คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 11 : การพบปะ
บทที่ 11 การพบปะ
“ห้ามมอง ห้ามเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นตอนที่ฉันไม่อยู่ อ้อ ห้ามคิดถึงด้วย” ซาสึเกะสั่งเสียงจริงจังราวกับว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“แถวนี้มันมีผู้ชายจะให้มอง ให้เข้าใกล้ ให้คิดถึงด้วยเหรอ” ร่างเล็กถามด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ มือเล็กถือหวีค่อยๆสางผมให้ร่างสูงที่นั่งเก๊กเป็นคุณชายอยู่
“สัตว์ตัวผู้ก็ไม่ได้...”
“เธอจะบ้าเหรอซาสึเกะ!” ซากุระโวยวาย “ฉันจะไปคิดอะไรกับสัตว์ได้ยังไง”
“ก็แค่เตือนเอาไว้ก่อน ฉันหวง” เขาพูด น้ำเสียงนั้นราบเรียบผิดกับเนื้อหาในประโยคที่มันชวนเขินเสียจนร่างบางหน้าร้อนผ่าว
“เสร็จแล้วล่ะ” เธอว่า สำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของเขา เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยแล้วก็ปล่อยให้ร่างสูงเป็นอิสระ
“หล่อรึยัง” เขาถามเบาๆ
“หล่อแล้ว”
“ขอบคุณที่ชม” เขาพูดก่อนจะหัวเราะน้อยๆ และก็เพราะคำพูดของเขาทำให้คนตัวเล็กกว่าถึงกับเกิดอาการหน้าเหวออย่างกะทันหัน
ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าคนอย่างซาสึเกะจะหลงตัวเองเป็น !
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายคนหลงตัวเองก็ยิ่งขำมากขึ้นไปอีก มือหนาคว้าเอวบางเข้ามากอดก่อนจะเอาคางเกยไว้ที่ศีรษะของเธอ
“...ขอบคุณที่อยู่กับฉัน...”
“อืม... รีบไปเถอะซาสึเกะ” ซากุระพูด ก่อนจะกอดตอบเขาเบาๆ
“ไม่อยากไปแล้ว...” เขาพูดเสียงอ้อยอิ่ง ไม่ยอมคลายอ้อมกอดง่ายๆ เดือดร้อนถึงคนตัวเล็กต้องดุ
“อย่างอแงสิ มีคนรอเธออยู่นะ”
“ก็ได้...งั้นฉันขอกำลังใจก่อนเดินทาง” เขาว่าพลางระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ และโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากของเขาก็ประทับรอยจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ
“อยู่ที่นี่ก็ทำตัวเป็นเด็กดีด้วย” เขาทิ้งท้ายเอามือขยี้ผมสีดอกซากุระเบาๆก่อนจะคลายอ้อมแขนแล้วเดินออกไป นานเลยทีเดียวกว่าซากุระจะรู้ตัว เมื่อตั้งสติที่ถูกดึงไปดึงมาโดยร่างสูงนั้นได้ คนตัวเล็กก็แหวใส่คนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้องแล้วอย่างโกรธๆ
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะยะ!”
.
.
.
