ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Naruto] เล่ห์ราชา [END]

    ลำดับตอนที่ #13 : CHAPTER 10 : เซอร์ไพรส์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.15K
      145
      6 ก.พ. 58

    บทที่ 10 เซอร์ไพรส์

     

     

    “...เรามีเรื่องต้องตกลงกัน”

     

                น้ำเสียงราบเรียบที่ยังคงแฝงไปด้วยความดูถูกของเขาทำให้คนที่กำลังมองอย่างระแวดระวังหน้าตึงไปชั่วขณะ ซากุระพยายามรวบรวมจิตใจที่แตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทางของตัวเองกลับมาแต่ก็พบว่ามันทำได้ยากยิ่งเมื่อคนที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่คือ อุจิวะ ซาสึเกะ ผู้ชายที่ดูมีความสุขเหลือเกินกับการได้เยียบย่ำเธอ!

     

                “สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ ขอให้เธอจำใส่หัวสมองกลวงๆของเธอเอาไว้ให้ดี เพราะถ้าเธอลืมขึ้นมาและเกิดทำอะไรที่มันเป็นการขัดต่อข้อตกลงของฉันเมื่อไหร่ เธอโดนดีแน่...

     

                พอขู่เธอเสร็จ ซาสึเกะก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการอธิบายข้อตกลงต่างๆที่เขาเป็นฝ่ายร่างขึ้นมาเอง ซากุระที่เป็นผู้ฟังและผู้ต้องปฏิบัติตามได้แต่พยักหน้ารับโดยไม่กล้าหือแม้แต่คำเดียว แม้ว่าถ้อยคำที่เขาใช้พูดจะดูเสียดหูจนเธอแทบอยากจะเข้าไปตะปบปากหยักได้รูปของคนพูดนัก!

     

    เขาเป็นคนที่ปากจัดจนน่ายกรางวัลโนเบลสาขาปากตลาดให้ยิ่งนัก!

     

    หลังจากคอร์สอบรมกฎระเบียบที่น่าอึดอัดจบลง ซาสึเกะก็สั่งให้บอดี้การ์ดสองคนพาเธอกลับไปเก็บของที่บ้านเพื่อย้ายเข้ามาอยู่กับเขา ในทีแรกซากุระอ้าปากจะปฏิเสธที่จะต้องมาอยู่ในกรงขังของเขาแต่แล้วเธอก็ต้องหุบปากแทบไม่ทันเมื่อดวงตาสีรัตติกาลของซาสึเกะกำลังจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สุดท้ายสิ่งที่เธอทำได้ก็มีเพียงนั่งปลงตกกับชะตาชีวิตที่ดิ่งลงเหวแค่ชั่วข้ามคืนของตนและโดยเฉพาะเมื่อมีข้อตกลงของซาสึเกะที่สอดไส้คำสั่งอีกหนึ่งอย่างที่เธอต้องปฏิบัติตาม ซากุระก็ยิ่งอยากจะร้องไห้...

     

    นอกจากจะต้องมาทำหน้าที่เป็นอู่ลูกให้เขาแล้ว...

    เธอยังต้องรับบทเป็นเมียกำมะลอของเขาเพื่อตบตา อุจิวะ อิทาจิ พี่ชายคนเดียวของเขาอีก!

     

                หญิงสาวไม่รู้ว่าชาติก่อนเธอได้ไปก่อกรรมทำเข็นอะไรไว้นักหนา เหตุใดชาตินี้เธอจึงต้องถูกบีบบังคับให้มาทำงานที่น่าอดสูเช่นนี้ มิหนำซ้ำเธอยังต้องโกหกหลอกลวงคนอื่นเพื่อการอยู่รอดของตัวเองอีก บางครั้งซากุระก็นึกอยากจะหนีปัญญาด้วยการกระโดดสะพานที่ไหนซักแห่งแล้วตายๆไปซะ แต่จิตสำนึกส่วนดีของเธอก็ยังคงห้ามไว้ เพราะถ้าหากคิดดูดีๆแล้ว...

     

    อย่างน้อยเธอก็ยังรักษาบ้านเอาไว้ได้...

     

                นั่นเป็นสิ่งดีๆที่เธอพอจะมองเห็นจากการเซ็นสัญญาน่าอัปยศนั่น และพอคิดดูถึงเหตุผลที่ซาสึเกะจ้างเธอมาทำเรื่องที่ดูไร้สามัญสำนึกแบบนี้ ซากุระก็ชักจะสงสารคนจ้างอยู่หน่อยๆแม้ว่าเขาจะทำเรื่องโหดร้ายกับเธอก็เถอะ

     

    ถูกบังคับให้แต่งงานทั้งที่เกลียดผู้หญิงเข้าไส้...

