คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 06 : หาทางออกจากคุณ ช่างยากกว่าเขาวงกต
CHAPTER 6
บางทีคุณก็เหมือนกับเขาวงกตที่ซับซ้อน ..
ต่อให้ผมหาทางออกเท่าไหร่ ก็ไปจากคุณไม่ได้เลย : )
“ห่าเอ๊ย! ลืมได้ไงวะ”
ขายาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามทางฟุตบาทภายในมหาลัย พลางยกแขนมองดูนาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเข้าคลาสช่วงเช้า ทว่าคนอย่างลู่หานกลับยังไม่ไปถึงตึกคณะของตัวเองทั้งๆที่มีควิซในคาบเช้านี้..
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเหอะคุณ เด็กบัญชีที่ไหนไม่พกเครื่องคิดเลขมาด้วย ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันสอบแท้ๆ หาคนวิเศษแบบมันไม่ได้อีกแล้วบนโลกนี้ แล้วยังไง..ก็ต้องลำบากคนหน้าตาดี(?)อย่างบยอนแบคฮยอนที่กำลังเดินทางมามหาลัยแต่ก็ได้รับสายอันเร่งด่วนพร้อมน้ำเสียงร้อนรนที่พอจะจับใจความได้ว่า 'ยืมเครื่องคิดเลขหน่อยดิพี่!'
"มึงไปตกบันไดมารึไง ถึงได้สมองเสื่อมแบบนี้"
"พี่แม่งไม่เข้าใจคนเลี้ยงแมวว่ะ"
"แมวไรมึง?"
แบคฮยอนทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหาเครื่องคิดเลขสุดรักสุดหวงที่ใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นเฟรชชี่ พาเขารอดตายกับการสอบมานักต่อหลายนัก ไม่สนิทกันแบบนี้ ไม่มีทางให้ยืมเด็ดขาดเหอะ เครื่องคิดเลขกูขลังมากเว่ย!
และดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะได้คำตอบสำหรับคำถามก่อนหน้านั้น สายตาจ้องมองสภาพของรุ่นน้องคนจีนตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ต่างอะไรกับพวกตื่นนอน ที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เหมือนเพิ่งลุกออกมาจากเตียงแล้วก็มาเรียนเลย เด่นสุดก็ตรงที่..รอยแดงจางๆบริเวณต้นคอมันนั่นแหละ
"มึงเลี้ยงยุงตัวใหญ่ไว้ด้วยสินะ"
"อ..เออ"
ลู่หานตอบตะกุกตะกัก หมั่นไส้กับอาหารเคอะเขินของแม่งจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาก็เพิ่งจะเห็นมันมีอาการกะริกกะรี้น่าหมั่นไส้แบบนี้แหละครับคุณ เด็กดนตรีนั่นคงใช่ย่อยจริงๆ ถึงได้สยบสันดาน play boy ของมันได้อย่างราบคาบ ที่ว่าเลี้ยงแมวนี่ก็คงไม่พ้นใครนอกจากคิมมินซอก ภายนอกดูนิ่งๆ แต่อาจจะซ่อนกงเล็บเป็นแมวยั่วสวาทขึ้นมาก็ได้ใครจะรู้ มีแต่ไอ้ลู่หานมันนี่แหละครับที่รู้
"แบคฮยอนครับ ผมสั่งกาแฟร้อนมาเผื่อ"
สุ้มเสียงทุ้มต่ำดังแทรกขึ้นบทสนทนา ก่อนลู่หานจะหันไปมองบุคคลที่สามที่เดินเข้ามาใหม่ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจให้ชายแปลกหน้าคนนี้อยู่สองข้อ 1.ไอ้สูงหน้าหล่อนี่แม่งเป็นใคร 2.ทำไมต้องซื้อนู่นซื้อนี่มาฝากแบคฮยอน ?
"ขอบคุณครับ เอ่อ..นี่ลู่หาน คนที่ผมบอกว่าจะมายืมของ"
"สวัสดีครับ" ยื่นมือหวังจะทักทายสไลต์ยุโรป หากแต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่ง ขมวดคิ้วแปลกใจท่าเดิมไม่มีท่าทีจะทักทายกลับจนแบคฮยอนที่เป็นคนกลางรู้สึกว่าตัวเองกำลังตัวหดลงเหลือสิบเซ็น
"นี่คุณชานยอล เป็นเจ้าหน้าที่กงสุลเกาหลีที่ซานฟราน" แบคฮยอนพูด "ทักทายเขาหน่อยสิมึง" และกระซิบประโยคดังกล่าวผ่านไรฟัน จ้องหน้ารุ่นน้องไม่ให้ทำตัวเสียมารยาท
"ผมคนเอเชีย ไม่ต้องจับมือก็ได้มั้ง"
"..." เรื่องสร้างงานสร้างอาชีพให้กูนี่ถนัดนัก = _ =
"เป็นเจ้าหน้าที่กงสุล แล้วมาทำอะไรที่นี่วะคุณ อย่าบอกนะว่า.."
"เจ๊ก มึงควรรีบไปสอบ" แบคฮยอนพูดตัดบท หันหน้ามาทางรุ่นน้องคนสนิท แล้วหันหลังไม่ให้ชานยอลเห็นว่าเขากำลังกัดฟันทำหน้าจะฆ่ามันให้ตายตรงนี้อยู่แล้ว
"มาส่งแบคฮยอนครับ" : )
เอาเข้าไป .. วันนี้วันอะไร ภายใต้พื้นคอนกรีตนี่กูสามารถแทรกตัวหนีฝังลึกลงไปถึงชั้นเมนทอลเลยได้ไหม ใครก็ได้ แยกทุกคนออกไปจากตรงนี้ที
"เออ รู้จักกันแล้วนะ มึงไปสอบซะ ส่วนกูจะไปส่งคุณชานยอลหน้าประตูแล้วก็จะไปเรียนแล้ว"
ไม่ปล่อยให้บรรยากาศสงครามเย็นได้ดำเนินต่อ แบคฮยอนเอ่ยตัดบทสั้นๆ จับไหล่น้องชายชาวจีนให้หันหลังเพื่อกลับไปตามทางเดิมของตัวเอง ทว่ามันกลับยืนอยู่ที่เดิม และเจ้าของใบหน้าหล่อปนหวานเองก็ยังยืนยิ้มเป็นคุณชายมารยาทดีตามสไตล์เขา แถมถือกาแฟในมือที่ซื้อมาเผื่อรอเขาอีก บีฟกันเข้าไป
"ทำไมต้องซื้อกาแฟมาเผื่อ จีบพี่ผมเหรอคุณ"
"ไอลู่!" สาบานว่าเรื่องมันจะจบไวกว่านี้ถ้าคนอย่างแม่งไม่ปากมากต่อบทให้มันยืดยาว และมันจะไม่อะไรเลยถ้าสิ่งที่มันพูดออกมาไม่ใช่ประโยคดังกล่าวที่เหมือนเป็นการล่อสายฟ้าให้ผ่ากลางกระบาลกูแบบนี้ เหี้ยเหอะ!
"ครับ"
"..." เดี๋ยว ..
"ขออนุญาตเลยแล้วกัน" : )
"..." พี่เขาพูดว่าอะไรนะครับ
น้องแบ้กไม่เข้าใจมากๆ ..
