ผีก๋วยเตี๋ยว ...
เรื่องราวของผีก๋วยเตี๋ยวอันร่ำลือ ที่คุณอาจจะเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว ที่มีทั้งความน่ากลัว ระทึกขวัญ หักมุม และเสียงหัวเราะ รวมอยู่ในเรื่องนี้ ลองอ่านกันดูเพื่อคลายเครียดนะครับ
ผู้เข้าชมรวม
2,994
ผู้เข้าชมเดือนนี้
13
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผีก๋วยเตี๋ยว ...
สำราญจิต ประชาสัมพันธ์สาวแสนสวยของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านชานเมือง เธอต้องเลิกงานดึกหลังจากที่ห้างปิดแล้วเป็นประจำ โดยเธอต้องรีบตอกบัตรพนักงานเพื่อวิ่งออกมาขึ้นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายให้ทันตอนห้าทุ่ม
วันนี้ก็เช่นกัน สำราญจิตเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือของเธอเอง ตอนนี้เป็นเวลา 4 ทุ่ม 50 นาทีแล้ว เธอจึงต้องรีบวิ่งมาที่ป้ายรถเมล์ให้ทันขึ้นรถเมล์เหมือนทุกวัน
ซอยบ้านของเธออยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าที่เธอทำงานไม่ไกลมากนัก ประมาณ 2 กิโลกว่า ๆ แค่นั้นเอง แต่ว่าบ้านของเธออยู่ในซอยที่ลึกจนเกือบจะสุดซอย
ตอนนี้เธอได้ขึ้นไปนั่งบนรถเมล์แล้ว แต่ว่าสภาพอากาศข้างนอกฝนกำลังตั้งเค้าเหมือนกับว่า กำลังจะมีพายุใหญ่ในเวลาอีกไม่นานนัก ท้องฟ้าเริ่มร้องคำรามและมีฟ้าแลบปะปราย
สำราญจิตลงจากรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยบ้านของเธอ ตอนนี้ฝนเริ่มตกพร่ำ ๆ แล้ว อากาศเริ่มหนาวเย็นมากขึ้น ในค่ำคืนนี้เธอจะเข้าบ้านได้ทันก่อนที่ฝนจะตกหรือเปล่าก็ไม่รู้
ในค่ำคืนนี้บริเวณปากซอยบ้านของเธอเงียบผิดปกติ ผู้คนกลับเข้าบ้านกันหมดแล้ว ร้านค้าด้านหน้าติดริมถนนใหญ่ทุกร้านปิดหมดแล้วเช่นกัน
วันนี้เธอรีบมากจนเธอลืมพกร่มติดตัวออกมาจากที่ออฟฟิตของเธอ เธอเลยต้องรีบวิ่งไปหาที่หลบฝนที่ไหนสักแห่งก่อนที่เธอจะเปียกปอนไปมากกว่านี้
สำราญจิตเหลือบมองไปเห็นในซอยลึกเข้าไปประมาณ 20 เมตรมีร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นตั้งขายอยู่ร้านหนึ่ง ร้านนั้นเปิดไฟสว่างพร้อมกับมีร่มคันใหญ่ที่เธอสามารถจะใช้เป็นที่หลบฝนได้แน่ ๆ
เธอจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนที่กำลังเริ่มตกพร่ำ ๆ ไปที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวรถเข็นนั้นในทันที
“ มีร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิดใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” เธอเริ่มตั้งคำถามให้กับตัวเองในใจ
สำราญจิตวิ่งมาหลบฝนอยู่ใต้ร่มคันใหญ่หน้าตู้กระจกของร้านก๋วยเตี๋ยวนั้น เธอพยายามมองไปรอบ ๆ ตัวของเธอ และรอบ ๆ รถเข็นก๋วยเตี๋ยว เธอยังไม่เห็นคนขายหรือใครสักคนเลยในขณะนั้น
