ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักวังหลวง [서현]

    ลำดับตอนที่ #44 : ศัตรูติดตาม [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.82K
      114
      30 ก.ค. 62

    ตอนที่ 44 ศัตรูติดตาม






         ย้อนไปเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

         คิมซังกุงยืนรอใต้เท้าคิมด้วยจิตใจที่ร้อนรุ่ม ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร แม้การที่จะให้เรื่องนี้ถึงพระเนตรพระกรรณฝ่าบาทเป็นเรื่องเสี่ยง แต่จะมีทางออกใดอีกเล่า นางไม่มีทางแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพระมเหสีแน่นอน 

         ขุนนางในชุดสีแดงเดินสะบัดแขนออกมาจากตำหนักใหญ่ คิมซังกุงรีบปรี่เข้าไปหาทันที

         "ใต้เท้าคิม เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" ซังกุงรับบัญชาถามด้วยความอยากรู้

         "ถึงฝ่าบาทจะตรัสว่าพระองค์ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวฝ่ายในเพราะหน้าที่นี้ต้องเป็นของพระมเหสี แต่ฝ่าบาทก็ทรงไม่เห็นด้วยรุนแรงที่จะให้มีนางในผ่านการสอบเซ็งกักชิเข้าวังแค่สองคน เพราะนางในในวังหลวงตอนนี้เริ่มไม่พอ นางกำนัลเด็กที่เข้ามาก็มีปริมาณน้อยลงทุกปี พระองค์จึงทรงให้เพิ่มจำนวนผู้ผ่านการสอบอีกสิบคน ซึ่งข้าก็ทูลขอแล้วว่าให้เจ้าเป็นคนจัดการ ฝ่าบาทก็ทรงอนุญาต"

         คิมซังกุงยิ้มหน้าบาน

         "จริงหรือเจ้าคะใต้เท้า"

         "ใช่ แล้วพระองค์จะไปหารือกับพระมเหสีทีหลัง ตอนนี้เจ้าก็รีบให้คิมเซจีไปรายงานตัวเถิด"

         "เจ้าค่ะใต้เท้า ข้าขอบคุณมากเจ้าค่ะ"

         ทันทีที่ใช้อำนาจใต้เท้าคิมแทรกแซงได้สำเร็จ คิมซังกุงก็จัดแจงสั่งการให้มีคนผ่านเซ็งกักชิอีกสิบคน คิมเซจีจากปกติที่สอบตกให้กลายเป็นที่สอง ส่วนซงฮวันที่โดนขังอยู่ก็สั่งให้ปล่อยออกมาและให้นางเป็นผู้ที่สอบได้ที่สาม

         หลายคนที่สอบข้อเขียนซึ่งได้แต้มมากกว่าซงฮวันต่างประท้วงถึงการตัดสินโดยพลการของคิมซังกุงกันยกใหญ่ แต่ด้วยอำนาจของนางที่มากล้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์จึงกลายเป็นเพียงสายลมพัดผ่านหูของเหล่าบรรดาผู้มีอำนาจหน้าที่ซึ่งสามารถไต่สวนเรื่องนี้ได้ พวกเขาวางเฉยอีกทั้งยังปัดสวะไม่รับรู้ด้วยเกรงอิทธิพลคิมซังกุง นางในโชคร้ายเหล่านั้นจึงเดินต้องเดินร่ำไห้ออกไปจากวังด้วยความเศร้าระทม

         คิมเซจีและซงฮวันถูกเรียกให้เข้าพบคิมซังกุงทันทีหลังจากมีประกาศใหม่

         "ข้าจะช่วยออกหน้าให้พวกเจ้าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปต้องรู้จักช่วยตัวเองบ้าง อนาคตข้างหน้าข้าจะไม่สามารถตามไปอุ้มชูอุปถัมภ์พวกเจ้าได้ตลอดหรอกนะ หัดเรียนรู้เองได้แล้ว" คิมซังกุงพูดกับทั้งคู่

         "นายหญิง ขอบคุณมากเจ้าค่ะที่ช่วยข้า" ซงฮวันก้มศีรษะให้

         "ป่านนี้พระสนมมินกับเซโจซังกุงคงจะโกรธจนตัวสั่น แต่จะทำอะไรได้เล่า ฝ่าบาทมีรับสั่งลงมาชัดเจนเช่นนี้แล้ว" คิมซังกุงเอ่ยเยาะ

         "แล้วพระมเหสีเล่าเจ้าคะ พระนางจะไม่ทรงกริ้วหรือ ถูกนายหญิงแทรกแซงเรื่องของฝ่ายในเช่นนี้" เซจีตั้งคำถาม

