ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO ϟ grey {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #5 : chapter 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 657
      7
      6 พ.ค. 58

    grey

    Chapter 3

     

     

    นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามรอยสลักของแหวนเงินอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่โอเซฮุนได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้ เด็กหนุ่มก้มลงมองภาษาอาหรับยึกยือบนผิวเงินเกลี้ยง พลิกดูไปมาทั้งๆที่เขาเองก็ไม่รู้ความหมายของมัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะรู้สึกดีใจรึเปล่าที่แฟ้มข้อมูลของชานยอลหายไป บางทีตำรวจอาจจะหาตัวผู้ชายคนนั้นได้ยากขึ้น

     

    “เป็นพี่รึเปล่า..

     

    ก้มลงพูดกับแหวนเล็กๆในมือซึ่งเป็นความทรงจำที่เหลือเพียงอย่างเดียวที่ปาร์คชานยอลทิ้งไว้ให้เขา เซฮุนเกือบจะคิดอยู่หลายครั้งว่าทุกอย่างที่ผ่านมามันเป็นแค่ความฝัน หากแต่แหวนวงนี้ยังคงย้ำเตือนเรื่องราวต่างๆที่เคยเกิดขึ้น ย้ำเตือนบอกเขาว่าครั้งหนึ่งผู้ชายที่ชื่อปาร์คชานยอลเคยมีตัวตนอยู่

     

    เซฮุนหวังว่าคนที่เข้ามาในบ้านของเขาเมื่อคืนจะเป็นผู้ชายคนนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยากเสียเหลือเกิน ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกเลยว่าผู้ชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เขาเหลือแต่ศรัทธาเท่านั้น เด็กหนุ่มเชื่อเสมอว่าปาร์คชานยอลจะต้องเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน

     

    เพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าเรื่องที่ทำให้จงอินเครียดมาตลอดคือคดีของปาร์คชานยอล เซฮุนรู้ดีว่าจงอินไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเขา และถ้าเขาเป็นจงอิน เขาเองก็คงจะไม่บอกเรื่องนี้ให้อีกคนคิดมากแน่นอน เซฮุนเอาแต่คิดเรื่องนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวขณะที่กำลังเก็บกวาดออฟฟิศชั้นล่างให้เรียบร้อย เผลอเหยียบเศษแก้วเล็กๆจนได้เลือด เซฮุนไม่ชอบอาการเหม่อลอยของตัวเองแบบนี้เลย

     

    หลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวกับปาร์คชานยอลถูกขโมยไปเมื่อคืน และข้อมูลในคอมก็ถูกล้างทิ้งด้วยทั้งหมด ตอนนี้จงอินกำลังไปที่สำนักงานเผื่อจะได้อะไรคืบหน้ามาบ้าง มีข้อมูลอีกชุดอยู่ในห้องทำงาน เซฮุนนั่งมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซฮุนไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการจะได้ยินจากจงอินคือข้อมูลนั้นยังอยู่ดี หรือถ้าข้อมูลนั้นหายไปแล้ว เขาเองจะดีใจรึเปล่า

     

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปาร์คชานยอลหรือคิมจงอินก็ทุกข์ทั้งนั้น โอเซฮุนเป็นห่วงทั้งคู่ เพียงแต่เรื่องของจงอินมันน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับผู้ชายใจร้ายคนนั้น ถ้าเกิดจงอินล้มเหลว บางทีคนรักของเขาอาจจะไม่ต้องเครียดเหมือนทุกวันนี้ แต่ถ้าปาร์คชานยอลล้มเหลว .. นั่นหมายถึงชีวิตของผู้ชายคนนั้นอาจจะต้องจบ

     

     

