ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER 12 : ความสับสน

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 57


    บทที่ 12 ความสับสน

     

     

    “มีใครเคยบอกคุณไหมครับ... ว่าการตัดสายของประธานบริษัทมันเป็นความผิดขั้นร้ายแรง!

     

                น้ำเสียงแข็งกร้าวที่แสดงออกถึงความโกรธของคนตรงหน้าทำให้ซากุระเผลอขยับตัวถอยหลังไปโดยอัตโนมัติ

     

                “ท่านประธาน!” เธอร้องอย่างตกใจก่อนจะก้มหัวทำความเคารพ นารูโตะมองคนตัวเล็กกว่าอย่างนึกฉุน

     

    ทำไมถึงยังทำหน้าระรื่นอยู่ได้นะ...

     

                “กรุณาตามผมไปที่ห้องด้วยครับ” เขาพูดเสียงเย็นก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องไปโดยยังคงทิ้งจิตสังหารรุนแรงเอาไว้ในบรรยากาศให้เธอเสียวสันหลังเล่น ซากุระรีบเอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บก่อนจะเดินกึ่งวิ่งตามเขาไป

     

                และทันทีที่เข้ามาถึงห้องของประธานที่เธอเคยเข้ามาถูกดุอยู่ครั้งหนึ่ง ซากุระก็แทบอยากจะเปิดประตูกลับออกไปจริงๆ นารูโตะมองเธอที่เดินตัวเกร็งเข้ามาด้วยสายตาคาดโทษ... หญิงสาวยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้าเขา

     

    นารูโตะมองอย่างหงุดหงิด...

     

                “เมื่อวานคุณไปไหนมาครับ ทำไมถึงขาดงานโดยไม่บอกไม่กล่าว คุณรู้มั้ยครับว่าคุณทำให้ที่นี่เดือดร้อนวุ่นวายขนาดไหน”

     

    ที่นี่ของเขาคงจะหมายถึงเขาคนเดียว...

     

                “เอ่อ...” ซากุระอึกอัก พยายามจินตนาการถึงความเดือดร้อนที่ประธานหนุ่มว่า แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังนึกไม่ออกว่าไอ้การที่เด็กฝึกงานที่มีหน้าที่เป็นเบ๊สารพัดกับเป็นคนพิสูจน์อักษรที่ดูยังไงมันก็ไม่จำเป็นขาดงานไปมันจะก่อความเดือดร้อนประเภทไหนให้บริษัท ร่างบางขมวดคิ้วพยายามนึกจนคนถามต้องเคาะโต๊ะเพื่อเรียกสติคืนมา

     

                “ว่าไงครับ เมื่อวานคุณไปไหน? ทำไมถึงปิดเครื่อง? แล้วตอนเย็นน่ะเปิดเครื่องแล้วตัดสายผมทำไม?” คำถามสามคำถามรวดทำเอาคนที่เตรียมข้อแก้ตัวมาแล้วพูดไม่ออก

     

    เมื่อวานเธอไปไหนน่ะหรือ?

    ก็ถูกจับขายทอดตลาดไปเป็นแม่อุ้มบุญให้เศรษฐีเจ้าของธนาคาร ...

    ทำไมถึงปิดเครื่อง?

    ก็แม่เลี้ยงที่เตรียมจะขายเธอไม่ต้องการให้เธอติดต่อใครก็เลยยึดโทรศัพท์ไป...

    เปิดเครื่องแล้วปิดทำไม?

    ก็ถูกเร่งให้ไปแต่งเนื้อแต่งตัวก่อนจะไปเล่นละครฉากใหญ่ยังไงล่ะ...

     

                ซากุระมีคำตอบให้คำถามทุกข้อของเขาแต่เธอรู้ดีว่าหากตอบไปก็รังแต่จะสร้างชื่อฉาวให้ตัวเองมากกว่า เธอจึงได้แต่ยืนส่งยิ้มเจื่อนๆให้คนถาม ว่าแต่...

     

    ตัดสายของเขา...

    เธอ...ตัดสาย...

     

                “งั้นเบอร์เมื่อวานเป็นของท่านหรือคะ!?!” เธอร้องเสียงหลงใบหน้าดูตื่นกลัวจนคนมองแอบหัวเราะในใจ แต่นารูโตะก็ยังมีความเป็นมืออาชีพพอที่จะฉาบใบหน้าของตนด้วยความเย็นชา

     

                “คือ...ดิฉันป่วย...” ซากุระพูดพร้อมกับหลบสายตาจับผิดนั่น “ก็เลยลืมโทรมาลางาน...เอ่อ...และ...แบตมือถือหมด...”

     

                “ผมไม่อยากฟังเรื่องโกหก” นารูโตะพูดเสียงขรึม คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างเคร่งเครียด แค่ดูก็รู้หรอกว่าเธอกำลังโกหก...

     

    เขาไม่ชอบเลยแฮะ...

     

                “เมื่อวานคุณหายไปไหนกันแน่?”

     

                “...”

     

                “คุณซากุระ!

