ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #14 : CHAPTER 11 : ความพ่ายแพ้ของราชา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.79K
      125
      26 ส.ค. 57

    บทที่ 11 ความพ่ายแพ้ของราชา

     

     

    หลุมพราง...

    กับดัก...

     

    หรือความไม่ทันเฉลียวใจ?

     

                ซาสึเกะไม่รู้จะโทษสาเหตุข้อไหนดี หรือเขาควรจะเอาทุกข้อมารวมกันเพื่อตอกย้ำถึงความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของตน เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้คือใบทะเบียนสมรสสองแผ่นที่มีชื่อของเขากับผู้หญิงที่เขาเกลียดยิ่งกว่าผู้หญิงปกติปรากฏหราอยู่...

     

    เป็นหลักฐานที่แสดงถึงความพ่ายแพ้ของราชา!

     

     

                “ยินดีต้อนรับสะใภ้คนล่าสุดของตระกูลอุจิวะ”

     

              เสียงทุ้มนุ่มของอิทาจิปลุกให้คนที่กำลังร่ายคำสาปแช่งใส่แผ่นกระดาษตวัดตามอง สะใภ้คนใหม่ด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความเกลียดชังแบบทะลุมาตรวัดเล่นเอาขนในกายของเธอพากันลุกตั้งโดยพร้อมเพรียง

     

    มันไม่ใช่ความผิดของเธอเสียหน่อย!

     

                ซากุระได้แต่นั่งปั้นหน้ายิ้มทั้งที่ในใจอยากจะร้องไห้ คำนำหน้าชื่อของเธอที่ทะนุถนอมมาอย่างดีเปลี่ยนไปทันทีทั้งที่เธอเพิ่งจะเจอหน้าอิทาจิได้ไม่ครบชั่วโมงเต็ม... ไอ้แผนการที่เตรียมมาหลอกตบตาคนๆนี้เป็นอันต้องล้มครืนไม่เป็นท่าเพราะอิทาจิดัน บ้าจี้เชื่อมากเกินไปจนเรื่องพลิกล็อกกลับขั้วออกมาเป็นแบบนี้ และเธอก็ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมคนต้นคิดถึงได้แต่นั่งเงียบเป็นใบ้ไม่กล้าปฏิเสธออกมาซักแอะตอนที่นายทะเบียนมาทำเรื่องจดทะเบียนสมรส...

     

    เธอไม่แปลกใจ...

    เพราะว่าเขาก็คงอยู่ในอาการเดียวกับเธอ...

     

    กลัวจนหัวหด!

     

                “วันนี้เป็นวันดีจริงๆ” อิทาจิพูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับยึดเอาใบทะเบียนสมรสที่ดูแสลงตาสำหรับเขาไปเก็บเอาไว้เสียเองราวกับรู้ว่าถ้าขืนให้เขาเก็บ มันคงไม่อยู่ในสภาพเดิมจนถึงวันพรุ่งนี้แน่

     

                “สนใจจะให้ฉันสร้างเรือนหอให้มั้ย? บ้านเรายังเหลือที่ว่างข้างหลังอีกเยอะนะ...” อิทาจิพูดพร้อมกับทำท่าทางครุ่นคิดก่อนจะขมวดคิ้วอย่างนึกขัดใจ “เอ๊ะ หรือฉันควรจะจัดงานแต่งงานก่อนดี? จะได้ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าน้องชายของฉันมี เมีย แล้ว”

     

                “ไม่ครับ!!! / ไม่ต้องค่ะ!” เสียงค้านสองเสียงดังพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่คนค้านทั้งคู่จะหันหน้ามองกัน...

     

    คนหนึ่งมองอย่างหวาดกลัว...

    ในขณะที่อีกคนมองเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย...

     

                “เนื้อคู่กระดูกคู่ชัดๆ” บุคคลที่สามพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะ เล่นเอาคนที่เป็น เนื้อคู่กระดูกคู่กัน ถึงกับสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นแทบไม่ทัน

     

                “ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้วผมก็จะกลับ” ซาสึเกะพูดด้วยเสียงที่เรียบเป๊ะอย่างไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขากำลังเดือดปุดๆจนแทบจะระเบิด หากแต่เขาก็ยังคงรักษาระดับสีหน้าเรียบนิ่งไม่สะทกสะท้านได้ดีแม้ว่าจะเพิ่งถูกบังคับให้แต่งงานไปหมาดๆ

     

                “ไม่อยู่คุยกันก่อนเหรอ? ฉันมีเรื่องจะถามแกอีกเยอะแยะ” คนเป็นพี่ทักท้วงขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูคมคายกว่าเขาเล็กน้อยกำลังระบายยิ้ม...

