รักเธอเมื่อแรกพบ (Love at first sight) - รักเธอเมื่อแรกพบ (Love at first sight) นิยาย รักเธอเมื่อแรกพบ (Love at first sight) : Dek-D.com - Writer

    รักเธอเมื่อแรกพบ (Love at first sight)

    เมื่อเธอและเขาพบกันในห้องสมุดแล้วเรื่องราวความรักของทั้งคู่ก็เกิดขึ้น(เรื่องแปล-Buffy The Vampire Slayer Fiction)

    ผู้เข้าชมรวม

    1,153

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    1.15K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ย. 47 / 21:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      รักเธอเมื่อแรกพบ                                แปลโดย Kmin
      <แปลจากเรื่อง “Love At First Sight” ของ Heather>

          “พวกเรา, ฉันกลับมาแล้ว” บัฟฟี่ ซัมเมอร์ร้องเรียกเมื่อเธอเดินก้าวเข้ามาในอพาร์ทเม้นต์ของเธอ  เมื่อเธอไม่ได้รับการตอบสนองจากเพื่อนร่วมห้องของเธอ  เธอจึงเดินเข้าไปในครัวและสิ่งที่เธอพบคือกระดาษโน๊ต
                  
                ถึง บัฟ,
                      
                ในเมื่อเธอมาสายพวกเราเลยออกไปเช่าหนังกับซื้อพิซซ่ากันก่อน…เดี๋ยวก็กลับ
                                              
                                          จาก วิล และ แซน
          
      ‘ก็แปลว่าฉันต้องเป็นคนจัดของนะสิ’ บัฟฟี่คิด  เธอเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของเธอส่วนในใจเธอก็เริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้  เธอชอบใช้เวลาร่วมกับเพื่อนๆของเธอ วิลโลว์ โรเซนเบิร์ก และ แซนเดอร์ แฮร์ริส พวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของเธอมาตั้งแต่สมัยมัธยม  หลังจากจบม.ปลายทั้งสามได้ย้ายมาอยู่แอลเอและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแอลเอ  พวกเขาโตขึ้นมากตั้งแต่ย้ายมาแต่พวกเขายังคงหาเวลาให้กับ ‘คืนแห่งการดูหนัง’
      คืนแห่งการดูหนังเป็นธรรมเนียมที่เริ่มขึ้นตั้งแต่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์  ในหนึ่งเดือนพวกเขาจะมีคืนแห่งการดูหนังสักหนึ่งคืนและมันจะต้องเป็นคืนวันศุกร์  พวกเขาเพียงแค่หนังคุยและกินพิซซ่ากันก่อนที่จะเข้าไปดูในห้องนอนของใครคนใดคนหนึ่ง  พวกเขาทำมันเพื่อพวกเขาจะได้ใช้เวลาร่วมกันแค่พวกเขาสามคนไม่มีแฟนมานั่งคุมหรือคนอื่นที่จะได้รับอนุญาติมาร่วมรายการนี้ของพวกเขา
      ‘อย่างกับว่าฉันต้องกังวลกับเรื่องนั้น’ เธอรำพึงรำพันกับตัวเอง  มันไม่ใช่ว่าเธอไม่มีใครมาชวนเธอออกเดทนะ  แต่พวกเขาดูไม่ค่อยเวิร์คเท่าไรและมันก็ยากที่เธอจะไปเที่ยวกับใครซ้ำๆกันเกินสองครั้ง  สิ่งที่เธอต้องการคือผู้ชายที่จะทำให้เธอเป็นตัวของตัวเองเวลาที่อยู่ใกล้ๆเขาแต่ดูเหมือนว่ามันจะหายากเหลือเกิน
      เธอชักคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมากไปแล้วบัฟฟี่รีบส่ายหน้าขจัดความคิดเหล่านั้นออกไป  มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ตัวเองหดหู่เพราะเพียงแค่ตัวเธอไม่มีแฟน  เธอมีครอบครัวที่เยี่ยมยอดและเพื่อนสนิทที่เธอสามารถพูดคุยปรึกษาได้  เธอมีงานที่ดีทำและอีกสองอาทิตย์มหาวิทยาลัยก็จะเปิดเธอก็จะได้เริ่มเรียนปี2แล้ว…ชีวิตของเธอดีจะตายไป
      ขณะกำลังคิดอะไรฟุ้งซ่านเธอก็เริ่มเอาอาหารในตู้เย็นออกมาและเมื่อเธอจัดเตรียมของเสร็จเรียบร้อยทั้งแซนเดอร์และวิลโลว์ก็เดินเข้ามาพอดี…
      “ไงบัฟ, กลับมาแล้วเหรอ” แซนเดอร์ทักขณะวางพิซซ่าลงบนโต๊ะ
      “ฉันเตรียมขนมไว้ที่ห้องฉันแล้วนะ…ทุกอย่างพร้อม” เธอตอบ
      “ดีเลย, เริ่มกินได้”
      บัฟฟี่และวิลโลว์ขำกับท่าทางของเพื่อนเธอ  และหลังจากที่พวกเขาจัดการกับพิซซ่าตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว  พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
      “บัฟฟี่, ทำไมวันนี้เธอถึงกลับช้าล่ะ” วิลโลว์ถาม
      “เฮ้อ…อย่าตอกย้ำได้ม่ะ” บัฟฟี่ถอนใจ
      “แย่ขนาดนั้นเชียว”
      “ไม่หรอกฉันเว่อร์ไปนะ…พอดีตอนที่ฉันกำลังจะกลับไจลส์ก็เรียกฉันเข้าไปในห้องทำงานของเขา”
      “แล้วจีแมนต้องการอะไรล่ะ” แซนเดอร์ถาม
      รูเพิร์ต ไจลส์ คือ เจ้านายของบัฟฟี่และยังเป็นพ่อเลี้ยงของเธอด้วย  เขาเป็นบรรณารักษ์ที่โรงเรียนมัธยมซันนี่เดล  โรงเรียนที่พวกเขาจบมาและที่นั้นเองที่ทำให้เขาได้พบกับแม่ของบัฟฟี่แล้วทั้งสองก็แต่งงานกันตอนที่บัฟฟี่อยู่ ม.6 จนกระทั่งฤดูร้อนที่แล้วเขาก็ได้รับงานที่มหาวิทยาลัยแอลเอเป็นหัวหน้าบรรณารักษ์ที่นี่
      มันเป็นโอกาสที่ดีที่บัฟฟี่จะได้งานพิเศษทำในมหาวิทยาลัยแต่มันก็แย่สำหรับเธอเพราะไจลส์มักให้เธอทำงานยากๆเสมอ  เขามักจะพูดเสมอว่า ‘ฉันเชื่อว่าเธอทำได้’ แต่บัฟฟี่คิดว่ามันเป็นงานที่ไม่มีใครอยากทำมากกว่า
      “พวกนายก็รู้ว่าเรามีคนช่วยงานน้อยและอีกสองอาทิตย์มหาลัยก็จะเปิดเวลาทำงานของฉันก็จะลดลงดังนั้นเขาเลยต้องหาคนมาเพิ่ม  และตั้งแต่วันจันทร์ฉันก็ต้องสอนงานคนๆนั้น”
      “แล้วเขาบอกอะไรเธอบ้างเกี่ยวกับคนที่จะมาช่วย” วิลโลว์ถามอย่างสนใจ
      “เปล่า  ไจลส์ไม่รู้อะไรเลยเพราะทางมหาลัยเป็นคนจ้าง  รู้แค่ว่าเขาอยู่ปี 2 สาขาประวัติศาสตร์  ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาไม่บอกข้อมูลอย่างอื่นบ้างนอกจากเรื่องเรียน”
      “บางทีมันคงไม่แย่ขนาดนั้นก็ได้” วิลโลว์บอก
      “งั้นมั้งวิล” เธอไม่เชื่อว่ามันจะเป็นแบบนั้นเธอเกลียดการฝึกสอนคนและไจลส์เองก็รู้ดี  เมื่อยิ่งคิดถึงมันยิ่งหงุดหงิดเธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “แล้ววันนี้เธอสองคนเป็นยังไงบ้าง”
      พวกเขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงถัดมาพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาวันนี้ อย่างเช่น การช็อปปิ้งอย่างเมามันของคอร์ดีเลียแฟนสาวของแซนเดอร์ และวิชาที่พวกเขาควรจะเลือกลงเรียนในเทอมนี้  ในที่สุดพวกเขาก็ย้ายวงสนทนาเข้าไปในห้องของบัฟฟี่เพื่อนอนดูหนังกัน
      *************************
      เช้าวันจันทร์  บัฟฟี่ไปถึงห้องสมุดตรงตามเวลาของเธอ  เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเข้าไปพบผู้ช่วยคนใหม่  ในที่สุดเธอก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานของไจลส์  แล้วเธอก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูงผมสีเข้มอยู่ในห้องกับไจลส์
