Love & War
ทั้งสองเมืองกำลังทำสงครามแย่งชิงดาบศักดิ์สิทธิ์(buffy Fanfiction)
ผู้เข้าชมรวม
465
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Love & War
Kmin
Love and War TK <www.fanfiction.net>
บทนำ
"องค์หญิงเพคะ" คอร์ดีเลีย เชสเรียกเจ้าหญิงของเธอ "องค์หญิงต้องออกมาจากห้องบ้างนะเพคะ"
"ก็ฉันไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงนี้นี่นา" เจ้าหญิงบัฟฟี่ผู้มีผมสีทองยาวสลวยกล่าวเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องบรรทมของเธอในชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์
"เจ้าชายแห่งแอลเอและเจ้าชายแห่งโอมาฮ่าก็จะมาร่วมงานด้วยนะเพคะ" คอร์ดีเลียพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าหญิงของเธอ "ท่านพ่อและท่านแม่ขององค์หญิงคงไม่พอใจแน่ๆถ้าองค์หญิงไม่ไปร่วมงาน รวมถึงเจ้าชายแต่ละองค์ที่หวังจะเป็นคู่ครองขององค์หญิงด้วย"
"ฉันยังไม่ต้องการคู่ครอง" เจ้าหญิงกล่าวขณะที่หยิบแปรงสีเงินขึ้นมาและเริ่มแปรงผมสีทองยาวสลวยของเธอ "ฉันไม่สามารถเต้นรำหรือสนุกสนานไปกับงานเลี้ยงแล้วทำเหมือนกับว่าไม่มีสงครามเกิดขึ้นข้างนอกนั่นได้"
"องค์หญิง, สงครามครั้งนี้เป็นสงครามระหว่างท่านพ่อขององค์หญิงกับกษัตริย์แห่งประเทศกอล์เวย์ องค์หญิงก็รู้ดีว่าเมื่อไรก็ตามที่พวกเราหาดาบแค็พปริคอนเจอองค์ราชาแฮงค์ก็จะยุติสงครามนี้ทันที"
"ฉันต้องการให้ท่านพ่อยุติมันเดี๋ยวนี้" เจ้าหญิงบัฟฟี่ตอบ "สงครามครั้งนี้มันดำเนินมายาวนานเป็นปีแล้ว ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกคนเดียวโดยที่ไม่มีผู้ติดตามได้ และที่สำคัญที่สุดผู้คนบริสุทธิ์ต้องตาย"
"บัฟฟี่, พี่เตรียมตัวเสร็จรึยัง" เจ้าหญิงดอว์น เจ้าหญิงองค์ที่สองแห่งซันนี่เดลและน้องสาวของเจ้าหญิงบัฟฟี่ถามเมื่อเธอเดินมาหาพี่สาว
"ดอว์น, ช่วยบอกท่านพ่อและท่านแม่ด้วยว่าพี่ไม่สบาย และด้วยเหตุนี้พี่จึงไม่ไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้" เจ้าหญิงบัฟฟี่กล่าวกับน้องสาวของเธอ
*************************
"องค์ชายแองเจลัส, แน่ใจที่จะทำแบบนี้นะ" สไปค์ วิลเลี่ยม สหายคนสนิทของเจ้าชายแห่งกอล์เวย์ถาม
"ฉันตั้งใจที่จะได้เห็นองค์ราชาแฮงค์ใกล้ๆ เราต้องหาจุดอ่อนให้เจอถ้าเราต้องการจะได้ดาบแค็พปริคอนมาครอง" เจ้าชายวางแผนที่พระราชวังซันนี่เดลข้างหน้าพระสหายผมทองของเขา
"แองเจิลแผนการนี้ของพระองค์ไม่เข้าท่าเลยนะ ถ้าพวกองครักษ์เห็นพระองค์ พระองค์อาจถูกฆ่าได้นะ" สไปค์พยายามพูดให้เจ้าชายล้มเลิกแผนครั้งนี้อีกครั้ง
"วันนี้จะมีงานเลี้ยงในปราสาทคงมีคนเดินเข้าออกเยอะ ฉันจะแอบเข้าไปทางสวนด้านหลัง" แองเจิลอธิบาย
"พระองค์จะบ้ารึไง" สไปค์ต่อว่า เขาเป็นคนๆเดียวที่สามารถพูดแบบนี้กับเจ้าชายแล้วไม่โดนลงโทษและเจ้าชายเองก็พยักหน้ารับ
"มันต้องลอง" เจ้าชายกล่าว "บางทีมันอาจเป็นหนทางให้เรายุติสงครามอันน่าขันนี้ลงได้" เขาเกลียดสงครามระหว่างกอล์เวย์กับซันนี่เดล เขาไม่คิดว่าการทำสงครามเพื่อแย่งชิงดาบที่มีคนบอกว่าทรงพลังที่สุดเป็นเรื่องสมเหตุสมผลเท่าไรนัก เขานำกองทัพมาก็เพราะบิดาของเขาสั่งให้ทำแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องเห็นดีด้วย
"งั้นผมไปด้วย" สไปค์พูด ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองตาสีฟ้ารู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถทำให้เพื่อนของเขาเปลี่ยนใจได้ เพราะเมื่อใดที่เขาคิดจะทำอะไรเขาก็จะไม่ยอมลดละจนกว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาต้องการ
"ผมด้วย" เสียงชายอีกคนผู้ออกมา
"แซนเดอร์, นายมาทำอะไรที่นี่" องค์ชายแองเจิลถามทหารของเขา
"ผมกำลังจะมาเกลี้ยกล่อมให้พระองค์ยกเลิกความตั้งใจนั้นแต่เมื่อเห็นสไปค์พยายามเช่นนั้นแล้ว ผมคิดว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าผมจะไปกับพระองค์ด้วย"
"งั้นก็ดี" เจ้าชายตอบ "เราจะออกเดินทางทันทีและต้องไม่มีใครเห็นเราด้วย"
"ครับผม" ทั้งสไปค์และแซนเดอร์ตอบออกมาพร้อมๆกัน
"เตรียมอาวุธให้พร้อม" เจ้าชายแองเจิลแนะนำก่อนจะเดินนำสหายที่เขาไว้ใจที่สุดออกไป คืนนี้จะเป็นคืนที่เขาจะหาทางยุติสงครามในครั้งนี้ เขาต้องทำเพื่อนตัวเขาเอง ญาติพี่น้องของเขาและเพื่อชีวิตคนบริสุทธิ์อีกมากมาย
บทที่ 1
"บัฟฟี่ แอน, ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงมีปัญหามากที่สุดในหมู่พวกเรา" เจ้าหญิงวิลโลว์หยอกเพื่อนสนิทของเธอในเช้าวันต่อมา
"เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเธอคงหัวเสียกับการวางตัวของเธอมากเลยสิ" เจ้าหญิงวิลโลว์กล่าวเตือน
"วิลโลว์, ทั้งท่านพ่อและท่านแม่ของเรามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องสงครามไม่มีใครสนใจเรื่องของฉันหรอก ฉันจะตัดสินใจเลือกคู่ก็ต่อเมื่อมันถึงเวลา" เจ้าหญิงบัฟฟี่ตอบเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงห้องรับประทานอาหารและพบว่าทุกคนกำลังคอยทั้งสองอยู่
"วันนี้องค์หญิงสวยมากเลยครับ" เจ้าชายไรลีย์แห่งแอลเอชม "ที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ผมไม่เห็นองค์หญิงเลย"
"พวกเราทุกคนก็เช่นกัน" ราชินีจอยซ์กล่าวกับธิดาคนโตของเธอ "ลูกรู้สึกดีขึ้นแล้วรึยัง"
"ดีขึ้นแล้วเพคะ" องค์หญิงตอบรู้ดีว่าเสด็จแม่พูดถึงเรื่องโกหกที่เธอบอกดอว์นเมื่อคืนนี้ "เกวน, น่าทานจังเลย" เจ้าหญิงกล่าวชื่นชมอาหารตรงหน้ากับแม่ครัวร่างสูงผมสีเข้ม
"ขอบพระทัยเพคะ, องค์หญิง" เกวนตอบด้วยภาษาท้องถิ่นของเธอก่อนที่เจ้าหญิงบัฟฟี่จะพูดเป็นภาษาสเปนว่า "ขอน้ำเปล่าให้ฉันสักแก้วได้ไหม"
"ได้สิค่ะ" แล้วเกวนก็เดินออกไป
"องค์หญิงพูดภาษาสเปนได้รึครับ" เจ้าชายไรลีย์กล่าว ทึ่งในความสามารถของเจ้าหญิงคนสวยตรงหน้า เขาได้ยินคำล่ำลือถึงความสามารถของเจ้าหญิงองค์โตแห่งอาณาจักรซันนี่เดลมากมายและดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยได้ยินคงไม่ห่างไกลความเป็นจริงเท่าไรนัก
"ใช่ค่ะ" เจ้าหญิงบัฟฟี่ตอบ "ฉันเรียนกับเจ้าหญิงแอนนิต้าเมื่อฤดูร้อนสองปีก่อนตอนที่เธอมาอยู่กับเรา และเกวนเองก็สอนฉันมาบ้าง"
"องค์หญิงพูดภาษาอะไรได้อีกบ้าง" เจ้าชายไรลีย์ถามเพราะอยากจะรู้จักเจ้าหญิงบัฟฟี่ให้มากขึ้น
