ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Promised Neverland Rey x oc

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 : อารัมภบท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.1K
      365
      16 ก.ค. 62





    เดือนแรกของชีวิตใหม่ ฉันรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น...

    ....ฉันตายแล้วเกิดใหม่

    ..กลายเป็นหนูทดลอง... มีใครดวงซวยแบบฉันได้อีกไหม?


    ตั้งแต่ตื่นมาที่โลกนี้พร้อมความทรงจำของโลกอื่น ฉันก็ถูกทดลองอะไรต่อมิอะไรภายในกระจกแก้ว มีนักวิจัยหลายคนคอยส่งยาแปลกประหลาด สีไม่น่าจะช่วยให้เธอมีชีวิตรอดส่งเข้ามาที่ร่างเธอทุกวัน พร้อมสารละลายอาหารผ่านสายที่เชื่อมต่อตามท่อ 

    ฉันได้เห็นการทดลองบางอย่างกับเด็กๆทุกคน พวกเขาเรียกที่นี่ว่าการทดลองปศุสัตว์เด็ก λ7214 

    แล้วโครงการของฉันคือการวิวัฒนาการปศุสัตว์แบบพิเศษ ทำการสร้างภูมิต้านทาน เพิ่มประสาทเสียง พละกำลัง สิ่งที่เรียกว่าไม่ใช่มนุษย์ปกติ 

    ขั้นตอนสุดท้ายคือการส่งปศุสัตว์ที่รอดไปเลี้ยงในฟามส์เฮาส์สักแห่ง เพื่อทดลองว่าการทดลองกับการเลี้ยงแบบไหนจะเหมาะสมกว่ากัน 

    แต่ที่แน่ๆคือโครงการXยังไม่ได้ก้าวกระโดดไปไกลมากกว่าการทดลอง เพราะเด็กๆที่ถูกส่งมาทดลองที่นี่ต่างตายเสียก่อนที่จะได้ออกไปลืมตาดูโลก 

    นี้ฉันก็แอบคิดว่าคงไม่แคล้วเป็นศพต่อไปจากเด็กก่อนหน้าแหงๆ 

    แต่เหมือนโชคชะตาของฉันจะดวงแข็งไปหน่อย

    ฉันเลยไม่ตาย..ทั้งที่ถูกทดลองแบบนั้นแท้ๆ...ร่างกายก็อึดใช้ย่อยแฮะ แถมยังได้ตราประทับสัญลักษณบางอย่างบนเนินอกฝั่งหัวใจมาเป็นของแถมด้วย  

    ฉันรู้สึกว่าตรานี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่กลับนึกไม่ออก

    หลังจากที่ถูกประทับตราแล้ว พวกเขาจึงส่งฉันมาถึงที่แปลกๆคล้ายกับโรงงานปศุสัตว์เด็กขนาดใหญ่สักแห่ง ภายในนั้นมีเด็กๆอีกหลายพันคนเข้าๆออกๆอยู่ทุกวัน 

    ฉันถูกอุ้มมาวางทิ้งไว้บนเปลเด็ก ก่อนจะเคลื่อนย้ายขยับไปเรื่อยๆ มันดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจัดเรียงเด็กทารกบางส่วน ให้เป็นไปตามระเบียบและรูปแบบที่แตกต่างกัน ตอนที่จะถูกอุ้มเพื่อย้ายที่นอนอีกรอบ ฉันสังเกตว่าเด็กๆส่วนใหญ่ก็ถูกย้ายไปรอบๆเช่นกัน 

    โรงงานที่นี่นอกจากจะมีมนุษย์ผู้ใหญ่ที่คอยเฝ้าดูเด็กๆแล้ว ยังมีปีศาจตัวใหญ่ยักษ์ที่คอยวนเวียนมาสังเกตการ เฝ้ามองมนุษย์อีกทอดหนึ่ง เพื่อจะได้จับตาดูไม่ให้มนุษย์ผู้ใหญ่เล่นตุกติกขโมยเด็กออกไป 

    เพราะเด็กมนุษย์เหล่านี้คือสินค้าชั้นดีเพื่อเลี้ยงเป็นปศุสัตว์ในอนาคต..

    เฮ้อ... 