"ไม่อนุญาต"
ลู่หานตอบเสียงนิ่ง ยักไหล่พลางเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างกวนๆใส่คนฟัง แบคฮยอนหันหน้าไปมอง อาการสับสนกับอาการก้อนเนื้อที่หน้าอกด้านซ้ายมันเต้นรัวเป็นกลองชุด ปะปนกันจนไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรก่อนดี รู้แค่ว่าตัวเองในตอนนี้..คงจะกลายเป็นเจ้างั่งที่สุดในโลกแล้ว
"ไอเตี้ยมันกินเก่ง จะแน่ใจได้ไงว่าคุณจะเลี้ยงไหว"
“มึง..”
“แต่เป็นถึงเจ้าหน้าที่กงสุลก็คงไม่ลำบากอะไร ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”
กว่าจะได้สติกลับมาอีกทีก็ตอนที่ไอ้เจ๊กเมืองจีนมันเดินออกไปพร้อมประโยคดังกล่าว ใบหน้าของชานยอลไม่ได้แปลกไปจากเดิม เขายังคงยิ้มและมองมาที่แบคฮยอน ก่อนจะส่งแก้วกาแฟมาให้ หลังจากที่ขอตัวไปซื้อมาจิบรองท้องพร้อมขนมปังที่แบคฮยอนเอามาฝากจากร้าน Home sweet home ในตอนเช้า
ที่วันนี้มาด้วยกันถึงมหาลัยเพราะมันเป็นทางผ่านก่อนคนตัวสูงจะไปออฟฟิศ ปกติแล้วจะแยกกันตั้งแต่บนรถราง ทว่าชานยอลกลับขอลงมาด้วย โดยให้เหตุผลว่า ยังไม่ถึงเวลาเข้างาน เดินมาส่งคุณแล้วหากาแฟทานรองท้องคงไม่เสียเวลาเท่าไหร่ .. นั่นแหละ เลยได้มาอยู่ด้วยกันตรงนี้
"ข..ขอโทษแทนน้องผมด้วยนะคุณ มันเป็นคนพูดจาเลอะเทอะ"
"เขาก็พูดความจริงนี่ครับ?"
“จะหาว่าผมกินเก่งอีกคนด้วยสินะ”
ชานยอลยักไหล่ ยิ่งคนตัวสูงยิ้มมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองมันยิ่งหดลงมามากเท่านั้น ไม่กล้าเงยหน้ามอง ไม่คิดจะถามถึงบทสนทนาก่อนหน้านั้นด้วย บางทีมันอาจจะเป็นมุกตลกที่เพียงจะทำให้บทสนทนามันมากขึ้นหรือรู้จักกันไวกว่าเดิมอย่างนั้นก็ได้ .. แบคฮยอนรับกาแฟมาจิบ กระชับสายกระเป๋าพร้อมก้าวขาเดินออกไปทางประตูรั้ว หวังจะส่งชานยอลที่หน้าประตู แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว
"แบคฮยอน"
"ครับ"
ว่ากันว่าสิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นและกดดันที่สุดก็คือการที่ใครสักคนเรียกเราแค่ชื่อ และตามมาด้วยความเงียบราวกับให้เตรียมใจว่าประโยคถัดมาจะเป็นอย่างไร เขาตอบไปเพียงสั้นๆ หันหน้าไปมองและชานยอลก็หยุดเดินขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แบคฮยอนไม่เคยคิดมาก่อนว่าการถูกบังคับให้มองตากันตรงๆแบบนี้มันโคตรทรมานจิตใจกันอย่างโหดร้าย รอยยิ้มมุมปากแบบนั้นมันแทบฆ่าเขาได้อยู่แล้ว .. และคุณรู้ไหม ว่าสำหรับคนที่ 'แอบชอบ' มาตั้งแต่แรกอย่างบยอนแบคฮยอน จะหวังอะไรมากไปกว่าการได้เจอหน้าเขา คุยกับเขาแค่วันละประโยคก็ได้ โดยที่ไม่หวังให้เขามาทำแบบนั้นกลับ .. แต่ถ้าทำได้น่ะเหรอ..
จะล้ำเส้นกฎที่ตั้งไว้ว่าจะไม่ชอบเขาไปมากกว่านี้ ได้หรือเปล่านะ ?
"ที่พูดกับลู่หานว่าจะจีบคุณ.."
"..."
"เป็นเรื่องจริงนะครับ"
และต่อจากนี้ผมคงหยุดชอบคุณไม่ได้แล้วล่ะ : )
- - - - - - - - - -
กลิ่นหอมจากเตาอบขนาดใหญ่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเนื้อแป้งที่ผสมกับเนย นม ไข่กำลังก่อตัวเป็นเค้กชิ้นโตพร้อมที่จะให้ตกแต่งในอีกไม่นานนี้ ระหว่างรอเค้กสุกได้ที่ จงอินเลือกที่จะผสมเนื้อครีมและเตรียมทอปปิ้งแต่งหน้าเค้กไม่ให้เสียเวลา ส่วนเจ้าของกายผิวสีน้ำนมก็กำลังสนุกกับการละลายช็อคโกแลตอยู่หน้าเตา ด้วยความที่จงอินเลือกจะทำเค้กช็อคโกแลตตามคำขอของพ่อ ก็เลยพาลให้ถูกใจเด็กบางคนแถวนี้ .. ปล่อยให้ยืนอยู่หน้าเตาร้อนๆแบบนั้นก็กลัวเหลือเกินว่าน้องจะซุ่มซ่ามไปทำอะไรเข้า ผิวขาวๆนุ่มๆของโอเซฮุนไม่ใช่แค่คุณน้าชินฮเยที่หวง เขาเองก็เหมือนกันนั่นแหละ
"เซฮุนร้อนไหมครับ"
"ไม่ครับ ~ พี่ไค อันนี้ได้หรือยัง"
หันมาถามตาใส ก่อนจงอินจะเดินไปมองช็อคโกแลตก้อนที่ถูกละลายจนได้ที่ เห็นแบบนั้นเลยปิดเตาแก๊ส แล้วพักรอไว้ชุบผลไม้เป็นฟองดูเพื่อใช้จัดตกแต่งบนหน้าเค้กในตอนท้าย
"น้องดื้อแอบกินช็อคโกแลตไปหรือเปล่า ทำไมดูน้อยๆจัง"
แกล้งแซวคนน่ารักแล้วก็โดนน้องยู่หน้าใส่พลางส่ายหัวรัวปฏิเสธทันควัน จะน่ารักไปถึงไหนกัน ติดว่าวันนี้คนมาบ้านเยอะหรอกนะ ไหนจะน้องของพ่อหรือคุณอาจอห์นที่พาครอบครัวมาเต็มบ้าน ไม่อย่างนั้นน่ะเหรอ สตรอเบอร์รี่บนแก้มของโอเซฮุนคงจะโดนเขากัดเข้าให้แน่ๆ
"โอ๊ะ"
สะดุ้งกับผลงานของเด็กตัวแสบ เมื่อจู่ๆครีมสีขาวก็ถูกป้ายมาแตะบนจมูก เซฮุนยิ้มอย่างพอใจ จากที่ก่อนหน้านั้นตัวเองก็ถูกคนเป็นพี่แกล้งโดยการเป่าผงแป้งใส่ตอนที่ร่อนแป้งด้วยกัน
"เอาผ้าเช็ดหน้าเซฮุนมาเช็ดให้พี่เลยครับ.." หรี่ตามองเด็กดื้อที่ยิ้มจนตาหยี สุดท้ายเลยแกล้งเรียกสรรพนามใหม่ที่เพิ่งได้ยินมาจากคนรักของเพื่อนสนิทคนจีนอย่างมินซอก
"น้องฮุนผ้าเช็ดหน้า"
"พี่ไค!"