ตอนนี้เสื้อของสำราญจิตเริ่มเปียกชื้นจากน้ำฝนที่เปียกตัวเธอ จนทำให้เธอเริ่มหนาวสั่นขึ้นมาในทันที เธอมีมองไปเห็นหม้อต้มน้ำแกงก๋วยเตี๋ยวที่มีควันกรุ่นลอยเล็ดลอดขึ้นมาจากฝาหม้อ เธอจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดฝาหม้อ ฯ นั้นทันที
ไอน้ำร้อนสีขาวโพลงพวยพุ่งขึ้นมาตามฝาหม้อที่ถูกเปิดขึ้น
“ค่อยยังชั่ว ... ค่อยหายหนาวหน่อย” เธอคิดขึ้นภายในใจของเธอเอง
ในขณะนั้นเอง สำราญจิตเห็นร่างของใครบางคนโผล่ขึ้นมา หลังจากไอน้ำร้อนสีขาวได้จางหายไป เธอถึงกับสะดุ้งและตกใจจนเผลอปล่อยฝาหม้อปิดลงไปที่เดิม
“ มาเปิดฝาหม้อฉันทำไมย่ะ?” หญิงสาวเจ้าของร่างที่สำราญจิตเห็นเอ่ยปากขึ้น ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก
“ ฉันกำลังก้มลงไปเร่งเตาเปิดไฟต้มน้ำแกงอยู่ เธอมาเปิดฝาหม้อน้ำแกงทำไมย่ะ?” หญิงสาวที่ตอนนี้คาดว่าน่าจะเป็นแม่ค้าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นถามสำราญจิตขึ้นอีกครั้ง
“ อ๋อ ... จะขอซื้อก๋วยเตี๋ยวนะ ” สำราญจิตตอบไปด้วยความตกใจ ก่อนที่จะถอนหายใจโล่งอกด้วยความสบายใจขึ้นมาหน่อย
“ จะเอาก๋วยเตี๋ยวอะไรล่ะย่ะ? ” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามสำราญจิตอีกครั้ง
“ เออ ... เอาเส้นเล็กต้มยำถุงนึง” สำราญจิตตอบ
“ รอเดี๋ยวนะย่ะ น้ำแกงยังร้อนไม่จัด” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวพูดขึ้นก่อนที่จะเริ่มลงมือทำก๋วยเตี๋ยวให้กับสำราญจิต
สำราญจิตมองดูแม่ค้าที่กำลังทำก๋วยเตี๋ยวให้เธออยู่ พร้อมกับคิดขึ้นในใจว่า
“ยัยแม่ค้าเนี่ยทำไมดุจังเลย? เนี่ยขนาดเพิ่งมาขายวันแรกนะเนี่ยปากยังขนาดนี้เลย”
ฝนชักจะเริ่มตกหนาเม็ดขึ้นมากแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อย แล้วสำราญจิตจะเดินกลับเข้าบ้านได้อย่างไรในเวลานี้ ร่มของเธอก็ไม่มีถ้าเธอเดินฝ่าฝนไป กว่าจะถึงบ้านเธอคงจะเปียกฝนจนเป็นหวัดแน่ ๆ
สำราญจิตมองเข้าไปในซอยบ้านของเธอ เธอมองเห็นดวงไฟดวงเล็ก ๆ ริบหรี่ ๆ กำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาตัวเธออย่างช้า ๆ เธอพยายามเพ่งมองฝ่าสายฝนไปที่ดวงไฟเล็ก ๆ นั้น ว่ามันคือดวงไฟอะไรกันแน่
มันคือรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันเก่า ๆ คันนึง ที่มีตาลุงแก่ ๆ คนหนึ่งเป็นคนขับ มอเตอร์ไซด์รับจ้างคันนั้นค่อย ๆ วิ่งฝ่าสายฝนที่โปรยปรายออกมาจากในซอยของบ้านเธออย่างช้า ๆ