เกือบสองวันต่อมาร่างสูงก็พาตัวเองมายืนอยู่หน้าหมู่บ้านที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยฝนพร้อมกับเจ้าของเรือนผมสีเงินที่ลงความเห็นว่าสถานที่นี้คือสวรรค์น้อยๆของเขา
“สุดยอด~! นี่ก็น้ำ นั่นก็น้ำ~” ซุยเงสึพูด เขาดูระริกระรี้เป็นพิเศษจนคนมองนึกหมั่นไส้ วีรกรรมที่เจ้าตัวเคยก่อไว้ยังคงทำให้เจ้าของดวงตาสีรัตติกาลนึกเขม่นเขาอยู่ตลอดเวลา
“เน่ๆๆ ซาสึเกะ~ นายยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ~” ซุยเงสึถามพลางทำหน้าเว้าวอน ดวงตาสีอะเมทิสต์เปล่งประกายระยิบระยับจนน่าเตะ
“ไม่” เขาตอบเสียงเรียบ พยายามไม่นึกถึงภาพเหตุการณ์บนหน้าผา “ไปกันได้แล้ว”
“ชิส์~” ซุยเงสึสบถเบาๆก่อนจะเดินตามร่างสูงที่ตอนนี้เปลี่ยนโหมดกลับมากลายเป็นคนโหดเหมือนเดิม อย่างเซ็งๆ
อาเมะโนะคุนิ หมู่บ้านลับแห่งฝน ศูนย์บัญชาการใหญ่ของกลุ่มแสงอุษา
“ไม่เจอกันนานเลยนะซาสึเกะคุง...” น้ำเสียงทักทายที่ดูอ่อนโยนไร้พิษสงนี้เป็นของร่างสูงในชุดคลุมสีดำลายเมฆแดง ใบหน้าทั้งหมดของเขาถูกปิดด้วยหน้ากากสีส้มที่มีลายหมุนขดเป็นรูปก้นหอย
“อย่ามาเรียกผมด้วยน้ำเสียงสนิทสนมแบบนั้น โทบิ... ไม่สิ มาดาระ...” ซาสึเกะเอ่ยเสียงเย็น
“อู้ววว ยังเย็นชาไม่เปลี่ยนเลยนะ หึๆ” ชายสวมหน้ากากพูดขึ้นก่อนจะส่งเสียงหัวเราะน่าขนลุก “ทำไมวันนี้พาลูกน้องมาแค่คนเดียวล่ะ แล้วอีกสองคนไปไหน”
“แค่มาเจรจากับคุณ ผมไม่จำเป็นต้องพาคนมาให้มาก”
“ก็นั่นสิน้า งั้นเรามาเริ่มการเจรจากันเลยดีกว่า” ชายสวมหน้ากากว่า น้ำเสียงดูเยียบเย็นลงอย่างน่ากลัว
“ก็ดี ... ผมเองก็ไม่อยากเสียเวลา”
.
.
.
ผ่านไปสามวันแล้วนับตั้งแต่ที่ซาสึเกะออกเดินทางไปเจรจาเรื่องผลประโยชน์กับหมู่บ้านอื่น ร่างบางนั่งถอนหายใจอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสืออย่างกังวล ความจริงเธอก็ไม่อยากจะคิดหรอกว่าซาสึเกะไปเจรจาเรื่องอะไรกับใครกันแน่ ลางสังหรณ์ของเธอมันบอกว่าถ้าเธอรู้ความจริง... เธออาจจะเสียใจ...
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะทำให้ซากุระลุกขึ้นไปเปิดประตูบานใหญ่ เบื้องหลังของประตูปรากฏร่างสมส่วนจนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบสำหรับผู้หญิง เส้นผมสีแดงสดสยายลงมาถึงกลางหลัง กับใบหน้าเรียวได้รูปที่ถึงแม้เธอจะเห็นกี่ครั้งก็ยังไม่ชินเสียที ผู้หญิงคนนี้...เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์!
