ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Promised Neverland Rey x oc

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2 : เพื่อน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.96K
      374
      16 พ.ย. 62



    "นี่คือ 'เอเลน่า' เธอจะเป็นน้องสาวคนใหม่ของพวกเธอนับจากนี้เป็นต้นไป ฝากดูแลน้องๆด้วยนะจ๊ะ"

    อิซาเบลล่าอุ้มเด็กทารกวัย1ขวบไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเปลี่ยนท่าโอบกอดเพื่อให้เด็กตัวน้อยที่เพิ่งมาถึงที่นี้มองเห็นพี่ๆน้องๆของเธอได้ถนัด 

    "ว้าว~ น้องสาวล่ะ" 

    "เอเลน่าเหรอ เธอน่ารักจังเลย"

    "น้องสวยมาก! ดูตาใสแป๋วนั้นสิ"

    เด็กหญิงวัยห้าขวบและเจ็ดขวบ มองน้องสาวคนใหม่ในอ้อมแขนของมาม๊าด้วยตาเป็นประกาย เด็กทารกตัวน้อยผิวขาวอมชมพูสุขภาพดี ดวงตากลมโตชุ่มชื่นทำให้นึกถึงกวางแรกเกิดที่เคยเห็นในหนังสือภาพที่เคยอ่าน ยกเว้นแค่สีตาเป็นสีฟ้าครามสดใส 

    ถึงอย่างนั้นก็ดูน่ารัก!

    "น่ารัก~"

    แพรขนตาสีบลอนด์เกือบขาวที่เข้ากับเส้นผมสีบลอนด์หยักศกนิดๆของเอเลน่า ขับเน้นให้เด็กตัวน้อยดูบริสุทธิ์น่ารักในเสื้อผ้าเนื้อดีสีขาวสะอาด 

    "เหมือนนางฟ้าเลย!"

    "มาม๊า หนูขออุ้มน้องได้ไหม!"

    เสียงชื่นชมเอ็นดูมาจากเด็กที่โตกว่า พวกเขาขออนุญาตมาม๊าจะจับน้องสาวคนใหม่ แต่ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะดูเขินอายมาก เธอกอดมาม๊าไว้แน่นไม่ยอมปล่อย 

    "คิกคิก ดูเหมือนว่าเอเลน่าจะยังไม่ชินกับคนแปลกหน้านะจ๊ะ ต้องให้เวลาน้องปรับตัวหน่อย" อิซาเบลล่ากล่าวเสียงอ่อนโยน ทำให้เด็กคนอื่นต่างส่งเสียงเสียดาย แต่ก็ไม่ยอมหยุดที่จะมองเอเลน่าอย่างตื่นเต้น 

    แต่ภายในใจของเอเลน่านั้น..

    อ๊ากกก อิซาเบลล่าตัวเป็นๆ! ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี  เสียใจที่ในอนาคตจะถูกเธอขายออกไป หรือจะดีใจที่ได้เจออิซาเบลล่า แปลว่าเหล่าตัวเอกทั้งสามก็จะอยู่ที่นี้ด้วย

    "เอาล่ะจ๊ะ มาม๊าขอตัวพาน้องไปนอนก่อนนะ" อิซาเบลล่าบอกลูกๆคนอื่นของเธอ เมื่อฉันเผลออ้าปากหาวเล็กน้อย ดวงตาก็ปรือลงอย่างควบคุมไม่ได้ เพิ่งเป็นเด็กวัยหัดเดินมันก็ออกจะเหนื่อยง่ายหน่อย

    "ค่า/ครับ"

    เด็กๆที่โตกว่าทั้งหลายกล่าวคำอำลาเธอเล็กน้อย แล้วพูดทิ้งท้ายไว้ว่าคราวหน้าจะมาเล่นด้วย

    อิซาเบลล่าหรือมาม๊าของเธอนับจากนี้ไป ได้อุ้มฉันพาไปยังห้องเด็กอ่อน เด็กคนโตคนอื่นไม่สามารถตามมาม๊ามาที่นี้ได้ ยกเว้นเด็กที่โตแล้วเป็นเพศหญิงบางคนถึงได้รับอนุญาตมาที่นี้ 

    อ๊ะ นั้นเรย์!