    ใช่แล้วแหละ เลี้ยงเป็นปศุสัตว์ในอนาคต 

    ฉันพอรู้แล้วล่ะว่าที่นี่มันที่ไหนกัน ไม่ว่าจะการทดลองที่λ7214  หรือตราประทับที่ดูคุ้นๆบอกไม่ถูก

    ที่นี่มันคือโลกอนิเมะเรื่อง Neverland ที่มีตัวเอกสามคนชื่อ เอ็มม่า นอร์แมน และเรย์ พวกเขาคือปศุสัตว์เด็กที่ในอนาคตจะต้องหนีออกจากกรงเพื่อต่อต้านเหล่าปีศาจ และช่วยเหล่าพี่น้องในฟาร์ม

    เป็นอนาคตที่เห็นแล้วก็รู้สึกเหนื่อยแทนเหล่าตัวเอก

    ฉันก็ว่าอยู่ตราประทับทำไมดูคุ้นๆ ไหนจะการทดลองปศุสัตว์ λ7214 

    โลกก่อนฉันติดการ์ตูนหนักมาก หนึ่งในนั้นก็เป็นเรื่องนี้ แต่ฉันดูไม่จบจึงไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว พวกเอ็มม่าจะหนีไปจากโลกฝั่งนี้ได้มั้ย 

    และก็เคยอ่านนิยายเกี่ยวกับตัวเอกทะลุมิติไปโรงอนิเมะอยู่เหมือนกัน แต่ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะโดนการทดลองเพี้ยนๆของพวกนักวิจัยไปฉันคงนึกว่าตัวเองยังฝันอยู่แน่เลย 


    จริงๆแล้วฉันชอบตัวละครในเรื่องThe Promised Neverland มากนะ ดูแล้วติดกับการเอาชีวิตรอดของเด็กๆดี.. แต่ถ้าถามว่าโลกไหนที่ไม่อยากไปที่สุดก็ตอบได้เลยว่าโลกนี้แหละโว๊ย!?  


    ทำไมต้องส่งฉันมาโลกที่นี่ด้วย!? 


    แถมดวงซวยมาถึงก็ถูกจับทดลองเฉยเลย 


    คือ...ฉันไม่ใช่ไอสไตน์นอร์แมน(?) ไม่ใช่พจนานุกรมเดินได้แบบเรย์ และไม่ได้มีสัญชาตญาณเอาตัวรอดแบบเอ็มม่า...

    ดูยังไงฉันก็น่าจะตายคนแรกเห็นๆ! ส่งฉันมาเพื่อให้ตายอีกรอบชัดๆ!   

    "เฮ้! ดูเด็กมนุษย์นั่นสิ"

    เสียงคุยกระซิบกระซาบใกล้ๆและรู้สึกเหมือนถูกเฝ้ามองอยู่พักหนึ่ง ทำให้ฉันเลื่อนสายตาขึ้นไปมองตามเสียงข้างบนอย่างสงสัย 

    มี'สัตว์ประหลาด'สองตัวกำลังขี่สัตว์ตัวใหญ่ๆ ชี้นิ้วแหลมยาวๆเหมือนกิ่งไม้มาที่ฉัน ปีศาจพวกนี้คอยลาดตระเวนไปรอบๆเพื่อนับจำนวนเด็กที่เกิด 

    แรกๆที่เธอเห็นก็ถึงกับร้องไห้จ้าหาแม่เลยทีเดียวเชียว ก็น่าเกลียดน่ากลัวซะขนาดนั่นอ่ะ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น! แต่ทว่าเมื่อผ่านไปสองสามวัน ก็คิดได้ว่าต้องมองภาพสยองขวัญแบบนี้ไปอีกสิบเอ็ดเดือนนับจากนี้ก็เลยรู้สึกเริ่มปลง 

    ไปๆมาๆก็เผลอชินกับภาพสวยงาม(?)พวกนี้ไปซะแล้ว 

    ว่าแต่... แล้วทำไมพวกมันถึงได้มอง และชี้นิ้วตรงมายังฉันเหมือนกำลังมองตัวประหลาดแบบนั่นกันล่ะนั้น? 

    ไม่มีใครคอยสอนมารยาทพวกแกใช่มั้ย ว่าชี้นิ้วมาที่เลดี้แบบนี้มันไร้มารยาทน่ะ!

    "อะไรของแกอีก!"


    สัตว์ประหลาดอีกตัว ที่เป็นเพื่อนคู่ลาดตระเวนถามเสียงเหนื่อยหน่าย ดูเหมือนจะรำคาณเพื่อร่วมงานตัวเองแบบสุดๆ แต่อีกตัวก็สะกิดยิกๆเรียกไม่หยุดจึงต้องหยุดมามองดูตามนิ้วของเพื่อน

    "เด็กมนุษย์นั้นอายุแค่ห้าเดือนเองแต่กลับไม่ร้องไห้เลยสักนิด ดูสงบเกินไป...ถ้าไม่ลืมตาก็นึกว่าเป็นสินค้าที่ตายไปแล้วซะอีก" 

    "เออ.. จริงด้วย เด็กมนุษย์ขี้เหร่พวกนี้มักส่งเสียงร้องดังน่ารำคาณ แต่เด็กมนุษย์ขี้เหร่นี้ประหลาดเนอะ?"

