ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #19 : รักแรกของกาเช [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.13K
      137
      18 พ.ค. 62

                       ตอนที่ 19 รักแรกของกาเช






         "ฮงกาเชเข้าวังมาด้วยความสามารถอันน่าทึ่ง นางเป็นคนเก่ง เรียนรู้ได้ไว มีความเป็นผู้นำสูง ข้าจำได้แม่นเลยว่านางสอบเซ็งกักชิด้วยแต้มที่สูงมากที่สุดในรอบยี่สิบปี"

         ซอฮยอนนั่งฟังด้วยความทึ่ง

         "ต่อมานางโตขึ้นเยี่ยงสาวสะพรั่ง ฮงกาเชก็กลายเป็นนางในที่โดดเด่นที่สุดของห้องเครื่อง"

         "หา ฮงซังกุงเคยทำงานอยู่ห้องเครื่องหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนถามด้วยความคาดไม่ถึง

         "ถูกต้อง แต่ข้าไม่ชอบใจนักที่จะให้โดดเด่นมากเกินไป เพราะย่อมถูกเพ่งเล็งจากพวกที่อิจฉาริษยา มีคนเก่งหลายคนในห้องเครื่องถูกกำจัดไปมากมายเพราะภัยจากความเก่งกาจและทำตัวเด่น ข้าจึงสั่งให้นางอยู่ในห้องเครื่องอย่างสงบเสงี่ยม ทำหน้าที่ของตัวเอง อย่าได้เกินหน้าเกินตาคนอื่น"

         "แล้วนางยอมทำรึไม่เจ้าคะ นายหญิง" ซอฮยอนถามมินซังกุง

         "นางยอมทำ ถึงแม้การทำเช่นนี้จะเป็นการปิดกั้นความสามารถนาง ทำให้ความรู้จักคิดต่อยอดใฝ่รู้ใฝ่เรียนด้อยลงไปแต่ถ้าทำแล้วไม่เกิดอันตรายก็ต้องยอมที่จะทำ"

         มินซังกุงถอดถอนหายใจ

         "แต่กำแพงกั้นที่สร้างไว้ในที่สุดก็ถูกทำลายลง และภัยก็ได้มาถึงตัวนางในที่สุด"

         "ภัยหรือเจ้าคะ ภัยอันใดกัน"

         "ภัยแห่งวังหลวง แต่ไม่ได้มาจากห้องเครื่องหรือนางในด้วยกัน"

         "แล้วมาจากอะไรรึเจ้าคะ"

         "หัวใจ"

         ซอฮยอนชะงัก สีหน้างุนงง

         "ท่านพูดว่าหัวใจหรือเจ้าคะ มินซังกุง"

         ซังกุงชราพยักหน้า "ทุกอย่างมันรวดเร็วเหลือเกิน ข้าคาดการณ์ผิดไปว่าจะปกป้องกาเชจากสิ่งโสมมในวังได้ตลอดรอดฝั่ง ทว่าสุดท้ายก็ไม่พ้นจากสิ่งเย้ายวนอย่างอื่น อยู่มาวันหนึ่งนางเข้ามาร้องห่มร้องไห้กับข้าเพื่อขอหนีออกไปจากวัง"

         "หนีออกไปจากวัง!" ซอฮยอนตกตะลึง "เกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงหรือเจ้าคะ"

         "นางหลงรักกับทหารมูบันผู้หนึ่ง และตกลงปลงใจว่าจะหนีออกไปจากวังด้วยกัน" มินซังกุงตอบ

         ซอฮยอนหันขวับไปที่ประตูทันทีราวกับกลัวว่ามีใครมาได้ยิน ก่อนจะหันมากระซิบกับซังกุงชรา

         "นายหญิง ท่านพูดอะไรเจ้าคะ นางในรักกับทหารอะไรกัน คนอื่นได้ยินจะแย่เอานะเจ้าคะ นางในคือผู้หญิงของพระราชา จะรักกับคนอื่นได้อย่างไรกัน"