    มีรสนิยมชอบผู้ชายแต่ถูกบังคับให้มีลูก...

     

    ชีวิตของเขาก็ดูน่าสงสารอยู่ไม่ใช่หรือ?

    การช่วยให้คนแบบนี้มีลูกก็ถือว่าได้บุญ!

     

                ซากุระคิดหาเหตุผลปลอบใจตัวเอง...

     

    ในเมื่อเธอไม่สามารถหนีจากเขาไปไหนได้และต้องทำตามที่เขาสั่งเท่านั้น เธอก็ควรจะทำใจยอมรับมันและอยู่กับมันให้ได้... ถึงมันจะดูหนักหนาเกินไปสำหรับหญิงสาวอายุยี่สิบเอ็ดอย่างเธอ แต่ปัญหาที่เธอเผชิญมาหลังจากที่บิดาเสียชีวิตไปนั่นก็ใช่ว่าจะน้อยเสียเมื่อไหร่

     

    ความเจ็บปวด...

    ความเศร้าโศกเสียใจ...

     

     เธอสัมผัสมันมาจนชิน!

     

    ถ้าเรื่องวุ่นวายพวกนี้จบลงเมื่อไหร่...

    เธอก็จะเป็นอิสระ...

    เธอจะ...

     

    ไม่ต้องเจอกับความเจ็บปวดใดๆอีกแล้ว...

     

                ซากุระกลับมายืนอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเองอีกครั้งในเวลาเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เธอเดินอย่างเชื่องช้ากลับเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บสัมภาระต่างๆของตนเพื่อจะย้ายไปอยู่ในบ้านของซาสึเกะ ชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ในชุดบอดี้การ์ดเดินตามเธอมาอย่างเงียบเชียบ... ความรู้สึกที่เหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาทำให้เธอรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธอะไรได้ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของเขา ซาสึเกะให้เหตุผลว่าเขาจำเป็นต้องจับตาดูเธอเพื่อไม่ให้เธอผิดสัญญาและหนีไปจึงต้องส่งคนมาคุมตัวเธอแจเหมือนนักโทษแบบนี้

     

    หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ เธอไม่ลืมที่จะเก็บเอารูปถ่ายใบสำคัญติดตัวไปด้วย... ยิ่งมองดูภาพของบุพการีทั้งสองคนที่ต่างเลี้ยงดูฟูมฟักเธอมาอย่างดีซากุระอยากจะร้องไห้ออกมายิ่งนัก ความภูมิใจของพ่อกับแม่ถูกผู้หญิงใจยักษ์คนนั้นขายทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย... แต่สุดท้ายซากุระก็ยิ้มให้กับรูปถ่าย

     

    เดี๋ยวมันก็จบแล้วค่ะ...

    แล้วหนูจะกลับมาเป็นเด็กดีที่พ่อกับแม่ภูมิใจอีกครั้ง...

     

    ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีซากุระก็หอบกระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่นักลงมาจากชั้นสอง บอดี้การ์ดที่แม้จะหน้าโหดแต่ก็ใจดีอาสาแบกมันไปเก็บที่รถแทนเธอ หญิงสาวยิ้มขอบคุณอย่างเกร็งๆจนเธออดคิดไม่ได้ว่ากล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ช่วยยิ้มมันคงฝ่อไปหมดแล้วกระมัง

     

                “มีอะไรจะเอาไปอีกไหมครับ” บอดี้การ์ดคนเดิมถาม ในทีแรกหญิงสาวสั่นหัวปฏิเสธก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะสบเข้ากับจักรยานกลางเก่ากลางใหม่ของตนที่จอดแนบผนังบ้านอยู่ เธอลากมันออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสองบอดี้การ์ดที่เริ่มจะทำสีหน้าแปลกๆ

     

                “เอาจักรยานไปด้วยค่ะ” เธอพูดพร้อมกับพยายามยิ้มให้กว้างกว่าเดิม

     

                “เอ้อ...” อีกฝ่ายอึกอักทำหน้าลำบากใจจนซากุระทำท่าเหมือนจะร้องไห้นั่นแหละถึงได้ยอมตกลงแต่ก็บอกกับเธอว่าจะให้คนมาเอาไปให้ทีหลังเพราะพวกเขาไม่สามารถบรรทุกจักรยานของเธอไปกับรถเก๋งราคาเป็นล้านของเจ้านายได้

     

                “ขอบคุณนะคะ จักรยานคันนี้ฉันจะเอาไว้ปั่นไปทำ...งาน...” เธอพูดแล้วก็แทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ตัวของเธอแข็งทื่อเหมือนโดนน้ำเย็นๆสาด

     

    เธอลืมเรื่องงานไปเสียสนิท!

