ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #1 : พระชายาผู้โชคร้าย [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.85K
      213
      28 มิ.ย. 63

                                     ตอนที่ 1 พระชายาผู้โชคร้าย








         รัชศกที่ยี่สิบห้าแห่งพระเจ้าโจจง อาณาจักรโชซอน




         เป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืนมากแล้ว ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ เห็นเพียงรูปทรงของหลังคาแต่ละตำหนักสลัวอยู่ใต้แสงจันทร์ ยามนี้จะไม่มีผู้ใดสามารถสัญจรผ่านไปมาได้ยกเว้นแต่มหาดเล็กและทหารยามด้วยเป็นเขตพระราชฐานชั้นใน หากใครย่างกรายย่อมมีโทษสูงสุด ทว่ากลับมีเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งวิ่งฝ่าความมืดมาด้วยอาการรีบเร่ง

         มหาดเล็กในชุดสีเขียววิ่งนำขบวนมาโดยที่ในมือถือโคมเทียนส่องเรี่ยตามพื้นเพื่อนำทาง ตามมาด้วยหมอหลวงในชุดฮันบกสีน้ำเงินมีผ้าสีขาวใส่ทับคล้ายกันเปื้อน ด้านหลังยังมีหมอหญิงในชุดยอนจี(1)สีขาว บนศีรษะมีการีมา(2) ประดับอยู่ บางคนคนถือกล่องไม้ห่อด้วยผ้ามาคนละใบ นอกนั้นต่างเอามือสองข้างซุกไว้ในชายผ้าด้านหน้าอย่างเรียบร้อย

         ตำหนักที่ทั้งขบวนกำลังมุ่งไปบัดนี้สว่างไสวไปด้วยแสงเทียนที่จุดขึ้น ทหารยามหลายคนเมื่อเห็นหมอหลวงวิ่งเข้ามาก็หลบฉากไปเฝ้าที่ทางเข้าแทน สักพักซังกุงหน้าดุดวงตาเรียวแหลมคล้ายเหยี่ยว ปากเม้มบางแทบเป็นเส้นตรง ถึงแม้เค้าโครงใบหน้าแลดูคล้ายคนเจ้าอารมณ์แต่ก็พอมองออกว่าสมัยสาวๆ นั้นเป็นคนรูปงาม นางสวมใส่ชุดฮวาลยอ(3)สีเขียวเข้ม ศีรษะประดับคาเช(4)เดินออกมาประจันหน้ากับบรรดาหมอหลวง

         "เหตุใดถึงมาช้านัก" ซังกุงประจำตำหนักเอ่ยถาม

         "ขออภัย คิมซังกุง ข้าต้องหลบขบวนของฝ่าบาทเมื่อครู่" หมอหลวงตอบ

         "ฝ่าบาทเสด็จอย่างนั้นหรือ ตำหนักไหนกัน"

         "ได้ยินว่าตำหนักพระสนมมิน"

         "พระสนมมินรึ" นางพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด "เอาเถอะ พวกเจ้ารีบเข้ามาก่อน แล้วห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด"

         หมอหลวงและหมอหญิงก้าวเข้ามาในตำหนักอย่างเร่งรีบ เหล่านางในทั้งหลายต่างหลีกทางและเผยให้เห็นสตรีสูงศักดิ์ในชุดผ้าป่านสีขาวทั้งตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนที่บรรทม ใบหน้ากลมงามส่อแวววิตกกังวล ผมสีดำถักเปียยาวไปถึงบั้นเอว รอบข้างมีเหล่านางในนั่งกุมมือคล้ายจะให้กำลังใจ

         "ท่านหมอใหญ่" สตรีชุดขาวเรียกขึ้น "ท่านรีบเข้ามาเถิด"

         "พ่ะย่ะค่ะ พระชายา" หมอหลวงรีบรุดมานั่งข้างที่บรรทมก่อนจะหันไปรับกล่องไม้จากหมอหญิงมาเปิด ภายในมีผ้าสีขาวถูกปักด้วยเข็มต่างชนิดและขนาดสำหรับการฝังเพื่อรักษาโรค

         "ทรงประชวรหรือไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ พระชายาฮวารยอน"

