ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : จิ้งจอกมหัศจรรย์ตอนที่3: ภายในวันเดียวฉันเจอตัวชูโรงถึง2คน! 100%
ในคืนที่เงียบสงบปราสจากโลกที่วุ่นวาย เด็กสาวเรือนผมสีขาวเป็นประกายกำลังนั่งอยู่ในห้อง เธอค่อยๆวางเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งลง บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์สองเครื่องปรากฎแสงสีบนหน้าจอกระพริบไปมา ความคิดเห็นหลายร้อยรายการเลื่อนไปทางด้านล่างหน้าจอ
ความคิดเห็นเหล่านี้มาจากเว็บGMหรือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่กำลังพุ่งมาแรงช่วงนี้ มีผู้เข้าชมตอนนี้มากกว่า30,000คนในเวลาแค่สองชั่วโมง ตอนที่เล่นเพลงเสร็จเป็นเพลงที่5 ถึงเวลาเที่ยงคืนพอดีเด็กสาวก็กำลังปรับจูนสายกีต้าร์ในมือ พร้อมกับเก็บไวโอลีนที่เล่นก่อนหน้าเสร็จเข้ากล่อง
เมื่อเก็บทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบกีต้าร์ในมือขึ้นมา พร้อมกับหันไปทางหน้าจอยิ้มหวานใส่ทีหนึ่ง เธอพูดขึ้นว่า 'นี้จะเป็นเพลงสุดท้ายของคืนนี้แล้ว' จนหน้าจอกระพริบแสงถี่ๆเมื่อข้อความแสดงความคิดเห็นเด้งขึ้นรัวๆ
ถั่วงอกสีสันสดใส : [ไม่เอา! ไม่เอา! เรายังอยากจะฟังเพลงที่คุณร้องอีก]
Wattanasopon : [อย่าน๊าาาา ฉันยังไม่ง่วงเลย ไม่ง่วง..จริงๆนะ อยากจะมองหน้าคุณและฟังน้ำเสียงคุณอย่างนี้ต่อไป]
かざぐるま :
[ฉันชื่นชอบเพลงที่คุณร้องมาก ฉันติดตามดูคุณอยู่นะ ได้โปรดสร้างผลงานมาอีกเยอะๆ]
ฉันสวยและรวยมาก :
[เพลงสุดท้ายแล้วเหรอ คืนนี้ช่างผ่านไปเร็วจัง คุณจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ฉันต้องคิดถึงจนบ้าแน่ๆ!]
ข้อความแสดงความคิดเห็นต่างภาษาหลากหลาย มีทั้งจีนและญี่ปุ่นสลับกับภาษาอังกฤษเด้งขึ้นมารัวๆ ทั้งที่มีหลายภาษาแบบนี้แต่เด็กสาวกับเอ่ยตอบทุกคำถาม นั้นเป็นเพราะเด็กสาวหรือไดอาน่า ซีมัวร์ เธอพูดได้ถึงห้าประภาษา คือจีน อังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส
และเพลงที่เธอร้องออกทางช่องGMก็หลายภาษา ยกเว้นแผ่นซีดีที่ออกชิ้งเกิ้ลใหม่เธอถูกผู้จัดการให้ร้องเฉพาะภาษาอังกฤษเป็นหลักเท่านั้น แต่ก็ยังโชคดีที่ทางบริษัทแม่เขาอนุญาตให้เธอร้องเพลงแปลหลายภาษาทางช่องGMของบริษัทได้ ถือว่าเป็นการโปรโมทบริษัทไปในตัวและแถมทำเงินได้จากยอดวิวอีกด้วย
คนอื่นต่างว่าเธอคือเด็กอัจฉริยะแต่เด็กสาวรู้ว่าตัวเองไม่ใช่.. เพราะว่าเธอหรือไดอาน่ามีความทรงจำของอดีตชาติจากโลกใบเก่า...
ใช่ โลกใบเก่า เพราะโลกใหม่ที่เธออยู่มันไม่ใช่โลกเดิม ถึงจะมีประวัติหลายๆอย่างเหมือนยุคปัจุจบันที่เด็กสาวอยู่ แต่ตัวฉันรู้ดีกว่าใคร ว่าที่นี่ไม่ใช่โลกเดิมของเธอ นั้นก็เพราะ..
เธออยู่ในโลกอนิเมะเรื่องMriaculous ladybugที่จำได้ขึ้นใจ เพราะก่อนจะตายฉันได้ดูเรื่องอนิเมะเรื่องนี้ค้างเอาไว้ หลังจากเกิดใหม่แล้วสะดุดบันไดลื่นล้มหัวฟาดพื้น เธอก็ได้ความทรงจำของดีตชาติบางส่วนกลับมา ที่ว่าที่จริงแล้วเธอคือโอตาคุสาว...! เป็นลูกครึ่งไทยจีนที่อพยพมาจากแผ่นดินใหญ่
มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอพูดภาษาจีนได้ เพราะครอบครัวเธอมีอาม่าที่เข้มงวดเรื่องภาษาส่งไปเรียนจีนที่โรงเรียนหนึ่งตั้งแต่เด็ก แต่เธอชอบประเทศไทยมากกว่าเพราะมีเพื่อนและมีพ่อแม่อยู่ที่ไทยจึงได้กลับมาอยู่เมืองไทยจนพูดภาษาไทยเป็นภาษาหลัก แต่เธอก็ไม่เคยลืมภาษาจีนที่อยู่ในสายเลือดเธอเลย
เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้เธอคือ ไดอาน่า ซีมัวร์ ลูกครึ่งญี่ปุ่นและฝรั่งเศส คุณพ่อที่เสียไปเป็นคน'ญี่ปุ่น'แต่มาหลงรักคุณแม่ที่ไปเที่ยวที่โน่นบ่อยๆจากเรื่องงาน ฉันจึงตื้อคุณแม่จะไปประเทศบ้านเกิดของคุณพ่อให้ได้ แต่ที่จริงแล้วเธอไปเพราะมีเจตนาแอบแฝง.....แหม..ก็อยากเสพมังงะและโดจินของแท้ที่โน่นเท่านั้นเอ๊งงง(ทำหน้าเขิน)
แต่ก่อนจะได้ไปก็ยากเอาการ...เธอต้องเรียนรู้ภาษาจนพูดและเขียนได้ถึงจะได้ไป ตามข้อตกลงของคุณแม่สุดที่รัก ที่จริงพี่ชายกับแม่จะขังเธอไว้อยู่แต่ในบ้านเลยด้วยซ้ำ ขนาดโรงเรียนก็ต้องจ้างคนมาสอนเลย ถ้าเกิดเธอไม่ตื้อและหาข้ออ้างร้อยแปดมาพูด ให้ตายก็คงเฉาตายอยู่ที่ห้องแน่ๆ
จึงเริ่มหัดพูดภาษาญี่ปุ่นจนพอพูดได้คล่อง อ่านมังงะภาษาญี่ปุ่นได้แบบไม่ต้องรอซับแปล ส่วนอังกฤษกับฝรั่งเศสเป็นผลพลอยได้จากคุณแม่ที่พาไปต่างประเทศเพราะเรื่องงานบ่อยๆ
และตอนนี้ฉันก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ปารีสเหมือนเดิมแล้วค่ะ..หลังจากหายไป5ปี ปีที่5ฉันก็กลับมาที่ปารีสบ้านเกิดตัวเอง
ตอนนี้ฉันคือไดอาน่า ซีมัวร์ อายุ14ปีเต็ม เป็นทั้งนักร้องไอดอลและนางแบบอายุน้อยแต่ไฟแรงฟุดๆ(?)ของบริษัทGM หรือต้องเรียกว่าเป็นบริษัทของเครือกรุ๊ปที่บ้านตัวเองดีล่ะ..
ฉันได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดในเมืองปารีสคนเดียว พี่ชายจะตามมาสมทบทีหลัง หลังจากที่ทำธุระที่ญี่ปุ่นเสร็จ..ส่วนคุณแม่งานยุ่งตลอดปี
ตอนนี้เธอจึงอยู่กับเหล่าเมดบัลเลอร์ และพ่อบ้านที่คฤหาสน์หลังใหญ่นี่คนเดียว--..อยากบอกว่าแฮปปี้มาก! ไม่ต้องมาคอยฟังคนดุและต้องทำตัวสง่างามตลอดเวลา แถมนอนดึกแค่ไหนก็ได้
ดวงตากลมโตกระพริบอ่านข้อความแสดงความคิดเห็นในหน้าจอปริบๆ ก่อนไดอาน่าจะอดอมยิ้มขึ้นมาไม่ได้กับความโอเวอร์วังของแฟนคลับ
"ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ ที่ติดตามกันมาตลอด อย่างที่เคยว่าไป พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปโรงเรียนแล้วค่ะ จึงต้องเข้านอนเร็วกว่าปกติ ฮ่าๆ"
ที่จริงฉันไม่ต้องเรียนก็ได้นะ เพราะเหมือนเธอจะถูกพี่ชายและคุณแม่ในชาตินี้ ให้ท้ายแถมเรียนหนักตอนว่างๆจนเกือบจะครบแล้ว แต่ที่ยังอยากไปโรงเรียนเพราะเธออยากเห็นพระเอกกับนางเอกไงเล่า!