     

                คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็วิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งท่ามกลางสีหน้าตกใจของเหล่าผู้คุมที่ต่างหันมามองหน้ากันเลิกลั่ก ซากุระตรงดิ่งไปยังห้องของฮิโตมิโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรให้มากเพราะเมื่อวานโทรศัพท์ของเธอถูกแม่เลี้ยงยึดไปและมันก็คงจะอยู่ที่ไหนซักแห่งให้ห้องนี้ และทันใดนั้นเองดวงตาคู่สวยก็มองเห็นเจ้าโทรศัพท์คู่ใจที่นอนแอ้งแม้งหมดสภาพอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวรีบกดเปิดเครื่องแทบจะในทันทีแล้วเธอก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นจำนวนสายที่ไม่ได้รับ

     

    ห้าสิบสองสายที่ไม่ได้รับ!

     

                เกือบๆสี่สิบสายเป็นของอิโนะ สามสายน่าจะเป็นเบอร์ของบริษัทเพราะดูจากเลขนำหน้าที่เป็นรหัสจังหวัด และอีกสิบสายนั่นมันเบอร์ใคร? ซากุระขมวดคิ้วยุ่งอย่างนึกสงสัย แล้วเธอก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเจ้าเบอร์แปลกๆที่เธอกำลังนึกถึงอยู่โทรเข้ามา ซากุระชั่งใจว่าเธอควรจะรับเบอร์แปลกหน้านี่ดีไหม แต่สุดท้ายเธอก็กดตัดสายทิ้งปิดโทรศัพท์แล้วเก็บใส่กระเป๋าเมื่อคิดว่าเธอไม่มีเวลามาโอ้เอ้มากนัก ทั้งเรื่องงานและธุระของคนที่โทรมาคงต้องยกยอดไปจัดการพรุ่งนี้ หญิงสาวรีบลงมาสมทบกับคนที่ยืนรออยู่

     

    เธอมีเรื่องต้องทำอีกอย่าง...

    เป็นการเตรียมตัวสำหรับละครฉากใหญ่ที่จะเริ่มขึ้นในเย็นนี้...

     

                ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถัดมาร่างแบบบางก็มานั่งเป็นตุ๊กตาให้ช่างแต่งหน้าป้ายโน่นแปะนี่บนใบหน้านวล หญิงสาวไม่คิดว่าอิทธิพลของซาสึเกะจะเผื่อแผ่มาถึงร้านเสริมสวยสุดหรูแบบนี้ด้วยจึงทำให้เธอได้แต่ยืนปั้นหน้ายากเมื่อช่างแต่งหน้าทุกคนต่างก็เอาอกเอาใจพะเน้าพะนอเธอนับตั้งแต่ที่เธอเหยียบย่างเข้ามาที่นี่ จนลูกค้าคนอื่นที่นั่งอยู่ในร้านเริ่มจะส่งสายตาเขม่นมองเธออย่างหมั่นไส้ ซากุระได้แต่นั่งตัวเกร็งนึกถึงเหตุผลที่ทำให้ตนต้องมาตกเป็นเป้าสายตาของไฮโซพวกนั้น...

     

    เธอจะไปพบพี่ของฉันด้วยสภาพเหมือนขอทานแบบนี้ไม่ได้ ฉันติดต่อร้านเอาไว้แล้ว เก็บของเสร็จก็ไปแต่งหน้าแต่งตาเปลี่ยนชุดซะใหม่เอาคราบผู้หญิงกลางคืนออกไปซะ นี่เป็นคำสั่ง!’

     

                เสียงสั่งที่มองดูก็รู้ว่าถ้าไม่ทำตามเขาคงได้ฉีกแข้งฉีกขาเธอแล้วโยนให้ตัวอะไรซักอย่างกินแน่ๆ

     

    เขาเป็นคนเอาแต่ใจ...

    สั่งอะไรก็ต้องทำ อยากได้อะไรก็ต้องได้...

     

                ซากุระยังนึกสงสัยอยู่ว่าถ้าเกิดมีใครซักคนกล้าขัดคำสั่งของเขาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น? แล้วเธอก็ต้องถอนหายใจเมื่อคิดได้ว่าเธอได้คำตอบนั้นตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว

     

                “สวยจังเลยค่ะคุณน้องสมกับเป็นผู้หญิงคนแรกของท่าน... อ๊ะ! นี่พี่พูดอะไรออกไปเนี่ย!” สาวประเภทสองที่กำลังแต่งหน้าให้เธอจีบปากจีบคอพูดก่อนจะทำท่าทางตกอกตกใจเอามือปิดปากตัวเองอย่างมีจริตจะก้าน ซากุระได้แต่ยิ้มแหยๆ ด้วยเธอเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่เธอก็ไม่ได้อธิบายขยายความเพิ่มเติมไปว่าสิ่งที่เจ้าตัวเข้าใจนั้นผิดมหันต์อย่างแรง

     

    เธอไม่ใช่ผู้หญิงของเขา...