     

                “มัน...เป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ ดิฉันบอกไม่ได้” เธอพูดออกไปในที่สุด มือเล็กชื้นไปด้วยเหงื่อพอๆกับที่ใบหน้า รู้สึกหวาดกลัวอารมณ์โมโหของคนตรงหน้ายิ่งนัก... มันต่างจากตอนที่เธอกลัวซาสึเกะ สำหรับซาสึเกะเขาทำให้เธอกลัวได้แต่ไม่สามารถทำเธอเจ็บแปลบในใจได้แบบนี้ แต่กับนารูโตะ... ซากุระยอมรับว่าแค่คำพูดนิ่งๆของเขาไม่กี่คำก็ทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาได้ไม่ยาก

     

    อาจเพราะเธอคาดหวังกับเขามากเกินไป...

    คาดหวังว่าเขาจะใจดีกับเธอ...

     

                “เรื่องส่วนตัว...” นารูโตะพึมพำเสียงเบาหวิว ใบหน้าหล่อคมคายดูซึมกะทือลงไปทันตาเห็น

     

    มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ...

    เขา... ไม่ควรไปก้าวก่าย...

    เขา...ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ...

     

                “คุณออกไปได้แล้ว และทีหน้าทีหลังถ้าคิดจะหยุดงานก็โทรมาแจ้งที่บริษัทก่อน ผมขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะครับที่คุณทำตัวขาดความรับผิดชอบแบบนี้” เขาพูดขึ้นในที่สุด ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลไม่ได้มองที่เธอ... เขากลัวตัวเองจะใจอ่อน

     

                “...”

     

                “ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมก็ไม่รับประกันว่าคุณจะสามารถฝึกงานที่นี่จนจบได้หรือเปล่า”

     

                “ค่ะ ดิฉันจะจำไว้ค่ะ” ซากุระรับคำก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินออกไป หัวใจดวงน้อยรู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ มันคงจะดีไม่น้อยถ้าเธอมีเขาเป็นที่พึ่งทางใจในวันที่เธอรู้สึกเหนื่อยเช่นนี้... อนาคตของเธอดูจะริบหรี่ลงเรื่อยๆ มันตีบตันจนเธอมองไม่เห็นทางออกอื่นใดนอกจากความเจ็บปวด...

     

    ฉันอยากจะให้พี่กลับมาเป็นฮีโร่ของฉันอีกครั้ง...

    อย่าดุด่าฉันอีกเลย... ให้กำลังใจฉันได้ไหม?

     

    ฉันหวังสูงเกินไปหรือเปล่าคะ?

     

    พี่นารูโตะ...

     

     

                คล้อยหลังหญิงสาวไปไม่ถึงนาทีนารูโตะก็ถอนหายใจพรืดอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ด้วยความรู้สึกชาหนึบแปลกๆที่ใจ ค่าตอบแทนที่เขาได้รับจากการที่เขากระวนกระวายเพราะ เป็นห่วง จนนอนไม่หลับทั้งคืนคือคำตอบที่แสนเรียบง่ายของเธอ...

     

    เรื่องส่วนตัว...

     

                นารูโตะหลับตาลงอย่างครุ่นคิดก่อนจะตั้งคำถามกับตัวเอง เขาใส่ใจเธอมากเกินไปรึเปล่า? กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่เขาเคยไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยเขาเคยเป็นแบบนี้บ้างไหม? ร่างสูงได้คำตอบแทบจะในทันที

     

    ไม่เคย...

     

    คนเหล่านั้นไม่เคยแม้แต่จะทำให้ใจของเขาเต้นแรง...

    ไม่เคยทำให้เขาเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ...

     

    เขาเพิ่งรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก

     

                นารูโตะคิดอย่างสับสน เขาเป็นนักพินิจใจตัวฉกาจที่คอยตรวจสอบจังหวะหัวใจของตัวเองเสมอ เขาพบว่าหัวใจของตัวเองเต้นเป็นจังหวะเดิมๆตลอด จนกระทั่งไม่นานมานี้...

     

    แต่มัน...ไม่ใช่ความรักหรอก

     

    แกแค่ยังไม่ชิน นารูโตะ...

     แกอาจจะแค่ตื่นเต้นเพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงในความทรงจำ...

    แต่แกไม่รู้สึกอะไรกับเธอหรอก...

    แกไม่เคยมอบหัวใจให้ใคร...

     

    แก...รักใครไม่เป็น...

     

     

    .

    .

    .

     

                ซากุระเดินเซื่องซึมออกมาจากห้องของนารูโตะ ทุกอิริยาบถของเธอเป็นที่จับจ้องของพนักงานที่เริ่มทยอยมาทำงานกันแล้ว หลายคนมองเธอแล้วเอาไปซุบซิบนินทา แต่บางคนก็ทำเพียงส่งสายตารังเกียจมาให้... ซากุระไม่สนใจทั้งคำนินทาและสายตาดูถูกเหล่านั้นเธอเดินลงลิฟต์ไปยังฝ่ายบัญชีเพื่อไปหาเพื่อนรักเพียงคนเดียวของตนเพราะเธอติดต่ออิโนะทางโทรศัพท์ไม่ได้

     

    มันไม่มีคนรับสาย...    

