนที่กำลังเล่นตลกกับเธอก็คือผู้ชายหน้าเป็นที่ชอบยิ้มเสแสร้งนั่นแหละ! เพราะหลังจากที่เขาเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเพื่อแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของห้องและเจ้าของเตียงที่เธอกำลังนอนอยู่แล้ว ซาอิก็บอกความจริงอีกข้อที่ทำเอาเธอถึงกับสร่างเมาแทบไม่ทัน
‘เธอเป็นของพี่แล้วนะครับ ต่อจากนี้พี่จะดูและเธอเอง’
ประโยคสั้นๆง่ายๆของเขาทำเอาคนเพิ่งตื่นแทบทรุด หลังจากที่ตั้งสติได้อิโนะก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะมั่นใจว่าเขาโกหกแน่ๆ เธอจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะออกไปให้มันพ้นๆหน้าเขาเสียทีแต่แล้วเธอก็ต้องทำหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเมื่อรู้สึกเจ็บบริเวณกลางลำตัวอย่างรุนแรงจนลุกไม่ไหวและพอเปิดดูใต้ผ้าห่มที่คลุมตัวเธอไว้จนมิดร่างบางก็ต้องร้องกรี๊ดออกมาเมื่อเห็นหลักฐานอยู่คาตาว่าสิ่งที่ซาอิพูดออกมานั้น...
เป็นความจริงทุกประการ!
เธอไม่รู้ว่าจะโทษความไม่ได้เรื่องของตัวเองที่ไปร่ำสุราจนเมามายไม่ได้สติจนปล่อยให้เขาหาเศษหาเลยกับเธอได้ หรือควรจะโทษความไม่เป็นสุภาพบุรุษเห็นแก่ได้ของเขาดี แต่ไม่ว่าเธอจะโทษอะไรสุดท้ายสิ่งที่เธอทำได้ในตอนนั้นก็มีเพียงก้มหน้าร้องไห้อย่างไม่อายโดยมีตัวต้นเหตุคอยโอ๋อยู่ข้างๆ
เธอเกลียดตัวเอง...
เกลียดตัวเองที่สุดท้ายก็เอาตัวไปเกี่ยวพันกับคนอันตรายแบบเขาอย่างลึกซึ้ง...
เธอเกลียดเขา...
เกลียด... ด้วยเหตุผลมากมายที่คงสาธยายออกมาไม่หมด!
อิโนะเป็นคนมีความคิดค่อนข้างสมัยใหม่ เธอไม่นึกเสียใจอะไรกับสิ่งที่เสียไปแล้วนักหรอกและก็ไม่คิดเรียกร้องอะไรด้วย แต่สิ่งที่เธอกำลังต้องการในตอนนี้คือให้เขาออกไปให้พ้นจากชีวิตของเธอสักที แต่ถึงกระนั้นจนถึงตอนนี้ซาอิก็ยังคงมาป้วนเปี้ยนทำให้ใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำอยู่ทุกครั้ง ยิ่งเขาเข้ามาใกล้เธอเท่าไหร่เธอยิ่งหวาดระแวง เธอกลัวว่าตัวเองจะกลับไปรักเขาอีก กลัวว่าเขาจะหลอกให้เธอรักแล้วจากไปอีก...
กลัว... ความทรมานที่เกิดจากการผิดหวัง...
อย่ามาหลอกกันอีกเลย...
ทั้งๆที่สมองอยากจะปฏิเสธเขาแต่หัวใจของเธอกลับพองโตอย่างประหลาด ดูเหมือนมันจะเกเรเสียแล้วสิ! ยิ่งเขาเอาใจใส่ดูแลเธอมากขึ้นเท่าใดมันก็ยิ่งทำให้ใจดวงน้อยของเธออ่อนยวบลงเรื่อยๆ
ไอ้หัวใจไม่รักดี!