"นอกจากภาษาสเปนแล้วฉันก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย แต่ฉันเกรงว่าภาษาอังกฤษคงเป็นภาษาเดียวที่ฉันพูดได้ดีที่สุด" เจ้าหญิงอธิบายก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "ดอว์น, วันนี้น้องใส่ชุดน่ารักจัง"
"ขอบคุณค่ะพี่, เสด็จแม่เป็นคนเลือกให้นะเนี่ย" เจ้าหญิงดอว์นตอบ
"เสด็จแม่เพคะ, แล้วเสด็จพ่อล่ะ" บัฟฟี่ยิ้มพร้อมกับมองหาท่านพ่อของเธอ
"พระองค์นัดปรึกษาหารือกับแม่ทัพของท่าน สงครามแย่งชิงดาบแค็พปริคอนกับกอล์เวย์เริ่มทำให้เราสูญเสียทหารมากขึ้น" ราชินีตรัสถึงแม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่เธออยากจะพูดเสียเท่าไร "วิลโลว์, เสด็จพ่อเสด็จแม่ของเธอบอกฉันว่าองค์ชายออสบอร์นเอ่ยปากขอเธอแล้ว, โรแมนติคเสียนี่กระไร"
"เพคะ, แต่ดิฉันยังไม่ได้ให้คำตอบเพราะดิฉันยังอย่างจะเห็นโลกให้มากกว่านี้ก่อนจะลงหลักปักฐาน" วิลโลว์ตอบแต่บัฟฟี่ก็ทำให้อารมณ์ของทุกคนเปลี่ยนไปอีกครั้ง
"เมื่อไรสงครามครั้งนี้จะยุติเสียที" เธอสงสัย "แค่ดาบเพียงเล่มเดียวเราต้องเสียหายเพราะมันอีกนานแค่ไหน กอล์เวย์กับซันนี่เดลเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแต่ดูตอนนี้สิ"
หลังจากที่เธอต้องนั่งฟังทั้งเสด็จแม่ของเธอและวิลโลว์นั่งคุยเรื่องในอนาคตมากว่าครึ่งชั่วโมงเธอจึงขอตัวไปพักผ่อน
"ลูกรัก, ลูกแทบไม่ได้ทานอาหารในจานเลยนะจ๊ะ" ราชินีจอยซ์ชี้ไปที่จานที่ยังมีไข่และแฮมอยู่เกือบเต็มจาน
"ลูกยังไม่ค่อยหิวค่ะ" บัฟฟี่ตอบ "ถ้าเสด็จแม่ไม่มีอะไรลูกขอตัวไปเดินเล่นในสวนกุหลาบนะเพคะ"
"องค์หญิงต้องการเพื่อนคุยรึเปล่าครับ" เจ้าชายไรลีย์ถาม ซึ่งตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาเขาได้แต่นั่งมององค์หญิง เธอคงเป็นราชินีที่ดีของเขาได้
"ขอบคุณค่ะ แต่ฉันขออยู่คนเดียวดีกว่า" บัฟฟี่ตอบอย่างสุภาพก่อนจะกล่าวลาทุกคน
*************************
"องค์ชายแองเจิล, ตรงนี้มันหนาวนะ" แซนเดอร์โอดครวญขณะที่เขาและเพื่อนสนิทอีกสองคนซ้อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้
"ผมคิดว่าเราจะบุกเมื่อคืนนี้เสียอีก, พ่อคนฉลาด" สไปค์กล่าวและมันทำให้เจ้าชายมองเขาอย่างเคืองๆ
"ใช่เราควรทำแบบนั้นถ้าหากใครบางคนไม่ทำเสียเรื่อง" องค์ชายมองไปที่แซนเดอร์ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคืนนี้ทั้งสามเดินเข้าไปในงานได้โดยไม่มีใครสงสัยแต่แล้วแซนเดอร์ก็ดันไปจีบเจ้าหญิงไม่ดูตาม้าตาเรือจนทำให้ทั้งสามคนโดนพระสวามีของเธอโมโห แต่พวกเขายังโชคดีที่ไม่มีใครจำพวกเขาได้ซึ่งถ้าหากมีใครสักคนรู้ว่าพวกเขาคือใครคงเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ
"แล้วแผนต่อไปของพวกเราล่ะพะย่ะค่ะ" แซนเดอร์ถาม
"ฉันยังไม่รู้เหมือนกัน" แองเจิลตอบขณะมองดูองครักษ์ทั้งสองคนเดินผ่านไปซึ่งมันก็เป็นเช่นนี้มาตลอดทั้งคืนและทั้งวัน
เมื่อไรก็ตามที่ราชาแห่งซันนี่เดลต้องการปกปักษ์รักษาสิ่งใดเขาก็จะทำมันอย่างดีเพราะเมื่อคืนนี้ทั้งสามคนไม่สามารถลุกจากที่ซ้อนของพวกเขาได้เลยและในวันนี้เองก็ดูเหมือนว่าโอกาสของพวกเขาก็ไม่มีเช่นกัน เพราะถ้าพวกเขาเคลื่อนไหวเมื่อไรองครักษ์อาจเห็นพวกเขาและบางทีใครคนหนึ่งอาจจำพวกเขาได้
"เพอร์ซี่,แลร์รี่ พวกคุณไม่ต้องตามฉันมาก็ได้" เสียงหวานๆของหญิงสาวคนหนึ่งหันเหความสนใจของแองเจิล
"องค์หญิง, องค์ราชาทรงตรัสอย่างชัดเจนว่า " แลร์รี่พูดแต่ก็หยุดเมื่อบัฟฟี่ยกมือขึ้นปราม
"ผู้อารักขาคนเดียวที่ฉันต้องการคือลีโอน่า" เธอบอกองครักษ์ว่าเธอต้องการเพียงสิงโตตัวเมียสัตว์เลี้ยงของเธอข้างกายเท่านั้น เจ้าสิงโตเองก็ครามใส่องครักษ์ทั้งสองจนต้องถอยออกไป
"ลีโอน่านั่งลง" บัฟฟี่สั่งก่อนจะลูบขนที่หลังของมันเล่น
แองเจิลแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เจ้าของเสียงที่เขาได้ยินเป็นนางฟ้า นางฟ้าผมสีทองยาวสลวยดวงตาสีเขียวมรกตสดใสที่ทำให้เขาไม่สามารถถอนสายตาจากดวงตาคู่นั้นได้ เธอใส่ชุดกระโปรงสีขาวแดงธรรมดาแต่เมื่อเธอใส่มันกลับทำให้มันดูสวยได้อย่างหน้าแปลกใจ การพูดของเธอและการหยอกล้อเล่นกับสัตว์เลี้ยงของเธอมันแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและบริสุทธิ์ซึ่งมันเป็นบางสิ่งที่ขาดหายไปในตัวเจ้าหญิงหลายๆองค์ที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่พามาให้เขารู้จัก
"ก็ได้พะย่ะค่ะ, แต่องค์หญิงต้องใส่ใจกฎของพระราชา อยู่ห่างๆกำแพง" เพอร์ซี่ขอร้องก่อนจะเดินตามแลร์รี่เข้าไปในวัง
"ไงลีโอน่า, เรื่องนั้นมันก็พูดยากจริงมั้ย" บัฟฟี่พูดกับสัตว์เลี้ยงของเธอและเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของเธอ แน่นอนที่ ลีโอน่าไม่สามารถพูดโต้ตอบเธอได้เหมือนกับวิลโลว์หรือแอนนิต้าแต่ลีโอน่ารับฟังเธอและอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เจ้าหญิงนั่งที่ชิงช้าสีขาวที่ประจำของเธอ "ลีโอน่า,มาตรงนี้เร็ว" เธอพูดเบาๆ เจ้าสิงโตว่าง่ายเดินมาหาตามคำสั่งและนอนลงข้างๆเมื่อนายหญิงของตัวค่อยๆแกว่งชิงช้าไปมาอย่างช้าๆ
"รู้อะไรไหมลีโอน่า, ฉันอยากจะให้สงครามครั้งนี้จบลงเสียที" บัฟฟี่ระบายความในใจออกมา
*************************
คำพูดประโยคสุดท้ายของสาวงามทำให้แองเจิลลุกขึ้นยืนในทันที "องค์ชายนั่งลง เดี๋ยวเธอจะเห็นพระองค์นะ" สไปค์เตือนและพยายามดึงเสื้อคลุมสีแดงของเจ้าชาย
"ฉันไม่สน" แองเจิลตอบและสะบัดผ้าคลุมของตนออกจากมือของเพื่อนได้สำเร็จ
"เจ้าชาย" แซนเดอร์เรียกด้วยเสียงที่เบาที่สุดเมื่อเขาเห็นเจ้าชายของเขาและพระราชาในอนาคตยอมเสี่ยงทุกอย่างโดยเดินเข้าไปหาสาวสวยคนนั้น เธอเป็นเหมือนเทพธิดาและแซนเดอร์รู้สึกว่าเจ้าชายของเขาคงจะตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็นเสียแล้ว
"แล้วพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ" สไปค์ถามด้วยความกังวล
"อยู่ตรงนี้และรอดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะมั่ง ฉันว่า" แซนเดอร์ตอบเขาได้แต่ภาวนาว่าทุกอย่างคงจบลงด้วยดี
*************************
ลีโอน่าคำรามเป็นการเตือนเจ้าหญิงบัฟฟี่ว่ามีใครบ้างคนเดินเข้ามา เธอหันหน้ามองและต้องแปลกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอยืนมองเธอราวกับว่าเธอเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
