คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 2
grey
Chapter 2
เสียงนกร้องดังลอดบานหน้าต่างเข้ามาในยามสาย ในห้องปรากฏร่างของชายหนุ่มกำลังนอนตะแคงทอดตัวอยู่บนเตียงกว้าง ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นเท้าคาง ทอดสายตามองร่างเล็กๆที่กำลังหลับพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่ข้างๆ ปลายนิ้วยาวไล้เขี่ยตุ้มโลหะที่เจาะไว้บนยอดอกเล็กไปมาอย่างนึกสนุก จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าหยิกนั่นด้วยความตื่นเต้น เขาแทบจะรอไม่ไหวแล้ว
“อื้อ..”
แบคฮยอนครางฮือในลำคอ รู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย ร่างเพรียวบางขยับหนีก้านนิ้วที่คอยรังแกเขาอยู่เล็กน้อย ม่านใสค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของใครคนหนึ่งอยู่ใกล้จนแทบจะชนกับปลายจมูกของเขาอยู่แล้ว
โครม!
ด้วยความตกใจ พอขยับหนีนิดหน่อยก็หงายหลังร่วงลงไปจากเตียงซะอย่างนั้น คริสหัวเราะน้อยๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง จ้องมองปฏิกิริยาของของเล่นใหม่อย่างไม่วางตา
“คะ ..คุณคือใคร”
“ว้า ถามแบบนี้คนตอบก็น้อยใจแย่สิ นายลืมคนที่ช่วยชีวิตนายได้ยังไงกัน”
เจ้าของเสียงทุ้มห้าวเอ่ยตัดพ้อ ท่ากุมหัวใจสุดแสนจะขี้เล่นของคริสกำลังทำให้แบคฮยอนงงเข้าไปใหญ่ ก็แหงล่ะ ตอนนั้นเขาคงไม่มีสติพอที่จะจำได้ว่าใครเป็นคนอุ้มเข้าออกมาจากตรงนั้นหรอก ทุกอย่างมันมืด แล้วก็เปียกไปหมดเลย .. ใช่แล้ว วันนั้นแบคฮยอนโดนพายุฝนซ้ำเข้าเต็มๆเลยล่ะ
“ฮะ .. แค่กๆ”
คอแห้งเหลือเกิน แต่ไม่ทันจะพูดอะไรชายหนุ่มก็ยื่นขวดน้ำเย็นๆมาให้ แบคฮยอนรับมันมาด้วยมืออันสั่นเทา แรงจะยกแขนยังไม่มี
“ฉันชื่อคริส เป็นคนที่จะรับหน้าที่พานายไปขายทิ้งพรุ่งนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ จิ้มลิ้ม”
“แค่ก! ..”
“เฮ้ ใจเย็น ฉันล้อเล่นน่ะ”
พอพูดจบประโยค แบคฮยอนก็สำลักจนต้องไอโขลกออกมายกใหญ่ คริสหลุดขำ ก่อนจะยื่นมือไปช่วยลูบหลังให้คนตัวเล็กเบาๆ ของเล่นชิ้นนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักน่าสนุกไปหมดเลย
“หิวรึเปล่า ฉันมีคุกกี้ให้นาย”
ได้ยินเสียงท้องร้องมาตั้งแต่ตอนหลับแล้ว คริสเอื้อมหยิบคุกกี้ถุงใหญ่มาวางไว้บนเตียง แบคฮยอนกำลังมองตามทุกอิริยาบถของเขา จ้องถุงคุกกี้ด้วยตาลุกวาว ก็เขาไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งสองวันแล้วนี่นา
“แต่มีข้อแม้นิดหน่อย หนึ่งคำถาม แลกกับคุกกี้หนึ่งชิ้น นายต้องบอกทุกเรื่องที่นายรู้ แล้วฉันจะให้คุกกี้กับนาย ตกลงไหม?”