    เรียกว่า ทาสจะดูเหมาะกว่า...

    หรือถ้ามีสถานะไหนที่ต่ำกว่านี้เธอก็คงเป็นแบบนั้นล่ะ...

     

                ซากุระเบะปากเมื่อนึกถึงใบหน้าที่งดงามดุจเทพบุตรผิดกับจิตใจที่อำมหิตดำมืดของซาสึเกะ เธอเงยหน้าขึ้นมองกระจกที่สะท้อนทั้งเงาของเธอและช่างแต่งหน้าที่กำลังวุ่นอยู่กับการเลือกสีอายส์ชาโดว์ แล้วก็ต้องถอนหายใจ

     

    ถ้าซาสึเกะเป็นเหมือนสาวประเภทสองคนนี้ก็คงดี...

    เป็นคนรักร่วมเพศเหมือนกันแต่ทำไมถึงได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวขนาดนั้นนะ!

     

                นั่งบ่นอยู่ในใจได้ไม่นานช่างแต่งหน้าที่แต่งแต้มสีสันบนใบหน้าของเธอจนพอใจแล้วก็พาตัวเธอมายังอีกห้องซึ่งเต็มไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลายแบบแลดูละลานตาไปหมด

     

                “คุณน้องไซส์อะไรคะ” สาวประเภทสองอีกคนถามเธอ ซากุระมองดูอีกฝ่ายอย่างสำรวจหน่อยๆ ดูจากสไตล์การแต่งตัวที่ดูดีผิดคนธรรมดาแบบนี้หล่อนคงเป็นดีไซน์เนอร์หรือไม่ก็เป็นอะไรที่ใกล้เคียงกัน

     

                “เอ่อ...” ซากุระพยายามนึกเพราะครั้งล่าสุดที่เธอวัดขนาดตัวก็คือเมื่อเกือบสองเดือนที่แล้วตอนที่ต้องตัดชุดนักศึกษาใหม่

     

                “ไม่ทราบหรือคะ?” อีกฝ่ายถามย้ำและก็ไม่รอเอาคำตอบจากเธอเพราะเจ้าตัวถือสายวัดตัวมาตวัดรอบเอวบางของเธอแทบจะในทันที

     

                “ยี่สิบสี่!” หล่อนตะโกนบอกพนักงานคนหนึ่งที่กำลังถือปากกาจดยิกๆ

     

                “สะโพกสามสิบหก ส่วนหน้าอก...” อีกฝ่ายหยุดพูดไปเสียดื้อๆ ซากุระเตรียมจะยกแขนขึ้นเพื่อให้ช่างตัดเสื้อวัดไซส์เธอได้สะดวกๆ แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจจนแทบจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆเมื่อดีไซน์เนอร์สาวประเภทสองไม่ได้ถือสายวัดตัวมาวัดขนาดอกของเธอแต่ใช้มือของตัวเองวางแปะลงไปทั้งอย่างนั้น

     

    หมับ!

     

                “ต๊าย!!! ซ่อนรูปจริงๆ คัพดีเชียว!" ร้องออกมาอย่างตกใจก่อนจะตวัดสายวัดรอบอกของเธอซ้ำ

                "สามสิบหก โอเค เด็กๆ...” ช่างตัดเสื้อพูดพร้อมกับตบมือเรียกพนักงานสองสามคนที่อยู่แถวนั้นโดยไม่สนใบหน้าของเธอที่แดงแปร๊ดอย่างคนอายจัด “จัดเดรสมาสิบ ชุดนอนอีกสิบ ชุดลำลองแบบสบายๆอีกสิบ จัดมาให้เร็วเลยนะยะและก็เอาเดรสสีครีมตัวที่เพิ่งตัดมาด้วย น่าจะตรงกับไซส์ของคุณน้องคนนี้พอดี”

     

                “เอ่อ... คุณแอลลี่คะ” พนักงานที่ดูท่าทางเหนียมอายคนหนึ่งพูดอย่างกลัวๆ ดีไซน์เนอร์ที่ถูกเรียกว่า แอลลี่ตวัดสายตาคมกริบมองไปยังพนักงานของตน

     

                “อะไรอีกล่ะยะหล่อน!?!