      เธอเห็นเขาไม่ชัดนักแต่จากที่เธอเห็นท่าทางเขาคงจะดูดีเหมือนกัน  เขาคงสูงประมาณ 6 ฟุตหรือมากกว่านั้นเล็กน้อยกับผมสีน้ำตาลตั้งๆของเขาและชุดเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำกับกางเกงหนังสีดำยิ่งทำให้เขาดูเท่ห์มากขึ้นอีก  อายุเขาคงราวๆ 24 หรือ 25  บัฟฟี่เคาะประตูห้องไจลส์เบาๆ  เธอไม่ได้ต้องการรบกวนการสนทนาของพวกเขาแต่เธอต้องการให้เขารู้ว่าเธอมาถึงแล้ว
      “อ่า, บัฟฟี่เข้ามาสิ” ไจลส์เรียก  ทั้งเขาและชายแปลกหน้ายืนขึ้นก่อนจะหันไปหาเธอ  
      เธอแปลกใจเล็กน้อยที่เขาเรียกเธอเข้าไปแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร “ฉันไม่ได้อยากเข้ามาขัดจังหวะพวกคุณนะคะ  ฉันเพียงต้องการให้คุณรู้ว่าฉันมาแล้ว”
      “เธอเข้ามาได้จังหวะพอดี  พวกเราเพิ่งจะคุยกันเสร็จ  บัฟฟี่ ซัมเมอร์ ฉันขอแนะนำให้เธอรู้จักกับ แองเจลัส แมคเคลาว์รี่  เขาคือผู้ช่วยคนใหม่”
      ตะลึง! เธอชะงักทันทีเมื่อเธอหันไปสบตาชายคนนั้น  ดูดีไม่ใช่คำที่เธอควรจะใช้บรรยายชายคนนี้เลย  เขาเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดเท่าที่เธอเคยพบมา  เขาเองก็ดูจะชะงักไปเหมือนกันแต่เขาก็เรียกสติกลับมาได้เร็วกว่าเธอ “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
      “เออ..ใช่..ฉันหมายถึง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” บัฟฟี่พูดตะกุกตะกักออกมาเมื่อเธอสามารถสงบสติอารมณ์ได้
      ไจลส์ดูจะไม่ทันสังเกตท่าทางของคนทั้งสอง และเริ่มพูดต่อ “แองเจลัส, บัฟฟี่คือคนที่จะมาฝึกเธอ  ฉันแน่ใจว่าเขาจะสอนเธออย่างดี”
      บัฟฟี่กระแอมไม่พอใจกับการเลือกใช้คำของไจลส์แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
      “แน่นอน  งั้นฉันคงไม่รบกวนพวกเธอแล้ว  บัฟฟี่จะพาเธอไปดูรอบๆนะ” ไจลส์บอก
      “โอเค” บัฟฟี่และแองเจลัสพูดออกมาพร้อมๆกัน
      แองเจลัสเปิดประตูให้บัฟฟี่เดินอกไปก่อนและเขาก็เดินตามเธอเข้าไปในห้องสมุด  เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่จ้องเธอ  เธอเป็นคนสวยเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้เลย  เธอเป็นหญิงร่างเล็กสูงเกิน 5 ฟุตมาเล็กน้อย  ผมสีทองของเธอยาวลงมาปะบ่าและดวงตาของเธอมีสีเขียวมรกต  เธอใส่เสื้อพอดีตัวกับกระโปรงสั้นและรองเท้าส้นสูง
      ‘มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดแน่นอน’ เขาคิด  เขาพยายามสลัดความคิดนั้นออกไปและหันมาสนใจงานใหม่ของเขา  แต่เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาคงไม่มีทางมีสมาธิกับงานนี้ได้  แล้วข้อสงสัยก็เป็นจริงเมื่อเธอหันมาหาเขาและเขาพบว่าตัวเองหลงมองรอยยิ้มของเธอ
      “ยิ้มอะไร” เธอถามเบาๆ
      เขาตัดสินใจบอกความจริงกับเธอ “คุณ, คุณแค่ไม่เหมือนอย่างที่ผมคิดเอาไว้”
      บัฟฟี่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไรแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ “คุณหมายความว่ายังไง”
      “ก็…ผมไม่ได้ว่าอะไรนะแต่คุณไม่เหมือนพวกบรรณารักษ์” เขาส่งยิ้มให้เธอ “แต่ดูเหมือนแถวนี้จะมีคุณเป็นคนที่ 2 นะ”
      บัฟฟี่หัวเราะ “ไม่เป็นไร คุณพูดถูกฉันไม่ใช่พวกหนอนหนังสือ  อย่างแรกมันเป็นแค่งาน  ฉันทำงานที่นี่มาเกือบปีแล้วและฉันก็รักงานนี้”
      “คุณได้งานนี้มาได้ยังไง” เขาถาม
      “ไจลส์ให้งานฉันเมื่อตอนที่เขาเข้ามาทำงานเป็นหัวหน้าบรรณารักษ์ที่นี่” เธอตอบ
      “งั้นคุณก็รู้จักเขามานานแล้วสิ”
      เธอหัวเราะออกมาเบาๆ “ใช่, เขาเป็นพ่อเลี้ยงฉัน” เมื่อเขาไม่พูดอะไรเธอจึงพูดต่อ “แล้วคุณก็ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดไว้เหมือนกัน”
      “ทำไมล่ะ”
      “ก็ที่ไจลส์บอกฉันนะคุณอยู่ปี 2 สาขาประวัติศาสตร์ ฉันคาดว่าจะเจอพวกคงแก่เรียน”
      คราวนี้แองเจลัสเป็นคนหัวเราะ “เขาก็พูดถูกแล้ว”
      “คุณอยู่ปี 2 รึเนี่ย” บัฟฟี่ถามอย่างไม่อยากเชื่อ
      “ก็ใช่นะสิ” เขาตอบ “คุณไม่เชื่อใช่มั้ย”
      “ไม่,ก็..เอ่อ..ฉันหมายถึง” บัฟฟี่อ้ำๆอึ้งๆ “คือว่า…ตัวฉันก็อยู่ปีสองเหมือนกันแต่คุณดูจะแก่กว่าฉัน” ในที่สุดเธอก็พูดออกมาถึงแม้เธอจะรู้สึกอายก็ตาม
      เขาแตะแขนเธอเบาๆเพื่อให้เธอมองหน้าเขา “ไม่เป็นไร  ผมแก่กว่าคุณผมอายุ 24 แม่ของผมมีปัญหาเรื่องสุขภาพและผมต้องพักการเรียนเอาไว้ 2-3 ปี หลังจากที่ผมจบปี 1”
      บัฟฟี่หน้าแดง “ฉันขอโทษ  ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะสอดรู้สอดเห็นและเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน”
      “คุณไม่ได้สอด  ผมแค่อยากจะบอกคุณ  ผมว่าคุณเป็นคนที่คุยง่ายน่ะ” เขาอธิบาย
      “บางทีนะ” บัฟฟี่บอกก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “ว่าแต่..แองเจลัสเป็นชื่อประเภทไหนกันเนี่ย” เธอยิ้มเพื่อให้เขารู้ว่าเธอแค่หยอกเล่น  เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกสบายใจพอที่จะล้อเขาเล่น  เธอเพิ่งจะพบเขาเมื่อ 10 นาทีก่อนแต่มีบางอย่างบอกเธอว่าเขาไม่ได้ถือสากับคำพูดของเธอ
      “มันเป็นภาษาไอริช พ่อของผมมาจากไอร์แลนด์” เขาพูดยิ้มๆให้เธอรู้ว่าเขาไม่ถือที่เธอถาม
      เธอยิ้มตอบ “มันก็น่าสนใจดี”
      “น่าสนใจเหรอ? ผมดีใจที่คุณคิดแบบนั้น, บัฟฟี่” เขายิ้มเมื่อเขาลากเสียงตรงชื่อของเธอ
      “เฮ้! มันเป็นแค่ชื่อเล่น” เธอขำ
      “แล้วชื่อจริงคุณคืออะไรล่ะ” เขาถามบ้าง
      “ฉันไม่บอกคุณหรอก”
      เขาเริ่มหัวเราะอีกครั้ง “ไม่ยุติธรรมนี่  คุณรู้ชื่อจริงผมและผมมั่นใจว่าผมไม่มีชื่อเล่นไว้ให้คุณล้อหรอก”
      “งั้นฉันว่าฉันคงต้องคิดหาชื่อเล่นให้คุณแล้วล่ะ” เธอยิ้มให้เขาอีกครั้ง  แทบจะไม่เชื่อตัวเองว่าเธอจะหยอกล้อกับนายคนนี้เหมือนเป็นเพื่อนสนิท  เธอไม่เคยพูดกับใครแบบนี้มาก่อน  มันเป็นอะไรทีไม่ใช่ตัวเธอเลยแต่มันก็มีบางอย่างเกี่ยวกับเขาที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอสามารถพูดแบบนี้กับเขาได้
      เขาสบตาเธอเป็นครั้งแรกก่อนจะตอบว่า “ก็เอาสิ”
      พวกเขาได้แต่ยืนจ้องหน้ากันอยู่สองสามนาที  ต่างคนต่างก็จมอยู่ในความคิดของตัวเองก่อนที่บัฟฟี่จะยอมแพ้หันหน้าไปทางอื่น “แล้วไจลส์บอกรึยังว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง” เธอถาม
      “ก็ไม่เชิง  เขาบอกว่าเขาจะมอบให้คุณเป็นคนจัดการ”
      “งั้นอันดับแรก  ฉันว่าฉันควรพาคุณเดินดูรอบๆก่อนนะ” เธอพูดก่อนจะเดินนำเขาไป
      “ก็ดีเหมือนกัน” แองเจลัสตอบก่อนจะเดินตามเธอไป  และในวินาทีนั้นเองทำให้เขารู้สึกว่าไม่ว่าบัฟฟี่ ซัมเมอร์จะพาเขาไปตายที่ไหนเขาก็จะยอมตามรับใช้เธอ
      *************************
      “หวัดดี” วิลโลว์ทักทายเมื่อบัฟฟี่เดินเข้ามาในอพาร์ทเม้นต์ของพวกเขา
      “ไง”
