(Fic Shot) Inazuma Eleven Go [TakuRan] - (Fic Shot) Inazuma Eleven Go [TakuRan] นิยาย (Fic Shot) Inazuma Eleven Go [TakuRan] : Dek-D.com - Writer

    (Fic Shot) Inazuma Eleven Go [TakuRan]

    เรื่องราวของสองเพื่อนสนิทสมัยเด็ก คิริโนะ รันมารุ และ ชินโด ทาคุโตะ กับคำสัญญาแห่งมิตรภาพภายใต้ท้องฟ้าสีครามผืนใหญ่ ฟิคสั้นสำหรับแฟน Inazuma Eleven ผู้อวยคู่ TakuRan โดยเฉพาะ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,901

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    1.9K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    29
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ต.ค. 56 / 23:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Fic(Shot) : TakuRan[Promise of friendship under the sky.]

    Inazuma Eleven Go

    TakuRan (Shindou Takuto & Kirino Ranmaru)
     

    ข้อความจากไรเตอร์ : สวัสดีค่า ไรเตอร์ นาโตคิ ค่า นี่เป็นฟิคเรื่องแรกที่แต่ง ตอนนี้พยายามแต่งแล้วจนได้ผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ จะพยายามแต่งต่อไปให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆนะคะ ถ้าพิมพ์ตก พิมพ์ผิดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะคะ ส่วนตัวแล้วไรเตอร์ชอบอนิเมะเรื่อง Inazuma มาก ดูแล้วฮึดเลยค่ะ เลือดกรุ๊ปวายปะทุ 555 ใครชอบไม่ชอบยังไงก็ขอให้คอมเม้นติชมด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านฟิคแรกของนาโตคิมากๆเลยนะคะ > <

     
     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      --------------------------------------------------------------------------------------------

      เรื่องมันเกิดขึ้น หลังจากที่ไรมงคว้าชัยชนะในการแข่งโฮลี่โรดมาได้ไม่นาน

      “ฮัลโหล..คิริโนะครับ”

      คิริโนะ รันมารุ เด็กชายคนหนึ่งได้กล่าวขึ้นทันทีที่ได้ยกหูโทรศัพท์บ้านขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินสียงกริ่งโทรศัพท์บ้านดังได้สักครู่

       “คิริโนะ..?

      ชินโด ทาคุโตะ เจ้าของเสียงที่อยู่ในสายพูดขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่รับสายของตนนั้นคือเพื่อนสนิทที่อยากคุยด้วยหรือไม่

                      “ชินโดเหรอ?

      คิริโนะพูดขึ้นต่อเพื่อเป็นการถามยืนยันว่าเสียงที่ตนคุ้นเคยจากในสายนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเขา

                      “…..คิริโนะ มาหาฉันหน่อยสิ”

      ชินโดพูดขึ้นต่อหลังจากที่การสนทนาเงียบไปได้สักครู่

                      “หือที่บ้านนายน่ะเหรอ? ก็ได้อ่ะนะ”

      คิริโนะพูดตอบพร้อมขมวดคิ้วข้างนึงด้วยความสงสัย

                      “อื้ม พอดีว่าฉันอยากจะคุยด้วยน่ะนะ”

      ชินโดพูดตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นจนเห็นได้ชัด

      “งั้น เดี๋ยวฉันจะไปเลยแล้วกันนะ แค่นี้นะ”

      คิริโนะวางสายทันทีที่พุดจบแล้วก็รับวิ่งตรงไปยังประตูหน้าบ้าน

                      “ไปแล้วนะครับ”

      คิริโนะพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆเหมือนไม่ได้หวังให้ใครได้ยินก่อนออกจากบ้าน ตอนนี้คิริโนะอยู่บ้านคนเดียว ก็ไม่แปลกที่เข้าพูดเสียงเบาๆ ว่าแล้วคิริโนะก็ล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไป

                      “

      คิริโนะเหม่อมองท้องฟ้าพร้อมแสดงสีหน้าที่ดูอาลัยอาวรณ์กับอะไรบางอย่าง

                      “ชินโด

      ว่าแล้วคิริโนะก็หลับตาแล้วก้มลงหน่อยๆพร้อมกับยิ้มอ่อนๆที่มุมปาก แล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มก้าวเดินไปยังจุดหมายจุกที่จะไป หรือนั้นก็คือคฤหาสน์ชินโดที่เพื่อนสนิทของเขาอาศัยอยู่นั่นเอง

      --------------------------------------------------------------------------------------------

                  เสียงเพลงของเปียโนที่ฟังดูไพเราะได้ดังออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่ เพลงนั้นเป็นเพลงที่คิริโนะรู้จักดี เพราะเป็นเพลงที่ชินโดชอบเล่นให้เขาฟัง ตอนเด็กๆคิริโนะเคยมาที่บ้านของชินโดมาแล้วหลายครั้ง เพราะพวกเขาทั้งสองคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ และทุกๆครั้งที่คิริโนะจะมาที่บ้านของชินโด ชินโดก็จะดีดเปียโนเป็นการต้อนรับทุกครั้งไป