    ไม่รู้ว่าเขาควรไปที่สำนักงานไหม แต่รู้ตัวอีกที เซฮุนก็ขับรถมาจอดที่ใต้ตึกที่ทำงานของจงอินแล้ว เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างใน แอร์เย็นๆและกลิ่นเมนทัลผสมตะกั่วชวนให้รู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก หลายคนกำลังจับจ้องมาที่เขา แต่เซฮุนไม่ได้นึกถึงอะไรอย่างอื่นนอกจากจงอิน บางทีตอนนี้คนรักของเขาอาจจะกำลังต้องการใครซักคนเพื่อปลอบโยน

     

    ก๊อกๆ

     

    เคาะประตูกระจกบานขุ่นเป็นการขออนุญาต ก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทั้งๆที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ขานรับ แต่แล้วเซฮุนก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นสภาพภายในห้องที่เละเทะไปหมด จงอินกำลังยืนเท้าเอวมองกองข้าวของเหล่านั้นนิ่งๆ ให้เดาว่าข้อมูลทุกอย่างที่นี่ก็หายไปด้วยถึงได้เป็นแบบนี้ ทุกอย่างมันกดดันแล้วก็น่าอึดอัดไปหมดเลย

     

    “จงอินครับ ..

     

    แค่เอ่ยเรียกเบาๆ เซฮุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาควรจะให้เวลาจงอินได้อยู่คนเดียวหรือควรจะเข้าไปปลอบ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆ กระทั่งหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแผ่นหลังกว้าง จงอินเอาแต่ก้มหน้าลงมองเท้าตัวเอง เดาไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร หรือทำหน้าแบบไหนอยู่ แต่เซฮุนคิดว่ามันจะต้องเป็นมวลอารมณ์ที่แย่มากแน่ๆ

     

    สองแขนกอดร่างสูงไว้เพื่อปลอบโยน โอบกระชับย้ำเตือนให้อีกฝ่ายรับรู้ว่ายังมีเขาที่อยู่เคียงข้าง เพิ่งรู้ว่าท่อนแขนที่ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดนั้นกำลังสั่นเกร็งแค่ไหน ใบหน้าขาวซบลงบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อพร้อมกับเอ่ยปลอบประโลมอย่างแผ่วเบา เซฮุนอยากได้จงอินคนอบอุ่นคนเดิมของเขาคืนกลับมาไวๆ

     

     

     

     

    แสงแดดอ่อนๆกระทบกับเปลือกตาบาง แบคฮยอนลืมตาขึ้นช้าๆ ขยับตัวไปมาด้วยความไม่สบายตัว เด็กหนุ่มเพิ่งค้นพบว่าตัวเองกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงขอบเตียงอยู่ตลอดทั้งคืน ใบหน้าจิ้มลิ้มเหยเกเล็กน้อยด้วยความรู้สึกปวดร้าวบริเวณหลังและก้นกบ เสียงร้องโครกครากของกระเพาะกำลังทรมานเขา

     

    ประตูไม้บานใหญ่เปิดออกช้าๆ พร้อมกับใบหน้าน่ารักที่โผล่พ้นประตูออกมา ตากลมกระพริบปริบ มองกวาดไปรอบๆบ้านก่อนจะตัดสินใจเดินย่องออกไปเมื่อไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น แบคฮยอนกำลังหิว และเขาหวังว่าบ้านหลังนี้จะมีอะไรให้เค้ากินบรรเทาความปวดแสบของกระเพาะได้บ้าง

     

    ห้องครัวอยู่ห่างไปไม่ไกล แบคฮยอนได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งกำลังพูดเป็นภาษาอะไรสักอย่างที่เขาเองก็แปลไม่ออกดังแว่วมาจากข้างบน คนตัวเล็กจึงเงยหน้าขึ้นมองไปตามต้นเสียงด้วยความสงสัย เห็นมิสเตอร์ชาร์ล ผู้ชายร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลากำลังยืนล้วงกระเป๋าคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่บนทางเดินชั้นสอง นั่นยิ่งทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก ขอแค่คุกกี้หรือขนมปังสักชิ้น แบคฮยอนก็ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

     