    "แอ้ แอ้"

    เสียงร้องตื่นเต้นทำอิซาเบลล่าก้มมองเด็กน้อยในอ้อมแขนตัวเองอย่างงงๆ ทำไมอยู่ๆเด็กในความดูแลของเธอถึงได้ดีด๊าขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

    เอเลน่าเพิ่งเห็นว่าเรย์คงเพิ่งมาถึงที่นี้ได้ไม่นาน ตอนนี้เด็กคนอื่นๆและเขานอนหลับสนิทอยู่ เธอเห็นเด็กคนอื่นที่คล้ายกับนอร์แมนและเอ็มม่าแถวนั้นด้วย ฉันเลยหุบปากฉับอย่างมีมารยาทกลัวว่าจะทำให้เด็กทุกคนตื่น 

    "เป็นเด็กดีนะเอเลน่า นับจากนี้หนูจะอยู่ที่นี้" อิซาเบลล่าจูบหน้าผากฉันด้วยความรัก ก่อนจะวางฉันไว้เปลถัดไปจากเรย์ 

    โชคดีชะมัด! เรย์ยังคงเป็นเด็กข้างบ้านฉันเหมือนเดิม!

    ฉันรู้สึกได้เองว่าถ้าเรย์อยู่ข้างๆฉันจะโชคดีมาก

    "ดูท่าเธอจะชอบที่นี้นะ" อิซาเบลล่ากล่าวเสียงนุ่มเมื่อเห็นว่าเอเลน่าหัวเราะคิกคักมีความสุข หญิงสาวจึงคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอคงชอบที่นี้มาก 

    'เด็กคนนี้คงไม่เลี้ยงยากเท่าไหร่...' อิซาเบลล่าคิดและถอนหายใจ

    ตอนที่ถูกวางไว้บนเตียงเด็ก แล้วอิซาเบลล่าเดินจากไปเพื่อไปเตรียมอาหารเย็นกับลูกๆคนอื่น 

    อยู่ๆฉันก็เพิ่งมาคิดได้ ในโลกก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ใช่คนเก่งเรื่องภาษาเท่าไหร่   อย่าพูดถึงภาษาอังกฤษหรือชาติอื่นเลย  

    ทำไมฉันถึงฟังอิซาเบลล่าและมนุษย์คนอื่นเข้าใจ? ไม่สิ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ถูกทดลองมาก็เข้าใจภาษาของพวกปีศาจด้วย ทั้งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย 

    พอมานึกๆดูแล้ว พวกสัตว์ประหลาดสองตัวที่โรงงานเด็ก ตอนที่พวกมันแอบนินทากัน ก็ไม่มีมนุษย์คนอื่นสนใจหรือเข้าใจเลย ทว่าเธอกลับรู้ว่าพวกมันพูดอะไร...  

    เดี๋ยวนะ รู้สึกว่าตัวเองสมองช้ามาก... มันเริ่มตั้งแต่ตอนถูกวิจัยเลยนี่หวา..!?

    เกินไปไหม! ทำไมถึงเพิ่งมานึกออกเอาตอนนี้ เพราะเข้าใจตั้งแต่แรกก็เลยไม่ได้ตงิดใจหรือสงสัยอะไรเลยงั้นเรอะ!? 

    แทบอยากจะกรีดร้องและกุมขมับ ไอคิวฉันถูกลดจริงๆด้วย!?

    พอมาคิดว่านับจากนี้ไป เธอจะต้องแข่งขันกับเด็กฉลาดคนอื่นอย่างหนักแล้วก็รู้สึกห่อเหี่ยวจิตใจ... ดูท่าในอนาคตฉันจะต้องขอมาม๊าจัดหาอาหารเกี่ยวกับปลาให้มากๆหน่อย เพื่อเอาไปบำรุงสมอง

    คืนนั้นเธอนอนหลับด้วยจิตใจหดหู่


    ......