                      “ชอบเพลงนี้จังเลยนะ ชินโด”

      คิริโนะพูดพร้อมค่อยๆเปิดประตูเข้าห้องของชินโดซึ่งมีเปียโนหลังใหญ่ตั้งอยู่ ณ ริมหน้าต่างบานใหญ่ภายในห้อง ชินโดหยุดดีดเปียโนแล้วค่อยๆเงยหน้าไปมองคิริโนะที่เดินไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปียโนของตน

                      “ก็มันเป็นเพลงที่พวกเราสองคนช่วยกันแต่งนี่”

      ชินโดพูดตอบคิริโนะด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางนึกถึงความหลัง

                      “ฉันก็แค่กดคีย์เปียโนไปมั่วๆเท่านั้นแหละนะ”

      คิริโนะพูดตอบแล้วยิ้มอ่อนๆมุมปาก

                      “แล้วมีอะไรล่ะ ชินโด?

      คิริโนะพูดต่อ

                      “ฉันแค่นึกถึงเมื่อก่อนน่ะ”

      ชินโดพูดพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ

                  “แค่เหม่อมองท้องฟ้าก็นึกถึงตอนที่เราเริ่มเล่นฟุตบอลกันแล้วสินะ”

      คิริโนะพูดต่อจากชินโดทันทีด้วยเสียงอ่อนโยนพร้อมยิ้มอ่อนๆแล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ที่เห็นท้องฟ้าสีครามสดใส มีเมฆลอยไปมาอย่างช้าๆที่สุดแสนกว้างไกล

                      “ใช่ก็พวกเราทั้งสองคนน่ะสัญญากันไว้ภายใต้ท้องฟ้าผืนนี้ไงล่ะ”

      ชินโดพูดขึ้น แล้วคิริโนะก็ได้เอ่ยต่อ

                      “3 ปีแล้วสินะนับตั้งแต่ตอนนั้น”

      --------------------------------------------------------------------------------------------

      (ช่วงเวลาย้อนความหลัง)

                      “ที่ 1 ของประเทศ!!!

      เด็กชายผมสีชมพูทรงทวินเทลตัวเล็กที่อยู่ในวัยประถมได้พูดขึ้นด้วยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

      “ทะที่ 1 เหรอ!?

      เด็กชายผมน้ำตาลเข้มทรงมาเอสโตรได้พูดทวนคำพูดของเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงตกใจ ใช่แล้วเด็กชายทั้ง 2 คนนี้คือ

      คิริโนะและชินโดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

      “ใช่ เราจะเข้าเรียนมัธยมต้นที่ไรมงด้วยกัน แล้วก็เข้าชมรมฟุตบอล และเราก็จะได้ลงแข่งการแข่งฟุตบอลระดับประเทศอย่างโฮลี่โรด แล้วเราก็จะคว้าที่ 1 ของประเทศมาให้ได้!!!

      คิริโนะพูดตอบชินโดแล้วแสดงสีน้าที่ดูมุ่งมั่น

                  “แต่ฉันยังเล่นฟุตบอลไม่เก่งเลยนะ..

      ชินโดพูดขึ้นด้วยสีหน้าดูเป็นกังวล

      “ต้องทำได้สิ!!ถ้าเป็นชินโดน่ะทำได้อยู่แล้ว!!ฉันเชื่อใจชินโดนะ!!แล้วก็เชื่อในตัวชินโดด้วย!!เพราะชินโดน่ะ เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉันยังไงล่ะ แล้วฉันก็จะพยายาม..พยายามไปพร้อมกับชินโดด้วยไงล่ะ!!

      คิริโนะพูดให้กำลังใจชินโด ในแววตาของคิริโนะดูมีความหวังและความมุ่งมั่นอยู่อย่างไงอย่างงั้น ชินโดที่มองแววตาของ

      คิริโนะแล้ว ก็เปลี่ยนสีหน้าจากที่ดูกังวลเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ชินโดหัวเราะเบาๆ คิริโนะก็เลยหัวเราะตามกันไป

      “พอฉันมองแววตาของคิริโนะทีไร ฉันก็รู้สึกถึงความมุ่งมั่นของนายทุกทีเลย และความมุ่งมั่นในแววตานั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขทุกทีสินะ”

      ชินโดพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ คิริโนะก็ยิ้มกว้างๆแล้วพูดต่อ

      “งั้นเหรอ? ฉันก็รู้สึกได้นะ เวลาคุยกับชินโดฉันรู้สึกดีมากๆๆๆเลยล่ะ มีความสุขมากเลยล่ะเวลาที่ฉันได้ทำอะไรหลายๆอย่างกับนาย!