     

    เป็นยิ้มที่เขาเกลียดที่สุด!

     

                “ถาม? ถามอะไรผมล่ะ ในโลกนี้มันยังเหลืออะไรอีกเหรอครับที่คนอย่างพี่ไม่รู้” เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชัดกึ่งโมโห อิทาจิยังคงยิ้ม...

     

                “ใจแกไง ซาสึเกะ” คนเป็นพี่ตอบ น้ำเสียงกึ่งหมั่นไส้กึ่งเอ็นดู

     

                “...”

     

                “ถึงฉันจะรู้ว่าสมองของแกกำลังคิดอะไรอยู่แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าใจของแกมันคิดอะไร”

     

                “หัวใจ...คิดไม่ได้” ซาสึเกะตอบตามที่ตัวเองคิด คนเป็นพี่ได้แต่ยักไหล่กับความหยาบกระด้างไร้อารมณ์อ่อนไหวของน้องชาย

     

                “ก็จริง...ถือว่าฉันเพ้อเพราะดีใจเกินไปก็แล้วกัน วันนี้แกอุตส่าห์หาของขวัญที่ฉันรอมาเป็นสิบๆปีมาให้... ดีใจแทบบ้าเลยว่ะ”

     

                “อย่าบีบผมให้มันมากนักนะครับ...” ซาสึเกะเอ่ยพร้อมกับกำมือแน่น ดูเหมือนอารมณ์โกรธของเขาจะค่อยๆไหลซึมออกมาทีละน้อยผ่านดวงตาสีรัตติกาลที่ดูแข็งกร้าว

     

                “มันไม่ใช่ความผิดของฉัน...” อิทาจิเอ่ยเสียงเย็น ใบหน้าหล่อเหลาไม่เหลือรอยยิ้มประดับ “ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่แกไปทำลับหลังฉันเอาไว้ แต่ซาสึเกะ... แกควรจะจำใส่ใจเอาไว้ว่าคนอุจิวะมีศักดิ์ศรีพอ... แกไม่จำเป็นต้องไปเยียบย่ำคนอื่นเพื่อให้ตัวเองพ้นจากปัญหา”

     

                “...”

     

                “นี่ไม่ใช่คำขอหรือคำสอน... แต่เป็นคำเตือน ฉันขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่แกเอาชีวิตของคนอื่นมาล้อเล่น”

     

                ดวงตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าล่วงรู้ทุกอย่างทำให้ซาสึเกะปฏิเสธอะไรไม่ได้นอกจากยืนเงียบ

     

    เป็นอย่างที่คิด...

    อิทาจิรู้...

    อย่างน้อยก็รู้ว่าเขาจ้างเธอมา...

     

                “ผมไปนะครับ” เขาพูดโดยไม่หันมองหน้าพี่ชาย ซาสึเกะรู้ดีว่าถ้าต้องประสานตากับดวงตาที่แข็งแกร่งและดุดันของผู้เป็นพี่ต่อไป เขาก็คงจะยอมสารภาพบาปทั้งหมดแน่ ข้อสัญญาต่างๆที่ทำไว้กับคนที่นั่งตัวแข็งอยู่บนโซฟาก็คงมีอันต้องเปิดเผย...

     

    ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงแย่...

     

                ซาสึเกะคิดแล้วเดินออกจากห้องไปท่ามกลางสีหน้าเอือมระอาของคนมอง อิทาจิส่ายหน้ากับความคิดดื้อด้านแบบเด็กๆของคนเป็นน้องก่อนจะเบนสายตากลับมายังคนที่ถูกดึงเข้ามาเอี่ยวกับเกมประชันกลยุทธ์ของเขากับซาสึเกะ...

     

    ใช่... มันก็เป็นแค่การประชันกลยุทธ์

    ที่เห็นกันมาตั้งแต่ต้นว่าเขาคือผู้ชนะ...