“นั่น! ฉันว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้น! ไม่งั้นหน้าแกจะแดงเป็นลูกมะเขือเทศขนาดนี้เหรอ”
“ยะ...อย่ามามั่ว ฉัน..ฉันไม่ได้หน้าแดงซักหน่อย!” อิโนะปฏิเสธเป็นพัลวัน ใบหน้าสวยยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่เมื่อถูกเพื่อนจี้ตรงจุด “ฉันไม่คุยกับแกแล้วยัยเถิก! จะกินก็ตามไปโรงอาหาร ไม่กินก็นั่งซึมมันอยู่ตรงนี้แหละ! คนอุตส่าห์มาชวนกินข้าว เชอะ!”
สุดท้ายก็มาโกรธกลบเกลื่อน...
ซากุระคิดพร้อมกับหัวเราะออกมา เธอเก็บแฟ้มเอกสารไว้ในลิ้นชักก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินตามเพื่อนสาวที่เดินปึงปังหน้าหงิกหน้างอออกไป แต่เดินออกไปยังไม่ทันพ้นเขตของฝ่ายบัญชีร่างบางก็ต้องหยุดเดินแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าท่านประธานหนุ่มกับหัวหน้าคนปัจจุบันของเธอกำลังเดินผ่านหน้าไป และก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเหมือนกันว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้น นารูโตะหยุดเดิน... เขายืนมองเธออยู่เงียบๆราวกับว่ามีบางอย่างจะพูดกับเธอแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
ซากุระก้มหน้างุด พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สบตาดวงตาสีฟ้าที่ดูขี้เล่นของนารูโตะ หญิงสาวโค้งตัวให้ท่านประธานที่หยุดยืนพร้อมกับกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” ซากุระพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังนักแต่น้ำเสียงของเธอนั้นก็ทำให้นารูโตะมองอย่างอ่อนใจ
มันเหมือนกำลังน้อยใจแปลกๆ...
นานนับนาทีที่ซากุระยังคงก้มหน้ายืนอยู่ตรงนั้นและนารูโตะยังคงเงียบไม่พูดอะไร จนกระทั่งไกสะกิดให้เจ้านายของตนออกเดินต่อเพื่อจะไปดูเอกสารของทางฝ่ายบัญชีที่เขาเตรียมไว้ในห้องพร้อมกับรับประทานอาหารร่วมกัน นารูโตะหันไปพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันกลับมามองร่างเล็กที่ยังคงก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไรด้วยสายตาอ่านยาก สุดท้ายเขาก็เดินตามไกไปพร้อมกับความรู้สึกโหวงๆในใจอย่างบอกไม่ถูก
ความอึดอัดที่มีมาตลอดทั้งเดือนทำให้นารูโตะอยู่ในอาการซึมกะทือแทบจะตลอดเวลา เขารู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นสายตาแต่เต็มไปด้วยความผิดหวังเสียใจกึ่งกล่าวโทษของอีกฝ่าย แต่นารูโตะก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันผิด... เธอต่างหากที่เป็นคนผิด...
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหลังจากที่ขาดงานไปโดยไม่บอกไม่ลา หญิงสาวก็ทำให้เขาต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อจู่ๆเธอก็หายไปอีก แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่วันเดียว... เธอขาดงานไปสามวันติดกัน! แล้วนี่จะไม่ทำให้เขาหงุดหงิดได้ยังไง!?! เธอเป็นพนักงานฝึกงานแต่กลับฝ่าฝืนคำสั่งของเขา เขาไม่ยุติการฝึกงานของเธอก็ดีเท่าไหร่แล้วมิใช่หรือ? แถมยังย้ายเธอจากฝ่ายบริหารที่เธอไม่ถูกโรคมาอยู่ฝ่ายบัญชีเพื่อให้เธอได้แสดงความสามารถอีก ถึงจะเผลอต่อว่าเธอในวันที่สี่ที่เธอโผล่หน้ามาทำงานก็เถอะ แต่ถ้าลองคิดดูดีๆแล้ว...
