ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( exo ) BAKE A WISH - KAIHUN ft. EXO

    ลำดับตอนที่ #7 : 06 : หาทางออกจากคุณ ช่างยากกว่าเขาวงกต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.61K
      26
      5 ต.ค. 58






    CHAPTER 6

     

     

     

     

     

    บางทีคุณก็เหมือนกับเขาวงกตที่ซับซ้อน ..

    ต่อให้ผมหาทางออกเท่าไหร่ ก็ไปจากคุณไม่ได้เลย : )

     

     

     

                “ห่าเอ๊ย! ลืมได้ไงวะ”

    ขายาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามทางฟุตบาทภายในมหาลัย พลางยกแขนมองดูนาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเข้าคลาสช่วงเช้า ทว่าคนอย่างลู่หานกลับยังไม่ไปถึงตึกคณะของตัวเองทั้งๆที่มีควิซในคาบเช้านี้..

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเหอะคุณ เด็กบัญชีที่ไหนไม่พกเครื่องคิดเลขมาด้วย ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันสอบแท้ๆ หาคนวิเศษแบบมันไม่ได้อีกแล้วบนโลกนี้ แล้วยังไง..ก็ต้องลำบากคนหน้าตาดี(?)อย่างบยอนแบคฮยอนที่กำลังเดินทางมามหาลัยแต่ก็ได้รับสายอันเร่งด่วนพร้อมน้ำเสียงร้อนรนที่พอจะจับใจความได้ว่า 'ยืมเครื่องคิดเลขหน่อยดิพี่!'

     

    "มึงไปตกบันไดมารึไง ถึงได้สมองเสื่อมแบบนี้"

     

    "พี่แม่งไม่เข้าใจคนเลี้ยงแมวว่ะ"

     

    "แมวไรมึง?"

    แบคฮยอนทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหาเครื่องคิดเลขสุดรักสุดหวงที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นเฟรชชี่ พาเขารอดตายกับการสอบมานักต่อหลายนัก ไม่สนิทกันแบบนี้ ไม่มีทางให้ยืมเด็ดขาดเหอะ เครื่องคิดเลขกูขลังมากเว่ย!

     และดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะได้คำตอบสำหรับคำถามก่อนหน้านั้น สายตาจ้องมองสภาพของรุ่นน้องคนจีนตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ต่างอะไรกับพวกตื่นนอน ที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เหมือนเพิ่งลุกออกมาจากเตียงแล้วก็มาเรียนเลย เด่นสุดก็ตรงที่..รอยแดงจางๆบริเวณต้นคอมันนั่นแหละ

     

    "มึงเลี้ยงยุงตัวใหญ่ไว้ด้วยสินะ"

     

    "อ..เออ"

    ลู่หานตอบตะกุกตะกัก หมั่นไส้กับอาหารเคอะเขินของแม่งจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาก็เพิ่งจะเห็นมันมีอาการกะริกกะรี้น่าหมั่นไส้แบบนี้แหละครับคุณ เด็กดนตรีนั่นคงใช่ย่อยจริงๆ ถึงได้สยบสันดาน play boy ของมันได้อย่างราบคาบ ที่ว่าเลี้ยงแมวนี่ก็คงไม่พ้นใครนอกจากคิมมินซอก ภายนอกดูนิ่งๆ แต่อาจจะซ่อนกงเล็บเป็นแมวยั่วสวาทขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ มีแต่ไอ้ลู่หานมันนี่แหละครับที่รู้

     

    "แบคฮยอนครับ ผมสั่งกาแฟร้อนมาเผื่อ"

    สุ้มเสียงทุ้มต่ำดังแทรกขึ้นบทสนทนา ก่อนลู่หานจะหันไปมองบุคคลที่สามที่เดินเข้ามาใหม่ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจให้ชายแปลกหน้าคนนี้อยู่สองข้อ 1.ไอ้สูงหน้าหล่อนี่แม่งเป็นใคร 2.ทำไมต้องซื้อนู่นซื้อนี่มาฝากแบคฮยอน ?

     

    "ขอบคุณครับ เอ่อ..นี่ลู่หาน คนที่ผมบอกว่าจะมายืมของ"

     

    "สวัสดีครับ" ยื่นมือหวังจะทักทายสไลต์ยุโรป หากแต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่ง ขมวดคิ้วแปลกใจท่าเดิมไม่มีท่าทีจะทักทายกลับจนแบคฮยอนที่เป็นคนกลางรู้สึกว่าตัวเองกำลังตัวหดลงเหลือสิบเซ็น

     

    "นี่คุณชานยอล เป็นเจ้าหน้าที่กงสุลเกาหลีที่ซานฟราน" แบคฮยอนพูด "ทักทายเขาหน่อยสิมึง" และกระซิบประโยคดังกล่าวผ่านไรฟัน จ้องหน้ารุ่นน้องไม่ให้ทำตัวเสียมารยาท

     

    "ผมคนเอเชีย ไม่ต้องจับมือก็ได้มั้ง"

     

    "..." เรื่องสร้างงานสร้างอาชีพให้กูนี่ถนัดนัก = _ =

     

    "เป็นเจ้าหน้าที่กงสุล แล้วมาทำอะไรที่นี่วะคุณ อย่าบอกนะว่า.."

     

    "เจ๊ก มึงควรรีบไปสอบ" แบคฮยอนพูดตัดบท หันหน้ามาทางรุ่นน้องคนสนิท แล้วหันหลังไม่ให้ชานยอลเห็นว่าเขากำลังกัดฟันทำหน้าจะฆ่ามันให้ตายตรงนี้อยู่แล้ว

     

    "มาส่งแบคฮยอนครับ" : )

    เอาเข้าไป .. วันนี้วันอะไร ภายใต้พื้นคอนกรีตนี่กูสามารถแทรกตัวหนีฝังลึกลงไปถึงชั้นเมนทอลเลยได้ไหม ใครก็ได้ แยกทุกคนออกไปจากตรงนี้ที

     

    "เออ รู้จักกันแล้วนะ มึงไปสอบซะ ส่วนกูจะไปส่งคุณชานยอลหน้าประตูแล้วก็จะไปเรียนแล้ว"

    ไม่ปล่อยให้บรรยากาศสงครามเย็นได้ดำเนินต่อ แบคฮยอนเอ่ยตัดบทสั้นๆ จับไหล่น้องชายชาวจีนให้หันหลังเพื่อกลับไปตามทางเดิมของตัวเอง ทว่ามันกลับยืนอยู่ที่เดิม และเจ้าของใบหน้าหล่อปนหวานเองก็ยังยืนยิ้มเป็นคุณชายมารยาทดีตามสไตล์เขา แถมถือกาแฟในมือที่ซื้อมาเผื่อรอเขาอีก บีฟกันเข้าไป

     

    "ทำไมต้องซื้อกาแฟมาเผื่อ จีบพี่ผมเหรอคุณ"

     

    "ไอลู่!" สาบานว่าเรื่องมันจะจบไวกว่านี้ถ้าคนอย่างแม่งไม่ปากมากต่อบทให้มันยืดยาว และมันจะไม่อะไรเลยถ้าสิ่งที่มันพูดออกมาไม่ใช่ประโยคดังกล่าวที่เหมือนเป็นการล่อสายฟ้าให้ผ่ากลางกระบาลกูแบบนี้ เหี้ยเหอะ!

     

    "ครับ"

     

    "..." เดี๋ยว ..

