ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #71 : ออซองเคียงวอน (3) [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.53K
      119
      28 ก.ค. 62

    ตอนที่ 71 ออซองเคียงวอน (3)







         องค์ชายยิมโฮสอดส่ายสายตาไปมองรอบตัวก็ไม่พบว่ามีใครเดินอยู่ด้านหลังของเรือนชางวีเลยตามคำบอกของมหาดเล็กคนสนิททุกประการ เมื่อยกขาก้าวข้ามรั้วเตี้ยเข้ามาได้พระองค์ก็ค่อยๆ ย่องไปทางด้านหน้าของเรือนช้าๆ

         ชานไม้กว้างมีเสาไม้สีแดงตั้งเป็นทอดๆ ปรากฏร่างเหล่าแนอินของห้องเขียนหนังสือทุกคนซึ่งกำลังนั่งเขียนหนังสืออยู่อย่างคร่ำเคร่ง ยิมโฮแทกุนหรี่ตามองแต่ละคนช้าๆ เพื่อหาใครบางคน

         พระเนตรขององค์ชายเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นสตรีที่นั่งอยู่ใกล้สุด ลียิมโฮครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะย่องเข้าไปด้านในห้องเก็บกระดาษที่อยู่ด้านหลังสตรีผู้นั้นพอดี

         ห้องเก็บกระดาษฮันจินั้นคับแคบมากเพราะเป็นที่เก็บกระดาษเท่านั้น องค์ชายหันมองรอบตัวก็เจอไม้ตะขอสำหรับเกี่ยวกระดาษที่อยู่บนชั้นสูงๆ จึงรีบคว้าไว้ในมือก่อนจะกระทุ้งที่ผนังห้องเต็มแรงจนบังเกิดเสียงสะเทือน

         นางกำนัลทุกคนในเรือนชางวีหยุดชะงักและหันมองหน้ากันเอง

         "เสียงอะไรน่ะ" คนหนึ่งถามขึ้น

         "เสียงเหมือนมาจากห้องเก็บกระดาษ" อีกคนออกความคิดเห็น

         "หนูกระมัง"

         "นี่ ถ้าหนูก็คงเป็นหนูตัวโตเท่าเสือแล้ว กระแทกเสียงดังขนาดนั้นน่ะ"

         "แต่ถ้าเป็นหนูจริงก็ไม่ได้นะ เดี๋ยวมากัดกระดาษในห้องหมด"

         "จริงสิ เอ่อ ซอฮยอน"

         หญิงสาวเงยหน้ามอง "มีอะไรหรือ"

         "เจ้านั่งใกล้ห้องเก็บกระดาษที่สุด ช่วยเข้าไปดูทีว่าใช่หนูจริงรึไม่ ถ้าใช่ก็ไล่มันออกมาด้วย"

         หญิงสาวเอี้ยวตัวหันไปมองด้านหลังตนเองก่อนจะวางพู่กันในมือลง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องเก็บกระดาษ

         ทันทีที่ซอฮยอนก้าวเข้าไปด้านในก็ถูกมือแข็งแรงเข้าปิดปากด้วยความรวดเร็ว บั้นเอวบอบบางถูกวงแขนแกร่งโอบอย่างฉับไวทว่าอ่อนโยน นางเสียหลักเกือบจะล้มลงถึงพื้นห้องแล้วแต่ถูกดึงไว้ทัน หญิงสาวรีบเงยหน้ามองบุคคลปริศนา

         ดวงตาเย็นชาคมกริบที่แฝงเสน่ห์มิเสื่อมคลายประสานเข้ากับดวงตาของนางอยู่ไม่ห่าง จมูกโด่งเป็นสันที่เคยเห็นไกลๆ บัดนี้มันอยู่ใกล้มาก ใกล้จนคิดว่านี่ไม่ใช่ความจริง ไรหนวดเล็กๆ ประดับอยู่เหนือริมฝีปากสีแดงสดซึ่งขับให้ทั้งเครื่องหน้านั้นงามสมชายชาตรี

         "องค์... องค์ชาย!" ซอฮยอนตกตะลึง

         "ชู่ว! เงียบสิ เดี๋ยวคนข้างนอกได้ยิน"