     

    “ขอโทษค่ะ” ซากุระเรียกชายคนหนึ่งที่กำลังเดินสำรวจไปทั่วแผนกบัญชีเพื่อจะถามข่าวของเพื่อน... เขาดูจะว่างงานที่สุด อีกฝ่ายหันมาทางเธอพร้อมกับยิ้มกว้าง ซากุระผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขามีป้าย หัวหน้าแผนกบัญชีคล้องคออยู่ หญิงสาวพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เธอยิ้ม...

     

    “ไม่ทราบว่าพอจะเห็นเด็กฝึกงานอีกคน...”

     

                “อ้อ คุณอิโนะน่ะเหรอ!” ไกตะโกนออกมาเสียงดังตามลักษณะนิสัยของเจ้าตัว ไม่มีใครแถวนั้นมีปฏิกิริยาใดๆกับเสียงอันดังนี้ แต่ดูเหมือนคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกอย่างซากุระจะยังไม่ชิน เธอสะดุ้งเฮือกเล็กน้อยก่อนจะอ้อมแอ้มตอบกลับไป

     

                “ชะ...ใช่ค่ะ”

     

    “วันนี้ไม่มาทำงานหรอก เค้าขอลาผมตั้งแต่เมื่อวานแน่ะ” คำตอบของไกทำให้คนถามย่นคิ้วอย่างนึกแปลกใจ

     

    อิโนะลางาน...

    เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากจริงๆ

     

    “ว่าแต่คุณเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ที่แผนกบริหารใช่มั้ยครับ?” ชายคิ้วหนาถามต่อ

     

                “ค่ะ”

     

                “ผมมีเรื่องอยากจะถามพอดี”ไกพูดพร้อมกับทำหน้าสงสัย “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นที่แผนกนั้นรึเปล่า คือผมให้เพื่อนคุณเอาเอกสารไปส่งที่นั่นแต่พอกลับลงมาคุณอิโนะก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด...”

     

                “!!!

     

                “ผมยังมานั่งรู้สึกผิดอยู่เลยว่าตัวเองคงจะเป็นต้นเหตุ”

     

                “อิโนะ...ร้องไห้จริงๆเหรอคะ?” คำบอกเล่าของอีกฝ่ายคราวนี้ทำให้ซากุระตกใจจริงๆด้วยเธอรู้ดีว่าเพื่อนสาวของตนนั้นเป็นคนแข็ง จะร้องไห้แต่ละทีนั้นก็ยากแสนยาก... แต่เธอก็เคยเห็นเพื่อนของเธอร้องไห้อยู่ครั้งหนึ่ง...

     

    มันเป็นภาพที่น่าสงสาร...

     

                “ใช่ ผมเห็นมากับตา ได้ยินมากับหู แล้วตกลงเมื่อวานที่ฝ่ายบริหารมีเรื่องอะไรกันครับ หรือคนจากแผนกงั้นมารังแกอะไรลูกน้องของผม?”

     

                “คือ...เมื่อวานฉันก็ไม่ได้มาทำงานน่ะค่ะ ก็เลย...ไม่ทราบ” เธอตอบตามความจริง น้ำเสียงดูไม่มั่นคง

     

                “แล้วกัน!

     

                “แต่...หัวหน้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ดิฉันค่อนข้างมั่นใจว่าอิโนะไม่ได้ร้องให้เพราะคุณหัวหน้าแน่นอน” ซากุระพูดพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ เธอคิดว่าเธอพอจะรู้สาเหตุที่ทำให้คนต่อมน้ำตาอยู่ลึกจนควานหาไม่เจออย่างอิโนะถึงกับร้องไห้ออกมาแล้วล่ะ...

     

    มีอยู่เรื่องเดียว...

    และก็มีอยู่คนเดียวที่ทำได้...

     

                “ถ้าคุณรู้ก็น่าจะบอกผมบ้างนะ” ไกพูดพร้อมกับทำหน้าเครียด

     

                “ก็... รอถามเจ้าตัวเองดีกว่าค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ ขอบคุณที่บอกให้ทราบค่ะ” เธอว่าก่อนจะทำความเคารพแล้วเดินหลบฉากออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้ไกได้ซักไซ้อะไรต่อ ตอนนี้ในหัวของเธอมีเพียงเรื่องของเพื่อนสาว...

     

    อิโนะคงจะเจอกับซาอิแล้ว...

     

                เธอคิดก่อนจะโทรหาเพื่อนรักอีกรอบแต่ผลตอบรับก็ยังเหมือนเดิม... โทรศัพท์ดังแต่ไม่มีคนรับสาย... ซากุระยอมตัดใจกลับขึ้นไปทำงานต่อแต่เธอก็ไม่มีสมาธิพอเพราะเป็นห่วงอาการของอิโนะ...

     

    คราวที่แล้วก็ต้องปลอบกันแทบตาย...