     

    "ขออนุญาตเลยแล้วกัน" : )

     

    "..." พี่เขาพูดว่าอะไรนะครับ

     

    น้องแบ้กไม่เข้าใจมากๆ ..

     

    "ไม่อนุญาต"

    ลู่หานตอบเสียงนิ่ง ยักไหล่พลางเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างกวนๆใส่คนฟัง แบคฮยอนหันหน้าไปมอง อาการสับสนกับอาการก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้ายมันเต้นรัวเป็นกลองชุด ปะปนกันจนไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรก่อนดี รู้แค่ว่าตัวเองในตอนนี้..คงจะกลายเป็นเจ้างั่งที่สุดในโลกแล้ว

     

    "ไอเตี้ยมันกินเก่ง จะแน่ใจได้ไงว่าคุณจะเลี้ยงไหว"

     

    “มึง..”

     

    “แต่เป็นถึงเจ้าหน้าที่กงสุลก็คงไม่ลำบากอะไร ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”

    กว่าจะได้สติกลับมาอีกทีก็ตอนที่ไอ้เจ๊กเมืองจีนมันเดินออกไปพร้อมประโยคดังกล่าว ใบหน้าของชานยอลไม่ได้แปลกไปจากเดิม เขายังคงยิ้มและมองมาที่แบคฮยอน ก่อนจะส่งแก้วกาแฟมาให้ หลังจากที่ขอตัวไปซื้อมาจิบรองท้องพร้อมขนมปังที่แบคฮยอนเอามาฝากจากร้าน Home sweet home ในตอนเช้า

    ที่วันนี้มาด้วยกันถึงมหาลัยเพราะมันเป็นทางผ่านก่อนคนตัวสูงจะไปออฟฟิศ ปกติแล้วจะแยกกันตั้งแต่บนรถราง ทว่าชานยอลกลับขอลงมาด้วย โดยให้เหตุผลว่า ยังไม่ถึงเวลาเข้างาน เดินมาส่งคุณแล้วหากาแฟทานรองท้องคงไม่เสียเวลาเท่าไหร่ .. นั่นแหละ เลยได้มาอยู่ด้วยกันตรงนี้

     

    "ข..ขอโทษแทนน้องผมด้วยนะคุณ มันเป็นคนพูดจาเลอะเทอะ"

     

    "เขาก็พูดความจริงนี่ครับ?"

     

    “จะหาว่าผมกินเก่งอีกคนด้วยสินะ”

    ชานยอลยักไหล่ ยิ่งคนตัวสูงยิ้มมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองมันยิ่งหดลงมามากเท่านั้น ไม่กล้าเงยหน้ามอง ไม่คิดจะถามถึงบทสนทนาก่อนหน้านั้นด้วย บางทีมันอาจจะเป็นมุกตลกที่เพียงจะทำให้บทสนทนามันมากขึ้นหรือรู้จักกันไวกว่าเดิมอย่างนั้นก็ได้ .. แบคฮยอนรับกาแฟมาจิบ กระชับสายกระเป๋าพร้อมก้าวขาเดินออกไปทางประตูรั้ว หวังจะส่งชานยอลที่หน้าประตู แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว

     

    "แบคฮยอน"

     

    "ครับ"

    ว่ากันว่าสิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นและกดดันที่สุดก็คือการที่ใครสักคนเรียกเราแค่ชื่อ และตามมาด้วยความเงียบราวกับให้เตรียมใจว่าประโยคถัดมาจะเป็นอย่างไร เขาตอบไปเพียงสั้นๆ หันหน้าไปมองและชานยอลก็หยุดเดินขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    แบคฮยอนไม่เคยคิดมาก่อนว่าการถูกบังคับให้มองตากันตรงๆแบบนี้มันโคตรทรมานจิตใจกันอย่างโหดร้าย รอยยิ้มมุมปากแบบนั้นมันแทบฆ่าเขาได้อยู่แล้ว .. และคุณรู้ไหม ว่าสำหรับคนที่ 'แอบชอบ' มาตั้งแต่แรกอย่างบยอนแบคฮยอน จะหวังอะไรมากไปกว่าการได้เจอหน้าเขา คุยกับเขาแค่วันละประโยคก็ได้ โดยที่ไม่หวังให้เขามาทำแบบนั้นกลับ .. แต่ถ้าทำได้น่ะเหรอ..

     

    จะล้ำเส้นกฎที่ตั้งไว้ว่าจะไม่ชอบเขาไปมากกว่านี้ ได้หรือเปล่านะ ?

     

    "ที่พูดกับลู่หานว่าจะจีบคุณ.."

     

    "..."

     

    "เป็นเรื่องจริงนะครับ"

     

    และต่อจากนี้ผมคงหยุดชอบคุณไม่ได้แล้วล่ะ : )

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

    กลิ่นหอมจากเตาอบขนาดใหญ่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเนื้อแป้งที่ผสมกับเนย นม ไข่กำลังก่อตัวเป็นเค้กชิ้นโตพร้อมที่จะให้ตกแต่งในอีกไม่นานนี้ ระหว่างรอเค้กสุกได้ที่ จงอินเลือกที่จะผสมเนื้อครีมและเตรียมทอปปิ้งแต่งหน้าเค้กไม่ให้เสียเวลา ส่วนเจ้าของกายผิวสีน้ำนมก็กำลังสนุกกับการละลายช็อคโกแลตอยู่หน้าเตา ด้วยความที่จงอินเลือกจะทำเค้กช็อคโกแลตตามคำขอของพ่อ ก็เลยพาลให้ถูกใจเด็กบางคนแถวนี้ .. ปล่อยให้ยืนอยู่หน้าเตาร้อนๆแบบนั้นก็กลัวเหลือเกินว่าน้องจะซุ่มซ่ามไปทำอะไรเข้า ผิวขาวๆนุ่มๆของโอเซฮุนไม่ใช่แค่คุณน้าชินฮเยที่หวง เขาเองก็เหมือนกันนั่นแหละ

     

    "เซฮุนร้อนไหมครับ"

     

    "ไม่ครับ ~ พี่ไค อันนี้ได้หรือยัง"

    หันมาถามตาใส ก่อนจงอินจะเดินไปมองช็อคโกแลตก้อนที่ถูกละลายจนได้ที่ เห็นแบบนั้นเลยปิดเตาแก๊ส แล้วพักรอไว้ชุบผลไม้เป็นฟองดูเพื่อใช้จัดตกแต่งบนหน้าเค้กในตอนท้าย

     

    "น้องดื้อแอบกินช็อคโกแลตไปหรือเปล่า ทำไมดูน้อยๆจัง"

    แกล้งแซวคนน่ารักแล้วก็โดนน้องยู่หน้าใส่พลางส่ายหัวรัวปฏิเสธทันควัน จะน่ารักไปถึงไหนกัน ติดว่าวันนี้คนมาบ้านเยอะหรอกนะ ไหนจะน้องของพ่อหรือคุณอาจอห์นที่พาครอบครัวมาเต็มบ้าน ไม่อย่างนั้นน่ะเหรอ สตรอเบอร์รี่บนแก้มของโอเซฮุนคงจะโดนเขากัดเข้าให้แน่ๆ

     

    "โอ๊ะ"

    สะดุ้งกับผลงานของเด็กตัวแสบ เมื่อจู่ๆครีมสีขาวก็ถูกป้ายมาแตะบนจมูก เซฮุนยิ้มอย่างพอใจ จากที่ก่อนหน้านั้นตัวเองก็ถูกคนเป็นพี่แกล้งโดยการเป่าผงแป้งใส่ตอนที่ร่อนแป้งด้วยกัน

     

    "เอาผ้าเช็ดหน้าเซฮุนมาเช็ดให้พี่เลยครับ.." หรี่ตามองเด็กดื้อที่ยิ้มจนตาหยี สุดท้ายเลยแกล้งเรียกสรรพนามใหม่ที่เพิ่งได้ยินมาจากคนรักของเพื่อนสนิทคนจีนอย่างมินซอก

     

    "น้องฮุนผ้าเช็ดหน้า"

     

    "พี่ไค!"