         "นี่มันอะไรกันเพคะ ทำไมพระองค์ถึงได้--"

         "ข้าบอกว่าอย่าพูดเสียงดัง" องค์ชายปรามอีกรอบ

         "ซอฮยอน" นางกำนัลคนหนึ่งส่งเสียงเรียก "เป็นอย่างไร เจอหนูรึเปล่า"

         หญิงสาวหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงตอบไป "เจอสิ" นางมององค์ชายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า "ตัวใหญ่มากด้วย"

         "จริงรึนี่" นางกำนัลคนเดิมร้อง "หนูเดี๋ยวนี้มันตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นะ พวกเจ้าว่าไหม อนาคตมันคงเขมือบแมวได้กระมัง"

         องค์ชายยิมโฮหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

         "เพื่อนเจ้านี่ตลกดีนะ"

         ซอฮยอนมองค้อนขวับ

         "อย่าเปลี่ยนเรื่องสิเพคะ บอกหม่อมฉันมาว่าพระองค์เสด็จมาทำอะไรที่นี่ ที่นี่เป็นสนามสอบนะเพคะ เป็นส่วนของนางในด้วย ถ้ามีคนเห็นจะทำอย่างไรเพคะ"

         "ข้ายังไม่ได้ให้รางวัลเจ้าจากที่ช่วยน้องสาวข้าเลย"

         "หม่อมฉันทูลไปแล้วนะเพคะว่าไม่ต้องการ"

         "แต่ข้าจะให้นี่"

         "พระองค์นี่อย่างไรนะ สักวันคงทำให้หม่อมฉันลำบากไปด้วย"

         "แต่วันนี้เจ้าจะไม่ลำบากแน่นอน แต่จะต้องขอบคุณข้าด้วยซ้ำ"

         "เรื่องอะไรเพคะ" ซอฮยอนขมวดคิ้ว

         "โจทย์การสอบออซองเคียงวอนของกองงานวรรณกรรม เจ้าขบแตกแล้วรึ"

         "พระองค์ถามทำไมเพคะ"

         "ตอบข้ามาก่อน"

         "ก็... กำลังคิดอยู่เพคะ"

         "คิดไม่ออกใช่รึไม่" องค์ชายถาม

         "พระองค์จะใส่พระทัยทำไมเพคะ"

         "ก็โจทย์อันนี้ เสด็จแม่ข้าไม่ได้คิด แต่เป็นข้าเองต่างหาก"

         "อะไรนะเพคะ!" ซอฮยอนร้องเสียงดังจนเกือบเป็นตะโกน

         "เบาๆ สิ" ลียิมโฮตรัส หญิงสาวยกมือปิดปาก

         "นี่หมายความว่า โจทย์ที่ตีความได้ยากยิ่งอันนี้มาจากพระองค์หรอกหรือ"

         "ใช่ ความจริงเสด็จแม่มาถามข้าว่าถ้าอยากจะให้มีวรรณกรรมทรงคุณค่าเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นมา ควรให้หัวข้ออะไร ข้าเองก็ตอบไปแบบไม่คิดอะไร ไม่คิดว่าเสด็จแม่จะเอาไปเป็นโจทย์ออซองเคียงวอน"

         ซอฮยอนอ้าปากค้าง 

         "ข้ารู้สึกว่าต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องที่เจ้าช่วยน้องสาวข้าด้วย ข้าไม่อยากติดค้างเจ้า"

         "แต่ถ้าทำแบบนี้ไม่กลายเป็นลำเอียงเข้าข้างหม่อมฉันรึเพคะ" ซอฮยอนตั้งข้อสงสัย

         "ข้าแค่ชี้ทางให้เจ้าเท่านั้น ไม่ได้มาบอกตรงๆ ว่าโจทย์นั้นหมายถึงอะไร เจ้าจะเอาคำใบ้ข้าไปบอกเพื่อนต่อก็ได้ แต่อย่าพูดว่ามาจากข้าก็พอ"

         "แล้วคำใบ้คือ..."