    หลังจากเช้าวันรุ่งขึ้นวันนั้น เรย์รู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก เมื่อเขาเห็นว่าเอเลน่านอนหลับอยู่เตียงข้างๆ 

    ฉันที่นัวเนียตื่นขึ้นมาปรือๆยังไม่ตื่นดี ก็แทบจะร้องจ๊ากหัวใจแทบวาย เมื่อเห็นดวงตาดำแป๋วของเรย์เบิกตากว้างจ้องเธอใกล้ๆไม่กระพริบตา 

    ลองนึกถึงเตียงเด็กที่มีไม้กั้นรอบๆเป็นช่องขนาดพอดีมือดูนะ แล้วคิดภาพว่ามีดวงตาคู่หนึ่งแนบกับช่องว่างไม้นั้น 

    ถ้าไม่ติดว่านั่นเป็นเรย์ฉันอาจจะเอานิ้วจิ้มตาแป๋วๆนั้นแล้ว ข้อหาทำเธอเกือบหัวใจวาย 

    ฉันเผลอแข่งจ้องตากับเรย์ไปสักพัก ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเผลอไปอีกแล้ว...ดีแค่ไหนแล้วที่มันมีไม้กั้นไว้อยู่ ไม่งั้นฉันคิดว่าถ้าเรย์สามารถสิงเธอได้เขาคงทำไปแล้ว 

    "คิกคิก" หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาดูเหมือนว่าเรย์จะรู้แล้วว่าไม่ใช่ความฝัน 

    เขาหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีและคว้ามือเธอแน่นทั้งวัน ฉันจะคลายมือออกมาเกาพุงตัวเองก็ไม่ได้ ได้แต่ใช้มืออีกข้างและฝืนทนสภาพนี้จนกว่าไอ้หนูข้างบ้านมันจะสบายใจ 

    ฉันว่าเขาจะต้องฝังใจตอนที่พวกเราถูกแยกจากกันครั้งนั้นแน่เลยฟันธง!

    วันนั้นทั้งวันเรย์คว้ามือเธอเหมือนที่เคยทำในโรงงานปศุสัตว์เด็กแล้วคุยอ้อแอ้กันจนหลับ อิซาเบลล่าที่เข้ามาดูแลทุก24ชั่วโมง อดประหลาดใจกับความสนิทสนมของเด็กที่มาใหม่ทั้งสองไม่ได้ 

    เมื่อเห็นภาพมือน้อยๆของเด็กตัวน้อยทั้งสองกุมกันไว้ระหว่างช่องไม้ รอยยิ้มของอิซาเบลล่ากดลึกมากขึ้นและแววตาที่อ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้.... 

    แต่เมื่อหญิงสาวจะแงะมือของเรย์กับเอเลน่าออก.. ปรากฏว่ามันแน่นมาก 

    "....."  อิซาเบลล่าที่ยิ้มทั้งสีหน้า ดูเหมือนจะมีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้น หญิงสาวลองใหม่อีกครั้ง แต่ก็ไม่หลุด

    อิซาเบลล่าเริ่มคิดในใจอย่างสงสัย เด็กตัวน้อยพวกนี้นอนหลับจริงๆใช่มั้ย? หรือไม่ก็คงมีเด็กโตคนอื่นเข้ามาลับหลัง แล้วได้หยอดกาวไว้ในมือของเด็กทั้งสอง?  

    สันนิษฐานอยู่ในใจเงียบๆ..ก่อนจะสลัดทิ้งเพราะมันเป็นไปไม่ได้  เด็กโตคนอื่นจะต้องได้รับอนุญาตจากเธอก่อนถึงจะเข้ามาได้ และไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องทำแบบนั่น 

    แถมเด็กตัวน้อยทั้งสองก็อ่อนเพลียง่าย พวกเขานอนหลับสนิทดูท่าจะไม่ตื่นเร็วๆนี้

    เพราะกลัวว่าถ้าออกแรงมากกว่านี้เด็กๆจะเจ็บ อิซาเบลล่าจึงได้แต่จ้องเปลเด็กแบบนั้นอยู่สามนาที เวลาสามนาทีนั้นไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ภายในหัว 

    อิซาเบลล่าล้มเลิกที่จะจับเด็กสองคนแยกออก ก่อนจะไปชงนมเตรียมให้เด็กอ่อนคนอื่น

    ตอนที่อิซาเบลล่าออกจากห้องไปแล้ว อยู่ๆเปลือกตาคู่หนึ่งก็เปิดออก เผยให้เห็นดวงตาสีดำผสมสีม่วงจางๆ สิ่งที่โฟกัสเป็นอันดับแรกคือมือของคนข้างๆ แล้วค่อยเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าเจ้าของอุ้งมือเล็กสีขาวอมชมพู

    เมื่อเห็นว่าเตียงข้างๆไม่ได้ว่างเปล่าอย่างในความทรงจำที่นึกกลัว นัยน์ตาสีดำก็ค่อยๆปิดลงอีกครั้ง พร้อมลมหายใจที่ค่อยๆผ่อนคลายลงอย่างสงบ...