         "ข้ามิได้ป่วย ท่านหมอ" พระชายาตรัส

         "แล้วเหตุใด--"

         "ข้าอยากให้ท่านตรวจให้ข้าว่าข้าสามารถมีลูกได้หรือไม่" 

         บรรดาหมอหลวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีดก่อนจะมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก

         "ตรัสอะไรอย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะพระชายา ทรงเป็นถึงพระชายาผู้ได้รับการแต่งตั้งไม่นาน เหตุไฉนจึงคิดว่าจะไม่สามารถมีบุตรได้เล่าพ่ะย่ะค่ะ" หมอหลวงรีบทูล

         "วันนี้ข้าไปวัดอินฮวาเพื่อสวดมนต์ขอพรให้ฝ่าบาทและพระมเหสี แล้วข้าก็ได้ยินกิตติศัพท์ของหมอควังคยอมที่เป็นหมอชาวบ้านข้างนอกมานาน"

         "จึงให้เขามาตรวจพระวรกายพระองค์อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ"

         ฮวารยอนพูบูอิน(5) พยักพระพักตร์ช้า ๆ

         "พระชายา!" หมอหลวงใหญ่ร้องลั่นขึ้นมาจนหลายคนสะดุ้งโหยง "พระองค์ก็ทรงรู้นี่พ่ะย่ะค่ะ ว่าการให้หมอข้างนอกมาตรวจอีกทั้งยังเป็นผู้ชายมาแตะต้องพระวรกายถือเป็นความผิดใหญ่หลวง แนเมียงบู(6) มีกฎเข้มงวดเพียงไรพระองค์ก็ทรงรู้ หากเรื่องถึงพระเนตรพระกรรณพระมเหสีเข้าจะมิแย่หรือพ่ะย่ะค่ะ"

         "หมอใหญ่ ข้าให้เจ้ามาตรวจพระชายา หาได้ให้เจ้ามาว่ากล่าวพระนาง หุบปากของเจ้าเสีย จะอย่างไรก็ทรงเป็นถึงพระชายา เจ้าอย่าได้บังอาจล่วงเกินพระนาง" คิมซังกุงตวาด หมอใหญ่รีบก้มหน้าลง

         "คิมซังกุงอย่าตำหนิท่านหมอใหญ่เลย เรื่องนี้ข้าผิดเอง ท่านหมอใหญ่ได้โปรดเถิด ช่วยตรวจให้ข้าที" พระนางขอร้อง

         "หมอควังคยอมนั่น ตรวจว่าพระองค์จะไม่สามารถมีทายาทได้ใช่รึไม่พ่ะย่ะค่ะ" หมอใหญ่ถาม พระชายาหลับตาก่อนจะพยักพระพักตร์
         
         หมอใหญ่ถอนหายใจก่อนจะหันไปเรียกหมอหญิงที่อาวุโสที่สุดทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิเข้ามาใกล้กับที่บรรทม

         "ตรวจชีพจรให้พระนาง" หมอใหญ่สั่ง

         "เจ้าค่ะ" หมอหลวงหญิงรับคำพลางก้มศีรษะ

         พระชายาฮวารยอนยื่นพระหัตถ์ให้หมอหญิงตรวจที่บริเวณจุดชีพจรตรงข้อมือ ผ่านไปเกือบสองนาที หมอหญิงก็ขมวดคิ้วและเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะหันมามองหน้าหมอใหญ่

         "มีอะไร" หมอใหญ่ถาม 

         หมอหญิงพยักหน้าอย่างหวาดหวั่น

         "อะ... อะไรนะ" หมอใหญ่อ้าปากค้าง "เจ้าแน่ใจรึ ลองตรวจใหม่ ตรวจดูอีกที" 

         หมอหญิงจับชีพจรพระชายาอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าพยักหน้ากับหมอใหญ่อีกรอบ

         "ปะ... เป็นไปไม่ได้ เพราะอะไร ทำไมถึงได้" หมอใหญ่ตกตะลึง 

         "มีอะไรอย่างนั้นรึ" คิมซังกุงไต่ถาม

         "พวกเจ้าสามคน ไปตรวจให้พระชายา เร็วเข้า" หมอใหญ่สั่งหมอหญิงอีกสามคนเข้าไปตรวจโดยไม่ตอบคำถามคิมซังกุง