"หื้ม ~"
เรียกชื่อตลกๆนั้นไม่พอยังจะยื่นหน้ามาใกล้อีก มินซอกนะมินซอก ไหนสัญญากันว่าจะไม่เรียกชื่อนั้นต่อหน้าพี่ไคก็ยังอุตส่าห์แอบมาบอกอย่างนั้นเหรอ แล้วดูคนเป็นพี่เข้า กลั้นยิ้มกลั้นขำเพิ่มความน่าอายให้เขาจนไม่กล้าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดไปกว่าเดิมเสียอีก .. ร้ายกาจ - ^ -!
"จะไม่เช็ดให้พี่เหรอครับ แบบนี้เซฮุนต้องโดนเอาคืนนะ?"
"ก็พี่ไคเรียกชื่อนั้น" (. _ .)
"แล้วเราไม่ได้ติดผ้าเช็ดหน้าอย่างที่เพื่อนเราบอกเหรอ"
จงอินยิ้ม ส่วนคนถูกแกล้งก็ได้แต่กำผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แน่น สุดท้ายมือขาวๆก็ยอมยกขึ้นมาเช็ดคราบครีมที่ตัวเองได้สร้างผลงานเอาไว้บนปลายจมูกโด่งของพี่ไค กลัวจะโดนแกล้ง กลัวจะโดนเอาคืนแบบที่บอกเสียอย่างนั้นหละมั้ง
"ถ้าเซฮุนไม่พกผ้าเช็ดหน้า ใครจะเช็ดให้พี่ไคแบบนี้เล่า.."
ยังจะหยิบเหตุผลออกมาพูดได้อย่างน่ารักน่าหยิก เงยหน้ามาเช็ดออกให้แต่ก็ยังทำหน้างอใส่เขาไม่เลิก ส่งเสียงเจื้อยแจ้วบ่นงุ้งงิ้งเป็นลูกเจี๊ยบอยู่ตรงหน้า แล้วคิมจงอินจะไปทำอย่างไรได้ พอทนไม่ไหวก็ถือโอกาสโอบเอวบางเข้ามาใกล้ตัว ห้ามตัวเองไม่ได้เสียทุกครั้งไป เวลาโอเซฮุนอยู่ใกล้กันแบบนี้ ก็อยากใกล้กันมากกว่าเดิม ไม่รู้จักพอเอาเสียเลย
"สตรอเบอร์รี่ขึ้นไปติดอยู่บนแก้มเซฮุนตั้งสองลูกได้ยังไงนะ"
"ไม่มีสักหน่อยครับ!"
"นี่ไง..เนี่ยๆไม่ใช่หรอ"
"พี่ไคอ่ะ..ปล่อยเซฮุนครับ เซฮุนเช็ดเสร็จแล้ว" (/////)
โอเซฮุนก็เป็นเสียอย่างนี้ พอเขินก็ชอบหนี โดนเขาจับฟัดไปตั้งกี่รอบก็ยังไม่รู้จักชิน ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันจนร่วมเดือนแล้ว แต่มีหรือ ว่าเขาจะปล่อยให้พ้นเนื้อมือไปได้ง่ายๆ เข้ามาอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกก็อย่าคิดที่จะหาทางออกเลย นี่มันถ้ำเสือ แล้วโอเซฮุนก็กำลังอยู่ในอ้อมอกเสืออย่างเขาด้วย
"น้องดื้อหอมแก้มพี่ไคหน่อยครับ"
"ฮื่ออ..ไม่เอา~"
"งั้นพี่หอมเองนะ?"
"มะ..!!"
'ฟอด!'
: )
- - - - - - - - - -
"ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันไง โว้ว!"
"ไม่เป็นก็ไม่เป็นดิ"
"ไคมึงดูมันกวนตีนกูอ่ะ ฮือ มินซอก คิดอะไรมาคบกับคนอย่างมันครับ" (T v T)
ทำหน้าเบะปากร้องไห้เป็นเด็กๆราวกับคนไม่มีทางสู้ ก่อนจะเขยิบเข้าหาน้องชายคนสนิทอย่างเจ้าของกายสีน้ำผึ้งแล้วเอาหัวถูๆสร้างเสียงหัวเราะให้คนที่โดนกระทำอย่างคิมจงอินได้ไม่ยาก ประเด็นหัวข้อเรื่องก็ไม่พ้นผู้ชายปริศนาของบยอนแบคฮยอนหรือคุณปาร์คชานยอลอะไรนั่น คนเดียวกับที่เจ้าตัวเคยเล่าให้เขาฟัง และช่วงหลังๆนี้ก็ดูจะติดโทรศัพท์และยิ้มคนเดียวบ่อยเป็นพิเศษ อยากจะสวนถามกลับไปแบบไอ้ลู่หานอยู่เหมือนกันนั่นแหละ ว่าถ้าไม่เป็นอะไรกัน ต้องมากมายขนาดนี้ไหมล่ะแหม
"ตามที่เล่ามาเขาก็จีบพี่อยู่ไม่ใช่เหรอไง" จงอินถามยิ้มๆ
"ฮือ กูไม่รู้ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นอ่ะ วันก่อนที่เขาพูดแบบนั้น กูก็เป็นบ้าจนถึงตอนนี้"
"เออ มึงบ้าครับพี่" ลู่หานสวน
"มินซอกตบปากมันที" - แบคฮยอน
"ครับ ผมตบอยู่ทุกวัน ไม่ต้องเป็นห่วง" - มินซอก
"ไม่ต้องยั้งนะครับ ขอเน้นๆ" - จงอิน
"รักกูกันมากอ่ะ โอปป้าซารังเฮ" - ลู่หาน
ทำหน้าเอือมใส่ทุกฝ่ายไม่เว้นแม้แต่แฟนตัวเองที่ไปรวมหัวเป็นพรรคพวกเดียวกัน ทิ้งเขาให้โดนรุมแบบนี้มันน่าน้อยใจนัก .. ในส่วนของแบคฮยอนก็ยังนั่งจ้องโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาพักใหญ่ๆแล้ว บทสนทนาล่าสุดที่คุยกันในโปรแกรมแชท เป็นการรายงานว่าวันนี้เขาจะกลับดึก ไม่ต้องอยู่รอ เพราะมีปาร์ตี้กินเลี้ยงวันเกิดลุงเจสันที่ร้าน ชานยอลรับทราบ และนั่นทำให้แบคฮยอนยังไม่ได้ตอบกลับไปเสียที
จงอินหยิบเฟรนฟรายเข้าปาก ไม่บ่อยนักที่เขาจะกินอาหารกินเล่นพวกนี้ถ้าไม่มีปาร์ตี้สังสรรค์ ข้างๆเป็นแก้วไวน์ที่ถูกกระดกจนเหลือก้นแก้ว วันนี้พ่อเปิดไวน์เลี้ยง อยากกินเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น นั่นเลยพาลให้พวกสายแข็งอย่างไอ้ลู่หานมันถูกใจยิ่งกว่าเดิม แน่นอนว่าเหตุผลหลักที่ทำให้มันตัดสินใจมาปาร์ตี้วันเกิดพ่ออย่างไม่ต้องคิดนาน ก็คือได้แดกไวน์ฟรี = _ =
"Could you draw me the princess ?" (วาดเจ้าหญิงให้หนูหน่อยได้ไหมคะ)
สุ้มเสียงน่ารักดังขึ้นในอีกด้านหนึ่ง บนโต๊ะเล็กๆที่มีสมุดวาดภาพและปากกาสีสวยหลากสีวางคละกันอยู่บนนั้น
"Of course” (ได้สิครับ)
“I want Anna!” (หนูอยากได้เจ้าหญิงแอนนา!)