    มีตู้เย็นขนาดสูงท่วมหัวตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งในห้องครัวอันแสนจะหรูหรา แสงสีส้มส่องกระทบใบหน้าเมื่อมือเล็กๆเอื้อมไปเปิดมันอย่างมีความหวัง ไม่มีอาหารกระป๋องหรือแม้กระทั่งขนมปัง มีแต่ขวดเบียร์ เหล้าและน้ำเปล่าเรียงรายอยู่เป็นระเบียบ แบคฮยอนเกือบจะถอดใจอยู่แล้วเชียวถ้าไม่เห็นช็อกโกแลตบาร์ที่แกะห่อแล้ววางอยู่ริมสุดของตู้ ไม่รอช้า คนตัวเล็กจึงลงมือสวาปามมันในทันทีด้วยความหิวโหย

     

    “ไม่เคยมีใครสอนหรือไงว่าไม่ควรมารื้อตู้เย็นคนอื่น”

     

    แต่แล้วจู่ๆเสียงทุ้มห้าวของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างหลังจนร่างเล็กๆสะดุ้งโหยง แบคฮยอนหันกลับไปหาต้นเสียงด้วยใบหน้าตื่นตระหนก สองแก้มกลมๆเลอะเทอะไปด้วยคราบช็อกโกแลต ได้ยินเสียงกลืนอาหารลงคอดังเอื๊อก แถมยังแอบดูดนิ้วโป้งตัวเองอีกที แบคฮยอนได้แต่หวังว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนใจดีมากพอที่จะให้อาหารแก่เขา

     

    “คือผม ..

     

    ยังไม่ทันจะพูดคำว่าหิวเลยเสียด้วยซ้ำ ท้องเจ้ากรรมมันก็ร้องโครกครากออกมาแทนคำตอบ ปาร์คชานยอลที่ยืนกอดอกพิงเคาท์เตอร์อยู่เพียงแค่ปรายตามองเขาเล็กน้อย สายตาคมเลื่อนปรับโฟกัสไปที่ท้องแบนราบนั้นเพียงครู่ ก่อนจะตะโกนลั่นบ้านจนเด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัวอีกรอบ

     

    “แซลลี่!!!!!!!!!!

     

    ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นด้านบน ตะโกนเพียงครั้งเดียวแล้วรอเสียงขานรับ แต่ผ่านไปนานกว่าห้านาทีแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แบคฮยอนได้แต่ยืนเกร็ง เกาะประตูตู้เย็นแน่นด้วยความกลัว ถ้าให้เขาเดาล่ะก็ แซลลี่อาจจะเป็นชื่อคน หรือไม่ก็ชื่อเมนูอาหารแน่ๆ

     

    ไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไรผู้ชายคนนั้นถึงต้องมองหน้าเขาด้วยสายตาดุดันพร้อมกับจิ๊ปากด้วยความขัดใจ แบคฮยอนรู้สึกเกร็งมากขึ้นไปอีกเมื่อคนตัวสูงเอาแต่ยืนกอดอกมองเขานิ่งๆโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ม่านกลมกลอกไปมาด้วยความกังวลใจ หรือบางทีเขาควรจะคายช็อกโกแลตนั้นคืนใส่ตู้เย็นแล้ววิ่งแจ้นออกไปจากบ้านหลังนี้กันนะ ?

     

    จำไม่ได้แล้วว่าคนอย่างปาร์คชานยอลต้องมาถอนหายใจให้กับเรื่องของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาล่ะอยากเอาปืนยิงหัวไอ้เด็กนั่นให้ตายซะจะได้ไม่ต้องหิวแล้วมาเดือดร้อนเขา ลืมไปเลยว่าแซลลี่ แม่บ้านทำงานให้เขายังไม่กลับมาจากลาพักร้อน ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปที่ตู้เย็นแม้จะรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง ในขณะเดียวกัน แบคฮยอนก็ยืนเกร็งตัวแข็งทื่อ หลับตาปี๋ด้วยกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะเข้ามาทำร้ายเขา

     

    “เอ้า หลบสิวะ!

