ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SHINee] All of Shot Fiction! [By B.D]

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF]Kiss, you don't say another word! #3

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 53




    Kiss!, you don’t say another word.   #3


     




    สปอตสีดำแล่นผ่านบรรดาตึกน้อยใหญ่แถบนอกเมืองไปเรื่อย ๆ โดยที่ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารยังคงรักษาระดับความเงียบของรถไว้คงเดิม สองแขนของร่างบางเท้ากระจกไว้โดยมีคางมนเกยอยู่ด้านบน ตาคู่สวยทอดมองวิวตึกมากมายที่วิ่งผ่านสายตาของตน


    ชเว มินโฮ ถอนหายใจเบา ๆ



     “ชื่ออะไร?”
    เสียงใสเอ่ยถามใครอีกคนโดยไม่ได้มองหน้า คนถูกถามออกจะตกใจหน่อย ๆ ที่คนถามเป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศขึ้นมาก่อน


    “ชเว มินโฮ นายล่ะ?”
    เพลย์บอยตัวพ่อไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว



    พอเริ่มได้หลงเสน่ห์ของหนุ่มน้อยตรงหน้า จากชีวิตธรรมดาก็เริ่มผันแปรเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ ทั้งโดนต่อย วิ่งหนีมาเฟีย หรือจะบรรยากาศจีบไม่ออกตอนนี้ซะอีก



    “...ไม่เคยเป็นแบบนี้มากก่อน...”



    .....เพราะอย่างนั้นเค้าเลยมีความสุขสินะ

    ครั้นพอนึกเป็นบ้าได้คนเดียวอยู่นาน เสียงจากอีกฝั่งก็ดังขึ้นเบา ๆ



    “ชื่อ อี แทมิน”
    จะผิดมั้ย? ถ้ามินโฮจะขอทึกทักไปเองว่าหน้าหวาน ๆ นั้นมีสีชมพูระเรื่อนิด ๆ ให้เห็นด้วยล่ะ



    “...น่ารักสุด ๆ...”



    แทมินรู้สึกอึดอัดระคนระแวงใจกับบุรุษข้าง ๆ พอสมควรแม้กับแค่การบอกชื่อ ไม่ใช่ว่าเค้ารังเกียจหรืออย่างไรหรอก แต่เค้ากลับรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้ามีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด ถ้าหลวมตัวมากเกินไปอาจจะเจอภัยกับตัวได้ ด้วยความร่างบางเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนสองหน้ามานาน ก็เป็นเรื่องปกติที่เค้าจะวางตัวกับคนอื่นอย่างเว้นระยะไว้ช่องหนึ่งเสมอ ยังไงก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเค้าเองนั่นแหละ



    “จะถึงทงแดมุนแล้ว ข้างนอกน่าจะอากาศดีนะแทมิน”
    .....กลเม็ดตีสนิท เริ่มแล้วไง


    คิ้วบางถูกเลิกขึ้นอย่างงง ๆ


    แต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร เจ้าออดี้คันใหญ่ก็ดันถูกดับเครื่องลงซะก่อน ร่างสูงแย้มยิ้มกว้างอย่างอิ่มเอิบใจ ก่อนมือหนาจะจัดการปลดล๊อคเข็มขัดนิรภัยข้างตัว โดยไม่ลืมจะทำท่าเอื้อมเข้าไปถอดให้ใครอีกคน แต่เจ้าตัวกลับรีบยกมือห้ามไว้ซะก่อน


    “ถอดเองได้...ขอบใจ”
    อีกฝ่ายชี้แจงด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม เรียกรอยยิ้มที่มุมปากพ่อเพลย์บอยหนุ่มคนเก่งได้ไม่ยาก มินโฮเปิดประตูลงไปพร้อมกับหวานใจที่อยากควงมาแสนนาน ในขณะที่เจ้าตัวหวานใจกำมะลอนั้นแทบจะไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยซักนิด

    “นายส่งฉันแค่นี้ใช่มั้ย? จะได้ทางใครทางมันซะที”
    เสียงหวานตัดบทอย่างสั้นห้วน ลบรอยยิ้มแพรวพราวบนในหน้าสุภาพบุรุษหนุ่มสุดหล่อ ชเว มินโฮ ไปเสียจนหมดสิ้น ร่างสูงกระตุกคิ้วกวน ๆ ก่อนจะคว้าแขนบางของอีกคนพาเดินไปอย่างไม่สนใจประโยคเมื่อครู่