         "ข้าถามว่ามีอะไร" คิมซังกุงถามย้ำอีกครั้ง

         "นายหญิง ขอให้คนของข้าใช้สมาธิในการตรวจได้รึไม่" หมอใหญ่ขัดขึ้น คิมซังกุงได้ยินก็เงียบไปพลางทำสีหน้าไม่พอใจ
        
         ผ่านไปสักพัก หมอหญิงทั้งสามก็หันมาพยักหน้าให้หมอใหญ่ทุกคน

         "อะไรกัน ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้" หมอใหญ่ร้องขึ้น

         "มีอะไรหรือ มีอะไรกันแน่น่ะ ข้า... ข้าไม่สามารถมีลูกได้จริง ๆ ใช่ไหม" พระชายาตรัสถาม ทุกคนนิ่งเงียบไป

         "เจ้าตอบข้ามาสิ ใช่ไหม" พระชายาคว้าแขนหมอหญิงที่ใกล้ตัวที่สุดมาเขย่าถามอย่างร้อนใจ หมอหญิงคนนั้นตกใจจนเผลอร้องออกมา

         "จริงเพคะ" 

         "หา!"

         พระชายานิ่งงันไปอย่างตกพระทัย

         "เจ้าพูดอะไรออกมา หากเป็นการตรวจผิดพวกเจ้าจะมีโทษตาย รู้ตัวไหม" คิมซังกุงร้องออกมา

         "อะไรกัน พระชายาที่ไม่สามารถมีบุตรได้ จะอยู่ในวังต่อไปได้หรือนี่ ต่อไปคงลำบากแน่" นางในคนหนึ่งหันไปกระซิบกับเพื่อน

         "นั่นสิ ข้าได้ข่าวว่าองค์ชายก็ไม่ได้โปรดปรานนางด้วย" 

         คิมซังกุงได้ยินก็หันไปตบหน้านางในทั้งสองคนอย่างแรงจนล้มคว่ำลงไปกับพื้นทั้งคู่

         "นางตัวดี! กล้าดีอย่างไรถึงพูดจาเช่นนี้"

         "ข้า... ข้าขอโทษเจ้าค่ะนายหญิง"

         ท่ามกลางความตื่นตระหนก ทหารยามคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาในตำหนักจนนางในตกอกตกใจ

         "มีอะไร" คิมซังกุงร้องถาม

         "ทะ... แทกุน แทกุนกำลังเสด็จมาทางนี้ขอรับ" ทหารยามละล่ำละลัก

         "องค์ชาย... กำลังมาอย่างนั้นรึ" พระชายาร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ





    เชิงอรรถ


    (1) ยอนจี หมายถึง ชุดของหมอหญิงในวังหลวง เสื้อสีขาว กระโปรงสีดำหรือกรมท่าเข้ม


    (2) การีมา (가리마) หมายถึง หมวกของหมอหญิงในวังหลวง ลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าโค้งลงเล็กน้อย ด้านหลังลาดลงไป


    (3) ฮวาลยอ หมายถึง ชุดของหญิงชาววังที่เป็นระดับหัวหน้านางใน โดยฮวาลยอสีเขียวเข้มจะมีแต่ซังกุงระดับสูงที่สวมใส่ ส่วนซังกุงระดับล่างจะใส่สีเขียวอ่อน ชุดนี้จะคล้ายกับชุดทังอีของเหล่าบรรดาสตรีเชื้อพระวงศ์ แต่จะไร้ลวดลายและสีสันฉูดฉาดใด ๆ ต่างจากเชื้อพระวงศ์
     


    (4) คาเช หมายถึง วิกผมปลอมไว้สำหรับประดับศีรษะหญิงชาววังระดับ ซัง ขึ้นไป ยิ่งวิกสูงเท่าใดก็บ่งบอกถึงยศศักดิ์ที่สูงขึ้นเท่านั้น


    (5) พูบูอิน หมายถึง ตำแหน่งพระชายาขององค์ชาย

    (6) แนเมียงบู หมายถึง ฝ่ายในของราชสำนัก มีพระมเหสีเป็นประมุขและกฎระเบียบเคร่งครัดมาก


      

         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×