"ท่านเป็นใครกัน" เธอถามอย่างสงสัย แต่มีบางอย่างบอกเธอว่าเธอไม่ต้องกลัวชายแปลกคนนี้ "ท่านเข้ามาในนี้ได้อย่างไร"
"กระผมชื่อแองเจิล มาร่วมงานเลี้ยงเมื่อคืนแต่ก็พลาดไป" แองเจิลตอบรู้สึกประทับใจกับความน่ารักสดใสของบัฟฟี่ มันเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีสิ่งดีงามอย่างนี้ปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้
"สวัสดีแองเจิล" บัฟฟี่ทักทายพร้อมๆกับลูบขนลีโอน่าเพื่อบอกให้มันรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี บัฟฟี่ไม่แน่ใจว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าทุกอย่างเรียบร้อยแต่เธอรู้ "เชิญนั่งก่อนสิ" เธอเชื้อเชิญให้เขามานั่งตรงที่ว่างข้างๆเธอ "ฉันคือเจ้าหญิงแห่งซันนี่เดล"
"ยินดีที่ได้พบขอรับเจ้าหญิง" แองเจิลกล่าวพร้อมกับจับมือของบัฟฟี่ก่อนจะก้มลงจูบมือของเธอเพื่อแสดงความเคารพ "ฝ่าบาทสวยงามกว่าเจ้าหญิงองค์ใดที่เกล้ากระหม่อมเคยได้พบ" เขาพูดออกมาและนั้นทำให้เธอหน้าแดง มันไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยได้ยินประโยคนี้มาก่อนแต่เมื่อประโยคคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากแองเจิลผู้นี้ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที
"ท่านคือเจ้าชายแห่งกอล์เวย์ใช่หรือไม่" บัฟฟี่ถามทันทีเมื่อเธอเห็นแหวนประจำตระกูลที่แองเจิลใส่อยู่และนั้นทำให้แองเจิลถึงกับตัวแข็ง
*************************
บทที่ 2
"พระองค์รู้ว่าผมคือใคร?" แองเจิลถามด้วยความแปลกใจในวิธีการพูดเรียบๆไม่ตกใจของเจ้าหญิง "แล้วทำไมไม่ตะโกนเรียกองครักษ์ของพระองค์ล่ะครับ"
"ฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นใช่ไหมคะ" บัฟฟี่ถามก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเธอ เธอเดินไปยังกำแพงที่ปกคลุมไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดง "ท่านรู้รึเปล่าว่าดอกไม้เป็นพฤกษาที่รักสงบ พวกมันไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ, ไม่มีสงครามเพื่อแย่งชิงสิ่งใด พวกมันอยู่กันอย่างสงบและเป็นสุข" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
ในวินาทีนั้นเองแองเจิลก็รู้ทันทีว่าเธอคิดเช่นเดียวกับเขาเกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ "องค์หญิงบัฟฟี่ ผมรู้สึกว่าเราทั้งสองมีความเห็นตรงกันกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอาณาจักรของเรา" เขาหวังว่าสิ่งที่เขาพูดคงดูไม่กระตือรือร้นจนเกินไปนะ
"ได้โปรดเรียกฉันว่าบัฟฟี่ดีกว่า, องค์หญิงมันดูจะเป็นทางการมากไป ราวกับว่าฉันดีกว่าคนอื่นซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย" เธอตอบก่อนจะหันมาเผชิญหน้าเจ้าชายหนุ่มรูปงาม "แล้วที่ท่านมาที่นี่ประสงค์จะทำกิจใดหรือค่ะ" เธอสงสัย เจ้าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอช่างเหมือนเจ้าชายในฝันของเธอแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามขนาดไหนเธอก็ไม่มีวันแตะต้องเขาได้
"พระองค์เป็นคนมีพระเมตตามากครับองค์หญิง เออ บัฟฟี่ที่ทรงถามเช่นนี้" แองเจิลยิ้ม "ส่วนใหญ่จะทรงภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าหญิง"
"และไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศของตน" บัฟฟี่พูดต่อ เธอนั่งลงที่เก้าอี้ของเธออีกครั้งและบอกให้แองเจิลนั่งลงด้วย "อย่างไรก็ตามฉันมักจะเป็นพวกแปลกประหลาดกว่าใครเขาเสมอ"
"ผมว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย" แองเจิลแย้งอย่างเร่งร้อนซึ่งทำให้ทั้งบัฟฟี่และตัวเขาเองต้องประหลาดใจ "การห่วงใยประชาชนเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ คนใดที่ไม่กระทำเช่นนั้นต่างหากที่สูญเสียบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน"
บัฟฟี่รู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้ยินคำพูดของแองเจิล เธอไม่เคยพบใครมีความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเหมือนกับเธอเช่นนี้มาก่อน โดยปกติแล้วเมื่อเธอพูดถึงการปกป้องประชาชนของซันนี่เดลหรือการช่วยเหลือพวกเขาทั้งท่านพ่อท่านแม่ของเธอมักจะหัวเราะทุกครั้งและตรัสกับเธอว่าเธอหน้าจะคิดถึงเรื่องการแต่งงานมากกว่าที่จะมาค่อยวิตกเรื่องใครจะเสียชีวิตในสงคราม สิ่งที่พวกท่านไม่เข้าใจคือทหารที่รบให้กับประเทศของเราก็มีครอบครัว พวกเขามีพ่อแม่พี่น้องที่คอยเป็นห่วงเป็นใยพวกเขา
"ขอบพระทัยเพคะ" บัฟฟี่ตอบเมื่อแองเจิลนั่งลงข้างๆเธอ "แต่ท่านก็ยังไม่ตอบคำถามของฉันเลย" เธอพูดพร้อมกับเปิดกรงนกที่อยู่ใกล้ๆ
"ผมมาที่นี่เพื่อหาวิถีทางที่จะยุติสงครามครั้งนี้โดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ" แองเจิลตอบและมองบัฟฟี่อย่างชื่นชมเมื่อเธอเอานกพิราบสีขาวออกมาจากกรง "พวกสัตว์ดูจะชอบพระองค์นะครับ" เขาชื่นชมเมื่อเจ้านกน้อยไม่มีทีท่าว่าจะบินจากเธอไป
"เธอชื่อฟรีดอม" บัฟฟี่แนะนำนกน้อยที่อยู่ในมือเธอ "เธอเป็นนกตัวโปรดและเพื่อนคุยที่ฉันเชื่อใจที่สุด" และนั้นทำให้ลีโอน่าคำรามออกมาอย่างไม่พอใจ "รองจากลีโอน่าน่ะ" บัฟฟี่ขำพรางเอามืออีกข้างลูบหัวลีโอน่าไปมา "เธอเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดของฉัน"
"พระองค์ไม่ค่อยได้ออกจากพระราชวังมากนักใช่ไหมครับ" แองเจิลสงสัยเมื่อเธอพูดถึงสัตว์เลี้ยงของเธอราวกับว่าในโลกนี้มีเพียงพวกมันที่เป็นเพื่อนของเธอ
"ไม่เลย" บัฟฟี่พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย "ฉันติดอยู่ด้านหลังกำแพงนี้จนกว่าสงครามนี้จะสิ้นสุด แต่ถึงแม้สงครามครั้งนี้จะจบลงท่านพ่อท่านแม่ของฉันก็ดูจะมีแผนจัดงานแต่งงานให้กับฉันและฉันแน่ใจไม่ว่าใครก็ตามที่ท่านเลือกให้คงหวังให้ฉันอยู่แต่ในวังอีกครั้ง"
"นั้น นั้นมันไม่ถูกต้อง" แองเจิลแย้ง พวกเขาจะทำอย่างนั้นกับสมบัติล้ำค่าของพวกเขาได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่เธอต้องการคืออิสรภาพ
"เสด็จพ่อเสด็จแม่ของท่านยอมให้ท่านออกมานอกพระราชวังเหรอ" เธอถามเขา