“ เออดี ... วันนี้มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างด้วย นั่งรถมอเตอร์ไซด์เข้าบ้านดีกว่า” สำราญจิตคิดขึ้นในใจ ตอนนี้เธอเริ่มมีโชคแล้ว อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องเดินตากฝนเข้าบ้านแน่ ๆ
“ ลุง ๆ จอดก่อนค่ะ” สำราญจิตรีบโบกมือเรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างทันที
มอเตอร์ไซด์รับจ้างวิ่งมาหยุดจอดตรงหน้าของสำราญจิต หน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่พอจะมีไฟแสงสว่างอยู่บ้าง ในขณะนั้นเธอสังเกตเห็นใบหน้าของตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันนั้น
ตาลุงแก่ ๆ ผอม ๆ ดวงตาโปนโตและขอบตาคล้ำ หน้าตาของตาลุงแก่ ๆ คนนี้ ดูผอมจนเนื้อแก้มตอบแทบจะชิดติดกะโหลก ไรผมที่หงอกขาวแพลมออกมานอกหมวกกันน็อคใบเล็กที่แกสวมใส่อยู่ เสื้อผ้าเก่าบางสีชาที่อยู่ใต้เสื้อกั๊กสีน้ำเงินเข้มของแก บ่งบอกให้รู้ได้ในทันทีเลยว่า ตาลุงคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันนี้จะต้องมาอายุมากพอสมควรแล้ว
“แก่ขนาดนี้จะขับไปไหวหรือเนี่ย? แล้วแกมาจากไหนล่ะ? ทำไมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยก็ไม่รู้?” สราญจิตเริ่มคิดในใจเพื่อประเมินสถานการณ์ในตอนนั้น
“เข้าไปท้ายซอยเนี่ยหน่อยนะคะ บ้านหนูอยู่สุดซอยเนี่ยเอง” สำราญจิตบอกกับตาลุงคนขับ ถึงอย่างไงก็ตามเธอตัดสินใจว่า เธอจะนั่งรถมอเตอร์ไซด์ของตาลุงคนนี้เข้าบ้าน ดีกว่าที่เธอจะต้องเดินตากฝนเข้าไปเองคนเดียว
ตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์ พยักหน้ารับคำของสำราญจิตโดยไม่ได้เอ่ยปากพูกอะไรเลยสักคำเลย
“นี่เธอ ... ก๋วยเตี๋ยวได้แล้วย่ะ ยี่สิบบาท” แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวพูดขึ้นเพื่อบอกสำราญจิต
สำราญจิตหยิบแบงค์ยี่สิบบาทออกจากกระเป๋าแล้วยื่นส่งให้แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว พร้อมทั้งรับถุงก๋วยเตี๋ยวมาจากแม่ค้าในทันที
“เนี่ยคะยี่สิบบาท ขอบคุณคะ” สำราญจิตพูดกับแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว
เมื่อเธอรับถุงก๋วยเตี๋ยวมาได้ เธอก็รีบเดินไปนั่งซ้อนท้ายตาลุงแก่ ๆ บนรถมอเตอร์ไซด์ของแกในทันที
“ เข้าไปในซอยสุดซอยเลยนะค่ะ” สำราญจิตบอกย้ำกับตาลุงแก่คนขับอีกครั้ง
ตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างค่อย ๆ เคลื่อนตัวรถออกอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ ขับรถมอเตอร์ไซด์หักเลี้ยวเพื่อทูเทิร์นกลับหลัง แล้วขับวิ่งกลับเข้าไปในซอยที่ตาลุงแกเพิ่งขับออกมาอีกครั้ง
สายฝนยังคงโปรยปรายอยู่ตลอดเวลา อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นอีกครั้ง เพราะตอนนี้สำราญจิตไม่ได้ยืนอยู่หน้าหม้อต้มน้ำแกงก๋วยเตี๋ยวเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว
พอรถมอเตอร์ไซด์ของตาลุงเริ่มวิ่งห่างออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว ความมืดของค่ำคืนนี้ก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวกลับเข้ามาอีกครั้ง ระยะทางจากปากซอยเข้าถึงตัวบ้านของสำราญจิตไกลพอสมควร แต่ว่าตาลุงคนขับมอเตอร์ไซด์ยังค่อย ๆ ขับไปอย่างช้า ๆ ฝ่าสายฝนไปเรื่อย ๆ
“ทำไมขับช้าอย่างนี้ล่ะ? แล้วเมื่อไหร่จะถึงเนี่ย?” สำราญจิตเริ่มคิดขึ้นในใจอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพยายามโน้มตัวไปข้างหน้า เพื่อซุกใบหน้าของเธอให้อยู่หลังหมวกกันน็อคของตาลุงคนขับมอเตอร์ไซด์มากที่สุด เธอจะได้ลดแรงปะทะสายจากสายฝนที่กำลังตกหนักเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ
ในความรู้สึกของสำราญจิต วันนี้ดูเหมือนว่าระยะทางจากปากซอยถึงบ้านของเธอจะดูไกลมากกว่าปกติ ทั้ง ๆ ที่เธอกำลังนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับเข้าบ้านก็ตาม
ในซอยบ้านของเธอวันนี้ดูมืดและเปลี่ยวมากกว่าวันอื่น ๆ อาจจะเป็นเพราะสายฝนที่ตกลงมาทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้ดูวังเวงยังไงชอบกล
ความมืดดูเหมือนว่าจะปกคลุมไปทั่วซอยในขณะนั้น สำราญจิตเริ่มได้ยินเสียงหมาหอนดังมาจากข้างทาง โดยมีสายลมหนาวพัดเข้ามาปะทะร่างของเธอมากขึ้น จนทำให้ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในสมองของเธอ
“ มึงเคยตายไหม?”
แล้วเสียงดังเบา ๆ ก็แว่วมาเข้าหูของสำราญจิต ทำให้เธอเริ่มกลัวมากขึ้น จนเธอต้องหลับตาเพื่อสะกดกลั้นความกลัวในขณะนั้น
เสียงหมาหอนจากข้างทางค่อย ๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่รถมอเตอร์ไซด์ของตาลุงแก่คันที่เธอนั่งยังคงวิ่งไปอย่างช้า ๆ เหมือนเดิม
“ มึงเคยตายไหม?”
เสียงดังอันแผ่วเบา แต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงที่เคียดแค้นยังคงดังมาเข้าหูของสำราญจิตอีกครั้ง
บรรยากาศของความวังเวง ความมืดความเปลี่ยว สายฝนที่กำลังตกหนักเม็ดขึ้น ประกอบกับเสียงหมาหอนที่ดังมาจากข้างทางโดยตลอด ทำให้สำราญจิตกลัวกับเสียงแว่วแผ่วเบาที่ดังมาเข้าหูของเธออย่างมาก
ก่อนที่สำราญจิตจะเบ่งเสียงกรีดร้องออกมา เธอก็รู้สึกว่ารถมอเตอร์ไซด์คันที่ตาลุงแก่ที่เธอนั่งมา ได้หยุดลงอย่างกะทันหัน
“มึงเคยตายไหม?”
เสียงพูดอันแผ่วเบาเริ่มดังขึ้นในทันทีหลังจากที่รถมอเตอร์ไซด์ได้จอดหยุดอยู่กับที่ แต่ว่าสำราญจิตยังคงกลัวจนไม่กล้าลืมตาขึ้นมาดูบรรยากาศภายรอบตัวเธอ
“มึงเคยตายไหม? มึงอยากตายใช่ไหม?”