     

                “คือ...เอ่อ เดรสตัวนั้น...คุณคารินเธอจองเอาไว้แล้วนะคะ”

     

                “นี่หล่อนคงไม่ได้ลืมนะว่าคุณน้องคนนี้เค้าเป็นใคร? ถ้าจัดการไม่ดีแล้วท่านตามมาถล่มเราถึงที่นี่หล่อนจะรับผิดชอบมั้ยยะ!” แอลลี่ตวาดเสียงดังจนพนักงานในปกครองถึงกับสะดุ้งก่อนจะก้มหน้าก้มตารับคำ

     

                “คะ...ค่ะ”

     

                “ ค่ะแล้วมายืนทำซากอะไรตรงนี้ยะ!?! รีบไปเอาชุดมาเปลี่ยนเร็วเข้า! ถ้าหนึ่งทุ่มแล้วยังไม่เสร็จไม่หัวฉันก็หัวหล่อนนั่นแหละคงได้หลุดจากบ่า!

     

                หลังจากที่ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่สักพักซากุระก็เดินออกมาจากร้านด้วยสภาพที่แตกต่างจากเมื่อตอนเข้าไปลิบลับ ชุดลำลองเก่าๆของเธอถูกแทนที่ด้วยชุดมินิเดรสสีครีมที่ดูเรียบหรูเข้ามาแทน เธอถูกจับให้ใส่รองเท้าส้นสูงที่ดูเข้ากับชุดเมื่อบวกกับใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีโทนอ่อนกับผมยาวประบ่าที่ถูกดัดเป็นลอนอย่างน่ารักทำให้เธอดูคล้ายกับตุ๊กตาไม่มีผิด

     

                “โอ้มายก็อด! สวย! งดงามและเจิดจรัส!” ช่างแต่งหน้าคนเดิมพูดพร้อมกับเบิกตากว้างมองดูเธออย่างตะลึง “ไม่แปลกใจจริงๆว่าทำไมท่านซาสึเกะถึงได้หลงนัก!

     

                ประโยคที่ดูเหมือนคำชมของอีกฝ่ายทำให้ซากุระแทบสะอึก เธออยากจะป่าวประกาศเสียตรงนี้เหลือเกินว่าต่อให้เอาตัวเธอไปชุบบ่อเงินบ่อทองมา ชายรักร่วมเพศอย่างเขาก็ไม่ชายตามาแลเธอหรอก!

     

                “พูดมากนะยะหล่อน! เดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวกันพอดี” แอลลี่เตือนเพื่อนที่กำลังมองดูเธออย่างตื่นเต้น แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองดูผลงานของตัวเองอย่างชื่นชม

     

                “หวังว่าจะได้เจอกันเร็วๆนี้นะคะคุณน้อง พี่ล่ะอยากจะแต่งหน้าเจ้าสาวจริงจริ๊ง โดยเฉพาะเจ้าสาวสวยๆที่เป็นแรร์ไอเท็มอย่างคุณน้องเนี่ย” ช่างแต่งหน้าว่าก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าร้านไป ทิ้งให้เธอยืนงงกับคำพูดของเจ้าตัว ก่อนที่ซากุระจะพยักหน้าเข้าใจความหมายนั้นในนาทีถัดมา...

     

    แรร์ไอเท็ม...

    คงหมายถึงผู้หญิงของซาสึเกะสินะ...

    แต่เธอไม่คิดว่านั่นมันจะเป็น แรร์ไอเท็มหรอก...

     

    แต่เป็นไอเท็มในตำนานที่ไม่มีอยู่จริงมากกว่า!

     

    .

    .

    .

     

    ซากุระกลับมาถึงคฤหาสน์อุจิวะในเวลาเกือบๆหนึ่งทุ่ม ท้องไส้ของเธอร้องประท้วงอย่างรุนแรงเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เมื่อวาน หญิงสาวนั่งตัวบิดตัวงออยู่ในรถก่อนจะเปิดประตูออกมาเมื่อรถจอดสนิทอยู่หน้าบ้านพักของซาสึเกะ เธอไม่ลืมที่จะส่งสายตาขอบคุณไปยังบอดี้การ์ดกึ่งผู้คุมทั้งสองคนที่มองเธออย่างเป็นห่วง

     

                “ช้าจริงนะ!” น้ำเสียงกึ่งประชดประชันเอ่ยขึ้นทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้น ซากุระพยายามทำใจที่เต้นโครมครามเพราะความกลัวให้สงบลง...