    “เฮ้ย! จะไปไหนอีกเนี่ย? เราแยกกันตรงนี้เลยเหอะ!”
    ฝ่ายโดนลากชักฮึดฮัด แทมินพยายามใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดสลัดมือหนาของมินโฮออกจากตัว แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ

    “ร้านไอศกรีมตรงนั้นอร่อยมากเลยนะ ถ้ามาทงแดมุนแล้วไม่ได้ไปชิมเนี่ย เสียเที่ยวแย่เลย”
    ประโยคข้างต้นถูกเอ่ยกลบเกลื่อนออกมาแทน คนตัวใหญ่เลือกจะเมินเฉยประโยคตัดบทของแทมิน แล้วลากพาเข้าไปในร้านไอศกรีมแทนอย่างไม่สนใจร่างบางที่พยายามแกะมือปลาหมึกของเค้าอ
    อกซักนิด
             

    ช่วงเวลาสั้น ๆ กับผู้ชายที่ชื่อ ‘ชเว มินโฮ’ ร้านไอศกรีมที่แม้แต่ตัวเค้ายังขำกับการสั่งกาแฟเพียงแก้วเดียวของร่างสูง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนลากเค้ามาเองแท้ ๆ ความสนุกหลังแบบนี้เป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับ อี แทมิน มาก่อน


    .....การได้แกล้งให้มินโฮยอมกินไอศกรีมเป็นอะไรที่สนุกงั้นเหรอ?  


    หลังจากร้านไอศกรีมที่แสนจะวุ่นวาย ร้านเสื้อผ้ากลายมาเป็นจุดเกิดเหตุที่สองของความเพลิดเพลินที่แทมินได้ประสบ ร้านเสื้อผ้าสไตล์สตรีทแฟชั่นที่มินจีชอบพาเค้าไปบ่อย ๆ กลายเป็นสถานที่ที่ดูแปลกประหลาดสำหรับมินโฮ ผู้ชายที่มักใส่เสื้อผ้าแนวแดดดี้บอยอันแสนเรียบง่าย เค้าลองชุดไปมา วิจารณ์ หัวเราะ และเลือกที่จะเปลี่ยนสภาพมอมแมมของตัวเองด้วยเสื้อผ้าใหม่ที่ทั้งคู่ได้ซื้อมา แทมินเองก็ดูเหมือนจะลืมไปเสียสนิทว่าสาเหตุที่พวกเค้ามาอยู่ด้วยกันได้นั้นคืออะไร?



    .....บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นการเดทธรรมดา ๆ ไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้



    พ่อเพลย์บอยสุดหล่อ ชเว มินโฮ ที่เหมือนจะลืมมาดของตัวเองเสียสนิทตั้งแต่ได้พบพานกับผู้ชายน่ารักตรงหน้า การเรียนรู้กันในระยะเวลาสั้น ๆ เป็นสิ่งที่ทำให้เค้าได้รู้ว่า แทมินไม่ใช่ผู้ชายที่เย่อหยิ่ง หรืออารมณ์ร้ายกาจอย่างที่เค้าคาดคิดไว้เลยแม้แต่น้อย ร่างบางมีมุมมองที่น่ารัก อ่อนโยนและช่างเอาใจใส่ บางทีการแสดงออกของแทมินอาจจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวหรืออย่างไรก็ตาม แม้มินโฮจะได้ทำในหลายสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ หรือไม่พอใจ

             

    .....แต่เค้ากลับมีความสุข.....



    ร้านรวงมากมายที่เดินผ่าน บางทีก็ได้แวะบ้างซื้อบ้างจนระยะทางจากจุดเริ่มต้นนั้นยาวไกลพอสมควร มินโฮตัดสินใจวอนให้ร่างบางพักบ้าง ซึ่งแทมินก็พยักหน้าอย่างเป็นใจ เพราะเค้าเองก็เริ่มเมื่อยขาอยู่เหมือนกัน


    .....ม้านั่งที่จัตุรัสของสวนสาธารณะใกล้ ๆ จึงเป็นจุดพักที่เหมาะสมที่สุด.....