“What about Elsa?” (แล้วเอลซ่าล่ะครับ?)
“Umm..But I like Anna more than her” (หนูชอบแอนนามากกว่าค่ะ)
“Okay”
เซฮุนหัวเราะ มองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเด็กหญิงวัยห้าขวบหรือน้อง ‘แอรีน’ ลูกสาวคนโตของคุณจอห์น น้องชายแท้ๆของคิมเจสันที่ภรรยาของเธอเพิ่งจะคลอดลูกชายคนเล็กเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยความที่โอเซฮุนไม่ใช่คนกลัวเด็ก ติดจะขี้เล่นและเอ็นดู บวกกับเห็นว่าคุณเอลลี่กำลังกล่อมลูกชายวัยแปดเดือนเศษหรือน้องแอชเชอร์อยู่ เลยถือโอกาสช่วยดูแลไปด้วย
“Actually I want a sister like Elza who always protect me.. but when Asher was born I’m so proud to be his sister and I want to protect him until I die!” (จริงๆหนูอยากมีพี่สาวแบบเอลซ่าที่คอยปกป้องหนู แต่พอแอชเชอร์เกิดมา หนูกลับดีใจที่ได้เป็นพี่สาวของเขาและก็อยากจะปกป้องเขาไปตลอดเลย!)
“How cute you are..” (น่ารักอะไรแบบนี้ครับ)
เอื้อมมือไปหยิกแก้มเด็กช่างพูดเบาๆ ก่อนจะจับให้เธอมานั่งบนตักของตัวเองด้วยกัน เซฮุนจับดินสออีกครั้งแล้ววาดให้แอรีนเห็นต่อหน้า เด็กหญิงทำตาวาว มองภาพของพี่ชายต่างสัญชาติที่ใช้ปากกาเมจิกเพียงแท่งเดียววาดลงใส่สมุดเล่มเล็กที่เธอมักจะพกมันพร้อมกับปากกาหลากสีไปทุกที่ที่เธอไป
เด็กน้อยคนนักที่จะชอบแอนนามากกว่าเอลซ่า เพราะเธอไม่ใช่ตัวละครเด่นในการ์ตูนเรื่องนั้น ทว่าแอรีนกลับดูหลงใหล และจะให้เขาวาดแอนนาให้เสียท่าเดียว ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที จากกระดาษสีขาวเปล่าๆก็มีเจ้าหญิงตัวน้อยๆอยู่ในนั้น พอที่จะมอบให้เด็กน่ารักคนหนึ่งที่หลงใหลในลายเส้นการ์ตูนของเขาได้แล้ว
“Sehunnie oppa! I want pigtails like Anna” (เซฮุนนี่โอปป้า หนูอยากได้เปียผมแบบแอนนาค่ะ)
“Hmm..?” (หื้ม?)
"Can you braid pigtails for me! ' ^ ' " (ถักเปียให้หนูหน่อยได้ไหมคะ ' ^ ')
"Err..But.." (แต่ว่า..)
“Please..please sehunnie oppa” (น้าาา..นะคะนะ เซฮุนนี่โอปป้า..)
เชื่อว่าเกินหนึ่งล้านคน จะต้องอ่อนข้อให้กับน้ำเสียงและแววตาแบบนั้นของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆต่อหน้า และโอเซฮุนคนขี้ใจอ่อนจะไปทำอะไรได้ สุดท้ายก็ต้องยอมให้กับเด็กช่างอ้อน ส่งรูปที่วาดให้ใส่มือแล้วมองผมยาวๆสีน้ำตาลคาราเมลของแอรีน ก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบเบาๆ ที่น้องเรียกว่า 'เซฮุนโอปป้า' ก่อนหน้านั้นก็คงไม่พ้นคุณอาเจสันที่สอนให้เรียกตั้งแต่พี่ไคแล้ว มาถึงก็ไคโอปป้าอย่างนู้นไคโอปป้าอย่างนี้ พอได้รู้จักเพื่อนใหม่อย่างเขาเข้าหน่อย คิมจงอินก็กลายเป็นอากาศธาตุไปเสียอย่างนั้น
มือบางค่อยๆแบ่งผมออกเป็นสองข้าง ใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีและทำตามเพื่อนผู้หญิงสมัยมัธยมที่มักจะทำเผ้าทำผมแต่งหน้ากันตอนเวลาพักให้เห็นอยู่บ่อยๆ จนบางทีก็ถูกเรียกให้มาทำผมให้ นั่นแหละคือผลพลอยได้จากการมีเพื่อนผู้หญิง
“You’re so kind!” (พี่ใจดีจังค่ะ)
นั่งเฉยๆให้คนอายุมากกว่าถักเปียตามที่ขอ แล้วยิ้มกว้างจนเห็นฟันน้ำนมที่เพิ่งหลุดไปหนึ่งซี่ตรงกลางแบบพอดิบพอดีจนเรียกเสียงหัวเราะของคนมองอีกครั้ง คิมจงอินก็ได้แต่แอบมองความน่ารักของคนสองคนอยู่ห่างๆ รู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งวันก็ติดเซฮุนอย่างกับปาท่องโก๋ ผิดกับเขาที่รู้จักกันมาตั้งแต่น้องเกิดแท้ๆ คิดแล้วก็น้อยใจ จะอิจฉาเซฮุนที่แอรีนไปสนิทด้วย หรืออิจฉาแอรีนที่ใกล้ชิดคนตัวขาวได้ขนาดนั้นดีนะ (?)
"Wowwww!! Today princess Aerin came to our home!!" (ว้าว! วันนี้เจ้าหญิงแอรีนมาเยี่ยมบ้านพวกเราด้วย!!)
"Who wants to blow out a candles on my cake?? Raise your hands!” (ไหนใครอยากเป่าเค้กวันเกิดบ้างนะ?? ยกมือหน่อยซิ!)
“Me!! let me blow it!” (หนู!! ให้หนูเป่านะคะ!)
ชูมือขึ้นทั้งสองแขน ก่อนจะถูกคุณลุงเจสันอุ้มขึ้นไปหา แล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะที่มีเค้กวันเกิดหน้าตาน่ากินวางรออยู่บนนั้นแล้ว บนเค้กมีเทียนสองเล่มที่ถูกดัดเป็นตัวเลขสองตัวปักอยู่บนนั้น คิมเจสันกำลังก้าวเข้าปีที่ 54 อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ลู่หานเป็นฝ่ายอาสาจุดเทียนวันเกิด และแบคฮยอนก็เดินไปปิดไฟ มีเพียงแสงจากเทียนสองเล่มนี้ส่องสว่างภายในร้านเล็กๆ พร้อมด้วยทุกคนในบ้านที่ยืนล้อมกันอยู่ที่โต๊ะ
“Ready?” (พร้อมนะ?)