คิดถึงเด็กตาหวานเมื่อตอนนั้น.. ไม่รู้ว่าตอนนี้จะยังขี้แงเหมือนเดิมหรือเปล่า
"ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ จากนี้ไปก็ขอฝากตัวทางอัลบั้มเพลงที่กำลังออกวางจำหน่ายเร็วๆนี้ด้วยนะคะ"
เสียงหวานเอ่ยผ่านไมค์พร้อมยิ้มหวานจนใครเห็นต้องหน้าแดง ก่อนจะหัวเราะขบขันเมื่อเห็นข้อความของแฟนคลับ ต่างแย่งกันแสดงความคิดเห็น
[อาาาา! ลืมไปเลยว่าคุณยังเด็กอยู่ งั้นก็รีบๆเข้านอนเลยพรุ่งนี้คุณจะได้ตื่นมาแจ่มใส เด็กๆไม่ควรนอนดึก ...แต่ว่า ขออีกสักเพลงก่อนนอนกล่อมพวกเราก่อนก็ได้ นะ น๊าา]
[จริงด้วย ขอเพลงก่อนนอนสักเพลง]
เมื่อเห็นแฟนๆส่งข้อความอ้อนขนาดนี้แล้ว ไดอาน่าก็ไม่ขัดศรัทธาเพราะคงไม่ได้เข้ามาล็อกอินอีกนาน เธอหลับตาลงก่อนจะเอ่ยเนื้อเพลงในหัวออกมา นิ้วเรียวสวยจนน่าอิจฉาก็ดีดบรรเลงเพลง สายตามองกล้องเป็นระยะด้วยประกายตาวาววับ
รอยยิ้มสวยบนริมฝีปากแดงถูกจุดขึ้นน้อยๆ ตอนนี้ไม่มีคอมเม้นเด้งขึ้นมารกหน้าจออีกแล้วแต่ไดอานารู้ว่ายังมีคนดูอยู่ เพราะต่างคนต่างหลงใหลน้ำเสียงมีเสน่ห์ของเด็กสาว และประกายไฟในดวงตาสีฟ้าทะเลจนต้องนิ่งมองค้างเหมือนโดนดูดเวลา
"จบแล้วน๊า ฝันดีนะคะทุกคน จุ๊ฟ!"
เป็นเวลาหลายนาที เผลอแปบเดียวพวกเขาก็ฟังจบท่อนสุดท้ายแล้ว ไดอาน่าบอกฝันดีเหล่าแฟนคลับและส่งจูบใส่กล้องปิดท้าย หลังจากปิดเว็บไซนต์ลง ไดอาน่าก็เหนื่อยจนนอนแผ่ไปบนเตียงและแล้วเธอก็เผลอหลับไปเลย...
................................
......................
...........
...
เมืองปารีส วันที่xx...วันรุ่งขึ้นที่สตูดีโอของบริษัทแห่งหนึ่ง
ไดอาน่าตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปคุยเรื่องเพลงที่กำลังจะออกอัลบั้มเร็วๆนี้ หลังจากที่ใช้เวลาคุยเสร็จเธอก็รีบลงมานั่งที่รถลีมูซีนคันสีดำ มีหญิงสาวท่าทางเรียบร้อยดูเอาการเอางานเป็นคนขับรถ
'มิแรนด้า'ส่งยิ้มให้เด็กสาว เธอเพิ่งเข้ามาทำงานเป็นผู้จัดการต่อจากคนที่ย้ายออกไป จึงยังไม่รู้จักไดอาน่าดีนัก แต่มิแรนด้าคิดว่าเด็กสาวคนนี้เป็นคนที่เยี่ยมยอดจริงๆ ด้วยอายุเท่านี้กลับมีฐานแฟนคลับเป็นแสนแล้ว ถ้าโตมากกว่านี้ไดอาน่าต้องเป็นที่น่าจับตามองของคนทั้งโลกแน่
โดยที่มิแรนด้าไม่รู้เลยว่าไดอาน่า ซีมัวร์ ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น ความฝันของเธอเป็นสิ่งเล็กๆที่ทำแล้วอยู่อย่างสบายใจมากกว่า
"ช่วยแวะไปส่งฉันที่โรงเรียนข้างๆระหว่างทางด้วยนะมิแรนด้า" ไดอาน่าแอบปาดเหงื่อเล็กน้อยระหว่างที่รีบวิ่งมาถึงรถ เพื่อให้ไปทำธุระที่อื่นทันเวลา..
แต่ทว่า..
มิแรนด้าเม้มริมฝีปากแน่นอย่างลำบากใจ ก่อนจะพยายามทำหน้านิ่งเอ่ยตอบเด็กสาวออกไป เพราะเธอรู้ว่าคำพูดต่อไปนี้เด็กสาวต้องโวยออกมาแน่นอน
"ไม่ได้หรอกค่ะคุณหนู นายหญิงบอกว่าวันนี้ได้เชิญครูสอนการเต้นรำและดนตรี มาที่บ้านวันนี้ค่ะ นายหญิงบอกว่าห้ามให้คุณหนูแวะไปไหนให้ตรงกลับบ้านทันทีเลย"
กึก
"เอ๋!? ได้ยังไงกัน ฉันขอคุณแม่แล้วนะว่าวันนี้ไม่ว่าง"ฉันตาโตก่อนจะร้องออกไปดว้ยความตกใจ ไหนว่าวันนี้เป็นวันอิสระของเธอไง!
"แล้วอีกอย่างวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกนะ!" วันที่เด็กๆทุกคนต้องไปโรงเรียน ใช้เวลาทั้งวันกับเพื่อนวัยเดียวกันนั้นน่ะ
อ่อ..ที่จริงเพื่อนไม่สำคัญกับฉันมากเท่าไหร่หรอก
ฉันแค่อยากจะเจอตัวละครในทีวีที่พระเอกกับนางเอกที่เธอชื่นชอบแค่นั้นเอง!(นี่ล่ะจุดประสงค์หลักของวันนี้)
"คุณหนูต้องไปคุยกับนายหญิงเองนะคะ ดิฉันเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น" มิแรนด้าตีหน้านิ่งตอบขณะที่รถกำลังขับเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ
สุดท้ายฉันก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคยออกไป รอเวลาไม่นานปลายสายก็กดรับ
[สวัสดีค่ะ]
น้ำเสียงจริงจังลดความหวานของน้ำเสียงนั้นลงไปมากโข ฉันที่ทีแรกกะจะมาโวยก็หุบปากกลืนน้ำลายเล็กน้อย ความไม่พอใจในตอนแรกลดลงพรวดๆ เมื่อเสียงที่ตอบมาเย็นชาเหมือนทุกครั้งที่พบหน้า สร้างความหวาดหวั่นในใจแก่เธอทุกครั้ง
ขนาดมีความทรงจำอดีตชาติอยู่ ฉันก็ยังคงหงอที่อยู่ตรงหน้าเจ้าของน้ำเสียงนี้ทุกทีสิน่า นั้นสินะ...นักเรียนสาวม.หมายที่เป็นโอตาคุหรือจะมาสู้กับประธานสาวไฟแรงบริษัทชื่อดังกันเล่า
ฮิซาเบลล่า ซีมัวร์ หรือคุณแม่ของเธอเองนั่น ตั้งแต่จำความได้ก็มีเพียงผู้หญิงสูงศักดิ์คนนี้ และเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีศักเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอหรือพี่เซดลิกคอยดูแลมาตลอด
แต่ส่วนมากคุณแม่ชอบเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ แทบจะเรียกได้ว่าไม่อยู่ติดบ้าน ขนาดวันเกิดลูกๆยังลืมไปแล้วเลยมั้ง
มีแต่พี่เซดลิกที่เป็นคนดูแลเธอ
ดูแลแบบเจ้าหญิงในกรงทองอะนะ....ฉันไม่รู้สาเหตุที่คุณแม่หวงเธอมากนักหรอก ร่วมถึงพี่เซดลิกด้วย เธอจึงไม่เคยได้พบปะกับผู้คนมากมายเท่าไหร่ นอกจากเวลางานเดินแบบหรือถ่ายแบบเป็นหน้าเป็นตาให้บริษัทเครือข่ายที่บ้าน
บางครั้งก็เคยคิดเล่นๆนะว่าถ้าเกิดคุณพ่อยังอยู่ คุณแม่จะอ่อนโยนและใจดีมากกว่านี้หรือเปล่านะ? จะมอบความรักให้เธอมากกว่านี้หรือเปล่า...? และพี่เซดลิกก็ไม่ต้องรีบเรียนให้จบเพื่อมารับช่วงต่อจากคุณแม่เร็วเกินไป พี่ชายจะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่กันพร้อมหน้าด้วยกันมากกว่านี้...
แต่มันก็แค่สมมุตินั้นแหละนะ คนตายไปแล้วก็คือตายแล้วนั้นแหละ..
"คุณแม่คะ..หนูอยากจะไปโรงเรียนค่ะ" ฉันเอ่ยขอไปตรงๆ สายตาก็เหลือบมองมิแรนด้าที่กำลังมองท้องถนน พยายามทำเป็นเหมือนไม่ได้แอบฟังเธอพูดอยู่ แต่หูนี้กลางผึ่งเลยละแม่คุณ!
"นะคะๆ.. ขนาดพี่เซดลิกยังได้ไปเรียนที่ต่างประเทศเลย หนูก็อยากไปโรงเรียนแบบเด็กปกติบ้าง ทุกวันนี้ไดอาน่าก็(พยายาม)ทำตามคำสั่งคุณแม่ตลอดเลยนะคะ งานถ่ายแบบหรืออัดชิ้งเกิ้ลเพลงหนูก็ทำได้ดีมาก ใครๆก็ชมว่าสมเป็นลูกสาวของคุณแม่ เพราะฉะนั้นให้หนูได้ไปโรงเรียนเถอะน๊าาา"
ความหมายที่ไดอาน่ากำลังจะสื่อคือ = อุสาตั้งใจทำผลงานออกมาดีขนาดนี้ ไม่คิดจะตบรางวัลให้บ้างเลยหรือ? ขนาดทหารก็ยังต้องได้รับรางวัลและกำลังใจจากแม่ทัพเลยนะ
ไดอาน่าพยายามบีบน้ำเสียงให้ดูน่าสงสารสุดๆ เอาให้คนปลายสายนึกภาพออกเลยว่า เธอกำลังทำสีหน้ายังไงอยู่
ถ้าเปรียบเหมือนลูกหมามีหูกับหางก็คงจะลู่ตกลงด้วยความหงอยแน่ๆ เรียวคิ้วที่จัดทรงมาอย่างดีลู่ลงทำให้ใบหน้างดงามยิ่งดูบอบบางมาขึ้น ริมฝีปากแดงก็เม้นน้อยๆ(อย่างลุ้นระทึก)
ถ้ามีใครมาเห็นเธอสภาพนี้ก็คงจะใจอ่อนยินยอมแต่โดยดี...แต่อนิจาบอสอีกฝั่งช่างจิตใจ(เหี้ยม)แกร่งกล้ายิ่งนัก..สมกับเป็นแม่ลูกกัน(กำลังหมายถึงพี่เซดลิก)
[ไม่ได้]
จะไม่คิดสักนิดหน่อยเลยเหรอแม่คุณ!