     

                “หิวอยู่ใช่มั้ย? เธอน่ะ...” อิทาจิถามบุคคลที่เอาแต่นั่งเงียบมองดูการสนทนาที่ชวนเครียดของสองพี่น้อง ซากุระที่เหมือนเพิ่งจะได้สติสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเบิกตาโพลงนั่งหน้าซีดขาวเมื่อคิดได้ว่าตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงแค่เธอกับอิทาจิ... ในใจก็นึกสาปแช่งคนที่เดินออกไปโดยไม่ชวน

     

    ทิ้งกันได้ลงคอนะ!

     

     “ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปสั่งพ่อครัวให้ทำอะไรให้กิน” อิทาจิพูดต่อไปไม่สนใจอาการหวาดผวาของเธอเลยแม้แต่น้อย ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมจนบรรยากาศเข้าขั้นวิกฤต... ซากุระคิดว่าเธอต้องพูดอะไรออกไปสักอย่าง

     

    “ฉะ...ฉันไม่รบกวน...”

     

    “หน้าตาเธอเหมือนคนพร้อมจะขาดสารอาหารตายทุกเมื่อเลยนะ” แต่อีกฝ่ายก็ไม่ให้เธอได้พูดจบประโยค เขาสวนขึ้นกลางปล้องราวกับมีญาณภายในสามารถสื่อสารกับกระเพาะของเธอที่มันร้องโอดครวญมานานหลายชั่วโมงได้

     

    “กินๆไปเถอะ ไม่งั้นเธอจะเอาเรี่ยวเอาแรงที่ไหนไปรับมือกับน้องชายของฉัน ดูสภาพมันแล้วฉันไม่รับประกันความปลอดภัยของเธอจริงๆ”

     

    “เอ้อ...”

     

    “อย่าให้ฉันต้องพูดหลายรอบนักเลย”

     

    “แต่...”

     

    “...”

     

    “ค่ะ!

     

    สุดท้ายซากุระก็ต้องมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่โต๊ะอาหารที่ดูอลังการเข้ากันกับตัวคฤหาสน์เพราะเธอไม่อาจต่อต้านสายตาที่สามารถสยบแม้กระทั่งซาสึเกะได้... อิทาจิไม่ใช่คนพูดมากปากอยู่ไม่สุขแถมยังอารมณ์ร้ายเหมือนน้องชาย แต่เขาก็สามารถสั่งให้คนทำตามที่ตัวเองต้องการได้เพียงแค่ใช้สายตาและท่าทางที่ดูสงบ...

     

    เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ!

     

    ซากุระไล่ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบที่ยังคงตกค้างอยู่ออกไป กระเพาะของเธอเริ่มจะร้องประท้วงรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเธอได้กลิ่นหอมตลบอบอวลของอาหาร ร่างบางแอบกลืนน้ำลายที่แทบจะไหลออกมาเป็นลิตร...ตอนนี้เบื้องหน้าของเธอเต็มไปด้วยอาหารละลานตาที่เชฟวัยกลางคนยกมาเสิร์ฟ ซากุระพูดขอบคุณก่อนจะลงมือจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้าราวกับตายอดตายอยากที่ไหนมา...

     

    อิทาจิพูดถูกทีเดียว...

    สภาพของเธอก่อนหน้านี้คงเหมือนคนใกล้ตายเพราะขาดสารอาหารเต็มที!

     

    .

    .

    .

     

    สุดท้ายเขาก็ต้องแต่งงาน...

     

    กับผู้หญิงที่ต่ำต้อยที่สุด!

     

                ซาสึเกะคิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระแทกประตูอย่างแรงจนมันเปิดออก เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าแรงกระแทกของตนจะทำให้ประตูกระจกบานสวยเกิดรอยร้าวหรือเปล่า ตอนนี้เขากำลังโกรธ...

     

    โกรธที่ไม่สามารถต่อต้านอิทาจิได้เลยสักครั้ง...

     

    ร่างสูงเดินปึงปังเข้าไปในบ้านก่อนที่สายตาจะปะทะเข้ากับกองสัมภาระขนาดย่อมที่เพิ่งถูกขนเข้ามาเมื่อเย็น เขาชักสีหน้าอย่างนึกรังเกียจก่อนที่ขายาวๆจะเตะเข้าที่กระเป๋าเดินทางใบเล็กของซากุระอย่างโกรธจัดจนของที่อยู่ภายในกระจายออกมา

     

    ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเอาไอ้แข้งแข็งๆนี่เตะตัวเจ้าของมากกว่า...