      “เป็นไงบ้างวันแรกของการสอน” วิลโลว์ถาม
      บัฟฟี่หน้าตาเบิกบานขึ้นมาทันที “ฉันว่าเขาสามารถทำงานได้สบายๆเลยล่ะ”
      วิลโลว์สังเกตเห็นแววตาของเพื่อนซื้เป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อบัฟฟี่พูดถึงเรื่องนี้แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนเธอไม่แน่ใจว่าเธอเห็นมัน  แต่มันก็มากพอจะทำให้เธอนึกอะไรบางอย่างออก “งั้นเขาคนนั้นก็เป็นผู้ชาย” เธอถาม
      บัฟฟี่พยักหน้ายอมรับและเดินตรงเข้าไปในห้องของเธอโดยมีวิลโลว์เดินตามไปไม่ห่างนัก “แซนเดอร์ไปไหนล่ะ”
      “เขาบอกว่าหลังจากที่เลิกงานเขาจะไปหาคอร์ดี้… แล้วชายคนนั้นชื่ออะไรล่ะ” เธอวกเข้าเรื่องเดิมอย่างรวดเร็ว
      “แองเจลัส แมคเคลาว์รี่”
      วิลโลว์สังเกตเห็นสายตาแบบนั้นของบัฟฟี่อีกครั้งเมื่อเธอเอ่ยชื่อเขา  ครั้งนี้เธอมั่นใจว่าตาเธอไม่ได้ฝาด
      “เธอชอบเขา” วิลโลว์พูดออกมาทันที
      บัฟฟี่หันมาเผชิญหน้าเพื่อนของเธอทันทีด้วยความตกใจ “วิลโลว์  ฉันเพิ่งจะพบเขาเองนะ”
      “แล้วเขาน่ารักไหมล่ะ” วิลโลว์ถามจี้จุดอีก
      บัฟฟี่พยายามตั้งสติและหันไปมองหน้าเพื่อนอีกครั้ง “ฉันว่าผู้หญิงบางคนคิดแบบนั้น”
      “ผู้หญิงแบบไหนเหรอ”
      ในที่สุดบัฟฟี่ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเธอเอนหลังลงนอนบนที่นอนของเธอและเผยความจริงออกมา “ผู้หญิงที่มีตานะสิ”
      “งั้นก็แสดงว่าเขาน่าตาดี”
      “เขาเป็นมากกว่านั้นอีกแบบว่า ‘หล่อลากดินสาวๆเห็นแล้วต้องอ้าปากค้าง’ แบบนั้นเลยล่ะ”
      “เธอชอบเขา” วิลโลว์ย้ำด้วยความมั่นใจมากขึ้น
      “แต่สำหรับฉัน…ฉันว่าเขาก็แค่น่ารักเท่านั้นแหละ” เธอพยายามพูดอย่างไว้เชิงถึงแม้สีหน้าและท่าทางจะไม่เข้าข้างเธอเท่าไร  เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะหลงชอบชายคนนี้คนที่เธอเพิ่งรู้จักเมื่อ 10 ชั่วโมงก่อน  และตัวเธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับมันยิ่งต่อหน้าเพื่อนเธอแล้วยิ่งไม่ได้ใหญ่
      “แล้วเขาเป็นคนแบบไหนล่ะ” วิลโลว์ถาม
      “อืม, เขาอายุ 24 และเขาดูนิสัยดี”
      “24 เหรอ? ฉันนึกว่าเขาอยู่ปี 2 อย่างที่ไจลส์บอกเสียอีก” วิลโลว์ถาม
      “เขาอยู่ปี 2 แต่แม่เขาล้มป่วยตอนเขาเรียนจบปี 1 และเขาต้องหางานทำ  นี่เป็นเทอมแรกที่เขากลับมาเรียน”
      “บัฟฟี่, เขาทำงานหาเงินช่วยครอบครัวตั้ง 5 ปี มันไม่ใช่แค่น่ารักแล้วล่ะสำหรับฉัน”
      “ไม่ใช่หรอก จริงม่ะ” เธอยอมรับออกมาเบาๆ
      วิลโลว์มองบัฟฟี่ด้วยความประหลาดใจ…ดูท่าเพื่อนเธอจะตกหลุมรักนายคนนี้เขาแล้วสิ  มันไม่ใช่นิสัยของบัฟฟี่ที่จะตกหลุมรักใครง่ายๆแบบนี้  แต่ถ้าหากเพื่อนเธอชอบเขามากขนาดนี้แล้วล่ะก็แสดงว่านายคนนี้คงมีอะไรพิเศษแน่ๆ  เมื่อวิลโลว์คิดได้ดังนั้นเธอก็ตัดสินใจทันที  ในเมื่อเธอคือเพื่อนซี้ของบัฟฟี่มันก็เป็นหน้าที่เธอที่จะทำให้บัฟฟี่ไม่ขวัญหนีดีฝ่อปล่อยให้ชายคนนี้หลุดมือไปได้  และที่สำคัญเธอเป็นคนจริงจังกับเรื่องหน้าที่มากเสียด้วย
      *************************
          มันเป็นวันศุกร์แล้วและแองเจลัสก็เริ่มเรียนรู้การทำงานในห้องสมุดมากขึ้นจนสามารถทำงานได้โดยไม่มีบัฟฟี่คอยคุม  เขาพยายามคิดหาเหตุผลขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการจัดหนังสือที่ได้รับคืนมาว่าเขาจะรู้สึกยังไงเวลาทำงานโดยไม่มีเธอ  เพียงระยะเวลาอันสั้นที่พวกเขาได้รู้จักกันทำให้เขาและบัฟฟี่กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและเขาก็เริ่มนับวันรอเวลาที่จะได้พบเธอ
      สำหรับเขาแล้วเธอเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อม  ทั้งสวย,ฉลาดและมีไหวพริบมากทีเดียวโดยเฉพาะเรื่องต่อปากต่อคำ…เมื่อไรก็ตามที่พวกเขาเจอหน้ากันการพูดหยอกล้อจะเกิดขึ้นทันที  พวกเขาพยายามจะหาเรื่องมาแหย่กันตลอดเวลาจนบางทีเกือบจะหยุดไม่ได้
      เขาเงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือตรงหน้าและเขาก็เห็นเธอยืนอยู่บนบันไดพยายามจะเก็บหนังสือไว้บนชั้นบนสุดถึงแม้เธอจะใช้บันไดช่วยแต่เธอก็ยังคงสูงไม่พอทำให้เธอต้องเขย่งปลายเท้าช่วย  แองเจลัสรีบเดินตรงไปหาเธอทันที…เขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปง่ายๆหรอก
      สิ่งหนึ่งที่แองเจลัสไม่รู้ก็คือบัฟฟี่ก็คิดแบบเดียวกับเขา  เธอคงคิดถึงการได้เห็นเขาทุกวันอย่างอาทิตย์นี้  เธอคงคิดถึงการกระเซ้าเย้าแหย่ที่พวกเขากระทำกันบ่อยๆ  เธอมัวแต่คิดมากจึงไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเขย่งเท้ามากไปจนเสียการทรงตัว  จนกระทั่งมันสายเกินไปเพียงเมื่อเธอจัดการวางหนังสือลงบนชั้นสำเร็จเธอก็เซหล่นจากบันได  แต่แทนทีร่างเธอจะตกกระแทกพื้นเธอกับพบตัวเองอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งคู่หนึ่งที่รับเธอไว้ไม่ให้เธอตก
      “โว้ว! ระวังหน่อยบัฟฟี่” เธอได้ยินเสียงแองเจลัสพูด
      “คุณพระช่วย! ฉันนึกว่าฉันจะตายซะแล้ว  ขอบคุณมากคุณยังกับเป็นเทวดาผู้พิทักษ์ของฉันเลย…เฮ้!นั้นล่ะ”
      “นั้นล่ะอะไร?” เขาถามเธอขณะค่อยๆปล่อยให้เธอลงยืนกลับพื้นแต่เขายังไม่คลายวงแขนของเขา
      “ชื่อเล่นของคุณ”
      “โอเค  ผมชักงงแล้ว  ชื่อเล่นผมคืออะไร? แล้วคุณแน่ใจนะว่าหัวคุณไม่ได้โดนกระแทกตอนตกลงมาน่ะ” เขาหยอกอีก
      “คุณเคยบอกว่าฉันสามารถเลือกชื่อเล่นให้คุณได้และ แองเจิลคือชื่อเล่นของคุณ”
      “แองเจิล” เขาพูดอย่างไม่อยากเชื่อ
      “ใช่…ตั้งแต่นี้ต่อไปคุณคือ แองเจิล”
      “ผมว่าคุณน่าจะหาชื่ออะไรได้ดีกว่านี้นะ” เขาบอก
      “อ๊ะอ๊ะ ไม่ล่ะ ฉันชอบชื่อแองเจิลและมันเหมาะกับคุณ”
      แองเจลัสก้มลงมองสบตาเธอและถามเบาๆ “คุณคิดอย่างนั้นเหรอ?”
      และนี่เป็นครั้งแรกที่บัฟฟี่รู้สึกตัวว่าเธอยังอยู่ในอ้อมแขนเขา  และรู้สึกหายใจติดๆขัดๆเมื่อเธอสบตาเขา  ความคิดสุดท้ายก่อนที่จิตใจเธอจะล่อยลอยคือ ‘เขากำลังจะจูบฉัน’ เธอหลับตาลงและเขาก็ค่อยๆก้มหน้าลงมาอย่างช้าๆ
      “บัฟฟี่” พวกเขาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงไจลส์เรียกและเมื่อไจลส์เดินมาเจอพวกเขาทั้งคู่ก็กำลังง่วนอยู่กับงานของตัวเอง “อยู่นี่เอง บัฟฟี่ฉันไม่ชอบที่จะต้องทำแบบนี้กับเธอนะแต่ฉันมีเรื่องจะไหว้วานเธอสักหน่อย” เขาอธิบาย
      “ไจลส์มีอะไรเหรอ  ฉันรู้สึกคุ้นๆกับการพูดแบบนี้นะ” เธอถามอย่างจำยอม
      “วันจันทร์นี้จะมีหนังสือล็อตใหม่เข้ามาและฉันอยากให้เธอ…”
      “ไม่นะไจลส์  คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะฉันเกลียดมัน” บัฟฟี่กล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจ
      “บัฟฟี่ ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีใครทำได้นอกจากเธอ  ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับมันแต่ฉันไม่มีทางเลือก”
      บัฟฟี่ถอนใจ “ฉันทำก็ได้แต่อย่างน้อยขอผู้ช่วยให้ฉันสักคนได้ไหม”
      “ได้สิ, แองเจลัสจะช่วยเธอ  เขาจะได้รู้ว่ามันทำยังไงบางทีคราวหน้าเธอจะได้ไม่ต้องทำ”
      ทั้งบัฟฟี่และแองเจิลต่างสดชื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น
      “ตกลง  แล้วหนังสือที่จะมาล็อตใหญ่แค่ไหนล่ะ” บัฟฟี่ถาม
      ไจลส์ทำหน้านิ่งๆ “ฉันแน่ใจว่าพวกเธอคงต้องใช้เวลาทั้งอาทิตย์กับมัน”
      “ไจลส์” บัฟฟี่ร้องโอดครวญ
      “ใช่แล้ว  และขอบคุณอีกครั้งนะบัฟฟี่” เขาพูดก่อนจะรีบเดินหนีไป
      “แล้วผมต้องอะไรบ้าง?” แองเจิลถามขึ้นมาบ้าง
      “ฮ่าฮ่า..มันจะเป็นงานที่สนุกที่สุดที่คุณเคยทำมา” บัฟฟี่พูดแต่ท่าทางเธอไม่ค่อยสนับสนุนคำพูดเท่าไรนัก “คุณก็แค่ช่วยฉันรื้อหนังสือออกมาจากกล่อง…กล่องแล้วกล่องเล่า  หลังจากนั้นก็จัดทำรายชื่อลงในคอมพิวเตอร์  พิมพ์บัตร ติดหมวดหนังสือแล้วก็จัดมันไว้บนชั้น”
      “โอ้! ท่าทางน่าสนุกนะ” แองเจิลประชดประชัน
      “ใช่นะสิ” เธอเดินหนีไปก่อนจะตะโกนออกมาอีกว่า “และคิดดูนะแองเจิล  คุณต้องทำงานร่วมกับฉันอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์แน่ะ”
      ‘แล้วมันเสียหายตรงไหนล่ะ’ แองเจิลถามตัวเองในใจขณะมองตามหลังเธอไป
      *************************
          “ไจลส์ให้เธอจัดหมวดหนังสืออีกแล้วเหรอ” แซนเดอร์ถาม
      “ใช่ นายเชื่อไหมล่ะ  อย่างแรกเลยฉันเกลียดการทำทะเบียนรายชื่อหนังสือ  สองมันอาทิตย์สุดท้ายที่ฉันควรจะได้พักก่อนมหาลัยจะเปิด  เฮ้อ…แล้วทำไมฉันต้องได้ทำงานแบบนี้อยู่เรื่อยนะ” บัฟฟี่บ่นกับเพื่อนของเธอขณะที่เธอเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อมองหาไอศครีม
      “แล้วเขาให้เธอทำคนเดียวอีกรึเปล่า” วิลโลว์ถามบ้าง
      “เปล่า  แองเจิลจะช่วยฉันด้วย” เธอตอบเมื่อหาไอศครีมเจอ
      “แองเจิล? แองเจลัสนะเหรอ” เมื่อเห็นบัฟฟี่พยักหน้ายอมรับวิลโลว์จึงถามต่อ “บัฟฟี่  เธอเริ่มเรียกเขาว่าแองเจิลตั้งแต่เมื่อไรย่ะ  แล้วทำไมนี่ถึงเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเธอพูดชื่อนี่ล่ะ”
      บัฟฟี่หัวเราะให้กับท่าทางของเพื่อน  ในอาทิตย์ที่ผ่านมานี่วิลโลว์ซักไซร้ถามเธอทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ราวกับว่าเธอกำลังถูกสอบสวนยังไงยังงั้น
      “ตั้งแต่วันนี้แหละ  ไม่มีอะไรหรอกแค่ล้อเล่นกันเอง”
      “เหรอ!  แล้วเขาไม่ว่าอะไรเหรอที่ถูกเรียกว่า ‘แองเจิล’” เธอถามอย่างอยากรู้
      “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเรียกเขาแบบนั้นนี่…ก็มีแค่ฉันคนเดียว” บัฟฟี่แก้ตัว
      “เธฮแน่ใจนะว่าเธอสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน” วิลโลว์ถามอย่างรู้ทัน
      “เราเป็นเพื่อนกัน” บัฟฟี่ยืนยันและไม่พยายามนึกถึงความจริงที่ว่าเขาเกือบจะจูบเธอ
      “บัฟ” แซนเดอร์เรียกหันเหความสนใจของบัฟฟี่ “ขอพูดตามความเห็นลูกผู้ชายนะ  ถ้าเขายอมให้เธอเรียกเขาว่าแองเจิลฉันว่าเขาคิดกับเธอมากกว่าเพื่อนแล้วล่ะ” เขาแนะ
      บัฟฟี่รีบลุกขึ้นและเดินตรงเข้าห้องเธอทันที “พวกนายนะ…ประสาท” เธอพูดอย่างเขินๆ
      พวกเขานั่งมองบัฟฟี่เดินเข้าห้องไปก่อนที่แซนเดอร์จะพูดกับวิลโลว์ว่า “เธอคิดว่าพวกเขาไม่ได้คิดอะไรกันจริงรึเปล่า”
      “ไม่มีทาง” เธอตอบอย่างมั่นใจ
      “ถ้างั้นฉันว่าเราคงต้องชวนบัฟฟี่ออกไปกินมื้อเที่ยงกับพวกเราในวันจันทร์แล้วล่ะ” เมื่อวิลโลว์มองหน้าเขาอย่างงงๆเขาจึงอธิบายต่อ “และเราต้องไปรับเธอที่ห้องสมุด”
      วิลโลว์เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดทันที “และบางทีถ้าแองเจิลอยู่ที่นั้น  เราก็จะมีโอกาสได้พบเขาและเห็นว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนั้นกันแน่”
      “ถูกต้องแล้วครับ”
      *************************
      “โอ๊ย!” แองเจิลครวญเมื่อเขาใส่ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ผิดพลาดเป็นครั้งที่สี่  สิ่งที่เขาทำมันไม่ได้ยากอะไรเลยเพียงแต่เขาวอกแวกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย
      สามสิบนาทีต่อมาเขาก็ได้แต่ยืนมองชายหนุ่มที่แอบมองบัฟฟี่อยู่อีกฝากหนึ่งของห้อง  ดูเหมือนว่าบัฟฟี่จะไม่รู้ตัวเลสักนิดแต่แองเจิลก็ไม่ได้มีความสุขนัก ‘หมอนั้นมายืนจ้องบัฟฟี่ของฉันทำไมกัน’ เขาคิดกับตัวเองแต่ความคิดนั้นก็ทำให้เขาประหลาดใจในทันที ‘ฉันเริ่มคิดว่าเธอเป็นบัฟฟี่ของฉันตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย’
      ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจถามบัฟฟี่ว่าเธอรู้จักชายคนนั้นรึเปล่า และจะได้รู้ด้วยว่าเธอจะพูดว่าอย่างไร
      “บัฟฟี่”
      “อะไรเหรอ”
      “ผมไม่ได้ว่าอะไรนะแต่ทำไมนายคนนั้นถึงยืนจ้องคุณล่ะ” เขาถาม
      บัฟฟี่รู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำถามนั้นของเขาแต่ความรู้สึกนั้นหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเธอเห็นคนที่เขาเอ่ยถึง “ไม่นะ” เธอพูดและรีบหันกลับมาทันที  ได้แต่หวังว่าชายคนนั้นจะไม่ทันเห็นเธอมองเขา
      “มีอะไร? เขาเป็นใคร?” แองเจิลถามเมื่อเห็นสีหน้าของบัฟฟี่
      “เฮ้อ…ก็แค่คน…” เธอหยุดพูดเมื่อเห็นไรลีย์ ฟินน์ นักศึกษาหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความเป็นชายของตนเองกำลังเดินมาหาเธอ  “พระช่วย! เขามาแล้วแองเจิลคุณต้องช่วยฉันนะนายคนนี้น่าเบื่อ  เขาชวนฉันเที่ยวตั้งสามครั้งแล้วและฉันก็ปฏิเสธทุกครั้งแต่เขาก็ยังพยายามชวนฉันให้ไปกับเขาให้ได้ยังกับว่าเขาไม่เชื่อว่าฉันจะบอกปัดเขาหรืออะไรสักอย่าง” เธอพูดอย่างวิตก
      “ช่วยคุณงั้นเหรอ  แล้วผมควรจะทำยังไงล่ะ” เขาถามอย่างพาซื่อเพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ต้องกังวลกับชายคนนี้และตอนนี้เขาก็กำลังสนุกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
      “ฉันไม่รู้  แค่…”
      “หวัดดี บัฟฟี่”
      “สวัสดี ไรลีย์” เธอหันมามองหน้าเขา
      “ผมขอคุยกับคุณสักนาทีได้ไหม”
      “คือว่า  จริงๆแล้วพวกเรากำลังยุ่งกันอยู่ใช่…”
      เธอถูกขัดจังหวะเมื่อแองเจิลพูดขึ้นมา “ไม่เป็นไรหรอกบัฟฟี่  อยู่คุยกับเพื่อนคุณเถอะผมจะเอาเอกสารไปให้ไจลส์เอง”
      “ไม่เป็นไรแองเจิล  เอาไว้คุยกับไรลีย์ทีหลังก็ได้”