    "ใช่ ตัวประหลาดจริงๆ แต่ก็ขี้เหร่เหมือนๆกันหมดนั้นแหละ"

    จากนั้นก็พากันตบมุขหัวเราะกันเฉย

    ปึด

    ฉันรู้สึกเหมือนเส้นเลือดเขียวส่งเสียงดังปึดข้างขมับ

    เจ็บใจไม่เท่าบอกว่าตัวประหลาด แต่เรียกแม่เอ็งว่ามนุษย์ขี้เหร่นี้ยอมรับไม่ได้อย่างแรง!? 

    โลกก่อนถึงฉันจะติดการ์ตูนแต่ฉันก็เป็นสาวสวยมากนะขอบอก!

    มือป้อมๆสีขาวน้ำนมเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศ บ่งบอกถึงความอัดอั้ดใจ อยากจะเหวี่ยงหมัดใส่ปากพวกมันให้ร้องไห้เรียกหาแม่จ้า โดยที่ลืมขนาดตัวว่าตอนนี้ตัวเล็กกระจ้อยเหมือนมด แต่ใจใหญ่ซ่ากับเหล่ายักษ์

    'ตรูไม่ได้ขี้เหร่โว๊ย! พวกมึงเข้าใจเด็กทารกไหม!? เดี๋ยวๆ รอตรูโตเป็นสาว(งาม)กว่านี้ก่อนนะพวกเอ็ง โดนแน่!'

    เอะอะโวยวายอยู่สักพักในใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดหัวเราะคิกคักชี้มาทางนี้ไม่หยุด ฉันจึงเริ่มร้องไห้เสียงแหลมสูงอย่างประชดทันที


    "แง๊______!!!"


    เฮือก!?

    สัตว์ประหลาดทั้งสองถึงกับสั่นสะเทือนไปถึงขี้หู พวกมันปิดหูตัวเองก่อนจะหันไปผลักเพื่อนด้วยความหงุดหงิด

    "ดีมาก เอ็งทำมันร้องไห้วะ!" 

    "ฉันเปล่า! เอ็งนั้นแหละ!?"

    หลังจากเถียงไปมาเกือบสองสามนาที ลูกมนุษย์ก็ไม่มีทีท่าจะหยุดร้องไห้ สุดท้ายพวกมันก็ตัดสินใจรีบถอยหนีเพราะกลัวเสียงแผดร้องแทบจะขาดใจของเด็กมนุษย์คนหนึ่ง 

    สัตว์ประหลาดพวกนั้นมีประสาทไวต่อระบบเสียงสุดๆ พวกมันจึงไม่ชอบเสียงร้องแหลมที่เป็นมลพิษทางเสียง

    "ฮรึก"

    เมื่อสัตว์ประหลาดพวกนั้นไป ฉันก็หยุดร้องไห้ทันทีเหมือนปิดสวิต์ไฟ พร้อมทำหน้าตางงๆใส่มนุษย์เพศหญิงผู้ใหญ่ที่แต่งตัวคล้ายเมดเดินเข้ามา เธอกำลังเดินมากล่อมเพื่อให้หยุดร้อง แต่อยู่ๆเด็กน้อยก็เลิกร้องไห้ซะดื้อๆ

    เด็กทารกผิวขาวน้ำนมดูนุ่มนวล เรือนผมสีบลอนด์อ่อนเกือบขาวดูแปลกตาและหยักโสกเล็กน้อย ดวงตากลมโตชุ่มชื้นสีฟ้าครามแวววาว ขนตายาวแพรหนากระพริบปริบๆน่าเอ็นดู 

    บอกได้เลยว่าเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ใครเดินผ่านก็ต้องหยุดมองอย่างเอ็นดู

    จ๊วม จ๊วม  

    ฉัน(แกล้ง)อมนิ้วโป้งตัวเองมองมนุษย์เพศหญิงสองสามคนปริบๆ เหมือนกับว่าเมื่อกี้คนที่ร้องไห้จ้าไม่ใช่ตัวเองนะ 

    แต่เหมือนจะแสดงน่าเอ็นดู(เก่ง)ไปหน่อย พวกแม่บ้านเลยไม่ไปไหน กลับยืนอมยิ้มกุมแก้มแดง พลางอยู่หยอกล้อยื่นนิ้วมาเขี่ยแก้มนุ่มของเธอไปมา 

    เมื่อเห็นว่าฉันทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ มนุษย์สองสามคนที่เดินมาดูเพราะเสียงร้องก็กลับไปทำหน้าที่ตัวเอง หนึ่งในนั้นก่อนไปยิ้มเอ็นดูพลางเช็ดน้ำตาและน้ำมูกให้เธอเสร็จสรรพ 


    ส่วนฉันที่ไม่มีใครมากวนอีก ก็กลับมาทำหน้าเบื่อโลกต่อไป...



