บทสัมภาษณ์ ... “ คุณขิม ตีสี่ ”
บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่พิธีกรสาวไฮโซชื่อดัง ถูกดาราสาวอีก 2 คนรุมทำร้ายเพื่อแย่งรถ ความเป็นจริงของเหตุการณ์ที่ท่านไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ได้ปรากฏอยู่ในบทสัมภาษณ์ครั้งนี้แล้ว
ผู้เข้าชมรวม
532
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทสัมภาษณ์ ... “ คุณขิม ตีสี่ ”
ตัดภาพเข้าสู่รายการทอล์คโชว์ชื่อดัง ในช่วงสนทนาทอล์คออฟเดอะทาวน์ ที่ออกอากาศทางรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งต่อจากละครน้ำเน่าหลังข่าวภาคค่ำ
คุณวิทวุฒิ พิธีกรของรายการที่นั่งอยู่บนเวทียกมือขึ้นไหว้และสวัสดีผู้ชมรายการทุกท่าน
วิทวุฒิ “สวัสดีครับทุกท่าน ในวันนี้รายการของเราได้รับเกียรติจากพิธีกรสาวไฮโซชื่อดัง ที่เธอกำลังมีข่าวคาวโด่งดังอยู่ในขณะนี้ พิธีกรสาวไฮโซผู้โปรยเสน่ห์ จนได้รับฉายาจากคนในวงการว่า มือที่สาม พิธีกรสาวผู้ออกปากร้องเชิญชวนให้ดาราชายทุกคนเข้ามาหาเธอในเวลาค่ำคืน จนเธอได้ฉายาเป็นนามสกุลต่อท้ายชื่อว่า ตีสี่ .... ขอเสียงปรบมือดัง ๆ ตอนรับ คุณขิม ตีสี่ ครับ”
เสียงปรบมือของผู้ชมในห้องส่งดังเกรียวกราวขึ้น พิธีกรสาวที่อยู่ในชุดราตรีเซ็กซี่สีดำก้าวเดินออกมาจากฉากด้านหลังเวที บรรดานักข่าวสายบันเทิงกว่า 100 คนที่มารอทำข่าว ต่างก็ระดมถ่ายภาพของเธอจนแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูปกว่า 50 ตัวสว่างจ้าเกือบจะพร้อม ๆ กัน
คุณขิม ตีสี่ พิธีกรสาวไฮโซที่วันนี้เธอต้องออกมาในฐานะแขกรับเชิญของรายการ เธอเดินมาหยุดยกมือไหว้ผู้ชม พร้อมทั้งโบกมือให้แก่ผู้ชมด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งเคียงข้างกับคุณวิทวุฒิพิธีกรของรายการบนเวที
ขิม ตีสี่ “สวัสดีค่ะคุณวิทวุฒิ”
วิทวุฒิ “สวัสดีครับคุณขิม เพื่อที่จะไม่ให้เสียเวลาผมขออนุญาตเข้าสู่คำถามแรกเลยนะครับ จริงหรือเปล่าครับ ที่ข่าวบอกว่าคุณขิมกับดาราสาวสองคน มีการตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชายใช่ไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ไม่จริงค่ะ ขิมขอปฏิเสธข่าวตอนนี้เลยค่ะ ข่าวที่ออกไปเป็นเรื่องไม่จริงค่ะ ไม่มีการตบตีกันแต่อย่างใด ไม่มีการโดนเนื้อต้องตัวกันเลยทั้ง 2 ฝ่าย มีแต่การโต้เถียงและยื้อแย่งรถกันเท่านั้นเองค่ะ”
วิทวุฒิ “ แล้วข่าวที่ออกมาล่ะครับ? ข่าวบอกว่า ... คุณขิมโดนคุณมายด์ที่เป็นนางร้ายกับคุณแอ้มที่เป็นนางเอกรุมทำร้ายไม่ใช่เหรอครับ?”
