ผีก๋วยเตี๋ยว ... - ผีก๋วยเตี๋ยว ... นิยาย ผีก๋วยเตี๋ยว ... : Dek-D.com - Writer

    ผีก๋วยเตี๋ยว ...

    เรื่องราวของผีก๋วยเตี๋ยวอันร่ำลือ ที่คุณอาจจะเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว ที่มีทั้งความน่ากลัว ระทึกขวัญ หักมุม และเสียงหัวเราะ รวมอยู่ในเรื่องนี้ ลองอ่านกันดูเพื่อคลายเครียดนะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    2,994

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    2.99K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 พ.ย. 50 / 10:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผีก๋วยเตี๋ยว ...

       

      สำราญจิต ประชาสัมพันธ์สาวแสนสวยของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านชานเมือง  เธอต้องเลิกงานดึกหลังจากที่ห้างปิดแล้วเป็นประจำ  โดยเธอต้องรีบตอกบัตรพนักงานเพื่อวิ่งออกมาขึ้นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายให้ทันตอนห้าทุ่ม

       

      วันนี้ก็เช่นกัน  สำราญจิตเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือของเธอเอง  ตอนนี้เป็นเวลา 4 ทุ่ม 50 นาทีแล้ว  เธอจึงต้องรีบวิ่งมาที่ป้ายรถเมล์ให้ทันขึ้นรถเมล์เหมือนทุกวัน

       

      ซอยบ้านของเธออยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าที่เธอทำงานไม่ไกลมากนัก  ประมาณ 2 กิโลกว่า ๆ แค่นั้นเอง  แต่ว่าบ้านของเธออยู่ในซอยที่ลึกจนเกือบจะสุดซอย

       

      ตอนนี้เธอได้ขึ้นไปนั่งบนรถเมล์แล้ว  แต่ว่าสภาพอากาศข้างนอกฝนกำลังตั้งเค้าเหมือนกับว่า  กำลังจะมีพายุใหญ่ในเวลาอีกไม่นานนัก  ท้องฟ้าเริ่มร้องคำรามและมีฟ้าแลบปะปราย

       

      สำราญจิตลงจากรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยบ้านของเธอ  ตอนนี้ฝนเริ่มตกพร่ำ ๆ แล้ว  อากาศเริ่มหนาวเย็นมากขึ้น  ในค่ำคืนนี้เธอจะเข้าบ้านได้ทันก่อนที่ฝนจะตกหรือเปล่าก็ไม่รู้

       

      ในค่ำคืนนี้บริเวณปากซอยบ้านของเธอเงียบผิดปกติ  ผู้คนกลับเข้าบ้านกันหมดแล้ว  ร้านค้าด้านหน้าติดริมถนนใหญ่ทุกร้านปิดหมดแล้วเช่นกัน

       

      วันนี้เธอรีบมากจนเธอลืมพกร่มติดตัวออกมาจากที่ออฟฟิตของเธอ  เธอเลยต้องรีบวิ่งไปหาที่หลบฝนที่ไหนสักแห่งก่อนที่เธอจะเปียกปอนไปมากกว่านี้

       

      สำราญจิตเหลือบมองไปเห็นในซอยลึกเข้าไปประมาณ 20 เมตรมีร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นตั้งขายอยู่ร้านหนึ่ง  ร้านนั้นเปิดไฟสว่างพร้อมกับมีร่มคันใหญ่ที่เธอสามารถจะใช้เป็นที่หลบฝนได้แน่ ๆ

       

      เธอจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าสายฝนที่กำลังเริ่มตกพร่ำ ๆ ไปที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวรถเข็นนั้นในทันที

       

      มีร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิดใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? เธอเริ่มตั้งคำถามให้กับตัวเองในใจ

       

      สำราญจิตวิ่งมาหลบฝนอยู่ใต้ร่มคันใหญ่หน้าตู้กระจกของร้านก๋วยเตี๋ยวนั้น  เธอพยายามมองไปรอบ ๆ ตัวของเธอ และรอบ ๆ  รถเข็นก๋วยเตี๋ยว  เธอยังไม่เห็นคนขายหรือใครสักคนเลยในขณะนั้น