เด็กหนุ่มพยักหน้า จนถึงตอนนี้เพิ่งสังเกตว่าเขากลับเข้ามาในบ้านหลังเดิมอีกครั้ง คริสค่อยๆแกะเชือกออกจากถุงพลาสติกใส กลิ่นหอมเนยของคุกกี้กำลังทำให้ท้องของแบคฮยอนร้องดังขึ้นไปอีก คริสรู้จักใช้วิธีพลิกแพลง หลอกล่อเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ในขณะที่ปาร์คชานยอลไม่ได้เข้าใจถึงสิ่งนั้น
“นายชื่ออะไร”
“แบคฮยอน .. ครับ”
“ดีมาก เก่งมากเลย”
ไม่ได้ชมเพราะแบคฮยอนเก่ง แต่ชมเพื่อให้กำลังใจ เขารู้ว่ากว่าคนๆนึงจะยอมปริปากพูดอะไรออกมาหลังจากที่พวกเขาเจอเหตุการณ์เลวร้ายมานั้นย่อมต้องใช้เวลา คริสหยิบคุกกี้เนยออกมาจากถุงหนึ่งชิ้น แบคฮยอนเอื้อมมือสั่นๆไปรับมันมาอย่างกล้าๆกลัวๆ กัดคุกกี้เข้าปากหนึ่งคำ น้ำตาก็แทบจะไหลออกมาอีกแล้ว จำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่มีคนทำดีกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
“นายรู้จักใครอีกบ้าง นอกจากฉันและตัวนาย”
“อี้ชิง กับผู้ชายคนนั้น ..คนที่มี รอยสักที่ .. ผมไม่รู้ชื่อของเขา เขา ..เขาชื่อชาร์ลส์ใช่รึเปล่า”
คริสไม่ใช่คนใจเย็น แต่เขาก็ไม่ใช่คนใจร้อน ชายหนุ่มพยักหน้าตามทุกครั้งที่คนตัวเล็กพูดตะกุกตะกัก จ้องเข้าไปในดวงตาแดงช้ำนั้นเพื่อบ่งบอกว่าเขากำลังฟังอยู่
“ใช่แล้ว มิสเตอร์ชาร์ล เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ล่ะ ..อี้ชิงเป็นใครแบคฮยอน บอกฉันได้ไหม”
“ผมไม่รู้ ผมนึกถึงเขา มีชื่อของเขาอยู่ในนี้ ผมพูดชื่อเขา..”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แล้วนายรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวนายบ้าง”
แบคฮยอนเอาแต่ทุบลงบนหัวของตัวเองซ้ำๆ หลับตาแน่นอย่างพยายามจะนึกเรื่องราวทั้งหมดกลับมารวมไว้ในสมอง คริสยื่นคุกกี้ให้เด็กหนุ่มอีกชิ้นพลางเอ่ยถาม
“ผมเรียนหนังสือ พวกเขาพามาที่นี่ มีคนเต็มไปหมด พวกเขาทำผมเจ็บ พวกเขาทำทุกอย่าง พวกเขากำลัง.. จะพาแบคฮยอนไปที่อื่น”
แบคฮยอนเริ่มอยู่ไม่สุข พูดออกอ่าวไปเรื่อยๆจนคริสจับใจความไม่ได้ ร่างเล็กๆกำลังโยกตัวไปมาบนเตียง ก้มมองมือตัวเองราวกับว่ามันมีอะไรน่าสนใจนักหนา การหยิกทึ้งแขนของตัวเองเป็นสิ่งเดียวที่ยังดึงสมาธิของเขาไว้ได้ แบคฮยอนกลืนคุกกี้แสนอร่อยลงคอ เขากำลังจะร้องไห้อีกแล้ว เปลือกตาร้อนผ่าวและแดงช้ำจนแทบจะปิด ให้เดาว่าตุ้มเหล็กอันเล็กๆบนยอดอกสีสดคงจะเป็นฝีมือของไอ้พวกนั้นด้วย
“พวกนั้นเป็นใคร พวกนั้นจะพานายไปที่ไหน”
“ผมไม่รู้ ฮือ.. ผมไม่รู้ อย่าทำแบคฮยอน อย่าทำเลย ได้โปรด”
“ชู่ว .. ไม่เป็นไร ไม่มีใครทำอะไรนาย ฉันจะไม่ทำอะไรนาย ไม่ต้องกลัว”
คุกกี้ชิ้นเล็กในมือหล่นลงบนพื้น แบคฮยอนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว ร่างเล็กๆซุกอยู่กับแผ่นอกกว้างแล้วปล่อยโฮออกมาทันทีที่คริสคว้าตัวเข้าไปกอด ฝ่ามือกว้างบรรจงลูบหัวปลอบประโลมอย่างแผ่วเบา เสียงทุ้มนุ่มกดกระซิบข้างใบหูเพื่อเรียกสติ
“ฮือ..”