     

                “เธอมันตัวซวยชัดๆ!” พูดออกมาอย่างพาลๆแล้วเดินขึ้นไปยังชั้นสองที่ทั้งบริเวณเป็นเขตห้องนอนของเขา มันเป็นห้องนอนที่เปิดโล่ง ไม่มีผนังกั้น และมีห้องน้ำอยู่ในตัว ซาสึเกะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างหมดแรง...

     

    วันนี้มันวันอะไรกัน?

     

                เขาถามตัวเองในใจพร้อมกับหลับตา ภาพความยุ่งยากวุ่นวายต่างๆเริ่มผุดขึ้นมาในหัว... มันสยดสยองลงเรื่อยๆจนเขาต้องลืมตาแทบไม่ทัน

     

    เขาอาจจะไม่มีสิทธิ์หย่า...

    ต้องทนกล้ำกลืนอยู่กับผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นไปจนแก่ตาย!

     

    นรกชัดๆ!

     

                หลังจากเรียกสติและความสุขุมที่ปลิวหายไปกลับมาได้ ซาสึเกะก็เริ่มคิดวางแผนขึ้นมาใหม่ เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยหลังจากที่หยิบเอาสัญญาที่เขาทำไว้กับคนเห็นแก่เงินนั่นขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ถึงอย่างไรเสียถ้าคลอดลูกให้เขาแล้วเธอก็ต้องไปจากเขาอยู่ดี...

     

    เขาจะใช้สัญญานี้ข่มขู่ให้เธอหย่า...

    ยังไงคนสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างเธอก็ต้องยอม...

               

                คิดแล้วก็กระหยิ่มยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ ไอ้ทะเบียนสมรสที่เป็นแค่กระดาษแผ่นสองแผ่นนั่นเขาไม่ได้สนใจอะไรนักอยู่แล้วนอกจากมองว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ที่เขามีต่ออิทาจิ ตราบใดที่เขาไม่ต้องติดแหง็กอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจนั่นไปตลอดชีวิต ทุกอย่างมันก็ยังโอเค... พอคิดมาได้ถึงตรงนี้คนกำลังนึกดีใจก็หุบยิ้ม จะว่าไปเขายังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเดินตามเขามาเลยนี่ มัวไปยืนโง่อยู่ในคฤหาสน์หรือเปล่า? หรือว่า!?!

               

                ซาสึเกะเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงแทบไม่ทันเมื่อหัวของเขาจินตนาการถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุด! โง่ๆซื่อๆแบบนั้นถ้าถูกอิทาจิจับไปไต่สวนล่ะก็คงยอมคายความลับออกมาจนหมดแน่! คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็แทบจะทะยานตัวลงบันไดจากชั้นสองเพื่อวิ่งกลับไป เก็บของที่เผลอทำตกไว้กลับมาก่อนที่ไอ้ของพรรค์นั้นจะนำความเดือดร้อนมาให้เขา แต่ยังไม่ทันที่ขายาวๆจะก้าวพ้นขอบประตู ใบหน้าสวยหวานของคนที่เพิ่งนึกถึงก็ปรากฏตรงหน้า ซากุระเปิดประตูเข้ามาอย่างเก้ๆกังๆและเธอก็แทบจะร้องเสียงหลงเมื่อเกือบจะชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังจะพุ่งผ่านประตูออกไป

     

                ซาสึเกะชะงักกึกก่อนจะก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่าใครกำลังขวางทางเขาอยู่... ชายหนุ่มยืนมองหน้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามานิ่ง

     

                “เธอคุยอะไรกับพี่ชายของฉัน” เขาถามเสียงเย็นยกมือขึ้นกอดอกอย่างผู้ใหญ่ที่กำลังไต่สวนเด็กน้อยที่ไปทำความผิดมา ซากุระถอยหลังไปจนตัวชิดติดประตู... ดวงตาสีมรกตมองคนที่กำลังโกรธอย่างระแวดระวัง

     

                “เปล่าค่ะ...” เธอตอบเสียงอ่อย

     

                “แน่ใจ?”

     

                “คะ...ค่ะ”

     

                “แล้วทำไมเพิ่งกลับมา?” ร่างสูงถามต่อ ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองคนที่ยืนตัวซีดอย่างจับผิด

     

                “ฉัน...ทานข้าวเย็น”

     

                “กินข้าว? เหอะ! มาวันแรกก็กล้าเสนอหน้าขึ้นไปกินข้าวที่คฤหาสน์แล้วเหรอ”

     

                “...”