     

    อย่าไปกลัว...เขาก็เป็นแค่ชายรักร่วมเพศที่อยากมีลูกและหนีการแต่งงานคลุมถุงชนแบบหัวซุกหัวซุน...

     น่าสงสารจะตายไป...

     

                ซากุระคิดในใจก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อผ่อนคลายความเครียดที่ดูจะค่อยๆก่อตัวตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเห็นใบหน้าที่แสดงออกถึงความเกลียดชังนั่น

     

    “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย!” ซาสึเกะกระชากเสียงถามอีกครั้งอย่างหงุดหงิด แม้ว่าเธอจะยืนอยู่ในที่มืดๆสลัวๆตรงนั้นแต่ใบหน้าสวยหวานของเธอก็ลอยเด่นท้าความมืดจนเขาสังเกตเห็นได้ชัด รวมถึง...

     

    สายตาที่มองเขากึ่งสงสารกึ่งสมเพชนั่น...

     

                ซาสึเกะกัดฟันกรอด ถึงจะไปแปลงโฉมให้ดูเหมือนผู้เหมือนคนขึ้นมาบ้างแต่สายตาอวดดีของเจ้าหล่อนก็ยังอยู่ครบถ้วน! แต่ก็เอาเถอะ หาเรื่องกับสิ่งมีชีวิตพรรค์นั้นไปก็มีแต่จะทำให้เขาหงุดหงิดเปล่าๆ

     

                “ต้องให้ฉันไปอันเชิญรึเปล่า รึหูของเธอมันพิการจนไม่ได้ยินคำสั่งของฉัน?”

     

                “ฉันก็กำลังจะไปอยู่นี่ไง! บ่นเป็นคนแก่อยู่ได้!” เป็นคราวของเธอบ้างที่ต้องกระชากเสียงตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด

     

    ขี้เอาแต่ใจ! ไม่ได้ดังใจก็ตวาดแว้ดๆ ขนาดยืนอยู่ก็เฉยๆยังหาเรื่องมาด่าเธอจนได้!

     

    “พูดใหม่อีกทีซิ...” น้ำเสียงที่ถูกปรับให้ต่ำลงของซาสึเกะเอ่ยถามพร้อมๆกับขายาวๆของเขาก้าวเข้ามาประชิดตัวเธอ ซากุระกลืนคำประชดประชันกลับลงคอแทบไม่ทัน...

     

    “...”

     

    “ว่าไง!?! เมื่อกี้เธอพูดอะไร ไหนลองพูดใหม่ซิ!”  

     

                “ฉัน...ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” ซากุระพูดเบาๆพร้อมกับก้าวถอยหลังไปเสียไกล

     

                “อย่ายโสให้มันมากนัก...”

     

    “ฉันเปล่า...”

     

    “ตามฉันมาได้แล้ว!” เขาสั่งก่อนจะเดินนำเธอเข้าไปในตัวคฤหาสน์ที่ดูโอ่อ่าของตระกูลอุจิวะโดยที่มีเธอเดินตามหลังพร้อมกับบ่นขมุบขมิบเป็นคำด่าชนิดที่ว่าถ้าเขาได้ยินคงจะจับหัวเธอโหม่งพื้นแถวนี้แน่ๆ

     

     

    “เธอคงจำได้ใช่มั้ยว่าต้องพูดอะไรบ้าง” ซาสึเกะหันมาถามเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงโถงทางเดินบนชั้นสองของคฤหาสน์

     

    “ค่ะ... ฉันเป็นนักเต้นในผับที่สามารถหลอกล่อให้เกย์อย่างคุณตกหลุมรักแบบหัวปักหัวปำได้ สุดท้ายคุณตกลงใจจะพาฉันเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยเพราะคุณพิศวาสฉันมากเหลือเกิน!” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเสียจนเธอเองยังตกใจว่าทำไมตัวเองถึงกล้าพูดแบบนั้นออกไป

     

    ให้ตายเถอะ! เธอคงบ้าเพราะกำลังเครียดหนักใช่ไหม?

     

    “อย่าคิดว่าพออยู่ใกล้พี่แล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรเธอนะ...” ซาสึเกะพูดเสียงเย็นแกมข่มขู่ทำให้คนที่ถือโอกาส แขวะบ้างถึงกับเงียบไปโดยอัตโนมัติ

     

    “แล้วคุณจะให้ฉันพูดอะไรล่ะ?” ซากุระถาม คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันน้อยๆ “คุณบอกแต่ว่าให้ฉันพูดว่าเราเจอกันที่ผับแล้วคุณก็ปิ๊งฉัน ข้อมูลแค่นี้คุณจะให้ฉันเอาอะไรไปปั้นเรื่องให้พี่ของคุณเชื่อ”

     

     “ที่ฉันบอกแค่นั้นก็เพราะอยากให้เธอพูดแค่นั้น ไม่ต้องสะเออะมาบรรยายอะไรนอกเหนือจากที่ฉันสั่ง มันทำให้ฉันดูทุเรศ!