         "เจ้าคิดว่าข้ามิรู้รึ ข้ารู้ดี กาเชเองก็รู้ดี แต่พิษรักเมื่อเกิดขึ้นมาไม่ว่าใครก็ยากจะต้านทาน ครานั้นข้าทั้งปกป้อง ทั้งบังคับขู่เข็ญ ทั้งด่าทอทุบตี ทั้งอ้อนวอนให้นางหยุดความคิดนั้นเสีย เพราะถ้าล่วงรู้ไปถึงหูของซังกุงสูงสุด นางจะโดนฆ่าทันทีด้วยกฎของฝ่ายใน แต่กาเชก็ยังดื้อรั้นที่จะไปให้ได้"

         "แล้วสรุปเป็นอย่างไรเจ้าคะ ฮงซังกุงได้หนีไปรึไม่เจ้าคะ" ซอฮยอนถามอย่างใจจดใจจ่อ

         ซังกุงชราส่ายหน้าช้าๆ

         "นางไม่ทันได้หนี เพราะทหารผู้นั้นตายเสียก่อน"

         "อะไรนะเจ้าคะ ตายหรือ" ซอฮยอนอุทาน

         "ใช่ ข้าเฝ้าถามนางมาหลายปีว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดทหารผู้นั้นจู่ๆ ถึงตาย แต่กาเชก็ไม่เคยบอกข้าเลยจนถึงทุกวันนี้"

         ซอฮยอนนิ่งเงียบไป นางไม่เคยรู้มาก่อนว่านายหญิงฮงซังกุงมีเรื่องราวเบื้องหลังในชีวิตที่น่าทุกข์ระทมเช่นนี้

         "หลังจากนั้นนางก็เปลี่ยนไป เงียบขรึม ไม่พูดจากับใครไม่คบใครถ้าไม่จำเป็น เก็บตัวสันโดษ แม้แต่กับข้าเองนางก็ยังเย็นชาห่างเหิน เพราะเรื่องในอดีตคงกระทบใจนาง ต่อมาเมื่อได้เป็นซังกุง กาเชก็ย้ายออกจากห้องเครื่องไปเป็นซังกุงประจำตำหนักดูแลเชื้อพระวงศ์แทน"

         "จนถึงทุกวันนี้หรือเจ้าคะ" ซอฮยอนเอ่ยถาม มินซังกุงพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ เอนตัวลงนอน หญิงสาวรีบเข้ามาประคองร่างของซังกุงชราให้ลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล

         "และเมื่อเวลาผ่านไปนางก็ถูกคนขนานนามว่าซังกุงประหลาดเพราะอุปนิสัยใจคอนางพิกลจากคนอื่น บ้างก็ว่านางเป็นบ้า แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเหลวไหลไร้สาระ"

         ซอฮยอนก้มหน้าลงอย่างละอายใจก่อนจะกล่าวว่า

         "ข้าเองก็ได้ยินคนพูดถึงนายหญิงเช่นนี้เยอะมากเหมือนกันเจ้าค่ะนายหญิง และข้าต้องยอมรับว่าข้าเชื่อคำคนเหล่านั้นด้วย" 

         "นี่แหละหนาที่เขาบอก อย่าดูคนที่ภายนอก อย่าตัดสินคนเพราะได้ยินเขาว่าต่อๆ กันมา ในวังหลวงเวลามีข่าวลืออันใดก็มักจะโหมไปไวดั่งไฟลามทุ่ง ปากต่อปาก สิบปากร้อยปากก็ว่ากันไปสิ เรื่องราวผิดเพี้ยนเพ้อเจ้อไปถึงไหนก็ไม่มีใครรู้"

         "นั่นสินะเจ้าคะ" ซอฮยอนเอ่ยเสียงอ่อน

         "แล้วตอนนี้เจ้ายังเชื่ออยู่รึไม่" มินซังกุงถาม

         "ข้ายังไม่แน่ใจเจ้าค่ะ เพราะบางเรื่องที่ข้าได้ยินก็ค่อนข้างน่ากังวล"

         "อย่างนั้นรึ เช่นนั้นเล่าให้ข้าฟังได้รึไม่ว่าเจ้าไปได้ยินอะไรมา" ซังกุงชราซัก ซอฮยอนอึกอักอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะตัดสินใจบอก

         "มีคนบอกว่านางเอาโคมไฟไปไล่ปาใส่ทหารในลานฝึกเจ้าค่ะ เป็นเรื่องจริงรึเปล่าเจ้าคะ" 

         มินซังกุงยิ้มออกมา

         "จริงสิ"

         "อะไรนะเจ้าคะ"

         "แต่นั่นเป็นความข้างเดียว ความจริงคือเวลานั้นมีการคัดเลือกหน่วยองครักษ์เพื่อดูแลองค์รัชทายาทซองแจ เผอิญมีหน่วยหนึ่งกลัวฝึกฝนไม่พอ ไม่อยากตกรอบจึงแอบมาฝึกกันในลานใกล้กับเรือนพักนางทั้งๆ ที่บริเวณนั้นไม่ใช่ลานฝึกทหารเสียด้วยซ้ำ แล้วเสียงฝึกทหารมันเบาที่ไหนกัน ใครจะนอนหลับได้ลง พอกาเชออกไปพูดว่าให้เบาเสียงพวกมันก็ไม่พอใจ ขว้างปาหินกิ่งไม้ใส่หลังคาบ้าง ประตูบ้าง นางทนไม่ไหวเลยคว้าโคมไฟมาปาใส่"

          "ตายจริง เรื่องเป็นมาอย่างนี้ดอกหรือเจ้าคะ" ซอฮยอนพูดอย่างตกตะลึง ตอนได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรกนางก็เข้าใจผิดมาตลอดว่าฮงซังกุงไปหาเรื่องเขาก่อน

         "ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะนายหญิง อันนี้เขาเล่าว่านางเคยไล่นางในออกไปนอกวังเพราะนวดให้นางผิดจุด" ซอฮยอนถามต่อ

         คราวนี้มินซังกุงถึงกับหัวเราะออกมา

         "เขาเล่าว่ารึ ไอ้เขานี่ใครกัน"

         ซอฮยอนก้มหน้ายิ้ม

         "ได้ยินบ่อยมากเลยนะ เขาเล่ามา เขาว่ากันว่า เขาบอกต่อๆ กันมาว่า แต่ไม่มีใครรู้สักคนว่าไอ้ 'เขา' คนนี้นี่มันเป็นผู้ใด และที่น่าแปลก เรื่องราวทั้งหลายที่มักขึ้นต้นว่า 'เขาว่ามา' นั้น ล้วนแล้วแต่แต่งเติมขึ้นทั้งสิ้น แต่คนก็ยังเชื่อกัน"

         ซังกุงชราหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนและพูดต่อว่า

         "นางในที่เคยนวดให้กาเชเป็นคนอยากได้หน้า อยากได้คำชม จึงสรรหาวิธีฝังเข็มไปใช้กับนางเพราะตอนนั้นนางปวดเข่า แต่ช่างโง่เง่านัก ตัวเองไม่ใช่หมอหลวง วิชาตำราแพทย์ก็ไม่เคยศึกษา สุ่มสี่สุ่มห้ามาฝังก็ผิดจุดน่ะสิ ตอนนั้นนางชาไปทั้งตัวเลย แล้วก็ไล่นางในคนนั้นออกมา ไม่ได้ไล่ออกจากวัง แต่คนไปแต่งเติมกันเอาเอง"

         ซอฮยอนหลุดขำคิกคักออกมา

         "เจ้าขำอันใดกัน"

         "ข้าลองนึกภาพนายหญิงฮงซังกุงโมโหไปด้วยตัวชาไปด้วยแล้วรู้สึกตลกเจ้าค่ะ"

         "เจ้านี่ร้ายนัก" 

         "ท่านอย่าไปบอกนายหญิงฮงซังกุงนะเจ้าคะ นางตีข้าตายแน่" ซอฮยอนรีบพูด

         "ฮ่าๆ ไม่บอกอยู่แล้ว" 

         ทั้งมินซังกุงและซอฮยอนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

         นอกห้องพัก ฮงซังกุงยืนฟังอยู่หน้าประตู ใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึมนั้นยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะเดินจากไป...





