อุบัติการณ์ นครพิศวง

ในปลายปี ค.ศ.2030 มีอุกกาบาตขนาดยักษ์ลอยเข้ามาในระบบสุริยะ มันกำลังลอยตรงเข้ามาเฉียดวงโคจรโลกและในช่วงกลางปีถัดไปตามการคาดเดาของเหล่านักวิทยาศาสตร์ ต่อมาได้มีประกาศเพื่อคลายความกังวลของมวลชนว่าตัวอุกกาบาตนี้จะไม่พุ่งชนโลกแต่จะลอยเฉียดวงและเข้าสู้ระยะวงโคจรเพียงเล็กน้อย ผู้คนจึงค่อยๆลืมเลือนและผ่อนความสนใจลง จนกระทั่ง....

องค์กรอวกาศแนวหน้าในขณะนั้นได้ออกมาแก้ประกาศว่า "ที่พื้นผิวของอุกกาบาตลูกนั้น ตรวจเจอบางอย่างคล้ายสิ่งปลูกสร้าง" มันจะลอยอยู่ในวงโคจรโลกประมาณ2สัปดาห์ จึงเกิดองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสำรวจพื้นผิวและสิ่งปลูกสร้างที่ว่า

เป็นเวลานานนักที่มนุษย์ตามหา "ใครสักคนภายนอกนั้น" และในเวลานี้แหละ เวลาที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ทุกสิ่งดำเนินไปได้ด้วยดี ยานสำรวจดวงแรกได้ลงถึงพื้นผิวอย่างปลอดภัยทีมสำรวจเริ่มออกตรวจสอบพื้นที่ทั่วพื้นผิวแม้จะไม่พบสิ่งมีชีวิตใดแต่ใจกลางอุกาบาตลูกนั้น ภายในโบราณสถานที่ตั้งตระหง่านเต็มไปด้วยร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีผู้อยู่อาศัยที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งเชิงวิจิตร เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงวัตถุทางศิลปะวัฒนธรรม แม้อารยธรรมจะเทียบเท่าเพียงยุคกลางของมนุษย์แต่นี่ก็ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมวลมนุษย์ชาติ

การขนย้ายวัตถุต่างๆลงมายังโลกเพื่อนำมาศึกษาเป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั้ง "CHAOS" ได้ถูกเครื่อนย้ายลงมายังโลก เมื่อมันได้สัมผัสการอากาศบนพื้นโลกก็เกิดแสงออโรร่าสีประหลาดปรากฏขึ้นไปทั่วทุกทวีปบนพื้นผืนโลก อุกกาบาตที่ควรจะลอยออกจากวงโคจรตามเวลาที่คาดการกลับถูกเปลี่ยนทิศทางอย่างไร้กฏเกณฑ์ราวกับดึงลงมายังโลกใบนี้ สุกท้ายมันก็ตกลงบริเวณทิศใต้ของทวีปตะวันออก 

การชนที่เกิดขึ้นสงผลรุนแรงกับแผ่นเปลือกโลก หลายพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง พื้นดินยกตัวหรือแยกออก ภูเขาไฟในหลายประเทศเกิดการประทุครั้งใหญ่ บางพื้นที่จมหายลงไปในทะเล บางพื้นที่ก็ปรากฎขึ้นมา สภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่กินเวลาร่วมหลายปี ประชากรโลกกว่า87%ได้เสียชีวิตลงไปในเหตุการณ์ครั้งนี้...

แต่ภายในภัยพิบัติครั้งนี้มนุษย์เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ บางคนสามารถได้ยินเสียงจากที่อันไกลแสนไกล บางคนมองเห็นในสิ่งที่ไม่มีอยู่ บางคนสามารถทำได้แม้แต่บินขึ้นไปบนฟ้า พลังวิเศษที่เคยอยู่เพียงแค่ในโลกเพ้อฝันได้ปรากฏขึ้นจริงราวกับเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่ส่งมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ทีีเหลือรอดในยามวิกฤต

แต่สุดท้ายของขวัญชิ้นนี้ก็เป็นได้แค่เพียง"อาวุธใหม่ชิ้นใหม่"เท่านั้น 

.

.

.

คนเหล่าผู้คนที่ต้องประสบกับความยากไร้และอดอยากจากภัยพิบัติเริ่มเข่นฆ่ากันชิงเสบียงและทรัพยากรเพื่อความอยู่รอด สุดท้ายภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เป็นเพียงแค่ปฐมบทให้แก่สงครามขนาดย่อมระหว่างมนุษย์ขึ้นอีกครั้ง

.

.

.

ในภายหลัง"สงครามสุดท้าย"ได้ถูกบัญญัติเป็นชื่อรวมชั่วเวลาของความโกลาหลทั้งหมดที่เกิดขึ้น จุดสิ้นสุดของสงครามไม่ปรากฏในหนังสือเล่นใด

.

.

.

การเริ่มฟื้นฟูหลังสงครามเป็นไปได้อย่างยากลำบากเนื่องด้วยจำนวนประชากรที่เหลืออยู่ ประเทศบางประเทศหายถูกลบไปจากแผนที่โลก พื้นที่ที่ผู้คนพื้นถิ่นเคยอาศัยอยู่ก็กลายเป็นที่ๆพวกเขาไม่เคยรู้จัก เขตแดนประเทศต่างๆไม่สามารถระบุได้อีกต่อไป ผู้คนที่เหลือถูกบีบให้จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อสามารถอาศัยบน"โลกใบใหม่"นี้ต่อไปให้ได้

.

.

.

เมื่อเขตแดนประเทศในโลกใบเดิมหายไปสิ้นผู้คนจึงต้องร่างมันขึ้นมาใหม่ แผนที่โลกใบใหม่จึงถูกเขียนขึ้นมา

.

.

.

ค.ศ.2323 โลกใหม่ได้ฟื้นฟูกลับสู่ช่วงเวลาใกล้เคียงกับโลกเก่าก่อนเกิด"สงครามสุดท้าย"การทูตระหว่างนานาประเทศเป็นไปได้ด้วยดีและยิ่งกว่าโลกเก่า 

NAJ EHI และSUZ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกใหม่

-EIHC เด่นการผลิตและกำลังทหาร

-SUUZ เด่นวิทยาการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีรูปแบบใกล้เคียงกับโลกเก่า

-NAJS เด่นด้านวิทยาการที่ส่งเสริมพลังพิเศษของมนุษย์

และในNAJนี้เองที่จะเกิด"อุบัติการณ์"ครั้งต่อไป

.

.

.