     

    "หื้ม ~"

    เรียกชื่อตลกๆนั้นไม่พอยังจะยื่นหน้ามาใกล้อีก มินซอกนะมินซอก ไหนสัญญากันว่าจะไม่เรียกชื่อนั้นต่อหน้าพี่ไคก็ยังอุตส่าห์แอบมาบอกอย่างนั้นเหรอ แล้วดูคนเป็นพี่เข้า กลั้นยิ้มกลั้นขำเพิ่มความน่าอายให้เขาจนไม่กล้าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดไปกว่าเดิมเสียอีก .. ร้ายกาจ - ^ -!

     

    "จะไม่เช็ดให้พี่เหรอครับ แบบนี้เซฮุนต้องโดนเอาคืนนะ?"

     

    "ก็พี่ไคเรียกชื่อนั้น" (. _ .)

     

    "แล้วเราไม่ได้ติดผ้าเช็ดหน้าอย่างที่เพื่อนเราบอกเหรอ"

    จงอินยิ้ม ส่วนคนถูกแกล้งก็ได้แต่กำผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แน่น สุดท้ายมือขาวๆก็ยอมยกขึ้นมาเช็ดคราบครีมที่ตัวเองได้สร้างผลงานเอาไว้บนปลายจมูกโด่งของพี่ไค กลัวจะโดนแกล้ง กลัวจะโดนเอาคืนแบบที่บอกเสียอย่างนั้นหละมั้ง

     

    "ถ้าเซฮุนไม่พกผ้าเช็ดหน้า ใครจะเช็ดให้พี่ไคแบบนี้เล่า.."

    ยังจะหยิบเหตุผลออกมาพูดได้อย่างน่ารักน่าหยิก เงยหน้ามาเช็ดออกให้แต่ก็ยังทำหน้างอใส่เขาไม่เลิก ส่งเสียงเจื้อยแจ้วบ่นงุ้งงิ้งเป็นลูกเจี๊ยบอยู่ตรงหน้า แล้วคิมจงอินจะไปทำอย่างไรได้ พอทนไม่ไหวก็ถือโอกาสโอบเอวบางเข้ามาใกล้ตัว ห้ามตัวเองไม่ได้เสียทุกครั้งไป เวลาโอเซฮุนอยู่ใกล้กันแบบนี้ ก็อยากใกล้กันมากกว่าเดิม ไม่รู้จักพอเอาเสียเลย

     

    "สตรอเบอร์รี่ขึ้นไปติดอยู่บนแก้มเซฮุนตั้งสองลูกได้ยังไงนะ"

     

    "ไม่มีสักหน่อยครับ!"

     

    "นี่ไง..เนี่ยๆไม่ใช่หรอ"

     

    "พี่ไคอ่ะ..ปล่อยเซฮุนครับ เซฮุนเช็ดเสร็จแล้ว" (/////)

    โอเซฮุนก็เป็นเสียอย่างนี้ พอเขินก็ชอบหนี โดนเขาจับฟัดไปตั้งกี่รอบก็ยังไม่รู้จักชิน ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันจนร่วมเดือนแล้ว แต่มีหรือ ว่าเขาจะปล่อยให้พ้นเนื้อมือไปได้ง่ายๆ เข้ามาอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกก็อย่าคิดที่จะหาทางออกเลย นี่มันถ้ำเสือ แล้วโอเซฮุนก็กำลังอยู่ในอ้อมอกเสืออย่างเขาด้วย

     

    "น้องดื้อหอมแก้มพี่ไคหน่อยครับ"

     

    "ฮื่ออ..ไม่เอา~"

     

    "งั้นพี่หอมเองนะ?"

     

    "มะ..!!"

     

    'ฟอด!'

     

    : )

     

     

    - - - - - - - - - -

     

     

    "ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันไง โว้ว!"

     

    "ไม่เป็นก็ไม่เป็นดิ"

     

    "ไคมึงดูมันกวนตีนกูอ่ะ ฮือ มินซอก คิดอะไรมาคบกับคนอย่างมันครับ" (T v T)

    ทำหน้าเบะปากร้องไห้เป็นเด็กๆราวกับคนไม่มีทางสู้ ก่อนจะเขยิบเข้าหาน้องชายคนสนิทอย่างเจ้าของกายสีน้ำผึ้งแล้วเอาหัวถูๆสร้างเสียงหัวเราะให้คนที่โดนกระทำอย่างคิมจงอินได้ไม่ยาก ประเด็นหัวข้อเรื่องก็ไม่พ้นผู้ชายปริศนาของบยอนแบคฮยอนหรือคุณปาร์คชานยอลอะไรนั่น คนเดียวกับที่เจ้าตัวเคยเล่าให้เขาฟัง และช่วงหลังๆนี้ก็ดูจะติดโทรศัพท์และยิ้มคนเดียวบ่อยเป็นพิเศษ อยากจะสวนถามกลับไปแบบไอ้ลู่หานอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ว่าถ้าไม่เป็นอะไรกัน ต้องมากมายขนาดนี้ไหมล่ะแหม

     

    "ตามที่เล่ามาเขาก็จีบพี่อยู่ไม่ใช่เหรอไง" จงอินถามยิ้มๆ

     

    "ฮือ กูไม่รู้ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นอ่ะ วันก่อนที่เขาพูดแบบนั้น กูก็เป็นบ้าจนถึงตอนนี้"

     

    "เออ มึงบ้าครับพี่" ลู่หานสวน

     

    "มินซอกตบปากมันที" - แบคฮยอน

     

    "ครับ ผมตบอยู่ทุกวัน ไม่ต้องเป็นห่วง" - มินซอก

     

    "ไม่ต้องยั้งนะครับ ขอเน้นๆ" - จงอิน

     

    "รักกูกันมากอ่ะ โอปป้าซารังเฮ" - ลู่หาน

    ทำหน้าเอือมใส่ทุกฝ่ายไม่เว้นแม้แต่แฟนตัวเองที่ไปรวมหัวเป็นพรรคพวกเดียวกัน ทิ้งเขาให้โดนรุมแบบนี้มันน่าน้อยใจนัก .. ในส่วนของแบคฮยอนก็ยังนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาพักใหญ่ๆแล้ว บทสนทนาล่าสุดที่คุยกันในโปรแกรมแชท เป็นการรายงานว่าวันนี้เขาจะกลับดึก ไม่ต้องอยู่รอ เพราะมีปาร์ตี้กินเลี้ยงวันเกิดลุงเจสันที่ร้าน ชานยอลรับทราบ และนั่นทำให้แบคฮยอนยังไม่ได้ตอบกลับไปเสียที

    จงอินหยิบเฟรนฟรายเข้าปาก ไม่บ่อยนักที่เขาจะกินอาหารกินเล่นพวกนี้ถ้าไม่มีปาร์ตี้สังสรรค์ ข้างๆเป็นแก้วไวน์ที่ถูกกระดกจนเหลือก้นแก้ว วันนี้พ่อเปิดไวน์เลี้ยง อยากกินเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น นั่นเลยพาลให้พวกสายแข็งอย่างไอ้ลู่หานมันถูกใจยิ่งกว่าเดิม แน่นอนว่าเหตุผลหลักที่ทำให้มันตัดสินใจมาปาร์ตี้วันเกิดพ่ออย่างไม่ต้องคิดนาน ก็คือได้แดกไวน์ฟรี = _ =

     

    "Could you draw me the princess ?" (วาดเจ้าหญิงให้หนูหน่อยได้ไหมคะ)

    สุ้มเสียงน่ารักดังขึ้นในอีกด้านหนึ่ง บนโต๊ะเล็กๆที่มีสมุดวาดภาพและปากกาสีสวยหลากสีวางคละกันอยู่บนนั้น

     

    "Of course” (ได้สิครับ)

     

    “I want Anna!” (หนูอยากได้เจ้าหญิงแอนนา!)