         ยิมโฮแทกุนยืดหลังตรงพลางทำท่าเคร่งขรึม

         "เสียงร้องไห้ที่คนไม่เคยได้ยิน นี่แหละคือคำใบ้"

         "เสียงร้องไห้ที่คนไม่เคยได้ยิน..." ซอฮยอนทำท่าครุ่นคิด

         "ใช่ ข้าบอกเจ้าได้แค่นี้"

         ซอฮยอนผุดลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว องค์ชายเผลอคว้าข้อมือนางเอาไว้ หญิงสาวสะดุ้งโหยง

         "เอ่อ..." ยิมโฮแทกุนรีบปล่อยมือออกอย่างเก้อเขิน "เจ้าจะไปไหนหรือ"

         "หม่อมฉันพอจะคิดอะไรออกแล้วเพคะ"

         "เจ้าคิดอะไรได้อย่างนั้นหรือ"

         "องค์ชายรีบเสด็จกลับไปเถิดเพคะ หม่อมฉันรู้แล้วว่าจะเขียนอะไร"

         "จริงหรือ แล้วเจ้าจะเขียนอะไร"

         ซอฮยอนเดินออกไปเปิดประตูห้องเก็บกระดาษออกก่อนจะหันกลับมา

         "พรุ่งนี้ตอนเย็นพระองค์รออ่านได้เลยเพคะ"






    [ต่อจาก 50%]





         การสอบออซองเคียงวอนของเหล่าแนอินดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทุกคนดูเหมือนจะทุ่มความรู้ความสามารถทุกอย่างที่เรียนรู้มาใส่ไปในการแข่งขันครั้งนี้อย่างเต็มที่ เหล่าใต้เท้าและทหารหลายคนก็มาแวะเวียนดูสนามสอบแต่ละแห่งด้วยความสนใจไม่ก็เพราะเป็นลูกหลานตัวเองที่กำลังสอบอยู่ 

         "นี่พวกเจ้ารู้เรื่องรึยัง" นางในชั้นต้นยุนเยนาในชุดชอโกรีสีแดงเดินเข้ามาคุยกับเพื่อนๆ ร่วมแผนก

         "อะไรหรือ" เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้น

         "ก็ออซองเคียงวอนปีนี้น่ะสิ ทำเอาเซโจซังกุงปวดหัวมากเลย"

         "ทำไม มีคนโกงรึ"

         "ไม่ใช่ แต่แนอินหลายคนถอดใจจนยอมออกจากวังไปเลยน่ะสิ" เยนากล่าว

         "หา ออกไปง่ายๆ เลยหรือ"

         "ก็เข้าใจพวกนางนะ โจทย์ปีนี้ยากสุดๆ ขนาดปีเราง่ายกว่านี้ยังมีคนตบเท้าออกไปจากวังตั้งแต่ยังไม่ประกาศผลเลย"

         "หวังว่ารุ่นน้องเราจะผ่านกันทุกคนนะ" เยนาพูดพลางมองไปยังเรือนชางวี









         ซุนฮวานั่งกุมขมับอยู่นานแล้ว นางกวาดสายตาไปตามหัวข้อการสอบอย่างเลื่อนลอย หญิงสาวตีความโจทย์ข้อนี้ไม่ออกจริงๆ มันหมายถึงอะไรหนอ จะสื่อถึงสิ่งใด มีความหมายโดยนัยประมาณไหน ต้องค้นหาคำตอบในตำราหรือแม้กระทั่งไปเปิดหนังสือประวัติศาสตร์ดูรึไม่ นางไม่รู้เลย

         ถ้าซอฮยอนอยู่ด้วยก็คงดี ซุนฮวาคิดในใจ คราวที่เชวซังกุงให้โจทย์การเขียนถึงทะเล ก็ซอฮยอนนี่แหละที่เป็นคนไขโจทย์จนแตก นึกแล้วก็ใจหาย ตอนนี้ซอฮยอนคงชิงชังตนเองไปแล้ว เพราะเมื่อคิดทบทวนไปมา ที่นางพูดกับเพื่อนนั้นก็รุนแรงเกินไปจริงๆ อีกอย่างซอฮยอนอาจมีเหตุผลซึ่งไม่สามารถพูดได้กับพฤติกรรมที่น่าสงสัยเหล่านั้นก็เป็นได้ ยิ่งซุนฮวาคิดก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนงี่เง่าพิกล

         ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในจิตใจของซุนฮวา นางนั่งหลับตาลงชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกว่ามีใครบางคนมานั่งข้างๆ หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง

         ซอฮยอนนั่งลงพลางยิ้มให้ ซุนฮวาชะงักไป

         "เจ้าตีโจทย์ออกรึยัง" นางถาม

         "ยัง..."