ขิม ตีสี่ “ คุณวิทวุฒิคะ ขออย่าเอ่ยชื่อเค้าได้ไหมคะ ขิมไม่อยากได้ยินชื่อนี้ค่ะ”
วิทวุฒิ “ งั้นผมต้องขอโทษคุณขิมด้วยนะครับ เอาเป็นว่าเหตุการณ์นี้คุณขิมโดนรุมทำร้ายใช่ไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ไม่ใช่ค่ะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นมันชุลมุนมาก ทางฝ่ายน้องเค้ามีคนมากกว่าขิม ขิมไปที่นั่นแค่เพียงคนเดียว แต่ทางฝ่ายน้องเค้ามีคนมากกว่าเลยดูเหมือนขิมโดนรุมทำร้าย แต่จริง ๆ แล้วเราต่างคนต่างก็แค่ยื้อแย่งรถคันเล็ก ๆ กันแค่นั้นเองค่ะ”
วิทวุฒิ “ ถ้าอย่างนั้นแล้ว เหตุการณ์วันนั้นมันเป็นยังไงคุณขิมช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ วันนั้นขิมก็ไปที่นั่นจริงค่ะ แต่ขิมไปคนเดียว ขิมไปเดินซื้อของตามปกติ ขิมไม่ได้ไปออกงานอะไรที่นั้น แล้วชุดที่ขิมใส่ไปก็เป็นชุดอยู่บ้านธรรมดา เพียงแต่ว่าเป็นเหตุบังเอิญที่ขิมไปเจอน้อง 2 คนนั้นค่ะ”
วิทวุฒิ “ งั้นแสดงว่าคุณมายด์กับคุณแอ้ม ... อุ้ย ... ลืมตัว ขอโทษนะครับ ผมว่าจะไม่เอ่ยชื่อแล้วนะ ลืมตัวจนได้ เอาเป็นว่าในวันนั้นดาราสาวทั้ง 2 คนนั้นมีงานอยู่ที่นั่นพอดีใช่ไหมครับ แล้วก็บังเอิญไปเจอกับคุณขิม เลยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น”
ขิม ตีสี่ “ ใช่ค่ะ ตอนนั้นขิมซื้อของเสร็จแล้ว กำลังจะกลับบ้าน พอดีวันนั้นขิมซื้อของเยอะค่ะ ตอนนั้นขิมเดินมาที่รถ ขิมรู้สึกว่ามีคนกำลังวิ่งตามขิม ขิมรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ขิมเลยรีบเดินเอาของไปใส่รถแล้วรีบขึ้นไปนั่งบนรถ พอขิมเพียงก้าวขาขึ้นรถได้ข้างเดียวเอง เพื่อนของน้องคนนั้นก็เดินวิ่งมาจับรถขิมไว้ ไม่ยอมให้รถขิมไปคะ”
วิทวุฒิ “ แล้วตอนนั้นทางฝ่ายโน้นเค้ามากันกี่คนครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ขิมก็ไม่แน่ใจค่ะ เพราะว่าตอนนั้นคนเยอะมาก แล้วขิมก็ตกใจกลัวด้วย แต่ที่ขิมเห็นแน่ ๆ คือน้องคนนั้นกับเพื่อนของเธอค่ะ เพื่อนของเธอเป็นคนมาดึงฉุดรถขิมไว้ไม่ให้รถขิมขับออกไป ส่วนน้องคนนั้นก็ยืนขวางหน้ารถไว้ แล้วน้องคนนั้นก็ตะโกนบอกให้ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นให้มาช่วยห้ามรถไว้ กันไม่ให้รถของขิมขับออกไปค่ะ แต่ขิมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนั้นเขามากับฝ่ายโน้นด้วยหรือเปล่า”
วิทวุฒิ “ แล้วตอนนั้นคุณขิมทำไงต่อครับ คุณขิมตะโกนร้องให้คนช่วยไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ขิมไม่กล้าแหกปากตะโกนร้องหรอกค่ะ ขิมอายคนแถวนั้น คุณแม่ขิมสอนมาให้มีสมบัติผู้ดี เป็นสุภาพสตรีต้องสำรวมกริยามารยาทค่ะ”
วิทวุฒิ “ แล้วพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นคุณแม่ของคุณขิมรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?”