“Happy birthday to you, Happy birthday to you, Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to you”
“แซงอิลชุคคาฮัมนีดา แซงอิลชุคคาฮัมนีดา ซารังฮานึน..เจสันชี..แซงอิลชุคคาฮัมนีดา”
“ฮานา ทูล เซ็ท!” (1 2 3)
‘ฟู่ววววว!’
เสียงเพลงวันเกิดถูกร้องนำโดยแบคฮยอน เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษและตามด้วยเวอร์ชั่นภาษาเกาหลี ก่อนจะจบโดยการที่เจ้าหญิงน้อยแอรีนเป่าเค้กทั้งสองเล่มให้ดับภายในทีเดียว จากที่ปีที่แล้วก็แย่งเจ้าของวันเกิดอย่างคุณลุงเจสันเป่า แต่คราวก่อนนั้นเป็นเทียนที่เป่าไม่ดับ น้องเลยเป่าจนร้องไห้งอแงว่ามันไม่ดับเสียที คราวนี้คงจะเตรียมพร้อมมาแก้ตัวเสียดิบดี โกยลมหายใจทั้งหมดที่มีในปอดมาเป่าอย่างเต็มที่ สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทุกคนไปพร้อมๆกัน
“มึงๆ กูจะเอากีวี่ง่ะ ตักให้กูด้วย” แบคฮยอนโผล่หน้ามาขอหลังจากที่เดินไปเปิดไฟให้สว่างเป็นปกติ
“น้องเซฮุนจะเอาตรงไหนดีครับ เดี๋ยวพี่ตักให้” – ลู่หาน
“เมียก็มาแล้วยังไม่เจียมจ้า” – แบคฮยอน
“ยัยฮุนมานี่ อย่าไปคุยกับมัน” – มินซอก
ดึงเพื่อนสนิทตัวผอมมาข้างตัว แล้วเป็นฝ่ายตัดเค้กให้แทน ส่วนลู่หานก็ได้แต่เถียงกับแบคฮยอน เพราะแย่งจะเอาชิ้นโน้นชิ้นนี้โดยไม่คิดจะเกรงใจเจ้าของวันเกิด แค่ลุงบอกหน่อยว่ากินกันเลย ของหวานๆคนแก่กินเยอะไม่ค่อยดีนัก มันก็เลยไม่คิดจะเกรงใจกันอีกแล้วล่ะงานนี้
“พี่ไคไม่กินเหรอครับ”
ถือจานเค้กที่มินซอกตักให้แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆจงอินที่เดินมาเล่นกับแอรีนก่อนหน้านั้นแล้ว ส่วนเจ้าหญิงตัวน้อยที่ว่า ก็ไปสนใจอยู่กับแอชเชอร์ที่เพิ่งตื่นนอนเพราะเสียงที่ดังจากการร้องเพลงวันเกิดไปก่อนหน้านี้
“คนทำ ไม่ค่อยกินของตัวเองหรอก” จงอินพูดปนขำ “เซฮุนชิมหรือยัง อร่อยหรือเปล่า”
ถามออกมายิ้มๆและก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้ารัว เค้กช็อคโกแลต โปะด้วยครีมขาวและตกแต่งด้วยผลไม้สดชุปช็อคโกแลตฟองดูวางอยู่ด้านบนกว่าห้าชนิดอย่างส้ม สตรอเบอร์รี่ กีวี่ เบอร์รี่ ที่คอยตัดความหวานไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป พอดีแบบที่พ่อชอบ และก็ดูเหมือนว่าโอเซฮุนก็จะชอบมากด้วยเช่นกัน
“กินยังไงให้เลอะครับ”
พูดพร้อมใช้หัวแม่มือเช็ดคราบครีมที่มุมปากของเด็กดื้อออกให้ คนถูกเช็ดก็ยิ้มตาหยีไปสิ ไม่สนใจหรอกว่าตัวเองจะน่ารักเกินไปหรือเปล่า เอาแต่ตักเค้กเข้าปากกินได้อย่างไม่รู้สึกอิ่ม
“พี่ไค เซฮุนอยากลองกิน..”
“หื้ม” เหลือบตามองอะไรบางอย่างข้างตัวเจ้าของกายสีน้ำผึ้ง ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นแก้วน้ำที่บรรจุของเหลวสีแดงอมม่วงอยู่ในนั้น พอถามว่ากินเป็นเหรอ น้องก็ไม่ตอบ เม้มปากครุ่นคิดแต่ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าน้องไม่เคยลอง หรือถึงจะเคย ก็คงจะไม่เก่งแบบเขาหรอก
“น้องเซฮุนกินเลยครับ เชื่อพี่” เสียงที่สามดังขึ้นแทรกเข้ามา เป็นลู่หานที่เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะตามมาด้วยพวกที่เหลือ
“มึงนี่นะ” จงอินส่ายหน้าเอือมๆ
“เอ้า ของแบบนี้ต้องฝึกไว้ เกิดน้องไปโดนมอมที่ไหนมึงจะว่ายังไง”
หยิบยกเหตุผลของมันออกมา แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่านั่นคือเรื่องจริง ถ้าคนไม่เคยกินก็จะไม่มีทางได้รับรู้รสชาติและฤทธิ์ของมัน สุดท้ายเลยปล่อยให้แบคฮยอนเป็นฝ่ายเทให้แค่ก้นแก้ว โอเซฮุนก็ไม่ใช่เด็กประถม น้องโตพอที่ควรจะลองสิ่งแบบนี้ได้บ้างแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ให้ถึงหูคุณน้าแน่นอน
“เซฮุนขยับมานั่งนี่ครับ”
ถือโอกาสโอบคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ตัว ราวกับห่วงนักห่วงหนา จนลู่หานแอบหรี่ตามองอย่างหมั่นไส้ คิมจงอินอนุญาตให้กินได้ แต่ก็ต้องอยู่ในสายตาของเขาเท่านั้นแหละ .. ต่อจากนี้ก็เป็นการนั่งคุยตามประสาคนวัยเดียวกัน เพราะรุ่นผู้ใหญ่อย่างพ่อก็กำลังคุยเรื่องของผู้ใหญ่อยู่กับคุณอาอีกทาง
ไม่คิดจะหนีสายตาที่กำลังมองแซวของเพื่อนสนิท ก่อนหน้านั้นมันก็ถามเรื่องของเขากับน้องไปถึงไหน คิมจงอินก็ตอบไปตามความจริงเหมือนเคยว่าไม่ได้มีอะไรไปเกินกว่าพี่น้องทั้งนั้น ส่วนเรื่องจูบเรื่องหอม(?) รู้กันแค่สองคนก็พอแล้ว
“ดีนะพรุ่งนี้วันหยุด” ลู่หานพูด “ว่าแต่ ลุงแกอนุญาตให้เปิดขวดไม่อั้นแน่นะ?”