             

    “เฮอ..”
    มือเล็กปาดผ่านหน้าผากมนของตนอย่างลวก ๆ ก่อนอีกคนจะตกใจทันทีเมื่อเหลือบมองเห็นรอยของเหลวสีแดงเข้มที่เปื้อนติดท้องแขนของแทมินมาด้วย

             
    “นายมีแผลนี่หน่า!”
    มือใหญ่รีบกระชากร่างบางเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง กลุ่มผมสีน้ำตาลแดงถูกเปิดให้เห็นหน้าผากอันขาวผ่องที่บัดนี้กลับมีรอยเลือดแห้งกรังอยู่ประปราย รอยแผลที่โคนผมมีส่วนที่ยังเป็นของเหลวอยู่ซึมออกมาไม่มาก มินโฮหยิบกระดาษทิชชู่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อครู่ขึ้นมาซับให้เบา ๆ พลางกล่าวโทษตัวเองในใจ

             

    “...เดินมาตั้งนาน ทำไมแกไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้วะ ชเว มินโฮ!...”
             


    “มะ..ไม่เป็นไร ฉันซับเองได้”
    อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเบา แล้วพยายามดึงมือของเค้าออก มินโฮก้มลงไปทำหน้าดุใส่ ก่อนพ่นลมหายใจแรง

             
    “ไม่ต้องมาอวดเก่งเลย อยู่เฉย ๆ ก่อนเข้าใจมั้ย?”
     นิสัยเดิมเริ่มเผยออกมา ทั้ง ๆ ที่ปกติเค้าจะเป็นคนว่าง่ายและขี้ตามใจ แต่ไม่รู้ทำไมกับคนตรงหน้าเค้าถึงเป็นตัวของตัวเองได้มากขนาดนะ

             
    “.....”
    แทมินไม่ตอบ ดวงหน้างามติดจะแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ตาคู่สวยจึงเลือกที่จะทอดมองไปทางอื่น แล้วสงบปากสงบคำยอมให้ร่างสูงทำความสะอาดแผลให้แต่โดยดี
             
    “เดี๋ยวจะไปซื้อยา ห้ามลุกไปไหนล่ะ เอาทิชชู่กดแผลไว้ด้วย”
    มินโฮสั่งราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กชายตัวน้อย ๆ ของเค้า ก่อนจะลุกออกไปหาร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ เพื่อซื้ออุปกรณ์ปฐมพยาบาลเพิ่มเติม

             
    .....ทิ้งให้อีกฝ่ายซึมทราบเสน่ห์ที่แท้จริงของตนไปโดยไม่รู้ตัว.....

             
    ไม่นานร่างสูงก็เดินกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลขนาดเล็ก การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเริ่มขึ้นเมื่อบุรุษพยาบาลมือใหม่บรรจงทายาอย่างตั้งใจ ในขณะที่คนไข้คนเก่งเองนั่งสงบนิ่งอย่างไม่ขัดขืน บรรยากาศนุ่มนวลแบบนี้เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ทั้งคู่ไม่อาจบอกได้ จะรู้ก็แต่.....

             
    .....พอสบตาแล้วรู้สึกแปลก ๆ กว่าที่เคยกระมัง?

             

    “...นี่รึเปล่านะ ความรู้สึกแบบที่จงฮยอนมันเคยบอก...”

             
    .....แตกต่าง.....

             
    .....มันแสนธรรมดา ไม่ท้าทาย ไม่ร้อนแรง แต่นุ่มนวล และมีความสุข

             

    จุดประสงค์แรกที่เค้าตั้งใจคืออะไรกันนะ?
              
    ชเว มินโฮ ลืมไปเสียสนิท.....
             
    ............................................



    ฟ้าสีครามขุ่นกลายเป็นจุดหลอมรวมของสายตาสองคู่ในขณะนี้ แทมินพยายามนึกทบทวนความรู้สึกแปลกที่เค้ามีให้คนข้างกายที่เพิ่งรู้จักกันจริง ๆ ได้ไม่กี่ชั่วโมง เค้ามั่นใจว่าความรู้สึกนี้แตกต่างจากที่เค้ามีให้คนอื่น ๆ แต่ร่างบางก็ยังรู้สึกว่าเร็วไปสำหรับผู้ชายคนนี้ หรือนี่จะเป็นหลุมพรางของเค้าตั้งแต่แรกรึเปล่านะ? แทมินจะไว้ใจคนที่ชื่อ ชเว มินโฮ คนนี้ได้เหรอ?