ขิม ตีสี่ ก้มหน้าลง พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอาบแก้มเล็กน้อยพอเป็นพิธี จนทำให้คุณวิทวุฒิต้องเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูส่งให้ เธอรับกระดาษทิชชูหนึ่งแผ่นมาจากคุณวิทวุฒิเพื่อมาซับน้ำตา ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวต่อ
ขิม ตีสี่ “ คุณวิทวุฒิคิดดูสิคะ ขิมไม่เคยเห็นคุณแม่ขิมร้องไห้เลยตั้งแต่ขิมอายุ 6 ขวบ จนกระทั่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น .... คุณแม่ ...คุณแม่ของขิม ... แม่”
แล้ว ขิม ตีสี่ ก็ต้องหยุดพูดเพื่อร้องไห้สะอึกสะอื้นต่ออีกครั้ง จนทำให้คุณวิทวุฒิต้องหยิบกระดาษทิชชูอีกแผ่นส่งให้เธอ
วิทวุฒิ “ ไม่เป็นไรครับ เราข้ามเรื่องคุณแม่ของคุณขิมไปก่อนดีกว่าครับ เอาเป็นว่าตอนนี้เรากับมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อดีกว่าครับ เรื่องก็คือทางฝ่ายโน้นเค้าเข้ามายื้อรถไว้ไม่ให้รถคุณขิมขับออกไป แล้วทางฝ่ายโน้นเค้าพูดอะไรกับคุณขิมไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ พอเพื่อนของน้องคนนั้นเข้ามาดึงยื้อรถขิมไว้ แล้วน้องเค้าก็ถามขิมว่า พี่ไม่อายบ้างเหรอคะที่มานั่งรถของคนอื่นเค้า”
วิทวุฒิ “ แสดงว่า ...ทางฝ่ายโน้นเค้าว่าคุณขิมว่า ... หน้าด้าน ...ใช่ไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ใช่ค่ะ แถวบ้านขิมก็ตีความว่าอย่างนั้นค่ะ คุณวิทวุฒิคิดดูสิคะ อยู่ ๆ ก็มาว่าขิมว่าหน้าด้าน ถ้าเป็นคุณวิทวุฒิ คุณวิทวุฒิจะโกรธไหมล่ะคะ”
วิทวุฒิ “ หลังจากที่ฝ่ายโน้นเค้าว่าคุณขิมว่าหน้าด้านแล้ว เค้าว่าอะไรคุณขิมต่อไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ เค้าบอกว่า นี่รถของเค้า ให้ขิมลงจากรถแล้วไปขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน ขิมก็บอกว่าไม่ค่ะน้อง พี่จะไปรถคันนี้ น้องนั่นแหละไปขึ้นแท็กซี่เถอะ”
วิทวุฒิ “ อ้าว ... ทำไมล่ะครับ?”
ขิม ตีสี่ “ คุณวิทวุฒิคิดดูสิคะ จะให้ขิมไปนั่งรถแท็กซี่ได้ไง ข้าวของขิมก็เอาขึ้นมาไว้เต็มรถแล้ว ถ้าขิมไปขึ้นรถแท็กซี่ขิมไม่ต้องขนข้าวของขิมลงอีกเหรอคะ ขิมไม่ยอมหรอกค่ะ”
วิทวุฒิ “ ที่ทางฝ่ายโน้นเค้าบอกว่า รถคันนั้นเป็นรถของเค้า แล้วเรื่องราวมันเป็นมายังไง? คุณขิมลองเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ขิมไม่รู้ว่ารถคันนั้นเป็นรถของน้องเค้า ถ้าขิมรู้ขิมจะไม่ขึ้นรถคันนั้นเลยตั้งแต่แรก นี่ขิมไม่รู้จริง ๆ ค่ะ สาบานให้ฟ้าผ่าตายก็ได้ค่ะ”
วิทวุฒิ “ ตกลงว่ารถคันนั้นเป็นของทางฝ่ายโน้นเค้า แต่คุณขิมไม่รู้มาก่อน ... แล้วคุณขิมทำไงต่อครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ตอนนั้นขิมไม่รู้ขิมไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นรถของใคร ขิมเดินขนของมาเหนื่อย ขิมขึ้นรถแล้วขิมไม่ยอมลงหรอกค่ะ ขิมเลยบอกให้คนขับรถออกรถไปเลย น้องคนนั้นกับเพื่อนของเธอก็ได้แต่ยืนตะโกนด่าขิม จนกระทั่งรถของขิมวิ่งออกไปแล้วค่ะ”
วิทวุฒิ “ เออ ... เดี๋ยวก่อนนะครับ เมื่อกี้คุณขิมบอกว่า คุณขิมให้คนขับรถขับออกไปเลย คุณขิมมีคนขับรถไปด้วยเหรอครับ”
ขิม ตีสี่ “ ขิมไม่ได้มีคนขับรถไปด้วยหรอกค่ะ คนขับรถเขาก็ขับรถคันนั้นอยู่แล้วค่ะ เขาไม่ได้มากับขิมหรอกค่ะ แต่ถ้าไม่มีคนขับรถคนนั้น เป็นคนขับรถคันนั้นพาขิมออกมา ขิมก็คงออกมาไม่ได้แน่ ๆ เลยค่ะ เพราะว่าขิมขับรถคันนั้นไม่เป็นค่ะ”
วิทวุฒิ “ อ้าว รถมินิคูเปอร์ คุณขิมขับไม่เป็นแล้วคุณขิมไปรับฝากรถมินิมาจากแฟนเค้าทำไมล่ะครับ?”