"ทำไมล่ะคะ! คุณแม่สัญญาไว้แล้วนะ" เธอจำได้ว่าได้ขอคุณแม่ก่อนที่ท่านจะบินไปทำธุระที่ต่างประเทศเลยนะ! จะมาขี้จุ๊บ่เบ๊ตอนนี้ไม่ได้นะ!
[คิดดีๆไดอาน่า แม่เพียงแค่รับฟังและรับรู้แล้วเท่านั้น ไม่ได้ตกลงสัญญาอะไรไว้กับลูกเลย]
เพล้ง
เดี๋ยว มีใครมาทำอะไรแตกแถวนี้ไหมนะ เหมือนจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกกระจาย..
อ้อ.. เศษหน้าฉันนี้เอง...แค่ก!
"ตะ แต่..." พยายามนึกคำมาแถแต่ก็พูดไม่ออก พอย้อนคิดดีๆก็เหมือนจะไม่เคยได้ยินคุณแม่ตกลงเลยแฮะ เหมือนเธอจะพูดอยู่ฝ่ายเดียว ตอนที่คุณแม่กำลังทำงานเอกสารและคุณแม่พยักหน้า(รับรู้)เท่านั้น ไอ้เราก็นึกว่าตกลงที่ไหนได้!
[พอแล้วที่รัก แม่กำลังจะเข้าห้องประชุม แค่นี้ก่อนนะ รักลูกจ๊ะ]
ปิ๊บ
"...." จ้องมองสายที่ถูกตัดไปด้วยสายตาว่างเปล่า พอกดโทรไปอีกทีปลายสายก็ถูกตัดและปิดเครื่องไปแล้ว สงสัยรู้ว่าเธอจะโทรไปตามจิกตื้อแหงๆ...
ความรู้สึกตอนนี้คืออยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งมาก แต่ก็เกิดเสียดายเพราะซื้อมาก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ จึงเก็บไว้ในกระเป๋าสะพายอย่างนุ่มนวล
"ตกลงไม่ได้สินะคะ ถ้างั้นดิฉันจะพาคุณหนูกลับบ้านเลยนะคะ" มิแรนด้ามองผ่านกระจกหลังด้วยความกังวล ยิ่งเห็นหน้าตาเศร้าสร้อยของเด็กสาว มิแรนด้าก็เกือบจะเผลอใจขัดคำสั่งนายหญิงซะแล้ว แต่ด้วยคำสั่งหน้าที่เธอเลยต้องพยายามทำให้ดีที่สุด
"ค่ะ..." เอ่ยตอบเสียงแผ่วๆ ทำไงได้ล่ะ ถึงไม่ยินยอมมิแรนด้าก็คงไม่ยอมให้เธอไปโรงเรียนหรอก ถ้าเป็นที่โลกเมื่อก่อนเธอจะยินยอมไม่ไปโรงเรียนแต่โดยดีเลยล่ะ ทำไมตอนเกิดอยากไปแต่ไม่ได้ไปกันเนี่ยยย ช่วยสลับบทกันทีได้ไหมคะ
ขณะที่รถแล่นไปตามท้องถนน เธอก็เหม่อมองชมวิวข้างกระจกรถ ระหว่างที่รถหยุดกลางทางเพราะติดไฟแดง สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวคนหนึ่งผมสีน้ำเงินเข้ม ผมทรงมัดแกะต่ำสองข้าง ใส่กางเกงสีชมพูเสื้อโปโลสีขาวปักลายดอกไม้ พร้อมเสื้อคลุมสีน้ำตาลแก่กำลังเดินข้ามไฟแดง ด้วยท่าทางเร่งรีบ
พรึ่บ!
ไดอาน่าลุกขึ้นมานั่งมือทาบกระจกแปะด้วยความตกใจ
นะ นั่น...เด็กสาวเมื่อกี้
นางเอกไม่ใช่หรือ!?
นางเอกของเรื่องนี้คือ มาริเน็ต ลูเปง เฉิง ลูกสาวเจ้าของร้านเบเกอรี่ในกรุงปารีส
เธอเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสและจีน มาริเน็ตต์เป็นคนขี้อายและซุ่มซ่านบ่อยๆ เธอเป็นฮิโร่ที่ปราบเหล่าวายร้าย ในชื่อของสาวน้อยเลดี้บัคเอกลักษณ์ของเธอคือเต่าทอง
ถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้รับปาฏิหาริย์เต่าทอง ฉันจะคิดว่าปาฏิหาริย์ของเธอคือกระต่าย เพราะมันขี้ตกใจตื่นกลัวแถมขี้อาย....อีกอย่างสำหรับฉันมันน่ารักด้วยนะ และนางเอกตอนช่วงนี้คือยังไม่ได้เป็นเลดี้บัค แปลว่าตอนนี้เธอคือสาวน้อยธรรมดาๆอยู่ จะมีจุดพลิกเปลี่ยนที่จะทำให้ชีวิตเหล่าพระเอกและนางเอกเปลี่ยนไปตลอดกาล..
ทว่าหญิงสาวเหมือนกับกำลังเร่งรีบไปไหนสักแห่ง ต้องเป็นโรงเรียนแน่ๆ เห็นแวบๆถือกล่องอะไรบางอย่างถ้าตามเนื้อเรื่องเดิม วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก นั่นคือกล่องของฝากจากคุณพ่อเจ้าของร้านเบเกอรี่แน่นอน
เป็นขนมมาการองที่คุณพ่อนางเอกทำให้ เพื่อแสดงความยินดีสำหรับมิตรภาพของเพื่อนใหม่ของมาริเน็ตต์วันแรก ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง แต่เห็นฮัลย่า เพื่อนสาวสนิทของมาริเน็ตต์ชมว่าอร่อยมาก ขนาดในอนาคตเอเดรี่ยนยังชมว่าอร่อยเลย
อาาา! ฉันอยากจะกิน! ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับมาริเน็ตต์ด้วย
ดีล่ะ! ไฟถูกจุดพรึ่บล่ะ
ยังไงวันนี้ฉันจะต้องไปโรงเรียนวันแรกให้ได้!!(เพื่อขนม)
"คุณหนูไดอาน่า อย่าพิงกระจกแบบนั้นสิคะ หน้าจะแนบกระจกอยู่แล้วค่ะ มันดูไม่งามเลย..ผู้หญิงต้องมีความเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีที่ดีนะคะ ถ้าท่านฮิซาเบลล่ามาเห็นล่ะก็คุณหนูจะต้องถูกอบรมให้ไปเริ่มเรียนมารยาทใหม่แน่ค่ะ"
เสียงมิแรนด้าบ่นลอยมาเรียกสติเธอให้กลับร่าง ฉันที่ใส่กระโปรงตัวยาวสีขาวมาวันนี้ กำลังยกขาขึ้นนั่งพิงบนเบาะนั่งรถ สองมือก็แปะอยู่บนกระจก พอดูดีๆก็ไม่งามสมกับเสื้อผ้าและกระโปรงที่ใส่มาวันนี้จริงๆนั้นแหละ...
หลังจากที่เปลี่ยนมานั่งท่าที่ถูกต้องแล้ว ฉันก็เหลือบเห็นร้านน้ำข้างทางเข้า เธอจึงเกิดความคิดดีๆขึ้นมา
"มิแรนด้า ฉันรู้สึกคอแห้งจังอยากดื่มน้ำ ช่วยออกไปซื้อให้หน่อยสิ น๊าาา" ฉันทำตาอ้อน แต่ในใจคิดแผนชั่วร้ายไว้แล้ว ถ้ามิแรนด้าลงไปเธอจะรีบชิ้งหนีทันที
"น้ำข้างเบาะคุณไงคะคุณหนู ถ้าคอแห้งก็รีบดื่มเลยค่ะ" มิแรนด้าเลิกคิ้วขึ้นมองเธอในกระจกหน้ารถ ก่อนจะหันกลับไปขับรถต่อ ฉันหันไปมองเบาะข้างๆมีขวดน้ำวางอยู่จริงด้วย แถมยังดูเหมือนจะเพิ่งซื้อมาอีกต่างหาก...
รู้ใจฉันจริงมิแรนด้า แต่ฉันไม่ได้อยากดื่มจริงๆนี้นา
'ชิส์ คงต้องหาแผนอื่น' เธอนิ่งคิดก่อนจะปิ้งไอเดียออกมา เธอทำท่าค้นหาของในกระเป๋าสะพายพร้อมทำหน้ากังวลคิ้วขมวดมุ่น
"ตายแล้วมิแรนด้า! ฉันลืมของไว้ที่ห้องสตูริโอน่ะค่ะ ช่วยกลับรถไปเอาแปบหนึ่งได้ไหมคะ มันสำคัญต่อฉันมาก ไม่งั้นฉันจะ...คิดเพลงไม่ออก" เสียงหวานเน้นย้ำตรงประโยคหลัง
"เอ๊ะ รอเอาวันอื่นไม่ได้หรือคะ? วันนี้คุณหนูมีนัดกับคุณนายเอ็ดดี้"
"ก็...พอได้อยู่หรอกค่ะ แต่เพลงมัน.."