“ไม่อ้วกเลอะบ้านกูก็กินไป”
“ดูถูกคนเก็บแต้มชิมเหล้าทุกยี่ห้อบนโลกอย่างกูซะแล้ว มึงถามมินซอกว่าตอนกูไปนิวยอร์คกูได้ไปกี่ยี่ห้อ”
“โม้สัสๆ” แบคฮยอนสวน “เนอะมินซอก”
“ถ้าเมาแล้วมันจะไม่ใช่แค่โม้ครับ เรียกพล่าม บ่น โวยวายเหมือนพวกโฮมเลสที่ไม่เจียมตัว ผมต้องขอโทษแทนแฟนไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย”
“5555555555555555555555555555”
น้ำส้มคั้นที่เพิ่งจะกระดกเข้าไปเกือบหมดแก้วแทบพุ่งออกมาจากปากของแบคฮยอนทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าวของมินซอก ดีนะเป็นแค่น้ำส้มไม่งั้นคงจะเสียดายแย่ ไม่อยากกินไวน์ครับ ชานยอลบอกว่าห้ามกินเยอะ เดี๋ยวเมาแล้วจะกลับบ้านลำบาก (แหนะ)
“น้องเขารักมึงมากแค่ไหน ถามใจ เป็นกูกูไม่ขอโทษแทนหรอก ปล่อยไว้งั้นอ่ะ คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง”
“แค่กูไม่ให้ชานยอลอะไรนั่นเขาจีบมึง มึงต้องกัดกูขนาดนี้เลยเหรอวะพี่”
“เกี่ยวไหมล่ะ ห่าราก”
ด่ากันไปมาอยู่สองคน ท่ามกลางวงสนทนาของพวกวัยรุ่น และคนอย่างลู่หานก็ไม่ได้คิดเกรงใจรุ่นพี่ตัวเล็กที่อายุเยอะสุดในนี้เสียเลย เซฮุนได้แต่หัวเราะจนตาหยี นั่งมองพี่ๆคุยกัน พร้อมกับจิบไวน์ที่พี่แบคฮยอนเทให้ ผิดกับจงอินที่กระดกทีเดียวก็หมดแก้วได้ง่ายๆแล้ว
อย่างที่บอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดซึ่งตรงกับวันเสาร์ แต่ร้านจะปิดทุกวันอาทิตย์ พ่อเลยอนุญาตให้จงอินพักทั้งสองวันไปเลย ก็จะอะไรเสียอีก ถ้าไม่เห็นกับตาว่าอาการเดิมของลูกชายตัวเองมันกำเริบตอนที่ทำอาหารอยู่ในครัวเมื่อตอนกลางวัน พอถามทีไรจงอินก็เอาแต่หลีกเลี่ยงจะคุยเรื่องนี้ เขาเลยทำได้แค่สั่งให้หยุด เพราะวันนี้ก็เหนื่อยกันทั้งวันแล้ว ถือโอกาสพักผ่อน ได้พาเซฮุนไปเที่ยวข้างนอกก็ยังดีกว่าทนปวดหลังทำงานต่อในครัว
เข็มยาวของนาฬิกาหมุนวนไปเกือบจะชนรอบ ก่อนเข็มสั้นจะชี้ที่เลขสิบ เวลามักจะเดินไวทุกครั้งที่เราเพลิดเพลินกับอะไรบางอย่าง จนมองดูอีกทีก็ผ่านไปร่วมชั่วโมงแล้ว ลู่หานยังคงพูดมากเป็นปกติ และเถียงกับแบคฮยอนได้ทุกเรื่องที่เปิดประเด็นขึ้นมา ล่าสุดก็คงเป็นเรื่องสูตรแคลคูลัสที่พวกเด็กบัญชีอย่างมันสองคนรู้เรื่อง คิมจงอินได้แต่ส่ายหน้า อย่าได้มาถามเรื่องนี้กับเขา แต่ถ้าเป็นสูตรขนมน่ะว่าไปอีกอย่าง เด็กโอเวอร์ที่เรียนไม่จบกับเด็กป.โทที่ได้เกียรตินิยมไปตอนป.ตรี ดูซิว่าใครมันจะชนะในศึกครั้งนี้
“เซฮุน ง่วงไหม?”
หันมาถามเด็กตัวขาวที่นั่งเงียบ เอาแต่อมยิ้มมองพี่ๆคุยกัน ในมือก็ถือแก้วไวน์ใบเดิมที่เขาเพิ่งจะเติมให้เป็นแก้วที่สาม เพราะเห็นว่าน้องดูท่าจะกินได้เรื่อยๆ ไม่เมาหรือแสลงกับรสชาติของมันแบบที่คิดไว้ คนถูกถามส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นมายิ้มด้วยดวงตาที่ทอประกายสะท้อนกับไฟที่เปิดอยู่บนเพดาน
“พี่ไค เอาอีก..”
“สามแก้วแล้วครับ พอแล้ว”
“ง่ะ..เซฮุนยังไม่เมา” เงยหน้ามองเขาตาใส ส่งเสียงออดอ้อนแบบนั้นก็ทำใจปฏิเสธยากเสียเหลือเกิน สุดท้ายก็เลยคว้าขวดไวน์ขึ้นมารินใส่แก้วให้น้อง สัญญาว่าจะเป็นแก้วสุดท้าย หลังจากนั้นจะให้น้องกินได้แค่น้ำเปล่าเท่านั้นแล้ว
“เดี๋ยวกูจะกลับแล้ว จะออกไปพร้อมกูเลยป่ะ”
แบคฮยอนถาม แล้วตักเค้กที่นอนนิ่งมาเป็นชั่วโมงที่เหลือเข้าปากจนหมด กดมือถือดูเวลาบนหน้าจอ และคิดว่าควรจะกลับได้แล้ว ชานยอลยังคงตอบกลับข้อความของเขาอยู่เรื่อยๆ ถามไถ่ว่าเมื่อไหร่จะกลับ เห็นแบบนั้นมันก็อดยิ้มไม่ได้ ที่อีกคนดูเป็นห่วงเป็นใยขนาดนั้น ถึงจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เขาก็รู้สึกดีที่อีกฝ่ายถามถึงตลอด และบอกว่าจะไม่นอนจนกว่าแบคฮยอนจะกลับถึงหอ อย่างน้อยก็ให้เป็นเพื่อนคุยระหว่างทางกลับบ้านดึกๆที่ไม่มีเขาเดินด้วยกันแบบทุกวันที่ผ่านมาก็ยังดี
จงอินกับเซฮุนเดินไปส่งทุกคน พอดีกับที่เจสันออกไปส่งคุณอาจอห์นและครอบครัว เจ้าหญิงน้อยแอรีนเริ่มงอแงเพราะง่วงนอน ผิดกับเจ้าตัวเล็กแอชเชอร์ที่ตาแป๋วเพราะนอนมาทั้งวันเลยมาตาสว่างเอาตอนนี้ ก่อนจะแยกจากกันก็ไม่ลืมที่จะเดินมาจุ้บแก้มพี่ชายตัวเล็กอย่างโอเซฮุนที่เป็นคนมอบภาพวาดเจ้าหญิงแอนนาและถักเปียให้เธอ