“ชู่ว don’t cry นะคนดี ลองไอ้นี่หน่อยไหม บางทีมันอาจจะทำให้นายดีขึ้น”
บนฝ่ามือใหญ่มียาเม็ดเล็กๆวางอยู่ แบคฮยอนเงยหน้ามองอีกฝ่ายทั้งน้ำตา กระทั่งยาเม็ดกลมถูกยัดใส่มือพร้อมกับขวดน้ำที่เขาดื่มไปเมื่อครู่ เด็กหนุ่มต้องจำใจกลืนมันลงคอเพราะทนแรงกดดันจากสายตาคู่นั้นไม่ไหว
“ดี .. อย่างนั้นล่ะ ดีมากเลย”
แบคฮยอนเป็นเด็กว่าง่าย ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวตาย ก็คงเจอเหตุการณ์เลวร้ายมาพอสมควรจนไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืน ยารสขมเฝื่อนถูกกลืนลงลำคอไปแล้ว ฝ่ามือกว้างบรรจงลูบหลังเขาเบาๆ แบคฮยอนยังคงสะอื้น กว่าสิบนาทีที่เงียบไปโดยไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ คริสนั่งนิ่งๆ จ้องมองร่างเล็กๆตรงหน้าอย่างใจเย็น
“อึก ..”
โครม!!!
จู่ๆเด็กหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง ร่างเล็กๆโถมกายเข้าหาชายหนุ่มอย่างแรงจนคริสหงายหลังล้มลงไปกับโต๊ะ ทันทีที่แผ่นหลังกว้างเอนแนบลงกับพื้นพรม แบคฮยอนก็ทาบทับร่างคร่อมลงไปในทันที ข้าวของหล่นกระจายเต็มห้องไปหมดแต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะสนใจ ริมฝีปากสีสดบดเบียดกับริมฝีปากหยักของคนด้านล่างอย่างไร้สติ มันร้อนไปหมด ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
“shh .. baby easy”
เสียงทุ้มเอ่ยพลางลูบวนที่เอวคอดเบาๆเป็นเชิงปลอบ กระตุกยิ้มร้ายอย่างพึงใจเมื่อเจ้าของใบหน้าน่ารักนั่นผละออกจากใบหน้าของเขาเพื่อลุกขึ้นถอดเสื้อยืดอันแสนจะเกะกะของตนออกไปเพียงแค่เสี้ยววินาที ริมฝีปากฉ่ำวาวกดไซร้ลงบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างเมามาย หน้ามืดตามัวไปหมด
ได้ยินแค่เสียงหอบหายใจและเสียงครางในลำคอผะแผ่ว บ่งบอกได้ดีว่าฤทธิ์ของนั้นรุนแรงแค่ไหน แบคฮยอนกำลังทรมาน เขาไม่รู้ว่าคริสทำอะไรกับเขา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ มันอึดอัด ขอแค่อะไรก็ได้ที่จะทำให้ความรู้สึกแย่ๆเหล่านี้ออกไป แบคฮยอนยอมทั้งนั้น
รสจูบล้ำลึกและเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ คริสหยัดกายขึ้นและจับเหยื่อของเขาให้นั่งซ้อนไว้บนตัก แทบจะไม่ต้องบอกแบคฮยอนก็ช่วยถอดเสื้อให้เขาแล้ว ฝ่ามืออันสั่นเทาลูบคลำสะเปะสะปะไปทั่วร่างกายกำยำของอีกฝ่าย หายใจหอบถี่จนแผ่นอกสะท้อนขึ้นลงรัวเร็ว
ใบหน้าจิ้มลิ้มโน้มลงกดริมฝีปากหนักๆพร้อมกับจิกทึ้งเส้นผมของคริสอย่างรุนแรง อารมณ์ของเขากำลังปะทุขึ้นเรื่อยๆ ร่างเล็กๆยกตัวขึ้นจากตักแกร่ง พยายามจะปลดกางเกงของอีกฝ่ายด้วยมือเดียว เสียงโครมครามดังขึ้นอีกหลายระลอกเพราะต่างฝ่ายต่างจะกระโจนเข้าหากัน เสียงดังจนกระทั่งปาร์คชานยอลที่นอนอยู่อีกห้องต้องลุกขึ้นมาดู
“แบบนั้นแหละดีมาก .. อา good girl”
แกร๊ก