       

      ตอนนี้เสื้อของสำราญจิตเริ่มเปียกชื้นจากน้ำฝนที่เปียกตัวเธอ  จนทำให้เธอเริ่มหนาวสั่นขึ้นมาในทันที  เธอมีมองไปเห็นหม้อต้มน้ำแกงก๋วยเตี๋ยวที่มีควันกรุ่นลอยเล็ดลอดขึ้นมาจากฝาหม้อ  เธอจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดฝาหม้อ ฯ นั้นทันที

       

      ไอน้ำร้อนสีขาวโพลงพวยพุ่งขึ้นมาตามฝาหม้อที่ถูกเปิดขึ้น

       

      ค่อยยังชั่ว ... ค่อยหายหนาวหน่อย เธอคิดขึ้นภายในใจของเธอเอง

       

      ในขณะนั้นเอง  สำราญจิตเห็นร่างของใครบางคนโผล่ขึ้นมา  หลังจากไอน้ำร้อนสีขาวได้จางหายไป  เธอถึงกับสะดุ้งและตกใจจนเผลอปล่อยฝาหม้อปิดลงไปที่เดิม

       

      มาเปิดฝาหม้อฉันทำไมย่ะ? หญิงสาวเจ้าของร่างที่สำราญจิตเห็นเอ่ยปากขึ้น   ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก

       

      ฉันกำลังก้มลงไปเร่งเตาเปิดไฟต้มน้ำแกงอยู่  เธอมาเปิดฝาหม้อน้ำแกงทำไมย่ะ? หญิงสาวที่ตอนนี้คาดว่าน่าจะเป็นแม่ค้าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นถามสำราญจิตขึ้นอีกครั้ง

       

      อ๋อ ... จะขอซื้อก๋วยเตี๋ยวนะ สำราญจิตตอบไปด้วยความตกใจ  ก่อนที่จะถอนหายใจโล่งอกด้วยความสบายใจขึ้นมาหน่อย

       

      จะเอาก๋วยเตี๋ยวอะไรล่ะย่ะ? แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถามสำราญจิตอีกครั้ง

       

      เออ ... เอาเส้นเล็กต้มยำถุงนึง สำราญจิตตอบ

       

      รอเดี๋ยวนะย่ะ  น้ำแกงยังร้อนไม่จัด แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวพูดขึ้นก่อนที่จะเริ่มลงมือทำก๋วยเตี๋ยวให้กับสำราญจิต

       

      สำราญจิตมองดูแม่ค้าที่กำลังทำก๋วยเตี๋ยวให้เธออยู่  พร้อมกับคิดขึ้นในใจว่า

       

      ยัยแม่ค้าเนี่ยทำไมดุจังเลย? เนี่ยขนาดเพิ่งมาขายวันแรกนะเนี่ยปากยังขนาดนี้เลย

       

      ฝนชักจะเริ่มตกหนาเม็ดขึ้นมากแล้ว  อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อย  แล้วสำราญจิตจะเดินกลับเข้าบ้านได้อย่างไรในเวลานี้  ร่มของเธอก็ไม่มีถ้าเธอเดินฝ่าฝนไป  กว่าจะถึงบ้านเธอคงจะเปียกฝนจนเป็นหวัดแน่ ๆ

       

      สำราญจิตมองเข้าไปในซอยบ้านของเธอ  เธอมองเห็นดวงไฟดวงเล็ก ๆ ริบหรี่ ๆ กำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาตัวเธออย่างช้า ๆ เธอพยายามเพ่งมองฝ่าสายฝนไปที่ดวงไฟเล็ก ๆ นั้น  ว่ามันคือดวงไฟอะไรกันแน่

       

      มันคือรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันเก่า ๆ คันนึง  ที่มีตาลุงแก่ ๆ คนหนึ่งเป็นคนขับ  มอเตอร์ไซด์รับจ้างคันนั้นค่อย ๆ วิ่งฝ่าสายฝนที่โปรยปรายออกมาจากในซอยของบ้านเธออย่างช้า ๆ