เกริ่นจบประโยคแค่นี้ มิแรนด้าก็พอเดาออกแล้ว ฉันทำหน้าลำบากใจ ว่าถ้าไม่มีของสำคัญที่ลืมไว้ เธอจะแต่งเพลงไม่ออกจริงๆ
"เฮ้อ..ก็ได้ค่ะ แปบเดียวนะคะ" ถ้าไม่ติดว่ากลัวความแตกเธอแทบอยากจะชูมือขึ้นร้องเย้! แต่ฉันก็ยังไม่หลุดสีหน้าพยักหน้าอย่างโล่งอก พร้อมกับอมยิ้มหวานขอบคุณมิแรนด้าเบาๆ
แหม ตอแหลได้แนบเนียนชะจนต้องมอบโล่ดีเด่นให้เลย
คลืนน..
พอมิแรนด้าได้ยินว่ามันส่งผลกระทบต่องานเธอก็แสดงสีหน้าสองจิตสองใจ ฉันรู้ว่าเรื่องเกี่ยวกับงานเป็นจุดอ่อนของมิแรนด้าเลยล่ะ สุดท้ายมิแรนด้าก็ต้องตีไฟย้อนศรกลับไปทางเดิมที่จากมา
ที่จริงพี่เซดลิกก็เตือนผู้จัดการทุกคนอยู่ตลอดว่าร่วมงานกับฉัน อย่าได้ประมาณและระวังตัวอยู่ตลอด เพราะเผลอแปบเดียวฉันอาจจะหายไปไหนแล้วก็ได้ ยังดีที่ฉันมีจิตสำนึกในหน้าที่ เลยไม่เคยทิ้งงานเลยสักครั้ง แต่นอกเหนือจากงานและเหล่าแฟนคลับแล้วเธอก็คือเธอ
พอถึงหน้าสตูดีโอทางเข้าฉันก็ทำท่าจะลงจากรถ พร้อมแอบถือกระเป๋าสำคัญไปด้วย แต่มิแรนด้าเอ่ยทักท่วงขึ้นเสียก่อนเธอเลยต้องชะงักกึกในท่าผลักประตู
"คุณหนูไดอาน่า! ไม่ต้องลงไปเองหรอกค่ะ เดียวฉันจะโทรไปให้คนข้างในหยิบมาให้เอง คุณลืมอะไรไว้คะ แล้ววางไว้ตรงไหน" มิแรนด้ารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าจะกดโทรออก
"อา! ไม่ต้องหรอกค่ะ อย่ารบกวนพนักงานเลย ฉันไม่อยากให้พวกเขาตกใจ"
ถ้าใช้คนหยิบให้ฉันก็ไม่มีข้ออ้างเข้าไปข้างในสิคะ!
เธอส่ายหัวยิ้มหวาน ไม่รอให้มิแรนด้าแย้งขึ้นมาอีก ฉันรีบเปิดประตูรถวิ่งออกไปทันที หูได้ยินเสียงมิแรนด้าดังแว่วมาแต่ไกล
"เร็วๆหน่อยนะคะไดอาน่า!"
'ขอโทษนะมิแรนด้า แต่ฉันจำเป็นต้องไปโรงเรียนจริงๆ!'
ชั่วโมงเรียนมารยาทของคุณนายเอดดี้น่ะ พักๆสักวันบ้างก็ได้น่า..ฉันไม่รีบหรอก ถ้าเป็นไปได้ตัดมันทิ้งไปเลยก็ดี ถึงเรียนไปก็ไม่ทำให้มารยาทกุลสตรีของเธอ เพิ่มขึ้นหรือขยับมากไปกว่านี้ได้อีกแล้วล่ะน่า
อยากจะตะโกนบอกคนที่วางตารางงานให้เธอแบบนี้นะ แต่ไม่กล้า..ก็พี่เซดลิกเป็นคนจัดให้นี่นา ...กระซิกๆ(ทำท่าซับน้ำตาที่ไม่มีจริง)
ฉันมีเวลาเพียง3นาที ก่อนที่แผนหลบหนีมิแรนด้าจะแตก มิแรนด้าฉลาดมากฉันหายไป2นาที เธอก็คงจะลงจากรถมาตามหาดูแล้วล่ะ
หลังจากที่เข้ามาข้างในได้เธอก็หักเลี้ยวโค้งไปห้องว่างหนึ่งที่ไม่มีคน เคยจำได้ว่ามีหน้าต่างบานใหญ่เปิดอ้าเอาไว้ บานหน้าต่างก็มีต้นไม้ร่มรื่นแผ่กิ้งก้านยื่นออกมาทางหน้าต่าง
ฉันกระโดดข้ามหน้าต่างไปทางต้นไม้ก่อนจะไต่ลงอย่างรวดเร็วด้วยความคล่องแคล้ว ไม่ถามความสมัครใจของกระโปรงสีขาวที่เผลอใส่มาในวันนี้เลย...นี่ ยังดีนะที่เธอใส่กางเกงซับในสีดำซ้อนทับเอาไว้อีกที
ถ้ามีคนรู้จักเดินมาเห็นก็คงตกใจ แทบไม่เชื่อเลยว่านี้คือลูกสาวตระกลูซีมัวร์หรือ ไดอาน่า ซีมัวร์ นักร้องสาวสวยชื่อดัง..ภายนอกเธอดูเป็นสาวน้อยเรียบร้อยผู้ดี
แต่คนในครอบครัวหรือคนสนิทจริงๆ จะรู้ว่านิสัยเธอน่ะมันเจ้าเล่ห์แสบซนเหมือนจิ้งจอก คุณแม่ถอนหายใจทุกครั้งที่เจอหน้า(?)ขนาดพี่ชายยังคุมไม่อยู่เลย เขาบ่นประจำว่าเหมือนมีน้องผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
"ปุบ"
หลังจากที่เท้าถึงพื้นดิน สองเท้าก็วิ่งสับไปที่กำแพงข้างๆ มันเชื่อมต่อกับถนนแถวเส้นทางโรงเรียน ถ้ารีบวิ่งหน่อยด้วยระยะทางแค่นี้ก็คงจะไปทันเข้าห้องเรียนพอดี
'แต่กำแพงนี้ก็สูงใช่เล่นแฮะ'
ไดอาน่ามองกำแพงตรงหน้าด้วยหัวใจห่อเหี่ยว เธอตัดสินใจโยนกระเป๋าใบโปรดข้ามกำแพงไปก่อน เพราะมันหนัก หวังว่าจะไม่มีใครขโมยมันไป
"ฟู่"
เด็กสาวก้าวถอยหลังไปไกลก่อนจะหลับตาสูดหายใจเข้า เมื่อลืมตาขึ้นดวงตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายมุ่งมั่น สองขาเรียวออกตัววิ่งด้วยความเร็วก่อนปลายเท้าจะสะกิด เตะกำแพงส่งแรงเหวี่ยงพาร่างบอบบางขึ้นไป
ฟุ่บ!
หลังจากที่เกาะขอบกำแพงได้ เธอก็กระโดดลงพื้นข้างล่างอย่างสวยงาม โดยไม่ทันเหลียวมองอะไรเลย กระโปรงสีขาวกระจายเป็นวงเหมือนกลีบดอกไม้บาน เส้นผมสีเงินบริสุทธิ์กระจายเป็นคลืนในอากาศ ก้อนเมฆเคลื่อนตัวออกอย่างเป็นใจ ทำให้แสงสว่างสาดส่องลงมาที่ร่างบาง ทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้าจำแลงลงมา
ตุบ...!
"เฮ้อ ดีนะที่ลงจอดอย่างสวยงาม" เสียงหวานกระซิบเบาๆอย่างโล่งอก ที่จริงก็กลัวหน้าแหกลงพื้นอยู่อะนะ... สมกับที่ลำบากลำบน อดทนเรียนยิมนาสติกมาจนได้เหริยญทอง เพื่อบัตรคอนของไอดอลเกาหลีจากพี่ชาย(?)
เธอคิดด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ ขณะที่ปัดกระโปรงตัวยาวที่เปื้อนเศษใบไม้สีเขียวเล็กน้อยออก
เอาล่ะ แล้วกระเป๋าเราไปไหนหวา..?
ขณะที่กำลังมองหากระเป๋าตัวเก๋งสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นรองเท้าสีขาวคู่หนึ่ง เลื่อนขึ้นไปมองอย่างสงสัย ก่อนดวงตาสีฟ้าของเธอจะเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ..
กรามเธอแทบอ้าปากค้าง
เบื้องหน้าของไดอาน่าคือเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง... เรือนผมสีบลอนด์ทองสุกสะกายเป็นประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสงอาทิตย์
เขาใส่เสื้อโปโลสีดำมีลวดลายเส้นสามขีดสีเหลืองเขียวและม่วงตรงอก พร้อมสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับครึ่งแขนสีขาวสะอาด และกางเกงยีนต์ขายาวสีน้ำเงิน
รูปร่างดีสูงกว่าเธอไปหลายเซน กำลังใช้ดวงตาสีเขียวอมทองจดจ้องมองมาที่เธออย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าตกใจเรื่องอะไรแต่ที่แน่ๆตอนนี้สติเธอกำลังบินออกจากร่างไปอีกแล้ว
ไม่คิดไม่ฝัน...พอจะมองหาดันไม่เจอ แต่พอไม่ตั้งตัวกับเจอตัวได้ง่ายดายขนาดนี้เชียว!
เป็นเวลาสี่ปีที่ไม่ได้เจอหนูน้อยหน้าสวยขี้แยคนนั้นอีก
แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าโตมาจะ เป็นผู้ชายหล่อลากดินน่าขบเคี้ยวขนาดนี้ได้
'ฮะ เฮ้ นี่มัน...พระเอกไม่ใช่เหรอ!? เขามาทำอะไรที่นี่!'
ฉันแทบอยากจะเหลียวหลังหันกลับไปมองเลยว่า กำแพงที่เธอข้ามมามันเป็นกำแพงธรรมดาหรือประตูวิเศษไปไหนก็ได้ของโดอาเรม่อนกันแน่...!?