แองเจิลตกใจกับคำถามนี้อยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะตอบว่า "ผมเป็นแม่ทัพของกองทัพท่านพ่อแน่นอนที่ผมจะได้รับอนุญาตให้ออกมาแต่ก็เพื่อสู้รบเท่านั้น คืนนี้ผมแอบออกมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน"
"อ๋อ " บัฟฟี่ตอบก่อนจะนำเจ้านกน้อยเข้าไปในกรงตามเดิม "แล้วตอนนี้พวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มกุหลาบสีม่วงตรงนั้นใช่ไหม" เธอถามถึงสไปค์และแซนเดอร์
"ใช่, ทำไมคุณถึง " เขาเริ่มถาม
"ก่อนที่คุณจะมาที่นี่ฉันเคยได้ยินว่ามีเจ้าชายหลายองค์เข้าออกจากทางนั้น ไม่ต้องกังวลไปฉันไม่เรียกองครักษ์มาจับพวกเขาหรอก"
"คุณใจดีจัง" แองเจิลพูดด้วยความจริงใจเขาจับมือเธออีกครั้งก่อนจะค่อยก้มลงจุมพิตมือของเธออย่างนุ่มนวล
บัฟฟี่รู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาทันทีที่แองเจิลจุมพิตมือของเธอ เจ้าชายองค์อื่นเคยทำแบบนี้กับเธอบ่อยๆแต่ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกอย่างที่จุมพิตของแองเจิลกำลังทำให้เธอประสบอยู่เลย ตลอดเวลายี่สิบนาทีที่เจ้าชายเจ้าหญิงสององค์นั่งคุยกันบัฟฟี่เริ่มรู้สึกตัวว่าเธอตกหลุมรักเจ้าชายแสนดีจากกอล์เวย์องค์นี้เข้าซะแล้ว ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องดีแต่บางทีมันคงจะต้องสิ้นสุดลง
"องค์หญิงเพคะ ถึงเวลาเสด็จกลับเข้ามาแล้วนะเพคะ" คอร์ดีเลียตะโกนเรียกจากทางเดิน เธอมองไม่เห็นว่าองค์หญิงกำลังคุยอยู่กับใครแต่เธอเดาว่าคงเป็นลีโอน่า แต่บางครั้งองค์หญิงก็มักทำให้เธอประหลาดใจ
"เดี๋ยวฉันเข้าไป" บัฟฟี่ตอบ
"แล้วผมจะได้พบคุณอีกครั้งเมื่อไรครับ" แองเจิลถามออกมาก่อนที่สมองเขาจะคิดเสียอีก
บัฟฟี่หันกลับมามองหน้าเจ้าชายที่แอบขโมยหัวใจเธอในเวลาอันสั้นอีกครั้ง "พรุ่งนี้มาพบฉันที่นี้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นสูงสุด" เธอแนะก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำสิ่งหนึ่งที่ทั้งเธอและเขาต้องตกใจเมื่อเธอก้าวเข้าไปหอมแก้มเขา "จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้นะคะ" เธอกระซิบอย่างแผ่วเบาข้างๆหูเขา
"พรุ่งนี้" แองเจิลเห็นด้วย "ด้วยความยินดี" เขาก้มตัวลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา
บัฟฟี่อย่างให้ทั้งสองจุมพิตกันเช่นนี้ตลอดไป ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจเธอตอนนี้เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนและความรู้สึกนั้นมันกำลังครอบคลุมเธอ เธอรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังมีความรักและมันเป็นความรู้สึกที่งดงามที่สุดเท่าที่เธอเคยรู้สึกมา, เพียงแต่ว่า
"องค์หญิงเพคะ" คอร์ดีเลียเรียกอีกครั้งทำให้คู่รักของเราต้องผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว
"แล้วพบกันคะเจ้าชายของฉัน" บัฟฟี่พูดก่อนจะเดินกลับเข้าไปอย่างเชื่องช้า
*************************
"องค์หญิงมัวไปทำอะไรอยู่เพคะ" คอร์ดีเลียถามเจ้าหญิงทันที่เมื่อเจ้าหญิงเดินมาหาเธอ
"ฉันกำลังมีความรัก" บัฟฟี่ตอบออกมาเบาๆแต่ถึงยังไงคอร์ดีเลียก็ไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงใคร
"องค์หญิงดอว์นอยากให้พระองค์ไปทำผมให้เธอเพคะ" คอร์ดีเลียบอก "ฮาร์โมนี่ผู้น่าสงสารตามหาองค์หญิงให้วุ่นเชียว จนในที่สุดเธอก็เป็นคนทำผมให้องค์หญิงดอว์นก่อนเข้านอนแต่องค์หญิงไม่ยอมเธอต้องการให้พระองค์เป็นคนทำผมให้มากกว่าผู้ดูแลของเธอ"
"งั้นฉันคงต้องไปหาน้องสาวของฉันล่ะ" บัฟฟี่กำลังจะเดินจากคอร์ดีเลียไป ถึงแม้คนดูแลเธอจะเป็นคนนิสัยดีน่ารักแต่บางครั้งบัฟฟี่ก็รำคาญเธอเหมือนกัน
"อย่าลืมว่าพรุ่งนี้องค์หญิงต้องไปทรงม้ากับเจ้าชายไรลีย์นะเพคะ" คอร์ดีเลียเตือนขณะเดินตามเจ้าหญิงวัยสิบเก้า
"ฉันไม่เคยตบปากรับคำเรื่องนั้นเลยนะ" บัฟฟี่แจ้งและหันมาเผชิญหน้ากับผู้ดูแลของเธอ "อ๋อ..คงมีคนนัดให้ฉันล่ะสิ" เสด็จพ่อเสด็จแม่ทำกับเธอเช่นนี้ได้อย่างไร "ช่วยบอกเจ้าชายไรลีย์ว่าฉันจะพาน้องสาวของฉันออกไปเดินเล่นตามที่ฉันสัญญากับเธอเอาไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เขาควรจะเป็นคนถามฉันด้วยตัวเองถ้าหากเขาต้องการใช้เวลาร่วมกับฉันจริงๆ"
"พระองค์ไม่ให้โอกาสเจ้าชายหน่อยเหรอเพคะ" คอร์ดีเลียถามเธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเจ้าหญิงถึงปฏิเสธเจ้าชายหนุ่มรูปงามที่เหมาะสมกับเธอได้
"เจ้าชายไรลีย์แสดงให้ฉันเห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่ฉันพอใจ แค่การกระทำที่เขาถามเสด็จพ่อเสด็จแม่ของฉันแทนทีจะมาพูดกับฉันมันบ่งบอกอยู่แล้วว่าเขาเป็นห่วงความรู้สึกของพวกท่านมากกว่าความรู้สึกของฉัน" บัฟฟี่เดินตรงไปยังห้องของน้องสาวเธอทันที ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้กับผู้ดูแลของเธออีก
*************************
"พระองค์จะบ้าเหรอ" สไปค์ตกใจเมื่อแองเจิลเล่าเรื่องการนัดพบของเขากับบัฟฟี่ในวันพรุ่งนี้ "พระองค์แน่ใจเหรอว่าเธอจะไม่วางกับดักเอาไว้"
"ถ้าเธอต้องการทำแบบนั้นวันนี้เธอคงจับพวกเราสามคนได้แล้วล่ะ" แองเจิลกล่าวขณะที่ทั้งสามนั่งอยู่ในห้องของเขา "เธอเป็นคนมีจิตใจงดงาม" เขาพูดขึ้นมาหลังจากนั้น "ใช่ไหม"
"โอ้! ไม่นะ" แซนเดอร์ยิ้มเมื่อเข้าใจว่ามันคือเรื่องใด "พระองค์ทรงตกหลุมรักเธอเข้าแล้วใช่รึเปล่าครับเจ้าชาย" เขาถามเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้ที่เขานั่งอยู่อย่างสบายอารมณ์ "พระองค์รู้ไหมว่าจะทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิงกันขนาดไหน"
"ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรมีความรู้สึกแบบนั้นกับลูกสาวศัตรู แต่แซนเดอร์, สไปค์ ถ้านายสองคนออกมาจากที่กำบังพวกนายจะได้เห็นว่าจริงๆแล้วเธอเป็นคนดีมีน้ำใจแค่ไหน" แองเจิลพูดและจะไม่ยอมให้เพื่อนๆเปลี่ยนใจเขาในเรื่องนี้เด็ดขาด "ฉันจะไปเจอเธอพรุ่งนี้อีกครั้ง นายสองคนจะช่วยฉันหรือไม่ก็ตามใจฉันไม่สน ถึงยังไงฉันก็จะไปและฉันจะต้องไม่ได้ยินใครถึงพูดเรื่องนี้อีก" แองเจิลให้คำขาด
"พระองค์อาจถูกทำร้ายหรือทำให้ประชาชนได้รับอันตรายได้นะพะยะค่ะ" สไปค์ให้เหตุผล มันเป็นข่าวดีที่เพื่อนสนิทของเขากำลังมีความรัก แต่มันควรจะเกิดกับเจ้าหญิงที่พระราชาพามาดูตัวไม่ใช่เหรอ
"มันคุ้ม" แองเจิลตอบ "ฉันรู้ว่าเธอคุ้มค่า"