ขิม ตีสี่ “ รถมินิอะไรกันค่ะคุณวิทวุฒิ รถตุ๊กตุ๊กค่ะ ใครจะไปขับรถตุ๊กตุ๊กเป็นล่ะค่ะ ขิมไม่กล้าขับหรอกค่ะ”
วิทวุฒิ “ รถตุ๊กตุ๊กเหรอครับ ไม่ใช่รถมินิคูเปอร์สีขาวคาดดำคันที่เป็นข่าวเหรอครับ ที่คุณขิมขับไปที่ห้างสรรพสินค้าหรูชื่อดังกลางกรุงไม่ใช่เหรอครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ห้างสรรพสินค้าหรูชื่อดังอะไรกันคะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หน้าตลาดสดบางกะปินี่เอง วันนั้นขิมไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อของสดมาทำกับข้าวเย็นให้แม่ขิมกินค่ะ พอขิมซื้อของเสร็จเดินออกมาจากตลาด ขิมก็เรียกรถตุ๊กตุ๊กคันนั้นที่จอดอยู่หน้าตลาดเลยค่ะ”
วิทวุฒิ “ เดี๋ยวนะครับคุณขิม ผมเริ่มงงแล้วครับ ... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามข่าวบอกว่าคุณขิมโดนดาราสาว 2 คนรุมทำร้ายที่ห้างสรรพสินค้าหรูชื่อดัง เพื่อแย่งรถมินิคูเปอร์ของแฟนเค้าไม่ใช่เหรอครับ?”
ขิม ตีสี่ “ คุณวิทวุฒิเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าค่ะ ดาราสาวที่ไหนกันค่ะ ยัยสองตัวนั้น แหมขิมล่ะไม่อยากจะเอยชื่อมันเลย ... ยัยแอ้มนางเอกลิเกกับยัยมายด์นางร้ายที่แสดงลิเกด้วยกัน ยัยสองตัวนี้แสดงลิเกอยู่ที่วิกลิเกหลังตลาดสดบางกะปิไงคะ ยัยสองตัวนี่มาหาว่าขิมเรียกรถตุ๊กตุ๊กตัดหน้ามัน ขิมไม่ยอมหรอกค่ะ ขิมเดินมาถึงรถตุ๊กตุ๊กก่อนขิมก็ต้องขึ้นสิคะ ข้าวของขิมซื้อมาพะรุงพะรังด้วย ไหนจะหมูสด ไก่สด ปลาสด แล้วก็ผักสดอีกตั้งเยอะ ... ใครจะเรียกรถตุ๊กตุ๊กก่อนขิมก็ช่าง ขิมไม่ยอมหรอกค่ะ”
คุณวิทวุฒิผู้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายขึ้นมาในทันที ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับเหงื่อที่เกิดขึ้นบนหน้าผากของเขา ส่วนขิม ตีสี่ ยังคงเล่าต่อด้วยความเมามัน
ขิม ตีสี่ “ คุณวิทวุฒิคิดดูสิคะ คนขับรถตุ๊กตุ๊กคิดขิมแค่ 40 บาทเอง แล้วจะไล่ให้ขิมไปขึ้นรถแท็กซี่ได้ไงคะ แค่เปิดประตูรถแท็กซี่ขึ้นไปนั่งมิเตอร์ก็ขึ้น 35 บาทแล้ว แล้วถ้าขิมนั่งจากตลาดสดบางกะปิไปโชคชัยสี่บ้านขิมรถติดจะตาย มิเตอร์ไม่ขึ้นพรวดเป็น 80 บาทเหรอคะ ขิมนั่งรถตุ๊กตุ๊กดีกว่าค่ะ ถูกกว่ากันตั้งครึ่งนึง”
วิทวุฒิ “ เออ คุณขิมครับ ตกลงเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่อง ... มนต์รักมินิคูเปอร์ ... ที่กำลังเป็นข่าวดังเหรอครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ไม่ใช่ค่ะ เหตุการณ์นี้ต้องเรียกว่า ... นางเอกลิเกแย่งรถตุ๊กตุ๊ก ... ถึงจะถูกค่ะ คุณวิทวุฒิคิดดูสิคะ กว่าที่ขิมจะเถียงกับยัยนางเอกลิเกสองคนนี่เสร็จ กว่าที่ขิมจะกลับมาถึงบ้าน คุณแม่ของขิมหิวข้าวแสบท้องจนต้องร้องไห้เลยค่ะ”
คุณวิทวุฒิเริ่มกระสับกระส่ายมองซ้ายมองขวาเพื่อมองหาทีมงาน ก่อนที่จะหันไปพูดสรุปเพื่อตัดบทกับคุณขิม ตีสี่อีกครั้ง
วิทวุฒิ “ คุณขิมครับ ผมเกรงว่าเวลาช่วงสนทนาของเราใกล้จะหมดแล้วครับ ก่อนที่เราจะจบช่วงนี้ลง คุณขิมอยากจะฝากอะไรไว้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ชมทางบ้านไหมครับ?”