ทำไมข้ามมาก็ปะทะกับตัวชูโรงเลยล่ะ
"เอ่อ..กะ กระเป๋า ของคุณ..." เสียงทุ่มเอ่ยถามติดอ่ำอึ้งเล็กน้อย จนเธอต้องก้มหน้ามองด้วยความสนใจ ก่อนจะเห็นในมือเขาถือกระเป๋าสะพายตัวโปรดเธอไว้อยู่
เมื่อกี้มัวแต่ตาค้างมองความหล่อจนไม่ได้เอะใจเลย ช่วยเก็บให้ล่ะสินะใจดีจริงๆ
"ขอบ-" ก่อนที่จะได้เอ่ยขอบคุณไป ตาเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งจนต้องชะงักกึก
เมื่อเห็นว่าเอเดรียนที่โตจนน่ากินตอนนี้ กำลังหน้าแดงระเรื่อสายตาก็หลุบลงเหมือนไม่กล้าเงยขึ้นมา แต่ก็แอบเห็นว่าเหลือบๆมองกระโปรงสีขาวของเธออยู่... เธอมองตามอย่างสงสัยก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองทำอะไรไป...เมื่อกี้เธอกระโดด
...กำแพง
แล้วกระโปรง
"!?"
แค่นั้นแหละ...ฉันก็หน้าแดงแป๋ดทันที มือเคลื่อนไปปิดกระโปรงทั้งที่มันก็เรียบร้อยดี มันจะเพราะอะไรซะอีกล่ะ!
ต้องเป็นเพราะท่ากระโดดลงมาเมื่อกี้ของเธอแน่ๆ!
อาาาา! ไม่น๊าาา..!!
ท่าทางแบบนี้ของเขาแปลว่าเมื่อกี้คงเห็นตอนเธอกระโดดลงมาสินะ ถึงแม้จะใส่กางเกงขาสั้นซับในไว้ก็เถอะ แต่พอเห็นเขาเขินเธอก็เริ่มจะเขินตามซะแล้วสิ
"คะ คือว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจมองจริงๆนะ เพราะว่าอยู่ๆเธอก็กระโดดลงมาฉันก็เลย-... เอ่อ ขอโทษด้วยครับ" เอเดรียนรีบแก้ตัวเมื่อเห็นท่าทางเหมือนจะร้องไห้ของหญิงสาวเข้า เขาโบกมือยิบด้วยใบหน้าแดงฉานเหมือนเชอรี่
แต่ยิ่งแก้ตัวเด็กหนุ่มก็ยิ่งนึกถึงภาพสวยงาม(?)เมื่อครู่ หน้าก็ยิ่งแดงก่ำกว่าเดิมสุดท้ายก็เอ่ยประโยคขอโทษออกไป
"ไม่.. ไม่เป็นไรค่ะ ความผิดทางนี้เอง" เพราะว่าดิฉันมันมักง่ายเองค่ะ T T ถึงแม้เธอจะใส่กางเกงขาสั้นซ้อนเอาไว้ด้วยก็ตามที...
แต่นี้มันพระเอกเลยนะโว๊ยย!? ถึงเธอจะหน้าด้านแต่คงไม่กล้าหน้าหนาบอกปัดไปว่า
'ช่างมันเถอะน้องชาย เห็นแค่นี่พี่มันไม่สึกหรอหรอก'
จะให้พูดออกไปแบบนี้มันก็...ไม่ใช่อะ!
ถ้าพี่เซดลิกมาเห็นฉันตอนนี้ก็คงจะอยากตบมือแปะๆแสดงความยินดี ที่เห็นฉันมีความเขินอายเหมือนกุลสตรีอย่างคนอื่นเขาบ้าง
"ขะ ขอบคุณคะ-กึก โอ๊ย!"
รีบพูดเกินไปจนลิ้นพันเผลอกัดลิ้นตัวเองเข้า กัดแรงซะจนน้ำตาเล็ดแทบใหล รับรู้ได้เลยว่าน้ำตาคลอหน่วย แก้มก็ร้อนอายก็อาย ยังมาทำตัวขายขี้หน้าอีก
แถมต่อหน้าคนหล่อ-เอ้ย พระเอกด้วย!
"คุณ..! เป็นอะไรไหม" สมกับเป็นพระเอก เอเดรียนช่างแสนดีแสดงท่าทางเป็นห่วงเธออย่างจริงจัง แต่ไม่ไหวเธอไม่มีเวลามาฟินเพราะตอนนี้รู้สึกอายหนักมาก ทำไมวันนี้เธอถึงได้ทำตัวน่าขายหน้าอย่างนี้นะ!
"มะ ไม่ ฉันแค่ อึก กัดลิ้นตัวเอง.." กระซิบเสียงแผ่วตอนท้าย
ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความตกใจ ก่อนประกายตาจะเปลี่ยนเป็นความขบขัน เมื่อรู้ว่าเธอเพียงร้องเพราะกัดลิ้นตัวเองเข้า
เป็นครั้งแรกที่เจอผู้หญิงที่เปล่งประกายระยิบระยับได้น่าดึงดูดขนาดนี้ ไม่เคยเห็นเธอคนนี้มาก่อนเลย
แต่เส้นผมสีขาวพิสุทธิ์ ดวงตาสีฟ้าครามแบบนี้เหมือนเขาจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่มันนานมากๆ...
ทว่าก่อนที่เอเดรียนจะได้ถามอะไรออกไป พวกเธอมีอันต้องสะดุ้งตื่นตกใจ
"เอเดรียน!/ไดอาน่า!"
เสียงตะโกนพร้อมใจกันดังมาจากอีกฝั่งของถนน ฉันกับเอเดรี่ยนมองตามทิศทางเสียงด้วยความฉุดงงก่อนจะเปลี่ยนเป็บสีหน้าซีดเผือดลง
มะ มิแรนด้า มิแรนด้าแน่ๆที่กำลังทำหน้ายักษ์อยู่ในรถนั้น!
รถลิมูซีนสีขาวและสีดำกำลังขับข้ามมาทางนี้ ฉันมองเลขาหรือผู้จัดการหญิงและบอดี้การ์เหมือนกอลีล่าของพระเอกในรถคันสีขาว และพี่เลี้ยงสาวกึ่งผู้จัดการหญิงของเธอ ตอนนี้กำลังขับรถลีมูซีนคันสีดำที่ยิ่งเพิ่มออร่าดำถมึนน่ากลัวเข้าไปใหญ่
ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมถึงได้เจอพระเอกที่นี่!
ต้องเป็นเพราะตอนนี้เอเดรี่ยนกำลังแอบหนีจากบ้านเพื่อมุ่งไปโรงเรียนวันแรกแน่ๆ เพราะพ่อของเขา กาเบรียล ไม่ให้เขามาโรงเรียนและมีเพื่อนใหม่เหมือนเด็กปกติ เอเดรี่ยนจึงต้องแอบหนีมา
ส่วนฉันที่บังเอิญกระโดดข้ามกำแพงมาเส้นทางนี้ เพราะเป้าหมายของพวกเราคือที่เดียวกัน เลยจ๊ะเอ๋กันเข้าแบบบังเอิญสุดๆ ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะหนีมาเวลานี้และกำลังผ่านเส้นทางนี้พอดี เธอไม่รู้เรื่องจริงๆนะบอกเลย!
"หนี!"
ไม่ต้องคิดอะไรแล้วล่ะ ฉันคว้ามือเอเดรียนหนีทันที เด็กหนุ่มก็ออกตัววิ่งไปเส้นทางเดียวกันอย่างไม่ขัดขืน เหมือนเขาจะเริ่มรู้แล้วว่ารถอีกคันที่ตามมาคือกำลังไล่ตามหญิงสาวตรงหน้า
"เดี๋ยว ทางนี้!" เอเดรียนดึงมือหญิงสาวให้หักเลี้ยวเข้าตรอกมืดข้างหน้า พวกเรารีบเบียดตัวเข้าไปทำให้รถราคาแพงขับตามเข้ามาไม่ได้ เห็นสีหน้าของบอดี้การ์ดของคุณพระเอกสถบออกมาด้วยความโมโหพร้อมทุบพวงมาลัย
ฉันเผลอยิ้มกริ่มออกมาทันที เมื่อเหลือบเห็นท่าทางเช่นนั้น ให้ตายสิ... บอดี้การ์ดของเอเดรียนเหมือนกอลีล่าจริงๆ ยิ่งเห็นสีหน้าแบบนั้นเข้าก็ทำให้ฉันนึกถึงคิงคองทำหน้าบูดบึ้ง เหมือนอดได้กินกล้วยทั้งที่มันวางอยู่ตรงหน้า แต่ทำอะไรไม่ได้
"คิกคิก" เสียงหัวเราะสะใจกึ่งขบขันของเด็กสาว ทำให้ดวงตาสีมรกตเหลือบมามองด้วยความสนใจ มุมปากของเด็กหนุ่มยกยิ้มตามไดอาน่าอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเจอกับความสดใสสมวัยแบบนั่นเข้า...
"นายกำลังไปไหนงั้นเรอะ" ฉันเอ่ยถามพระเอกขึ้นด้วยความเนียน จริงๆฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่านายกำลังจะไปไหน แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไว้ก่อน
อีกอย่าง..เหมือนเอเดรี่ยนจะจำฉันไม่ได้นะ ว่าพวกเราเคยเจอกันตอนเด็กๆ แต่ไหนจะจำกันไม่ได้แล้ว ช่วยลืมเหตุการณ์ตอนเธอกระโดดกำแพงลงมาด้วยก็ดี...
"ฉันกำลังไปที่Francoise Dupont แล้วเธอล่ะ" เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับมา เธอแกล้งทำเสียง'อื้มมม'ลากเสียงแกล้งคิดว่าเอาไงดี ทั้งที่จุดหมายคือที่เดียวกัน...
"...."