      คำพูดของคิริโนะนั้นทำให้ชินโดยิ้มไม่หุบเลย

                      “คิริโนะ ฉันก็จะเข้าเรียนม.ต้นที่ไรมง!!

      ชินโดพูดด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้นสุดๆ

                      “อื้ม! แล้วมาเล่นฟุตบอลด้วยกันนะ!!

      คิริโนะพูดต่อทันทีด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นมากๆ

                      “งั้นเรามาสัญญากัน

      คิริโนะพูดต่อแล้วชูนิ้วก้อยข้างขวาขึ้นมา ชินโดก็ทำตามแล้วทั้งคู่ก็พูดขึ้นพร้อมกัน

                      “พวกเราจะเล่นฟุตบอลด้วยกัน จะชนะไปด้วยกัน คว้าที่ 1 ของประเทศไปด้วยกัน!!!

      แล้วทั้งสองคนก็เกี่ยวก้อยกันและชูนิ้วก้อยขึ้นสูงสุดแขนเหมือนจะให้ท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ผืนนี้รับรู้คำสัญญาของเด็กชายทั้งสองคน

                      “ฮะ ฮะ ฮะ”

      แล้วเด็กชายทั้งสองก็ยิ้มและหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข

      (จบการย้อนความหลัง)

      --------------------------------------------------------------------------------------------

      “หลังจากนั้น เราก็สอบเข้าเรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนไรมงได้ และได้เข้าชมรมฟุตบอลด้วยกัน และตอนนี้เราก็คว้าที่ 1 ของประเทศในการแข่งโฮลี่โรดได้สำเร็จไปด้วยกัน”

      ชินโดพูดขึ้นแล้วหันไปทางคิริโนะ

      “คำสัญญานั้น เราจะไม่สามารถทำได้เลย ถ้าไม่มีพวกม.1(หมายถึงพวกเท็นมะ)ที่คอยช่วยเหลือ ต่อสู่ และเป็นกำลังใจให้เราเสมอ โดยเฉพาะเท็นมะถ้าไม่มีหมอนั้นเราก็อาจจะสูญเสียฟุตบอลที่แท้จริงไปแล้วก็ได้”

      คิริโนะพูดต่อ พร้อมหัวเราะในลำคอเบาๆ

      “เท็นมะเป็นคนทำให้พวกเราเข้าใจในฟุตบอลที่แท้จริงและลุกขึ้นสู้ก็จริง แต่ที่เราสามารถคว้าชัยชนะมาได้ เพราะพวกเราทุกคนในทีมพยายามช่วยกันจนถึงที่สุดไม่ใช่เหรอ?

      ชินโดพูดและค่อยๆเดินมาตรงหน้าคิริโนะ แล้วก้มลงมองเพื่อนสนิทของตนที่นั่งอยู่

      “นั้นสินะเสียดายอยู่นะ ที่รอบชิงชนะเลิศนายดันลงแข่งไม่ได้ แต่นายก็ทำหน้าที่กัปตันได้ดีที่สุดมาตลอดแล้วล่ะนะก็ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าถ้าเป็นชินโดล่ะก็ ต้องทำได้แน่ เพราะฉันเชื่อใจและเชื่อในตัวชินโดที่สุด”

      คิริโนะเงยหน้ามองชินโดที่ก้มลงมองหน้าตนเองอยู่ สายตาของทั้งสองคน จดจ้องกันหลังจากที่ทั้งสองคนเงียบกันไปได้สักระยะ ชินโดก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วพูดต่อ

                      “แววตาของคิริโนะเนี่ย ยังดูมีความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนเลยนะ”

      เมื่อคิริโนะได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดต่อ

                      “งั้นเหรอ ก็ไม่รู้สินะนี่ชินโด!

      คิริโนะยิ้มบางๆให้กับเพื่อนสนิทของเขา

                      “อะไรเหรอ?

      ชินโดพูดถามคิริโนะ

                      “ต่อไปที่ 1 ของโลกนะ!

      คิริโนะยิ้มกว้างแล้วชูนิ้วก้อยข้างขวาขึ้นมา ชินโดเห็นแล้วก็ยิ้มบางๆ แล้วชูนิ้วก้อยข้างขวาขึ้นตามมาทันที

                      “ไปเป็นที่ 1 ของโลกด้วยกัน!!

      เสียงผสานของทั้งสองคนได้ดังขึ้น ทั้งคู่เกี่ยวก้อยสัญญากัน และชูแขนขึ้นสุดแขน เหมือนกับจะให้ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ที่อยู่ภายนอกหน้าต่างบานใหญ่ผืนนี้ได้รับรู้คำสัญญาของพวกเขา รอยยิ้มที่ปรากฏอยุ่บนใบหน้าของเด็กชายทั้งสอง แสดงออกถึงมิตรภาพที่แฝงแน่นไปด้วยความรู้สึกที่สนุกและมีความสุขที่สุด

      ------------------------------------------END--------------------------------------------

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×