"งั้นผมก็สนับสนุน" สไปค์ตอบ "ถึงแม้มันจะไม่ตรงกับความเห็นผมแต่ผมจะช่วยพระองค์"
"ผมก็เช่นกัน" แซนเดอร์ยอมอีกคนเพราะเขารู้ดีเมื่อไรก็ตามที่เจ้าชายทรงตัดสินใจแล้วก็ไม่มีอะไรมาหยุดเขาได้
"ดี ฉันสัญญาว่าจะไปพบเธอพรุ่งนี้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นสูงสุดบนฟากฟ้า"
"ใช่แล้วพรุ่งนี้" เพื่อนทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน
*************************
บทที่ 3
ในวันต่อมาเจ้าหญิงสองพระองค์กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนกุหลาบหลังจากที่ไปทรงม้ามาทั้งวัน เจ้าหญิงบัฟฟี่หัวเราะเมื่อเห็นน้องสาวของเธอกำลังเล่นอยู่กับลีโอน่าและทั้งสองก็ดูเข้ากันได้ดี มันเป็นวันที่อากาศสดใสและอบอุ่นแสงอาทิตย์สาดส่องเป็นประกายเมื่อกระทบกับหญ้าสีเขียวและดอกไม้ที่ผลิบาน เจ้าหญิงบัฟฟี่ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเรือนสวยของเธอและเพิ่มสังเกตว่ามันเกือบได้เวลาที่เจ้าชายที่เธอพบเมื่อวานจะมาแล้ว เธอต้องทำอะไรสักอย่างให้น้องสาวของเธอออกไปจากสวนก่อนที่เขาจะมา
"ดอนนี่, วันนี้เจ้าหญิงเมลิซ่าไม่มาเล่นกับเธอเหรอ?" เธอถามถึงเจ้าหญิงผมแดงตัวน้อยที่ดูยังไงก็น่าจะเป็นเด็กห้าขวบมากกว่าสิบขวบ
"เสด็จแม่ของเธอบอกว่าวันนี้เธอมีเรียนเต้นรำเพราะฉะนั้นเธอเลยมาหาหนูไม่ได้" ดอว์นตอบขณะที่เธอกำลังขึ้นมานั่งข้างๆพี่สาวของเธอและด้วยความช่วยเหลือของบัฟฟี่เธอก็ขึ้นมานั่งบนชิงช้าสีขาวจนได้ "บัฟฟี่, พี่กำลังรอใครรึเปล่า"
บัฟฟี่ตกใจกับคำถามของน้องสาวแต่เธอก็พยายามเก็บอาการ "อะไรทำให้น้องคิดแบบนั้นล่ะ" เธอถาม
"ก็พี่มองนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ที่เสด็จพ่อให้อยู่บ่อยๆ" ดอว์นเริ่มแกว่งชิงช้าที่เธอนั่งไปมา "อีกอย่างพี่หน้าแดง"
"จริงเหรอ" บัฟฟี่รีบหยิบกระจกขึ้นมาส่องทันที แน่นอน เธอกำลังหน้าแดงบางทีอาจเป็นเพราะความร้อนจากแสงอาทิตย์แต่ในใจยังคงสงสัยว่าบางทีอาจเป็นเพราะใกล้ถึงเวลาที่เธอจะได้พบเจ้าชายแองเจิล
"น้องเก็บความลับได้หรือเปล่า" บัฟฟี่มองน้องสาวของเธอ
"ได้สิ..ได้" ดอว์นสัญญาทันที "ฉันสัญญาจะไม่บอกใครแล้วพี่มีความลับอะไรล่ะ"
"พี่ได้พบใครคนหนึ่ง" บัฟฟี่ตอบ "และเขากำลังจะมาพบพี่ที่นี้เร็วๆนี้ และพี่ก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ด้วยเข้าใจไหม" เธอพูดแกมบังคับ
"เขาเป็นใครกัน" ดอว์นถามด้วยความสงสัย เธอจะไม่บอกความลับของพี่สาวกับใครหรอกแต่เธออยากรู้ว่าชายคนที่ทำให้พี่สาวของเธอหน้าแดงขนาดนี้ได้ชื่ออะไร
"เขาชื่อแองเจิล เขามาจากประเทศห่างไกล" บัฟฟี่ตอบถึงแม้เธอจะไว้ใจน้องสาวของเธอแต่ก็ไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่มาของเขาเท่าไรนัก
"เขาเป็นเจ้าชายใช่หรือไม่" ดอว์นแปลกใจกับชื่อแองเจิลของเขา ผู้ชายอะไรมีชื่อยังกับผู้หญิง
"ใช่" บัฟฟี่ตอบ
"องค์หญิง" ฮาร์โมนี่เรียกขณะที่เธอเดินเข้ามาในสวน "มันใกล้จะเที่ยงแล้วนะเพคะ พระราชาและพระราชินีต้องการให้องค์หญิงเสด็จเข้าในวังเพคะ" เธอบอกองค์หญิงทั้งสอง
"บอกเสด็จแม่ของฉันว่าฉันจะอยู่ที่นี้อีกสักพัก" บัฟฟี่สั่งเมื่อเธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง 'ไม่ต้องสงสัยนั้นคงเป็นหมวกของแองเจิลแน่ๆ' เธอคิดและมันทำให้เธอยิ้มออกมา "พาดอว์นเข้าไปได้แล้วล่ะ" เธอบอกสาวใช้
"เพคะ" ฮาร์โมนี่ตอบ "แต่ราชินีคงไม่พอพระทัยแน่ที่พระองค์ยังไม่เสด็จเข้าข้างใน"
"เดี๋ยวฉันเข้าไป" บัฟฟี่ย้ำก่อนจะช่วยดอว์นลงจากชิงช้า
"สัญญานะ" ดอว์นยิ้มให้พี่สาวอย่างรู้ทัน
"สัญญา" บัฟฟี่ตอบ
"คุณออกมาได้แล้วล่ะ" บัฟฟี่พูดขึ้นเมื่อทั้งน้องสาวของเธอและฮาร์โมนี่เดินลับตาไปแล้ว
"คุณสวยจัง" แองเจิลมาทางด้านหลังบัฟฟี่ และเธอไม่แปลกใจที่รู้สึกว่าแขนแข็งแรงทั้งสองข้างของเขาสวมกอดเธอและดึงเธอเข้ามาแนบชิดเขา "ไม่มีดอกไม้ในสวนไหนเทียบคุณได้เลย"
"ชมหม่อมฉันมากเกินไปแล้วเพคะ" บัฟฟี่หันมาเผชิญหน้ากับแองเจิล
แองเจิลยิ้มให้กับเธอ ดวงตาสีมรกตเป็นประกายสดใสของเธอจับจ้องอยู่ที่เขาและมันทำให้เขาห้ามใจไม่อยู่ก้มลงจุมพิตอย่างแผ่วเบา "ผมคิดถึงคุณจังเลย"
"ฉันก็เช่นกัน" บัฟฟี่ตอบ เธอยังคงไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเจ้าชายจากเมืองอันห่างไกลที่พ่อของเธอกำลังต่อสู้อยู่ในขณะนี้ถึงขโมยหัวใจเธอไปอย่างง่ายดาย แต่การที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของแองเจิลทำให้เธอมีความสุขจนไม่อยากจะผละออกจากอ้อมแขนอันแข็งแกร่งแต่อ่อนโยนของเขาเลย "แล้วเพื่อนอีกสองคนของคุณล่ะ" เธอถามเมื่อสังเกตว่าเขาเข้ามาเพียงคนเดียว
"ผมบอกให้พวกเขารอผมอยู่ข้างนอก ถ้ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นพวกเขาจะได้รู้ เอาล่ะ! เจ้าหญิงของผมวันนี้คุณเป็นยังไงบ้าง" แองเจิลสงสัยพร้อมๆกับดึงบัฟฟี่ลงมานั่งกับเขาบนม้านั่งที่อยู่ในสวน
"ฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันกับน้องสาวของฉันแค่นั้นแหล่ะที่ฉันทำวันนี้"
"ผมอยากจะใช้เวลากับคุณให้มากกว่านี้" แองเจิลบอกรู้ดีว่าอีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะอัสดงแล้วและเขาจำเป็นต้องจากไป
"ฉันก็เช่นกัน" บัฟฟี่เห็นด้วยขณะค่อยๆซบหน้าลงบนไหล่ของเจ้าชาย "ฉันอยากให้เรื่องของดาบแค็พปริคอนไม่เคยเกิดขึ้น" เธอพูดถึงสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ต้องห่างกัน "ไม่งั้นเราคงได้อยู่ด้วยกันแล้ว"
"แต่ถ้าเรื่องของดาบไม่เคยเกิดขึ้นผมอาจจะไม่ได้มาที่นี้ก็ได้" แองเจิลแย้ง "อย่างไรก็ตามผมเห็นด้วยดาบนำมาซึ่งความเจ็บปวดและสูญเสียแก่บ้านเมืองของเราแต่มันนำสิ่งดีๆสิ่งหนึ่งมาให้ผมนั้นคือคุณ"
บัฟฟี่มองหน้าแองเจิลก่อนจะตอบว่า "มันก็นำพาคุณมาหาฉันเช่นกัน แต่ฉันอยากให้มันผ่านพ้นไปเสียที"
"ผมจะขอให้เพื่อนของผมช่วยผมหาดาบเล่มนั้น" แองเจิลสัญญา "และเมื่อพบมันแล้วผมจะทำลายมันซะก่อนที่ใครจะได้มันไปครอบครอง"
"แองเจิล, ให้ฉันช่วยคุณนะ" บัฟฟี่อ้อนวอน "ฉันไม่รู้ว่าฉันจะช่วยคุณได้อย่างไรแต่มันต้องมีบางอย่างที่ฉันสามารถช่วยคุณได้"
"แล้วพวกเราจะคิดหาทางกัน" แองเจิลยืนยัน
*************************
บทที่ 4
สองชั่วโมงผ่านไป "คุณว่ามันจะได้ผลไหม" บัฟฟี่ถาม
"ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้" เขาโน้มตัวลงมาหอมแก้มเจ้าหญิงของเขา "โดยเฉพาะตอนที่ผมมีคุณ"
"คืนนี้ฉันจะแอบเข้าไปในห้องหนังสือของเสด็จพ่อ ท่านสะสมหนังสือเก่าย้อนไปถึงปี ค.ศ 1100 ฉันแน่ใจว่าหนังสือโบราณแบบนั้นคงมีข้อมูลของดาบให้เราเพิ่มขึ้นบ้างล่ะ" บัฟฟี่อธิบาย
"เรารู้แล้วว่ามันอยู่บริเวณใด" แองเจิลกล่าวย้ำในสิ่งที่ทั้งคู่รู้มา
"ใจกลางอาณาจักร" บัฟฟี่ตอบ รอยยิ้มของเธอจางหายไปเมื่อเธอคิดถึงประชาชนที่ล้มหายตายจากไปเพราะดาบงี่เง่า มันทำให้เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่เธอคิดถึงความสูญเสียที่เกิดจากสงครามบ้าบอในครั้งนี้
"บริเวณที่มีสายน้ำไหลและยามค่ำส่องประกายสว่างราวกับกลางวัน" แองเจิลพูดในแบบที่เสด็จพ่อของเขาเคยสอนตอนเขายังเยาว์
"ฉันก็คิดว่าตำนานบอกไว้อย่างนั้น" บัฟฟี่ตอบ "ตลอดระยะเวลาที่สงครามยังดำเนินต่อไปฉันพยายามค้นหาสถานที่ตามตำนานในแผนที่ต่างๆ"
"แล้ว" แองเจิลสนใจ
"สถานที่แห่งเดียวที่ตรงตามคำบรรยายคือบริเวณน้ำตกที่ห่างจากที่นี่ไปประมาณหนึ่งร้อยหลา" บัฟฟี่หันหน้ามาหาเจ้าชายแสนดีของเธอ "ฉันไม่มีโอกาสได้ออกไปค้นหามันด้วยตัวเอง"
"สไปค์, แซนเดอร์และผมจะจัดการเอง" แองเจิลสัญญากับบัฟฟี่ เขากอดเธออย่างแนบแน่น เธอดุจดั่งดอกกุหลาบที่มีทั้งความสวยสง่าและเร่าร้อน และเป็นคนที่เขาหวังจะสร้างครอบครัวด้วย
"ดีค่ะ" บัฟฟี่เห็นด้วย "ฉันจะหาข้อมูล ระวังตัวด้วยนะคะ"
"ผมจะกลับมาหาคุณพร้อมกับดาบในมือของผม" เขาก้มลงจุมพิตปลายจมูกของเธออย่างรักใคร่
"องค์หญิง" ทั้งสองได้ยินเสียงคอร์ดีเลียเรียกอยู่ไกลๆ "องค์หญิงบัฟฟี่อยู่ที่ไหนเพคะ"
"ฉันควรจะไปแล้ว" บัฟฟี่ลุกขึ้นจากที่นั่ง "ฉันจะได้พบคุณอีกเมื่อไรคะ" เธอถามทั้งๆที่เขายังไม่ทันจากไปเธอก็ต้องการที่จะพบอีกครั้งแล้ว
"ผมสัญญามันจะใช้เวลาไม่นาน ผมจะกลับมาก่อนที่จะถึงวันพระจันทร์เต็มดวง" แองเจิลจุมพิตบัฟฟี่อย่างดูดดื่มก่อนจะปล่อยเธอเดินไปหาผู้ดูแลของเธอ
"อยู่นี่เองรึเพคะองค์หญิง" คอร์ดีเลียต่อว่า "องค์ราชินีทรงตามหาพระองค์ซะทั่วเลย" เธอเดินพาบัฟฟี่เข้ามาในพระราชวัง "ทำไมพระองค์ไม่ขานตอบหม่อมฉันตอนที่เรียกพระองค์ล่ะเพคะ" เธอสงสัย
"ขอโทษทีคอร์ดีเลีย, ฉันเผลอหลับไปและเพิ่งได้ยินเสียงเธอเมื่อกี้เอง" บัฟฟี่ตอบขณะที่ทั้งสองเดินเข้ามาถึงห้องอาหาร
"บัฟฟี่, มาพอดี" ราชินีจอยซ์ทักทายลูกสาวคนโตของเธอ "ลูกไปอยู่ไหนมาทั้งวัน" เธอถาม ขณะที่เจ้าชายไรลีย์เลื่อนเก้าอี้ให้บัฟฟี่นั่ง เธอขอบคุณเขาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก
"ลูกเผลอหลับไปในสวนเพคะเสด็จแม่" เธอบอกอย่างที่เธอบอกกับคอร์ดีเลีย "ขอโทษนะคะที่ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วง" เธอรู้สึกผิด
"บัฟฟี่, เจ้าชายไรลีย์อยากให้ลูกพาพระองค์เที่ยวชมในเมืองพรุ่งนี้" ราชาแฮงค์ตรัสและหันไปยิ้มอย่างรู้กันกับองค์ราชินี
บัฟฟี่ครวญเธอรู้ดีว่าเสด็จพ่อของเธอมีประสงค์ใด พระองค์ต้องการให้เธอและเจ้าชายไรลีย์แต่งงานกันแต่มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับตัวเธอ
"หม่อมฉันดีใจที่พระองค์ถามดิฉัน" บัฟฟี่พูดกับไรลีย์และแกล้งยิ้มให้
"แต่พรุ่งนี้หม่อมฉันคงยุ่งทั้งวันกับการฝึกร้องเพลงที่ฉันจะร้องเพื่อต้อนรับเสด็จพ่อเสด็จแม่ของพระองค์" เธออ้างถ้าทุกคนคิดว่าเธออยู่ในห้องดนตรีทั้งวันคงไม่มีใครมากวนเธอ และเธออาจจะหาโอกาสแอบเข้าไปในห้องหนังสือของเสด็จพ่อได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย
"บัฟฟี่ แอน ซัมเมอร์" องค์ราชินีดุลูกสาวของเธอ ไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวของเธอจะบอกปัดองค์ชายไรลีย์ "อาทิตย์นี้ลูกจะซ้อมวันไหนก็ได้ก่อนที่เสด็จพ่อเสด็จแม่ของไรลีย์จะเสด็จมา ไรลีย์,เธอจะไปกับพระองค์พรุ่งนี้" ราชินียืนยันกับเจ้าชาย
ถ้าเสด็จแม่ของเธอไม่ยอมให้เธออยู่ในวังเพื่อฝึกซ้อมงั้นพรุ่งนี้เธอจะแกล้งปวดหัวและนั้นคงจะได้ผล
"ผมจะตั้งตารอเวลาที่เราจะได้ใช้ร่วมกัน" ไรลีย์ตอบก่อนจะดึงมือบัฟฟี่มาจุมพิต
"No, Me gusta su (ฉันไม่ได้ชอบคุณ)" บัฟฟี่พูดออกมาเป็นภาษาสเปน 'ไม่อยากเชื่อเลย เขาคิดว่าฉันชื่นชมเขา' เธอคิดเมื่อเห็นไรลีย์พยักหน้ารับในสิ่งที่เธอพูด "Baka (โง่เอ่ย)" เธอพึมพำเบาๆ
"พระองค์แน่ใจกับแผนการนี้น่ะพะยะค่ะ" แซนเดอร์ถามเจ้าชายของเขา แองเจิลกลับมาถึงวังของเขาก่อนสหายทั้งสองคนที่เขาให้ออกไปหาข้อมูล และเมื่อพวกเขากลับมาแองเจิลจึงเล่าแผนที่เขาและบัฟฟี่คิดเอาไว้ สไปค์เห็นด้วยแต่แซนเดอร์ยังเคลือบแคลงใจอยู่..
"ฉันแน่ใจ" แองเจิลยืนยัน "ฉันสัญญากับบัฟฟี่ว่าเราจะทำให้สำเร็จก่อนวันพระจันทร์เต็มดวง ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง ฉันต้องการให้สงครามครั้งนี้ยุติโดยเร็วและบัฟฟี่จะได้มาเป็นชายาของเราเร็วขึ้นเท่านั้น" คำพูดของแองเจิลทำให้เพื่อนของเขาทั้งสองประหลาดใจ
"พระองค์ทรงรักกับเจ้าหญิงแห่งซันนี่เดลใช่หรือไม่" แซนเดอร์ถามเพื่อความแน่ใจเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเจ้าชายคิดอย่างไร
"ในชีวิตนี้ฉันรักเธอมากกว่าสิ่งใดที่ฉันเคยรัก" แองเจิลตอบ "ถึงแม้ฉันจะรู้จักเธอได้เพียงไม่นานแต่ฉันรู้สึกว่าเธอจะเป็นส่วนหนึ่งของฉันตลอดไป..ส่วนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน"
"ตกลง" แซนเดอร์ยอมรับ "แล้วเราจะไปที่น้ำตกนั้นเมื่อไรล่ะ"
"คืนนี้" เจ้าชายตอบ "สไปค์รีบรวบรวมสิ่งที่เราต้องการแล้วมาพบฉันที่ห้องนี้ก่อนห้าทุ่ม" เจ้าชายสั่ง
"พะยะค่ะ" สไปค์ตอบ "เราจะรีบมา, แองเจิล" เขาบอกเพื่อนสนิทของเขา
"ขอบใจนายสองคนมากนะ" แองเจิลกล่าวก่อนจะเดินจากไป
*************************
บทที่ 5
"องค์หญิงบัฟฟี่ได้เวลาตื่นบรรทมแล้วเพคะ" คอร์ดีเลียเรียกขณะกำลังเดินเข้าไปในห้องบรรทมของบัฟฟี่
"ฉันยังไม่อยากลุกเลย" บัฟฟี่ตอบ "ฉันปวดหัวมากและยังอยากจะนอนพักต่ออีกสักหน่อย"
"แต่วันนี้พระองค์ต้องเสด็จไปในเมืองกับเจ้าชายไรลีย์นะเพคะ" คอร์ดีเลียเตือนองค์หญิงผู้ซึ่งมีท่าทีไม่สนใจเรื่องนี้สักเท่าไร
"ช่วยบอกองค์ชายไรลีย์ด้วยว่าวันนี้เราอาจไม่สามารถไปกับพระองค์ได้" บัฟฟี่พูดโดยได้แต่หวังว่าคอร์ดีเลียจะเชื่อคำพูดของเธอ
"ก็ได้เพคะ แต่เสด็จแม่ของพระองค์คงไม่พอใจเป็นแน่" คอร์ดีเลียน้อมศีรษะให้องค์หญิง