โดยที่ไดอาน่าไม่รู้เลยว่าที่เด็กหนุ่มเงียบไปนาน ไม่ใช่เพราะรอฟังคำตอบของตัวเอง แต่เด็กหนุ่มกำลังเหลือบมองมือเรียวนุ่มที่กำลังจับมือเขาไว้ไม่ปล่อยต่างหาก
[Francoise Dupont] คือสถาบันการศึกษาหรือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย ที่พระเอกและนางเอกจะได้เจอกัน เธอไม่มีทางพลาดฉากสนุกของพระนางหรอกน่า
และฉันก็จะได้เจอมาริเน็ตต์ ลูแปง เฉิง นางเอกของที่นี่ ที่จะกลายเป็นฮีโร่พร้อมกับพระเอกเพื่อปกป้องปารีส โชคดีที่เธอมาทันตอนช่วงแรกๆพอดี แค่คิดก็ดีใจจนยิ้มร่ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อออกมาแล้ว
"โชคดีจัง ฉันก็กำลังไปที่นั่น" เธอหันมายิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเพื่อนร่วมห้องเรียนในอนาคต
"ว้าว! เรื่องจริงอ่ะ เธอก็เป็นนักเรียนใหม่เหมือนกันใช่มั้ย" ดวงตาสีมรกตทอประกายวาววับเหมือนตื่นเต้นดีใจกับอะไรสักอย่าง
แต่ฉันพอเดาได้นะ คงเพราะเอเดรี่ยนไม่เคยมีเพื่อนร่วมห้องมาก่อน และเพื่อนสมัยเด็กคนอื่นนอกจากโคลอี้ก็ไม่มีแล้ว เพราะคุณพ่อของเอเดรี่ยนไม่อนุญาต
"นั้นสิน๊า จะใช่หรือเปล่านะ"
เสียงหวานเอ่ยหยอกเย้าเหมือนใช่หรือไม่ใช่ ให้เด็กหนุ่มคิดเอาเอง เอเดรียนมุ่ยหน้าหงุดหงิดที่ผู้หญิงข้างๆลีลาอยู่ได้ แต่ในใจลึกๆก็รู้สึกดีเพราะวิธีการพูดของพวกเราในตอนนี้ เหมือนเพื่อนที่สนิทและรู้จักกันมานานแล้วเลยอย่างนั้น..
'เพื่อนสนิท'
คือคำที่เอเดรียนอยากมีเหมือนคนอื่นเขามาตลอด โคลอี้ก็พอนับเป็นเพื่อนสมัยเด็กได้อยู่ แต่เขารู้สึกถึงความเกรงใจและฝืนใจอยู่ตลอด เพราะไม่สามารถเอ่ยแย้งอะไรที่ไม่ชอบขึ้นมาได้เพราะเห็นแก่หน้าคุณพ่อมากกว่า ที่จะเรียกว่าเพื่อนสนิทได้เต็มปากเต็มคำ
ร่วมถึงไดอาน่าเองหลังจากฟื้นความทรงจำในอดีตของตัวเองได้เล็กน้อย เธอก็ไม่สามารถมีเพื่อนสมัยเด็กหรือเพื่อนสนิทเหมือนคนปกติได้อีกเลย
เพราะคุณแม่หรือฮิซาเบลล่าขี้กังวลมาก ชอบพกเธอไปไหนมาไหนระหว่างทำงานต่างประเทศตลอด ทำให้ไดอาน่าอยู่ไม่ติดที่เลยไม่มีเพื่อนเหมือนเด็กคนอื่น พอเริ่มออกมาอยู่คนเดียวได้เองก็มีงานรัดตัวและตารางเรียนโน่นนี้นั้นไปหมด
"ใกล้แล้ว"
พวกเรากำลังวิ่งซิกแซกอยู่แถวสวนสาธารณะ โดยที่ไดอาน่าเป็นฝ่ายลากจูงเด็กหนุ่ม เพราะเธอวิ่งเร็วมาก'ทั้งที่ขาสั้นกว่าเขาแท้ๆ'เอเดรียนคิดในใจเงียบๆ...
ส่วนพวกที่ไล่ตามพวกเรามาก็ไม่เห็นแล้ว ไม่รู้ว่าถอดใจกันแล้วหรือยัง ถึงอย่างนั้นเอเดรียนก็ไม่ได้สะกิดบอกให้หญิงสาวที่ไม่รู้จักปล่อยมือ เอเดรียนเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนจะดึงรั้งแขนบอกหญิงสาวให้หยุดรอ
เมื่อไดอาน่ามองตามสายตาของพระเอก เธอก็ต้องตกใจเมื่ออีกนิดเดียวก็จะใกล้ถึงโรงเรียนแล้ว แต่คนที่ยังไม่สมควรโผล่มาตอนนี้ดันโผล่ออกมาซะได้
มิสเตอร์ฟู!
เขามาทำอะไรที่นี้!? มันยังไม่ถึงบทของคุณออกมาไม่ใช่เรอะ! แถมนี้มันไม่ใช่หน้าบันไดทางเข้าห้องเรียนนะ มันต้องรออีกสักพักใหญ่ๆสิถึงจะออกมา
คุณฟูหรือมิสเตอร์ฟู เขาเหมือนNPCที่มอบภารกิจหรือหน้าที่เป็นฮิโร่ให้เหล่าคุณพระเอกและนางเอก ถึงฉากหน้าจะเหมือนคุณลุงแก่ๆคนหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วมิสเตอร์ฟูเขาอายุปาไป186ปีรอบหนึ่งแล้ว ถึงอย่างนั้นมิสเตอร์ฟูก็ยังแข็งแรงดีเหมือนคุณตาวัย70ปี
และอีกอย่างเขาก็เป็นหนึ่งคนที่ได้รับปาฏิหาริย์ฮิโร่เหมือนกัน
"หยุดนะ! ปล่อยเขาไป"
ในตอนที่เธอกำลังชะงักอยู่เอเดรี่ยนก็วิ่งออกไปซะแล้ว เพราะตอนนี้ชายชราดังกล่าวกำลังล้มลง เพราะไปชนกับสองวัยรุ่นท่าทางเหมือนนักเลงข้างถนน ทำให้นักเลงสองคนนั้นแสดงสีหน้าหงุดหงิด ไดอาน่าอุทานในใจอย่างตื่นตระหนก
'เดี๋ยว! นี่มันไม่มีในบท!?'
หนึ่งในนั้นเตะไม้เท้าจนกระเด็นห่างจากมือของชายชราที่เอื่อมมือมาออกไป ก่อนพวกมันจะหยุดมองแล้วหัวเราะคิกคัก เอเดรี่ยนเห็นดังนั้นรีบเดินเข้าไปขวางก่อนจะช่วยพยุงชายชราลุกขึ้น
"คุณลุงเป็นอะไรมากไหมครับ" เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล พร้อมกับเก็บไม้เท้าที่ถูกเตะมาให้ชายชราถือ
"อา..ขอบคุณนะพ่อหนุ่ม" ชายชรารับไม้เท้ามาก่อนจะยิ้มตาปิดให้คนที่มาช่วยเหลือ
สองวัยรุ่นชายมองอย่างไม่สบอารมณ์ที่มีใครบางคนแส่ไม่เข้าเรื่อง ยิ่งเห็นหน้าตาของคนมาใหม่พวกมันยิ่งหงุดหงิด
"เจ้าหนู คิดว่าหน้าตาดีแล้วจะมาเล่นเป็นฮิโร่หรือไง" หนึ่งในนั้นทำท่าจะผลักอกเอเดรียนออก แต่เพราะเอเดรียนหลบได้เด็กหนุ่มคว้าจับแขนข้างนั้นเอาไว้ก่อน ทำให้ชายคนนั้นรู้สึกเหมือนโดนหยาม
"หยุดเถอะครับ ใช้กำลังมันเป็นสิ่งไม่ดี"
"หนอยแก..!"
ไดอาน่าเริ่มเห็นท่าไม่ดี เมื่อเห็นหนึ่งในสองคนนั้นแอบลอบเข้ามาข้างหลังเด็กหนุ่ม ส่วนพระเอกกำลังยืนปกป้องชายชราที่ดูอ่อนแอไว้อยู่เลยไม่ทันสังเกต ในใจอยากบอกคุณพระเอกนะว่าปล่อยไปเถอะ เห็นอย่างนี้คุณตาเขาเก่งกว่านายที่หนุ่มๆอีกนะ!
"ปากดีนักนะ"
"ระวัง!"
ผัวะ
ร่างกายไปไวกว่าความคิด จากที่สองจิตสองใจว่าจะช่วยพระเอกดีไหม เพราะมันคือบททดสอบการเป็นฮิโร่ที่ชายชราแสดงขึ้นมา แต่มันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่พลาดโดนทำร้าย และนั้นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ กาเบรียล คงไม่ให้เอเดรียนมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้แน่ๆถ้าเขารู้ข่าว
พระเอกจะไม่มีเพื่อน นางเอกจะไม่ได้ตกหลุมรักพระเอก และฉันจะไม่ได้เห็นแคทนัวร์กับเลดี้บัคด้วยกัน!
"โอ๊ย! ใครกัน..บังอาจ-!?"
รองเท้าข้างหนึ่งถูกโยนอัดหัวใส่ชายข้างหลังเอเดรียน ความแรงของสิ่งที่ปามาจนเกือบทำให้เจ้าตัวล้มหน้าทิ่ม มือแกร่งยกขึ้นมาลูบหัวและมองหาต้นตอด้วยความโมโห ก่อนจะชะงักไปด้วยความตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวใบหน้าตาสวยงดงามกำลังยืนค้างทำท่าปาของมาอยู่เลย
ใบหน้าน่ารักนั้นกำลังเม้มริมฝีปากสีแดงสดแน่นด้วยความสับสน มือข้างที่เป็นหลักฐานหดกลับกุมด้วยท่าทางน่าสงสาร(?)เหมือนบอกว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้ทำนะ(?) โดยที่ไม่เห็นประกายไฟสีฟ้าในดวงตาของเด็กสาวได้ปรากฎขึ้นมาแวบเดียว
"เธอนี่เองเป็นคนโยนรองเท้านี่มา" ชายที่ลูบหัวกล่าวว่าขึ้นเมื่อกี้ถูกสะกดให้หยุดนิ่งเพราะใบหน้านั้น แต่ชายร่างใหญ่ก็ยังคงโมโหที่ถูกลอบทำร้ายอย่างดูถูก ก่อนจะย่างสามขุมเข้าหาเธอช้าๆ ไม่ต่างจากราชสีห์ที่จ้องตะครุบหนูตัวเล็ก
"อะ เอ่อ" ไดอาน่าก้าวถอยหลังอย่างระแวงระวัง สายตาก็ยังคงเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ตอนนี้แสดงท่าทางตกใจออกมาหลังจากเห็นเธอ เพราะเสียงร้องทำให้เอเดรียนหันหลังมามองอย่างตกใจ ก่อนจะรู้ตัวว่าโดนไดอาน่าช่วยเอาไว้ไม่ให้ถูกลอบโจมตีจากข้างหลัง แต่มันก็แลกมาพร้อมกับความปลอดภัยของหญิงสาว!