     

                เวลาล่วงผ่านมาจนถึงตอนเย็น ซากุระยอมลงทุนเสียเงินค่าแท็กซี่เพื่อไปหาอิโนะถึงที่บ้าน และเมื่อไปถึงเธอก็พบว่าบ้านของอิโนะปิดเงียบเชียบ ซากุระเดาว่าพ่อกับแม่ของอิโนะคงยังอยู่ที่ร้านขายดอกไม้ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวยามานากะ แต่รถเก๋งสีขาวที่ยังจอดอยู่ในโรงรถก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเพื่อนของเธอคงอยู่ในบ้านเป็นแน่ ซากุระกดออดรัวๆอยู่หลายทีพร้อมทั้งตะโกนเรียกตัวเจ้าของบ้านเสียเสียงแหบเสียงแห้ง อีกเกือบสิบนาทีต่อมาความพยายามของเธอก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อร่างผอมบางของใครคนหนึ่งเดินโงนเงนออกมาเปิดประตูรับเธอ

     

                ซากุระมองภาพตรงหน้าอย่างทึ่งจัด ร่างกายของอิโนะดูอิดโรย ดวงตาของเธอบวมช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

     

                “อิโนะ... นะ...นี่แก...” ซากุระพูดไม่ออก เธอโผเข้ากอดเพื่อนแทบจะในทันที...

     

                “เขากลับมาแล้วซากุระ ฮึก... ผู้ชายใจร้ายคนนั้น... กลับมาแล้ว”

     

    .

    .

    .

     

                “เอ้า! กินเข้าไปเถอะ เดี๋ยวก็ได้เป็นตับแข็งตายกันพอดี” ซากุระบ่นเพื่อนอย่างระอาแล้วนึกเสียใจอยู่ที่เธอดันบ้าพาเพื่อนมานั่งดื่มย้อมใจที่ผับ เพราะเธอเห็นว่าสภาพของอิโนะตอนที่เธอไปเจอที่บ้านนั้นมันดูย่ำแย่เสียจนเธอคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าพาเพื่อนสาวมาสถานที่เริงรมย์แบบนี้... แต่ดูเหมือนเธอจะคิดผิด เพราะยิ่งอิโนะดื่มเหล้าเติมแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมากขึ้นเท่าใด สติสตังก็เจ้าหล่อนก็เหมือนจะโผบินออกไปมากขึ้นเท่านั้น...

     

    เฮ้อ... เธอก็ได้แต่ปลอบใจเพื่อน...

    ทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังเจอเรื่องหนักๆอยู่เหมือนกัน

     

                ซากุระคิดก่อนจะคว้าแก้วที่ภายในบรรจุของเหลวสีอำพันขึ้นกระดกดื่มแบบรวดเดียวหมด

     

    ชีวิตของฉันมันก็บัดซบเหมือนกัน!!!

               

    “ฮือออ แกแช่งฉันทำไมยัยเถิก ถ้าฉันจะตายฉันก็ต้องตายทีหลังแก”

     

    เมาแล้วพาลชัดๆ

     

                “เออ!” เธอว่า พยายามไม่ถือสาหาความกับคนเมา “งั้นขวดนี้ขวดสุดท้ายแล้วกลับกันเลยนะยะ แกเมาจนไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย”

     

                “ฮึก... แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ถ้าฉันไม่เมา...ฮึก ฉัน...ฉันก็จะนึกถึง หน้าของเขา ฮือออ... แกเข้าใจมั้ยว่าฉันเจ็บ ฉันเจ็บมาก!” อิโนะว่าก่อนจะทุบๆไปที่อกของตนอย่างแรง ซากุระได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะพูด

     

                “แต่ฉันว่ายิ่งแกเมาแกก็จะนึกถึงหน้ารุ่นพี่นะ”

     

                “แก!!! ฮึก...อย่าเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้นให้ฉันได้ยิน!

     

                “นี่ฉันยังไม่ได้พูดชื่อรุ่นพี่เลยนะยะ”

     

                “แต่แกพูดถึงเขาอยู่... แกพูดถึงเขาให้ฉันได้ยินทำไมล่ะ...”

     

                “ก็เรากำลังคุยเรื่องเขาอยู่ไม่ใช่รึไง เฮ้อ...ฉันไม่คุยกับแกแล้ว! นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเด็ดขาดนะยัยบ้า เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับผู้จัดการร้านก่อน” ซากุระพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้ไปบอกผู้จัดการร้านเลยว่าเธอจะเลิกอาชีพโคโยตี้ประจำผับนี้แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องทำ... เพราะเธอไม่ต้องหาเงินมาใช้หนี้อีกแล้ว และเงินเก็บของเธอก็มีมากพอที่จะให้เธอใช้ประทังชีวิตไปจนกว่าจะได้บรรจุเข้าทำงานที่บริษัทไหนซักแห่ง

     

                “ฮือออ” ส่วนคนถูกทิ้งให้อยู่กับขวดเหล้าก็ได้แต่ร้องไห้โยเยพร้อมกับพ่นคำด่าใส่ใครบางคนที่ใบหน้าของเขาตามมาหลอนอยู่ทุกวัน