         "จะกริ้วก็กริ้วไป มีอย่างหรือรับนางในเข้าวังแค่สองคน เสียสติสิ้นดี"

         "แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ"

         "หลังจากรายงานตัว ซังกุงจะถามว่าเจ้าจะไปอยู่ห้องใด สังกัดใด เจ้าจงตอบไปว่านางในตำหนักใหญ่" คิมซังกุงสั่งหลานสาวตน

         "นางในตำหนักใหญ่! นายหญิง นางในที่จะไปประจำตำหนักใหญ่ได้ต้องเป็นนางในที่ผ่านการทดสอบออซองเคียงวอน(1) แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ เซ็งกักชิธรรมดาจะเข้าไปได้อย่างไร" คิมเซจีรีบพูด

         "เจ้าเป็นลูกหลานใครลืมแล้วหรือ ไม่ต้องห่วง อย่างไรเจ้าก็เป็นได้ และที่ข้าให้เจ้ามาอยู่ตำหนักใหญ่ก็เพราะนางในที่อยู่สังกัดนี้จะมีโอกาสเลื่อนระดับชั้นได้ง่ายกว่านางในสังกัดอื่นๆ"

         "แต่ว่านายหญิง--"

         "เหตุผลอีกข้อก็คือ องค์ชายยิมโฮ"

         คิมเซจีชะงัก เบิกตากว้างมองนายหญิงของตนด้วยความตกใจ

         "นายหญิง... ทำไม... ทำไมองค์ชายถึงมาเกี่ยวด้วยเจ้าคะ"

         "เพราะอีกสองวันจะเป็นวันคล้ายวันประสูติของยิมโฮแทกุน ในวังจะจัดงานเลี้ยงฉลอง ทุกปีนางรำของวังหลวงจะจัดการแสดงถวายทว่าปีนี้ฝ่าบาทมีพระประสงค์ไม่อยากให้สิ้นเปลืองจึงให้นางในตำหนักใหญ่เท่านั้นที่จะมาถวายความสำราญให้แก่องค์ชาย เซจี เจ้ามีฝีมือในการร้องรำทำเพลงสมัยอยู่นอกวังมิใช่หรือ จงใช้โอกาสนี้แสดงให้องค์ชายเห็นและหลงใหลเจ้าให้จงได้ ตอนนี้หนทางสะดวกแล้วสำหรับเจ้า" คิมซังกุงกล่าว

         คิมเซจีนิ่งเงียบไป แน่นอนว่าการได้เข้าใกล้องค์ชายและได้ถวายการรับใช้คือสิ่งที่นางถวิลหามากที่สุด โอกาสอันดีรอคอยอยู่ข้างหน้าแล้ว และถ้าหากองค์ชายพึงพอใจขึ้นมาอีกทั้งแต่งตั้งให้ตนเป็นพระชายาเล่า!

         แต่ฉับพลันฝันก็แตกสลาย ความจริงบางประการเข้ากระแทกคิมเซจีทันที

         "นายหญิง!" นางร้องขึ้น "นางในคือผู้หญิงของพระราชามิใช่หรือเจ้าคะ องค์ชายไม่สามารถแตะต้องเราได้นี่เจ้าคะ"

         คิมซังกุงหัวเราะลั่น

         "ความพึงพอใจแลความพิศวาสเสน่หาของหนุ่มสาวจะหยุดได้หรือหากบังเกิดขึ้น แต่แน่นอนว่ากฎต้องเป็นกฎ ชายใดย่อมแตะต้องนางในอันเป็นสมบัติของฝ่าบาทไม่ได้"
     
         "แล้วเหตุใดนายหญิงถึงยังสั่งให้ข้าไปทำเช่นนั้นกับองค์ชายเล่าเจ้าคะ" เซจีสงสัย

         คิมซังกุงยิ้มมุมปาก

         "เพราะว่าสิ่งที่เจ้าจะทำ... ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องรู้"

         "นายหญิง!" เซจีร้องด้วยความตกใจ "นั่น... นั่นคือโทษตายเลยนะเจ้าคะ"

         ซงฮวันมองทั้งคู่ด้วยความงุนงง

         "ทุกอย่างมันต้องเสี่ยงเซจี กว่าข้าจะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ก็ต้องผ่านเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับครั้งไม่ถ้วน และเจ้าก็อย่าลืม อนาคตตำแหน่งองค์ชายสามารถเลื่อนขึ้นเป็นรัชทายาทได้ ตอนนั้นหากข้าย้ายเจ้าจากแนเมียงบูไปอยู่เซจากุงก็สิ้นเรื่อง"