             

    .....หัวใจของเค้าตั้งคำถาม

             

    “ไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”
    ร่างสูงถามโดยไม่มองหน้า สายตายังคงจับจ้องท้องฟ้าผืนเดียวกับคนตัวเล็กข้าง ๆ

             
    “จะให้ขอบคุณอีกรึไงล่ะ?”
    อีกฝ่ายถามกลับด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

             

    “.....”

             

    “คิก!”

    แล้วก็เป็นแทมินที่หลุดหัวเราะออกมาก่อน ตามมาด้วยมินโฮที่เหมือนพร้อมใจหัวเราะตามอย่างไม่มีเหตุผล เสียงหัวเราะแสนสบายใจที่ต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องพร้อมใจมาหัวเราะพร้อมกัน
    นั้นช่างเปี่ยมสุข
             


    .....หรือความรักกำลังจะก่อตัวขึ้นนะ?.....

             

    พากันเดินต่อไปได้ไม่เท่าไหร่ เวลาก็หมดลงเสียแล้ว
     
            

    “แทมิน!”
    เพื่อนสาวผมสั้น คง มินจี ตะโกนเสียงดัง หลังจากที่ยืนรอแทมินที่รถของมินโฮมาได้นานพอสมควรแล้ว เธอเองก็เพิ่งจะรู้ตัวหลังจากที่แทมินโดนไล่ล่าว่าทั้งคู่โดน อี จินกิ สะกดรอยมาตั้งแต่ต้น เหมือนจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่แทมินหนีรอดมาเจอเธอได้ในตอนนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่มินจีสงสัย

             

    ......เพราะที่เธอสงสัยคือรอยยิ้มหวานหยดบนใบหน้าของเพื่อนสนิทกับผู้ชายหน้าตาคุ้น ๆ คนนั้นต่างหากล่ะ!?

             

    “มินจี!”
    แทมินรีบวิ่งมาที่รถอย่างดีใจที่เพื่อนรักไม่ได้รับผลกระทบอะไร คง มินจี เขกหัวเพื่อนชายอย่างหมั่นไส้ก่อนจะบ่นถึงความยากลำบากในการตามหาตัวเค้าอย่างวุ่นวาย ไหนจะเป็นเพราะเค้ามีมือถือแต่ไม่นึกจะใช้โทรหา ไหนจะชายปริศนาข้างตัว
     


    ...เหมือน ชเว มินโฮ จะกลายเป็นบุคคลนอกวงสนทนาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

             

    “...ใช่สิ! ผมมันก็แค่ผู้ชายที่เดินผ่านไปมาใช่มั้ย?...”
    มินโฮส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอเพื่อพยายามเรียกร้องความสนใจ ในใจก็คิดหยุมหยิมตามนิสัยคล้ายเด็กผู้หญิงที่จงฮยอนเองก็บอกว่าเค้าน่ะเหมือนคีย์ตรงนี้แหละ

             
    “อ่อ...นี่คนที่ช่วยฉันไว้น่ะ ชื่อ ชเว มินโฮ...เอ่อ..มินโฮ นั่น คง มินจี เพื่อนสนิทของฉัน”
    คนกลางเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายเสร็จสรรพ มินโฮยื่นมือไปสัมผัสอีกฝ่ายอย่างเป็นมารยาท มินจีเองก็ยิ้มให้สบาย ๆ แต่สายตายังคงลอบมองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณา

              
    “ขอบคุณที่ช่วยเพื่อนฉันนะคะ นี่นามบัตรมีเรื่องเดือดร้อนก็ติดต่อมาได้ค่ะ แต่ตอนนี้เราคงต้องขอตัวก่อน”
    มินจีลากแทมินออกไปแทบจะทันทีที่พูดจบ หากแต่ คนอย่าง ชเว มินโฮ จะยอมให้เรื่องวันนี้เป็นแค่ความฝันเหรอ?