ก็มีแต่ความดีล้วนๆ!
ทำไมสาวเจ้าถึงไม่ยอมเข้าใจ!
แถมยังไม่ยอมมาคุยกับเขาอีก!
นี่รอให้มาง้อนะ!
นารูโตะบ่นงึมงำๆ ในใจจนไกมองอย่างแปลกใจ เมื่อถูกอีกฝ่ายมองด้วยแววตาสงสัยนารูโตะก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพยักเพยิดหน้าไปทางคนที่กำลังเดินไปคนละทางกับตนแล้วหันมาถามหัวหน้าฝ่ายบัญชี
“ช่วงนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
.
.
.
วันนี้นารูโตะแอบโดดงานแล้วออกมาจากบริษัทตั้งแต่บ่ายสามโมง ส่วนเหตุผลน่ะหรือ?
ก็นัดใครบางคนเอาไว้ยังไงล่ะ...
ร่างสูงนั่งรอคนนัดในร้านกาแฟกลางห้างดัง ชายหนุ่มยกกาแฟอเมริกาโน่ที่ตอนสั่งมาเป็นแก้วที่สองขึ้นจิบ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลกำลังไล่อ่านดูผลกำไรในช่วงไตรมาสที่สองของปีในแท็บเล็ตที่ตัวเองถือติดมือมา ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเอาคนในร้านต้องเหลียวมองกำลังขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกขัดใจเมื่อผลกำไรไม่สูงได้ดังเป้า และในนาทีถัดมานารูโตะก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรหาเลขาส่วนตัวของเขาแล้วสั่งเรียกประชุมหัวหน้าทุกแผนกของบริษัทในวันพรุ่งนี้ หลังจากสั่งการจนอีกฝ่ายพอจะเข้าใจแล้วนารูโตะก็กดตัดสาย ร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
นี่ขนาดโดดงานนะ...
สุดท้ายมันก็กลายเป็นว่าเขาเอางานมาทำนอกสถานที่ไม่ใช่รึไง!?!
ราวๆเกือบชั่วโมงถัดมาหลังจากที่กาแฟหมดไปเป็นแก้วที่สาม เรือนร่างแบบบางในชุดเดรสสั้นสีชมพูก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู วินาทีแรกที่หญิงสาวเดินเข้ามาในร้านทุกสายตาก็ล้วนจับจ้องอยู่ที่เธอ ใบหน้าสวยหวานน่ารักที่ทำเอาคนมองแทบลืมหายใจกำลังส่งยิ้มมาให้เขา นารูโตะยิ้มตอบก่อนจะทำหน้าที่เป็นสุภาพบุรุษลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง คนที่เขารอมากว่าชั่วโมงมาถึงแล้ว...
ลูกสาวคนเดียวของฮิวงะ ฮิอาชิ ประมุขคนปัจจุบันของตระกูลฮิวงะ
และเป็นน้องสาวคนเดียวของฮิวงะ เนจิ เพื่อนสมัยไฮสคูลของเขา...
ที่ปรึกษาที่เก่งที่สุด...
ฮิวงะ ฮินาตะ!
“รอนานไหมคะ พี่นารูโตะ?” เจ้าของดวงตาสีมุกถามพร้อมกับยิ้มทันทีที่เจ้าตัวหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาเลื่อนให้ ฝ่ายนารูโตะเองเมื่อได้ยินคนถามถามมาแบบนั้นก็นึกครึ้มอยากจะแกล้งคนตัวเล็กกว่าเสียหน่อย ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยระบายยิ้มดูหงิกงอลงไปทันที
“นาน...” เขาตอบพร้อมกับทำหน้ามุ่ย “เป็นชั่วโมงเลยล่ะ”
“ฉันขอโทษค่ะ...คือ... พอดีว่าฉันต้องเตรียมมื้อเย็น...” พอเห็นใบหน้างอนๆของอีกฝ่ายกับประโยคที่เจ้าตัวตั้งใจเน้นทำให้หญิงสาวพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด เธอมาสายกว่าเวลานัดเกือบชั่วโมงแบบนี้มันก็น่าโกรธอยู่หรอก
“ฉันขอโทษจริงๆค่ะพี่นารูโตะ” หญิงสาวพูดอีกครั้ง ใบหน้าสวยน่ารักเอาแต่ก้มงุดจนคนมองแทบจะหลุดขำ
“...”