    (*นางในแนเมียงบูคือสตรีของพระราชา ส่วนนางในเซจากุงคือสตรีของรัชทายาท ประจำอยู่ตำหนักตงกุงเท่านั้น)

         "นายหญิง ท่านพูดยังกับตำแหน่งรัชทายาทว่างอยู่ ตอนนี้องค์รัชทายาทลีซองแจก็ยังดำรงตำแหน่งอยู่นี่เจ้าคะ" เซจีค้าน

         "ตอนนี้" คิมซังกุงยกจอกชาขึ้นจิบ "อธิบายไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ รอให้เวลาผ่านไปอีกสักหน่อยเจ้าจะเข้าใจเอง" นางวางจอกชาลงบนโต๊ะ "เอาล่ะ เจ้าออกไปได้แล้ว" 

         คิมเซจีทำท่าเหมือนอยากซักไซ้ต่อ แต่เมื่อเห็นแววตาของคิมซังกุงนางก็ก้มศีรษะก่อนจะรีบออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็ว

         เมื่ออยู่กันตามลำพังกับซงฮวัน คิมเซจีก็เป็นฝ่ายกล่าวขึ้นก่อน

         "ส่วนเจ้า ซงฮวัน จงไปอยู่ห้องเขียนหนังสือ"

         "นายหญิง!" ซงฮวันร้อง "ทำไมถึงอยากจะให้ข้าไปอยู่ห้องนั้นเจ้าคะ ข้าไม่ถนัดการเขียนใดๆ เลย ได้โปรดส่งข้าไปเป็นนางในตำหนักใหญ่เหมือนเซจีด้วยเถิดเจ้าค่ะ"

         "ไม่ได้!"

         "นายหญิง"

         "ที่เจ้าออกมาจากห้องคุมขังได้ ที่ผ่านการสอบเซ็งกักชิจนได้ที่สาม ไม่ใช่เพราะข้าหรอกหรือ หากไม่มีข้าช่วยป่านนี้เจ้าคงกระเด็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว"

         ซงฮวันก้มหน้าลง

         "ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่จะตอบแทนบุญคุณข้าบ้าง และถ้าเจ้าทำงานได้ดีเยี่ยม ชีวิตในวังข้างหน้าก็จะราบรื่นสุขสบายไปยาวนาน"

         "แล้ว... แล้วเหตุใดนายหญิงถึงอยากให้ข้าไปอยู่ห้องเขียนหนังสือเล่าเจ้าคะ"

         "เพื่อกำจัดปาร์คซอฮยอน"

         "อะไรนะเจ้าคะ! ซอฮยอนเกี่ยวอะไรด้วย"

         "ข้าไม่รู้ว่านางเป็นใครมาจากไหน รู้แต่ว่าเป็นลูกสาวบุญธรรมใต้เท้าปาร์ค ทว่าความเก่งกาจของนางทำให้ข้าหวาดหวั่นในใจ คนฉลาดอยู่ร่วมรุ่นเดียวกับเซจี วันหน้านางจะฉายแสงบดบังเซจีแน่นอน ฉะนั้นต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม"

         "แล้วทำไมต้องให้ข้าไปอยู่ห้องเขียนหนังสือเจ้าคะ"

         "ข้าสืบมาว่านางจะไปอยู่ห้องนั้น เจ้าจงตามนางไปและหาจังหวะกำจัดนางให้จงได้ เพราะยามใดที่นางต้องออกจากวัง ตำแหน่งแนอินอันดับหนึ่งก็จะตกมาเป็นคนที่สอบได้ที่สองในเซ็งกักชิ ซึ่งนั่นก็คือเซจี เจ้าทำให้ข้าได้รึเปล่า"

         ซงฮวันรีบพยักหน้า

         "ถ้าเป็นการกำจัดนางคนนี้ ข้ายินดีรับใช้เจ้าค่ะ"

         "ดีมาก ยิ่งกำจัดนางเร็วเท่าไรก็จะยิ่งดีเท่านั้น"

         "เจ้าค่ะนายหญิง"






         กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

         "อะไรนะ! เจ้าเนี่ยหรือจะมาเข้าห้องเขียนหนังสือ เจ้าสอบได้ที่เท่าไรถึงจะมาเข้าน่ะ" ซุนฮวาถาม

         "ข้าได้ที่สาม ทำไมหรือ" ซงฮวันตอบพลางยิ้มเยาะ

         "ที่สามอะไรกัน เจ้าตกมิใช่หรือ"