     

                “ช่างเถอะ” ซาสึเกะพูดเหมือนไม่ใส่ใจนัก เขาเดินตรงดิ่งไปนั่งที่โซฟาโดยไม่ลืมที่จะเอาเท้าเขี่ยๆเสื้อผ้าของเธอที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น ซากุระเม้มริมฝีปากแน่น...

     

    อย่าไปถือสากับความหยาบคายของเขา...

     

                “ถึงตอนนี้เธอจะไม่ใช่แค่เมียปลอมๆของฉัน แต่สัญญาทุกอย่างยังคงเป็นไปตามเดิม ฉันยังถือว่าเป็นนายจ้างของเธอและตามข้อบังคับ...ถ้าเธอทำงานของเธอเสร็จแล้วเมื่อไหร่เธอก็ต้องเอาหน้าเน่าๆของเธอไปให้พ้นจากหน้าฉันทันที ซึ่งก็หมายถึง... การหย่าร้าง...”

     

                “ค่ะ ฉันทราบ...” เธอว่า “และก็ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามสัญญาทุกอย่าง”

     

                “ดี... พูดง่ายๆแบบนี้ก็ดี” ซาสึเกะพูดพร้อมกับระบายยิ้มเย็นอย่างถูกใจ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและจ้องหน้าเธอนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม... ชายหนุ่มมองเธออย่างพิจารณา

     

                “มีอะไรอีกรึเปล่าคะ” ซากุระกลั้นใจถามออกไป เธอไม่ไว้ใจกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของอีกฝ่ายนัก มือเรียวสวยแตะอยู่ที่มือจับประตูเผื่อว่าถ้าเขากระโจนมาเธอจะได้หนีทัน แต่จนแล้วจนรอดซาสึเกะก็ทำเพียงแค่จ้องหน้าเธอนิ่ง... ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความชิงชังไม่เปลี่ยน

     

                “มีคำเตือน...” เขาพูดเสียงเรียบ

     

                “...”

     

                “ระวังใจของเธอไว้ให้ดี ฉันจะย้ำกับเธออีกครั้งว่าฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษและฉันเกลียดผู้หญิงที่สุด... โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเธอ ถ้าเธอยังอยากเดินออกจากบ้านนี้ไปด้วยสภาพจิตที่ยังปกติอยู่ล่ะก็...”

     

                “...”

     

                “อย่า รักฉัน... อย่า...แม้แต่จะคิด”

     

    .

    .

    .

     

    คนหลงตัวเอง!

     

                ซากุระนึกนินทาคนที่นอนสบายอยู่บนชั้นสองในขณะที่เธอนอนตัวเกร็งอยู่บนโซฟาแคบๆ

     

    ทำไมเขาถึงกล้าคิดว่าเธอจะไปหลงรักเขานะ?

     

    ซาสึเกะเป็นคนหน้าตาดีจัดจนเธอยังยอมรับว่าไม่เคยเห็นใครที่มีเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบเท่าเขามาก่อนก็จริง แต่ทั้งการกระทำและรสนิยมทางเพศที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนของเจ้าตัวนั่นก็ทำให้เธอไม่แม้แต่จะคิดหวั่นไหวไปกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขาอยู่แล้ว

     

    ความหยาบคายของเขามันกลบรัศมีความหล่อจนหมด!

     

                ซากุระพลิกตัวอย่างหงุดหงิดเพื่อจัดท่านอนให้อยู่ในท่าที่สบาย แต่ไม่ว่าเธอจะขยับตัวเท่าไรมันก็ยังอึดอัดอยู่ดีเพราะพื้นที่ที่จำกัดของโซฟา ร่างบางพ่นลมหายใจออกมาอย่างปลงๆ สงสัยพรุ่งนี้เช้าเธอคงได้ปวดหลังเพราะนอนขดตัวทั้งคืนแน่ๆ...

     

     

                ซากุระตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าผิดปกติโดยที่เธอไม่ต้องอาศัยนาฬิกาปลุกเพราะอาการปวดหลังที่ลามมาถึงคอเป็นเหตุ ร่างบางขยับตัวเพื่อดัดกระดูกสันหลังให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวจะไปทำงาน หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองระเบียงของชั้นสอง...