    .....


    มีใครเคยบอกเอาไว้ว่าเวลามักจะไหลผ่านไปเร็วอยู่เสมอตอนที่เราไม่สนใจ 

    กรณีของฉันก็คงเป็นเช่นนั้น

    ผ่านไปหลายเดือนนับจากวันนั้น ฉันอายุ2ขวบ สามารถเดินและพูดได้คล่องแล้วแต่ก็มีบางคำยากๆที่ออกเสียงไม่ชัดเท่าไหร่   พวกเด็กๆที่โตกว่าหน่อยถูกมาม๊าให้มาช่วยดูน้องๆที่อ่อนกว่าตอนพักว่าง 

    พวกเด็กโตคนอื่นก็ดูมีความสุขมากที่ได้เลี้ยงน้องๆ ช่วงแรกๆพวกเขาก็ดูออกจะลำบากหน่อย เมื่อเด็กวัยหัดเดินคนอื่นเดินได้แล้วก็เดินหนีจากพี่เลี้ยงจำเป็นจนปวดหัว 

    โดยเฉพาะ'เอ็มม่า'นั้นตัวดีเลย เธอสามารถเดินหนีพี่เลี้ยงตอนเผลอได้ทั้งวันแล้วดูท่าจะไม่หมดแรงเอาง่ายๆ ฉันที่เกิดสงสารพวกเด็กที่โตกว่านิดหน่อย เลยอดช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆไม่ได้ 

    ฉันวางเลโก้ไว้ตามทาง โยนทิ้งเป็นเส้นทางบอกใบ้ให้ตามมา เอ็มม่าที่ไม่ได้ฉลาดเก่งเท่าเรย์และนอร์แมน และตอนนี้ที่เป็นเด็กอยู่ด้วยความฉลาดจึงถูกลดลงไปมากโข 

    ด้วยนิสัยของเอ็มม่าที่ใช้สัญชาตญาณและความรู้สึกตัวเองเป็นหลัก จึงติดกับดักง่ายๆที่เธอทำแล้วเดินเข้าไปในรั้วที่เด็กโตคนอื่นทำเอาไว้ 

    ฉันที่ทำภารกิจจับสัตว์ป่าที่หลุดออกจากกรง(?)ได้สำเร็จ ก็พักเอาแรงนั่งตันทางเข้ารั้วไม่ให้เอ็มม่าเดินไปไหนจนกว่านายพราน(พี่เลี้ยง)คนอื่นจะตามมาเจอ 

    เอ็มม่าที่ไม่สามารถไปไหนได้ เธอทำท่าจะร้องไห้ ฉันเลยควักมือเรียกให้เอ็มม่าเข้ามาเล่นเลโก้กับฉันและเรย์สองคน เป็นการฝึกความรู้ของเรย์และเอ็มม่าตั้งแต่ยังเป็นเด็กหัดเดินไปด้วยเลย 

    ผ่านไปหลายเดือนเด็กคนอื่นๆจากเดินก็สามารถพูดได้แล้ว เริ่มจากพูดเป็นคำง่ายๆได้ไม่กี่คำ จากนั้นก็เริ่มพูดจ้อยแจ้วได้หลายประโยค ช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กๆจะขยันพูดมากเป็นพิเศษ

    แต่ฉันไม่ค่อยพูดมากเท่าไหร่เพราะขี้เกียจ... 

    อิซาเบลล่าจึงเป็นห่วง เธอส่งเด็กที่โตกว่าพยายามมาเล่นและช่วยให้ฉันพูด แต่ฉันที่ไม่อยากพูดตอนนั้นก็คือไม่พูด ใครจะไปอยากพูดตอนที่ขี้เกียจกันล่ะ!