     

    “What about Elsa?” (แล้วเอลซ่าล่ะครับ?)

     

    “Umm..But I like Anna more than her” (หนูชอบแอนนามากกว่าค่ะ)

     

    “Okay”

    เซฮุนหัวเราะ มองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเด็กหญิงวัยห้าขวบหรือน้อง แอรีนลูกสาวคนโตของคุณจอห์น น้องชายแท้ๆของคิมเจสันที่ภรรยาของเธอเพิ่งจะคลอดลูกชายคนเล็กเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยความที่โอเซฮุนไม่ใช่คนกลัวเด็ก ติดจะขี้เล่นและเอ็นดู บวกกับเห็นว่าคุณเอลลี่กำลังกล่อมลูกชายวัยแปดเดือนเศษหรือน้องแอชเชอร์อยู่ เลยถือโอกาสช่วยดูแลไปด้วย

     

                “Actually I want a sister like Elza who always protect me.. but when Asher was born I’m so proud to be his sister and I want to protect him until I die!” (จริงๆหนูอยากมีพี่สาวแบบเอลซ่าที่คอยปกป้องหนู แต่พอแอชเชอร์เกิดมา หนูกลับดีใจที่ได้เป็นพี่สาวของเขาและก็อยากจะปกป้องเขาไปตลอดเลย!)

     

    “How cute you are..” (น่ารักอะไรแบบนี้ครับ)

                เอื้อมมือไปหยิกแก้มเด็กช่างพูดเบาๆ ก่อนจะจับให้เธอมานั่งบนตักของตัวเองด้วยกัน เซฮุนจับดินสออีกครั้งแล้ววาดให้แอรีนเห็นต่อหน้า เด็กหญิงทำตาวาว มองภาพของพี่ชายต่างสัญชาติที่ใช้ปากกาเมจิกเพียงแท่งเดียววาดลงใส่สมุดเล่มเล็กที่เธอมักจะพกมันพร้อมกับปากกาหลากสีไปทุกที่ที่เธอไป

                เด็กน้อยคนนักที่จะชอบแอนนามากกว่าเอลซ่า เพราะเธอไม่ใช่ตัวละครเด่นในการ์ตูนเรื่องนั้น ทว่าแอรีนกลับดูหลงใหล และจะให้เขาวาดแอนนาให้เสียท่าเดียว ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที จากกระดาษสีขาวเปล่าๆก็มีเจ้าหญิงตัวน้อยๆอยู่ในนั้น พอที่จะมอบให้เด็กน่ารักคนหนึ่งที่หลงใหลในลายเส้นการ์ตูนของเขาได้แล้ว

     

                “Sehunnie oppa! I want pigtails like Anna” (เซฮุนนี่โอปป้า หนูอยากได้เปียผมแบบแอนนาค่ะ)

     

                “Hmm..?” (หื้ม?)

     

    "Can you braid pigtails for me! ' ^ ' " (ถักเปียให้หนูหน่อยได้ไหมคะ ' ^ ')

     

    "Err..But.." (แต่ว่า..)

     

                “Please..please sehunnie oppa” (น้าาา..นะคะนะ เซฮุนนี่โอปป้า..)

                เชื่อว่าเกินหนึ่งล้านคน จะต้องอ่อนข้อให้กับน้ำเสียงและแววตาแบบนั้นของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆต่อหน้า และโอเซฮุนคนขี้ใจอ่อนจะไปทำอะไรได้ สุดท้ายก็ต้องยอมให้กับเด็กช่างอ้อน ส่งรูปที่วาดให้ใส่มือแล้วมองผมยาวๆสีน้ำตาลคาราเมลของแอรีน ก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบเบาๆ ที่น้องเรียกว่า 'เซฮุนโอปป้า' ก่อนหน้านั้นก็คงไม่พ้นคุณอาเจสันที่สอนให้เรียกตั้งแต่พี่ไคแล้ว มาถึงก็ไคโอปป้าอย่างนู้นไคโอปป้าอย่างนี้ พอได้รู้จักเพื่อนใหม่อย่างเขาเข้าหน่อย คิมจงอินก็กลายเป็นอากาศธาตุไปเสียอย่างนั้น

                มือบางค่อยๆแบ่งผมออกเป็นสองข้าง ใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีและทำตามเพื่อนผู้หญิงสมัยมัธยมที่มักจะทำเผ้าทำผมแต่งหน้ากันตอนเวลาพักให้เห็นอยู่บ่อยๆ จนบางทีก็ถูกเรียกให้มาทำผมให้ นั่นแหละคือผลพลอยได้จากการมีเพื่อนผู้หญิง

     

                “You’re so kind!” (พี่ใจดีจังค่ะ)

                นั่งเฉยๆให้คนอายุมากกว่าถักเปียตามที่ขอ แล้วยิ้มกว้างจนเห็นฟันน้ำนมที่เพิ่งหลุดไปหนึ่งซี่ตรงกลางแบบพอดิบพอดีจนเรียกเสียงหัวเราะของคนมองอีกครั้ง คิมจงอินก็ได้แต่แอบมองความน่ารักของคนสองคนอยู่ห่างๆ รู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งวันก็ติดเซฮุนอย่างกับปาท่องโก๋ ผิดกับเขาที่รู้จักกันมาตั้งแต่น้องเกิดแท้ๆ คิดแล้วก็น้อยใจ จะอิจฉาเซฮุนที่แอรีนไปสนิทด้วย หรืออิจฉาแอรีนที่ใกล้ชิดคนตัวขาวได้ขนาดนั้นดีนะ (?)

     

    "Wowwww!! Today princess Aerin came to our home!!" (ว้าว! วันนี้เจ้าหญิงแอรีนมาเยี่ยมบ้านพวกเราด้วย!!)

     

    "Who wants to blow out a candles on my cake?? Raise your hands!” (ไหนใครอยากเป่าเค้กวันเกิดบ้างนะ?? ยกมือหน่อยซิ!)

     

                “Me!! let me blow it!(หนู!! ให้หนูเป่านะคะ!)

                ชูมือขึ้นทั้งสองแขน ก่อนจะถูกคุณลุงเจสันอุ้มขึ้นไปหา แล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะที่มีเค้กวันเกิดหน้าตาน่ากินวางรออยู่บนนั้นแล้ว บนเค้กมีเทียนสองเล่มที่ถูกดัดเป็นตัวเลขสองตัวปักอยู่บนนั้น คิมเจสันกำลังก้าวเข้าปีที่ 54 อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

                ลู่หานเป็นฝ่ายอาสาจุดเทียนวันเกิด และแบคฮยอนก็เดินไปปิดไฟ มีเพียงแสงจากเทียนสองเล่มนี้ส่องสว่างภายในร้านเล็กๆ พร้อมด้วยทุกคนในบ้านที่ยืนล้อมกันอยู่ที่โต๊ะ

     

                “Ready?(พร้อมนะ?)