"เธอ..!" คำว่า'หนีไป'ถูกหยุดโดยการโจมตีจากชายอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนี่ เมื่อเห็นว่าเอเดรียนจะไปช่วยไดอาน่า ชายหนุ่มไม่พลาดเปิดโอกาสให้เพื่อนตัวเองจัดการผู้หญิงที่แส่เข้ามาส่วนเขาจะไปจัดการเด็กหนุ่มเอง
วูบ!
กำปั้นเสียดผ่านหน้าเด็กหนุ่มไปอย่างหวาดเสียว เอเดรียนเอียงตัวหลบออกมาทัน ก่อนจะหันไปหาชายชรา
"คุณลุง!ขอยืมไม้เท้าสักครู่นะครับ" หลังจากที่ชายชรายังคงท่าไว้ด้วยท่าทางสงบ ใบหน้ายังแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม 'มิสเตอร์ฟู'ได้โยนไม้เท้าในมือส่งต่อให้เด็กหนุ่มอย่างเหมาะเจาะเหมือนถูกจับวาง
เอเดรียนไม่สนใจอะไรแล้วตอนนี้ เขาหันปลายมุมไม้เท้าที่เรียวมนเล็กขึ้นมาตั้งท่าจับไม้เท้าด้วยมือข้างเดียว ยืนแยกขาไปข้างหลังลำตัวหันไปด้านข้างด้วยท่าทางเคยชิน แต่เปล่งรัศมีประกายด้วยท่าทางสูงศักดิ์เหมือนเจ้าชาย
ไดอาน่าที่แอบมองมาตั้งแต่ต้นแทบกุมจมูกเพราะโดนรังศีความหล่อของพระเอกทะลุเป้าตา เด็กหนุ่มที่มีเอกลักษณ์ความเมตตาไม่มีสิ้นสุดคนนั้นได้หายวับไป หลงเหลือดวงตาสีเขียวฆรกตส่องส่วางดูคมเป็นประกายเจิดจ้าและจริงจัง
ชายหนุ่มย่อตัวหลบหน้าแข้งของชายนักเลงที่เตะขึ้นมา ก่อนเอเดรียนจะตวัดข้อมือพุ่งตรงไปข้างหน้า โจมตีโดนจุดเปิดอย่างโจ้งแจ้งของร่างกายชายตัวโตไปอย่างจัง
เพียงหนึ่งดาบก็ตัดสินทุกอย่าง
"อึก!" ชายร่างใหญ่ชะงักกึกกุมท้องที่โดยปลายไม้เท้าอัดช่วงกระเพาะพอดิบพอดี จนใบหน้าเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวก่อนจะสลับเป็นสีขาววนเวียนอยู่อย่างนี้ แล้วคุกเข่าก้มหน้าแนบกับพื้นอย่างสิ้นท่าด้วยความจุกจนพูดไม่ออก
หลังจากโจมตีจุดบอดของศัตรูเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็ลุกกลับไปยืนด้วยท่าประจำตัวของวิชาฟันดาบที่รำเรียนมา ก่อนจะมานึกขึ้นได้ทีหลังว่าเขากำลังคิดจะไปช่วยใครบางคนอยู่
"อะ..!?"
แต่เมื่อหันกลับมามองทุกอย่างก็สายไปซะแล้ว เพราะเด็กสาวได้จัดการทุ่มชายร่างใหญ่ด้วยท่ายูโด เอเดรี่ยนแทบอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าเด็กสาวตัวเล็กกว่าเขาจะจัดการทุ่มชายร่างใหญ่ลงไปกองกับพื้นอย่างสวยงามจนไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
ตุบ!
เสียงของหนักกระทบพื้นอย่างแรง ปลายเท้าเปลือยเปล่าข้างหนึ่ง เหยียบไหล่ของชายร่างใหญ่ที่สลบอยู่บนพื้น ด้วยท่วงท่าแลดูสูงศักดิ์แบบผู้ดีกว่าจนใครเห็นแทบตาพร่ามัว
"คิดจะมาลวมลามกัน รอฉันตายก่อนเถอะยะ!" น้ำเสียงหวานก้าวร้าวแลดูนักเลง(?)สูงขึ้นจมูกดวงตาสีฟ้าสดใสดูคมปราบเหมือนใบมีด ท่าทางของเด็กสาวตอนนี้เหมือนแมวตัวน้อยหัวสูงมองเหยียดลงมา
มันดูน่ารักมากจนเอเดรียนที่กำลังพุ่งเข้ามาช่วยนิ่งค้างไป
"ฟู่" เสียงถอนหายใจเล็กๆอย่างโล่งอกลอบดังขึ้น
เมื่อกี้นี้เจ้าหมอนี่คิดจะมาลวมลามเธอ ขณะที่อีกคู่หนึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่ เพราะเห็นว่าตัวเองตัวใหญ่กว่าเลยเป็นต่อ คิดจะมารังแกฉันได้ง่ายๆคิดผิดซะแล้วล่ะ เพราะเห็นว่าเธอดูเรียบร้อย(?)แบบนี้
แต่ที่จริงได้ถูกพี่ชายที่เป็นห่วงกลัวว่าจะถูกใครรังแกอยู่ข้างนอก จับเข้าคอร์สฝึกสอนศิลปะต่อสู้เคนโด,ยูโด,คาราเต้ ไว้เป็นวิชาป้องกันตัวยามฉุกเฉินแบบเมื่อกี้เอาไว้
ไดอาน่าที่เผลอตัวปล่อยใจไปกับท่วงท่าต่อสู้ของพระเอก โดนมนต์สะกดด้วยภาพสวยงามนั้น จนเด็กสาวแทบจะถอนหายใจเสียดายที่แอบอดพกกล้องมาด้วยไม่ได้ ก่อนจะมาได้สติว่าตัวเองก็อยู่ในสถานการณ์วิกฤตเช่นกัน พอเมื่อเอเดรียนหันกลับมาทุกอย่างจึงจบเรียบร้อยไปแล้ว
++++++++++++++++++++++70%+++++++++++++++++++++++
**ต่อ
"สุดยอด! เธอทำได้ยังไงน่ะ!" เสียงอุทานอย่างคาดไม่ถึงของเด็กหนุ่มหรือเอเดรียน เรียกความสนใจของเด็กสาวให้หันไปมอง เหมือนฉันจะเห็นภาพซ้อนทับอีกครั้ง
ภาพเด็กชายหน้าหวานที่ตาแดงรื้นแต่ยิ้มกว้างถามออกมาอย่างตื่นเต้น ไดอาน่ารีบชักเท้าที่กำลังเหยียบไหล่ของนักเลงตัวโตใต้ร่างของตัวเองขึ้นทันที
มะ เมื่อกี้ พระเอกเห็นฉากเมื่อกี้เปล่าวะ! เผลอแสดงมาดนักเลงไปอีกแล้ว!
ไดอาน่าหน้าซีดเล็กน้อย หวังว่าเอเดรียนจะไม่เอาไปเปล่าประกาศให้คนอื่นทราบหรอกนะ ไม่งั้นมันจะมี%ถึงหูพี่เซดลิกแน่ๆ รายนั้นยิ่งหูตากว้างไกลอยู่ แถมเป็นห่วงภาพลักษณ์ของฉันดียิ่งกว่าตัวเองเสียอีก..
"อา..เรื่องเล็กๆ(?)น่ะ.. พอดีเคยเรียนยูโดมานิดหน่อย แล้วคุณครูเขามีสอนวิธีจัดการคนที่ตัวใหญ่กว่า แต่ก็แค่นิ๊ด!เดี่ยวเองแหละ ฮ่ะๆ!" ทำเสียงสูงว่านิ๊ดดดเดียวจริงๆนะ
ส่วนเคนโด้,คาราเต้,เธอจะทำเป็นว่าไม่เคยพูดถึงแล้วกัน
"ว้าว! ฉันอยากเรียนมั้งจัง!"
เหอะๆ.. ถ้านายมาเจอแบบฉันที่กว่าจะจับเคล็บได้ก็โดนครูสอนพิเศษจับทุ่มเกือบร้อยรอบล่ะก็
นายจะไม่พูดอย่างนี้แน่!?
"อ๊ะ จริงสิรอนี่แปบนะ"
เอเดรียนเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาหันหลังกลับไปหาชายชรา ก่อนจะส่งไม้เท้าคืนมิสเตอร์ฟูไป ส่วนฉันก็กระโดดเหย่งๆไปหยิบรองเท้าขึ้นมาสวมใส่ ส่วนนักเลงที่สลบก็โดนเพื่อนนักเลงอีกคนที่หน้าตาดูจุกๆมาลากหนีไปแล้ว
พอเห็นว่าฉันเหลือบมองก็สะดุ้งตกใจ ก่อนจะรีบแบกเพื่อนขึ้นหลังใส่เกียร์เพ่นแลบไปเลย...ฉันอดยกมือเรียวสวยของตัวเองขึ้นมาลูบหน้าตัวเองไม่ได้
ทำไมต้องมองหน้าฉันแล้ววิ่งหนีด้วยฟร่ะ! มันทำให้เธอคิดนะว่าที่หนีเพราะหน้าตาเธอน่ากลัวน่ะ!?