    'เฮ้อ...คิดถึงโทรศัพท์และเน็ตจังเลยนะ...' 


    .....

    ผ่านไปหลายเดือน 


    ฉันก็ยังไม่เห็นวี่แววระบบหรือพระเจ้าอะไรแบบนั้นเลย ปกติแล้วตามธีมแนวทะลุมิติมันต้องมีไม่ใช่เรอะ!? วลีการชี้นำของพระเจ้าอะไรแบบนั้นน่ะ.. ภารกิจช่วยกู้โลกหรือพลังโกงๆอะไรแบบนี้? 

    คือฉันยังไม่เห็นพลังโกงๆอะไรเลย มีแต่ถูกจับทดลอง!

    หลายเดือนที่ผ่านมาฉันก็กินๆนอนๆจนสามารถลุกขึ้นนั่งเองได้แล้ว โดยใช้ที่กั้นไม้ข้างๆเป็นตัวช่วยลุกขึ้นนั่งมองรอบๆ 

    บนหัวเตียงแต่ละเตียงจะมีเลขประจำตัวแต่ละคน ฉันเห็นนัมเบอร์ซีเรียลบนหัวเตียงถูกสับเปลี่ยนอยู่หลายครั้งจนฉันเลิกจำมันไปแล้ว ดูเหมือนจะได้IDตัวเองจริงๆคงเป็นตอนเดือนสิบเอ็ดล่ะมั้ง 

    แง้! แง้! แง้! 

    'ชีวิตจะน่าอยู่กว่านี้มาก ถ้าไม่มีเสียงร้องไห้ของเด็กรอบทิศ' 

    ส่วนฉันหนวกหูสุดจะบรรยายจึงหันก้นชี้ฟ้าหัวมุดลงในหมอน ก็ไม่อาจปิดกันมลพิษเสียงของพวกเด็กๆเหล่านั้นลงได้ 

    เมื่อเด็กข้างบ้านซ้ายขวาพร้อมใจกันประสานเสียงร้องไห้ดังสนั่น

    ระยะนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นไมเกรนขึ้นตั้งแต่เด็ก สาเหตุเพราะเสียงแหลมสูงของเด็กน้อยรอบข้าง ทำเอาหูอื้อวิ้งๆไปเลย

    โดยเฉพาะไอ้เด็กปากมากขี้แยข้างๆเนี้ย  

    แอบคิดในใจว่ากรรมตามสนองป่ะว่ะ  ครั้งนั้นแกล้งร้องไห้จนสัตว์ประหลาดหนี ครั้งนี้เห็นทีจะหนีบ้างก็หนีไม่รอด เล่นดังทั้งด้านซ้ายและด้านขวา

    จนกระทั่งเด็กปากมากจอมขี้แยนั้นถูกพาตัวออกไป ฉันแทบจะชูมือร้องเย้ดีใจ! 

    ในที่สุด! ในที่สุด..ชีวิตสงบสุขของฉันก็จะสงบลงซะที!? 

    ทว่า...เพิ่งดีใจได้ไม่นาน 

    แม่บ้านสาวก็กลับมาอีกครั้งพร้อมเด็กคนใหม่...ฟัค

    กลับมาอดหูด้วยหมอนนุ่มอีกรอบ


    ใครก็ได้พาฉันนั่งไทแมชชีนเพื่อพาไปยังอนาคตเลยเถอะ! ไม่อยากอยู่ต่อตรงนี้แล้วประสาทกำลังจะเสียอยู่ทุกวัน

    ทำไมนางเอกที่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเอง แต่ละคนได้ไปช่วงเริ่มเรื่องเลย แต่ฉันกลับต้องมาติดแหงกที่ร่างเด็กทารกแบบนี้!?

    ตัดเพ้อร้องไห้กระซิกๆในใจเงียบๆ

    จากวันนั้นฉันก็ถูกเปลี่ยนแถวสายเตียงมาเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่แถวยาวเลข9หลักหมื่น ครั้งนี้เลขของฉันเป็น91194 ครั้งก่อนอยู่เลข44444 (เลขคนตาย)

    จำได้ว่ามองอะไรก็ไม่สดใส...รู้สึกชีวิตชวนหดหู่บดซบมากมายตอนนั้น... 

    แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเลขมงคงดีไม่อยากเปลี่ยนสายแล้วอ่ะ อยู่ต่อที่เลขนี้เลยได้ไหม....อยากได้ชีวิตก้าวหน้าเหมือนเลข9บนหัวเตียงตัวเอง

    อาจจะเพราะหมายเลขเปลี่ยน ชีวิตจึงเริ่มมีสิ่งดีๆเข้ามา เด็กที่ย้ายมาใหม่เตียงข้างๆไม่ค่อยร้องไห้มากเท่าไหร่ ส่วนด้านซ้ายก็สบายหูสุดๆเพราะอยู่ติดกระจก 

    เรียกได้ว่าเตียงตรงนี้ทำเลดีสุดๆเสียงไม่ค่อยมาถึง


    ถึงเวลาอาหารกลางวัน มาม๊าทั้งหลายจะเปลี่ยนจากนมมาเป็นอาหารเหลวบ้าง เด็กๆทุกคนถูกพานั่งบนเก้าอี้นวลนุ่มๆ มาม๊าจำเป็นแต่ละคนจะคอยป้อนอาหารเหลวให้ หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นขวดนมแทนบางครั้ง เหมือนจะพยายามไม่ให้เด็กติดนมแม่มากเกินไป

    ไม่รู้ว่าเพราะวิวัฒนาการของเด็กที่โลกนี้ไม่เหมือนโลกเดิมของเธอหรือว่ายังไง เพราะเด็กๆทุกคนเติบโตกันเร็วมากแค่ผ่านไปไม่กี่เดือนก็หย่านมกันได้แล้ว 

    นับๆดูแล้วผ่านไปเก้าเดือนได้มั้ง? 

    แต่ตอนนี้ฉันเริ่มจะเดือดแล้ว

    ให้หย่านมพอเข้าใจ แต่ทำไมเด็กโง่ข้างกระจกที่ถูกพามานั่งจากเตียงอื่นเพราะพื้นที่ไม่พอ ทำไมเอ็งถึงได้ผิดปกติถือครัวซองต์ มานั่งทุบหัวฉันเล่นได้กันล่ะ!?

    ไม่รู้เลยว่ามันไปเอาครัวซองต์มาจากที่ไหน แต่ล็อคเป้าไปแล้วว่ามันต้องเป็นเด็กเส้นแน่ๆ! 

    ฉันกำช้อนแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง  ก่อนจะหาเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงความสนใจ ทางที่ดีอย่าได้ริอาจไปสบตากลมแป๋วๆไร้เดียงสาคนอื่นดีกว่า เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกท้าทาย กลายเป็นแข่งจ้องตากันชนิดที่กระพริบตาเมื่อไหร่คือแพ้

    เคยเจอกับตัวเองไปแล้วสามครั้ง.. แฮ่ม แถมชนะทุกครั้งด้วย..

    ก็ไม่อยากจะแข่งเกมจ้องตากับเด็กหรอกนะ เพราะมันดูไม่โตเลย แต่เผลอทีไรรู้ตัวอีกทีก็ชอบแข่งยันวินาทีสุดท้ายแล้ว...ความรู้สึกหลังชนะมันภูมิใจลึกๆ-แค่ก

    ฉันว่าพระเจ้า(ที่ไม่มีตัวตน)แม่งต้องทำอะไรสักอย่างกับไอคิวฉันแน่ๆเลยว่ะ ไม่งั้นฉันคงไม่ปัญญาอ่อนแบบนี้ (โทษไปทั่ว) 

    ว่าแต่ไอ้เด็กเงียบข้างๆนี้เป็นใคร ทำไมคุณแม่สอนมาดีจัง นานๆทีถึงได้ยินเสียงร้องไห้? 

    ตั้งแต่ย้ายมาประสาทหูก็เริ่มรู้สึกสบายขึ้นมาก เพราะนานๆจะได้ยินเด็กข้างบ้านร้องไห้ที

    ว่าแล้วก็ขอดูสักหน่อยเพราะตั้งแต่ถูกย้ายมายังไม่ทันได้มองเลย เด็กข้างบ้านมีผมสีดำขลับ ดวงตาดูเหมือนสีดำเข้มแต่สังเกตดีๆแล้วมันมีสีม่วงด้วย...หน้าตาดูคุ้นๆนะ

    ฉันสังเกตเลขที่ขอบเก้าอี้

    [81194]

    คุ้นๆ....เหมือนเคยเห็นที่ไหน 

    ฉันสลับมองเลขนัมเบอร์กับใบหน้าเด็กข้างบ้านอยู่หลายที จนจำได้ในที่สุด! 