     

                Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to you”

     

    แซงอิลชุคคาฮัมนีดา แซงอิลชุคคาฮัมนีดา ซารังฮานึน..เจสันชี..แซงอิลชุคคาฮัมนีดา”

     

    “ฮานา ทูล เซ็ท!(1 2 3)

     

    ฟู่ววววว!’

                เสียงเพลงวันเกิดถูกร้องนำโดยแบคฮยอน เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษและตามด้วยเวอร์ชั่นภาษาเกาหลี ก่อนจะจบโดยการที่เจ้าหญิงน้อยแอรีนเป่าเค้กทั้งสองเล่มให้ดับภายในทีเดียว จากที่ปีที่แล้วก็แย่งเจ้าของวันเกิดอย่างคุณลุงเจสันเป่า แต่คราวก่อนนั้นเป็นเทียนที่เป่าไม่ดับ น้องเลยเป่าจนร้องไห้งอแงว่ามันไม่ดับเสียที คราวนี้คงจะเตรียมพร้อมมาแก้ตัวเสียดิบดี โกยลมหายใจทั้งหมดที่มีในปอดมาเป่าอย่างเต็มที่ สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทุกคนไปพร้อมๆกัน

     

                “มึงๆ กูจะเอากีวี่ง่ะ ตักให้กูด้วย” แบคฮยอนโผล่หน้ามาขอหลังจากที่เดินไปเปิดไฟให้สว่างเป็นปกติ

     

                “น้องเซฮุนจะเอาตรงไหนดีครับ เดี๋ยวพี่ตักให้” ลู่หาน

     

                “เมียก็มาแล้วยังไม่เจียมจ้า”แบคฮยอน

     

                “ยัยฮุนมานี่ อย่าไปคุยกับมัน” – มินซอก

                ดึงเพื่อนสนิทตัวผอมมาข้างตัว แล้วเป็นฝ่ายตัดเค้กให้แทน ส่วนลู่หานก็ได้แต่เถียงกับแบคฮยอน เพราะแย่งจะเอาชิ้นโน้นชิ้นนี้โดยไม่คิดจะเกรงใจเจ้าของวันเกิด แค่ลุงบอกหน่อยว่ากินกันเลย ของหวานๆคนแก่กินเยอะไม่ค่อยดีนัก มันก็เลยไม่คิดจะเกรงใจกันอีกแล้วล่ะงานนี้

     

                “พี่ไคไม่กินเหรอครับ”

                ถือจานเค้กที่มินซอกตักให้แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆจงอินที่เดินมาเล่นกับแอรีนก่อนหน้านั้นแล้ว ส่วนเจ้าหญิงตัวน้อยที่ว่า ก็ไปสนใจอยู่กับแอชเชอร์ที่เพิ่งตื่นนอนเพราะเสียงที่ดังจากการร้องเพลงวันเกิดไปก่อนหน้านี้

     

                “คนทำ ไม่ค่อยกินของตัวเองหรอก” จงอินพูดปนขำ “เซฮุนชิมหรือยัง อร่อยหรือเปล่า”

                ถามออกมายิ้มๆและก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้ารัว เค้กช็อคโกแลต โปะด้วยครีมขาวและตกแต่งด้วยผลไม้สดชุปช็อคโกแลตฟองดูวางอยู่ด้านบนกว่าห้าชนิดอย่างส้ม สตรอเบอร์รี่ กีวี่ เบอร์รี่ ที่คอยตัดความหวานไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป พอดีแบบที่พ่อชอบ และก็ดูเหมือนว่าโอเซฮุนก็จะชอบมากด้วยเช่นกัน

     

                “กินยังไงให้เลอะครับ”

                พูดพร้อมใช้หัวแม่มือเช็ดคราบครีมที่มุมปากของเด็กดื้อออกให้ คนถูกเช็ดก็ยิ้มตาหยีไปสิ ไม่สนใจหรอกว่าตัวเองจะน่ารักเกินไปหรือเปล่า เอาแต่ตักเค้กเข้าปากกินได้อย่างไม่รู้สึกอิ่ม

     

                “พี่ไค เซฮุนอยากลองกิน..”

     

                “หื้ม” เหลือบตามองอะไรบางอย่างข้างตัวเจ้าของกายสีน้ำผึ้ง ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นแก้วน้ำที่บรรจุของเหลวสีแดงอมม่วงอยู่ในนั้น พอถามว่ากินเป็นเหรอ น้องก็ไม่ตอบ เม้มปากครุ่นคิดแต่ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าน้องไม่เคยลอง หรือถึงจะเคย ก็คงจะไม่เก่งแบบเขาหรอก

               

                “น้องเซฮุนกินเลยครับ เชื่อพี่” เสียงที่สามดังขึ้นแทรกเข้ามา เป็นลู่หานที่เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะตามมาด้วยพวกที่เหลือ

     

                “มึงนี่นะ” จงอินส่ายหน้าเอือมๆ

     

                “เอ้า ของแบบนี้ต้องฝึกไว้ เกิดน้องไปโดนมอมที่ไหนมึงจะว่ายังไง”

                หยิบยกเหตุผลของมันออกมา แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่านั่นคือเรื่องจริง ถ้าคนไม่เคยกินก็จะไม่มีทางได้รับรู้รสชาติและฤทธิ์ของมัน สุดท้ายเลยปล่อยให้แบคฮยอนเป็นฝ่ายเทให้แค่ก้นแก้ว โอเซฮุนก็ไม่ใช่เด็กประถม น้องโตพอที่ควรจะลองสิ่งแบบนี้ได้บ้างแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ให้ถึงหูคุณน้าแน่นอน

     

                “เซฮุนขยับมานั่งนี่ครับ”

                ถือโอกาสโอบคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ตัว ราวกับห่วงนักห่วงหนา จนลู่หานแอบหรี่ตามองอย่างหมั่นไส้ คิมจงอินอนุญาตให้กินได้ แต่ก็ต้องอยู่ในสายตาของเขาเท่านั้นแหละ .. ต่อจากนี้ก็เป็นการนั่งคุยตามประสาคนวัยเดียวกัน เพราะรุ่นผู้ใหญ่อย่างพ่อก็กำลังคุยเรื่องของผู้ใหญ่อยู่กับคุณอาอีกทาง

                ไม่คิดจะหนีสายตาที่กำลังมองแซวของเพื่อนสนิท ก่อนหน้านั้นมันก็ถามเรื่องของเขากับน้องไปถึงไหน คิมจงอินก็ตอบไปตามความจริงเหมือนเคยว่าไม่ได้มีอะไรไปเกินกว่าพี่น้องทั้งนั้น ส่วนเรื่องจูบเรื่องหอม(?) รู้กันแค่สองคนก็พอแล้ว

     

                “ดีนะพรุ่งนี้วันหยุด” ลู่หานพูด “ว่าแต่ ลุงแกอนุญาตให้เปิดขวดไม่อั้นแน่นะ?”