    "เอเลน่า~" 

    เสียงใสของเอ็มม่าตะโกนขึ้นมาจากทางเดิน ฉันที่แอบนั่งอ่านหนังสือและข้างๆคือเรย์กำลังฟังอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองเด็กหญิงวัยสองขวบ 

    ผมสั้นสีส้มยุ่งไม่เป็นทรงและปอยผมที่ชี้ออกมาของเอ็มม่ามองไปมองมา ดูคล้ายเสาอากาศโลกก่อนยังไงไม่รู้กำลังวิ่งมาด้วยสีหน้าสดใสและรอยยิ้มงดงาม 

    ลืมบอกไปว่าเอ็มม่ารู้สึกจะเริ่มสนิทกับฉันแล้ว ตั้งแต่ฉันเริ่มขังเธอวันนั้น(?) เมื่อเอ็มม่าเห็นฉันเมื่อไหร่ เธอจะวิ่งตรงเข้ามากอดแบบไม่มีเหตุผล แรกๆรำคาณจนผลักออกแต่ตอนนี้ขี้เกียจเกินเลยปล่อยให้พุ่งเข้ามากระโดดทับ

    ไปๆมาๆฉันกลายเป็นเพื่อนสนิทของเอ็มม่าไปได้ยังไงไม่ทราบ... ส่วนเรย์ก็เล่นกับเอ็มม่าบ้างแต่ไม่ได้สนิทกันมาก เพราะดูเหมือนเรย์จะหวงฉันนิดหน่อย

    มาม๊าดูจะภูมิใจในการวิวัฒนาการของฉันและเด็กคนอื่นที่อยู่รอบๆฉันมากเป็นพิเศษ ฉันรู้ว่าอิซาเบลล่าคอยจับตาดูฉันอยู่ตลอดตั้งแต่เด็ก 

    เพราะเธอจำเป็นจะต้องรายงานความเป็นอยู่ของตัวทดลองปศุสัตว์พิเศษ และตรวจสอบดูว่าตัวทดลองXมีการพัฒนาความฉลาดยังไง 

    และผลก็ดูเหมือนจะเป็นที่น่าพึงพอใจ 

    เพราะฉันไม่อยากแกล้งทำเป็นโง่ตลอดไป เธอเลยแกล้งทำเป็นสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าเด็กคนอื่น และเข้าใจคำพูดได้แล้ว และสามารถอ่านหนังสือประโยคง่ายๆได้ เพราะฉะนั้นทุกคนจึงเห็นเธอคว้าหนังสือไว้มาไหนไปไหนด้วยตลอด 

    พอใครมาถามฉันก็แกล้งอ่านได้ทีละประโยค พอลับหลังก็อ่านลื่นไหลให้เรย์ฟังสองคน ส่วนเอ็มม่านั้นปากมากเกินไป ถ้ามาม๊าถามเอ็มม่าจะพูดหมดเปลือก พออิซาเบลล่าพอใจจะได้รับคำชมเป็นเยลลี่ไม่กี่อัน 

    ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนั่นเองว่ามิตรภาพเรามันเล็กกระจิ๊ดริดแค่เยลลี่ไม่กี่ก้อนเอง... กระซิกๆ

    ฉันที่ถูกเอ็มม่าขายอย่างลับๆอย่างไร้เดียงสาก็โกรธไม่ลง แต่ต้องระวังบางเรื่องที่อยากให้เป็นความลับเป็นพิเศษ 

    พักนี้ฉันแอบรู้สึกเหมือนกลายเป็นเรย์เวอร์ชั่นสองไปยังไงชอบกล 

    ฉันเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วเรย์ไม่ได้ชอบอ่านหนังสือหรอก เขาไม่ได้ชอบขยันหาความรู้จริงๆ ในอนาคตนั้นที่เขาอ่านหนังสือบ่อยๆเพราะกดดันตัวเองให้เก่งและฉลาดขึ้นเพื่อเอาชีวิตรอดต่างหาก

    ในตอนนี้ที่เขายังไม่รู้เรื่องความลับของบ้าน เรย์จึงยังเล่นชิลล์ๆแบบเด็กคนอื่นได้ แต่จะต้องมีสักวันแน่ที่เรย์จะนำเรื่องความทรงจำที่สับสนผสมกับความเป็นจริงมาเล่าให้เธอฟัง

    จนกว่าจะถึงตอนนั้นฉันจะช่วยเขาอีกแรงเอง เพราะฉะนั้นฉันจึงหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมความรู้ให้มากๆ