    เชี่ย 'เรย์!' นี่หวา


    ดวงตาเบิกกว้างหันไปจ้องหน้าเด็กข้างๆอีกที ขยี้ตาอีกรอบเพื่อความแน่ใจ ทำไมไม่รู้ตัวเลยว่าเด็กข้างบ้าน มันคือหนึ่งในตัวละครเอกโลกนี้ไปได้ไงฟร่ะ!? 

    ตาลุกวาวเหมือนเป็นแฟนคลับเดนตายได้เจอไอดอลตัวเป็นๆ

    หมับ!

    มารยง มารยาทตอนนี้ทิ้งไว้ก่อน!

    ฉันเอื่อมมืออวบอ้วนออกไปจับมือเด็กข้างบ้านอย่างผูกมิตร ไม่อยากจะผูกมิตรเด็กคนไหน มากเท่าเด็กคนนี้มาก่อนเลยขอบอก!! 

    ได้โปรดมาเป็นเพื่อนกับฉันเถอะ! 

    คุณพจนานุกรมเดินได้!?


    'เรย์'ที่นั่งเงียบข้างๆก้มมองมือตัวเองที่ถูกกุมแน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องเธออย่างงงๆ 

    ฉัน : "......"

    เรย์ : "......" 

    ดวงตาของเด็กทั้งสองประสานสายตาใสแป๋ว หนึ่งมีสี'ฟ้าคราม'เหมือนท้องฟ้ากับอีกหนึ่งคนมี'สีดำ'เหมือนราตรียามค่ำคืน แต่ถ้าถูกแสงสว่างกระทบจะเป็นสีม่วง 

    เด็กทั้งสองคนนิ่งเงียบแข่งจ้องตากันหลายวิ...

    ผ่านไปสักพักฉันก็เพิ่งรู้สึกตัว...แม่ง เผลอแข่งจ้องตาอีกแล้ว นั้นทำให้ฉันเผลอกระพริบตามองตัวเอกชายคนที่สองนิ่ง  


    "เอิ๊กๆ"

    เรย์เวอร์ชั่นใสๆเบบี้ก็หัวเราะคิกคักอย่างควบคุมไม่ได้ เหมือนประกาศชัยชนะ(ที่ไม่รู้ว่าไปแข่งจ้องตาตอนไหน) พลางกุมมือเธอแน่นตอบกลับ 

    ฉันมโนว่าเขายอมรับฉันเป็นเพื่อนสนิท(?)ตัวเองแล้วได้ใช่มั้ย?


    ตามเนื้อเรื่องในมังงะแล้ว เรย์ในตอนนี้คงรู้ความแล้ว 

    เขาเป็นเด็กพิเศษที่มีความทรงจำตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ แต่จิตใจของเขาก็ยังบริสุทธิ์เหมือนเด็กปกติทั่วไป 

    แต่ในอนาคตนั้นเขาจะเป็นคนแรกที่รู้ความลับของบ้านสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

    เขาเป็นหนึ่งในตัวละครที่ฉันชอบ


    ฉันเหม่อมองรอยยิ้มนั้นด้วยดวงตากลมโตสีฟ้าสดใส เพราะไม่คิดว่าเรย์จะส่งยิ้มมาให้ อยู่ๆก็รู้สึกว่าโลกสดใสขึ้นมาทันตาเห็น มองอะไรก็เจริญหูเจริญตาไปหมด 

    เขาก็...น่ารักดีแฮะ?

    แม้แต่เด็กข้างๆที่เอาครัวซองต์ทุบหัวเธอไม่หยุดก็ไม่หงุดหงิดสักนิด  อันนี้เรียกว่าอาการตกหลุมรักแรกพบได้หรือเปล่า? 

    ถุ๊ย! 


    ถ้าระบบโผล่หัวมาเมื่อไหร่(ถ้ามันมีนะ) อย่างแรกเลยฉันคงต้องให้มาตรวจสอบสมองเธอเป็นอันดับแรก... ฉันว่าหัวสมองฉันจะต้องผิดปกติอะไรสักอย่าง! แม้แต่เด็กนี้เอ็งก็ไม่เว้นเลยหรือเนี่ย!?


    รู้สึกเหมือนเห็นภาพหลอนเป็นตำรวจกำลังโบกมืออยู่รำไร



    #พบหมีในร่างเด็กหนึ่งอัตรา...

    .....