"ฉันเข้าใจ" บัฟฟี่ยอมรับ "ช่วยบอกคนอื่นๆด้วยว่าอย่ามารบกวนฉันวันนี้"
"เพคะ" แล้วคอร์ดีเลียก็เดินออกจากห้องไป บัฟฟี่นอนลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าสีชมพูของเธออีกครั้ง ได้แต่หวังว่าจะฝันถึงแองเจิลของเธอ แองเจิลคนที่เธอรัก เธอได้แต่ภาวนาให้เขาปลอดภัย เส้นทางที่เขาเลือกภายใต้สถานการณ์นี้มันอันตรายมากและหากเธอต้องสูญเสียเขาไปเธอไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
*************************
"พร้อมรึยัง, สไปค์ แซนเดอร์" แองเจิลถามขณะกำลังสวมผ้าคลุมศีรษะสีน้ำตาลเข้ม
"ท่านแน่ใจนะว่าเราจะสามารถไปถึงดาบศักดิ์สิทธิ์ได้" สไปค์ถามขณะกระชับดาบเงินข้างกายของเขาก่อนจะสวมผ้าคลุมสีเขียวบนศีรษะของเขา
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องผ่านมันไปได้" แองเจิลตอบด้วยความมั่นใจ
"แน่นอนที่สุด" แซนเดอร์ตอบ
"งั้นพวกเราออกเดินทางกันได้รึยัง" สไปค์ถาม พร้อมจะออกเดินทางแล้ว
"ยิ่งเราได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มาเร็วเท่าไรเราก็จะได้อยู่กับบัฟฟี่เร็วเท่านั้น"
"ท่านรักองค์หญิงจริงๆสินะ" แซนเดอร์พูดขณะเดินตามองค์ชายของเขาออกมาจากห้องสรรพาวุธ
"รักเดียวของเรา" แองเจิลตอบ "พวกเราจะออกจากปราสาททางห้องของเรา, ไป" เขาแนะ
"งั้นก็รีบไปกันเถอะ" แซนเดอร์ตอบ
ชายหนุ่มทั้งสามเดินไปตามทางเดินอย่างเงียบๆระวังไม่ให้ใครเห็นและได้ยิน แองเจิลหวังว่าในไม่ช้านี้ดาบข้างกายของเขาจะถูกแทนที่ด้วยดาบแค็พปริคอนอันศักดิ์สิทธิ์ที่เขาจะนำมาให้บัฟฟี่เพื่อทำลายด้วยคาถาที่เธอเตรียมเอาไว้
*************************
"บัฟฟี่ บัฟฟี่" ดอว์นตะโกนเรียกพร้อมกระโดดขึ้นเตียงพี่สาวเพื่อปลุกให้เธอตื่น "เสด็จพ่อได้ตัวกษัตริย์แห่งกอล์เวย์"
"อะไรนะ" บัฟฟี่สะดุ้งตกใจลุกขึ้นจากเตียง "เสด็จพ่อจับตัวเสด็จพ่อของแองเจิลมาเหรอ"
"ไม่ใช่สักหน่อย พระองค์เสด็จมาเมื่อชั่วโมงก่อน องค์ชายกับองครักษ์อีกสองคนหายไปพระองค์คิดว่าเสด็จพ่อของเราจับตัวพวกเขามา แล้วพระองค์ก็ขู่ว่าสงครามครั้งนี้คงจะไม่มีวันสิ้นสุด" ดอว์นอธิบาย
"ไม่นะ" บัฟฟี่รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที
"บัฟฟี่, ฉันนึกว่าพี่ป่วยเสียอีก" ดอว์นถามเมื่อเห็นพี่สาวของเธอวิ่งไปทั่วห้องก่อนจะคว้าชุดกระโปรงสีขาวขึ้นมา
"ดอนนี่ช่วยพี่แต่งตัวหน่อยสิ" บัฟฟี่สั่ง
"บัฟฟี่, พี่กำลังจะทำอะไร"
"หวังว่าจะยุติสงครามครั้งนี้ก่อนที่มันจะแย่ลงกว่าเดิม" เธอตอบ "ขอบใจนะดอนนี่" เธอพูดก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไป 'ขอให้ฉันไปทันทีเถอะ' เธอคิดขณะเดินออกจากห้องโถงตรงไปยังห้องของเสด็จพ่อ เธอเดินสวนกับเจ้าชายไรลีย์โดยไม่สนใจในสิ่งที่เขากำลังจะพูด เรื่องหยุดยั้งเสด็จพ่อของเธอกับกษัตริย์เฮนรี่ต้องมาก่อน
"เฮนรี่ฉันไม่รู้เลยว่าลูกชายของคุณอยู่ที่ไหน" กษัตริย์แฮงค์ตอบ
"ฉันได้ยินข่าวลือว่าเขาแอบมาที่นี่" กษัตริย์เฮนรี่บอก
"ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย" กษัตริย์แฮงค์ตอบและประหลาดใจที่บุตรชายของคู่อริอาจแอบเข้ามาในพระราชวัง "ฉันบอกคุณได้เลยว่าสิ่งที่ฉันสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือดาบแค็พปริคอน"
"ซึ่งก็คือสมบัติของกอล์เวย์" กษัตริย์เฮนรี่สวนทันควัน
"มันเป็นของซันนี่เดลต่างหากละ" กษัตริย์แฮงค์เถียงและกำลังจะเถียงต่อแต่เจ้าหญิงองค์โตของเขาก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน "บัฟฟี่ พ่อนึกว่าวันนี้ลูกไม่สบาย" เขาถามด้วยความเป็นห่วง "ลูกไม่ควรลุกออกจากที่นอนนะ"
"ลูกต้องการยุติสงครามครั้งนี้ก่อนมันจะเลวร้ายลง" บัฟฟี่ร้องขอ "ได้โปรดเถอะเพคะ เสด็จพ่อ, องค์ราชาเฮนรี่, ยุติสงครามครั้งนี้เสียเถอะ"
"องค์หญิงสงครามครั้งนี้เป็น " กษัตริย์เฮนรี่กล่าวเขารู้สึกทึ่งกับคำพูดของเจ้าหญิงและมันทำให้เขานึกถึงลูกชายของเขา
"เรื่องน่าขัน" บัฟฟี่ตัดความ "ดาบแค็พปริคอนไม่มีทางเทียบได้กับชีวิตที่ต้องสูญเสียไปกับสงครามในครั้งนี้ มันสมควรแล้วหรือที่ต้องเสียสละชีวิตคนบริสุทธิ์เพียงเพื่อให้ได้ดาบเพียงเล่มเดียวมาครอง" น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาอาบแก้มอันผุดผ่องของเธอ
"บัฟฟี่, พ่อเข้าใจถึงความห่วงใยของลูกแต่ลูกรักเมื่อลูกโตกว่านี้ลูกจะเข้าใจ" ราชาแฮงค์พยายามปลอบใจลูกสาวของตน
"ลูกไม่มีวันเข้าใจ" บัฟฟี่ถอยห่างจากเสด็จพ่อของเธอ "เช่นเดียวกับแองเจิล" เธอพูดพร้อมหันไปมองกษัตริย์เฮนรี่
"องค์หญิงรู้จักลูกชายของฉันเหรอ" ราชาเฮนรี่ถามด้วยความประหลาดใจ
"รู้จักเขา" บัฟฟี่ตอบและยิ่งทำให้บิดาของเธอตกใจมากขึ้นเมื่อเธอกล่าวว่า "และรักเขามากกว่าสิ่งใดในโลกนี้"
"บัฟฟี่" ราชินีจอยซ์พูดขึ้นมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวของเธอพูด "นี่เป็นเหตุผลที่ลูกปฏิเสธเจ้าชายไรลีย์ใช่หรือไม่" เธอถามลูกสาวของเธอขณะที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง
"ใช่เพคะ" บัฟฟี่ยอมรับ "และแองเจิลก็รักลูก, จริงๆแล้วตอนนี้เขากำลังเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงกับการเดินทางอันอันตรายเพื่อไปเอาดาบศักดิ์สิทธิ์มา และหลังจากนั้นเราจะทำลายสิ่งนี้ด้วยกัน"
"ว่าไงนะ" กษัตริย์ทั้งสองตะโกนด้วยความตกใจออกมาพร้อมๆกัน
"มันถึงเวลาที่ต้องยุติความขัดแย้งกันแล้วนะเพคะ" บัฟฟี่ขอร้อง "พระองค์ไม่เข้าใจหรือไร"
ราชินีจอยซ์กอดร่างองค์หญิงที่สะอื้นไห้ไว้ในอ้อมกอด "ใช่ค่ะ" เธอพูดและสบตาพระสวามีของเธอและราชาเฮนรี่ "มันถึงเวลาแล้ว"
*************************
บทที่ 6
"นายต้องระวังมากกว่านี้" แองเจิลพูดขณะโยนเชือกไปให้แซนเดอร์ "ตอนฉันบอกให้ระวังฉันหมายถึงให้นายระวัง ที่นี้เต็มไปด้วยอันตรายนายก็รู้"
"ที่นี้เต็มไปด้วยทรายจริงๆ" สไปค์เสริมเขาพยายามไม่หัวเราะออกมา และทั้งสองช่วยกันดึงเพื่อนแสนซื่อของเขาขึ้นมาจากทรายดูด
"ขอบใจ" แซนเดอร์ดึงตัวออกมาจนได้ "ขำอะไรกัน" สไปค์และแองเจิลได้แต่ส่ายหัว แต่แล้วสไปค์ก็อดใจไม่ไหวตบหัวแซนเดอร์เสียหนึ่งที "เฮ้ย! ตบหัวฉันทำไมว่ะ"
"เดินทางกันต่อเถอะ" แองเจิลหยิบดาบของเขาขึ้นมาอย่างเตรียมพร้อม "เราไม่มีทางรู้หรอกว่ามีอันตรายอะไรรอเราอยู่ข้างหน้า และฉันต้องฝ่ามันไปให้สำเร็จเพื่อกับไปหาบัฟฟี่"