    ฉันเจอความสามารถใหม่ของร่างนี้อีกเรื่องหนึ่งแล้ว ตอนที่อ่านหนังสือได้ห้าเล่ม ฉันเพิ่งมาเอะใจทดลองให้เรย์หยิบหนังสือห้าเล่มขึ้นมาถาม ฉันสามารถตอบเขาได้อย่างลื่นไหล และสามารถนึกถึงเนื้อหาที่อ่านผ่านตาได้

    ดูเหมือนว่าความจำของฉันจะถูกอัพเกรด 

    ฉันเริ่มงงๆแล้วว่าที่ฉันมีความทรงจำดีขึ้นแบบนี้ สาเหตุเพราะได้ยาประหลาดสักตัวของนักวิจัย หรือเพราะพระเจ้า(ที่ไม่โผล่หัวมาเลย)ให้พรเธอมากันแน่.....


    อยากบอกพระเจ้า(?)ว่าถึงความทรงจำฉันจะถูกอัพเกรด..แต่ฉันก็ไม่ได้ฉลาดขึ้นหรอกนะ


    ...
     

    วันหนึ่งฉันได้ยินพี่ๆในเฮาส์พากันพูดถึงเด็กคนหนึ่ง ในห้องพยาบาลว่ามีเด็กที่ร่างกายอ่อนแอเกินไป จนไม่สามารถออกมาวิ่งเล่นได้เหมือนเด็กคนอื่น 

    ฉันฟังอย่างสนใจ ทำให้ฉันรู้ว่าไม่ใช่ใครอื่นเลย มันคือนอร์แมน เจ้าของฉายาไอสไตน์นอร์แมนนั่นเอง~

    อยู่ๆก็ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ คุ้นๆว่าเอ็มม่ากับเรย์ในมังงะตอนที่เท่าไหร่ไม่ทราบ เคยพูดถึงเรื่องราวในอดีตของนอร์แมน แล้วเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เด็กนอร์แมนไม่เคยฉี่รดที่นอนเลย 

    ไม่เคยฉี่รดที่นอนเลยสักครั้ง!

    ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าข่าวลือที่ว่ามันมีมูลความจริงมากแค่ไหน ไม่ใช่ว่านอร์แมนแอบฉี่ใส่ที่นอนแต่เอ็มม่ากับเรย์จำไม่ได้เองหรือเปล่า(?) 

    แค่คิดแล้วก็รู้สึกสงสัย เพื่อพิสูจน์คำพูดนั้น นับจากวันนั้นเธอก็จะคอยตรวจดูเตียงของนอร์แมนอย่างลับๆตลอด 

    ด้วยความคาดหวังว่านอร์แมนจะต้องมีวันที่พลาดกันบ้าง แล้วเผลอปล่อยออกมาสักครั้งสิน่า! แต่กลายเป็นว่าทุกครั้งที่เธอจะแอบไปดู ฉันจะเห็นนอร์แมนนอนสงบอยู่บนเตียงจ้องมองเธออย่างสนใจ 

    ถูกจับได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม-แค่ก

    "......."

    จะทำเป็นแกล้งออกไปก็ไม่ได้ เพราะดวงตาโตๆสีฟ้าทะเลคู่นั้นดูคาดหวังแปลกๆ.... จนฉันใจร้ายแกล้งเมินไม่ลง

    ลืมไปเลยว่าเมื่อเด็กคนอื่นเดินกันได้แล้ว ไม่ค่อยมีใครเข้ามาเล่นที่ห้องพยาบาลมากนัก เพราะเด็กคนอื่นชอบไปวิ่งเล่นกันข้างนอกมากกว่า อยู่อุตุในห้องพยาบาลเป็นไหนๆ

    ส่วนนอร์แมนนั่น ดูเหมือนอิซาเบลล่าจะไม่ให้เขาออกไปเล่นข้างนอก จนกว่าอาการป่วยจะดีขึ้นกว่านี้ 

    ไม่น่าล่ะ ทำไมข้างนอกฉันไม่เห็นนอร์แมนเลย ที่แท้เขาลุกไปจากเตียงไม่ได้เพราะอ่อนแอเกินไป 

    เพราะเห็นว่าฉันเข้ามาเขาก็เลยดูดีใจแปลกๆ 

    ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าจะหม่นลงทันที เมื่ออยู่ๆเอเลน่าก็เดินออกจากห้องไปเงียบๆ 