    หลายสัปดาห์ผ่านไปฉันผูกมิตรเด็กข้างบ้านได้สำเร็จ รู้สึกว่าหลังจากที่เปลี่ยนเลขนัมเบอร์บนหัวเตียงชีวิตก็ราบรื่นขึ้นมาก ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องไห้ของเด็กคนอื่นก็คิดซะว่ามันคือนาฬิกาปลุก 

    ก่อนจะยื่นมือไปจับเด็กข้างบ้านเพื่อกระชับมิตรอันดีงามของเรา(?)แอบแตะอั๋งเรย์เบาๆ

    แผนเธอคือหวังว่าเขาจะจดจำเวลาที่พวกเราใช้ร่วมกันเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตฉันจะได้ติดตามเขาไปสถานเลี้ยงเด็กกับตัวเอกคนอื่นหรือเปล่า 

    เรย์เอียงข้างมองตาแป๋วพร้อมอ้อแอ้ไม่เป็นคำ ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร ฉันก็อ้อแอ้ไปด้วย พูดจ้อยแจ้วเป็นแอ้! แอ้! ไม่รู้เข้าใจไหม เพราะฉันยังไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองพูดอะไรไป? 

    แต่อาการคันปากมันสั่งให้พูด

    เอาเป็นว่าพวกเรา'พูดคุย'กันทุกวัน ใครๆที่เดินผ่านมาก็นึกสงสัยและเอ็นดูว่าพวกเรากำลังคุยอะไรกันอยู่ 

    คุยกันเฉยๆนะแต่ไม่เข้าใจกัน

    บางครั้งเรย์ก็ร้องไห้ขึ้นมากลางดึก จนฉันนึกรำคาณก็เผลอยื่นมือจะไปปิดปากให้เงียบซะ ไอ้อาการหลงรักเด็กเมื่อรืนวานเหมือนถูกลืมไว้ชั่วคราว 

    แต่เหมือนจะกะผิดตำแหน่งไปหน่อย เลยวางแหมะที่หน้าผากแทน 

    เส้นผมสีดำขลับนุ่มมากเวอร์  เธอคิดในใจเลยเปลี่ยนมาลูบหัวอย่างชอบใจ เสยผมเขาเล่นไปข้างหลัง ไม่ให้ผมยาวๆมาปรกหน้าปรกตา จนเรย์เลิกร้องไห้แล้วหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ 

    คืนนั้นเขาก็หลับสบายไปแบบงงๆ


    ผ่านไปครบเดือน ยังไม่มีใครมาแยกพวกเราจากกัน


    ฉันกับเขาจับมือข้ามเตียงหันหน้ามามองกันพราง'พูดคุยไม่เป็นภาษา เชื่อเลยว่าเขาก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ก็ไม่หยุดที่จะทำแบบนั้น พวกเราเลยจับมือกันนอนทุกวันจนติดเป็นนิสัย 


    เวลานั้นเป็นช่วงชีวิตที่เผลอคิดว่าสงบสุขมากจนอยากปล่อยเวลาให้หยุดอยู่แค่นี้ 

    จนกระทั่งแม่บ้านคนหนึ่งก็เดินตรงมาที่ปลายเตียงของเรา ก่อนจะเอือมมือออกมาอุ้มฉันขึ้นจากที่นอน ขัดจังหวะระหว่างที่พวกเรากำลังสนทนากันอยู่ 

    "แอ้!"

    ฉันจับมือเรย์แน่นพลางร้องประท้วงเพราะรู้แล้วว่าตัวเองจะไม่ได้อยู่ต่อ เรย์จับมือฉันไว้แน่นเช่นกันแต่ก็ถูกหลุดออก เขาร้องทันทีที่ฉันถูกอุ้มออกไป 

    เมื่อเห็นว่าพวกเราร้องไห้ หญิงสาวก็ทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย

    "ขอโทษนะจ๊ะที่รัก อย่าร้องเลยนะเด็กดี เดี๋ยวก็จะมีเพื่อนคนใหม่มาแทนเร็วๆนี้แล้วล่ะจ๊ะ" 

    แม่บ้านที่อุ้มฉันอยู่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มขอโทษ แต่สำหรับพวกเรามันคือรอยยิ้มเยือกเย็น ก่อนจะหันหลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ

    ฉันรีบหันหลังเกาะไหล่หญิงสาวแน่น รู้สึกขอบตาร้อนจนเห็นภาพเลือนลาง ฉันกระพริบตาปริบๆไล่น้ำตาจนได้เห็นเรย์พยุงตัวเองลุกขึ้นมาเกาะขอบกั้นพร้อมจ้องมองมา

    ถึงแม้พวกเราจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่กี่เดือนแต่ความผูกพันมิตรภาพมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว 


    ลาก่อน.. เรย์

    ฉันโบกมือให้เขาเงียบๆอย่างเศร้าใจ

    ฉันคงไม่ได้เห็นภาพเบบี้เรย์ใสๆอีกแล้ว เพราะโตมาเขาจะกลายเป็นหนุ่มสายดาร์ก!


