คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การสั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต
การสั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต
พ่อแม่ของนักเรียนบางท่านอาจจะแอนตี้การสั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะสินค้ามือสอง ที่อาจจะชำรุดเสียหาย แถมยังไม่รับประกันสภาพการใช้งานได้เต็มร้อยใช่มั้ยคะ มิสเองก็เคยถูกพ่อแม่ต่อว่าเรื่องการสั่งซื้อของผ่านทางอินเทอร์เน็ตค่ะ แต่แท้จริงแล้วมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครหลาย ๆ คนคิดนะคะ
การสั่งซื้อของอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์หลัก ก็คือการหยิบสินค้าใส่ตะกร้าและทำการ “โอนเงิน” เข้าบัญชีร้านค้าค่ะ โดยการโอนเงินง่าย ๆ เลย โดยในกรณีนี้ จะยกตัวอย่างด้วยตู้ ATM นะคะ (ส่วนใหญ่มิสจะใช้กสิกรค่ะ)
การโอนเงินผ่านตู้ ATM สามารถใช้บัตรกับทุกตู้ โดยไม่จำเป็นต้องโอนผ่านตู้ที่ตรงกับบัตรก็ได้ หรือถ้าเป็นธนบัตร (ย้ำว่าต้องธนบัตรนะคะ) จะต้องเสียค่าธรรมเนียมหากโอนไปยังธนาคารอื่น และเมื่อทำการโอนเสร็จแล้ว ให้นำสลิปโอนเงิน (คล้าย ๆ กับบิลที่พวกเราได้มาหลังจากซื้อของน่ะค่ะ มันจะระบุไว้ว่าเราโอนเงินจำนวนเท่าไหร่ ไปที่บัญชีไหน ให้เราเก็บเอาไว้ให้ดีนะคะ) ถ่ายรูปมายืนยันให้เจ้าของหรือร้านค้าดูผ่านทางอินเทอร์เน็ตว่า นี่นะ เราโอนเงินให้แล้ว เค้าก็จะส่งสินค้ามาทางไปรษณีย์ตรงมายังบ้านของเราเลยค่ะ
ต่อมา คำถามที่ใครหลายคนสงสัยก็คือ ทำไมถึงต้องเสียค่าจัดส่ง ? มาดูกันเลยค่ะ
การจะส่งของผ่านทางไปรษณีย์นั้น แน่นอนว่าทางเราจะต้องเก็บค่าจัดส่งค่ะ โดยจะแบ่งแยกออกเป็นสองประเภท คือ EMS และ ไปรษณีย์ลงทะเบียน
EMS คล้ายกับการส่งพัสดุโดยด่วนค่ะ โดยราคาของมันจะแพงกว่าเล็กน้อย แต่เราจะได้ของเร็ว ทันใช้งาน ทันใจและประหยัดเวลามากขึ้นค่ะ เช่นอย่างปกติเราจะต้องรอถึงหนึ่งอาทิตย์ แต่ถ้าใช้บริการแบบ EMS ก็อาจจะได้ภายในเวลา สองถึงสามวัน เป็นต้นค่ะ
ไปรษณีย์ลงทะเบียน คือการกรอกข้อมูล แล้วลงทะเบียนจัดส่งค่ะ เป็นการจัดส่งแบบปกติ ได้ของเหมือนกัน แต่อาจจะได้ช้ากว่า EMS นิดนึง และราคาก็จะถูกกว่าค่ะ
ความคิดเห็น