    นอร์แมนทำท่าจะเอ่ยบางอย่างแต่พูดไม่ออก เขาถอนหายใจเศร้า จ้องมองบานประตูตรงหน้าด้วยอารมณ์รู้สึกหดหู่ 

    แกร๊ก 

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาเบาๆ ดวงตาสีฟ้าทะเลของนอร์แมนลืมขึ้นมาใหม่อย่างสงสัย ก่อนจะประหลาดใจเมื่อเห็นเด็กหญิงผมบลอนด์คนเดิม เพิ่มเติมคือมีคนตามหลังมาเพิ่มสองคน 

    เด็กชายหน้านิ่งผมสีดำดวงตาสีดำ ผมด้านหน้ายาวปัดข้างจนบังดวงตาฝั่งหนึ่ง และเด็กหญิงที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสีเขียวและผมสีส้มโทนสว่าง กำลังตามหลังเอเลน่าเข้ามาอย่างร่าเริง พร้อมลากหนังสือเล่มหนามาด้วยคนละไม้คนละมือ

    นอร์แมนเห็นเช่นนั้นแล้วก็เอนตัวขึ้นนั่งด้วยความประหม่า รู้สึกอารมณ์หดหู่เมื่อกี้ดีขึ้นมาก  

    แปลว่าตอนที่เธอออกไปเมื่อกี้เพราะไปเอาหนังสือที่ห้องสมุดนั้นเอง แถมยังชวนเพื่อนมาเพิ่มอีกสองคน(ที่จริงแล้วสองคนนั้นตามมา)กำลังลากมาอย่างทะลักทุเลเล็กน้อย(โดนบังคบให้ลากมาด้วย) 

    "เอเลน่า~ พวกเราจะเล่นอะไรกันหย๋อ?" เอ็มม่าถามเสียงตื่นเต้น ดวงตาสีเขียวเป็นประกายวิบวับจ้องเด็กหญิงตัวเล็กผมบลอนด์ไม่ห่าง

    "ชู่ว อย่าตะโกนสิเดียวมาม๊าจับได้" ฉันทำท่าสั่งให้เงียบ เอ็มม่าก็ยกมือปิดปากมองด้วยสายตามีความสุข

    อื้ม... นี้แอบคิดตั้งนานแล้วนะว่าเอ็มม่าที่ถูกฉันดุจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ คงไม่ใช่หรอกใช่มั้ย? ฉันคงเข้าใจผิดไปเอง

    'พวกเขาเข้ามาทำอะไร?' นอร์แมนมองพวกเอเลน่าลากหนังสือสองเล่มมาข้างเตียงสักพัก 

    เขาพยายามสังเกตดูว่าเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ก่อนจะเห็นเก้าอี้ตัวสูงข้างๆขยับเคลื่อนมาข้างเตียง 

    "ฮึบ!" เสียงดังเบาๆ ก่อนวินาทีถัดมาจะปรากฏเด็กหญิงผมบลอนด์คนเดิมโผล่หัวขึ้นมามองดูเขาแบบระยะประชิด

    ดวงตากลมโตสีฟ้าครามสดใสของเอเลน่า ผมบลอนด์สีอ่อนหยักศกเล็กน้อยคลอเคลียกรอบหน้าดูน่าสนใจ 

    "อ๊ะ!?" นอร์แมนรู้สึกตกใจมาก 

    เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นเด็กหญิงในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดใกล้ๆแบบนี้ ดวงตาสีฟ้าครามของเอเลน่าพร้อมแพรขนตาสีบลอนด์อ่อนกระพริบปริบๆที่ตรงหน้าของเขา 

    นอร์แมนถึงได้ก้มสังเกตตอนนั้นเองว่าที่เด็กหญิงลากหนังสือหนักๆมาด้วย เพราะจะเอามาทำเป็นบันไดเหยียบขึ้นบนเก้าอี้นั่นเอง  


    "หวัดดีนอร์แมน!" เสียงใสทักทาย ผมบลอนด์หยกศกธรรมชาติกระจายอยู่ระดับบ่าสองข้าง ริมฝีปากกระจับอมชมพูคลี่ยิ้มออกมาอย่างน่ารัก 

    '...ว้าว' นอร์แมนรู้สึกว่าเอเลน่าเหมือนอย่างกับที่พี่ๆคนอื่นบอกจริงๆ 

    เหมือน'นางฟ้า'ในหนังสือนิทานที่มาม๊าอ่านให้ฟัง

    "วะ หวัดดี..." นอร์แมนรู้จักเอเลน่า เธอคือเด็กที่มาม๊ามักจะชื่นชมให้ฟังอยู่เสมอ เขาอยากจะรู้จักเธอมานานแล้วแต่เพราะร่างกายอ่อนแอเกินไปจึงต้องนอนอยู่แต่ในห้อง เมื่อได้เจอจริงๆเลยรู้สึกเขินอาย


    "เอล!"