             

    “เดี๋ยว!”
    ข้อมือบางถูกรั้งไว้ก่อนที่เพื่อนสาวจะพาเค้าขึ้นรถไป แทมินหันมาสบตามินโฮที่จ้องมองเค้าอย่างมีความหมาย มือใหญ่ควักถุงผ้าเล็ก ๆ ยัดใส่อุ้งมือของแทมินอย่างตั้งใจ ปากอิ่มก็เอ่ยถ้อยคำที่ตนหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความนัยเมื่อได้เปิดถุงผ้าดู

             

    “รักษาตัวด้วยนะ...จนกว่าจะได้เจอกันอีก”
    ด้วยความหมั่นไส้หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ มินจีลากเพื่อนหนุ่มของเธอขึ้นรถอย่างไม่ยอมให้ทั้งสองคนลีลาอีกต่อไป หล่อนกระตุกยิ้มกวนให้หนึ่งทีก่อนจะหันมาล่ำลาผู้ช่วยชีวิตเพื่อนสุดที่รักของเธออย่างไม่พอใจ

             

    “ถึงตอนนั้นก็อย่าโดนเก็บซะก่อนล่ะ”


    แล้ววอลโว่คันงามก็แล่นออกไป ทิ้งไว้ก็แต่รอยยิ้มพิมพ์ใจของเทพบุตรตัวน้อยที่ถูกส่งให้เค้าเมื่อครู่ก่อนเจ้าเก๋งสีดำจะออกตัว
       
             

    “นี่เรียกได้ว่าภารกิจสำเร็จรึเปล่านะ”
    ภารกิจที่เพิ่งมารู้ตัวว่าต้องทำก่อนอีกฝ่ายจะกลับนั้นกลายเป็นผลพลอยได้ขึ้นมาในทันที

    ..........................................................



    แทมินพลิกถุงผ้าชิ้นเล็กบนมือไปมาอย่างเหม่อลอย ในใจก็อดนึกคิดถึงเจ้าของเดิมของเจ้าถุงผ้าสีแดงนี้ไม่ได้ ร่างบางแขวนมันกับนิ้วชี้แล้วยกขึ้นมาในระดับสายตา เค้าเริ่มจดจ้องมันอยู่นาน จนเพื่อนสาวข้าง ๆ เริ่มรำคาญใจกับพฤติกรรมประหลาด ๆ ของคนใกล้ตัว

             

    “อยากรู้ว่ามีอะไรก็เปิดดูซะเลยสิ”
    มินจีแขวะเข้าให้ก่อนจะคว้าเจ้าถุงใบน้อยมาเปิดดูซะเองอย่างไม่เกรงใจ แทมินที่คว้าเอาไว้ไม่ทันโวยวายเสียงดังทันที

             
    “คง มินจี! เสียมารยาท!”
             
    “ใครสน?”
    มินจีเทของในถุงผ้าออกอย่างลวก ๆ ข้างในมีสร้อยข้อมือหนึ่งเส้นกับกระดาษโน้ตเล็ก ๆ อีกหนึ่งแผ่น เหมือนแทมินจะรู้เท่าทันเพื่อนสาว เค้าเลือกที่จะคว้าเอากระดาษโน้ตขึ้นมาอ่านก่อนโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกคนมองเห็นข้อความข้างใน

             


    .....เครื่องรางโชคดีกับเบอร์เจ้าหนี้สุดหล่อ.....


    xxx-xxx-xxx
    ชเว มินโฮ





    ครั้นพอคลี่ออกดูก็เห็นลายมือขยุกขยุยเขียนได้เป็นใจความว่าสิ่งของที่ใส่มาคืออะไร พร้อมแถมด้วยขอชำร่วยที่แสนจะน่าหมั่นไส้อีกชิ้นหนึ่ง



    .....แทมินฉีกยิ้มแก้มแทบปริ

            
    “อะไรน่ะ เขียนว่าอะไรบ้าง?”

    “ไม่มีอะไร ไม่ต้องรู้หรอก!”
    นิ้วเรียวเกี่ยวเอาสร้อยข้อมือมาจาก คง มินจี ได้สำเร็จ พอดีกับรถที่ที่มาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย แทมินรีบเปิดประตูออกอย่างเร็ว สองขารีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของตนทันที



    มินจีก็เลยได้แต่ถอนหายใจอย่างเซง ๆ

             

    “...นี่เพื่อนฉันจะมีความรักจริง ๆ เหรอเนี่ย?...”



    .................................