     

                อิโนะร้องโวยวายออกไปโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าคนที่เธอเพิ่งจะนินทาไปหยกๆก็มาเที่ยวที่สถานที่เริงรมย์แห่งนี้เหมือนกัน ซาอิเดินผ่านเหล่าสาวๆทรงโตที่คอยแต่จะเอาหน้าอกหน้าใจของตนมาเบียดเสียดสีกับตัวเขา ชายหนุ่มปั้นหน้ายิ้มตอบพร้อมกับพูดขอทางไปอย่างสุภาพจนพวกเธอพากันหลีกทางให้เพราะใจอ่อนกับความน่ารักน่าหยิกของเขาแต่ก็ไม่วายหันมองเขาเป็นระยะๆ...

     

    ถ้าคืนนี้มาคนเดียวล่ะก็...จะพาไปสวิงกิ้งหมู่แน่!

     

                ซาอิกวาดตามองหาที่นั่งเหมาะๆเพื่อจะนั่งดื่มเงียบๆคนเดียว วันนี้เขาไม่มีอารมณ์พอที่จะมานั่งปั้นหน้ายิ้มแย้มเพื่อสอยผู้หญิงซักคนไปสานสัมพันธ์ต่อ เขาตั้งใจจะมาดื่มอย่างเดียว...ไม่มีจุดประสงค์อื่น... ชายหนุ่มคิดอย่างนั้นจริงๆจนกระทั่งดวงตาสีนิลปะทะเข้ากับร่างคุ้นตาของใครคนหนึ่ง แม้ว่าจะนั่งหันหลังให้แต่เรือนผมสีดอกหญ้าของเธอนั้นสะดุดตาเหลือเกิน และโดยที่ไม่ทันได้ใช้สมองสั่งการ ขายาวๆของเขาก็ก้าวเข้าไปหาเธอก่อนที่เขาจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆที่ยังว่างอยู่

     

                “ดราย มาร์ตินี่ ที่นึงครับ” ซาอิหันไปสั่งบาร์เทนเดอร์ที่ยิ้มต้อนรับก่อนจะผินหน้ามองคนข้างๆที่ใบหน้ากำลังแดงจัดเพราะฤทธิ์สุรา

     

    เป็นเธอจริงๆ...

     

                “ปกติไม่ใช่คนชอบดื่มไม่ใช่เหรอ?” ร่างสูงถาม เสียงของเขาดูเรียบนิ่งไร้โทนสูงต่ำซึ่งมันก็แทบไปไม่ถึงหูคนฟังเลยเพราะถูกกลบด้วยเสียงเพลงดังกระหึ่มของผับ

     

                “หือ? แกกลับมาแล้วเหรอซากุระ ฮึก... “ คนเมาที่พอจะรู้ตัวอยู่เหมือนกันว่ามีคนมานั่งข้างๆหันไปถามคนมาใหม่ คิ้วเรียวเล็กขมวดเข้าหากันยุ่งๆ ใบหน้างามดูง้ำงอลงไปทันทีที่เห็นหน้าเขา ซาอินั่งเงียบ...

     

    “พอกลับมาแกก็แปลงร่างเป็นผู้ชายคนนั้นเลยนะ ฮึก... แกจะเอาหน้าเขามาตอกย้ำฉันใช่มั้ย!?! ฮือออ”

     

    ดูเธอพูดเข้าสิ...

     

                “นี่พี่เอง” ซาอิเอ่ยอย่างอ่อนใจ สรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนสมัยที่ทั้งคู่ยังคบกันอยู่

     

                “ฮือออ เสียงแกก็เหมือน “

     

                “อิโนะ...”

     

                “ฮือออ แกไปเปลี่ยนร่างคืนเลยนะ! ฮึก...มัน... มันแสลงใจฉัน”

     

                “กลับเถอะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ร่างสูงว่า ดวงตาสีนิลมองคนตรงหน้าอย่างกังวล...

     

    เมาไม่รู้เรื่องขนาดนี้ถ้าขืนปล่อยทิ้งไว้คนเดียวก็คง...

     

                “อะไร!?! ไม่เอา ฉันจะเมาต่อ! แกรู้มั้ยว่าถ้าฉันกลับไปจะต้องเจออะไรบ้าง!?! ฮึก... ไอ้หน้าแบบนี้... หน้าแบบนี้น่ะมันจะตามมาหลอนฉัน!” อิโนะตวาดพร้อมกับเอานิ้วจิ้มๆไปที่หน้าผากของคนตัวสูง ซาอิขมวดคิ้วอย่างขัดใจ...

     

    ดื้อ!