คริสกำลังพลิกตัวคร่อมทับอยู่เหนือร่างของแบคฮยอน แต่แล้วทุกอย่างก็ถูกขัดแทรกด้วยเสียงเปิดประตูของเจ้าของบ้าน ปาร์คชานยอลในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขายาวกับใบหน้าที่ยังไม่ตื่นดีกำลังชะโงกหน้ามองเข้ามาในห้อง คิ้วเรียวขมวดน้อยๆด้วยความหงุดหงิด ใครกันที่ทำเสียงดังรบกวนการนอนของเขา
“ไงมิสเตอร์ชาร์ลส์ อยากมาแจมด้วยไหม”
เอ่ยทักทายยามเช้าด้วยน้ำเสียงติดตลกถึงแม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดใจที่เจ้านายเข้ามาขัดจังหวะก็ตาม เหมือนเขาจะเห็นแว๊บๆว่าปาร์คชานยอลหยิบปืนติดมือมาด้วย คริสพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหันกลับมาจัดการกับของเล่นใหม่ตรงหน้าต่อ เรือนร่างขาวเนียนที่เต็มไปด้วยรอยช้ำกำลังทำให้อารมณ์ของเขาพุ่งสูงขึ้นไปอีก
“ออกไป”
“โถ่ ไม่เอาน่า”
คริสตอบลากเสียงยาวด้วยความเซ็ง เขาไม่เข้าใจเลยว่าผู้ชายคนนี้จะอะไรนักหนา กับอิแค่เล่นกันนิดหน่อยในห้อง เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเดือดร้อนอะไรเลยสักคน แต่ปาร์คชานยอลก็ไม่ได้ตอบอะไร ชายหนุ่มมีเวลาให้กับคนของเขาเสมอ กระทั่งเวลาผ่านไปไม่มีท่าทีว่าคริสจะฟังคำสั่งจากเขา ฝ่ามือหนายกปืนกระบอกมันวาวส่องเล็งไปด้านหน้า ขึ้นนกเสียงดังแกร๊กจนเด็กหนุ่มวัยคะนองต้องหยุดกึก
คริสจิ๊ปากอย่างหัวเสีย จำต้องปล่อยของเล่นชิ้นใหม่ไว้เพียงลำพัง ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อของตัวเองขึ้นมาพาดบ่าแล้วเดินออกไปจากห้องด้วยท่าที่ดูไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเจ้าของดวงตาคู่คมนั้นเลยด้วยซ้ำ
คริสออกไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ปาร์คชานยอลจะต้องอยู่ต่อ ม่านคมปรายตามองคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นด้วยแววตาเฉยชา จงใจเปิดประตูทิ้งไว้แล้วเดินจากไป
ฝ่ายแบคฮยอนที่นอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ที่พื้นก็พยายามลุกขึ้นมานั่งพิงเตียงไว้อย่างลำบาก เหงื่อกาฬผุดไหลเต็มลำคอและขมับ ใบหน้าน่ารักแดงซ่านด้วยฤทธิ์ยา สองมือและปลายเท้าจิกงอด้วยความทรมาน มันร้อนไปหมด
CUT
ไม่รู้เลยว่าเสียงตัวเองดังไปไกลแค่ไหน ที่ห้องข้างๆกัน ปรากฏร่างของปาร์คชานยอลกำลังนอนทอดตัวอยู่บนโซฟาตัวยาว คิ้วเรียวขมวดมุ่นพร้อมกับข่มตาให้หลับ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยากเสียเหลือเกินในเมื่อเสียงของไอ้เด็กนั่นดังข้ามห้องมาถึงขนาดนี้ จากที่ตอนแรกไม่รู้สึกก็เริ่มจะรู้สึกขึ้นมาบ้างแล้ว รำคาญจนอยากจะเอาปีนไปเป่าหัวให้ดับซะเดี๋ยวนี้แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะยอมลุกออกไป ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อนออกมาช้าๆ เปลี่ยนจากที่จะหยิบปืนเป็นหยิบหูฟังขึ้นมาสวมแทน
นิ้วยาวกดปุ่มเปิดเสียงดังๆก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย หายใจเข้าออกช้าๆ ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องเกรงใจมันด้วยทั้งๆที่เขาเองก็เป็นเจ้าของบ้านแท้ๆ
…
ปิ๊น!!!