“พ่อจะกลับเลยหรือเปล่า เดี๋ยวผมอยู่เก็บของเอง” หันมาถามคนเป็นพ่อหลังจากส่งทุกคนที่หน้าบ้าน แล้วมองคนตัวเล็กข้างตัวที่เริ่มจะงัวเงียขึ้นมาเสียดื้อๆ
“เดี๋ยวเซฮุนจะช่วยพี่ไคครับ”
“หนูไปนอนก่อนไหมครับ” เจสันหันไปมองเด็กที่เริ่มจะตาปรือยิ้มๆ “ไหวหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นพ่อจะอยู่ช่วย”
“พ่อน่ะขับกลับไหวหรือเปล่า จะนอนที่นี่ก็ได้แต่เรื่องเก็บงานนั่นมันหน้าที่ผม”
“บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าพูดเหมือนฉันแก่จนต้องนั่งเฉยๆอย่างเดียว ว่าแต่แกเถอะ อาการกำเริบแล้วยังจะทำโน่นทำนี่”
“ผมไหวหน่า”
“แต่คนนั้นน่ะไม่ไหวแล้ว” เหลือบมองคนตัวผอมข้างลูกชายตัวเองอีกครั้งแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะขับกลับเลยแล้วกัน แมคกี้มันคงเหงาแย่ถ้าให้มันอยู่เฝ้าไร่กับคนงานที่เหลือ”
“ครับ” จงอินตอบยิ้มๆยามนึกถึงม้าที่พ่อเลี้ยงไว้และรักจนเหมือนลูกชายไปอีกคน พูดจบก็เดินไปหยิบกุญแจรถที่วางไว้ข้างเคาท์เตอร์ที่ประจำออกมาแล้วแกว่งเล่นตามประสาคนอารมณ์ดี ไม่ลืมที่จะหยิบของขวัญของตัวเอง หนึ่งในนั้นเป็นภาพวาดของโอเซฮุน ที่เจ้าตัวบอกว่าตั้งใจจะวาดให้ และให้คุณอาเปิดดูได้แค่คนเดียวเท่านั้นด้วยแหนะ
“สุขสันต์วันเกิดนะพ่อ” : )
ส่งยิ้มให้บางๆ แล้วโบกมือให้คนที่ย้ายตัวเองขึ้นมาอยู่บนรถ คำบอกรักกันระหว่างพ่อลูก น้อยครั้งนักที่จะได้ยิน และวันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่จงอินพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่รถคันเก่งของพ่อจะเคลื่อนตัวออกไป ยืนมองจนสุดสายตาแล้วกลับเข้ามาในตัวบ้านอีกครั้ง
“ว่าไงน่ะเรา ง่วงแล้วใช่ไหมครับ”
เอ่ยทักคนอายุน้อยกว่าที่ปล่อยให้น้องนั่งรอเขาข้างในตอนที่เดินไปส่งพ่อ เห็นดวงตาปรือๆแบบนั้นก็เดาได้ไม่ยากว่าควรจะพาเจ้าตัวเล็กไปนอนก่อน แล้วค่อยลงมาเคลียร์ของข้างล่าง ดีหน่อยที่ก่อนหน้านั้นแบคฮยอนช่วยเขาจัดการไปบ้างแล้ว
“เซฮุน เมาหรือเปล่า” พอเห็นว่าไม่ตอบเลยถามย้ำอีกครั้ง และครั้งนี้น้องก็เอาแต่ส่ายหน้า แต่ก็ต้องหรี่ตามองให้กับอาการแปลกๆแบบนั้น จำได้ว่าหลังจากแก้วที่สี่ ก็ไม่ได้เทให้เซฮุนอีกเลย
“ไหวแน่นะ?”
“เรากินมากกว่าสี่แก้วเหรอ?”
“นี่..แอบพี่กินตอนไหนครับ”
ขมวดคิ้วถามเพราะจำได้ว่าตนเป็นฝ่ายเทไวน์ให้น้องกินเองกับมือ ทว่าพอนึกดูดีๆ มีช่วงหนึ่งที่เขาลุกไปเก็บจานและทยอยล้างกับแบคฮยอนในครัว
“ไอลู่หานมันเอาให้กินใช่ไหม” เซฮุนส่ายหน้า
“เราเทเองเหรอ”
“...”
“เซฮุน..ทำไมดื้อ”
จงอินขมวดคิ้ว พอเห็นว่าพยักหน้าเลยอดไม่ได้ที่จะดุคนตัวเล็ก น้องยังคงไม่พูด เอาแต่ส่ายหัวกับพยักหน้าเป็นคำตอบเวลาเขาถาม คราวนี้เลยพอจะรู้แล้ว ที่ช่วงหลังๆเซฮุนเอาแต่เงียบฟังคนอื่นคุย นั่นคงจะเป็นเพราะอาการแปลกๆของคน ‘เริ่มเมา’ อย่างเด็กคนนี้ที่ทำเอาเขาคาดไม่ถึง จนคิดว่าน้องยังไหวเลยได้แต่เทให้เรื่อยๆ หารู้ไม่ว่าเจ้าเด็กดื้อก็แอบเทกินเองตอนที่พี่ไคไม่อยู่เทให้กิน โดยมีเสียงยุแยงจากลู่หานนั่นแหละ น้องถึงได้ดื้อขัดคำสั่งจากเขา บวกกับความอยากรู้อยากเห็น และรสชาติที่น่าหลงใหลกว่าน้ำส้มคั้นที่เคยกิน
“พอเลย พี่จะพาเราไปนอน”
ค่อยๆประครองร่างบอบบางให้ลุกขึ้น เซฮุนไม่ได้ไร้เรี่ยวแรงจนถึงขั้นล้มตึงไปที่เดิม แต่ถ้าให้เดินเองก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงข้างบนไหม กระซิบถามว่าจะขี่หลังพี่ไปหรือเปล่า เด็กดื้อเลยส่ายหน้าปนพยักหน้าจนไม่รู้ว่าจะขี่หรือไม่ขี่ สุดท้ายเลยจับอุ้มขึ้นไปมันทั้งอย่างนั้นเสียเลย
ใช้เวลาไม่นานก็พาขึ้นมาถึงบนห้อง วางกายผอมลงที่เตียงนอนนุ่ม ดวงหน้าน่ารักนั่นก็จ้องมองเขาด้วยแววตาแบบเดิม เลยเลื่อนมือไปลูบกลุ่มผมสีเข้มเบาๆ ราวกลับจะกล่อมให้น้องหลับ ถึงจะอยากดุมากแค่ไหนแต่เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน น้องดื้อนี่มันดื้อได้สมชื่อจริงๆ..
“อื้อ”
“อื้ออะไรครับ นอนได้แล้ว”
“...”
“ยังจะมาส่ายหน้าอีก” เขยิบเข้าไปหาแล้วบีบจมูกโด่งๆแสนดื้อรั้นนั้นเบาๆ ตาจะปิดไม่ปิดแหล่ยังจะส่งเสียงงุ้งงิ้งไม่รู้จักหลับจักนอน แถมยังจะคว้ามือเขาเข้าไปจับแบบนี้ หมายความว่าอย่างไรกันโอเซฮุน
“โอเค พี่จะรอให้เราหลับแล้วพี่ค่อยไปเนอะ?”