“พี่...อย่าโกรธ...”
“พี่ล้อเล่นน่า~ ฮะๆๆ เพิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่นาทีนี้เองครับ” นารูโตะพูดโกหกออกไปแม้ว่าเขาจะรอเธอมามากกว่าหนึ่งชั่วโมงก็ตาม ชายหนุ่มระบายยิ้มอย่างขำๆที่แกล้งคนตัวเล็กได้สำเร็จ ส่วนคนถูกแกล้งก็ได้แต่ค้อนขวับให้เขามาทีหนึ่งในข้อหาเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง
หลังจากสั่งนมปั่นให้อีกฝ่ายเพื่อเป็นการไถ่โทษและติดสินบนไปในตัวแล้ว นารูโตะก็เริ่มสาธยายถึงความทุกข์ตรมขมขื่นของตัวเองให้ร่างเล็กตรงหน้าฟังด้วยใบหน้าที่เรียกได้ว่าซังกะตายเต็มที
“ขอบใจนะที่อุตส่าห์ออกมา เฮ้อ~ พี่ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครจริงๆ” เอ่ยออกมาพร้อมกับทำหน้าออดอ้อนอย่างน่ารัก ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลกำลังจ้องเธอตาแป๋วจนฮินาตะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“วันนี้เจอสาวๆคนไหนทำพิษอีกล่ะคะ”
“แน่ะ! รู้ใจดีจัง~ ใช่! ช่วงนี้พี่ถูกสาวทำพิษ กินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นเดือนแล้ว” ร่างสูงบ่น พลันในหัวก็นึกถึงใบหน้าของใครบางคนที่ดูจะตามไปทักทายเขาในความฝันบ่อยเสียเหลือเกิน แต่แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าคิดถึงเจ้าของใบหน้าสวยๆนั่นมากแค่ไหน แต่เขาก็ทำได้เพียงแอบมองเธออยู่ห่างๆและหาโอกาสไปที่แผนกบัญชีบ่อยๆถึงแม้จะไม่มีธุระอะไรให้ไปก็เถอะ
แต่เธอก็ทำเมินใส่เขาอยู่ตลอดเวลา...
เธอโกรธหรือที่เขาสั่งย้ายให้เธอไปอยู่แผนกที่เธอถนัด...
เธอโกรธหรือที่เขาโกรธเธอเรื่องที่เธอหายไปไม่มีทำงานสามวันติดๆกัน...
เฮ้อ... ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม...
เสียงถอนหายใจที่ดังยาวของชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนของพี่ทำให้ร่างเล็กเพ่งมองอย่างสำรวจ
เขาไม่เคยมีอาการแบบนี้...
มันเหมือนกับ...
อาการของคนอกหัก...