     

    ดูท่าว่าเขาจะยังไม่ตื่น...

     

                เธอคิดแล้วก็รีบพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัวตอนเช้าจนเรียบร้อยแล้วก็เผ่นออกจากบ้านโดยใช้เวลารวมไม่ถึงยี่สิบนาที แต่ถึงจะรีบออกมาจากบ้านที่ดูเหมือนกรงขังนั่นเร็วแค่ไหนแต่สุดท้ายเธอก็ต้องมายืนเคว้งคว้างอยู่หน้าประตูใหญ่ของบ้านอุจิวะอยู่ดี ดูเหมือนว่าเธอจะลืมเรื่องสำคัญบางอย่าง...

     

    จะไปทำงานยังไง?

     

                เมื่อวานตอนที่ทำข้อตกลงกันเธอบอกซาสึเกะว่าเธอจะต้องไปทำงานในฐานะเด็กฝึกงานด้วย ในทีแรกซาสึเกะก็ดูตกใจอยู่ไม่น้อยที่รู้ว่าเธอยังเรียนไม่จบแต่สุดท้ายเขาก็ยอมอนุญาตเพราะมันจะทำให้การเล่นละครดูสมจริงมากยิ่งขึ้น... แต่ถึงจะขอออกไปทำงานได้ แต่ว่าไม่รู้จะไปยังไงนี่สิคือปัญหา

    ร่างบางยืนสับสนอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงบีบแตรถี่ๆดังอยู่ข้างหลัง เธอหันกลับไปมองยังต้นเสียงก็พบอิทาจิที่โผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างของรถยุโรปคันหรู เขาส่งยิ้มให้เธอก่อนจะถามด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก

     

                “ฉันจะไปออกกำลังกาย สนใจจะติดรถไปด้วยกันไหม?”

     

                สุดท้ายเธอก็มายืนอยู่ที่หน้าสำนักงานใหญ่ของอุซึมากิ คอร์เปอเรชั่น ในอีกไม่กี่สิบนาทีให้หลัง ซากุระหันไปขอบคุณสารถีจำเป็นที่ยอมใจดีให้เธอติดรถมาด้วย อิทาจิยิ้มก่อนจะขับรถออกไปอย่างไม่รีบร้อนนัก เธอมองตามไปจนลับสายตาก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบริษัท หญิงสาวขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นสามสิบห้า... เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ในหัวคิดหาข้ออ้างเอาไว้แก้ตัวถึงสาเหตุที่เธอขาดงานไปโดยไม่บอกไม่กล่าว...

     

    ติ๊ง!

     

                เสียงสัญญาณลิฟต์ดังบ่งบอกว่าเธอมาถึงชั้นเป้าหมายแล้ว ซากุระก้าวขาออกมาจากลิฟต์ด้วยท่าทางที่มั่นใจยิ่งขึ้น

     

    เธอหาเหตุผลมาแก้ตัวได้แล้ว...

     

                แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงโต๊ะทำงาน ขาเรียวสวยก็เป็นอันต้องหยุดชะงักกึกเมื่อมีร่างของใครคนหนึ่งเคลื่อนมาขวางหน้าเธอไว้ ซากุระเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาขวางทางโดยอัตโนมัติแล้วเธอก็ต้องตกใจจนเกือบเผลอร้องออกมา

     

    นารูโตะยืนจ้องเธอด้วยสายตาที่แสนดุ...

     

                “มีใครเคยบอกคุณไหมครับ... ว่าการตัดสายของประธานบริษัทมันเป็นความผิดขั้นร้ายแรง!

     

     

     

                หุๆๆ (ยิ้มกรุ้มกริ่ม) ตอนนี้ไม่รู้จะบรรยายอะไรดี -,.- งั้นขอตอบคอมเม้นท์คุณ Ned Nedarnong -w- กุยังผมแค่ประบ่าค่ะ คือมันเป็นความผิดของข้าน้อยเองที่มิได้ตรวจสอบT^T เดี๋ยวจะไปแก้ให้นะคะเพื่อจะได้ไม่เข้าใจผิดกัน ขอบคุณอีกทีที่ท้วงมานะคะ>___<
    ปล. โตะท่าจะโกรธมาก ฮ่าๆๆ แต่นางไม่มีอะไรหรอกค่ะ ที่โมโหก็เพราะเป็นห่วง อุ๊ปส์! สปอยล์ >.<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×