เสียงที่ถูกถามขึ้นด้วยอารมณ์โกรธอย่างเคียดแค้นดังชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
“ อย่าทำอะไรหนูเลย หนูกลัวแล้ว” สำราญจิตตอบขึ้นด้วยความกลัวอย่างสุดขีด พร้อมทั้งหลับตาปี๋และเธอก็ซุกตัวไปแนบชิดกับแผ่นหลังของตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ด้วยความหวังที่ว่าเธอคงจะได้ตาลุงคนขับเป็นที่พึ่งและอยู่เป็นเพื่อนกับเธอในเวลานั้น
“มึงอยากตายใช่ไหม?”
เสียงดังที่ชัดเจนและได้ยินชัดดังเข้าสองหูของสำราญจิต เสมือนกับว่าเสียงนั้นต้องการคำตอบจากตัวเธอในขณะนั้น
“ หนูกลัวแล้ว อย่าทำอะไรหนูเลย” สำราญจิตตอบออกไปด้วยเสียงอันสั่นเครือที่แสดงถึงความกลัวอย่างสุดขีด ตอนนั้นร่างกายของเธอแทบจะเย็นชาไปทั้งตัว เธอไม่กล้าเคลื่อนไหวหรือลุกวิ่งหนีไปจากรถมอเตอร์ไซด์ของตาลุงแก่ ๆ ที่เธอนั่งซ้อนท้ายอยู่
“มึงอยากตายใช่ไหม?”
เสียงดังถามขึ้นอีกครั้ง จนครั้งนี้ทำให้สำราญจิตต้องสั่นไปทั้งตัว
“ถ้ามึงไม่อยากตาย มึงเอาถุงก๋วยเตี๋ยวออกจากหลังกูเดี๋ยวนี้ ”
สิ้นเสียงพูดในครั้งนี้ สำราญจิตค่อยขึ้นลืมตาขึ้นมองอย่างช้า ๆ ตอนนี้เธอเห็นใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด และเหยเกของตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง กำลังหันหน้ามาพูดกับเธอ
“มึงรีบเอาถุงก๋วยเตี๋ยวออกจากหลังกูเดี๋ยวนี้ ... กูร้อน ”
สำราญจิตค่อย ๆ ก้มลงไปมองถุงก๋วยเตี๋ยวในมือของเธอ ที่ตอนนี้มันกำลังถูกเบียดไว้แนบชิดกับเสื้อกั๊กตัวเก่า ๆ ของตาลุงคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
สำราญจิตค่อย ๆ ขยับตัวของเธอออกห่างจากแผ่นหลังของตาลุงคนขับ พร้อมกับดึงถุงก๋วยเตี๋ยวกลับออกมาอย่างรวดเร็ว
สำราญจิตทำตาโต ๆ พร้อมกับอมลมไว้ในกระพุ้งแก้ม เผยอริมผีปากเล็กน้อย เอียงใบหน้าให้เหมือนกับแอ๊บแบ๊ว ก่อนที่จะพูดกับตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างว่า
“ขอโทษค่ะ”
จบล่ะ ...
อิอิ
@@@@@@@@@@
ปล. เรื่องนี้อาจจะเป็นมุขที่เก่าไปหน่อยครับ เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินได้ฟังหรือว่าได้อ่านจากที่อื่นมาบ้างแล้วก็ได้ครับ แต่ว่าผมลองเอามาเขียนเป็นเรื่องในสไตล์ของ อาคุงกล่อง ดูนะครับ เพื่อน ๆ อ่านแล้ว มีความรู้สึกหรือคิดเห็นเช่นใด ก็ช่วยคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ ผมจะได้เอาไปพัฒนามุขสำหรับการเขียนในเรื่องต่อ ๆ ไปครับ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ผมเริ่มหามุขใหม่ ๆ ได้ยากมากขึ้นแล้วครับ
อิอิ
ผลงานอื่นๆ ของ อาคุงกล่อง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อาคุงกล่อง
ความคิดเห็น