        [ต่อจาก 50%]




         ตลอดบ่ายนั้นซอฮยอนก็ดูแลซังกุงชราทุกสิ่งอย่างไม่ขาดตกบกพร่องทั้งเรื่องอาหารการกิน ที่หลับที่นอน หยูกยา รวมไปถึงการทำความสะอาดห้องพักของนางให้หมดจด สิ่งสกปรกเล็กน้อยซอฮยอนก็จะจัดการรื้อกวาดออกหมด ข้าวของก็จัดใหม่เพื่อให้เนื้อที่ในเรือนพักกว้างขวางขึ้น ประตูไม้ทึบนางก็เปลี่ยนออกเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

         ของเสียในโถซอฮยอนก็เอาไปเททิ้งและทำความสะอาดอย่างไม่นึกรังเกียจอีกต่อไป ระหว่างทางที่แบกไปทิ้งก็จะโดนนางในหลายคนมองอย่างขยะแขยง บางคนถึงกับพูดลอยๆ เข้าหูมาว่า

         "เป็นคนชั้นต่ำรึนั่น ถึงมาเดินแบกของเสียคนอื่นไปทิ้ง"

         "นั่นสิ สกปรกนัก"

         ซอฮยอนได้ยินทุกอย่างแต่ไม่สนใจ นางไม่สนว่าสิ่งที่ตนเองทำจะต่ำต้อยแค่ไหน กลิ่นเหม็นฉุนจมูกมากเพียงใด นางคิดแต่เพียงว่านี่คือการปรนนิบัติซังกุงชราที่ผ่านการรับใช้เบื้องบนมาอย่างยาวนานเท่านั้น นี่แหละคือสิ่งที่ภูมิใจที่สุด

         เมื่อตกเย็นซอฮยอนก็พามินซังกุงออกมาเดินสูดอากาศและรับแสงแดดก่อนดวงอาทิตย์ตก หญิงสาวแนะนำให้ซังกุงชราเดินเท้าเปล่าบนพื้นดินเพื่อซึมซับถึงธรรมชาติให้มากที่สุด เมื่อตะวันใกล้ลับขอบฟ้าซังกุงสูงอายุก็พาซอฮยอนมาดูดวงอาทิตย์ที่กำลังลับเหลี่ยมเขาพูกักซานเหนือกำแพงวังคยองบกออกไป ช่างเป็นภาพที่งดงามเกินบรรยาย

         เมื่อราตรีมาเยือนหลังจากพามินซังกุงอาบน้ำและเข้านอนเรียบร้อย ประตูห้องก็ถูกเลื่อนเปิดออก 


         ฮงซังกุงเดินเข้ามาในเรือนพัก


         "นายหญิง" ซอฮยอนรีบลุกขึ้นยืน

         ฮงซังกุงเหลือบมองอาหารมื้อค่ำบนโต๊ะที่ซอฮยอนยกมาให้มินซังกุง นางนั่งลงก่อนจะเปิดฝาชามอาหารออกทุกใบและก้มลงดู


         ฮงซังกุงขมวดคิ้ว ตวัดสายตามามองหญิงสาว


         "ซอฮยอน เจ้ามิรู้หรือว่ามินซังกุงไม่ชอบกลิ่นหอมเจียว แต่ทำไมในอาหารจึงมีหอมเจียว"

         ใจของซอฮยอนหล่นวูบ นางพลาดอะไรไปอีกอย่างนั้นหรือ

         "นายหญิงว่าอะไรนะเจ้าคะ" 

         "มินซังกุงไม่ชอบกลิ่นของหอมเจียว แต่อาหารเจ้าทำไมจึงใส่หอมเจียวมา ไม่ได้บอกห้องเครื่องหรือไร"

         "เอ่อ ข้า... ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ" หญิงสาวก้มหน้าตอบ

         "ไม่รู้? เจ้าตอบข้าไม่รู้หรือ นี่ข้ออ้างของเจ้าใช่ไหม" ฮงซังกุงกระแทกเสียง

         "นายหญิงข้าไม่รู้จริงๆ นี่เจ้าคะ"

         "การจะมาดูแลซังกุงที่ชรามากแล้ว ไม่ว่าล้มป่วยหรือไม่ เจ้าต้องศึกษาถามไถ่กิจวัตรของนาง สิ่งใดชอบไม่ชอบ สิ่งใดรับประทานได้ไม่ได้เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพย่ำแย่ลง แต่เจ้ากลับอ้างว่าไม่รู้หรือ ถ้าในอาหารมีเห็ดพิษเจ้าก็จะอ้างไม่รู้เหมือนกันรึ"

         "นายหญิง ข้าผิดเอง ข้าขอ--"

         "ข้าจะหักเจ้าอีกสิบแต้ม"

         "นายหญิง!"