"เป็นคนหนุ่มสาวที่มีจิตใจดีเหลือเกิน ฉันละอิจฉาแทนพ่อแม่พวกเธอจริงๆ" ชายชรายิ้มแย้มแจ่มใสเอ่ยขอบคุณ ฉันกับเอเดรียนหน้าแดงนิดหน่อย
ก่อนเอเดรียนจะบอกปัดกลับไปว่า "ไม่เป็นไรหรอกครับถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะมาช่วยแบบนี้" ส่วนฉันก็ยิ้มๆมองภาพมิสเตอร์ฟูกับพระเอกของเรื่องกำลังสนทนากันไม่เข้าไปรบกวน
เธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะได้มีโอกาส มาอยู่ในเหตุการณ์ตอนมิสเตอร์ฟูทดสอบคัดเลือกฮิโร่อยู่ตอนนี้ แทบอยากจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา...อีแม่เป็นปลื้มใจ
เท่านี้เอเดรียนก็มีสิทธิได้เป็นฮิโร่แล้ว ส่วนมาริเน็ตรายนั้นน่ะคงสอบผ่านเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะว่าก่อนที่มิสเตอร์ฟูจะมาถึงที่นี้ได้ เขาต้องบังเอิญเจอนางเอกก่อน แล้วจะโดนนางเอกช่วยเอาไว้ตอนเดินข้ามถนน
หลังจากขอบคุณเสร็จนั้นมิสเตอร์ฟูก็เดินหายไป ฉันยังมีใจแอบหันหลังกลับไปมองดูนายฟูด้วย ตอนแรกยังเดินช้าๆเหมือนเจ็บขาอยู่เลย พอฉันกับเอเดรียนหันหลังเท่านั้นแหละ ชายชราอ่อนแอเมื่อกี้กลับมาเดินหลังตรงแด่วเหมือนแข็งแรงดีจนไม้เท้าในมือไม่มีความหมายเลย...
ฉันลอบยิ้มพร้อมกับเผลอหัวเราะในใจออกมา จนพระเอกต้องหันมามองเธออย่างแปลกใจว่าเป็นอะไร ฉันส่ายหน้าว่าไม่มีอะไรก่อนที่พวกเราจะรีบวิ่งขึ้นบันไดเพราะมันสายแล้ว ปานนี้คาบเรียนชั่วโมงแรกคงเริ่มแล้วล่ะ
ลืมบอกไปว่าโรงเรียนมัธยมต้นอยู่ติดกับสายถนนเส้นใหญ่ ประตูโรงเรียนหันหน้าเข้าหาถนนพร้อมมีบันไดตรงกลางให้ขึ้นไป แต่พอพวกเราขึ้นบันไดมาได้ครึ่งทางเสียงเอี๊ยดของล้อรถบดถนนก็ดังลั่นขึ้นมา
ทำให้พวกเราสองคนต้องหยุดชะงัก ส่วนฉันก็พอจำได้ว่านั้นคือเลขาและบอดี้การ์ดของพระเอกนั้นเอง แอบโล่งใจที่ไม่เห็นมิแรนด้าแปลว่าเธอรอดแน่
"เอเดรียน! คิดให้ดีเธอก็รู้ว่าคุณพ่อของเธอต้องการอะไร" เทโอเรีย นาตาลี เลขาสาวผู้เข้มงวดเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง มาถึงก็เอ่ยความต้องการมาทันที
"ทำไมถึงไม่ถามผมบ้างว่าผมต้องการอะไร ผมต้องการสิ่งนี้!" เอเดรียนที่ยืนอยู่ข้างฉันเขาหันหลังก่อนจะรีบนำขึ้นไป ส่วนฉันก็มองสลับทั้งสองไปมา ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเอเดรียนไป
ฉันสงสัยจังว่าถ้ามิสเตอร์ฟูเขาดันเล่นนอกบทออกมาก่อนแบบนี้ เอเดรียนจะยังได้เรียนอยู่ไหมนะ?..
"เอเดรียน! เอเดรียน!..เดียวก่อน-"
"ไดอาน่า ซีมัวร์!"
กึก
ไดอาน่าหยุดชะงักเพราะเธอจำได้ว่าเสียงนี้มันคือมิแรนด้า พร้อมกับเด็กหนุ่มข้างหน้าที่อยู่ๆก็หยุดเดินตามเธอ เขาหันมามองเธออย่างแปลกใจและสงสัย
"เธอชื่อไดอาน่า ซีมัวหรือ?... เธอเป็นลูกสาวของฮิซาเบลล่า ซีมัวร์ใช่มั้ย" เอเดรียนถามขึ้นมาพร้อมกับที่มิแรนด้าที่เดินจากรถลงมา ฉันไม่รู้จะสนใจใครก่อนดีตอนนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องพยักหน้าให้คุณพระเอกขณะที่สายตาฉันก็มองมิแรนด้าที่มองมาทางนี้อย่างอ้อนวอน
"ใช่ ฉันคือไดอาน่า ซีมัวร์ ส่วนนายคงเป็นลูกชายของกาเบรียล อเกรซ นายคือเอเดรียน อเกรซล่ะสินะ"
"...!?" เอเดรียนทำหน้าตกใจพร้อมมองมาที่ฉันอย่างเต็มๆตา
ช้าไปหรือเปล่านะที่จะมาถามชื่อน่ะคุณพระเอก นี้ผ่านมาหลายตอนแล้วนะพึ่งจะมาถาม
ส่วนที่เอเดรียนตกใจชื่อนี้ทำไม อาจเป็นเพราะว่าฉันเป็นลูกสาวคู่แข่งการค้าของบริษัทคุณพ่อเขาละมั้ง? ศัตรูทางธรรมชาติมายืนอยู่ที่นี่ทั้งทีนี่นา
แต่เอเดรียนกลับจำไม่ได้เลยเนี่ย ช่างน่าประทับใจจัง..
"คุณหนู อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ ถ้านายหญิงรู้ว่าคุณหนูขัดคำสั่งนายหญิงล่ะก็..." มิแรนด้าเงียบไปหลังเกริ่นจบ แต่หญิงสาวรู้ว่าเด็กสาวต้องเข้าใจแน่นอน
ไดอาน่าเข้าใจที่มิแรนด้าจะสื่อถึง นอกจากเธอจะโดนลงโทษหลังโดนจับได้แล้ว ปัญหาคือมิแรนด้าก็คงจะโดนไล่ออกด้วยเพราะนี้เป็นงานแรกของเธอที่มาเป็นเลขา
ฉันไม่กลัวโดนลงโทษจากคุณแม่หรอกนะ เพราะทำผิดแล้วกล้ายอมรับผิด แต่ฉันก็ไม่อยากให้คุณแม่ไล่มิแรนด้าออกซะด้วยสิ...
"เฮ้อ เข้าใจแล้วล่ะ.." ฉันพยักหน้าให้มิแรนด้าก่อนจะคลายมือที่กำแน่นออก ฉันหันไปมองเอเดรียนที่มองมานิ่งๆก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขอตัว
"ถ้ามีวาสนาเราคงได้เจอกันอีกนะ"
เสียงหวานเอ่ยก่อนจะหันหลังพร้อมโบกมือบ๊ายบายเดินผ่านเลขาสาวนาตาลีที่มองมาอย่างพิจารณาเหมือนกำลังมองสินค้าชนิดหนึ่ง
หลังจากขึ้นรถมาได้ มิแรนด้าก็รีบขับรถออกไปทันทีเหมือนกลัวเธอเปลี่ยนใจ ฉันนั่งนิ่งๆมองข้างทางบ้างก่อนจะเบื่อแล้วหลับตาลงเพื่อพักแรง
ฉันโกหกน่ะ...ที่จริงเป็นข้ออ้างเพราะไม่อยากเห็นสายตาเป็นห่วงเป็นใยของมิแรนด้าต่างหากล่ะ ฉันไม่รู้หรอกว่าเอเดรียนจะได้เรียนไหมหรือจะโดนพากลับบ้านตามเนื้อเรื่อง
แต่ที่แน่ๆคือ...
พวกเราต้องได้เจอกันอีกแน่นอน
+++++++++++++++++++++ครบ++++++++++++++++++++++++
มิสเตอร์ ฟู(หรือนายฟู) เป็นชายชราที่อายุถึง186ปี แต่ยังคงดูแข็งแรงอยู่ เป็นผู้ดูแลรักษาและส่งมอบมิราเคิลสโตรให้แก่ผู้เหมาะสมคนอื่น มีปริศนาลึกลับเกี่ยวกับที่มาที่ไปของชายชราคนนี้ และเขายังเป็นผู้ครอบครอง"มิราเคิลสโตรเต่า"
นี่อาจเป็นสาเหตุที่เขาอายุยืนยาวเพราะเต่าเป็นสัญลักษณ์ของความมีอายุยืน ความแข็งแกร่งและอดทน แต่ด้วยโรคทางวัยชราที่มากขึ้นแล้วทำให้เขาต้องออกตามหาผู้เหมาะสมกับมิคาเคิลคนอื่น ซึ่งตามเนื้อเรื่องเดิมเขาได้พบแล้วสองคนคือ มาริเน็ตและเอเดรียน
**เย้ จบตอนแล้วววว**
ป.ล ช่วยเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์หายเหนื่อยคนละเม้นให้หน่อยนะ หรือจะพิมพ์บ่นอะไรไปก็ได้ เค้าอยากอ่านเม้นอาาาา!
ป.ล2 ไรท์งานยุ่งมากโปรเจคนี้อัดมาเต็มจนทับถมเหมือนดินพอกหางหมู่แล้วตอนนี้ ทำเสร็จก็มีงานใหม่เข้ามา ซิกๆ ที่ไม่ได้มาต่อซะทีเพราะเรื่องงานนี้แหละ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น