คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Myra&Guy(50%)
‘ได้ยินเสียงไวโอลินดังแผ่วมาแต่ไกลๆ ไพเราะจับใจ หวานใดจะปาน ยินเสียงบรรเลง ดั่งเทพขับขาน สอดคล้องกังวาน สุขสันกล่อมใจ’
(ดัดแปลงจากบทเพลงพระราชนิพพนธ์ ใกล้รุ่ง)
เสียงขับร้องหวานๆดังผ่านรั้วหน้าบ้านของผม ผมมองลอดออกไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งสะพายกล่องข้างหลัง เสื้อแขนกุดสีส้มกางเกงยีนส์ขาสั้นเดินผ่าน ดูจากกล่องน่าจะเป็นไวโอลิน ผมละสายตาจากหนังสือมองเธอสักพักแล้วหลับมาอ่านหนังสือต่อ
ต้องเรียกได้ว่าหนังสือยิ่งไม่ได้อ่านนานยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวเปลี่ยนไป ความรู้และอายุส่งผลต่อความเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ เรื่องนี้ผมได้อ่านครั้งแรกก็รู้สึกเฉยๆกับความคิดของตัวละคร เจ็ดปีต่อมา ผมได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวละครพวกนั้นคิด มันช่างเป็นความรับผิดชอบที่หนักหนาเสียจริงๆ น้ำตาผมเริ่มไหลแล้ว ผมนี่แพ้เรื่องแบบนี้จริงๆ
เที่ยงสี่สิบสามนาที...ผมออกไปซื้อขนมร้านประจำที่หัวมุมถนน ตรงใกล้นั่นมีคนแวดมุงล้อมอะไรบางอย่าง ทุกคนเงียบฟังเสียงเครื่องสายบรรเลง ผมลองมองเข้าไป ผมเจอเธออีกแล้ว เธอกำลังเล่นไวโอลินด้วยท่าทางที่งดงาม บทเพลงนั้นเป็นเพลงเศร้าถ้าผมจำไม่ผิดมันคือท่อน ฮุกของเพลง CANON
ผมยืนฟังเธอบรรเลงจนจบเพลง ทุกคนปรบมือให้เธอด้วยความชื่นชมบางคนโยนเศษเหรียญหรือแบงก์ลงใบในหมวกสีน้ำตาลที่เธอวางเอาไว้ เดาได้ว่าอาชียของเธอคือนักดนตรีเปิดหมวกนานอน
ปรี๊ดดดด!!!!!!!
เสียงนกหวีดแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับตำรวจคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาทำให้กลุ่มฝูงชนต้องรีบสลายตัวอย่างรวดเร็วพอดีกับที่เธอรีบเก็บเศษเหรียญและแบงค์ที่ตกบนพื้นและหมวกที่มีเงินอยู่เต็มให้ได้มากที่สุดแล้วรีบวิ่งหนีไป
นายตำรวจหยุดวิ่งเมื่อเกือบจะถึงแล้วเดินกลับ คิดว่าคงจะไม่มีใครให้จับแล้วเพราะการเล่นดนตรีเปิดหมวกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ทำพอๆกับการขอทาน
ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ500เมตรเธอยืนหอบอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อหนีจากเจ้าหน้าที่ เธอค่อยๆวางสิ่งของทุกอย่างที่เธอหอบมาจัดเข้าที่เข้าทางทีละชิ้น
ไวโอลินก็เก็บเข้ากล่องเรียนร้อย เงินที่เป็นแบงค์ก็แยกเรียบร้อยเหลือแต่นับจำนวนเงิน น่าเสียดายถ้าไม่มีตำรวจคงจะได้เยอะกว่านี้ เงินที่หล่นๆอยู่แถวนั้นก็เยอะด้วยเสียดายจัง
เธอคิดพลางนับเงินในมือไปเงียบๆ
489...490...500...700...705....วันนี้ได้แค่750ยาร์เองเหรอเนี่ย
เธอถอนหายใจด้วยความเสียดาย
“ผมว่ายังขาดอีก457ยาร์นะ”
ผมยื่นแบงค์และเศษเหรียญที่ผมไปเก็บมาจากจุดที่เธอเล่นไวโอลินมาให้ เธอมีสีหน้าแปลกใจและไม่ค่อยเชื่อใจผมเท่าไหร่
“ขอบคุณแต่ฉันไม่เอา”
เธอตอบห้วนๆก้มหน้าไม่ยอบสบตาผม
“แน่ใจเหรอ?...เธออาจมีมากกว่าที่มีอยู่นะ”
ผมถามมือก็ยังยื่นแบงค์ให้อยู่
“คิดจะซื้อฉันเหรอ?”
“เปล่า หน้าอย่างผมเหมือนพวกค้ามนุษย์งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง...”