    “คุณ ชเว มินโฮ ครับ เพื่อนสุดที่รักของคุณมาหาครับ ช่วยพูดอะไรกับสุดหล่อเพื่อนคุณซักนิดได้มั้ยครับ กูหนีเมียมาเลยนะครับ!”
    เนิ่นนานแล้วที่จงฮยอนแวะมาเยี่ยมมินโฮหลังจากที่ร่างสูงเพิ่งกลับมาจากเดท(?) ของตนได้ไม่นาน ปกติแล้วเวลาค่ำ ๆ แบบนี้ไม่ใช่เวลาที่คีบอมจะยอมปล่อยจงฮยอนให้ออกมาจากบ้านได้เลย แต่ด้วยวิชามารที่เพื่อนเกลอของเค้าเฝ้าสะสมมามากพอควรอยู่ก็พอช่วยอำนวยความสะดวกทางใจให้ได้บ้างอะไรบ้าง



    .....แต่สู้อุตส่าห์ใช้มาเพื่อมาดูเพื่อนตัวเองนั่งเพ้อนี่ คิม จงฮยอน ก็เซงนะครับ!



    “ฮะ..หืม ถึงขั้นหนีมาเลยเหรอ? ถ้าคีบอมจับได้อย่าเอากูไปอ้างก็แล้วกัน”
    อีกฝ่ายสะดุ้งจากภวังค์ ก่อนจะส่งคำตอบแบบปัดความรับผิดชอบร่วมกันไปซะดื้อ ๆ จงฮยอนขมวดคิ้วมุ่น
             


    “กูทำเพื่อมึงนะเนี่ย ก็แบบกลัวว่ามึงจะเหงาหงอย แล้วนี่มึงเป็นอะไรวะ ตั้งแต่กูมาละ นั่งเพ้อเป็นพวกฝันกลางวันไปได้”
    เก้าอี้นวมข้างโซฟายุบฮวบเนื่องจากจงฮยอนเลือกที่จะกระโดดขึ้นไปนั่งยอง ๆ แบบพระเอกที่ชื่อในแอลในการ์ตูนญี่ปุ่นที่เค้าเคยติดมากช่วงหนึ่ง มินโฮเหลือบมองเพื่อนเกลอด้วยหางตาก่อนจะเริ่มเกริ่นให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า ‘ตนไม่ได้ฝันกลางวัน’
             

    “มันไม่ใช่แค่ฝัน แต่มันกำลังจะเป็นเรื่องจริงต่างหากเว้ย เรื่องจริงที่ว่ากูอาจจะพบว่าที่ภรรยาของกูแล้ว”
    พูดไปก็ยืดอกไปอย่างภาคภูมิ สร้างความตื่นตระหนกให้เพื่อนหนุ่มตัวเล็กเป็นอย่างมาก จงฮยอนตาลุกวาว จมูกแผ่กาง (เอ่อ...ฉากนี้เริ่มติดเรท....เรทฮา 555) และปฏิกิริยาสุดตกใจอื่น ๆ ก็ตามมาอย่างรวดเร็วตามเนื้อความที่เพื่อนตัวสูงบอกเล่าเพิ่มเติม

             

    ติ้ด!
             
    เสียงเตือนข้อความของโทรศัพท์มินโฮดังขึ้นแทบจะทันทีกับมือหนาที่รีบตะครุบมันมาเปิด
    ดูข้อความที่ถูกส่งมา

             

    ขอโทษค่ะ! คุณถูกระงับการโทรออก กรุณาชำระค่าบริการ                                                                           
    13000 วอนค่ะ
                             
    เครือข่ายที่ท่านใช้บริการ

            


    ปึ้ด!
    คิ้วหนากระตุกถี่ ชเว มินโฮ มองโทรศัพท์เพื่อนซี้ด้วยอารมณ์หลากหลาย ก่อนจะขว้างมันทิ้งไปทางจงฮยอนอย่างนึกโมโห

             
    “มึงคิดว่าเค้าจะส่งข้อความมาหามึงเหรอวะ? ไอวิธีให้เบอร์พิชิตใจของมึงเนี่ย ไม่โปรเลยรู้ป่ะ”
    จงฮยอนหมุนโทรศัพท์ของเพื่อนในมืออย่างนึกสนุก จากเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากเจ้าเพื่อนโย่งข้างตัว เค้าเองก็พอจะคิดเข้าข้างมินโฮได้อยู่บ้าง แต่ถ้าให้วิเคราะห์ตามลักษณะนิสัยปกติของเกลอสนิทแล้ว มินโฮน่าจะมีวิธีเข้าถึงตัวมากกว่านี้นี่หน่า