“มะ...มีอะไรเหรอ คาริน?” เธอถาม น้ำเสียงไม่มั่นคงเพราะเห็นสายตาที่ดูน่ากลัวของอีกฝ่าย แต่คารินมองเธออยู่อย่างนั้นแค่แป๊บเดียวก่อนจะเชิดหน้าใส่เธอ
“ออกมาคุยกันข้างนอกได้มั้ยยะ ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องของซาสึเกะคุง” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจได้ หากแต่เจ้าของเรือนผมสีชมพูก็ยอมเดินตามคารินออกมาแต่โดยดีด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะคุยเรื่องอะไรกันแน่
คารินพาเธอมาที่ห้องๆหนึ่งที่ภายในห้องไม่มีอะไรเลยนอกจากตะเกียงเก่าๆหนึ่งดวงกับหน้าต่างบนเล็กที่ถูกปิดไว้ เจ้าของเรือนผมสีแดงยืนกอดอกมองเธอนิ่ง ดวงตาภายใต้แว่นกรอบบางนั้นดูลึกลับอ่านไม่ออก
“เธอมีอะไรจะคุยกับฉัน” ซากุระเริ่มประเด็น รู้สึกเหมือนมีภัยกำลังจะมาเยือน ถึงอย่างไรเสียคนตรงหน้าก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของซาสึเกะ ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าเธอจะปลอดภัยถ้าเกิดคนตรงหน้าเกิดหึงหวงร่างสูงขึ้นมา
“ฉันมีข่าวเรื่องหมู่บ้านของเธอจะบอก” คารินพูดเสียงเรียบ และเนื้อหาของประโยคก็เรียกความสงสัยปนตกใจจากร่างบาง
“ข่าวเรื่องหมู่บ้าน? เธอพูดจริงๆเหรอ!?!” เธอร้องถามอย่างตกใจ เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เธอถูกจับตัวมาอยู่ที่นี่ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนนี้เธอไม่มีโอกาสรับรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านบ้าง... ครอบครัวและพวกพ้องของเธอนั้นจะเป็นอยู่อย่างไร มีใครกำลังตามหาเธออยู่รึเปล่า... ซากุระอยากรู้ทุกอย่างแต่ก็กลัวเกินกว่าจะถามจากซาสึเกะ ได้แต่เก็บความกังวลเอาไว้เงียบๆคนเดียว
“เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ตอนที่เธอถูกจับตัวมา... หมู่บ้านโคโนฮะถูกเพนหกวิถี หัวหน้าของแสงอุษา ทำลายจนย่อยยับ...”
“!!!” ข่าวร้ายเกี่ยวกับหมู่บ้านที่เธอได้รับรู้ทำให้ร่างบางแทบล้มทั้งยืน วงหน้าหวานเต็มไปด้วยความกังวลว่าจะมีใครในหมู่บ้านได้รับอันตรายรึเปล่า ทั้งพ่อแม่...ทั้งพวกพ้อง...
“มะ...ไม่จริง...” ร่างบางพึมพำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“...แต่เจ้าเก้าหางที่ชื่ออุซึมากิ นารูโตะช่วยหมู่บ้านเอาไว้ได้...” คารินพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเธอ
“!!!”
“และไม่มีใครตาย” เธอเน้นย้ำช้าๆ
“นะ...นารูโตะช่วยทุกคนเอาไว้งั้นเหรอ” ซากุระพูดพร้อมกับปล่อยให้น้ำใสๆไหลอาบแก้มเมื่อรู้ว่าทุกคนต่างปลอดภัย ในใจนึกขอบคุณเจ้าของดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่แสนสดใสคนนั้น เขาเคยพูดไว้เสมอว่าจะทำให้คนในหมู่บ้านยอมรับและจะเป็นผู้คอยปกป้องหมู่บ้าน
ขอบคุณนะ นารูโตะ…
“ขอบใจที่มาบอกฉันนะ” เธอพูด รู้สึกขอบคุณคนตรงหน้าอย่างจริงใจ ปาดน้ำตาออกอย่างรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครเป็นอะไร คารินยืนมองภาพนั้นยิ้มๆก่อนจะพูดต่อ
“ตอนนี้นินจาของโคโนฮะทุกคนยังเฝ้าระวังหมู่บ้านอยู่ก็เลยยังไม่มีใครมาตามตัวเธอกลับ แต่ฉันคิดว่าอีกไม่นานคนของหมู่บ้านคงจะเริ่มตามหาเธอแล้ว... พร้อมมือสังหารที่จะจัดการคนทรยศอย่างซาสึเกะคุง” น้ำเสียงและแววตาที่ดูจริงจังของอีกฝ่ายทำให้ซากุระรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว
“ทั้งหมู่บ้านของเธอและซาสึเกะคุง... อีกไม่นานก็ต้องได้ปะทะกันแน่...”
“ไม่จริงน่า...” ซากุระพึมพำออกมา ความรู้สึกเจ็บปวดจุกแน่นขึ้นที่อก
อยากจะปกป้องทั้งสองอย่างไว้...
ไม่อยากให้ใครตาย...ไม่อยากให้ใครเจ็บปวดอีกแล้ว...
ฉันจะทำยังไงดี?
คารินถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าป่วยเหมือนคนใกล้ตายของซากุระ เธอกระทืบเท้าอย่างแรงเพื่อเรียกสติคนที่กำลังหลุดเข้าไปในโลกอื่นกลับมา
“นี่! อย่ามาทำหน้าป่วยแบบนั้นนะยะหล่อน” คารินพูดก่อนจะชี้นิ้วมาที่เธอ “ที่ฉันลากตัวเธอมาคุยด้วยก็เพราะเรื่องนี้แหละ”
เสียงเรียกแหลมสูงของคนตรงหน้าดึงสติของซากุระให้กลับมา และสีหน้าประหลาดใจของเธอก็ทำให้คนที่กำลังจะแหวใส่ถึงกับถอนหายใจเฮือก
“ถึงฉันจะไม่ชอบขี้หน้าเธอ แต่ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธออยู่...” คารินพูดปลงๆ เรือนร่างสมส่วนขยับเข้ามาใกล้เธอจนชิด ซากุระมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ ดวงตาสีโกเมนของคารินทำให้เธอรู้สึกกดดันจนหายใจแทบไม่ออก
“หยุดซาสึเกะคุงเอาไว้ซะ ก่อนที่เค้าจะไปทำสงครามกับหมู่บ้านของเธอ...”
“อะไรนะ!!!” ซากุระถามอย่างตกใจ ไม่นึกว่าหนึ่งในลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของซาสึเกะจะเป็นคนพูดประโยคนี้
“หรือเธออยากจะให้ซาสึเกะคุงตาย?... เจ้าจิ้งจอกเก้าหางนั่นเก่งเกินไป ถ้าซาสึเกะคุงไปถล่มหมู่บ้านจริงๆฉันไม่คิดหรอกว่าเค้าจะชนะ เค้าต้องถูกอุซึมากิ นารูโตะฆ่าอย่างแน่นอน” คารินพูดพร้อมกับมองเธออย่างคาดคั้นเอาคำตอบ แต่เจ้าของดวงตามรกตกลับหลบสายตาก้มลงมองพื้นแทน ริมฝีปากบางเอ่ยอย่างเลื่อนลอยเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“มะ..ไม่จริงหรอก นารูโตะ...ไม่มีวันทำอะไรซาสึเกะคุง”
“เธอจะมั่นใจได้ยังไงยะ! อย่าลืมนะว่าซาสึเกะคุงคิดจะฆ่าทุกคนในหมู่บ้าน ถึงจะรักเพื่อนแค่ไหนแต่เจ้าจิ้งจอกนั่นก็ต้องเลือกหมู่บ้านอยู่ดี” คารินเถียง ก่อนที่เธอจะถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ก่อนที่พวกนินจาโคโนฮะจะตามกลิ่นเธอมาแล้วมาเจอที่นี่ หยุดซาสึเกะคุงเอาไว้ซะ แล้วพาตัวเขากลับไป”
ซากุระเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเรือนผมสีแดงที่กึ่งโกรธกึ่งรำคาญเธอ เธออยากจะรู้เหลือเกินว่าเจ้าของดวงตาสีโกเมนที่อยู่เบื้องหลังแว่นกรอบบางนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ทำไมเธอถึงมาแนะนำฉันแบบนี้ ถ้าฉันพาตัวซาสึเกะคุงกลับไปได้จริงๆแล้วเธอล่ะ” ซากุระถามพลางใช้ดวงตาสีมรกตของเธอจดจ้องไปยังคนตรงหน้าอย่างแคลงใจ และก็เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัว คารินเชิดหน้าใส่ก่อนจะระบายยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเอง
“ฉันไม่แคร์หรอกถ้าจะไม่ได้อยู่กับซาสึเกะคุง... ยังไงซะฉันก็ไม่ได้เต็มใจจะอยู่กับเค้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เสียงแหลมพูดออกมาดังๆราวกับต้องการจะยืนกรานว่าที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ซากุระผงะเพราะคำพูดที่น่าตกใจอีกฝ่าย เมื่อตั้งสติได้เธอจึงถามคนที่กำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“พวกเธอ...ไม่ได้มาอยู่กับเขาอย่างเต็มใจเหรอ”
“เจ้าซุยเงสึกับเจ้าจูโกะน่ะอาจจะใช่ แต่ฉันไม่ใช่ ฉันถูกบังคับให้มาอยู่ด้วยเพราะฉันรู้ข้อมูลการทดลองของท่านโอโรจิมารุและสามารถถ่ายทอดจักระให้เขาได้ ที่ฉันต้องคอยตามตื๊อซาสึเกะคุงก็เป็นเพราะว่าฉันต้องรักษาชีวิตของตัวเองไว้มันก็เท่านั้นแหละ”
“...”