         "ฮงซังกุง" มินซังกุงเรียกชื่อนางเบาๆ "เรื่องแค่นี้เอง อย่าตัดแต้มนางเลย"

         "ไม่ได้เจ้าค่ะนายหญิง เด็กคนนี้สะเพร่านัก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหักให้รู้สำนึก" ฮงซังกุงตวัดสายตามามองซอฮยอน "ยังไม่รีบออกไปอีก!"

         หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ไม่ว่าทุ่มเททำดีเท่าใดก็ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย เรื่องหอมเจียวนางพลาดจริง แต่หักแต้มไปอีกสิบจะไม่โหดเกินไปหรือ

         ซอฮยอนเดินโซเซกลับมายังห้องของฮงซังกุง จุดเทียนบนเชิงขึ้นมาเพื่อขับไล่ความมืด นางนั่งกอดเข่าอย่างหมดอาลัยอยู่สักพักก่อนจะเริ่มจัดการดึงที่นอนมาปูให้ฮงซังกุง 


         ระหว่างกำลังทำที่นอนสายตาก็เหลือบไปเห็นชายผ้าสีเขียวเข้มโผล่ออกมาจากผนังซึ่งเป็นตู้เสื้อผ้า


         หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย นางลุกขึ้นไปเปิดออกดูก็พบว่าเป็นชุดฮวาลยอของฮงซังกุง ซอฮยอนดึงผ้าออกมาเพื่อจะมาพับเก็บให้เป็นระเบียบ แต่ว่า...


         "เอ๊ะ รอยขาดนี่"


         เมื่อตรวจดีๆ ก็พบว่าชายผ้าด้านหน้านั้นปรากฏรอยฉีกขาดออกจากกันและดูจากการที่มีคนพยายามเย็บครั้งแรกนั้นท่าจะไม่เป็นผลเพราะมันหลุดลุ่ยเหลือเกิน


         ซอฮยอนเดินไปเปิดตู้ลิ้นชักสีแดงเพื่อหาเข็มและด้ายสีเขียวแก่ เมื่อพบก็คว้าชุดออกมาวางใกล้กับแสงเทียนก่อนจะตั้งต้นเย็บ





         ในห้องพักของมินซังกุง ฮงซังกุงนั่งอยู่ตรงหน้านาง

         "เจ้าก็เข้มงวดเกินไป นางจะถอดใจเอาได้" มินซังกุงพูดเบาๆ "ทดสอบคนน่ะข้าพอเข้าใจ แต่ถ้ามันโหดเกินไป ไม่ว่าใครก็ถอดใจทั้งนั้น"

         "ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ

         "เมื่อวานเจ้าก็แกล้งทำห้องให้สกปรกก่อนนางจะเข้ามาเจอ นางก็เก็บกวาดเสียสะอาด ยังไม่ถูกใจเจ้าอีกหรือ แต่ถ้าถามข้าวันนี้ ข้าพูดตามตรง เด็กคนนี้เป็นคนจิตใจดี อุตสาหะพากเพียรและไม่ได้มีความถือตัวเฉกเช่นพวกลูกขุนนางแม้แต่น้อย" 

         "จริงหรือเจ้าคะ" ฮงซังกุงเงยหน้าถาม มินซังกุงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า

         "ฉะนั้นเจ้าจงเบาๆ มือลงหน่อย และที่เจ้าว่านางว่าสะเพร่า ข้าน่ะรู้ทันนะ ปากเจ้าว่านางไปเช่นนั้นเองแต่ใจหาคิดเช่นนั้นไม่" ซังกุงชรายกชาขึ้นจิบ

         "เด็กคนนี้คือหงส์ฟ้าที่หายากนัก คอยดูต่อไปเถิด"






    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×