         ซงฮวันหัวเราะกวนประสาทก่อนจะยื่นม้วนกระดาษให้ซังกุง

         "นายหญิง นี่คือลำดับใหม่ของการสอบเซ็งกักชิ คิมซังกุงได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาทให้ทำการคัดเลือกใหม่ ท่านจงดูเอาเถิด"

         ซังกุงคลี่ม้วนกระดาษออกอ่าน

         "ปาร์คซอฮยอนที่หนึ่ง คิมเซจีที่สอง คังซงฮวันที่สาม แชซุนฮวาที่สี่"

         "อะไรกัน ทำไมข้าถึงกลายเป็นที่สี่" ซุนฮวางุนงง

         "เจ้านี่โวยวายเสียงดังจริง" ซงฮวันพูดเหยียดหยาม "นี่คือคำสั่งใหม่โดยซังกุงรับบัญชาซึ่งได้รับประทานอนุญาตจากฝ่าบาทโดยตรง เจ้าไม่มีสิทธิ์คัดค้าน เอาล่ะ นายหญิงเจ้าคะ ข้าคังซงฮวัน ประสงค์จะเข้าห้องเขียนหนังสือและจดบันทึกสังกัดกองงานวรรณกรรมเจ้าค่ะ"

         "แล้วอีกคนล่ะ" ซังกุงหันไปมองเซจี

         "นางในตำหนักใหญ่เจ้าค่ะ" 

         ซอฮยอนขมวดคิ้ว

         หลังจากทั้งคู่ลงทะเบียนเรียบร้อยก็เดินผ่านซอฮยอนและซุนฮวาไปราวกับทั้งคู่ไม่มีตัวตน

         "นี่มันบ้าอะไรกัน" ซุนฮวาร้องขึ้นอย่างอารมณ์เสีย "อยู่ดีๆ ก็ได้ที่สองที่สาม อีกทั้งยังมาอยู่ห้องเดียวกับเราด้วย จะตามจองล้างจองผลาญไปถึงไหนกัน"

         "ข้าสงสัยอย่างอื่นมากกว่า" ซอฮยอนเอ่ยเบาๆ

         "อะไรหรือ"

         "ทำไมซงฮวันถึงเข้าห้องเขียนหนังสือ แต่เซจีไปอยู่ตำหนักใหญ่"

         "จริงด้วย" ซุนฮวาทำท่านึกขึ้นได้ "ข้าเองก็แปลกใจ ทำไมถึงแยกกันทั้งๆ ที่ตามติดกันตลอดมา" นางหรี่ตาครุ่นคิด "แต่อย่าไปใส่ใจเลย ตอนนี้ข้าจะไปที่กองงานวรรณกรรมก่อน เจ้าเอาข้าวของเจ้ามาฝากข้าสิ ต้องรีบออกไปนอกวังมิใช่หรือ"

         "จริงด้วย ลืมไปเสียสนิท เช่นนั้นฝากเจ้าด้วยนะ ข้าจะรีบไปรีบกลับ" ซอฮยอนยื่นห่อผ้าให้เพื่อน

         "ได้ เดินทางดีๆ ล่ะ"







         ซอฮยอนมาที่สุสานน้ำตาก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อก้าวเข้ามาในเขตสุสานของสกุลซินสายตานางก็แลไปที่หลุมของพี่สาวต่างมารดาของตนพลางทอดถอนหายใจ 

         หญิงสาวเดินลัดเลาะไปตามแถวของหลุมศพ เมื่อมาถึงป้ายวิญญาณของซินฮวารยอน ซินซอฮยอนก็ค่อยๆ ยกสองแขนคำนับแบบเต็มให้กับอดีตพระชายาอย่างช้าๆ 

         "ท่านพี่" ซอฮยอนลูบผิวดินด้วยความคิดถึง "ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ กลับมาเยี่ยมท่าน" นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านแต่ไม่ร้องไห้อีกแล้ว

         "ข้าสอบเข้าเป็นนางกำนัลได้เรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่ได้เป็นเต็มตัวแต่ก็เป็นแนอินอันดับหนึ่ง ข้าทำตามคำสั่งท่านพี่อย่างเคร่งครัด จดหมายสามฉบับที่ท่านให้ไว้ข้าก็เก็บไว้อย่างดีเพื่อรอวันที่จะเปิดอ่าน"