“งั้นผมคงต้องไปแล้วล่ะ ถือว่าที่ผมเก็บมานั้นเป็นค่าฟังละกันนะ ไวโอลินคุณเพราะมาก”
“ขอบคุณ”
บทสนทนาออกแนวไม่มองหน้า ผมวางเงินลงข้างๆเธอแล้วเดินกลับ คิดว่าถ้ามีวาสนาคงจะได้ฟังเสียงไวโอลินเพราะๆนั่นอีก
หลังจากเดินซื้อของที่ต้องการผมก็เดินกลับบ้านด้วยความเอื่อยเฉื่อยเดินชมนกชมไม้จนไม่รู้ว่าท้องฟ้าค่อยๆมืดครึ้มลงเรื่อยๆ ในที่สุดฝนก็ตกลงมา
ฝนฤดูหนาวนั้นเย็นมากเพราะมันเป็นหน้าหนาวอากาศเย็นละมั้งแต่การได้เดินตากฝนให้หวัดกินเล่นนั้นมันก็สนุกดี เสียอย่างคือไม่สามารถฟังเพลงได้เพราะเดี๋ยวเครื่องเล่นพกพาจะเสียไม่ก็เฮดโฟนจะพังเอา แต่คนที่มีเสียงดนตรีในหัวใจอย่างผมไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่
ผมเดินกลับมาถึงบ้านแล้ว พื้นบ้านแฉะไปด้วยน้ำเพราะผมเดินไปซะทั่วบ้านผมคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้พอแห้งแล้วเดินไปอาบน้ำ คิดว่าเค้กที่ซื้อมาคงจะหมดความอุ่นแล้ว
กริ๊งงง....
โทรศัพท์จากห้องนั่งเล่นดังขึ้นผมรีบละสายตาจากเค้กกล้วยหอมเดินไปยกหูโทรศัพท์
“สวัสดีครับ...”
‘ไง..พรุ่งนี้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อยสิ’
“คิดว่าได้..ถ้าฝนไม่ตกอ่ะนะ แล้วนึกยังไงมาชวนฉัน?”
‘เพราะคิดว่านายน่าจะว่างที่สุด เอาน่าอย่าถามมาก’
“โอเค โอเค”
‘งั้นพรุ่งนี้10โมงเช้าเจอกัน’
ปลายสายตัดไปแล้วทิ้งให้ผมยืนคิดอยู่ว่าเพื่อนเกือบสนิดคนนั้นมันจะพาผมไปเชือดทิ้งที่ไหนอีก ผมไม่ค่อยจะดีใจเท่าไหร่ที่มีคนมาชวนไปเที่ยวเพราะโดยปกติถ้าอยากเที่ยวจะชวนคนอื่นเอง แต่นี่เห็นว่ามันว่างเลยยอมไปด้วยนะเนี่ย เรานี่ใจดีซะไม่มีละ
ลืมเรื่องเค้กกล้วยหอมซะสนิด ความจริงแล้วเราตัดฉากเค้กกล้วยหอมก็ได้แต่ทำไมยังเอาอยู่ครับ? ผมรู้นะว่าเค้กกล้วยหอมมันอร่อยและเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงเมื่อคนแพ้กล้วยเห็น ผมไม่ได้แพ้กล้วยนะ เพื่อนต่างหากเห็นก็แทบลมใส่ แต่ผมจะมาบอกคุณทำไมละ?รู้นะว่าคนเขียนยัดเรื่องเค้กกล้วยหอมเข้ามาเพื่อเพิ่มหน้าเพิ่มบรรทัดนะสิ ! เสียใจครับต่อให้เพิ่มมันก็ไม่มียอดอ่านสูงหรอกครับ เขาจะข้ามมันไปนั่นแหละ แล้วผมมายืนบ่นอะไรคนเดี่ยวกันครับ??
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
วันรุ่งขึ้น 9นาฬิกา 50นาที
ผมเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยรอการมาของเพื่อนที่นัดกันไว้ รออย่างเดียวมันน่าเบื่อผมจึงฟังเพลงไปด้วยอ่านหนังสือและทานเค้กกล้วยหอม(ยังไม่จบ)ที่เอาไปอุ่นมาอย่างสบายอารมณ์
สักพัก ผมเดินไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน โมเสต มาถึงแล้ว...
“ดูยังไงบ้านนายก็ใหญ่อยู่ดี” คำทักทายทีมักจะพูดถึงเรื่องขนาดบ้านของผมเอ่ยออกจากปากของมันจนทำให้รู้ว่านี่และตัวจริง
“ก็แค่บ้านชั่วคราวบ้านหลักน่ะไกลกว่ากว้างกว่านี่เยอะ...จะไปเลยมั้ย”
“แน่นอน นัดวิโอน่าไว้ด้วย” โมเสตยิ้มแก้มแทบปริเมื่อเอ่ยถึงหญิงสาวที่ตัวเองนัดไว้
ผมเดินตามมันมาได้ครู่หนึ่งในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เป็นอาคารใหญ่หลังนึง หน้าต่างถูดประดับด้วยกะจกหลากสีสัน รอๆตัวอาคารเป็นต้นไม้แปลงดอกไม้และสนามหญ้า บนยอดของหลังคามีไม้กางเขนใหญ่ประดับอยู่
....ใช่...เจ้านี่พาผมมาที่ โบสถ์ ....
/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*////*
ป.ล.ต้องขอโทษด้วยที่อัพช้า ตอนนี้ผมขอควบสองคนเลยคือ MyreกับGuyแต่ตอนนี้ยังไม่มีบทของคุณGuyแต่ความจริงเดี๋ยวก็ได้ออกอ่ะครับเพราะตอนนี้ยังเป็นแค่ครึ่งนึงอยู่เลยครับ 55
ความคิดเห็น