“แต่ฉันก็ไม่คิดจะไปสู้รบตบมืออะไรกับคนอื่นหรอกนะ ทำไมอยู่ดีๆฉันต้องหาเรื่องไปรบกับหมู่บ้านของเธอด้วย ถ้าเธอกล่อมเค้าสำเร็จฉันก็จะได้หลุดพ้นไปด้วย...ก็แค่นั้นแหละ” คารินพูดพร้อมกับใช้สายตาคาดหวังมองมาที่เธอ ซากุระรู้สึกเหมือนว่าอะไรหนักๆที่คอยถ่วงเธออยู่ตลอดเวลาหลุดออกไป
เพราะเธอมาทีหลัง...
เพราะซาสึเกะมีเจ้าของอยู่แล้ว...และเธอกำลังแย่งชิงเขามาจากคนอื่น...
แต่ว่าถ้าคนตรงหน้าอนุญาต...
ซากุระระบายยิ้มหวานเสียจนคนมองแทบอยากจะอาเจียน คารินขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งก่อนจะตวาดออกมาอีกรอบ
“ยิ้มบ้าอะไรของเธอยะ!”
“เปล่า... ขอบคุณนะ” เธอพูดพร้อมกับยิ้มอย่างนึกขอบคุณคนตรงหน้าจริงๆที่อนุญาตให้เธอรักซาสึเกะได้โดยไม่ต้องรู้สึกเหมือนมีตราบาปในหัวใจ
“ไม่ต้องมาขอบคุณอะไรฉันหรอกย่ะ เอาไว้เธอพาซาสึเกะคุงกลับไปหมู่บ้านได้เมื่อไหร่ ฉันนี่แหละจะเป็นฝ่ายขอบคุณเธอเอง”
“ยังไงฉันก็คิดจะหยุดเขาอยู่แล้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วง” เธอพูดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจแต่ว่าผลตอบรับกลับกลายเป็นความโกรธเกรี้ยวของเจ้าของดวงตาสีโกเมน
“แล้วเมื่อไหร่มันจะสำเร็จล่ะ! คิดเหรอว่าเธอจะสามารถเกลี้ยกล่อมเค้าได้” คารินถามเสียงดูถูก “ถ้าเธอหยุดเค้าไม่สำเร็จแล้วเค้าบุกไปทำลายหมู่บ้านของเธอ หรือคนในหมู่บ้านเธอตามมาฆ่าเค้าก่อนเธอจะว่ายังไง”
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ในเมื่อฉันเองก็พยายามเต็มที่แล้ว” ซากุระพูด ใบหน้าหวานดูกลัดกลุ้มเมื่อทุกสิ่งที่คารินพูดต่างเป็นความจริง ดวงตาสีมรกตก้มลงมองที่พื้นอีกครั้งอย่างนึกจำนนในความไร้ประโยชน์ของตัวเอง
ซาสึเกะไม่สามารถลืมความแค้นได้...
เขายังให้อภัยโคโนฮะไม่ได้...
แล้วฉันจะหยุดเค้าได้ยังไง?
“ในห้องของซาสึเกะคุงมีคัมภีร์ลับเกี่ยวกับแผนการถล่มโคโนฮะอยู่ ทำลายมันทิ้งซะในระหว่างที่เขาไม่อยู่นี่แหละ” คารินโพล่งขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ใบหน้างามหันขวับมองไปที่เธออย่างรวดเร็วพร้อมๆกับความประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้า
“!!!”