“จงอินครับ ไฟเขียวแล้ว”
เสียงบีบแตรไล่ดังมาจากรถหลายคันด้านหลัง กระทั่งเซฮุนต้องเอื้อมมือไปสะกิด ชายหนุ่มสะดุ้งหลุดจากภวังค์ก่อนจะรีบเข้าเกียร์แล้วออกรถไปอย่างลนๆ พักนี้จงอินดูเหม่อลอยแปลกๆ สายตาอบอุ่นนั้นมักจะถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าอยู่บ่อยครั้งจนเซฮุนชักจะเป็นห่วง
ทั้งรถมีแต่ความเงียบ ตลอดทางจนกลับมาถึงบ้าน มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเบาๆชวนให้รู้สึกอึดอัด เซฮุนเป็นคนลงไปเปิดประตูรั้วให้จงอินขับรถเข้าไปจอดข้างใน มันมืดไปหมดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลย เขาเองก็ไม่ได้เปิดไฟที่รั้วทิ้งไว้เสียด้วยสิ
“ผมเก็บเองครับ! เดี๋ยวผมเก็บเอง”
ได้ยินเหมือนเสียงโครมครามอะไรบางอย่างดังอยู่ตรงที่จอดรถ เซฮุนรีบวิ่งไปเปิดไฟก่อนจะเดินกลับไปหาจงอิน ในขณะที่จงอินเองก็เปิดประตูรถลงมาดูความเสียหาย กองข้าวของที่วางกองไว้รอเอาไปทิ้งหล่นลงมาระเนระนาดไปหมด
เสียงปิดประตูรถเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน จงอินปิดประตูไม่สนิทด้วยซ้ำ ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบเดินหิ้วแจ็คเก็ตพาดบ่าเข้าไปในบ้าน เซฮุนก็เลยต้องมาปิดประตูรถอีกรอบก่อนจะเดินตามอีกคนไปไขกุญแจให้ จงอินได้แต่ยืนก้มหน้ารออยู่หน้าประตู
มีแต่เสียงกรุ๊งกริ๊งของกุญแจท่ามกลางความเงียบ ถึงแม้ว่าจงอินจะไม่ใช่คนที่พูดเยอะเท่าไหร่แต่เซฮุนก็พอจะจับสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายต้องมีเรื่องไม่สบายใจอยู่แน่ๆ จากที่พูดน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยเข้าไปอีก ฝ่ามือกว้างกำลังจะเอื้อมไปเปิดประตู หากแต่เสียงแหบห้าวของคนข้างๆรั้งเขาไว้
“จงอินครับ”
“หืม”
ฝ่ามือขาวคว้าข้อมือแกร่งไว้ก่อนจะจับให้อีกคนหันมา จงอินเพียงขานตอบในลำคอสั้นๆ สีหน้าของเขากำลังแสดงถึงความกังวลและเคร่งเครียดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย ..”