         "มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นด้วยเจ้าค่ะท่านพี่ มีเพื่อนร่วมรุ่นของข้าคนหนึ่งชื่อคิมเซจี นางเป็นหลานแท้ๆ ของคิมซังกุงที่ทำร้ายท่านจนตาย ท่านพี่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญรึไม่เจ้าคะ มันทำให้ข้าคิดว่าอีกไม่นานข้าอาจต้องเผชิญหน้ากับนาง"

          ซอฮยอนพูดราวกับพี่สาวต่างมารดานั่งฟังอยู่เบื้องหน้าของตน

         "แต่นางคงไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าข้าเป็นน้องสาวต่างมารดาของท่านพี่ เพราะใต้เท้าซินให้ข้าเข้าวังในฐานะสกุลปาร์ค ฉะนั้นข้าปลอดภัยแน่นอน ท่านไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ"

         ซอฮยอนดึงวัชพืชออกจากหลุมศพ

         "วันนี้ข้าเลือกเข้าห้องเขียนหนังสือและจดบันทึกสังกัดกองงานวรรณกรรมเจ้าค่ะ ใต้เท้าหัวหน้ากองใจดีนัก ท่านคงไม่โกรธข้านะเจ้าคะที่เลือกห้องนี้ ท่านพี่เคยบอกเอาไว้เองว่าข้ามีความถนัดด้านการเขียน" 

         หญิงสาวยังคงพูดเรื่อยเปื่อยต่อไปโดยหารู้ไม่ว่า ยิมโฮแทกุนและมหาดเล็กโชคังอินพร้อมทหารติดตามสามสี่นายกำลังเดินใกล้สุสานเข้ามาทุกที






    [ต่อจาก 50%]





         ด้วยเพราะการเสด็จขององค์ชายในครั้งนี้เป็นความลับ ยิมโฮแทกุนจึงใส่ชุดจุงชีมัคซึ่งคล้ายกับชุดของพวกขุนนางและบัณฑิตทั้งหลายใส่ลำลองยามออกจากบ้าน หากผู้ใดมองมาก็จะดูคล้ายกับคุณชายทั่วไป ส่วนมหาดเล็กและทหารติดตามก็มีรับสั่งให้ใส่ชุดจุงชีมัคเช่นกันเพื่อที่จะได้แลดูเหมือนเป็นสหายมากกว่าเจ้านายลูกน้อง

         "ผ่านป่าสนนี้ไปหรือ" องค์ชายตรัสถาม

         "พ่ะย่ะค่ะ สุสานสกุลซินอยู่ข้างหน้า" มหาดเล็กโชทูลตอบ

         "หม่อมฉันจะออกไปดูลาดเลาที่สุสานก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ เพราะถ้าหากมีผู้ใดเห็นพระองค์แอบปลอมตัวออกนอกวังมายืนอยู่ที่หลุมฝังศพของอดีตพระชายาจะเป็นเรื่องเอา" ทหารติดตามคนหนึ่งพูดขึ้น

         "ได้ ข้าจะรออยู่ตรงนี้"

         ทหารผู้นั้นก้มศีรษะคำนับองค์ชายก่อนจะหันหลังวิ่งห้อมาตามถนนลูกรังที่สองข้างทางขนาบด้วยป่าสนอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงบริเวณเขตสุสานสกุลซินเขาก็ค่อยๆ ชะเง้อคอมองไปทั่วสุสานอย่างช้าๆ พยายามสำรวจตรวจตราทุกจุดด้วยความถี่ถ้วน หูก็เงี่ยฟังสรรพสำเนียงทั้งหลาย

         สุสานนั้นเงียบนัก ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เมื่อทหารประจำพระองค์กำลังเตรียมหันวิ่งไปรายงานองค์ชาย ฉับพลันก็เห็นบางอย่างขยับไหวอยู่กลางสุสาน เขาจับจ้องมองอยู่ชั่วครู่ก็พบว่าเป็นหญิงสาวแรกรุ่นนางหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าหลุมศพพลางเด็ดถอนต้นหญ้าวัชพืชต่างๆ ออกไปจากพื้นดิน

         ทหารหนุ่มขมวดคิ้วก่อนที่จะเดินมุ่งตรงเข้าไปหา

         "นี่เจ้า!" 