     

    เขาหันไปทางบาร์เทนเดอร์ที่กำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมเครื่องดื่มก่อนจะพูด

     

                “ที่สั่งเมื่อกี้ผมไม่เอาแล้วนะครับ และก็ช่วยคิดเงินรวมกับส่วนของคุณผู้หญิงคนนี้ให้ด้วย” เขาพูดก่อนจะยื่นบัตรเครดิตแบล็คการ์ดให้บาร์เทนเดอร์ซึ่งก็รับไปอย่างงงๆ ร่างสูงประคองตัวคนที่กำลังโงนเงนเกือบตกเก้าอี้ให้อยู่ในท่าที่ปลอดภัยโดยที่คนถูกประคองไม่ให้ความร่วมมือสักนิด เธอปัดป้องมือเขาแล้วตีแขนเขาไปเสียหลายทีจนคนหวังดีจะช่วยเริ่มฉุนขึ้นมาหน่อยๆ ไม่นานนักบาร์เทนเดอร์ก็กลับมาแล้วยื่นบัตรเครดิตคืนพร้อมใบสลิป ซาอิเซ็นชื่อก่อนจะลากตัวคนที่เมาโวยวายไม่รู้เรื่องออกจากผับไปด้วย

     

                หลังจากลากตัวคนเมาออกมาจากผับที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าเคล้าควันบุหรี่และผู้ชายหื่นกามทั้งหลายที่พร้อมจะพาตัวผู้หญิงเมามายไม่ได้สติอย่างเธอไปทำเรื่องอย่างว่า ซาอิก็ต้องพบกับปัญหาอีกอย่างคืออิโนะยังคงร้องโวยวายเหมือนเด็กสามขวบที่ถูกขัดใจไม่มีผิด หญิงสาวทั้งข่วนทั้งตบจนใบหน้าและลำตัวของเขาเต็มไปด้วยรอยแดง ร่างสูงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ตอบโต้เพราะถือว่าเธอเป็นคนเมา...

     

    ไม่งั้นล่ะ...น่าดู!

     

                “ฮือออ ฉันเกลียดเขา ซากุระ! ฉันเกลียดเขา!

     

                “...”

     

                “เขามันคนไม่มีหัวใจ! ไร้ความรู้สึก ตายด้านเย็นชา ชอบเสแสร้ง!” คนเมายังคงพ่นคำสบถด่าออกมาไม่ยั้ง ซาอิทำเป็นหูทวนลมแล้วลากคนตัวเล็กกว่ามาถึงรถของตน เขาจับอิโนะยัดใส่เบาะด้านหลังทั้งอย่างนั้นเพราะไม่สามารถจับตัวเธอให้นั่งนิ่งๆคู่คนขับได้

     

    ถึงจะดูเหมือนเป็นคนขับรถก็คงต้องยอม...

     

                “ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเอ๊ย!

     

    อย่าโกรธเลย เธอก็แค่คนเมา...

     

                “ชอบยิ้มเสแสร้งคิดว่าตัวเองหล่อนักรึไง! ฮึก...”

     

    สงบไว้...

     

                “ฉันมันบ้าเองที่เคยรักคนอย่างพี่! พี่มันบ้า เลวที่สุด! ฉันเกลียด....อื๊อ...” คำพูดสุดท้ายของอิโนะไม่มีโอกาสได้หลุดรอดออกมาจากเรียวปากเล็กเพราะริมฝีปากของเธอถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหนาของคนถูกด่า

     

    หมดแล้วซึ่งความอดทน...

    ขอลงโทษเด็กดื้อหน่อยเถอะ!

     

                ซาอิโถมตัวทาบทับคนที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเบาะหลังก่อนจะใช้มือเกี่ยวประตูรถที่เปิดอ้าอยู่ให้ปิดอย่างเงียบเชียบ เมื่ออยู่ในที่มืดๆกันสองคนรวมถึงมีกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆของหญิงสาวลอยกระทบจมูกทำให้อารมณ์เบื้องต่ำของเขาถูกปลุกขึ้นมา จากที่เคยมอบความหอมหวานในรสจูบแบบเด็กๆให้กับคนที่กำลังดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขน คนตัวโตก็เริ่มรุกหนัก... ลิ้นหนาไล่สัมผัสไปทั่วโพรงปากเล็กตักตวงความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งอีกฝ่ายดิ้นขัดขืนมาเท่าไหร่เขาก็ยิ่งบดขยี้ริมฝีปากของเธอแรงขึ้น มือทั้งสองข้างก็ลูบไล้ไปด้วยเรือนร่างสมส่วนอย่างเสน่หา

     

    ดวงตาสีหยกเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะรสสัมผัสที่เหมือนจะคุ้นเคยแต่เพราะเธออุทิศสติให้กับน้ำเมาไปหมด ตอนนี้อิโนะจึงทำได้เพียงต่อต้านไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น แต่สุดท้ายเรี่ยวแรงของเธอก็ถูกอีกฝ่ายสูบออกไปจนหมด จากที่เคยดิ้นขัดขืนก็เหลือเพียงความเคลิบเคลิ้ม... แล้วจู่ๆสติที่เคยลอยหายไปก็กลับมา... มันกลับมาตอนที่ร่างสูงใช้มือรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ... และกลับมาเพียงน้อยนิด แต่แค่น้อยนิดนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอนึกถึงหน้าของใครบางคน

     

    อิโนะน้ำตาไหลพราก...

    ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็นึกถึงหน้าคนใจร้ายคนนั้น...

     

                เมื่อเห็นว่าร่างเล็กในอ้อมแขนหยุดนิ่งไปราวกับถูกสต๊าฟซาอิก็ผละริมฝีปากออก มือหนาหยุดการกระทำอันหยาบคายไปชั่วขณะ เขาจ้องมองใบหน้าสวยของอีกฝ่ายอย่างรู้สึกประหลาด...

     

    ประหลาด?

    ไม่ใช่ ว่างเปล่า หรอกหรือ?

     

                “ฮึก... พี่กลับมาทำไม?” เธอร้องถามเขาทั้งน้ำตา ซาอิค่อนข้างมั่นใจเลยทีเดียวว่าตอนนี้หญิงสาวไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองไว้แล้ว ดูจากการที่เธอกระชากคอเสื้อเขาเข้าไปใกล้จนหน้าผากแทบจะชนกันนั้นถือเป็นหลักฐานยืนยันอย่างดี

     

                “...”

     

                “ฉันไม่อยากรักพี่อีกแล้ว ฉันไม่อยากโง่อีกแล้ว... ” เธอว่าพลางเขย่าคอเสื้อเขาแรงๆ

     

    “...”

     

    “แต่...ฮึก... ถ้าฉันเห็นหน้าพี่ต่อไป ฉัน...”

     

                “...”

     

                “ต้องรักพี่อีกครั้งแน่ๆ...”

     

                ดวงตาสีนิลของซาอิเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนคำสารภาพรักของอิโนะ ร่างสูงเกลี่ยปอยผมสีดอกหญ้าไม่ให้มันปิดบังใบหน้าสวยของเธอก่อนจะจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ของอีกฝ่ายให้เข้าที่ เขาโน้มตัวจูบที่หน้าผากมนเบาๆ

     

                “รักพี่อีกครั้งก็ได้ครับ พี่ยินดี...”

     

    .

    .

    .

     

                ทางด้านคนที่บอกให้เพื่อนรอก็กลับมาที่เคาน์เตอร์บาร์ในอีกเกือบชั่วโมงให้หลังเพราะผู้จัดการผับดูจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ที่เธอจะลาออกไปจึงรั้งตัวเธอไว้คุยนานหน่อย แต่ถึงกระนั้นสุดท้ายชายวัยกลางคนก็ยอมให้เธอลาออกและยังบอกกับเธอว่ายินดีต้อนรับกลับมาเสมอหรือเธอจะมารับจ๊อบแบบรายวันก็ได้ไม่ว่ากันซึ่งมันก็ทำให้ซากุระรู้สึกซึ้งใจอยู่ไม่น้อย

     

                ดวงตาสีมรกตกวาดมองหาเพื่อนตัวดีของเธอไปทั่วแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของเรือนผมสีดอกหญ้าเลยแม้แต่น้อย ร่างบางขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกกังวลพอดีกับที่บาร์เทนเดอร์ที่คอยทำหน้าที่ชงเหล้าให้อิโนะผ่านมาพอดีเธอจึงเรียกเอาไว้

     

                “พี่คะ”

     

                “ครับ?” บาร์เทนเดอร์หันมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่ทักเขาเป็นใคร

     

                “เอ่อ...เพื่อนคนที่มากับฉัน ตอนนี้อยู่ไหนคะพี่?” ซากุระถามบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ทำงานประจำอยู่ที่ผับด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสนิทสนมเลยทีเดียว

     

                “อ้อ คนที่นั่งเมาอยู่ตรงนี้น่ะเหรอ”

     

                “ค่ะ ที่เมาหัวทิ่มและแหกปากโวยวายอยู่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนน่ะค่ะ” หญิงสาวไม่ลืมที่จะเน้นการกระทำอันน่าจดจำของอิโนะเพื่อให้บาร์เทนเดอร์พอจะนึกออกได้

     

                “อือ พี่จำได้ แฟนเค้าเพิ่งพาออกไปเมื่อซัก...ครึ่งชั่วโมงก่อนได้มั้ง”

     

                “แฟน!!!

     

                “อืม ก็เป็นผู้ชายตัวสูงๆขาวๆซีดๆ ผมดำตาดำ หน้าตาดูดี แต่งตัวมีรสนิยมน่ะ... เอ๊ะ! นั่นไม่ใช่แฟนเพื่อนเราหรอกเหรอ!?!” บาร์เทนเดอร์หนุ่มบรรยายลักษณะของคนที่ลากตัวเพื่อนของเธอออกไปก่อนจะร้องถามอย่างตกใจเมื่อคิดว่าถ้าไม่ใช่แฟนของหญิงสาวเขาก็คงแย่เพราะเหมือนจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจส่งเธอให้กับผู้ชายแปลกหน้า

     

                “สูง...ขาว...ซีด... ผมดำตาดำ หน้าตาดี...” ซากุระพยายามนึก ความกังวลใจแผ่ซ่านไปทั่ว “คนที่...ชอบยิ้มตาหยีๆรึเปล่าคะ?”