     

    “ก็ตรงกับตัวคุณดีนี่...” ซากุระบ่นอุบอิบแต่คนหูดีก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน เขาส่งสายตาที่บ่งบอกว่าขีดความอดทนของเขาใกล้จะหมดมาให้เธอก่อนจะพูด

     

    “อยาก โดนอีกรึไง?”

     

    “...”

     

    “แบบนี้แหละฉันถึงได้เกลียดผู้หญิงอย่างเธอนัก! ชอบเถียง ชอบพูดมาก อวดดีแบบไม่เจียม!

     

    อย่างกับว่าตัวเองเป็นคนปากสงบนักแหละ

     

    หญิงสาวค้อนในใจเบาๆ ถึงจะเจอหน้าเขามาไม่กี่ชั่วโมงแต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะได้เห็นนิสัยเสียๆของเขาจนครบ จากที่เมื่อก่อนเคยนึกตำหนิเหล่าบรรดานักข่าวว่าเขียนบรรยายพฤติกรรมแย่ๆของซาสึเกะซะโอเว่อร์เกินจริง แต่ตอนนี้เธอเริ่มจะคิดแล้วว่า...

     

    ไอ้ที่บรรยายมาทั้งหมดน่ะ ไม่ได้ครึ่งของของจริงเลยด้วยซ้ำ!

     

    ก๊อกๆ

     

                “พี่ครับ ผมเอง” เสียงราบเรียบที่แฝงไปด้วยความเคารพทุกคำทำให้ซากุระละความสนใจจาก กิจกรรมนินทาในใจแล้วหันมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าแทน ตอนนี้ทั้งเธอและซาสึเกะกำลังยืนอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง ซาสึเกะเคาะประตูไม้แกะสลักอีกครั้ง

     

    ก๊อกๆ

     

                “พี่อิทาจิครับ...”

     

    แกร๊ก!

     

                ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากการเคาะครั้งที่สอง ประตูไม้บานสวยก็เปิดออกพร้อมๆกับใบหน้าที่ดูสง่างามไม่แพ้น้องชายปรากฏตรงหน้า... เขาส่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรก่อนจะหันไปพูดกับชายที่ยืนทำหน้าเคร่งอยู่

     

                “จะทำเซอร์ไพรส์อะไรฉันเหรอ น้องรัก...”

     

    .

    .

    .

     

    หนึ่งนาที...

    ไม่สิคงสองนาทีแล้ว...

     

    หรือบางทีอาจจะห้า?

     

                ซากุระไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วที่เธอต้องมานั่งปั้นหน้าไม่ถูกอยู่ภายในห้องของอิทาจิ บรรยากาศความกดดันแผ่ไปทั่วจนเธอขนลุกตั้งเป็นพักๆ ไม่มีใครพูดอะไรเลยนับตั้งแต่เข้ามาราวกับว่ากำลังแข่งกันทำสงครามใบ้...

     

    กดดัน...

    เป็นความกดดันที่รุนแรงยิ่งกว่าซาสึเกะ!

    นี่น่ะหรือคือ อุจิวะ อิทาจิ อดีตประธานใหญ่ธนาคารอุจิวะ...

    ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของประเทศ!

     

                “ไม่คิดจะแนะนำคุณผู้หญิงคนสวยคนนี้ให้ฉันรู้จักบ้างเหรอ?” สุดท้ายอิทาจิก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบที่ชักจะกินเวลานานเข้าไปทุกที เขาหันมายิ้มให้เธออีกครั้ง...ดวงตาของเขาฉายแววแปลกๆ

     

                “เธอชื่อ ฮารุโนะ ซากุระ เป็น ว่าที่เมียของผมและ ว่าที่น้องสะใภ้ของพี่” ซาสึเกะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและเยียบเย็น ดวงตาสีรัตติกาลของเขาจดจ้องอยู่กับดวงตาสีเดียวกันของผู้เป็นพี่ เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ...

     

    คนที่ถูกบังคับให้รับสมอ้างเป็น ว่าที่เมียและ ว่าที่น้องสะใภ้ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ

     

    เล่นฮุกหมัดหนักใส่ตั้งแต่ยกแรกเลยหรือ?

     

                “เซอร์ไพรส์จริงๆด้วย” อิทาจิพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เขาไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรเลยแม้แต่น้อย...