         ซอฮยอนสะดุ้งโหยงเงยหน้ามองบุรุษปริศนาแปลกหน้าที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยความตกใจ นางรีบลุกขึ้นยืน

         "เจ้าเป็นใคร" ทหารประจำพระองค์แทกุนถาม

         "แล้วท่านล่ะเป็นใคร"

         "นี่... ข้าถามเจ้าก่อนนะ" นายทหารเสียงเข้มขึ้น "แล้วมาทำอะไรอยู่หลุมฝังศพนี้"

         ซอฮยอนเหลือบมองหลุมศพพี่สาวต่างมารดาแวบหนึ่งก่อนจะพูดว่า

         "ข้า... ข้าเป็นคนดูแลและทำความสะอาดสุสานของสกุลซินน่ะเจ้าค่ะ" นางตัดสินใจปด

         "เช่นนั้นหรือ" นายทหารมองหญิงสาวอย่างประเมินค่า "ถ้าเสร็จแล้วก็ไปได้"

         "เอ่อ ข้ายังไม่เสร็จ" ซอฮยอนรีบพูด นางเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ยังไม่ทันหายคิดถึงฮวารยอนเสียด้วยซ้ำ

         "นี่เจ้า" นายทหารพูดเสียงเบา "มีคนหนึ่งกำลังมาที่สุสานแห่งนี้ เจ้าจะมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ไม่ได้ จงไปไหนก็ไปเถิด หากพวกข้าไปแล้วเจ้าค่อยกลับมาใหม่"

         "ใครจะมาหรือ" ซอฮยอนสงสัย

         "เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลหนึ่ง"

         "ตระกูลไหนหรือเจ้าคะ"

         "ไม่ใช่กิจของเจ้า"

         "ทำไมเจ้าคะ จะมาเยี่ยมใคร หลุมไหนก็เยี่ยมไปสิเจ้าคะ ข้าอยู่ตรงนี้ไม่เห็นจะเป็นอันใด"

         "ก็หลุมที่เขาจะมาเยี่ยมคือหลุม--" นายทหารเผลอพูดออกไปก่อนที่จะยั้งตัวเองได้ทัน

         "หลุมไหนเจ้าคะ" ซอฮยอนหรี่ตา

         "ข้าก็ไม่รู้" นายทหารรีบพูดกลบเกลื่อน "เอาเป็นว่าเจ้ารีบออกไปเถิด"

         ซอฮยอนมองบุรุษปริศนาด้วยความสงสัย 






         "ทำไมไปนานนัก" องค์ชายที่ยืนรอในป่าสนตรัสขึ้น

         "เขาอาจพบคนอยู่ในสุสานก็ได้พ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กโชตอบ

         "ข้าไม่อยากรออีกแล้ว จะเข้าไปเดี๋ยวนี้" 

         "องค์ชาย! ใจเย็นก่อน จะให้ใครเห็นพระองค์ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"

         "ข้าไม่สน แค่มาเยี่ยมอดีตพระชายาที่ข้าเคยทำผิดต่อนาง ทำไมจะทำไม่ได้"

         "หม่อมฉันเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ แต่พระองค์ทรงอย่าลืมนะว่าอดีตพระชายามีโทษอันใดบ้างก่อนตาย ทำให้ตอนนี้เท่ากับว่าพระองค์มาเยี่ยมนักโทษซึ่งขัดกับรับสั่งพระมเหสีนะพ่ะย่ะค่ะ"

         แต่องค์ชายหาได้สนใจไม่ พระองค์เดินพรวดพราดโดยไม่รั้งรอมหาดเล็กคนสนิทก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในสุสานอย่างรวดเร็ว

         สตรีในชุดชอโกรีสีแดงเดินหันหลังออกไปจากสุสานพอดี องค์ชายเพ่งตามองตามอย่างแปลกใจ เมื่อนายทหารติดตามที่ยืนอยู่ไม่ห่างสตรีปริศนาผู้นั้นหันมาเห็นองค์ชายก็รีบเดินเข้ามาคำนับ

         "แม่นางผู้นั้นคือใครกัน" องค์ชายตรัสถามเมื่อหญิงนางนั้นเดินหายเข้าไปในป่าสนเรียบร้อยแล้ว

         "นางเป็นคนดูแลสุสานนี้พ่ะย่ะค่ะ"

         "ดูแลสุสานหรือ" องค์ชายทวนคำ 
     
         "พ่ะย่ะค่ะ แล้วหลุมที่นางเพิ่งทำความสะอาดไปก็คือหลุมของอดีตพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

         "จริงหรือ รีบพาข้าไปที"

         นายทหารเดินนำเสด็จองค์ชายจนมาถึงที่ฝังศพของอดีตพระชายา ทันทีที่พระองค์มาถึงก็ยืนชะงักอยู่ชั่วขณะก่อนจะก้มลงเอื้อมพระหัตถ์ลูบป้ายวิญญาณที่สลักชื่อซินฮวารยอนอย่างแผ่วเบา มหาดเล็กและนายทหารคนอื่นๆ ต่างพากันเดินออกห่างจากบริเวณนั้นเล็กน้อยและยืนก้มศีรษะอย่างรู้หน้าที่