“...” และน้องยังคงส่ายหน้า นั่นทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าโอเซฮุนต้องการอะไร คนที่เมาแล้วพูดมากก็ยังรู้เรื่องมากกว่าคนที่เมาแล้วเงียบ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกแบบไหนอยู่
ก่อนที่มือบางๆจะพยายามดึงให้เขาเข้ามาใกล้ตัว เซฮุนกำลังบอกผ่านการกระทำแทนคำพูด ก่อนกายหนาจะขยับเข้าไปตามคำขอ กอบกุมมือทั้งสองข้างเอาไว้แล้วลูบผมต่อเบาๆให้น้องหลับ ทว่าคนตัวเล็กที่นอนอยู่กลับฉุดรั้งเสื้อยืดของเขาอย่างเด็กเอาแต่ใจ สุดท้ายก็ต้องอยู่ในสภาพที่ตัวแทบจะเกยกัน ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่มีกลิ่นของไวน์องุ่นผสมอยู่ ผิดแปลกไปจากปกติที่ตัวของเซฮุนจะหอมเข้ากับเจ้าตัวอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าหมายความว่าครั้งนี้ไม่หอม แต่ด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ปะปนกันอยู่ เขาเลยไม่ชินกับโอเซฮุนในตอนนี้เท่าไหร่นัก..
“เซฮุน”
และจะไม่ชินมากๆด้วยถ้าน้องจะดูยั่วยวนเขามากขนาดนี้..
รู้ไหมว่ามันไม่ง่ายเลยกับการที่ตัวเองต้องข่มอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้ทำอะไรบางอย่าง เพราะถ้าปล่อยให้มันเกิดขึ้น ก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตามมามันจะดีหรือร้าย คิมจงอินไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอยากได้พลังวิเศษอะไรมากกว่าการหายตัว หายตัวไปตอนนี้เลยได้ไหม ให้เขาไม่เห็นหน้าน้องตอนนี้ ให้เขาหลบไปควบคุมสติตัวเองที่ไหนก็ได้ เพื่อที่มันจะดีต่อโอเซฮุน
“อย่าทำให้พี่รู้สึกแบบนี้ ในตอนนี้..”
“...”
“มันจะไม่ดีกับเรา รู้หรือเปล่า”
กระซิบแผ่วเบายามม่านตาคู่สวยปิดลง ไม่มีแววตาปรือๆคอยออดอ้อนให้เขาอยู่ด้วยกันแบบก่อนหน้านี้ แต่กลับรู้สึกว่ามันยิ่งยากกว่าเดิมในการที่จะพาตัวเองออกไปจากน้อง เซฮุนเป็นเหมือนกับแม่เหล็กขนละขั้ว พยายามดึงดูดเขาเอาไว้ และยิ่งใกล้กันแค่ไหนก็ยิ่งแยกออกจากกันยากมากเท่านั้น
“...”
ขอเพียงแค่จูบเบาๆให้น้องนอนหลับฝันดี และหลับตาลงเพื่อหยุดทุกอย่างลงแค่นั้น รสจูบของเด็กคนนี้ยังคงเหมือนเดิม เพียงแค่แตะเบาๆก็รู้สึกว่าหวานแล้ว .. จงอินค้างไว้แบบนั้น ก่อนจะเลื่อนมาจูบที่หน้าผากมน ไล่ลงมาตามแก้มและคางของน้อง จากที่คิดว่าจะพอ แต่กลับไล่ไปที่ลำคอขาว สูดดมความหอมพร้อมจูบลงเบาๆ และคุณรู้ไหม ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้หยุดไม่ได้ ..
คือการที่โอเซฮุนกำลังเงยคอให้เขาทำ ..
มือบางของคนที่คิดว่ากำลังหลับ เลื่อนมาจับที่ต้นแขนและเปลี่ยนเป็นการโอบลำคอของกายหนาเอาไว้ เซฮุนไม่ได้ลืมตา และคิมจงอินในตอนนี้ก็คงไม่เงยหน้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับโอเซฮุน น้องถึงได้ไม่ห้าม และดูท่าจะยินยอมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
จงอินใช้มือข้างที่ว่างลูบตามผิวนุ่มลื่นมือสีน้ำนมของคนใต้ร่าง จากแขนเป็นขา ไล้วนอยู่ตรงนั้นก่อนจะเลื่อนมือลูบที่หน้าท้องผ่านสาบเสื้อยืดตัวบาง.. เพิ่งจะรู้ว่าเซฮุนผอมขนาดนี้ก็ตอนที่จับแล้วรู้สึกได้ถึงกระดูซี่โครงยามนอนราบลงกับเตียงแล้วมันโผล่ขึ้นมาให้เห็น ก่อนมือกร้านจะขยับลงต่ำมุดรอดผ่านเสื้อจนสัมผัสได้ถึงเนื้อนุ่มนิ่มที่หน้าท้องแบนราบ
“อื้ม..”
เสียงเล็กดังรอดออกมายามริมฝีปากประกบกันอีกครั้ง พอดีกับการที่จงอินเลื่อนมือสูงขึ้นไปลูบอยู่บริเวณหน้าอก สะกิดเม็ดติ่งไตสีชมพูให้คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนให้เขาจูบแบบนี้.. ค่อยๆสอดลิ้นเข้าไปฉกชิมความหวานจากโพรงปากเล็ก น้ำเชื่อมสีใสไหลซึมออกมา ปนกับกลิ่นไวน์ที่กินไปด้วยกันทั้งคู่ ราวกับมีร่างธรรมะและอธรรมอยู่ในร่างเดียวกัน เสียงกระซิบหนึ่งบอกให้หยุด แต่อีกเสียงหนึ่งที่ดังกว่า..บอกให้ทำต่อ
“พ..พี่ไค”
เป็นใครก็ต้องฟังเสียงที่ดังกว่า เพราะสุดท้ายคิมจงอินก็เลือกที่จะเชื่อร่างเดวิลของตัวเอง มือข้างที่เพิ่งหลุดพ้นออกมาจากเสื้อ เปลี่ยนที่อยู่ใหม่เป็นใต้กางเกงขาสั้นที่น้องเลือกจะใส่สบายๆยามอยู่บ้าน ใครจะไปรู้ว่ามันจะง่ายต่อเนื้อมือของเสืออย่างจงอินขนาดนี้
“อ๊ะ..พี่ไค”
“อย่าเรียกชื่อพี่..”
ข่มตาห้ามใจยามได้ยินสุ้มเสียงหวานเรียกชื่อของตัวเองด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ทำไมเพิ่งจะมาเรียกชื่อเขาเอาตอนนี้ ทำไมไม่เรียกหรือห้ามเขาก่อนที่ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้น .. โอเซฮุนคงจะไม่รู้เอาเสียเลย ว่าถ้าพยายามเรียกชื่อเขามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเข้าเส้นอันตรายขึ้นมากเท่านั้น
“พี่..ไค”
แต่ถ้าในเมื่อจะมีคนขัดคำสั่ง ..
คนๆนั้นก็สมควรได้รับบทลงโทษ : )
.
.
TBC
- - - - - - - - - -
ถึงพี่เชฟ น้องดื้อหวานกว่าขนมที่พี่ทำค่ะ รับประกัน
ถึงน้องดื้อ หนูสมควรโดนแบบนี้แล้วค่ะ /พยักหน้าจริงจัง/
ถึงพี่แบ้ก แอบชอบเขาอยู่ดีๆ ทีนี้โดนจีบบ้าง หว่าย
ถึงขุ่นปาร์ค ทำไมพี่หล่อจังคะ คุณชายมากไหม
ถึงลู่หมิน รักเมียเคารพเมียเท่านั้น จึงจะเจริญ
ถึงทุกคน อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ T vT
#ฟิคเบคอะวิช
ความคิดเห็น