"พะยะค่ะ" แซนเดอร์รับ "เราต้องเดินทางอีกไกลแค่ไหน"
"ผ่านถ้ำพระเพลิงสู่ภูผาน้ำแข็ง" แองเจิลตอบตามในสิ่งที่เขาจำได้เมื่อครั้งเสด็จพ่อเสด็จแม่ของเขาเล่าสมัยเขายังเยาว์วัย
"งั้นก็ไปกันเถอะ" สไปค์ออกเดินไปก่อนทั้งๆตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน
*************************
"บัฟฟี่, ลูกรักลูกชายของเฮนรี่จริงๆหรือ" ราชาแฮงค์ยังรู้สึกตกใจที่ลูกสาวของเขาไปหลงรักลูกชายของศัตรูของเขา
"เสด็จพ่อเพคะ ลูกรักเขามากกว่าชีวิตของลูกเองเสียอีก ถ้าลูกต้องเลือกลูกจะเลือกเขาเพคะ" บัฟฟี่ตอบออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด
กษัตริย์เฮนรี่รู้สึกประทับใจในตัวหญิงสาวที่ลูกชายของเขาหลงรัก เธอเป็นคนเข้มแข็งและไม่กลัวที่แสดงความรู้สึกออกมา เจ้าหญิงบัฟฟี่คนนี้จะต้องเป็นราชินีที่ดีได้โดยไม่ต้องมีราชาองค์ใดอยู่เคียงข้างแต่เขารู้ว่าลูกชายของเขาคงจะอยู่เคียงข้างเธออย่างแน่นอน
"มีวิธีไหนที่เราจะยุติสงครามแย่งชิงดาบครั้งนี้ได้บ้าง" ราชินีจอยซ์เดินมายืนเคียงข้างบุตรสาว "ความสุขของลูกๆของเราไม่สำคัญพอที่จะเปลี่ยนแปลงมันหรือ"
"ความสุขของบัฟฟี่มีความสำคัญต่อฉันมากเช่นเดียวกับความสุขของดอว์น" ราชาแฮงค์ตรัส
"แองเจลัสคือลูกชายคนเดียวของเรา การทำให้เขามีความสุขคือสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด" ราชาเฮนรี่ตอบ
"งั้นทรงยุติมันสิ" บัฟฟี่อ้อนวอน "ได้โปรด, อย่าเสียสละชีวิตบริสุทธิ์เพียงเพื่อดาบนี้อีกเลยเพคะ"
"เฮนรี่, ฉันคิดว่าเรามีหลายอย่างต้องคุยกัน" ราชาแฮงค์ตรัสกับราชาอีกพระองค์
"ใช่ มันมีหลายเรื่องที่เราต้องพูดกัน"
บัฟฟี่ยิ้มเมื่อเธอเห็นกษัตริย์ทั้งสองเดินออกจากห้อง เธอหวังว่าเมื่อแองเจิลกลับมาทุกอย่างคงดีขึ้นกว่าเดิม
*************************
"แองเจิลระวัง" สไปค์ตะโกนเมื่อเขาเห็นมังกรเขียวพ่นไฟไปทางเพื่อนของเขา
แองเจิลกระโดดหลบไปทางซ้าย "รู้ไหมที่ตำนานบอกว่าถ้ำพระเพลิงไม่เห็นมีส่วนไหนพูดถึงมังกรเลย" เขาดึงดาบออกมาเตรียมพร้อมจะตอบโต้เมื่อมันถึงเวลาที่เหมาะสม
"แซนเดอร์, สไปค์ หันเหความสนใจมันหน่อยสิ" แองเจิลสั่งการ เขาวิ่งเข้าหามังกรพร้อมจะเผด็จศึก
"นี่, เจ้าตัวน่าเกลียด" สไปค์ตะโกนพร้อมกับยิงธนูของเขาเข้าเบ้าตาขวาของมันพอดี
"ไอ้ตัวพ่นไฟ" แซนเดอร์ยิงก้อนหินก้อนที่ใหญ่ที่สุดพอจะยิงจากหนังสติ๊กของเขาไปที่ตาอีกข้างหนึ่งของมันและนั้นทำให้มันหันไปพ่นไฟใส่แซนเดอร์
"หลบสิวะ" สไปค์รีบดึงแซนเดอร์ออกมาให้พ้นเปลวไฟที่พุ่งเข้ามาหา
แองเจิลรีบปีนขึ้นไปบนทางด้านหลังของเจ้ามังกรอย่างรวดเร็ว เขาใช้เชือกพันรอบคอของมันโดยที่มันแทบไม่สนใจเขาเลย เขาโรยตัวลงมาก่อนจะใช้ดาบของเขาและพละกำลังที่เขามีอยู่ทั้งหมดแทงดาบไปที่หัวใจของมันอย่างแม่นยำ ไม่นานนักเจ้ามังกรก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและสะบัดแองเจิลหล่นลงมาทับเเพื่อนรักทั้งสองของเขา
"ขอบใจ" แองเจิลลุกขึ้น
"ไม่มีปัญหา" สไปค์ตอบ "แต่คราวหน้าหล่นไปทับคนอื่นนะ"
"ฉันเห็นด้วย" แซนเดอร์เห็นด้วย "เฮ้! ดูนั้นสิ ภูผาน้ำแข็ง" เขาชี้ไปที่เนินข้างหน้าไม่ไกลจากถ้ำนัก
"มันกำลังละลาย" สไปค์บอก
"ดี, อุปสรรคอย่างสุดท้าย รีบไปกันเถอะ ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี" แองเจิลแนะ
สไปค์และแซนเดอร์พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะเดินตามเจ้าชายของพวกเขาไป
*************************
"ฉันรอไม่ไหวแล้วนะ" บัฟฟี่พูดกับวิลโลว์แม่มดสาวเพื่อนของเธอที่เธอเพิ่งเรียกมาพบหลังจากออกมาจากห้องของเสด็จพ่อ
"องค์หญิงต้องมีศรัทธา องค์ราชาทั้งสองต้องทำเรื่องนี้สำเร็จแน่นอนเพคะ"
"วิลโลว์ ฉันเพียงอยากจะให้เรื่องทุกอย่างจบลงสักที" บัฟฟี่บอกเพื่อนของเธอ "แล้วเธอเอาของทุกอย่างที่เธอต้องการใช้ในพิธีมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม"
"หม่อมฉันนำทุกอย่างที่ท่านต้องการมาครบแล้วเพคะ" วิลโลว์ยืนยัน "เดี๋ยวเราจะเตรียมสถานที่รอเมื่อองค์ชายเสด็จกลับมา"
*************************
"พร้อมรึยัง" แองเจิลถามพรรคพวกเมื่อเขามายืนอยู่หน้าดาบที่ก่อปัญหาทั้งหมด
"รีบเปลี่ยนดาบเถอะ" สไปค์แนะและแซนเดอร์ก็พยักหน้าเห็นด้วย
แองเจิลดึงดาบของเขาออกมาจากฝักก่อนจะรีบดึงดาบแค็พปริคอนออกมาจากหินที่มันปักอยู่และปักดาบของเขาเองกลับลงไปแทนที่ดาบแค็พปริคอน ชายหนุ่มทั้งสามรู้สึกว่าพื้นที่เขายืนอยู่เริ่มสั่นไหวและนั้นทำให้เขารู้ทันทีว่าต้องรีบออกไปจากที่นี้แล้ว
"ไปเร็ว" แองเจิลตะโกนเรียกเพื่อนทั้งสองของเขาให้วิ่งตามออกมา 'ฉันกำลังจะกลับบ้านแล้วบัฟฟี่'
*************************
"พวกเราตัดสินใจแล้ว" ราชาแฮงค์ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ที่ท้องพระโรง
"จากวันนี้ไปสงครามจะยุติ" ราชาเฮนรี่เสริม บัฟฟี่รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที "แฮงค์และฉันปรึกษาถึงข้อดีข้อเสียของสงครามครั้งนี้และเห็นตรงกัน เราได้แต่ปฏิเสธสิ่งที่ลูกชายของเราและองค์หญิงบัฟฟี่พร่ำบอกมาตลอด"
"การต่อสู้ทำให้เราอ่อนแอ" ราชาแฮงค์ตรัสต่อ "แต่ถ้าเราร่วมมือกันเราจะแข็งแกร่ง"
"เราไม่ต้องการดาบเพื่อสิ่งนั้นเลย" ราชาเฮนรี่เห็นด้วย
"ดีใจที่ได้ยินเสด็จพ่อพูดเช่นนั้น" แองเจิลพูดแทรกขึ้นมาเมื่อเขา สไปค์และแซนเดอร์เดินเข้ามาในท้องพระโรง
"แองเจิล" บัฟฟี่รีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าชายของเธอ เธอนอนไม่หลับเลยทั้งคืนรอคอยการกลับมาของเขา ในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมดาบที่พวกเขาพูดถึง
"ให้หม่อมฉันเริ่มพิธีเลยรึเปล่า" วิลโลว์ถามพร้อมกับรับดาบมาจากแองเจิล
"เริ่มได้เลย" แองเจิลบอกก่อนจะตรงเข้าสวมกอดบัฟฟี่
"แต่งงานกับผมนะ" เขาถามเจ้าหญิงแสนสวยที่ส่งยิ้มให้เขา
"ไม่มีอะไรจะมาหยุดเราได้อีกแล้วที่รัก ไม่มีเลย" บัฟฟี่สัญญา ทั้งสองจุมพิตอย่างนุ่มนวลสัญญาต่อกันว่าความสุขของทั้งสองจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
************ The End *************
15.50 น.
ผลงานอื่นๆ ของ ba4ever ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ba4ever
ความคิดเห็น