     

                “ไม่อ้วกเลอะบ้านกูก็กินไป”

     

                “ดูถูกคนเก็บแต้มชิมเหล้าทุกยี่ห้อบนโลกอย่างกูซะแล้ว มึงถามมินซอกว่าตอนกูไปนิวยอร์คกูได้ไปกี่ยี่ห้อ”

     

                “โม้สัสๆ” แบคฮยอนสวน “เนอะมินซอก”

     

                “ถ้าเมาแล้วมันจะไม่ใช่แค่โม้ครับ เรียกพล่าม บ่น โวยวายเหมือนพวกโฮมเลสที่ไม่เจียมตัว ผมต้องขอโทษแทนแฟนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย”

     

                “5555555555555555555555555555”

                น้ำส้มคั้นที่เพิ่งจะกระดกเข้าไปเกือบหมดแก้วแทบพุ่งออกมาจากปากของแบคฮยอนทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าวของมินซอก ดีนะเป็นแค่น้ำส้มไม่งั้นคงจะเสียดายแย่ ไม่อยากกินไวน์ครับ ชานยอลบอกว่าห้ามกินเยอะ เดี๋ยวเมาแล้วจะกลับบ้านลำบาก (แหนะ)

     

    “น้องเขารักมึงมากแค่ไหน ถามใจ เป็นกูกูไม่ขอโทษแทนหรอก ปล่อยไว้งั้นอ่ะ คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง”

     

                “แค่กูไม่ให้ชานยอลอะไรนั่นเขาจีบมึง มึงต้องกัดกูขนาดนี้เลยเหรอวะพี่”

     

                “เกี่ยวไหมล่ะ ห่าราก”

                ด่ากันไปมาอยู่สองคน ท่ามกลางวงสนทนาของพวกวัยรุ่น และคนอย่างลู่หานก็ไม่ได้คิดเกรงใจรุ่นพี่ตัวเล็กที่อายุเยอะสุดในนี้เสียเลย เซฮุนได้แต่หัวเราะจนตาหยี นั่งมองพี่ๆคุยกัน พร้อมกับจิบไวน์ที่พี่แบคฮยอนเทให้ ผิดกับจงอินที่กระดกทีเดียวก็หมดแก้วได้ง่ายๆแล้ว

                อย่างที่บอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดซึ่งตรงกับวันเสาร์ แต่ร้านจะปิดทุกวันอาทิตย์ พ่อเลยอนุญาตให้จงอินพักทั้งสองวันไปเลย ก็จะอะไรเสียอีก ถ้าไม่เห็นกับตาว่าอาการเดิมของลูกชายตัวเองมันกำเริบตอนที่ทำอาหารอยู่ในครัวเมื่อตอนกลางวัน พอถามทีไรจงอินก็เอาแต่หลีกเลี่ยงจะคุยเรื่องนี้ เขาเลยทำได้แค่สั่งให้หยุด เพราะวันนี้ก็เหนื่อยกันทั้งวันแล้ว ถือโอกาสพักผ่อน ได้พาเซฮุนไปเที่ยวข้างนอกก็ยังดีกว่าทนปวดหลังทำงานต่อในครัว

                เข็มยาวของนาฬิกาหมุนวนไปเกือบจะชนรอบ ก่อนเข็มสั้นจะชี้ที่เลขสิบ เวลามักจะเดินไวทุกครั้งที่เราเพลิดเพลินกับอะไรบางอย่าง จนมองดูอีกทีก็ผ่านไปร่วมชั่วโมงแล้ว ลู่หานยังคงพูดมากเป็นปกติ และเถียงกับแบคฮยอนได้ทุกเรื่องที่เปิดประเด็นขึ้นมา ล่าสุดก็คงเป็นเรื่องสูตรแคลคูลัสที่พวกเด็กบัญชีอย่างมันสองคนรู้เรื่อง คิมจงอินได้แต่ส่ายหน้า อย่าได้มาถามเรื่องนี้กับเขา แต่ถ้าเป็นสูตรขนมน่ะว่าไปอีกอย่าง เด็กโอเวอร์ที่เรียนไม่จบกับเด็กป.โทที่ได้เกียรตินิยมไปตอนป.ตรี ดูซิว่าใครมันจะชนะในศึกครั้งนี้

     

                “เซฮุน ง่วงไหม?”

                หันมาถามเด็กตัวขาวที่นั่งเงียบ เอาแต่อมยิ้มมองพี่ๆคุยกัน ในมือก็ถือแก้วไวน์ใบเดิมที่เขาเพิ่งจะเติมให้เป็นแก้วที่สาม เพราะเห็นว่าน้องดูท่าจะกินได้เรื่อยๆ ไม่เมาหรือแสลงกับรสชาติของมันแบบที่คิดไว้ คนถูกถามส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นมายิ้มด้วยดวงตาที่ทอประกายสะท้อนกับไฟที่เปิดอยู่บนเพดาน

     

                “พี่ไค เอาอีก..”

     

                “สามแก้วแล้วครับ พอแล้ว”

     

                “ง่ะ..เซฮุนยังไม่เมา” เงยหน้ามองเขาตาใส ส่งเสียงออดอ้อนแบบนั้นก็ทำใจปฏิเสธยากเสียเหลือเกิน สุดท้ายก็เลยคว้าขวดไวน์ขึ้นมารินใส่แก้วให้น้อง สัญญาว่าจะเป็นแก้วสุดท้าย หลังจากนั้นจะให้น้องกินได้แค่น้ำเปล่าเท่านั้นแล้ว

     

                “เดี๋ยวกูจะกลับแล้ว จะออกไปพร้อมกูเลยป่ะ”

    แบคฮยอนถาม แล้วตักเค้กที่นอนนิ่งมาเป็นชั่วโมงที่เหลือเข้าปากจนหมด กดมือถือดูเวลาบนหน้าจอ และคิดว่าควรจะกลับได้แล้ว ชานยอลยังคงตอบกลับข้อความของเขาอยู่เรื่อยๆ ถามไถ่ว่าเมื่อไหร่จะกลับ เห็นแบบนั้นมันก็อดยิ้มไม่ได้ ที่อีกคนดูเป็นห่วงเป็นใยขนาดนั้น ถึงจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เขาก็รู้สึกดีที่อีกฝ่ายถามถึงตลอด และบอกว่าจะไม่นอนจนกว่าแบคฮยอนจะกลับถึงหอ อย่างน้อยก็ให้เป็นเพื่อนคุยระหว่างทางกลับบ้านดึกๆที่ไม่มีเขาเดินด้วยกันแบบทุกวันที่ผ่านมาก็ยังดี

                จงอินกับเซฮุนเดินไปส่งทุกคน พอดีกับที่เจสันออกไปส่งคุณอาจอห์นและครอบครัว เจ้าหญิงน้อยแอรีนเริ่มงอแงเพราะง่วงนอน ผิดกับเจ้าตัวเล็กแอชเชอร์ที่ตาแป๋วเพราะนอนมาทั้งวันเลยมาตาสว่างเอาตอนนี้ ก่อนจะแยกจากกันก็ไม่ลืมที่จะเดินมาจุ้บแก้มพี่ชายตัวเล็กอย่างโอเซฮุนที่เป็นคนมอบภาพวาดเจ้าหญิงแอนนาและถักเปียให้เธอ

     

                “พ่อจะกลับเลยหรือเปล่า เดี๋ยวผมอยู่เก็บของเอง” หันมาถามคนเป็นพ่อหลังจากส่งทุกคนที่หน้าบ้าน แล้วมองคนตัวเล็กข้างตัวที่เริ่มจะงัวเงียขึ้นมาเสียดื้อๆ

     

                “เดี๋ยวเซฮุนจะช่วยพี่ไคครับ”