ปลายนิ้วยาวเกลี่ยปอยผมออกจากขมับให้อีกฝ่ายเบาๆ ลูบไปตามสันกรามนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยหวังว่าจะช่วยลดความกังวลให้จงอินได้บ้าง ม่านใสจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมนั้นด้วยความเป็นห่วงจับใจ
“ผมไม่ขอให้คุณอดทน ผมไม่ขอให้คุณเข้มแข็ง .. ถ้ามันเหนื่อยจนเกินไปแล้ว งั้นก็แบ่งมันมาให้ผมบ้างก็ได้นะครับ”
จบประโยคนั้น เด็กหนุ่มก็เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบหน้าผากของอีกฝ่ายแผ่วเบา ริมฝีปากอบอุ่นกำลังช่วยคลายปมที่หัวคิ้วของจงอินอย่างช้าๆ ตำรวจหนุ่มค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ ส่ายหัวเบาๆให้กับความน่ารักของคนตรงหน้า ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงได้รักเซฮุนมากขนาดนี้
จงอินยังทำงานหนักเหมือนทุกวัน หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วชายหนุ่มก็เอาแต่เดินวนเวียนอยู่ที่โต๊ะทำงานไม่ยอมไปไหน เอกสารสำคัญวางระเกะระกะมั่วไปหมดอยู่บนโต๊ะ และนั่นก็รวมถึง ‘แฟ้มประวัติอาชญากรรมของปาร์คชานยอล’ ด้วย
เซฮุนยังไม่รู้ว่านี่คือคดีใหญ่ที่เขากำลังทำในตอนนี้ และถ้ารู้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง คิมจงอินเป็นผู้รับผิดชอบในคดีนี้คนเดียวทั้งหมด ความผิดพลาดในครั้งนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในการควบคุมตัวปาร์คชานยอลไปที่ศาล แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความผิดของเขาด้วย ตอนนี้พวกผู้ใหญ่กำลังจับตามองเขาอยู่ คดีแทบไม่คืบหน้าทั้งๆที่เวลาก็ผ่านพ้นมาหลายปี ปาร์คชานยอลกำลังกระตุกหนวดเสือ หายใจรดต้นคอสภาตำรวจแห่งเกาหลีใต้ ทั้งๆที่หลักฐานมีมากมายขนาดนี้แต่กลับหาตัวจับไม่เจอ
ตีสองแล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้านอกจากเอกสารที่ค้นมาเละเทะไปหมด เป็นรอบที่ร้อยของวันที่จงอินต้องถอนหายใจออกมาอย่างไร้ความหวัง ชายหนุ่มทิ้งงานทั้งหมดไว้ข้างล่างแล้วขึ้นไปบนห้อง บางทีเขาควรจะพักผ่อนเสียบ้าง
เปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กน้อยของเขานอนหลับไปแล้ว เซฮุนเว้นที่ว่างฝั่งซ้ายบนเตียงไว้ให้เขาเสมอ จงอินสอดตัวเข้าไปใต้ผ้านวมผืนหนาก่อนจะก้มลงจูบแก้มใสนั้นเบาๆและบอกฝันดีอย่างเคย เอนตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า ปวดร้าวที่กระดูกสันหลังและต้นคอไปหมด ถ้าเซฮุนยังไม่หลับ บางทีเขาอาจจะรบกวนคนน่ารักให้นวดไหล่ให้ซักหน่อย
“…”
ได้ยินเสียงกุกกักในยามดึก เหมือนว่ามีอะไรสักอย่างอยู่ที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เซฮุนลืมตาตื่นพร้อมกับเงี่ยหูฟังด้วยความสงสัย สะกิดจงอินเบาๆอยู่หลายครั้งว่าคนขี้เซาจะยอมตื่น
“จงอินครับ..”