“เอ... สงสัยสาวที่ว่าคงจะสวยน่าดูถึงทำให้เพลย์บอยหนุ่มผู้ช่ำชองถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ” หญิงสาวพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด “อืม... ถือว่าเคสนี้มาแปลกนะคะ ปกติพี่มีแต่จะมาบ่นกับฉันเรื่องที่พี่สลัดบรรดาสาวๆในสต็อกไม่หลุด ไม่เห็นเคยมาบ่นถึงเรื่องจีบหญิงไม่ติดเลย”
ฮินาตะพูดแซวไป ส่วนดวงตากลมโตก็สังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิดและก็พบว่า นารูโตะ เพลย์บอยผู้ช่ำชองเรื่องผู้หญิงถึงกับกลายเป็นคนเบื้อใบ้ไปไม่เป็น
“อ๊ะ! จะ...จีบ? ม่ายยยย พี่ไม่ได้จีบเลยครับ! โธ่! ฮินะจังก็น่าจะรู้ว่าชีวิตลั้ลลาแบบพี่เคยไปจีบผู้หญิงที่ไหน มีแต่เขาเข้ามาหาเองนะ”
“ไม่ได้จีบ? แล้วทำไมพี่ทำหน้าเหมือนคนอกหัก? ตอนนี้ปลาทูคอหักยังดูน่ารักกว่าพี่อีกนะคะ”
ดูพูดเข้า!
หล่อล้างปฐพีแบบเขาตอนนี้ถูกลดเลเวลลงไปต่ำกว่าปลาทูคอหักอีก!
นารูโตะทำหน้ามุ่ย ฮินาตะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไม่ได้แยแสอะไรกับความหล่อของเขาเลย นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขามักจะเรียกหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้ามาเพื่อมาปรับทุกข์เรื่องวิถีชีวิตเพลย์บอยของเขาเสมอ เพราะเขามั่นใจว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไม่ได้รักเขา เป็นผู้หญิง...ที่เขาสามารถเล่าเรื่องราวเสเพลของตัวเองให้ฟังได้โดยที่เธอไม่ต้องเจ็บปวด
หวังว่าเธอจะเป็นที่ปรึกษาของพี่ตลอดไป...
“อ่า...ตอนนี้ปลากระโห้...”
“พอครับพอ... พี่หล่อกว่าปลากระโห้ โอเคนะครับ?” นารูโตะรีบแย้งขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าร่างบางตรงหน้ากำลังจะพูดประโยคอะไรออกมา
แค่ปลาทูคอหักเขาก็จะกัดลิ้นตัวเองตายอยู่แล้ว...
ถ้าอยู่ในระดับต่ำกว่าปลากระโห้เขาคงจะกลั้นใจตายมันตรงนี้แหละ!
ส่วนคนที่จ้องจะเปรียบเทียบใบหน้าหล่อเหลาให้อยู่ในระดับเดียวกับปลานานาชนิดก็ถึงกับหลุดคำพรืดเมื่อเห็นใบหน้าที่งอนตุ๊บป่องเป็นเด็กๆของอีกฝ่าย
“แล้วนอกจากมาบ่นว่าถูกสาวทำพิษใส่ พี่นารูโตะมีอะไรจะปรึกษาฉันหรือคะ?” เธอถาม พยายามกลั้นขำสุดฤทธิ์จนคนมองถึงกับย่นจมูกอย่างหมั่นไส้ก่อนจะนึกขึ้นได้
“อ๊ะใช่! พี่มีเรื่องจะถามสินะ!” นารูโตะพูดขึ้น ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ “คือ...สมมตินะครับว่า...”
แล้วนารูโตะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขานับตั้งแต่วันที่เขาพบกับซากุระครั้งแรกให้ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของตัวเองฟังอย่างไม่คิดปิดบัง ฝ่ายสาวน้อยก็ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี เธอไม่ได้ขัดอะไรเขาเลยระหว่างที่เขากำลังเล่า...
แม้เรื่องราวเหล่านั้นจะเหมือนมีดคมๆที่ค่อยๆกรีดลงที่กลางใจของเธอก็ตาม...
ฮินาตะมองใบหน้าที่กำลังเล่าปัญหาของตัวเองด้วยสายตากึ่งเจ็บปวด ชายหนุ่มไม่รู้หรอกหรือว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา หรือเขารู้แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็นถึงได้ชอบเรียกเธอออกมารับฟังปัญหาเรื่องผู้หญิงของตัวเอง
แต่เธอก็ไม่เคยปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง...