              
    “เค้าไม่เหมือนคนอื่นนี่หว่า กูรู้สึกอยากค่อยเป็นค่อยไป แบบให้มันนุ่มนวลอะ เข้าใจมะ?”
    อีกฝ่ายชี้แจง จงฮยอนพยักหน้าหงึกหงัก
             

    “ใครจะไป รุกเร็ว รุนแรง เยี่ยงวัวบ้าอย่าง คิม คีบอม ของมึงหมดล่ะวะ”
    ได้ทีก็ขอกัดไปถึงบุคคลที่สามบ้าง หากอีกฝ่ายกลับไหวไหล่ไม่สนใจ แต่ก็ไม่วายจะกระซิบเสียงเบา
             

    “อย่าพูดถึง! เดี๋ยวเค้าจับโทรจิตได้ ตายห่าทั้งครัวเรือน”
             
             
    ติ้ด!
    เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์เครื่องเดิมดังขึ้นอีกครั้ง หากในครั้งนี้เจ้าของโทรศัพท์กลับไม่สนใจจะกระตือรือร้นมารับอย่างเมื่อครู่ เลยกลายเป็นหน้าที่ให้เพื่อนหน้าเป็ดเช็คข้อความให้แทน

             

    “หือ? ลูกหนี้? มึงมี....”
             
    “เอามา!!”
    ไม่ทันได้ถามจบ โทรศัพท์เครื่องน้อยก็ลอยกลับไปที่มือเจ้าของเดิมอย่างรวดเร็ว ข้อความที่ยังถูกเปิดค้างไว้นั้นเรียกความตื่นเต้นอย่างมหาศาลกลับมาสู่ร่างสูง ตากลมจ้องมองกลุ่มตัวอักษรที่มีอยู่น้อยนิดในจอเล็กอย่างตั้งใจ

             

    ขณะนี้ลูกหนี้ของท่านกำลังอยู่ในภาวะหลบหนี
    สามารถติดต่อได้ผ่านทางระบบข้อความเท่านั้น
                         
     
    ย้ำ! ข้อความเท่านั้น
    xxx-xxx-xxx




             
    รอยยิ้มกระชากใจสาว ๆ ถูกระบายออกน้อย ๆ ที่มุมปาก ก่อนมือทั้งคู่จะบรรจงกดบรรดาปุ่มทั้งหลายแหล่ที่เจ้าอุปกรณ์นี้มีไว้ให้ใช้อย่างคล่องแคล่ว โดยมีเพื่อนตัวเล็กยืนจ้องการกระทำผิดประหลาดของเค้าอย่างใกล้ชิด

             

    .....บางทีสิ่งที่ธรรมดาสามัญที่สุดสำหรับความรักคงกำลังคืบคลานเข้าครอบงำเค้าอยู่แน่ ๆ.....





    TBC
    ............................................




    Talk: โฮก กก !! จะไม่เเต่งโดยไร้พลอตอีกเเล้ว T^T เรื่องที่สดจะออกมาเวิ่นเเละไร้เเก่นสารเพราะไร้พลอตฉะนั้นเเลจริง ๆ ด้วย T^T เป็นอันว่าผู้อ่านจะงงกับอารมณ์ฟิคเรื่องนี้มาก เพราะมันมีหลากหลายเกิน -*- (ไร้ซึ่งประเด็น) เเถมสัญยิงสัญญาว่าจะจบตอนนี้ก็ไม่ยอมจบตอนนี้ เค้าขอโทษ! มินโฮในอุดมคติมันเพี้ยนจริงจังเพราะฟิคเรื่องนี้ -*- ชิชะ! ช่วงนี้นาน ๆ ทีลงฟิคทีอย่าพึ่งคิดถึงฟิคเรื่องอื่นนะ เพราะดองอยู่ ก๊ากกกก! ตอนนี้เขียนเสร็จปุ๊ปลงปั๊ป สิริรวมฟิคเรื่องนนี้ปาไป 50 หน้าเวิร์ดเเล้วยังไม่จบ -0- (ใกล้ละ ๆ ตอนหน้าไง?!) ชอตฟิคบ้านไหนฟะ! เวิ่นนานเนอะ..โอเ้คค่ะยังไงก็จะพยายามมาอัพน้า T T ขอโทษที่ทำให้รอนานในหลาย ๆ เเง่


    ปล.รอคอมเม้นท์นะคะ ><

    101112
    BUTTERFLY DESTIN
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×