“...เป็นคัมภีร์สีน้ำตาลม้วนหนาๆ ซาสึเกะคุงน่าจะไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย”
“ตะ...แต่แค่ทำลายคัมภีร์นั่นจะหยุดซาสึเกะคุงได้เหรอ เขาไม่ใช่คนที่จะมาล้มเลิกอะไรเพียงเพราะแผนการถูกทำลายหรอกนะ” ซากุระเถียง เธอรู้นิสัยของซาสึเกะดี ถ้าเขาเป็นคนที่ล้มเลิกความตั้งใจได้ง่ายๆ... อะไรๆมันก็คงจะง่ายกว่านี้...
“เธอก็ใช้ช่วงเวลาที่เค้าคิดหาแผนการใหม่นั่นกล่อมเค้าสิยะ ตอนนั้นซาสึเกะอาจจะกำลังลังเลแล้วก็ได้เพราะไม่มีแผน อย่างน้อยก็ประวิงเวลาเผื่อเค้าจะเปลี่ยนใจ”
“...”
“หมู่บ้านจะถูกทำลาย หรือซาสึเกะคุงจะถูกฆ่ารึเปล่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอนะยะยัยซากุระ” ประโยคสุดท้ายของคารินเหมือนตั้งใจจะฝากความหวังไว้ที่เธอ ซากุระมองหน้าคนที่เธอคิดมาตลอดว่าคงจะเกลียดเธอเข้าไส้อย่างซาบซึ้ง
ถ้าได้คุยกันก่อนหน้านี้เราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้...
“ขอบใจที่มาบอกฉัน เธอก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา” ซากุระพูดพร้อมกับยิ้ม แต่คารินได้แต่สะบัดหน้าหันไปทางอื่นอย่างเชิดๆก่อนจะพูด
“เหอะ! ฉันก็แค่อยากเป็นอิสระเร็วๆ ถ้าซาสึเกะคุงล้มเลิกแผนการนี้แล้วยอมกลับไปหมู่บ้านกับเธอ เค้าก็คงยอมปล่อยให้พวกฉันเป็นอิสระ”
“...”
“อย่าทำหน้าซาบซึ้งปานจะร้องไห้แบบนั้นได้มั้ยยะ ฉันเห็นแล้วขนลุก” คารินพูดเมื่อเห็นสีหน้าของซากุระ
“ฉันไปล่ะ ขอให้โชคดี” เจ้าของเรือนผมสีแดงสดเอ่ยก่อนจะโบกมือลาส่งๆแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ซากุระนึกทบทวนถึงคำพูดของอีกฝ่ายคนเดียว
“อื้ม... ขอบคุณนะ...ขอบคุณจริงๆ”
.
.
.
ซากุระมองดูคัมภีร์ลับเล่มใหญ่ที่เธอถืออยู่อย่างรู้สึกผิดต่อร่างสูง ก่อนจะที่มือเล็กจะจุดไฟเผาทำลายมัน เปลวไฟสีเหลืองส้มโลมเลียคัมภีร์สีน้ำตาลหม่นจนมันกลายเป็นสีดำก่อนจะสละรูปร่างเดิมกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน
“ขอโทษนะซาสึเกะคุง”
เสร็จไปแล้นนนอีกหนึ่งบท เรื่องราวจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อิอิ บทนี้เริ่มต้นด้วยความมุ้งมิ้งของเกะกุ คุๆ~ นิดๆหน่อยๆพอหอมปากหอมคอ หนูซุยโผล่มาแล้วววหลังจากที่ถูกเก็บ(ฮะ!) ไปหนึ่งตอน เหมือนหนูจะกลับมาเข้าโหมดลั้ลลาปาจิงโกะเหมือนเดิมแล้วล่ะสิ และตัวละครเงาจางของเราก็หายเข้าป่าไปแล้ว ช่วงนี้ปล่อยพี่แกจำศีลไปก่อน ฮ่ะๆๆ >.< ส่วนคารินนั้นเธอเล่นบทร้ายเจ้าค่ะ แต่เธอจะร้ายมาแบบไหนคอยติดตามชมเนาะ ปล. พักหลังๆนี่คือต้องแต่งสดอ่า ไม่ได้แต่งสำรองไว้แล้วค่อยๆลงเหมือนช่วงแรกๆ บางวันอาจจะไม่ได้มาอัพ ขอโทษนะฮ้าฟฟฟ
ความคิดเห็น