      “ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวผมกลับมา” เขาส่งยิ้มน้อยๆให้กับเธอก่อนที่เขาจะเดินไป
      “บัฟฟี่” ไรลีย์เรียกเธอให้หันมาสนใจเขา “ผมสงสัยว่าคุณจะเปลี่ยนใจเรื่องไปดูหนังกับผมรึยัง”
      “ไรลีย์  เราคุยเรื่องนี้กันจบแล้วนะ  ตอนนี้ฉันคงไปไม่ได้หรอกเพราะช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งมากเลย” เธอตอบหวังว่านี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะพูดแบบนี้
      “ผมรู้” เขาตอบอย่างซึมๆ “ผมหวังว่าคุณจะเปลี่ยนใจแต่เมื่อไรที่คุณเปลี่ยนใจคุณก็รู้ว่าจะตามหาผมได้ที่ไหน”
      เมื่อไรลีย์เดินจากไปแองเจิลก็มายืนอยู่ข้างๆเธอแล้วโดยที่เอกสารที่เขาบอกจะเอาไปให้ไจลส์ก็ยังอยู่ในมือเขา
      “คุณก็รับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดีนี่นา”
      บัฟฟี่จ้องเขาเขม็ง “ใช่ต้องขอขอบคุณคุณนะสิ”
      แองเจิลหัวเราะ “แล้วผมควรจะทำตัวยังไง  ให้ทำท่าเหมือนแฟนขี้หึงหรืออะไรประมาณนั้นหรือไง  แต่ผมว่านั้นก็อาจจะดีกว่าข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นของคุณแหละน่า”
      “คุณแอบฟังฉันเหรอ” เธออาย
      “จริงๆแล้ว…ก็ใช่” เขาตอบ
      ในที่สุดบัฟฟี่ก็หัวเราะออกมา “คุณ…นี่” เธอพูดพร้อมๆกับเงื้อมือจะตีเขา
      เขาจับมือเธอได้ทันก่อนเขาจะโดนลงโทษ “ดูเหมือนเขาจะติดคุณงอมเลยนะ”
      “ฉันไม่ได้ต้องการเขา  ฉันอยากจะขว้างเขาไปให้ไกลๆ”
      “แล้วคุณต้องการใครล่ะ” เขาถามน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาทันที
      เขายังคงจับข้อมือเธอเอาไว้ถึงแม้เธอจะพยายามดึงออกแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย “ใครสักคนที่ต้องการอยู่กับฉันเพราะว่าฉันคือฉัน”
      “ไม่ใช่เพียงเพราะว่าคุณสวยแบบนั้นใช่ไหม” เขาถาม
      “ไม่รู้สิ  ฉันแค่อยากเป็นตัวของตัวเองและฉันก็อยากให้เขาทำแบบเดียวกันเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน  บางทีฉันอาจจะขอมากเกินไป”
      “ผมไม่คิดแบบนั้น…พนันได้เลยอีกไม่นานคุณจะต้องพบเขา”
      เป็นอีกครั้งที่บัฟฟี่พบตัวเองเผลอสบตาเขา “บางทีตอนนี้ฉันอาจเจ-…”
      “ไง..บัฟ” บัฟฟี่ชักมือออกจากแองเจิลแทบไม่ทันเมื่อเธอหันมาเจอเพื่อนร่วมห้องของเธอ
      “หวัดดี” เธอทักทายอย่างเขินๆ “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
      “เรามารับเธอไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน” วิลโลว์พูดแต่สายตาเธอแอบมองแองเจิลที่ยืนอยู่ด้านหลังบัฟฟี่
      “โอ้! โทษที” บัฟฟี่พูดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำให้เพื่อนๆเธอรู้จักกับแองเจิล “พวกเรานี่ แองเจิล  แองเจิลนี่เพื่อนๆของฉันวิลโลว์กับแซนเดอร์”
      เพื่อนทั้งสองสังเกตเห็นว่าแองเจิลมองเธออย่างเคืองๆเมื่อถูกแนะนำว่าชื่อแองเจิลแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับยิ้มให้พวกเขา “ยินดีที่ได้รู้จัก”
      “ยินดีที่ได้รู้จักคุณเช่นกัน” วิลโลว์ตอบ “คุณจะไปทานข้าวกับพวกเราก็ได้นะ”
      แองเจิลพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้เมื่อเขาเห็นบัฟฟี่ถลึงตาใส่วิลโลว์ “ขอโทษที  ผมไปไม่ได้หรอกผมนัดกับเพื่อนผมเอาไว้”
      “ไม่เป็นไรเอาไว้คราวหน้าก็ได้” แซนเดอร์พูด
      บัฟฟี่รีบพูดตัดบททันทีเพื่อพยายามเปลี่ยนเรื่อง “งั้นฉันไปหยิบกระเป๋าก่อนพวกนายไปรอฉันด้านหน้านะ เสร็จแล้วเราก็ไปกันได้เลย”
      บัฟฟี่และแองเจิลเดินไปยังห้องพักเจ้าหน้าที่  แล้วแองเจิลก็พูดขึ้นมา “เพื่อนๆคุณท่าทางเจ้าเล่ห์นะ”
      “ฉันต้องขอโทษแทนพวกเขาด้วย” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ “ปกติพวกเขาก็ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกนะ,ฉันสาบาน”
      เขายิ้ม “ไม่เป็นไร  ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
      “แล้วคุณแน่ใจนะว่าจะไม่ไปกับพวกเรา  ฉันจะคอยคุมพวกเขาเอง, ฉันสัญญา” เธอถามอย่างมีความหวัง
      แองเจิลถอนใจ “คราวหน้าแล้วกัน  ผมมีนัดกับเพื่อนผมจริงๆ”
      “เอาไว้คราวหน้าก็ได้” บัฟฟี่พูดเมื่อพวกเขาเดินมาถึงประตูหน้า
      “ใช่…เดท” เขาพูดขึ้นมาเหมือนเป็นสัญญาว่าต้องมีโอกาสหน้าแน่นอน
      พวกเขายิ้มให้กันอีกครั้งก่อนจะเดินแยกกันไปคนละทาง
      *************************
      แองเจิลนั่งเหม่อลอยในใจได้แต่คิดถึงบัฟฟี่  ไม่อยากเชื่อเลย…เขาเพิ่งพบเธอเพียงอาทิตย์เดียวแต่เขาแทบสลัดเธอออกจากใจเขาไม่ได้เลยซึ่งมันไม่เคยมีใครทำให้เขาเป็นแบบนี้มาก่อน  เขาไม่เคยเชื่อรักแรกพบเขาคิดว่ามันเป็นเพียงเทพนิยายสำหรับเขาแต่ตอนนี้เขากลับเชื่อมันสนิทใจ
      “…แต่แล้วมนุษย์ต่างดาวก็ส่งฉันกลับมาเพราะว่าฉันผอมเกินไป”
      แองเจิลส่ายหน้าเมื่อเขาได้ยินเรื่องประหลาดจากปากเพื่อนของเขา “ว่าไงนะ” เขาถามเพื่อความแน่ใจ
      “แล้วนายคิดอะไรอยู่ล่ะ” เพื่อนเขาหัวเราะให้กับสีหน้างงงวยของเขา
      “เปล่านี่” แองเจิลตอบ “ฉันแค่กำลังคิดอะไรบางอย่าง”
      “บางอย่างเหรอ! แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ”
      แองเจิลยิ้ม “ชื่อใคร”
      “ใครก็ตามที่ทำให้นายยิ้มแบบนั้น”
      “ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงเรื่องอะไร” เขาโกหก
      “นายชวนเธอไปเที่ยวรึยัง”
      ในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยปากเพราะท่าทางเพื่อนเขาคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆหรอก “ยัง”
      “ทำไมล่ะ”
      “เพราะว่าฉันเพิ่งเจอเธอเมื่ออาทิตย์ก่อน”
      “ตายล่ะ! จริงเหรอ”
      “หุบปากไปเลย สไปค์” เขาพูดยิ้มๆ
      สไปค์รู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นอากัปกิริยาของเพื่อนที่ขณะนี้กำลังหน้าแดง “นายหลงเธอจริงๆเหรอเนี่ย” เขาพูดด้วยความตกใจ  เมื่อไม่มีเสียงเขาจึงพูดต่อ “แล้วนายจะบอกฉันได้รึยังว่าสาวลึกลับของนายคนนี้คือใคร?”
      เขาตัดสินใจตอบเมื่อคิดได้ว่าบางทีการพูดออกไปคงระบายความในใจของเขาได้บ้าง “คนที่ฉันทำงานด้วย  เธอชื่อบัฟฟี่”
      “โอเค  แล้วมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับแม่นางบัฟฟี่คนนี้บ้าง”
      “ไม่รู้สิ  ฉันอธิบายไม่ถูก” เขาตอบ
      สไปค์ไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขา  เขาเองก็ไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาเป็นแบบนี้มาก่อน “งั้นถ้าเธอดีมากขนาดว่านายยังไม่มีคำบรรยายล่ะก็ทำไมนายไม่ชวนเธอไปดูหนังล่ะ  หรือว่าเธอคบกับใครอยู่”