    ประโยคคำง่ายๆดังประท้วงมาจากข้างล่าง ฉันที่จ้องนอร์แมนใกล้ๆอย่างสำรวจ ตาสีฟ้าทะเลงดงามและเรือนผมสั้นสีเทาออกขาวเล็กน้อย ทำให้เธอนึกถึงคุณชายตัวน้อยๆ

    ฉันผละออกหันมามองเรย์ที่เรียกชื่อเธอจากเอเลน่า เป็นเอล เพราะเมื่อก่อนตอนที่หัดพูดเขาว่าชื่อเธอมันเรียกยาก ลิ้นเขายังออกเสียงไม่ได้ นับจากนั้นเขาก็ย่อชื่อเรียกเป็นเอลมาตลอดไม่คิดจะเปลี่ยน

    ตอนแรกที่ได้ยินก็แอบแปลกใจนิดๆ เพราะชื่อเอลคือชื่อเดิมของฉันเอง แล้วมันบังเอิญมากที่เรย์ออกเสียงชื่อฉันได้แค่พยางค์เดียว 

    "ขึ้น! ขึ้น!"

    เอ็มม่าชูมือขึ้นอย่างตระตือรือร้น 

    จากนั้นนอร์แมนก็เห็นว่าเด็กหญิงผมบลอนด์กำลังดึงเพื่อนชายผมดำกับเด็กหญิงผมส้มขึ้นมาอยู่ ครู่ต่อมาภาพของเด็กทั้งสามคนก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวกัน 

    "เอ่อ..."

    นอร์แมนไม่รู้จะพูดอะไรดี เขารู้สึกเขินอายมากที่เห็นเพื่อนเด็กวัยเดียวกันใกล้ๆ เพราะเขาอ่อนแอจึงไม่กล้าคุยกับเด็กคนอื่นนัก 

    โชคดีที่นอร์แมนไม่ต้องชวนพูดอะไรมาก เมื่อเอเลน่าไม่ได้ชวนเขาพูดอะไร เธอหยิบหนังสือเล่มบางๆที่สอดไว้ในอกเสื้อออกมา 

    'ไม่น่าล่ะทำไมเสื้อดูตุ่นๆ?' 

    ก่อนจะกางหนังสือในมือออกแล้วเริ่มเล่านิทาน 

    "กาล..ละครั้งหนึ่ง" 

    นอร์แมนรู้สึกแปลกประหลาดใจในอก เขาไม่เคยคิดว่าเอเลน่าจะเข้าห้องมาเพื่ออ่านนิทานให้เขาฟัง เรย์ที่นั่งข้างเอเลน่าก้มมองหนังสือและแกะคำที่เอเลน่าอ่าน 

    ส่วนเอ็มม่าเธอปีนขึ้นไปบนเตียงของนอร์แมนแล้วไปนอนฟังใกล้ๆแบบไม่ถามเจ้าตัวเลย และดูท่าเอ็มม่าจะไม่กลัวติดหวัด นอร์แมนแอบเกรงๆเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนคลายเมื่อเห็นรอยยิ้มใจดีของเอ็มม่าใกล้ๆ  

    สักพักเด็กทั้งสี่คนก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องพยาบาล หนึ่งเป็นคนเล่าอีกสามคนเป็นผู้ฟังที่ดี ถึงแม้ประโยคที่เอเลน่าพูดจะไม่ชัดมากนัก แต่ก็พอฟังเข้าใจ 

    จนกระทั่งอิซาเบลล่าเปิดประตูห้องพยาบาลเข้ามาก็ยืนนิ่งเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ


    เด็กสี่คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยกันเป็นภาพที่ดูอบอุ่นและดูสวยงามมาก 


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    อยากให้เห็นสายสัมพันธ์ของเด็กๆตอนนี้เลยเป็นตอนสบายๆ



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×