         "เจ้าคงจะโกรธข้าอยู่ใช่รึไม่ แน่นอนว่าเจ้าต้องโกรธ" องค์ชายหลับตาลงอย่างร้าวราน "ข้าปล่อยให้เจ้าจากไปอย่างอนาถ สร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าทั้งยามเป็นและยามตาย ไม่เคยเหลียวแลอย่างสามีที่พึงปฏิบัติต่อภรรยา ขนาดงานศพข้ายังขลาดกลัวที่จะมา เช่นนั้นฮวารยอน ข้าจะไม่ขอให้เจ้ายกโทษให้ข้า เพราะความผิดที่ข้าทำนั้นยากเกินกว่าจะให้อภัย"

         "แต่ข้าจะเปิดโปงเรื่องของเจ้าในสักวันหนึ่ง ข้ามั่นใจว่าเรื่องเจ้าที่มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับหมอชาวบ้านนอกวังหรือแม้แต่เรื่องตั้งครรภ์ไม่ได้นั้นเป็นเรื่องโกหก ข้าจะพิสูจน์ความจริงออกมาให้ได้ ข้าสัญญา"

         องค์ชายแตะผิวดินที่เป็นจุดฝังร่างไร้ลมหายใจของฮวารยอนด้วยความสะเทือนพระทัย แต่ด้วยความช่างสังเกตของยิมโฮแทกุนทำให้ทอดพระเนตรเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติบนหลุมศพ

         "พวกเจ้าเข้ามาตรงนี้ที" องค์ชายตรัสเรียกนายทหารติดตาม

         "พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"

         "แม่หญิงเมื่อครู่ ตอนที่เจ้าพบนาง นางกำลังอยู่ที่หลุมศพใดหรือ"

         "หลุมศพพระชายานี่แหละพ่ะย่ะค่ะ"

         องค์ชายขมวดคิ้วด้วยความแปลกพระทัย

         "นางบอกเจ้าว่าเป็นคนดูแลสุสานที่นี่อย่างนั้นหรือ" 
       
         นายทหารพยักหน้า

         "ใช่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงผิดสังเกตสิ่งใดหรือ"

         ยิมโฮแทกุนกวาดตามองหลุมศพอื่นๆ ที่เรียงรายอยู่ภายในสุสาน

         "น่าแปลก นางเป็นคนดูแลสุสาน แต่ทำไมจึงมีเพียงหลุมศพของฮวารยอนเท่านั้นที่ถูกทำความสะอาดและได้รับการกำจัดวัชพืชแลต้นหญ้าเสียสิ้น"

         ทุกคนนิ่งเงียบ

         "ข้าไม่ทันได้เห็นหน้านาง ว่าแต่เจ้าได้ถามชื่อนางรึไม่" ยิมโฮแทกุนตรัสถามนายทหาร

         "เอ่อ หม่อมฉันไม่ได้ถามพ่ะย่ะค่ะ" 

         องค์ชายทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองเข้าไปในป่าสน ทิศที่สตรีปริศนาเดินจากไป...
     
        




         "นึกว่าลืมข้าไปแล้ว" ฮเยวอนพูดประชดประชันทันทีที่เห็นหน้าลูกสาวของตนเดินเข้ามาคำนับถึงในบ้าน

         ซอฮยอนขยับมาใกล้พลางคว้าแขนมารดาก่อนจะซุกหน้าลงอย่างออดอ้อน แต่ฮเยวอนก็เบือนหน้าหนี

         "อย่ามาทำตัวเหมือนเด็ก เจ้าน่ะเป็นนางกำนัลแล้วนะ หัดสำรวมบ้าง"

         "ท่านแม่หายโกรธข้าแล้วหรือเจ้าคะ ถึงยอมพูดกับข้าแล้ว" ซอฮยอนเอ่ย มารดาค้อนขวับ

         "มีประโยชน์อันใดหากข้าจะมามัวโกรธเจ้าอยู่ เจ้าจะลาออกจากการเป็นนางในไหมก็ไม่ ได้ยินว่าสอบได้ที่หนึ่งเลยมิใช่หรือ"

         "ท่านแม่รู้เรื่องนี้ด้วยหรือเจ้าคะ!"