         "นี่จะมืดแล้วนะ เวลาเหลือถึงแค่พรุ่งนี้"

         "ข้ารู้"

         "เจ้ายังไม่หายโกรธข้าอีกหรือ"

         ซุนฮวาเงียบไป

         "การที่ข้าไม่ได้บอกเรื่องทุกอย่างกับเจ้าไม่ได้หมายความว่าข้าไม่ไว้ใจเจ้านะ และสักวันข้าจะบอกเจ้าเองเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ส่วนเรื่องซงฮวัน นางปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา ข้าไม่เคยบอกอะไรนาง เจ้าก็รู้ว่าซงฮวันเป็นคนช่างยุแยงแค่ไหน เจ้าต้องรู้สิ"

         "ข้าไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้วตอนนี้" ซุนฮวายกพู่กันขึ้นอย่างเลื่อนลอย "เชื่อตัวเองคงดีที่สุด"

         ซอฮยอนถอนหายใจ

         "เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าจะคิด แต่ขอให้รู้เอาไว้เถิดว่าข้าไม่เคยโกรธเกลียดเจ้า และพร้อมจะกลับมาเป็นเพื่อนรักกับเจ้าได้เสมอ"

         ซุนฮวาก้มหน้าลง "แค่นี้น่ะหรือเรื่องที่จะพูดกับข้า"

         "ก็ไม่เชิงหรอก เรื่องนี้ข้าเอาไปบอกเพื่อนร่วมรุ่นเราหมดแล้ว ยกเว้นซงฮวันกับเจ้า"

         "เรื่องอะไรรึ"

         "คำใบ้ของโจทย์เรานั่นคือเสียงร้องไห้ที่ไม่มีใครได้ยิน"

         "อะไรนะ!"

         "เจ้าก็ได้ยินแล้วนี่"

         "เจ้าเอาคำใบ้นี่มาจากไหนกัน"

         "มีคนปรารถนาดีบอกข้ามา" ซอฮยอนตอบ ซุนฮวานิ่งไป

         "แล้วเจ้าจะมาบอกข้าทำไม"

         ซอฮยอนลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนที่นางจะหันหลังเดินไปก็พูดออกมาว่า

         "เพราะเจ้าเป็นเพื่อนข้า"

         ซุนฮวานิ่งอึ้งไป










         ในที่สุดเวลาก็เดินมาถึงวันที่สอง นางกำนัลที่สอบออซองเคียงวอนตามแผนกต่างใช้พละกำลังและสติปัญญาเฮือกสุดท้ายปล่อยของในชิ้นงานของตัวเองกันออกมาอย่างเต็มที่ และเมื่อหมดเวลาสอบ ซังกุงแต่ละแผนกก็เดินเก็บชิ้นงานเพื่อรวบรวมแต้ม

         ณ กองงานวรรณกรรมบัดนี้มีหนังสือสามสิบกว่าเล่มตั้งกองอยู่หน้าเรือนชางวี แต่ละเล่มคือผลงานแต่ละคนที่แต่งออกมาตามโจทย์ที่ให้ไว้ เชวซังกุงสั่งให้นางวังรับใช้สองคนยกกองหนังสือเหล่านั้นไปยังส่วนกลางเพื่อรวบรวมแต้มเช่นกัน

         "นี่ทุกคน!" นางกำนัลคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

         "มีอะไร ทำหน้ายังกับเห็นผี" คนอื่นๆ ถาม

         "เมื่อครู่ข้าไปดูที่ตำหนักใหญ่ อยากจะบอกว่าตะลึงมาก"

         "ทำไมหรือ"