     

    ร่างเล็กๆกำลังสั่นด้วยความกลัว นั่นยิ่งทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ฝ่ามือกว้างผลักหัวคนตัวเล็กกว่าให้เขยิบออกไปพ้นตู้เย็นเพื่อที่เขาจะได้เข้าไปหยิบอะไรได้ถนัด หัวกลมๆเซไปด้านข้างจนเกือบล้ม แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรผิด

     

    “นั่งเฉยๆ!

     

    “คะ .. ครับๆ”

     

    เจ้าของนิ้วเรียวยาวหันมาชี้สั่งพร้อมกับเสียงทุ้มห้าวที่ตะคอกดังจนแบคฮยอนสะดุ้ง เด็กหนุ่มได้แต่ก้มหน้าก้มตารีบไปนั่งที่โต๊ะอาหารตามคำสั่ง มองอีกฝ่ายกำลังก้มหยิบไข่สองสามใบและวัตถุดิบอื่นๆในตู้เย็นด้วยความสงสัย อยากรู้จริงๆว่าผู้ชายคนนี้โตมาในสังคมแบบไหนกันนะ

     

    เสียงกระเพาะน้อยๆร้องโครกครากไม่มีหยุด แบคฮยอนพยายามแล้ว ฝ่ามือขาวๆได้แต่ลูบท้องตัวเองป้อยๆพร้อมกับเอ่ยปลอบเบาๆให้ใจเย็นๆ ปาร์คชานยอลได้แต่ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดให้กับเสียงงุ้งงิ้งปัญญาอ่อนนั้น รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นขี้ข้าอยู่กลายๆ ไม่รู้ทำไมเขาต้องมาลงมือทำอาหารให้ไอ้เด็กนี่ด้วย

     

    “โอ๋ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องร้องนะคุณท้องตัวน้อย”  

     

    เสียงกระทะกับตะหลิวกระแทกคร้งเคร้งอยู่ข้างหลัง แบคฮยอนพยายามจะปลอบกระเพาะน้อยๆในท้องทั้งๆที่ตัวเองก็รู้สึกกลัวผู้ชายคนนี้เหลือเกิน แต่เพราะความหิวเท่านั้นที่ทำให้แบคฮยอนยังทนนั่งอยู่ ไม่รู้ว่าไปหงุดหงิดมาจากไหน เกิดคนขี้โมโหนึกคึกเขวี้ยงตะหลิวแหวกอากาศมาทางนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะหลบทันรึเปล่า

     

    ปึง!

     

    ห้านาทีต่อมา ชามกระเบื้องก็ถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเด็กหนุ่มสะดุ้ง แบคฮยอนไม่รอช้ารีบจัดการอาหารตรงหน้าในทันที ข้าวฟูๆนุ่มๆล้นถ้วย กลิ่นหอมๆของไข่กับเนยกำลังทำให้แบคฮยอนตาพร่ามัวไปหมด ท่าทางตะกละมูมมามเหล่านั้นของเขาเรียกเสียงแค่นหัวเราะจากชายหนุ่ม ไอ้เด็กนั่นควรจะรีบกินแล้วรีบออกไปจากบ้านเขาเดี๋ยวนี้ ท่าทางเงอะงะน่ารำคาญเหมือนเด็กๆนั่นกำลังทำให้เขาเกลียดตัวเองที่เผลอไปนึกถึงใครอีกคน ไม่ว่าไอ้เด็กนั่นจะทำอะไรเขาก็นึกถึงเซฮุนไปซะหมด มันน่าหงุดหงิดจริงๆ

     

    hello !