     

                “หนูไปนอนก่อนไหมครับ” เจสันหันไปมองเด็กที่เริ่มจะตาปรือยิ้มๆ “ไหวหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นพ่อจะอยู่ช่วย”

     

                “พ่อน่ะขับกลับไหวหรือเปล่า จะนอนที่นี่ก็ได้แต่เรื่องเก็บงานนั่นมันหน้าที่ผม”

     

                “บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าพูดเหมือนฉันแก่จนต้องนั่งเฉยๆอย่างเดียว ว่าแต่แกเถอะ อาการกำเริบแล้วยังจะทำโน่นทำนี่”

     

                “ผมไหวหน่า”

     

    “แต่คนนั้นน่ะไม่ไหวแล้ว” เหลือบมองคนตัวผอมข้างลูกชายตัวเองอีกครั้งแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะขับกลับเลยแล้วกัน แมคกี้มันคงเหงาแย่ถ้าให้มันอยู่เฝ้าไร่กับคนงานที่เหลือ”

     

                “ครับ” จงอินตอบยิ้มๆยามนึกถึงม้าที่พ่อเลี้ยงไว้และรักจนเหมือนลูกชายไปอีกคน พูดจบก็เดินไปหยิบกุญแจรถที่วางไว้ข้างเคาท์เตอร์ที่ประจำออกมาแล้วแกว่งเล่นตามประสาคนอารมณ์ดี ไม่ลืมที่จะหยิบของขวัญของตัวเอง หนึ่งในนั้นเป็นภาพวาดของโอเซฮุน ที่เจ้าตัวบอกว่าตั้งใจจะวาดให้ และให้คุณอาเปิดดูได้แค่คนเดียวเท่านั้นด้วยแหนะ

     

                “สุขสันต์วันเกิดนะพ่อ” : )

                ส่งยิ้มให้บางๆ แล้วโบกมือให้คนที่ย้ายตัวเองขึ้นมาอยู่บนรถ คำบอกรักกันระหว่างพ่อลูก น้อยครั้งนักที่จะได้ยิน และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่จงอินพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่รถคันเก่งของพ่อจะเคลื่อนตัวออกไป ยืนมองจนสุดสายตาแล้วกลับเข้ามาในตัวบ้านอีกครั้ง

     

                “ว่าไงน่ะเรา ง่วงแล้วใช่ไหมครับ”

                เอ่ยทักคนอายุน้อยกว่าที่ปล่อยให้น้องนั่งรอเขาข้างในตอนที่เดินไปส่งพ่อ เห็นดวงตาปรือๆแบบนั้นก็เดาได้ไม่ยากว่าควรจะพาเจ้าตัวเล็กไปนอนก่อน แล้วค่อยลงมาเคลียร์ของข้างล่าง ดีหน่อยที่ก่อนหน้านั้นแบคฮยอนช่วยเขาจัดการไปบ้างแล้ว

     

                “เซฮุน เมาหรือเปล่า” พอเห็นว่าไม่ตอบเลยถามย้ำอีกครั้ง และครั้งนี้น้องก็เอาแต่ส่ายหน้า แต่ก็ต้องหรี่ตามองให้กับอาการแปลกๆแบบนั้น จำได้ว่าหลังจากแก้วที่สี่ ก็ไม่ได้เทให้เซฮุนอีกเลย

     

                “ไหวแน่นะ?”

     

                “เรากินมากกว่าสี่แก้วเหรอ?”

     

                “นี่..แอบพี่กินตอนไหนครับ”

                ขมวดคิ้วถามเพราะจำได้ว่าตนเป็นฝ่ายเทไวน์ให้น้องกินเองกับมือ ทว่าพอนึกดูดีๆ มีช่วงหนึ่งที่เขาลุกไปเก็บจานและทยอยล้างกับแบคฮยอนในครัว

     

                “ไอลู่หานมันเอาให้กินใช่ไหม” เซฮุนส่ายหน้า

     

                “เราเทเองเหรอ”

     

                “...”

     

                “เซฮุน..ทำไมดื้อ”

                จงอินขมวดคิ้ว พอเห็นว่าพยักหน้าเลยอดไม่ได้ที่จะดุคนตัวเล็ก น้องยังคงไม่พูด เอาแต่ส่ายหัวกับพยักหน้าเป็นคำตอบเวลาเขาถาม คราวนี้เลยพอจะรู้แล้ว ที่ช่วงหลังๆเซฮุนเอาแต่เงียบฟังคนอื่นคุย นั่นคงจะเป็นเพราะอาการแปลกๆของคน เริ่มเมาอย่างเด็กคนนี้ที่ทำเอาเขาคาดไม่ถึง จนคิดว่าน้องยังไหวเลยได้แต่เทให้เรื่อยๆ หารู้ไม่ว่าเจ้าเด็กดื้อก็แอบเทกินเองตอนที่พี่ไคไม่อยู่เทให้กิน โดยมีเสียงยุแยงจากลู่หานนั่นแหละ น้องถึงได้ดื้อขัดคำสั่งจากเขา บวกกับความอยากรู้อยากเห็น และรสชาติที่น่าหลงใหลกว่าน้ำส้มคั้นที่เคยกิน

     

                “พอเลย พี่จะพาเราไปนอน”

                ค่อยๆประครองร่างบอบบางให้ลุกขึ้น เซฮุนไม่ได้ไร้เรี่ยวแรงจนถึงขั้นล้มตึงไปที่เดิม แต่ถ้าให้เดินเองก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงข้างบนไหม กระซิบถามว่าจะขี่หลังพี่ไปหรือเปล่า เด็กดื้อเลยส่ายหน้าปนพยักหน้าจนไม่รู้ว่าจะขี่หรือไม่ขี่ สุดท้ายเลยจับอุ้มขึ้นไปมันทั้งอย่างนั้นเสียเลย

                ใช้เวลาไม่นานก็พาขึ้นมาถึงบนห้อง วางกายผอมลงที่เตียงนอนนุ่ม ดวงหน้าน่ารักนั่นก็จ้องมองเขาด้วยแววตาแบบเดิม เลยเลื่อนมือไปลูบกลุ่มผมสีเข้มเบาๆ ราวกลับจะกล่อมให้น้องหลับ ถึงจะอยากดุมากแค่ไหนแต่เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน น้องดื้อนี่มันดื้อได้สมชื่อจริงๆ..

     

                “อื้อ”

     

                “อื้ออะไรครับ นอนได้แล้ว”

     

                “...”

     

                “ยังจะมาส่ายหน้าอีก” เขยิบเข้าไปหาแล้วบีบจมูกโด่งๆแสนดื้อรั้นนั้นเบาๆ ตาจะปิดไม่ปิดแหล่ยังจะส่งเสียงงุ้งงิ้งไม่รู้จักหลับจักนอน แถมยังจะคว้ามือเขาเข้าไปจับแบบนี้ หมายความว่าอย่างไรกันโอเซฮุน

     

                “โอเค พี่จะรอให้เราหลับแล้วพี่ค่อยไปเนอะ?”