         "ใต้เท้าซินมาบอกเมื่อวาน" ฮเยวอนพูดเบาๆ

         "อ๋อ ใต้เท้านั่นเอง ว่าแต่ท่านแม่สบายดีรึไม่เจ้าคะ โรงเตี๊ยมเป็นอย่างไรบ้าง" ซอฮยอนถามไถ่

         "ก็ดี กิจการไปได้ค่อนข้างน่าพึงพอใจ ส่วนข้าก็ไม่เป็นอะไร แต่ยามแก่เฒ่าคงไร้ลูกหลานมาดูแลหากล้มเจ็บ เพราะลูกสาวเข้าวังไปเป็นผู้หญิงของพระราชาเรียบร้อยแล้ว" ฮเยวอนตัดพ้อทีเล่นทีจริง

         "ท่านแม่อย่าพูดเช่นนี้สิเจ้าคะ"

         ฮเยวอนมองหน้าบุตรสาวของตน เมื่อเห็นว่าซอฮยอนทำหน้าสลดลงก็ทำให้คลายอารมณ์โกรธไปได้บ้าง

         "แล้วเจ้าสบายดีใช่ไหม อยู่ในวังคงไม่เจอเรื่องแปลกๆ นะ" 

         ซอฮยอนนึกถึงเรื่องคดีความของฮงซังกุง การสอบเซ็งกักชิ การเผชิญหน้ากับหลานสาวคิมซังกุง ทั้งหมดนี้มันยิ่งกว่าเรื่องแปลก แต่ด้วยกลัวมารดาจะเป็นห่วงจึงพูดโกหกไปว่า

         "สบายดีมากเจ้าค่ะ ชีวิตในวังข้าสงบสุขราบรื่นดีมาก"

         "จริงหรือ" มารดาเลิกคิ้ว

         "จริงสิเจ้าคะ" ซอฮยอนรีบเปลี่ยนเรื่องพูด "ว่าแต่นี่คือบ้านที่ใต้เท้าซินยกให้ท่านใช่รึไม่เจ้าคะ ใหญ่โตสวยงามนัก แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านแม่ไม่ไปอยู่บ้านสกุลซินเลยเล่าเจ้าคะ"

         "ข้าไม่อยากไป" ผู้เป็นมารดาตอบ "ข้าไม่อยากกลับไปเจอไปเห็นภาพความทรงจำในอดีตของสถานที่แห่งนั้น รวมไปถึง..." 

         ฮเยวอนหลับตาลง

         "ช่างมันเถิด มันนานมากแล้ว เอาเป็นว่าข้าพอใจที่จะอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้คนก็ติฉินนินทามากมายอยู่แล้วเรื่องขายลูกสาวเข้าวังเป็นนางในเพื่อแลกกับทรัพย์สมบัติ"

         "ใครกันที่พูดจาเช่นนี้" ซอฮยอนพูดอย่างโกรธเคือง

         "ช่างเขาเถิด คนมีปากก็พูดไป แล้วนี่เจ้าไปเยี่ยมฮูหยินแชรึยัง" ฮเยวอนถาม

         "ยังเจ้าค่ะ ว่าจะไปเย็นนี้"

         "แล้วพรุ่งนี้เช้าก็เข้าวังเลยหรือ"

         "เช้ามืดเจ้าค่ะ"

         "แล้วจะออกมาได้อีกได้เมื่อไร"

         ซอฮยอนก้มหน้าลง

         "หากไม่ได้รับมอบหมายจากซังกุงหรือได้รับอนุญาต ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ออกจากวังอีกแล้วเจ้าค่ะ"

         ผู้เป็นมารดานิ่งเงียบไป

         "เจ้ายอมเข้าวังเพราะฮวารยอนใช่หรือไม่" 

         "ท่าน... ท่านแม่รู้..." หญิงสาวตกใจ

         "อย่าได้ดูถูกสายตาของผู้เป็นแม่เด็ดขาด ทำไมข้าจะมองไม่ออก ได้ยินว่าถึงกับปลอมจากสกุลซินเป็นสกุลปาร์คเลยมิใช่หรือ ซอฮยอน เจ้าคิดจะเข้าไปทำอะไรในวังกันแน่"






    โปรดติดตามตอนต่อไปได้ในชื่อตอน งานฉลองวันประสูติของยิมโฮแทกุน





    เชิงอรรถ

    (1) ออซองเคียงวอน หมายถึง การทดสอบของนางวังในสมัยโชซอนเมื่อถึงอายุ 15 ปี เป็นการสอบสำหรับเลื่อนระดับจากแนอินเป็นนางในเต็มตัว ใครที่ตกจะถูกคัดออกจากวังทันที แต่ถ้าสอบผ่านจะกลายเป็นนางในมีชั้นยศหรือที่เรียกว่าพุม
         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×