ขิม ตีสี่ “ ดีเลยค่ะคุณวิทวุฒิ ขิมจะฝากไปถึงยัยนางเอกลิเกสองคนนั้น เป็นแค่นางเอกลิเกทีหลังอย่ามาหือกับพิธีกรสาวไฮโซอย่างขิม แต่ถ้ายังติดใจหรือว่าข้องใจอยู่ล่ะก็ มานัดกันที่ ๆ ไม่ค่อยมีคนหน่อยสิ ขิมจะด่าแม่มันไม่เลี้ยงเลยค่ะ โชคไม่ดีที่คราวนี้ขิมไปเจอเหตุการณ์หน้าตลาดสด คนมันเยอะค่ะ ขิมอายคะ ขิมเลยไม่กล้าด่ามันเท่าไหร่ค่ะ เนี่ยคิดแล้วขิมยังแค้นใจไม่หายเลยค่ะ”
คุณวิทวุฒิ เริ่มขยับตัวเพื่อส่งสัญญาณให้แก่ช่างกล้อง เพื่อให้ทีมงานตัดภาพกลับมาที่เขา
วิทวุฒิ “ เอาเป็นว่า วันนี้ผมต้องขอขอบคุณ คุณขิม ตีสี่ มากเลยครับ ที่ให้โอกาสมาร่วมรายการกับเราในวันนี้ ขอบคุณมากครับ”
ขิม ตีสี่ “ ค่ะ คุณวิทวุฒิ ขิมก็ต้องขอขอบคุณเช่นกันค่ะ ที่ทางรายการเปิดโอกาสให้ขิมได้มาเล่าประจานยัยนางเอกลิเกสองตัวนี่”
วิทวุฒิ “ ครับผม ... เอาเป็นว่าเรากล่าวลาผู้ชมทางบ้านกันตอนนี้เลยดีกว่าครับ แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะครับ สวัสดีครับ”
ขิม ตีสี่ “ สวัสดีค่ะ”
แล้วก็เป็นภาพของคุณวิทวุฒิกับคุณขิม ตีสี่ กำลังยกมือขึ้นไหว้ผู้ชม ก่อนที่ภาพจะถูกตัดเข้าสู่โฆษณาของรายการอย่างรวดเร็ว
จบล่ะ ...
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
แล้วพวกเพื่อน ๆ เข้ามาทนอ่านกันทำไมครับ ยาวก็ยาว แถมยังไร้สาระอีก
แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากจะด่าผม “อาคุงกล่อง” ในฐานะที่เป็นคนเขียนเรื่องนี้ ก็เชิญเพื่อน ๆ เขียนคอมเม้นท์ด่าผมไว้ได้เลยครับ แต่อย่าไปเขียนด่าคนอื่นนะครับ สงสารและเกรงใจเขาครับ
อิอิ
@@@@@@@@@@
ปล. เรื่องราวข้างต้นทั้งหมดนี้ ผมเขียนสมมุติขึ้นโดยที่ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจริงเลย ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นเพื่อต่อว่า ดูถูก หรือเสียดสีใครใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วผมก็ไม่อยากที่จะให้ผู้อ่านจินตนาการไปถึงผู้หนึ่งผู้ใดในความหมายที่ไม่ดีเลยครับ ดังนั้นถ้าเกิดว่า ชื่อของตัวละครในเรื่อง หรือเรื่องราวในเนื้อเรื่อง บังเอิญว่าเกือบจะไปสอดคล้องหรือใกล้เคียงกับเหตุการณ์ใดก็ตาม ผมต้องขอกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เพียงแค่ผมอยากจะบอกว่า ... ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นเพื่อความบันเทิง ขำขำ สนุกสนาน สำหรับให้เพื่อน ๆ เข้ามาอ่านกันเล่น ๆ เพื่อคลายเครียดครับ ... จริง ๆ นะครับ เชื่อผมเถอะครับ
อิอิ
ผลงานอื่นๆ ของ อาคุงกล่อง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อาคุงกล่อง
ความคิดเห็น