      “ไม่…เท่าที่รู้ก็ไม่มี”
      “งั้นนายมัวรอสวรรค์วิมานอะไรอยู่วะ” สไปค์ขำ
      “ไม่รู้สิ  ฉันว่าอาจเป็นเพราะฉันยังไม่อยากรีบมั้ง”
      สไปค์หัวเราะออกมาอีกครั้ง “เชื่อฉันเหอะ  ถ้าเธอส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ได้ครึ่งหนึ่งของที่นายเป็นอยู่นะ  ฉันว่ามันคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก”
      *************************
      เมื่อถึงเช้าวันศุกร์ในที่สุดทั้งบัฟฟี่และแองเจิลก็มาถึงช่วงสุดท้ายของการทำงาน  มันใช้เวลาเกือบทั้งอาทิตย์แต่ตอนนี้พวกเขาเหลือหนังสืออีกห้าแพ็คเท่านั้น
      แองเจิลกำลังจะแกะมันเมื่อบัฟฟี่ออกมาจากห้องทำงานของไจลส์พร้อมใบหน้าที่เบิกบาน “คุณดูมีความสุขจังนะ  มีอะไรเหรอ” แองเจิลถาม
      “ไจลส์บอกฉันว่าถ้าหากพวกเราทำงานเสร็จก่อนเที่ยงเราจะได้พักในช่วงบ่าย” เธอตอบ
      “ผมว่าเรารีบทำงานกันดีกว่า”
      พวกเขายืนยิ้มให้กันอยู่พักใหญ่ก่อนจะหันกลับไปทำงาน  พวกเขาทำงานร่วมกันมาหลายวันแล้วและมันก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาสนใจกันและกันหรือแม้กระทั่งคนที่บังเอิญหันมามองพวกเขาต่างก็รู้สึกได้  พวกเขาหยอกล้อกัน…พยายามอยู่ใกล้ๆกันเวลาทำงานแต่เขาก็ยังไม่ชวนเธอไปเที่ยวเสียที  ในที่สุดบัฟฟี่ก็เริ่มทนไม่ไหว  เธอได้ทำในส่วนของเธอเพื่อให้เขารู้ว่าเธอสนใจเขาแล้วและมันช่างน่าอายเหลือเกินเมื่อนึกย้อนกลับไปคิดถึงกิริยาท่าทางที่เธอแสดงออกเวลาอยู่กับเขา  เธอรีบสลัดความคิดนั้นออกไปก่อนที่เธอจะหน้าแดง  และวันนี้เธอได้ตัดสินใจแล้วถ้าหากเขายังไม่ชวนเธออีก…เธอจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง  สี่ชั่วโมงผ่านไปในที่สุดพวกเขาก็ทำสำเร็จและกำลังเดินเข้าไปบอกไจลส์
      “พวกเธอทำงานเสร็จรึยัง” เขาถามทันทีเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา
      “เสร็จแล้วและตอนนี้พวกเรากำลังจะทำตามข้อเสนอที่คุณอนุญาติให้เราได้หยุดพักในช่วงบ่าย” บัฟฟี่รีบพูดก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ
      “ดีมาก” เขาชมทั้งสองคน “วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนจะเปิดเทอมฉันเข้าใจว่าตั้งแต่นี้ต่อไปพวกเธอคงจะมาทำงานกันในช่วงเวลาว่างหรือตอนไม่มีเรียนกันใช่มั้ย”
      แองเจิลพยักหน้าและบัฟฟี่ตอบว่า “ใช่ ขอโทษด้วยนะไจลส์แต่ถ้าหากผลการเรียนของฉันตกลงไปเพราะว่าฉันทำงานมากไปแม่คงฆ่าเราสองคนแน่ๆจริงม่ะ”
      ไจลส์หัวเราะไปพร้อมๆกับเธอ “ก็คงใช่  ถ้าอย่างนั้นก็พักกันให้สนุกนะ” พวกเขาบอกลาไจลส์ก่อนจะเดินไปข้างนอก
      “บัฟฟี่”ทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมๆกัน“แองเจิล”
      ทั้งคู่หัวเราะให้ตัวเองก่อนที่บัฟฟี่จะให้แองเจิลพูดต่อ  หลังจากรวบรวมความกล้าได้แล้วเขาก็พูดออกมาว่า “คุณอยากไปทานข้าวกับผมไหม”
      บัฟฟี่ถอนใจโล่งอก “ยินดีค่ะ”
      “เยี่ยม” แองเจิลพูดเมื่อเขาเดินนำเธอไปที่รถของเขา
      เมื่อเขาขับรถออกไปเขาก็หันมาถามเธอ “เมื่อกี้คุณจะพูดอะไรกับผมเหรอ”
      “เอ่อ…ไม่มีอะไรหรอก”
      *************************
      “คุณวางแผนจะทำอะไรหลังจากเรียนจบ” บัฟฟี่ถามแองเจิลตอนที่พวกเขามานั่งอยู่ด้านหน้าร้านกาแฟ
      “ผมอยากทำงานในพิพิธภัณฑ์”
      “แค่เนี่ย, ไม่มีงานอื่นอีกเหรอ” บัฟฟี่หยอก
      “ตอนนี้ผมมัวแต่ดีใจที่ได้กลับมาเรียนหนังสืออีกครั้ง” เขาตอบ
      บัฟฟี่รู้สึกเสียใจแทนเขาที่ต้องละทิ้งความฝันของตัวเอง(ไปพักหนึ่ง)เพื่อช่วยเหลือครอบครัว “ฉันก็ว่างั้น  แล้วงานอะไรบ้างที่คุณเคยทำ” เธอถามพยายามเปลี่ยนอารมณ์เขา
      มันคงเป็นคำถามที่ถูกต้องเพราะแองเจิลหัวเราะออกมาเสียงดัง “เยอะเสียจนไม่รู้จะบอกคุณยังไง”
      “ถ้างั้น…งานอะไรที่แย่ที่สุดเท่าทีคุณเคยทำมา”
      “ไม่มีทางบอกหรอก”
      “เอาน่า, บอกฉันหน่อยนะ”
      “อ๊ะอ๊ะ ไม่ล่ะ”
      “น่านะ” เธอพยายามอ้อนเขา
      “โธ่ อย่าอ้อนผมแบบนี้สิ” แต่เมื่อเธอยังคงมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนแบบนั้นเขาก็ยอมแพ้ “ก็ได้ งั้นขยับมา”
      เธอขยับเข้ามาใกล้เขาจนกระทั่งเขาสามารถกระซิบข้างๆหูเธอและเมื่อเธอได้ยินคำตอบของเขาเธอได้แต่อุทานออกมา “พระช่วย” และตามมาด้วยเสียงหัวเราะไม่ยอมหยุด
      “มันไม่ใช่เรื่องตลกนะ  ดีล่ะคราวหน้าผมจะไม่บอกอะไรคุณแล้ว” เขาแกล้งทำเป็นงอน
      บัฟฟี่รู้ว่าเขาไม่ได้โกรธเธอแต่เธอก็ยังคงเล่นตามบทต่อ “แองเจิลฉันขอโทษ  อย่าโกรธนะ”
      เขายิ้ม “อย่างกับว่าผมจะโกรธคุณได้ลงแน่ะ”
      “น่ารักจัง”
      “ไม่…ไม่ใช่น่ารัก  ผมเป็นอะไรก็ได้แต่ไม่ใช่น่ารัก” เขาตอบ
      บัฟฟี่ขำ “ผิดอะไรถ้าหากฉันจะบอกคุณว่าคุณน่ารัก”
      “ผู้หญิงชอบพูดเสมอว่าผมน่ารักก่อนที่พวกเธอจะทิ้งผมไป”
      “แล้วทำไมฉันต้องทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นด้วยล่ะ” เธอถามอย่างอายๆ
      “เพราะผมกำลังจะขอให้คุณใช้เวลาที่เหลือของวันนี้กับผม” เขาพูดออกมาเรียบๆ
      “อ๋อ…แค่นี่เหรอ  อืม…ก็ได้”
      “ถ้างั้นวันนี้คงเป็นวันที่ดีที่สุดของผมอีกวัน” เขาพูดพร้อมส่งยิ้มให้เธอ
      *************************
      พวกเขาเดินเล่นรอบๆเมืองเกือบชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจไปที่สวนสาธารณะ  เมื่อพวกเขาเดินมายังที่เงียบสงบพวกเขาก็เริ่มพูดคุยเล่าเรื่องราวของตัวเองให้อีกคนฟัง  แองเจิลเล่าเรื่องตลกที่เกิดขึ้นตอนอยู่มัธยมให้บัฟฟี่ฟังและเรื่องเศร้าๆที่เกิดขึ้นหลังจากที่พบว่าแม่ของเขาป่วย  ส่วนบัฟฟี่ก็เล่าเรื่องวีรกรรมของเธอกับวิลโลว์และแซนเดอร์  หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องพ่อที่เธอไม่เคยพบกับพ่อเลี้ยงที่น่ารักให้เขาฟัง
      ในที่สุดมันก็เป็นการตอกย้ำว่าทั้งสองคนเข้ากันได้ดีและมีความสุขกับการพูดคุยกันแค่ไหน  ขณะที่พวกเขาเดินไปมือของทั้งคู่ก็สัมผัสถูกกันโดยบังเอิญ  แองเจิลจึงถือโอกาสนี้ค่อยๆกุมเธอเบาๆอย่างระวัง  เมื่อบัฟฟี่เห็นเขาชำเลืองมองเธอจึงบีบมือเขาเบาๆเพื่อให้เขารู้ว่ามันไม่เป็นไร
      พวกเขาเดินผ่านสวนสนุกตอนที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถของเขา  บัฟฟี่ยิ้มกับตัวเองก่อนจะจูงมือดึงเขาไปที่ประตูทางเข้า “สวนสนุกเนี่ยนะ” เขาถามอย่างไม่มั่นใจ
      “มันต้องสนุกแน่…เดี๋ยวคุณก็รู้” เธอบอก
      *************************
      หนึ่งชั่วโมงผ่านไปกับการเล่นเกมส์และขับรถแข่งพวกเขาทั้งสองก็เริ่มหมดแรง  บัฟฟี่เดินกอดตุ๊กตาหมีที่ได้มาจากแองเจิลอย่างภาคภูมิใจ