     

                “...” และน้องยังคงส่ายหน้า นั่นทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าโอเซฮุนต้องการอะไร คนที่เมาแล้วพูดมากก็ยังรู้เรื่องมากกว่าคนที่เมาแล้วเงียบ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกแบบไหนอยู่

                ก่อนที่มือบางๆจะพยายามดึงให้เขาเข้ามาใกล้ตัว เซฮุนกำลังบอกผ่านการกระทำแทนคำพูด ก่อนกายหนาจะขยับเข้าไปตามคำขอ กอบกุมมือทั้งสองข้างเอาไว้แล้วลูบผมต่อเบาๆให้น้องหลับ ทว่าคนตัวเล็กที่นอนอยู่กลับฉุดรั้งเสื้อยืดของเขาอย่างเด็กเอาแต่ใจ สุดท้ายก็ต้องอยู่ในสภาพที่ตัวแทบจะเกยกัน ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่มีกลิ่นของไวน์องุ่นผสมอยู่ ผิดแปลกไปจากปกติที่ตัวของเซฮุนจะหอมเข้ากับเจ้าตัวอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าหมายความว่าครั้งนี้ไม่หอม แต่ด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ปะปนกันอยู่ เขาเลยไม่ชินกับโอเซฮุนในตอนนี้เท่าไหร่นัก..

     

                “เซฮุน”

     

    และจะไม่ชินมากๆด้วยถ้าน้องจะดูยั่วยวนเขามากขนาดนี้..

     

                รู้ไหมว่ามันไม่ง่ายเลยกับการที่ตัวเองต้องข่มอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ทำอะไรบางอย่าง เพราะถ้าปล่อยให้มันเกิดขึ้น ก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตามมามันจะดีหรือร้าย คิมจงอินไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอยากได้พลังวิเศษอะไรมากกว่าการหายตัว หายตัวไปตอนนี้เลยได้ไหม ให้เขาไม่เห็นหน้าน้องตอนนี้ ให้เขาหลบไปควบคุมสติตัวเองที่ไหนก็ได้ เพื่อที่มันจะดีต่อโอเซฮุน

     

                “อย่าทำให้พี่รู้สึกแบบนี้ ในตอนนี้..”

     

                “...”

     

                “มันจะไม่ดีกับเรา รู้หรือเปล่า”

                กระซิบแผ่วเบายามม่านตาคู่สวยปิดลง ไม่มีแววตาปรือๆคอยออดอ้อนให้เขาอยู่ด้วยกันแบบก่อนหน้านี้ แต่กลับรู้สึกว่ามันยิ่งยากกว่าเดิมในการที่จะพาตัวเองออกไปจากน้อง เซฮุนเป็นเหมือนกับแม่เหล็กขนละขั้ว พยายามดึงดูดเขาเอาไว้ และยิ่งใกล้กันแค่ไหนก็ยิ่งแยกออกจากกันยากมากเท่านั้น

     

                “...”

                ขอเพียงแค่จูบเบาๆให้น้องนอนหลับฝันดี และหลับตาลงเพื่อหยุดทุกอย่างลงแค่นั้น รสจูบของเด็กคนนี้ยังคงเหมือนเดิม เพียงแค่แตะเบาๆก็รู้สึกว่าหวานแล้ว .. จงอินค้างไว้แบบนั้น ก่อนจะเลื่อนมาจูบที่หน้าผากมน ไล่ลงมาตามแก้มและคางของน้อง จากที่คิดว่าจะพอ แต่กลับไล่ไปที่ลำคอขาว สูดดมความหอมพร้อมจูบลงเบาๆ และคุณรู้ไหม ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้หยุดไม่ได้ ..

     

    คือการที่โอเซฮุนกำลังเงยคอให้เขาทำ ..

     

                มือบางของคนที่คิดว่ากำลังหลับ เลื่อนมาจับที่ต้นแขนและเปลี่ยนเป็นการโอบลำคอของกายหนาเอาไว้ เซฮุนไม่ได้ลืมตา และคิมจงอินในตอนนี้ก็คงไม่เงยหน้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับโอเซฮุน น้องถึงได้ไม่ห้าม และดูท่าจะยินยอมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

                จงอินใช้มือข้างที่ว่างลูบตามผิวนุ่มลื่นมือสีน้ำนมของคนใต้ร่าง จากแขนเป็นขา ไล้วนอยู่ตรงนั้นก่อนจะเลื่อนมือลูบที่หน้าท้องผ่านสาบเสื้อยืดตัวบาง.. เพิ่งจะรู้ว่าเซฮุนผอมขนาดนี้ก็ตอนที่จับแล้วรู้สึกได้ถึงกระดูซี่โครงยามนอนราบลงกับเตียงแล้วมันโผล่ขึ้นมาให้เห็น ก่อนมือกร้านจะขยับลงต่ำมุดรอดผ่านเสื้อจนสัมผัสได้ถึงเนื้อนุ่มนิ่มที่หน้าท้องแบนราบ

     

                “อื้ม..”

                เสียงเล็กดังรอดออกมายามริมฝีปากประกบกันอีกครั้ง พอดีกับการที่จงอินเลื่อนมือสูงขึ้นไปลูบอยู่บริเวณหน้าอก สะกิดเม็ดติ่งไตสีชมพูให้คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนให้เขาจูบแบบนี้.. ค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปฉกชิมความหวานจากโพรงปากเล็ก น้ำเชื่อมสีใสไหลซึมออกมา ปนกับกลิ่นไวน์ที่กินไปด้วยกันทั้งคู่ ราวกับมีร่างธรรมะและอธรรมอยู่ในร่างเดียวกัน เสียงกระซิบหนึ่งบอกให้หยุด แต่อีกเสียงหนึ่งที่ดังกว่า..บอกให้ทำต่อ

     

                “พ..พี่ไค”

                เป็นใครก็ต้องฟังเสียงที่ดังกว่า เพราะสุดท้ายคิมจงอินก็เลือกที่จะเชื่อร่างเดวิลของตัวเอง มือข้างที่เพิ่งหลุดพ้นออกมาจากเสื้อ เปลี่ยนที่อยู่ใหม่เป็นใต้กางเกงขาสั้นที่น้องเลือกจะใส่สบายๆยามอยู่บ้าน ใครจะไปรู้ว่ามันจะง่ายต่อเนื้อมือของเสืออย่างจงอินขนาดนี้

     

                “อ๊ะ..พี่ไค”

     

                “อย่าเรียกชื่อพี่..”

                ข่มตาห้ามใจยามได้ยินสุ้มเสียงหวานเรียกชื่อของตัวเองด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ทำไมเพิ่งจะมาเรียกชื่อเขาเอาตอนนี้ ทำไมไม่เรียกหรือห้ามเขาก่อนที่ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้น .. โอเซฮุนคงจะไม่รู้เอาเสียเลย ว่าถ้าพยายามเรียกชื่อเขามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเข้าเส้นอันตรายขึ้นมากเท่านั้น

     

                “พี่..ไค”

     

     

    แต่ถ้าในเมื่อจะมีคนขัดคำสั่ง ..

    คนๆนั้นก็สมควรได้รับบทลงโทษ : )

     

     

                .

                .

     

     

                TBC

     

     - - - - - - - - - -

     

    ถึงพี่เชฟ น้องดื้อหวานกว่าขนมที่พี่ทำค่ะ รับประกัน
    ถึงน้องดื้อ หนูสมควรโดนแบบนี้แล้วค่ะ /พยักหน้าจริงจัง/
    ถึงพี่แบ้ก แอบชอบเขาอยู่ดีๆ ทีนี้โดนจีบบ้าง หว่าย
    ถึงขุ่นปาร์ค ทำไมพี่หล่อจังคะ คุณชายมากไหม
    ถึงลู่หมิน รักเมียเคารพเมียเท่านั้น จึงจะเจริญ
    ถึงทุกคน อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ T vT

    #ฟิคเบคอะวิช

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×