และก็ดูเหมือนจะเต็มใจรับหน้าที่ ‘ที่ปรึกษา’ นี้ด้วย...
ฮินาตะยิ้มให้กับตัวเองอย่างเจ็บปวด ยิ่งฟังเรื่องราวที่เขาเล่าหัวใจของเธอก็หดลีบลงเรื่อยๆเพราะสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังถ่ายทอดให้เธอฟังนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการเล่าประสบการณ์รักครั้งแรกเลยสักนิด นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เธอรู้สึกเจ็บเสียดขึ้นมาในอกได้มากขนาดนี้ เพราะปกตินารูโตะมีแต่จะมาขอความเห็นเรื่องการสลัดรักผู้หญิงที่มาติดพันตนเท่านั้น
ไม่เคย...
มาปรึกษาเรื่อง ‘ความรัก’ แบบนี้...
“ฮินะจัง? ฮินะจังครับ!” เสียงเรียกของนารูโตะปลุกให้คนที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองได้สติ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเลิ่กลั่กก็พบกับดวงตาสีฟ้ากำลังมองเธออย่างเป็นห่วง
“พี่นารูโตะ...”
“เป็นอะไรครับ ดูเหม่อเชียว”
“อ้อ... เปล่าค่ะ ละ...เล่าต่อสิคะ”
“หืม? พี่เล่าจบแล้วนะครับ เอ๊ะ! หรือว่าฮินะจังไม่ได้ฟังพี่ ฮึก...ใจร้ายๆๆ พี่อุตส่าห์เล่าให้ฟังตั้งนาน นี่ฮินะจังไม่ได้สนใจพี่เลยใช่มั้ย” นารูโตะพูดพร้อมกับทำปากยื่นอย่างงอนๆ เดือดร้อนคนถูกงอนต้องตามอธิบายอีก
“โธ่! พี่นารูโตะก็...” เธอพูดอย่างอ่อนใจ “ฉันฟังค่ะ แค่ตอนท้ายๆฉันไม่เข้าใจที่พี่เล่าน่ะ”
“ตอนท้ายๆมันทำไมเหรอครับ?”
“ที่พี่เรียกฉันมาปรึกษาครั้งนี้พี่ต้องการอะไรจากฉันล่ะคะ?” ฮินาตะไม่ตอบแต่เปลี่ยนมาตั้งคำถามกับเขาแทน
“ก็... อยากถามดูว่าพี่เป็นอะไร อ๊ะๆ อย่าเพิ่งคิดว่าพี่โง่ไม่รู้ตัวนะ พี่คิดว่าพี่อาจจะกำลัง ‘รัก’ คนๆนั้นอยู่เหมือนกัน... แต่ฮินะจังก็รู้ พี่รักใครไม่เป็นหรอก... ที่ผ่านมาพี่อยู่คนเดียว พี่รักตัวเองคนเดียว จะให้พี่มาทำใจยอมรับว่าพี่กำลังรักคนอื่น พี่ก็...”
ยิ่งเห็นสีหน้าแววตาที่ดูสับสนของนารูโตะ ฮินาตะก็ยิ่งมั่นใจว่าชายหนุ่มรักหญิงสาวปริศนาที่ว่านั่นเข้าแล้ว พอเห็นความจริงในข้อนี้เธอก็อยากจะร้องไห้ออกมานัก แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ฝืนเก็บน้ำตาเหล่านั้นเอาไว้แล้วระบายยิ้มออกมาแทน
“พี่เป็นห่วงเขาแต่แสดงออกตรงกันข้ามไปหมด อยากอยู่ใกล้ๆแต่ส่งเขาไปอยู่แผนกอื่น อยากเห็นหน้าแต่พอเจอก็ทำท่าเหมือนจะกัดเขา...”
“...”