     

    ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร จู่ๆประตูบ้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกับหนุ่มผมบลอนคนเดียวกับที่แบคฮยอนเจอเมื่อวาน เสียงทุ้มห้าวตะโกนทักทายอย่างร่าเริงมาแต่ไกล แผ่นหลังกว้างที่สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตกำลังดันประตูเข้ามาพร้อมกับลังไม้ใบใหญ่แบกมาตั้งไว้กลางบ้าน ชายหนุ่มถึงกับยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่า ของเล่นใหม่ของปาร์คชานยอลยังอยู่ที่บ้าน

     

    “ไงของเล่น นึกว่านายตายไปแล้วซะอีก”

     

    เป็นคำทักทายที่ดูกวนประสาท หากแต่แฝงไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คริสเดินล้วงกระเป๋าตรงปรี่เข้ามาหาพร้อมกับยีหัวกลมๆนั่นแรงๆด้วยความมันเขี้ยว แม้จะสงสัยอยู่ไม่น้อยที่ของเล่นชิ้นนี่ได้มีโอกาสมานั่งกินข้าวหน้าตาเฉยอยู่ในครัวร่วมกับเจ้านาย บางทีปาร์คชานยอลอาจจะกำลังอารมณ์ดีอยู่ก็ได้

     

    “วันนี้ได้ของมาเท่านี้ โบร๊คเวย์กับฟิวส์ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ส่วนสายที่ฮ่องกงวันนี้จับได้อีกหนึ่ง ฝีมือแบล็กล่ะชาร์ลส์”

     

    “เคลียร์เรื่องแบล็กให้เรียบร้อย ส่วนของที่ได้มึงจะเอาไปไหนก็ไป อย่าเอามาไว้ที่บ้านกู”

     

    แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าผู้ชายสองคนนี้กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ แต่หนึ่งในนั้นมีคำที่เขารู้สึกคุ้นๆชอบกลเหมือนเคยได้ยินที่ไหน ใบหน้าจิ้มลิ้มได้แต่ก้มงุด ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกกลัวฝ่ามือหยาบกร้านของคริสที่กำลังลูบหัวเขาอยู่เหลือเกิน

     

    “แล้วอันนี้ล่ะชาร์ลส์ ผมเอาไปได้รึเปล่า?”

     

    “มึงอยากจะเอาก็เอาไป”

     

    แบคฮยอนกำลังกลัว เมื่อจู่ๆคริสก็เข้ามากอดคอเขาจากข้างหลัง ริมฝีปากชื้นกดจูบเข้าที่ข้างใบหูพร้อมกับกระซิบเบาๆเล่นเอาขนอ่อนลุกชั้นไปทั้งร่าง ปาร์คชานยอลไม่ได้แยแสว่าแบคฮยอนจะอยู่หรือไม่ เด็กคนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขา หรือถึงจะมี ชานยอลก็เลือกที่จะปล่อยไป ไม่ว่าจะด้วยความสงสารหรืออะไรก็แล้วแต่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายๆอย่างในตัวของเด็กนั่นทำให้เขานึกถึงเซฮุน ต้องขอบคุณเซฮุนแล้วที่ช่วยให้ชีวิตของไอ้เด็กนั่นปลอดภัยมากกว่าที่จะอยู่กับเขา

     

    “ได้ยินไหมของเล่น เขาให้นายกับฉันแล้ว เราจะได้สนุกกันมากกว่านี้อีกนะ”

     

    ปาร์คชานยอลเดินออกไปจากห้องครัวแล้ว เหลือแต่เขากับคริสที่ยังอยู่ แบคฮยอนไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาสัมผัสได้ลางๆว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกอยากอยู่ที่นี่มากกว่าไปกับผู้ชายอารมณ์ดีคนนั้น คริสผละออกไปแล้ว ชายหนุ่มกำลังพร้อมกับขนของออกไปข้างนอกกำลังร้องเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้แบคฮยอนได้แต่นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น

     

    “เร็วสิตัวเล็ก เวลาเรามีไม่มากนะ”

     

    แต่แล้วเสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มผมบลอนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ดึงให้เขาหลุดจากภวังค์ ฝ่ามือกว้างยกขึ้นป้องปากพร้อมกับโบกเรียกเขา แบคฮยอนเดินไปหาอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก จนคริสต้องเดินมาคว้าแขนเขาให้เดินออกไปด้วยกัน

     