      “เราพักกันก่อนดีไหม”
      “ไม่มีปัญหา” บัฟฟี่พูดอย่างเหนื่อยๆทันใดนั้นเธอก็เห็นสิ่งที่จะช่วยเรียกพลังงานเธอกลับมา “ดูนั้นสิ! กินไอศกรีมกันไหม” เธอถามแต่ก็ลากเขามาจวนจะถึงรถขายไอศกรีมแล้ว
      “ก็เอาสิ” เขาตอบเป็นพิธีพยายามทำตามใจเธอ
      “จะรับรสอะไรกันดีครับ” คนขายถามพวกเขาเมื่อพวกเขาเดินมาถึงรถ
      “ช็อกโกแลต” แองเจิลตอบ
      บัฟฟี่มองหน้าเขา “ช็อกโกแลต?”
      “ผิดตรงไหนที่ผมจะเลือกช็อกโกแลต” เขาถาม
      “เปล่า  แต่ดูสิมันมีให้เลือกตั้งหลายรสแต่คุณเลือกช็อกโกแลต” เธอพูดอย่างร่าเริง
      เขาเอื้อมมือไปรับถ้วยไอติมของเขาก่อนจะตอบว่า “ก็ผมชอบช็อกโกแลต”
      “แล้วคุณจะรับอะไรดีครับ” คนขายหันมาถามบัฟฟี่
      “วนิลา”
      แองเจิลยิ้มให้เธอ “เลือกได้ดีนี่, บัฟ”
      “ฉันก็ว่างั้น” เธอพูดก่อนจะรับถ้วยของเธอ
      “แล้วเราจะทำอะไรต่อดี” แองเจิลถามเมื่อพวกเขาเริ่มเดินกันต่อ
      “อะไรก็ได้ที่สงบๆพอให้เราได้กินไอติม” เธอตอบ
      เขามองไปรอบๆสักพักก่อนจะพูดว่า “ผมคิดออกแล้ว” เขาพาเธอเดินไปทางขวามือจนในที่สุดเธอก็พบตัวเองยืนอยู่ด้านหน้าชิงช้าสวรรค์
      “แองเจิล  ไม่ดีกว่ามั้ง  ฉันมักจะติดอยู่ด้านบนสุดทุกทีเลยตอนมันหยุดนะ”
      “ไม่เอาน่า  มันน่าสนุกดีนะ” เขาพูดและค่อยๆดันเธอเข้าไปนั่งในชิงช้าที่ว่าง
      บัฟฟี่ยอมแพ้และนั่งลงซึ่งมันเป็นที่ว่างสุดท้ายพอดี  และพอแองเจิลเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้วชิงช้าก็เริ่มหมุน  หลังจากที่มันหมุนไปได้สองรอบชิงช้าสวรรค์ก็หยุดลงทิ้งให้บัฟฟี่และแองเจิลค้างอยู่ด้านบนสุด
      “ฉันบอกแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้” บัฟฟี่บ่น
      แองเจิลกำลังจะตอบแต่เมื่อบัฟฟี่หันมาหาเขา  เขาก็เริ่มหัวเราะ
      “คุณคิดว่ามันตลกนักหรือไง” เธอถามอย่างไม่พอใจ
      “เปล่า  ไม่ใช่เรื่องนั้นคุณแค่มีไอติม…” เขาพยายามบอกโดยชี้ไปตรงจุดที่ไอศกรีมติดอยู่
      “โอ้…ตรงไหน” เธอถามอย่างอายๆเมื่อเธอทำท่าจะเช็ดมันออกด้วยผ้าเช็ดหน้าแองเจิลก็หยุดเธอไว้
      “เดี๋ยวผมจัดการให้” เขาพูดก่อนจะค่อยๆขยับเข้ามาหาเธอมือของเขาขยับเข้าหาริมฝีปากของเธอแต่ในวินาทีสุดท้ายมือเขาก็มาเกาะกุมอยู่ที่แก้มของเธอและก้มลงมาจุมพิตริมฝีปากเธออย่างนิ่มนวล  เมื่อเธอลืมตาเขาก็กระซิบบอกเธอ “หมดแล้วล่ะ”
      เธอยิ้มและขยับเข้าใกล้เขาอีกครั้ง “ไม่หรอก  ฉันว่าคุณพลาดไปที่หนึ่ง”
      ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันเป็นครั้งที่สองและดูเหมือนโลกทั้งโลกมีเพียงเขาสองคนทุกอย่างในโลกแทบไมีมีตัวตนนอกจากเขาเพียงสองคน  มันเป็นจุมพิตที่นุ่มนวลที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความเร่าร้อน…ความรัก  พวกเขาถูกครอบงำด้วยความรู้สึกนี้แต่พวกเขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยเพราะมันเป็นตัวบ่งบอกว่าพวกเขาควรคู่กัน
      “ลุกออกมาได้แล้ว”
      เสียงนั้นดังพอจะทำให้ทั้งคู่หันกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง  ที่นั่งของพวกเขาลงมาสู่พื้นแล้วและตอนนี้สายตาหลายคู่กำลังจ้องมองเขาอยู่  พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเครื่องยนต์เริ่มจะทำงานอีกครั้งพวกเขารีบยืนขึ้นและเดินออกมาสู่ฝูงชนด้วยความอายแต่ก็รู้สึกสุขใจกว่าที่เคยรู้สึก
      “แล้วเอาไงต่อ” แองเจิลหัวเราะเมื่อเขาเดินพ้นออกมาจากชิงช้าสวรรค์
      “อยู่บนนั้นต่อมั้ง” บัฟฟี่พูดไปขำไป
      “ถึงแม้เราจะอยากทำมันอีกครั้งแต่ผมว่าเราคงทำไม่ได้แล้วล่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
      บัฟฟี่จับมือและหันมามองหน้าเขา “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
      ทุกครั้งที่เธอสบตาเขาเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในมนต์สะกดของตาคู่นั้นเธอพยายามอย่างมากที่จะสกัดเวทมนต์นั้น “ที่จริงมันก็ดึกแล้วและฉันอยากกลับบ้าน”
      แองเจิลก้มลงมองนาฬิกาและตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น “ว้าว!  ผมว่าเราคงต้องรีบกลับกันแล้ว..มาเร็ว” เขาพูดพร้อมกับดึงมือเธอเบาๆเพื่อให้เธอเดินตามมา “ผมจะพาคุณกลับบ้าน”
      *************************
      เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูอพาร์ทเม้นต์ของเธอบัฟฟี่ค่อยๆหันหน้ามาหาแองเจิล
      “ฉันไม่อยากให้คืนนี้จบลงเลย” บัฟฟี่พูดออกมาเบาๆ
      “นี่” เขาค่อยๆเชยคางเธอจนกระทั่งเขาสามารถสบตาเธอได้ “มันจะมีวันเวลาอย่างนี้เกิดขึ้นอีกหลายๆครั้ง”
      เธอยิ้ม “ไม่หรอก  มันจะไม่มีวันไหนที่เหมือนวันนี้  ฉันว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลย”
      “ของผมด้วย” เขายอมรับ  พวกเขาได้แต่เพียงมองตากันจนลืมเวลาเพราะทั้งสองจมปักอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง “ผมว่าต้องมีใครบางคนเข้าบ้านนะ” ในที่สุดเขาก็พูดออกมาแต่ตัวเองก็ยังไม่ขยับเดินหนีไปไหน
      “ใช่  แต่วันจันทร์ฉันจะได้พบคุณตอนพักกลางวันใช่ไหม” เธอถามอย่างมีความหวัง
      “ผมจะไป”
      เมื่อเธอยิ้มให้เขาอีกครั้งเขาจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเขาได้อีกต่อไป  เขาโอบแขนรอบเอวเธอดึงเธอเข้ามาหาเขาก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะสัมผัสกัน  เธอโอบแขนรอบคอเขาพยายามจะดึงเขาเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น  แองเจิลเริ่มกลัวใจตัวเองจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้  เขาจึงชิ่งผละออกเสียก่อนแต่ยังคงกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและหน้าผากของทั้งคู่ยังคงสัมผัสกัน  เขากระซิบกับเธอเบาๆว่า “หลับฝันดีนะ”
      “เช่นกันค่ะ” เธอตอบ
      ในที่สุดเธอก็บังคับตัวเองเดินออกมาจากอ้อมกอดของเขาและไขกุญแจเข้าห้อง  เมื่อเธอเดินเข้าประตูไปแล้วเธอก็หันกลับมาหาเขาอีกครั้ง
      แองเจิลเริ่มหัวเราะออกมาเบาๆ “โอเค  คุณควรจะปิดประตูได้แล้วไม่งั้นเราคงยืนอยู่ตรงนี้กันทั้งคืนแน่ๆ”
      “ไปแล้วคะ..ไปแล้ว” เธอค่อยๆปิดประตูอย่างช้าๆ “บาย”
      “บาย” แองเจิลพูดออกมาก่อนที่ประตูจะปิดลง
      ทั้งคู่ยืนมองบานประตูที่กั้นพวกเขาทั้งสองเอาไว้  ความคิดของทั้งคู่เต็มไปด้วยความสุขและต่างก็ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่พวกเขาได้มาพบกัน  แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาแน่ใจในตอนนี้คือ ‘ชีวิตของพวกเขาคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป’