“อือ”
นึกว่าจะตื่นมาฟังที่เขาพูด ร่างหนากลับพลิกตัวหันมานอนตะแคงกอดเขาไว้ ใบหน้าหล่อคมนั้นกำลังซุกอยู่บนไหล่ เซฮุนได้แต่นอนฟังอยู่นิ่งๆด้วยความกังวล ถ้าหูเขาไม่ได้ฝาด เซฮุนมั่นใจว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างล่างแน่ๆ
“จงอินครับ .. มีเสียงดังข้างล่าง”
“ชู่ว .. เซฮุนนา ดึกแล้วนะ”
เขย่าไหล่ออกคนเบาๆให้ลุกขึ้นมาฟังด้วย แต่อีกคนกลับตอบกลับมาด้วยเสียงยานคาง คนขี้สงสัยอย่างเซฮุนก็เลยต้องลุกขึ้นไปดูด้วยตัวเอง เด็กหนุ่มหยิบปืนของจงอินที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงขึ้นมาถือ ทั้งๆที่เขาเองก็ใช้มันไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ แต่มันก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจยิ่งขึ้น
ประตูห้องถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมกับกระบอกปืนที่ส่องนำออกไปด้านหน้าทั้งๆที่ยังไม่ได้ขึ้นนกเสียด้วยซ้ำ แต่แล้วเสียงไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดที่เซฮุนไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดนั้นก็หยุดเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งไว้ ฉับพลันได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งไปอีกฟากของผนัง เสียงกระจกแตกดังเพล้ง ดังลั่นจนจงอินที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่น
เพล้ง!!
ไฟห้องนอนถูกเปิดสว่างทันทีที่จงอินลุกจากเตียง เห็นคนน่ารักของเขากำลังยืนถือปืนอยู่หน้าประตูก็รีบวิ่งมาหา ฝ่ามือกว้างฉวยเอาสิ่งของอันตรายออกจากมือของคนรักก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง เปิดไฟสว่างโร่ไปทั้งบ้านจนเซฮุนต้องหยีตาลงด้วยความแสบ
รีบเดินตามอีกคนลงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เห็นเงาของจงอินเดินไปเดินมาอยู่ที่มุมหนึ่ง เสียงพรึ่บพั่บของกระดาษและข้าวของที่ถูกรื้อไปมาทำให้เซฮุนยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก ใบหน้าขาวค่อยๆชะโงกเข้าไปตรงมุมโต๊ะทำงานของจงอินช้าๆ เศษกระจกแตกละเอียดกระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้อง แถมข้าวของอื่นๆก็ถูกรื้อค้นจนสภาพดูไม่จืด ดูท่าอีกฝ่ายจะกำลังหัวเสียไม่น้อยเลยทีเดียว ชายหนุ่มรื้อลิ้นชักออกมาโยนลงที่พื้นเสียงดังลั่นจนเซฮุนสะดุ้ง ค้นคุ้ยทุกอย่างจนเละเทะไปหมดราวกับคนบ้า
เซฮุนไม่รู้ว่าเขาควรจะถามออกไปดีหรือเปล่า แต่เขาไม่เคยเห็นจงอินหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อนเลย ร่างขาวค่อยๆเดินเข้าไปหาอีกคนช้าๆ หวังว่าตนจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายที่กำลังยุ่งง่วนอยู่กับกองเอกสารเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างฉับพลัน สีหน้าตกใจของจงอินที่มองมากำลังทำให้เขากลัว
“อะ .. อะไรหรอครับ?”
“แฟ้ม ..ของปาร์คชานยอลหายไป”
to be continue
โฮร ไม่มีเวลามาอัพเลย T_T งานเยอะมากๆๆๆๆๆๆ
เรื่องนี้ต่างกับฟิคเฮ้ปะป๊าแบบคนละขั้วเลย
ซึ่งเราไม่เคยแต่งแนวนี้เลยนอกจาก #greyคชฮ ท้าทายเบ้ามาก
ยังไงก็ฝากฟิคเรื่องนี้ไว้ในอ้อมนมของทุกคนด้วยนะคะ ไม่ทิ้งแน่นอน
เจอกันได้ที่แฮชแท็ก #greyชบ นะคับแคม
ขอบคุณทุกๆแท็ก ทุกๆคอมเม้น ทุกๆวิวที่เป็นกำลังใจให้เราตลอดมาเลยนะ
สำหรับวันนี้พี่ลาไปก่อน ม้าทีหลัง see you yesterday เจอปืนควัฟ
ความคิดเห็น