       

      เออดี ... วันนี้มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างด้วย  นั่งรถมอเตอร์ไซด์เข้าบ้านดีกว่า สำราญจิตคิดขึ้นในใจ  ตอนนี้เธอเริ่มมีโชคแล้ว  อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องเดินตากฝนเข้าบ้านแน่ ๆ

       

      ลุง ๆ จอดก่อนค่ะ สำราญจิตรีบโบกมือเรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างทันที

       

      มอเตอร์ไซด์รับจ้างวิ่งมาหยุดจอดตรงหน้าของสำราญจิต  หน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวรถเข็นที่พอจะมีไฟแสงสว่างอยู่บ้าง  ในขณะนั้นเธอสังเกตเห็นใบหน้าของตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันนั้น

       

      ตาลุงแก่ ๆ ผอม ๆ ดวงตาโปนโตและขอบตาคล้ำ   หน้าตาของตาลุงแก่ ๆ คนนี้ ดูผอมจนเนื้อแก้มตอบแทบจะชิดติดกะโหลก  ไรผมที่หงอกขาวแพลมออกมานอกหมวกกันน็อคใบเล็กที่แกสวมใส่อยู่  เสื้อผ้าเก่าบางสีชาที่อยู่ใต้เสื้อกั๊กสีน้ำเงินเข้มของแก  บ่งบอกให้รู้ได้ในทันทีเลยว่า  ตาลุงคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันนี้จะต้องมาอายุมากพอสมควรแล้ว

       

      แก่ขนาดนี้จะขับไปไหวหรือเนี่ย?  แล้วแกมาจากไหนล่ะ? ทำไมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยก็ไม่รู้?  สราญจิตเริ่มคิดในใจเพื่อประเมินสถานการณ์ในตอนนั้น

       

      เข้าไปท้ายซอยเนี่ยหน่อยนะคะ บ้านหนูอยู่สุดซอยเนี่ยเอง สำราญจิตบอกกับตาลุงคนขับ  ถึงอย่างไงก็ตามเธอตัดสินใจว่า  เธอจะนั่งรถมอเตอร์ไซด์ของตาลุงคนนี้เข้าบ้าน  ดีกว่าที่เธอจะต้องเดินตากฝนเข้าไปเองคนเดียว

       

      ตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์ พยักหน้ารับคำของสำราญจิตโดยไม่ได้เอ่ยปากพูกอะไรเลยสักคำเลย

       

      นี่เธอ ... ก๋วยเตี๋ยวได้แล้วย่ะ  ยี่สิบบาท แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวพูดขึ้นเพื่อบอกสำราญจิต

       

      สำราญจิตหยิบแบงค์ยี่สิบบาทออกจากกระเป๋าแล้วยื่นส่งให้แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว  พร้อมทั้งรับถุงก๋วยเตี๋ยวมาจากแม่ค้าในทันที

       

      เนี่ยคะยี่สิบบาท  ขอบคุณคะ สำราญจิตพูดกับแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว

       

      เมื่อเธอรับถุงก๋วยเตี๋ยวมาได้  เธอก็รีบเดินไปนั่งซ้อนท้ายตาลุงแก่ ๆ บนรถมอเตอร์ไซด์ของแกในทันที

       

      เข้าไปในซอยสุดซอยเลยนะค่ะ สำราญจิตบอกย้ำกับตาลุงแก่คนขับอีกครั้ง

       

      ตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างค่อย ๆ เคลื่อนตัวรถออกอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ ขับรถมอเตอร์ไซด์หักเลี้ยวเพื่อทูเทิร์นกลับหลัง  แล้วขับวิ่งกลับเข้าไปในซอยที่ตาลุงแกเพิ่งขับออกมาอีกครั้ง

       

      สายฝนยังคงโปรยปรายอยู่ตลอดเวลา  อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นอีกครั้ง  เพราะตอนนี้สำราญจิตไม่ได้ยืนอยู่หน้าหม้อต้มน้ำแกงก๋วยเตี๋ยวเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว

       

      พอรถมอเตอร์ไซด์ของตาลุงเริ่มวิ่งห่างออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว  ความมืดของค่ำคืนนี้ก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวกลับเข้ามาอีกครั้ง  ระยะทางจากปากซอยเข้าถึงตัวบ้านของสำราญจิตไกลพอสมควร  แต่ว่าตาลุงคนขับมอเตอร์ไซด์ยังค่อย ๆ ขับไปอย่างช้า ๆ ฝ่าสายฝนไปเรื่อย ๆ

       

      ทำไมขับช้าอย่างนี้ล่ะ? แล้วเมื่อไหร่จะถึงเนี่ย? สำราญจิตเริ่มคิดขึ้นในใจอีกครั้ง  ก่อนที่เธอจะพยายามโน้มตัวไปข้างหน้า  เพื่อซุกใบหน้าของเธอให้อยู่หลังหมวกกันน็อคของตาลุงคนขับมอเตอร์ไซด์มากที่สุด  เธอจะได้ลดแรงปะทะสายจากสายฝนที่กำลังตกหนักเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ

       

      ในความรู้สึกของสำราญจิต วันนี้ดูเหมือนว่าระยะทางจากปากซอยถึงบ้านของเธอจะดูไกลมากกว่าปกติ  ทั้ง ๆ ที่เธอกำลังนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับเข้าบ้านก็ตาม

       

      ในซอยบ้านของเธอวันนี้ดูมืดและเปลี่ยวมากกว่าวันอื่น ๆ อาจจะเป็นเพราะสายฝนที่ตกลงมาทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้ดูวังเวงยังไงชอบกล

       

      ความมืดดูเหมือนว่าจะปกคลุมไปทั่วซอยในขณะนั้น  สำราญจิตเริ่มได้ยินเสียงหมาหอนดังมาจากข้างทาง  โดยมีสายลมหนาวพัดเข้ามาปะทะร่างของเธอมากขึ้น  จนทำให้ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในสมองของเธอ

       

      มึงเคยตายไหม?

       

      แล้วเสียงดังเบา ๆ ก็แว่วมาเข้าหูของสำราญจิต  ทำให้เธอเริ่มกลัวมากขึ้น  จนเธอต้องหลับตาเพื่อสะกดกลั้นความกลัวในขณะนั้น

       

      เสียงหมาหอนจากข้างทางค่อย ๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่รถมอเตอร์ไซด์ของตาลุงแก่คันที่เธอนั่งยังคงวิ่งไปอย่างช้า ๆ เหมือนเดิม

       

      มึงเคยตายไหม?

       

       เสียงดังอันแผ่วเบา  แต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงที่เคียดแค้นยังคงดังมาเข้าหูของสำราญจิตอีกครั้ง

       

      บรรยากาศของความวังเวง  ความมืดความเปลี่ยว สายฝนที่กำลังตกหนักเม็ดขึ้น  ประกอบกับเสียงหมาหอนที่ดังมาจากข้างทางโดยตลอด  ทำให้สำราญจิตกลัวกับเสียงแว่วแผ่วเบาที่ดังมาเข้าหูของเธออย่างมาก

       

      ก่อนที่สำราญจิตจะเบ่งเสียงกรีดร้องออกมา  เธอก็รู้สึกว่ารถมอเตอร์ไซด์คันที่ตาลุงแก่ที่เธอนั่งมา ได้หยุดลงอย่างกะทันหัน

       

      มึงเคยตายไหม?

       

      เสียงพูดอันแผ่วเบาเริ่มดังขึ้นในทันทีหลังจากที่รถมอเตอร์ไซด์ได้จอดหยุดอยู่กับที่  แต่ว่าสำราญจิตยังคงกลัวจนไม่กล้าลืมตาขึ้นมาดูบรรยากาศภายรอบตัวเธอ

       

      มึงเคยตายไหม?  มึงอยากตายใช่ไหม?