         "สิ่งประดิษฐ์แต่ละอย่างของพวกนางอลังการมาก สวยสะดุดตาอีกทั้งยังใช้สอยได้สะดวกตามโจทย์ บางชิ้นกินกันไม่ลงเลยนะ พวกเจ้าต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง"

         "แล้วแผนกอื่นล่ะ"

         "ห้องเย็บปักข้าไม่ได้ไปดู แต่ห้องเครื่องนี่สุดยอดมาก อาหารแต่ละชนิดนี่ข้าแทบไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต สวยเหมือนไม่ใช่ของจริงอย่างนั้นแหละ"

         "โห แต่ละแผนกนี่สุดยอดจริงๆ นะ ดูเราสิเป็นแค่หนังสือ จะสู้เขาได้ไหมหนอ"

         "นั่นสิ"

         "คุยอะไรกันอยู่น่ะ" เชวซังกุงเดินเข้ามาถาม

         "เรื่องการสอบนี่แหละเจ้าค่ะนายหญิง" 

         "คุยเสร็จแล้วก็ไปทำงานต่อสิ"

         "โธ่ นายหญิง พวกเราเพิ่งหายเหนื่อยจากการสอบนะเจ้าคะ"

         "อย่ามาอ้าง ไปๆ ไปทำงาน"

         "นายหญิง ว่าแต่ผลงานสุดยอดสามชิ้นงานที่จะวางอวดโฉมบนลานหิน จะเลือกกันตอนไหนเจ้าคะ" แนอินคนหนึ่งถาม

         "พรุ่งนี้เช้าถึงจะรู้ผล" เชวซังกุงตอบ

         หลายคนทำเสียงตื่นเต้น

         "เอ้า รู้แล้วก็แยกย้ายไปทำงานสิ" นางไล่อีกรอบ

         เมื่อทุกคนพากันเดินหายไปทำงาน ซุนฮวาก็แกล้งยืนเอื่อยอยู่สักพัก

         "นายหญิงเจ้าคะ"

         "มีอะไรหรือ" เชวซังกุงหันมา

         "เอ่อ คือว่าเมื่อเช้า ข้าเปิดอ่านหนังสือของซอฮยอนดูเจ้าค่ะ"

         "อะไรนะ! นี่เจ้าแอบดูผลงานของผู้อื่นรึ"
      
         "ตอนนั้นข้าเขียนของข้าเสร็จแล้วรวมถึงส่งแล้วนะเจ้าคะ ไม่ได้จะลอกนางสักหน่อย"

         "ก็ทำไม่ได้อยู่ดี"

         "นายหญิง นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องคุย แต่เนื้อหาภายในที่ซอฮยอนเขียนขึ้นมาต่างหากที่ต้องคุย"

         "ทำไม นางทำอะไรผิดกฎการสอบรึ"

         "ไม่ใช่เจ้าค่ะ แต่ว่านาง..." ซุนฮวามองซ้ายมองชวาและกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างข้างหูเชวซังกุง

         "อะไรนะ!" เชวซังกุงตะโกนลั่นจนนางวังคนหนึ่งชะโงกหน้ามองด้วยความตกใจ "นางเขียนอะไรออกมานะ!"





    โปรดติดตามตอนต่อไป


    ข่าวจากผู้เขียน : สวัสดีทุกท่านนะครับ หลังจากตอนที่ 71 นี้ ผมจะมีตอนพิเศษมาให้ทุกท่านได้อ่านนะครับ ขอบอกว่าทุกคนควรจะอ่านเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นตอนที่มีอะไรมาเซอร์ไพร้สทุกท่านอย่างมากฮะ ถ้าไม่อ่านถือว่าพลาดมาก แต่ผมจะแง้มนิดหนึ่งละกันฮะ หนึ่งในสิ่งที่จะมาเซอร์ไพร้สทุกท่านคือเชิญนักแสดงตัวท๊อปในเรื่องนี้ออกมาพูดคุยและยกเอาฉากชวนจิ้นอย่างซอฮยอนกับองค์ชายยิมโฮเจอกันที่บ่อน้ำเป็นครั้งแรกมาโลดแล่นใหม่ในมุมที่สุดยอดกว่าเดิมครับ อย่าพลาดนะฮะ
         

         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×