    แสงแดดข้างนอกให้ความรู้สึกสดชื่นมากกว่าการหลับคุดคู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม แบคฮยอนอยากถามว่าคริสกำลังจะพาเขาไปที่ไหน แต่อีกฝ่ายก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูด ฝ่ามือหนาหยิบหมวกกันน็อคแบบเต็มหัวมาสวมให้อย่างรวดเร็ว จับเอวคอดๆนั่นยกให้ขึ้นไปนั่งซ้อนอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ตัวถังคันใหญ่ก่อนจะวาดขาขึ้นมานั่งคร่อมอยู่ข้างหลัง ท่อนแขนแกร่งทั้งสองข้างโอบล้อมร่างเล็กๆนั่นจนจมมิดอกเลย

     

    กึกๆ ..ครืด

     

    เสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มจนแบคฮยอนตกใจ คริสเบิ้ลเครื่องซ้ำๆหลายๆทีเรียกให้ใจดวงน้อยเต้นระส่ำด้วยความตื่นเต้น ม่านกลมมองผ่านกระจกสีชาของหมวกกันน็อคออกไปที่ประตูรั้วที่ถูกเปิดอยู่เบื้องหน้า ก่อนคนด้านหลังจะโน้มตัวลงมาจนแผ่นอกกว้างแนบชิดติดกับแผ่นหลังของเขา เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหูเบาๆ เล่นเอาคนตัวเล็กถึงกับใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

     

    “เกาะแน่นๆนะเบบี้”

     

    บรื๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

     

    “วู้วฮู่ว! ฮ่าๆ”

     

    รถกระชากตัวออกไปอย่างเร็วจนลมตีร่างไปหมด แบคฮยอนสาบานได้ว่าได้ยินเสียงหัวเราะสะใจดังอยู่ข้างหลัง เข็มบอกอัตราความเร็วที่หน้าปัดกำลังพุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆและไม่มีท่าทีว่าจะหยุด แบคฮยอนได้แต่สวดภาวนา สองมือเกาะแฮนด์มอเตอร์ไซค์แน่นด้วยความกลัวจับใจ ภาพข้างหน้ามันเร็วไปหมด .. ถ้าเกิดพลาดล้มไปล่ะก็ เขาต้องตายแน่ๆเลย

      

     

    “ไงคริส”

     

    กำปั้นใหญ่ยื่นไปชนกับผู้ที่ลุกขึ้นต้อนรับพร้อมกับเลิกคิ้วน้อยๆเป็นการทักทาย พวกเขาคุยอะไรสักอย่างที่แบคฮยอนเองก็ฟังไม่ออก ร่างเล็กๆได้แต่ยืนเกร็ง กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่น ไม่ยักรู้ว่ามีสถานที่อโคจรอยู่ในที่แบบนี้ด้วย ทั้งๆที่เป็นตอนกลางวันแสกๆแท้ๆ เสียงเพลงบีทหนักดังกระหึ่ม มีชาวอเมริกันผิวดำคนหนึ่งกำลังถือไมค์บ่นอะไรสักอย่างอยู่บนแท่นเล็กๆคล้ายเวที ม่านกลมปิดแน่นจนตาหยีเมื่อจู่ๆท่อนแขนแกร่งของคริสก็วาดเข้ามาโอบไหล่เขา

     

    คริสคงจะกำลังแนะนำเขาให้คนตรงหน้าฟังอยู่ แบคฮยอนไม่แน่ใจว่าในฐานะอะไร และถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะดูอารมณ์ดีไม่มีพิษมีภัย แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้ๆ รู้สึกหวาดระแวงทุกครั้งที่ผู้ชายคนนี้ขยับตัว กลัวว่าจะมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น ไม่รู้ทำไมเขาถึงกลัวรอยยิ้มร่าเริงบนใบหน้าหล่อๆนั่นเหลือเกิน

     