     

                “อ๊ะ! ใช่! ตกลงเราเองก็รู้จักใช่มั้ย?” บาร์เทนเดอร์พูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

                “เอ่อ... ก็คงจะรู้จักอยู่มั้งคะ อย่างน้อยก็คนนึง” เธอพึมพำต่อเบาๆก่อนจะขอตัวออกไปตามหาเพื่อนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน...

     

    ถึงจะรู้ว่าอยู่กับใครแล้วก็เถอะ...

     

    เพราะลักษณะที่บาร์เทนเดอร์พูดมานั้นเท่าที่เธอพอจะคิดออกก็มีอยู่แค่คนเดียว...

    รุ่นพี่ซาอิ!

     

                ซากุระเดินลัดเลาะผ่านกลุ่มคนที่ยืนนัวเนียกันอย่างไม่อายฟ้าอายดินก่อนจะเบียดตัวแทรกคนอีกกลุ่มที่ยืนถือแก้วเหล้าคุยกันอย่างสนุกสนานออกมาจนถึงโถงทางเดินที่ทอดยาวไปถึงประตูทางออก ร่างบางก้าวฉับๆโดยไม่สนเสียงแซวของลูกค้าในผับบางคนที่เคยเห็นเธอแดนซ์บนเวทีมาก่อน

     

    มีแต่พวกปากอยู่ไม่สุขทั้งนั้น!

     

                ซากุระเดินมาจนเกือบถึงประตูทางออกและเธอก็คงจะได้ออกไปจากผับนานแล้วถ้าตัวเองไม่บังเอิญเดินไปชนใครบางคนเข้าเสียก่อน...

     

                “อ๊ะ!” เธอร้องออกมาเบาๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาขอโทษอีกฝ่าย เธอไม่ได้เงยหน้าดูคนที่ตัวเองเดินชนเลยสักนิด อาจเป็นเพราะเขาตัวสูงเกินไปจนเธอขี้เกียจแหงนคอมองหรือไม่...ก็เพราะเจ้าตัวขยับเดินถอยหลังไปเสียไกลราวกับรังเกียจ...

               

                “กลางวันฝึกงาน... กลางคืนออกมาหากินงั้นสิ?”

     

                “!!!

     

                “ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันไม่รู้จักพอจริงๆ ว่าแต่คราวนี้น่ะ... หิวเงิน...หรือว่าหิวผู้ชายกันล่ะ?”

     

     

     

                ไรท์สัมผัสได้ถึงฉากSMแบบแปลกๆ-..- จากคอมเม้นท์ที่เคยถามว่าเมื่อไหร่เกะมันจะรักจะหึงจะหวงกันซักที เจอนางเอกทีก็มีแต่จะฟัดเขาลูกเดียว(?) หุๆ เฮ้อ...T^T เอาตามจริงนะคะคือไรท์แต่งวันเวลาในฟิคช้ามากกกก มาจนถึงวันนี้ในฟิคมันผ่านมาแค่อาทิตย์เดียวเองง่ะ(มันอืดยืดเยื้อจริงๆ) แต่เดี๋ยวตอนต่อจากนี้สักตอนสองตอนเวลาก็จะเร่งเวลาขึ้นมาอีก ตอนอิเกะหวานๆนี่แทบจะจินตนาการกันไม่ออกเลยทีเดียวเพราะมันเป็นSในสายเลือด! ต้องใช้ความรุนแรงกันตลอด (// มองพล็อตที่เขียนไว้) มันดราม่าโคตร เศร้าจิตตกกันทุกคู่เลยT^T (//ตีมือตัวเอง ---> ทำไมถึงชอบเขียนทรมานนางเอกฮะ!?!-0-) แต่แอบบอกให้ดีใจกันนิดนึง(?) ว่าอีกสองสามตอนต่อจากนี้เกะมันจะหวั่นไหวหน่อยๆและแสดงความซึนออกมาจนน่าหมั่นไส้กันเลยเชียว ติดตามชมนะคะ >.<

                ปล. ซาอิ...แกร...ยังจะมีหน้ามาพูดแบบนั้นอีกเรอะ!?! (แต่แอบฟินกับคำเรียกแทนตัวเองเบาๆ -///- พี่ๆน้องๆนี่ดูมุ้งมิ้งกันนัก)

                ปล.2 โตะ อย่าซึนให้มากนักลูก แต่ดูจากบทไปๆมาๆอยากให้นางแห้วอีกจัง เฮ้อ... ถ้าสมมติว่าพระรองรักนางเอกมากเกินไปไรท์ก็ชอบทรมานด้วยการแต่งให้ไร้คู่ตอนจบน่ะนะ คือสงสารคนที่จะมาคู่กับนาง แต่ก็.. ฮินาตะ ไฟท์ติ้ง!

                ปล.3 มาอัพแต่เช้าตรู่ คิกๆ (เช้าอะไรนี่ตีหนึ่งเฟ่ย!-.-)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×