     

                “ผมจะรับเธอเข้ามาอยู่ด้วยครับก็เลยอยากเอามาแนะนำให้พี่รู้จักเอาไว้ก่อน” พูดจบซาสึเกะก็พยักเพยิดหน้ามาทางเธอ ซากุระที่ยังคงอึ้งกับคำพูดที่ไม่มีการเกริ่นนำหรืออ้อมค้อมของซาสึเกะ รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อมพร้อมกับแนะนำตัวอย่างเกร็งๆ

     

                “แกทำฉันแปลกใจนะซาสึเกะ” อิทาจิหันมาพูดกับน้องชายหลังจากที่แนะนำตัวกับหญิงสาวพอเป็นพิธีแล้ว

     

                “เรื่องอะไรครับ”

     

                “ก็เรื่องนี้ไง” คนพูดพูดพร้อมกับกอดอกเอนหลังพิงโซฟา“คนที่เกลียดผู้หญิงเข้าไส้อย่างแกทำไมถึงได้หาเมียได้เร็วนัก นี่มันเพิ่งจะผ่านมาแค่อาทิตย์เดียวเองนะที่ฉันยื่นคำขาดกับแก”

     

                “...”

     

                “แกไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ?” อิทาจิพูดพร้อมกับใช้สายตาจับผิดมองสำรวจน้องชายของตน

     

    ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก... มันเป็นรอยยิ้มอาบยาพิษ!

     

    “แล้วมันไม่ดีหรือครับ” ซาสึเกะพยายามเก็บอาการหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นในใจ คำพูดที่เตรียมมาสารพัดถูกเก็บใส่ลิ้นชักแทบไม่ทัน ตอนนี้เขาควรจะสงบปากสงบคำให้มากที่สุดเพราะถ้าขืนพูดอะไรมากไปมันอาจจะกลายเป็นการแถเอาสีข้างเข้าถู...

    ซึ่งก็เสี่ยงต่อการถูกจับได้...

                 ซาสึเกะนั่งเงียบ ลอบมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย...

     

    เขาไม่ไว้ใจสีหน้าท่าทางราวกับผู้ชนะของอิทาจิ...

     

                “ดี” อิทาจิตอบอย่างง่ายดายเหมือนไม่ถือสากับความผิดปกตินี้นัก

     

                “ถ้างั้นผม...” ซาสึเกะพูดแล้วก็ต้องชะงักไปราวกับว่าเขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของผู้เป็นพี่

     

                “ดีมาก...”

     

                “...”

     

                “อุตส่าห์พาตัว ว่าที่เมียมาแนะนำกับฉันถึงที่นี่ทั้งทีฉันก็ว่าจะให้ของขวัญตอบแทนหน่อย” อิทาจิพูดก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานของตนที่ตั้งเยื้องไปทางด้านหลัง

     

    ซาสึเกะหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด...

    ส่วนเธอยังนั่งลุ้นกับของขวัญที่อิทาจิพูดถึง...

     

                หญิงสาวได้ยินเสียงอิทาจิต่อสายถึงใครบางคน...

     

                “นี่ฉันเอง ส่งนายทะเบียนมาที่บ้านของฉันด่วน... บอกให้เขาทำเรื่อง จดทะเบียนสมรส มาด้วย ฉันต้องการแบบที่สะดวกที่สุดและทางที่ดีนายทะเบียนควรจะมาถึงบ้านของฉันภายในครึ่งชั่วโมง...ฉันไม่สนใจว่ามันจะเป็นเวลาเลิกงานรึยัง ฉันหมายถึงว่าฉันต้องได้ เดี๋ยวนี้’ 

     

                !!!

     

                “!!!

     

                “ชื่อของคู่สามีภรรยาน่ะเหรอ อุจิวะ ซาสึเกะ กับ ฮารุโนะ ซากุระ... ใช่ น้องฉันจะมีเมียแล้ว”

     

     

     

                จบแล้วอิเกะ! งานนี้พี่อิทาจิวินชนะขาด! >.<  ไรท์ขอโทษที่มาอัพช้าอีกแล้ว บอกตามตรงเลยว่าสองสามตอนหลังๆนี่เป็นอะไรที่หนักหนาสากรรจ์มากกกก แต่เรื่องต่อจากนี้คงจะง่ายขึ้น ไรท์คงไม่มาๆหายๆแบบนี้อีกแล้วล่ะ(มั้ง) ปล.แอบเปิดตัวนางร้ายเจ้าเก่า(เป็นอะไรกับเจ๊แกนักหนาฟระ-0-) และ... หนูกุในเรื่องนี้อึ๋มนะจะบอกให้ กรี๊ดดดด 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×