    จากนั้นภาพของเรย์ก็ถูกตัดหายไปจากคลองสายตา 

    ...

    ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองคงหลุดพ้นจากการเป็นตัวทดลองλ7214 เวรนั้นแล้ว....

    แต่เหมือนฉันจะมองแง่ดีไปหน่อย

    เรื่องมันมีอยู่ว่าหลังจากที่ถูกแยกจากเรย์มา ฉันก็ถูกพาไปรับIDของตัวเองและเลขประจำตัวไว้ที่คอ ตกลงว่าเลขหยุดอยู่ที่91194จริงๆ และมีของแถมเป็นสัญลักษณ์ที่นอร์แมนจะได้ในอนาคตบนเนินอกฝั่งหัวใจ

    ฉันถูกส่งไปอยู่ห้องทดลองอีกหลายเดือน เพื่อเช็คอะไรบางอย่าง

    พวกนักวิจัยต่างแสดงสีหน้าเนื้อเต้นกันยกใหญ่เมื่อพาฉันเข้าเครื่องอะไรบ้างอย่าง ตรวจจับดูคลื่นและการเติบโตของร่างกาย 

    เมื่อเห็นว่าฉันสุขภาพดีขนาดไหนตอนอยู่ในโรงงานเด็ก พวกเขาก็จดบันทึกแล้วพูดพร่านเกี่ยวกับวิชาการที่พวกนักวิจัยเข้าใจกันเอง ฉันฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็ฟังเก็บเอาไว้ เผื่อได้ใช้ตอนโตก็แล้วกัน

    ก่อนออกมาฉันถูกฉีดยาอีกหนึ่งหลอด แล้วให้ปีศาจขนส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กพร้าอีกที ส่งให้ถึงมือแกรนด์มาสเตอร์เพื่อเลือกบ้านเฮาส์ที่จะไปอยู่ 

    สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีหลายแห่ง ฉันคงไม่ได้บังเอิญถึงขนาดไปอยู่กับตัวเอกแน่ๆ ฉันก็เลยยอมรับชะตากรรมตัวเองไว้แล้ว 

    เอาเป็นว่าจะรอดหรือไม่รอดก็จะขอหาความสุขให้ตัวเองมากๆก่อนตายก็น่าจะดี...


    แต่ทว่าเมื่อพวกแกลนมาสเตอร์เห็นว่าฉันมีสัญลักษณ์บางอย่างบนเนินอกติดอยู่ ต่างทำหน้าตกใจกันยกใหญ่ จากที่จะให้สุ่มๆไปอยู่ที่เขตอื่นก็พากันขบคิดดีๆใหม่อีกรอบ

    ได้ฟังมาเหมือนว่าฉันจะเป็นตัวทดลองรุ่นXส่วนน้อยที่ประสบผลสำเร็จ เกี่ยวกับวิวัฒนาการปาหุสัตว์พิเศษครั้งใหญ่ แต่เพราะยังไม่มีแนวทางเลี้ยงที่ดี จึงส่งมาให้แกรนด์มาสเตอร์เลือกว่าจะส่งไปเฮาส์ที่ไหน  

    ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็ยังลงมติกันไม่ได้

    ฉันตอนนี้กลายเป็นเผือกร้อนของทุกคน บ้านไหนก็ไม่อยากจะรับไปอยู่ 

    กลัวว่าเลี้ยงไปเกิดตัวทดลองตายขึ้นมา ชะตากรรมของมาม๊าบ้านนั้นคือตายทุกทาง เหมือนจะเคยมีเคสที่ว่าเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งพวกเขาจึงต่างหวาดกลัว เพราะดูเหมือนว่าจะถูกเบื้องบนสั่งกำชับให้ดูแลฉันดีๆ แบบพิถีพิถันหน่อย

    อยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากเกินไป จนใครเขาไม่อยากจะแตะต้อง

    ...ชักกังวลแล้วสิ ว่าชีวิตตัวเองในอนาคตจะเป็นแบบไหน...

    คิดกับตัวเองอยู่ในใจ ทันใดนั้นแกลนมาสเตอร์ที่นั่งฟังเพื่อนร่วมงานคนอื่นเถียงกันอยู่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ฉันรู้แล้วว่าจะส่งไปให้ใคร" 



    "ติดต่อเฮาส์เขต3"

    !?

    หือ

    เฮาส์3หรือ?

    นั้นไม่ใช่ที่พวกตัวเอกอยู่หรือยังไงกันน่ะ...?


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×