       

      เสียงที่ถูกถามขึ้นด้วยอารมณ์โกรธอย่างเคียดแค้นดังชัดเจนขึ้นอีกครั้ง

       

      อย่าทำอะไรหนูเลย  หนูกลัวแล้ว สำราญจิตตอบขึ้นด้วยความกลัวอย่างสุดขีด  พร้อมทั้งหลับตาปี๋และเธอก็ซุกตัวไปแนบชิดกับแผ่นหลังของตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง  ด้วยความหวังที่ว่าเธอคงจะได้ตาลุงคนขับเป็นที่พึ่งและอยู่เป็นเพื่อนกับเธอในเวลานั้น

       

      มึงอยากตายใช่ไหม?

       

      เสียงดังที่ชัดเจนและได้ยินชัดดังเข้าสองหูของสำราญจิต  เสมือนกับว่าเสียงนั้นต้องการคำตอบจากตัวเธอในขณะนั้น

       

      หนูกลัวแล้ว  อย่าทำอะไรหนูเลย  สำราญจิตตอบออกไปด้วยเสียงอันสั่นเครือที่แสดงถึงความกลัวอย่างสุดขีด  ตอนนั้นร่างกายของเธอแทบจะเย็นชาไปทั้งตัว  เธอไม่กล้าเคลื่อนไหวหรือลุกวิ่งหนีไปจากรถมอเตอร์ไซด์ของตาลุงแก่ ๆ ที่เธอนั่งซ้อนท้ายอยู่

       

      มึงอยากตายใช่ไหม?

       

      เสียงดังถามขึ้นอีกครั้ง  จนครั้งนี้ทำให้สำราญจิตต้องสั่นไปทั้งตัว

       

      ถ้ามึงไม่อยากตาย  มึงเอาถุงก๋วยเตี๋ยวออกจากหลังกูเดี๋ยวนี้

       

      สิ้นเสียงพูดในครั้งนี้  สำราญจิตค่อยขึ้นลืมตาขึ้นมองอย่างช้า ๆ  ตอนนี้เธอเห็นใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด และเหยเกของตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง  กำลังหันหน้ามาพูดกับเธอ

       

      มึงรีบเอาถุงก๋วยเตี๋ยวออกจากหลังกูเดี๋ยวนี้ ... กูร้อน

       

      สำราญจิตค่อย ๆ ก้มลงไปมองถุงก๋วยเตี๋ยวในมือของเธอ  ที่ตอนนี้มันกำลังถูกเบียดไว้แนบชิดกับเสื้อกั๊กตัวเก่า ๆ ของตาลุงคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง

       

      สำราญจิตค่อย ๆ ขยับตัวของเธอออกห่างจากแผ่นหลังของตาลุงคนขับ  พร้อมกับดึงถุงก๋วยเตี๋ยวกลับออกมาอย่างรวดเร็ว

       

      สำราญจิตทำตาโต ๆ พร้อมกับอมลมไว้ในกระพุ้งแก้ม  เผยอริมผีปากเล็กน้อย เอียงใบหน้าให้เหมือนกับแอ๊บแบ๊ว  ก่อนที่จะพูดกับตาลุงคนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างว่า

       

      ขอโทษค่ะ

       

      จบล่ะ ...

       

      อิอิ

       

       

      @@@@@@@@@@

       

      ปล. เรื่องนี้อาจจะเป็นมุขที่เก่าไปหน่อยครับ  เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินได้ฟังหรือว่าได้อ่านจากที่อื่นมาบ้างแล้วก็ได้ครับ  แต่ว่าผมลองเอามาเขียนเป็นเรื่องในสไตล์ของ อาคุงกล่อง ดูนะครับ  เพื่อน ๆ อ่านแล้ว  มีความรู้สึกหรือคิดเห็นเช่นใด  ก็ช่วยคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ  ผมจะได้เอาไปพัฒนามุขสำหรับการเขียนในเรื่องต่อ ๆ ไปครับ  เพราะว่าเดี๋ยวนี้ผมเริ่มหามุขใหม่ ๆ ได้ยากมากขึ้นแล้วครับ

       

      อิอิ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×