    แก้วเครื่องดื่มสองแก้วถูกยื่นมาให้ทั้งคริสและแบคฮยอน แต่คนตัวเล็กไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ ก้าน นิ้วยาวก็เลยต้องหนีบแก้วอีกใบมายื่นให้เขา ใบหน้าหล่อคมพยักหน้าน้อยๆเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ยกยิ้มเล็กๆดูอบอุ่นให้เขา แบคฮยอนก็เลยจำต้องรับมันมาอย่างกล้าๆกลัวๆ

     

    คริสทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงติดกับบาร์เครื่องดื่ม หันไปคุยกับบาร์เทนเดอร์คนสนิทอย่างออกรส ฝ่ามือสองข้างวาดไปมาในอากาศพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา เขามักจะสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนเสมอ ในขณะที่แบคฮยอนยังคงยืนเกร็งอยู่อย่างนั้น ม่านกลมหลุบลงมองแก้วบรรจุของเหลวสีขาวใสในมือ กลิ่นฉุนกึกของมันกำลังทำให้เขาเวียนหัว ไม่รู้ว่าถ้ากินเข้าไปแล้วมันจะช่วยให้เขาดีขึ้นรึเปล่า

     

    ทุกคนชอบดื่มเหล้า แบคฮยอนไม่รู้ว่าเหตุผลของพวกเขาคืออะไร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ลิ้มลองเครื่องดื่มวิเศษที่ใครๆก็ต่างโหยหากันนักหนา ขอบแก้วทรงสวยจรดริมฝีปากบาง เผยอปากรับของเหลวเย็นๆนั้นกลืนลงลำคอ ความอุ่นร้อนแผ่ซ่านไปทั่วริมฝีปากจนคนตัวเล็กต้องเบ้หน้า กลิ่นแอลกอฮอล์ดีกรีแรงจัดกำลังจะทำให้เขาหายใจไม่ออก

     

    “แค่กๆ! อึก..

     

    เพล้ง!

     

    ร่างเล็กๆเซไปด้านข้าง ล้มพับใส่แผ่นหลังกว้างที่กำลังคุยโวอยู่กับคนในบาร์อย่างสนุกสนาน อยู่ดีๆมันก็หมดแรงเอาซะดื้อๆ แก้วใบใสหลุดร่วงจากมือลงสู่พื้น แตกกระจายเป็นวงกว้างเรียกความสนใจจากคนในร้านให้หันมามองกันเป็นตาเดียว ดวงตาปรือปรอยจนแทบจะปิด มันแสบ ..มันร้อน ร้อนไปหมดเลย

     

     

    “สวัสดีตอนเย็นเบบี้ วันนี้เป็นเด็กดีรึเปล่า”

     

    ร่างสูงโปร่งของคริสเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแบกร่างของเล่นใหม่ที่เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆพาดไว้บนบ่า เสียงทุ้มห้าวตะโกนลั่นห้องชุดขนาดใหญ่ ทักทายอีกคนที่อยู่ที่ไหนซักที่ในคอนโดแห่งนี้ ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมานอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว คนๆนั้นไม่เคยพูดอะไรกับเขาเกินวันละสามประโยค แต่ก็ใช่ว่าคริสจะสนใจ อันที่จริงเขากะจะแวะไปเตรดเตร่นิดหน่อยก่อนจะกลับมาที่ห้อง ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เด็กน้อยของเขาคงไม่เคยกับอะไรพวกนี้ วันหลังคงจะต้องระวังซักหน่อยแล้ว

     

    ตุบ!

     

    โยนร่างเล็กๆที่ไร้สติลงบนเตียงกว้าง แทบจะเรียกได้ว่าทุ่ม กว่าจะแบกอีกคนขึ้นมาถึงห้องก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แถมเขาเองก็ไม่ได้ขับรถ ต้องพยุงให้แบคฮยอนนอนฟุบไปกับตัวถังมอเตอร์ไซค์ ทุกอย่างมันทุลักทุเลจนเขาเองก็เริ่มจะหงุดหงิด

     

    hey cutie นายทำให้ฉันเหนื่อย เพราะฉะนั้นต้องตอบแทนกันให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย ok?”