“ฉันถึงบอกว่าไม่เข้าใจสิ่งที่พี่กำลังทำยังไงล่ะคะ”
“เอ้อ...” นารูโตะเงียบไปเพราะสิ่งที่ร่างเล็กตรงหน้าพูดนั้นถูกเผง ชายหนุ่มยิ้มอย่างเก้อเขินเมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้ว่าตัวเองทำอะไรที่ดูไม่สมกับเป็นนักรักมือฉมังเข้าเสียแล้ว
“แล้วพี่ควรจะทำยังไง? พี่เองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรนะครับที่ทำแบบนั้น... แต่พี่มั่นใจว่ามันไม่ใช่ความรัก แต่ก็...”
“ลองเปิดใจดูสักครั้งสิคะ...” เธอพูดขึ้นในที่สุด “อย่าใจร้ายกับเธอให้มากนัก พี่สับสนอะไรก็เอาไปโมโหใส่เธอน่ะมันไม่ถูกนะคะ”
“เอ๊ะ พี่เล่าให้ฟังด้วยเหรอครับว่าพี่กำลังคิดแบบนั้น?”
“ดูจากการกระทำที่พี่ทำฉันก็รู้แล้วค่ะ พี่น่ะ... จริงๆไม่ได้โกรธเขาเรื่องที่เขาไม่มาทำงานหรอก แต่โกรธที่เขาหายไปเฉยๆแล้วไม่บอกพี่ ทำเหมือนว่าพี่ไม่ใช่คนสำคัญมากกว่า”
“...”
“พี่ก็แค่หงุดหงิดที่ถูกเมินก็เลยทำประชดใส่เขาไป แต่สุดท้ายพี่เองก็ต้องมานั่งตรอมใจใช่ไหมคะ?” ฮินาตะพูดพร้อมกับใช้ดวงตาใสแป๋วมองมาที่เขาอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ นารูโตะนึกย้อนถึงความโกรธของตัวเองที่มีต่อเจ้าของดวงตาสีมรกตแสนเศร้าคนนั้น แล้วก็ต้องยอมรับว่าฮินาตะพูดถูกทุกอย่าง...
เขาก็แค่...
ไม่อยากเป็นคนนอก...
“รักไม่รักยังไงพี่ต้องถามใจพี่ดูเองนะคะ พี่พยายามปิดกั้นตัวเองก็จริงแต่ถ้ามีผู้กล้ามาทำลายกำแพงในใจพี่พี่ก็ควรจะต้อนรับเขาอย่างดี” หญิงสาวพูดพร้อมกับระบายยิ้มอ่อนโยน
“แต่พี่รักใครไม่...”
“ในความเห็นของฉันตอนนี้พี่กำลัง ‘รัก’ ค่ะ”
“...”
“รักมากด้วย”
ฮินาตะเปิดตัวแล้ว เย่!!! ซึ่งบทก็ดูน่ารันทดเหลือเกินT^T (นางเอกเรื่องนี้ไม่มีใครอยู่อย่างสงบๆเลยใช่มะ-0-) สำหรับรีดเดอร์คนไหนที่หวังว่าฮินะจังของเราจะมาแนวดาร์กก็ผิดหวังหน่อยนะคะ คือเรื่องนี้นางแสนดีมากจนน่าสงสารเลยล่ะT^T และเจ้าโตะก็นะ-..- ทำร้ายจิตใจกันได้ลงคอ ส่วนซาอิ...แอบพาเขาไปกินมาแบบเงียบๆด้วย คืออย่าว่าไรท์นะที่ไม่ได้แต่งNCให้และไม่ค่อยโฟกัสไปที่ฉากบนเตียงของคู่นี้เท่าไหร่ คือไรท์สะสมความหื่นเอาไว้ให้คู่ของเกะ (ลำเอียง!)
ปล. สปอยล์ว่าตอนหน้ามีฉากมุ้งมิ้งของเกะบ้างแล้ว>.<
ความคิดเห็น