      ************ The End *************

      แถมท้ายด้วยเพลงเพราะๆของเอ็นโดรฟิน-สิ่งสำคัญ...

      ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้ มันจะมีอะไรปลี่ยนแปลง
      ฉันไม่กล้าจะสัญญาด้วยคำใด
      รักเรานั้นจะไปอีกไกล หรือวันไหนจะต้องร้างลา
      ฉันไม่รู้ไม่เคยแน่ใจอะไร

      ฉันพูดได้เพียงว่าตอนนี้รักเธอ
      เทให้ทั้งหัวใจ

      นี่คือสิ่งสำคัญ ที่เรายังอยู่ด้วยกัน
      สิ่งอื่นใดนั้นมันยังไม่มาถึง
      บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี
      ให้มันตราตรึง อยู่ในใจเพื่อไปถึงวันลาจาก

      เรื่องที่รู้วันนี้ตอนนี้ ฉันก็มีแต่ความอุ่นใจ
      รักที่เราให้กันคือสิ่งดีงาม
      แม้สุดท้ายจะเหลือพียงฝัน หรือจะเป็นอย่างไรก็ตาม
      ฉันจะทำวันนี้ให้ดีดังใจ

      ฉันพูดได้เพียงว่าตอนนี้รักเธอ
      เทให้ทั้งหัวใจ

      นี่คือสิ่งสำคัญ ที่เรายังอยู่ด้วยกัน
      สิ่งอื่นใดนั้นมันยังไม่มาถึง
      บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี
      ให้มันตราตรึง อยู่ในใจเพื่อไปถึงวันลาจาก

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×