     

    ใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังหลับพริ้มนั่นชวนให้ก้มลงไปฟัดเสียให้หนำใจ ร่างขาวๆนอนแผ่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ริมฝีปากสีเชอร์รี่นั่นกำลังอ้าออกพร้อมกับน้ำลายที่ไหลออกมาจากมุมปาก ดูยังไงก็ไม่ต่างจากเด็กแปดขวบเลยซักนิด ก้านนิ้วยาวเกลี่ยคางมนนั่นเบาๆ หยิกแก้มกลมๆด้วยความมันเขี้ยว แบคฮยอนทั้งขาว ทั้งหอม น่ากอด น่าฟัดจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว

     

    shit!

     

    ปลายจมูกโด่งคมกำลังจะโน้มลงไปแตะแก้มใสอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ติดว่ามีสายเข้าซะก่อน คริสจิ๊ปากอย่างหัวเสีย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายจากปาร์คชานยอลเจ้านายของเขา แม้จะไม่โชว์เบอร์แต่เขาก็รู้ดี นิ้วเรียวเลื่อนกดรับสายก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

     

    คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก็วางสาย ปาร์คชานยอลไม่ใช่คนที่จะชอบพูดอะไรซ้ำซาก ไม่มีเวลาเข้างาน ไม่มีเวลาเลิกงาน เขาต้องทำตามที่ผู้เป็นนายสั่งอย่างไม่มีข้อแม้ แลกกับเงินจำนวนมหาศาลที่แม้แต่ครอบครัวของเขาก็ไม่มีวันใช้หมด แต่ใครจะสนล่ะ สวะพวกนั้นสมควรอยู่อย่างทุกข์ทรมาน พวกมันต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้กับเขา ใครเลยจะรู้ว่าคนร่าเริงอย่างคริสจะเกลียดพ่อแม่และพี่สาวของตัวเองเข้าไส้ ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ออกจากเสื้อแจ็คเก็ตขึ้นมาจุดสูบ หลุบตามองของเล่นชิ้นใหม่ของตนเพียงครู่ ก่อนจะต้องจำใจออกจากห้องไปอย่างน่าเสียดาย

     

    “ฉันไปล่ะนะเบบี้ ฝากดูแลของเล่นใหม่ด้วยล่ะ”

     

    เข้ามาจนกระทั่งจะออกไปอีกรอบแล้วก็ยังไม่เห็นอีกคนจะโผล่หัวมา แม้จะรู้สึกหงุดหงิดเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายไม่เคยให้ความร่วมมือใดๆ แต่ตอนนี้มันก็เริ่มจะชินเสียแล้ว คริสเพียงพูดทิ้งท้ายลอยๆไว้ทั้งอย่างนั้น ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินจากไป หวังว่าหลังจากที่เขากลับมา.. ของเล่นชิ้นใหม่คงจะพร้อมเล่นกับเขาแล้วล่ะนะ

     

     

     to be continue 

    __________________________

    100% completeeeeeeeeee 
    หายไปนานเลย เพิ่งเคลียร์รายงานมา อีกนิดก็ใกล้จะปิดเทอมแล้ว
    จะได้มาอัพแบบเต็มสตรีมสักที อย่าเพิ่งทิ้งกันนะโว้ย

    จบแชป 3 แล้ว ใครคือคนที่อยู่ในห้องของคริสวะโอ้แม่เจ้า (อินี่เล่นใหญ่)
    อยากรู้ละสิ อยากรู้ใช่ไหม (ตอบว่าอยากรู้) โอเค (พูดคนเดียวทั้งชาติ)
    ติดตามต่อได้ในตอนต่อไปนะจ้า 
    เจอกันที่แท็ก #greyชบ นะจ้า

    สำหรับวันนี้พี่ต้องลาไปก่อน ม้าทีหลัง 

    see you yesterday เจอปืนคร่า 

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×